ร่างสูงโปร่งของรณพีร์ออกมายืนยืดเส้นยืดสายให้คลายความเมื่อยขบจากการนั่งทำงานอยู่ในห้องเป็นเวลานาน ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่บริเวณริมระเบียงห้องนอนใกล้ทะเล สายตาคู่คมทอดมองไปยังท้องทะเลสีครามยาวสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับฟังเสียงคลื่นลมซัดสาดเข้ากับชายหาด
เมื่อฟังเสียงคลื่นลมจากท้องทะเลจนรู้สึกผ่อนคลาย ชายหนุ่มเบนสายตาจากท้องทะเลไปยังลานจัดกิจกรรมยามค่ำคืนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและสวยงาม เสียงเพลงดังต่อเนื่องมาร่วมชั่วโมงเห็นจะได้ มันไม่ได้ทำให้เขานั้นรู้สึกความรำคาญแม้แต่น้อย กลับกันเขารู้สึกสนุกสนานเมื่อเห็นผู้คนกำลังปาร์ตีกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในงานนับสิบคน หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวที่เขาได้ช่วยเหลือเอาไว้เมื่อช่วงเย็นจากการโดนโจรวิ่งราวกระเป๋า รอยยิ้มของเธอนั้นไม่เหมือนคนที่พึ่งผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มาแม้แต่น้อย กิริยาท่าทางของหญิงสาวที่เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามของเธอตกอยู่ในสายตาคู่คมของรณพีร์ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินกลับเข้าไปภายในห้องและออกมาอีกครั้งพร้อมกับแล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือ เตรียมที่จะนั่งทำงานอีกครั้งพร้อมกับดูผู้คนที่กำลังสนุกกับงานปาร์ตีไปด้วย ในจังหวะหนึ่งที่เขามองดูอยู่นั้น สาวสวยที่มีรอยยิ้มหวานได้หันมาส่งยิ้มให้เขาเป็นการขอบคุณแล้วหันกลับไปชนแก้วดื่มกับเพื่อนต่อ อยู่ ๆ เสียงข้อความแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือราคาแพงก็ดังขึ้น ร่างสูงจึงละสายตาจากร่างเล็กเพื่อหันกลับมาสนใจข้อความในโทรศัพท์ก่อน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตอบกลับข้อความที่เพื่อนในกลุ่มส่งมาชวนให้ออกไปนั่งดื่มที่ร้านของจอมพล รณพีร์ : มีอะไรวะ นที : มึงอยู่ไหน ออกมากินเหล้ากัน รณพีร์ : กูมาพักผ่อนที่กระบี่ เอาไว้รอกูกลับกรุงเทพฯ ก่อนแล้วกัน นที : มึงพลาดแล้วว่ะไอ้สอง วันนี้ที่ผับไอ้จิณณ์ รณพีร์ : ทำไมวะ พลาดอะไรของมึง นที : กูจะชวนมึงมาส่องสาว สวยมาก ๆ รณพีร์ : อยู่นี่ก็ส่องได้ แถมสวยมากด้วย ว่าแล้วสายตาคู่คมก็ละจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือหันไปมองกลุ่มคนที่กำลังสนุกกับงานเลี้ยง เป็นจังหวะเดียวกันกับหญิงสาวที่เขาจับจ้องอยู่ออกมาวาดลวดลายกลางงานพอดี ในมือยังคงถือแก้วคอกเทลอยู่ด้วย ปะทะกับอีกคนที่สวมชุดสีขาว ที่ข้อมือขวาผูกด้วยริบบิ้นสีแดง คงจะเป็นคนสำคัญของงานนี้ ทั้งสองเต้นแข่งกันแบบไม่มีใครยอมใคร แต่ดูเหมือนว่าคนที่เขามองด้วยความสนใจจะพ่ายแพ้ในการเต้นครั้งนี้ เมื่อเสียงของคนในงานร้องบอกว่า... "ยัยม่านแพ้แล้ว ดื่มเลย...ดื่มเลย..." ชายหนุ่มยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปหญิงสาวที่กำลังเบ้หน้าเพราะความขมของเหล้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าของเจ้าหล่อนไร้ความสะสวยแต่อย่างใด เขากลับมองว่ากิริยานั้นของเธอดูน่ารักเป็นธรรมชาติดีเสียอีก ก่อนจะกดถ่ายภาพอีกครั้งเมื่อรอยยิ้มแต้มขึ้นที่ใบหน้าสวยหวานของเธอ ทำให้เขานั้นพลอยยิ้มตามไปด้วย แต่โดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนเคร่งขรึมไม่ค่อยพูดค่อยจากับคนแปลกหน้าและยิ้มยากมากด้วย จนเพื่อน ๆ ให้ฉายาว่า ‘ไอ้สองเสือยิ้มยาก’ ไม่นานเสียงแจ้งเตือนจากข้อความก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง นที : ใครวะแม่งสวย รณพีร์ : ใช่ แม่งสวยมาก คุ้นหน้าคุ้นตามากด้วย เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน เมื่อเห็นข้อความชายหนุ่มตอบกลับอย่างรวดเร็ว นที : มุกเก่าไปไหมมึง นทีรีบพิมพ์ข้อความสวนกลับทันที มุกพวกนี้มันเก่าเกินไป เขาใช้จีบสาวตั้งแต่สมัยเรียนเมื่อสิบกว่าปีก่อนเห็นจะได้ รณพีร์ : คุ้นหน้าจริง ๆ เว้ย แต่กูจำไม่ได้ว่าเคยเจอเขาที่ไหน นที : มึงมีรูปที่ชัด ๆ ไหมวะ กูจะได้ช่วยดูให้แน่ใจ นที : มึงอยากกินเขาใช่ไหม รณพีร์ : ไม่ต้องเสือกเลย ไปละ...กูจะทำงานต่อ นที : ทำงานต่อหรือส่องสาว เอาให้แน่ รณพีร์ : กูจะทำงานจริง ๆ งานกูกองเต็มโต๊ะไปหมด ว่าแล้วชายหนุ่มก็ถ่ายภาพกองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะส่งให้นทีดู นที : นี่มึงไปพักผ่อนจริง ๆ หรือแค่เปลี่ยนที่ทำงานกันแน่วะ แต่จะว่าไป รูปผู้หญิงที่มึงส่งมาให้ดูเนี่ย ลองกลับไปซูมดูใกล้ ๆ คล้ายผู้หญิงที่ไอ้เพชรชี้ให้ดูที่ผับเลยว่ะ ที่มันบอกว่าเด็ดมากไงมึง รณพีร์ : ไม่หรอกมั้ง คนละคนรึเปล่า นที : อย่าลืมว่าผู้หญิงบางคนร้ายกว่าที่มึงคิด กูว่ามึงรอดูเอาเองดีกว่าว่าเขาเป็นอย่างที่กูพูดไหม จะใช่คนเดียวกันกับที่ไอ้เพชรบอกหรือเปล่า รณพีร์ : มึงอคติเกินไปหรือเปล่าวะ นที : มึงก็คิดถึงสิ่งที่แฟนเก่าทำกับมึงดูดิวะ กูเตือนด้วยความหวังดี อยากให้มึงเจอผู้หญิงดี ๆ ผู้หญิงที่มึงรักและเขารักมึง ผู้หญิงคนที่มึงส่งมาให้กูดูคงไม่ใช่เนื้อคู่มึงหรอก แต่ถ้าคู่กันจริงยังไงก็ต้องเจออีกครั้งแน่ ๆ รณพีร์ไม่ตอบอะไรนอกจากส่งสติกเกอร์สุดกวนกลับไปให้เพื่อนประหนึ่งว่าให้เลิกกวนเขาเสียที จากนั้นชายหนุ่มก็หันกลับไปสนใจทำงานของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย พร้อม ๆ กับเสียงเพลงจากงานเลี้ยงที่เบาลงและสงบเงียบไปในที่สุด แน่นอนว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เช่นเดียวกับเขาที่ต้องกลับเข้าไปนอนพักผ่อนเมื่อเสร็จจากงาน เมื่อเปิดดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือก็พบว่าเวลานี้ตีหนึ่งเกือบจะตีสองแล้ว ชายหนุ่มหอบเอาอุปกรณ์และแฟ้มเอกสารทั้งหมดกลับเข้าไปเก็บในห้องพัก แต่สายตาพลันเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่เขาเคยมองอย่างสนอกสนใจเข้าพอดี เธอกำลังประคองผู้ชายร่างสูงขาวที่คาดว่าน่าจะมางานปาร์ตีด้วยกัน ได้ยินเสียงพูดแว่ว ๆ อยู่ครู่หนึ่งซึ่งเขาพยายามจับใจความได้ว่าสองคนนั้นพูดอะไร แต่ฝ่ายหญิงตอบรับกลับมาว่า... “ได้…เดี๋ยวไปส่ง” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะดื่มเหล้าหนักมาก“คุณจำคำพูดของตัวเองไม่ได้เหรอคะ ตอนที่พูดกับเพื่อนคุณบอกว่ายังไง ถ้าม่านท้องขึ้นมาคุณจะหย่ากับม่าน และสัญญาของม่านกับคุณมันก็สิ้นสุดลงแล้วด้วย”“ม่าน…” เพียงเขาอ้าปากเรียกชื่อเธอ ม่านทิวาก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่ยอมให้โอกาสคนใจร้ายอย่างเขาได้พูดอธิบายสักคำ“ที่คุณทำไปทั้งหมดก็เพราะต้องการแก้แค้นให้ยัยวิเจ็บใจแล้วก็เอาชนะเดิมพันเพื่อนของคุณ” เธอยอกย้อนเสียงราบเรียบ แต่มันกลับบาดลึกเข้าไปในหัวใจของชายหนุ่มจนเจ็บปวด“ฉัน...” รณพีร์กำลังจะเอ่ยค้าน แต่ก็ถูกม่านทิวาพูดดักคอเอาไว้เสียก่อน“อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกนะคะ เพราะการหลอกลวงให้ ผู้หญิงคนหนึ่งรักคุณจนหมดใจ แต่คุณกลับตอบแทนเขาด้วยความเจ็บช้ำ มันจะทำให้ ผู้หญิงคนนั้นหมดความหวัง ความศรัทธา ความเชื่อใจในความรักจนหมดสิ้น” เสียงสั่นเครือของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มอยากจะกอดปลอบ แต่เธอคงไม่ต้องการ“ม่าน...ฉันขอโทษ”--------------------------------------------------------------------------------------------------- เสน่หาสามีลวงใจ ประพันธ์ ญาดาพัชร์ ออกแบบปก คนวาดสีเทา
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย...ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมา นอกจากชาวต่างชาติที่กำลังเดินทางเข้าออกประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ แล้ว ยังมีชายหนุ่มชาวไทยรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวดูมีออราที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอก สวมทับด้วยเสื้อแจ็กเกตแขนยาวกับกางเกงสแล็กส์สีดำเข้าชุด เดินปะปนมากับผู้คนเหล่านั้นด้วยนัยน์ตาคมกริบของชายหนุ่มถูกบดบังด้วยแว่นตากันแดดสีดำราคาแพง แต่ไม่ได้ช่วยอำพรางความหล่อเหลาของเขาได้แม้แต่น้อย ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับดูเงียบขรึมราวกับว่าเขานั้นมีเรื่องหนักใจให้ขบคิดระหว่างทางที่เดินออกมาจากประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ ความสูงโปร่ง หล่อเหลาและดูดีของชายหนุ่มเป็นที่สนใจของผู้คนอยู่ไม่น้อย ใคร ๆ ต่างมองตามด้วยความสนอกสนใจว่าชายหนุ่มรูปงามคนนี้คือใครกันแต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจผู้คนเหล่านั้นเลย ตั้งหน้าลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำพร้อมกับซุกมืออีกข้างลงในกระเป๋ากางเกง เดินตรงไปยังจุดบริการแท็กซี่ของทางสนามบินเพื่อเดินทางไปยังบ้านหลังใหญ่ที่แสนอบอุ่นของเขา ซึ่งชายหนุ่มตั้งใจที่จะกลับมาเซอร์ไพรซ์ไม่ยอมบอกใครแม้แต่คนเดียว“ให้ข
ร่างสูงของรณพีร์นั่งลงบนเตียงนุ่มกว้างพลางคิดถึงเรื่องที่เขาได้รับรู้มาก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเขาและหล่อนจะคบหาดูใจกันมาเพียงไม่นาน แต่ลึก ๆ ในจิตใจของเขากลับหลงใหลอยากแต่งงานสร้างครอบครัวกับหล่อนมากที่สุด เขาตัดสินใจที่จะกลับมาขอหล่อนแต่งงานแต่จำเป็นต้องยกเลิกกะทันหัน เพราะหล่อนโพสต์รูปคู่ลงในโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่ากำลังคบหาดูใจกับผู้ชายคนอื่นมันเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับที่เพื่อนสนิทของเขาได้ส่งภาพนั้นมาให้ดูพอดี เขาไม่เชื่อจึงกลับมาดูเพื่อให้เห็นกับตาตัวเองจนรู้ว่าหล่อนนั้นคบหาอยู่กับผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เขาจึงตัดสินใจอยู่ดูแลงานที่ต่างประเทศต่ออีกหนึ่งปีเพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่านและลืมผู้หญิงทรยศคนนั้นให้หมดใจชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สลัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกจากหัวเพื่อไม่ให้นึกถึงเรื่องราวของผู้หญิงทรยศคนนั้นอีก ถ้าหากวันใดเขาได้เจอเธออีกครั้ง แน่นอนว่าเขาจะเอาคืนให้เจ็บปวดมากกว่าที่เขาเจ็บเป็นร้อยเท่าพันเท่าไม่นานชายหนุ่มก็ตรงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายแล้วออกมานอนพักผ่อน เพื่อให้หายเหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาหลายชั่วโมงวันนี้เขาต้องการพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อไม่ใ
“นังม่าน แกจะรีบไปไหน”เสียงขุ่นมัวดังขึ้น ใบหน้าสวยหวานจึงเงยขึ้นมามองคนตรงหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหน วรรณา สมุทรธารา แม่เลี้ยงของเธอนั่นเอง“ไปทำงานค่ะน้าวรรณ” ม่านทิวาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหวานละมุนก่อนจะเดินผละออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อวรรณาตวาดเรียกเธอเอาไว้อีกครั้ง“เดี๋ยว!”คนตัวเล็กชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะพูดตอบคนตรงหน้า “มีอะไรอีกคะน้าวรรณ”“ก่อนที่แกจะออกไปเอาเงินมาให้ฉันก่อน ฉันจะเอาไปจ่ายค่าเช่าบ้านกับใช้หนี้ให้พ่อแก” นางว่าพร้อมกับแบมือขอต่อหน้าหญิงสาว“ม่านเพิ่งให้น้าวรรณกับวิไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่คะ” ม่านทิวาสงสัยไม่น้อยกับการใช้จ่ายที่ดูจะฟุ่มเฟือยของแม่เลี้ยงที่ให้เท่าไรก็ไม่เคยพอ“มันก็ต้องกินต้องใช้ทุกวันไหมยะ” วรรณาตวาดว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหญิงสาวเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเล็กหยิบเงินจำนวนหนึ่งยื่นให้นาง “ตอนนี้ม่านมีให้แค่นี้ค่ะ น้าวรรณช่วย…”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยจบประโยค เสียงเล็กแหลมก็ดังขึ้นขัดมาแต่ไกล ม่านทิวาหันกลับไปมองทางด้านหลังของตนก็พบกับ รวิดา สมุทรธารา ลูกสาวของวรรณาที่รีบลงบันไดตรงมาหาเธอด้วยใบหน้าบึ้งตึง“แล้วของฉันล่ะ”“วิเพิ่งขอไปเมื่อวาน หมดแล้วเหรอ”“แ
ม่านทิวากำลังเดินไปรอรถประจำทางเพื่อที่จะกลับบ้าน อยู่ ๆ ก็มีชายร่างสูงกำยำในชุดสีดำสองคนมายืนดักหน้าเธอเอาไว้ คนตัวเล็กสั่นสะท้านด้วยความกลัวว่าตนจะตกอยู่ในอันตราย“รีบไปไหน เมื่อไรมึงจะใช้หนี้ฮะ!” หนึ่งในสองคนนั้นจู่โจมถามน้ำเสียงกระชากม่านทิวาถึงกับนิ่วหน้าสงสัยว่าเธอนั้นไปติดหนี้พวกมันตั้งแต่เมื่อไร ถ้าเป็นหนี้สินของบิดาเธอจ่ายให้กับธนาคารจนจะหมดอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ชายสองคนนี้พูดมามันคือหนี้ส่วนไหน“เงินอะไรของพวกคุณฉันไม่เข้าใจ ฉันไม่เคยติดหนี้ใคร!” ม่านทิวาตอบอย่างมั่นใจ สายตาจ้องมองมันอย่างระแวงระวังกลัวว่าตัวเองจะถูกทำร้าย“เงินห้าหมื่นที่แม่เธอติดเสี่ยอู๋เอาไว้ เมื่อไรจะคืน”“แม่เหรอ?” ม่านทิวาทวนคำพลางครุ่นคิดในใจ ‘น้าวรรณ!’ ต้องเป็นน้าวรรณแน่ ๆ ที่ก่อเรื่องให้เธอ พวกมันถึงได้เจาะจงมาทวงหนี้ที่เธอแบบนี้“ห้าหมื่นฉันไม่มีหรอก”“ถ้าไม่มี...” สายตาของมันทั้งสองกวาดมองร่างงามตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทำให้หญิงสาวต้องรีบถอยหนีโดยสัญชาตญาณแต่ถูกคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน “...ก็ต้องเอาอย่างอื่นไปใช้หนี้แทนเงิน”“ช่วยด้วย...ช่วยด้วยค่ะ ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวร้องตะโกนเสียงดังหวังว่าจะมีคนมาช่วย
ในหนึ่งวันของม่านทิวาหมดไปกับงานจนไม่มีเวลาหันมาสนใจเรื่องราวของวรรณากับรวิดาเลย เธอรู้เพียงแค่เรื่องเดียวคือหนี้สินที่น้าวรรณาภรรยาใหม่ของบิดาไปก่อเอาไว้หลังจากที่ท่านเสียไป นางติดเงินพนัน แต่ก็ไม่รู้ไปหยิบยืมเอามาจากใครบ้าง เท่าที่ได้ยินกับหูก็มีเสี่ยอู๋อะไรนั่นแหละคนหนึ่ง คนที่ส่งลูกน้องสองคนมาดักทวงหนี้ห้าหมื่นบาทกับเธอนั่นแล้วถ้าคนของเสี่ยอู๋ย้อนกลับมาทวงหนี้ที่เธออีกล่ะ เธอจะเอาเงินที่ไหนมาคืนให้พวกมันตั้งห้าหมื่น!พอสองแม่ลูกออกจากบ้านไปแล้ว คนตัวเล็กก็ออกจากบ้านไปจ่ายตลาด เกือบสองชั่วโมงที่หญิงสาวอยู่นอกบ้านเพราะจับจ่ายซื้อของใช้เข้าบ้านยังไม่ครบ ระหว่างที่เลือกซื้อของอยู่นั้นเธอมีลางสังหรณ์แปลก ๆ แวบเข้ามาในใจเหมือนกับว่าที่บ้านกำลังมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น หญิงสาวจึงตัดสินใจกลับจากตลาดทั้ง ๆ ที่ยังซื้อของไม่ครบม่านทิวาแทบจะเป็นลมเมื่อเดินเข้ามาถึงทางเข้าหน้าบ้าน เพราะประตูบ้านที่ล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาถูกงัดออก อีกทั้งยังได้ยินเสียงดังโครมครามมาจากด้านใน แต่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่รู้ว่าข้างในนั้นเป็นใครมีอาวุธปืนหรือไม่ได้หรือ เธอจึงมองหาสิ่งของเอาไว้ป้องกันตั
นับจากวันที่รณพีร์กลับจากต่างประเทศโดยไม่บอกคนในครอบครัวให้รับรู้ล่วงหน้าแม้แต่คนเดียว บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มมักจะได้ยินคำถามจากบิดาและมารดาอยู่เสมอว่าเมื่อไรเขาจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนพี่ชายคนโตเสียที เพราะตอนนี้รณวีร์มีครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูกไปแล้ว นั่นคงเป็นเพราะว่าเขาถูกอดีตคนรักทำร้ายจึงไม่ยอมเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิตอีกตลอดเวลาที่ผ่านมามารดามักจะต่อว่าเขาที่ชอบควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ถ้าหากนางเห็นหรือได้ยินคนอื่นพูดเรื่องที่เขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอีกละก็ นางจะหาผู้หญิงที่เหมาะสมมาแต่งงานกับเขาให้รู้แล้วรู้รอดแต่สมัยนี้มันหมดยุคจับคลุมถุงชนไปแล้ว ปีนี้ก็ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเข้าไปแล้วมารดายังคิดจะทำอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้อยู่ได้“เฮ้อ!”เสียงถอนหายใจหนักหน่วงของรณพีร์ดังขึ้น เมื่อเห็นว่ามารดากำลังเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นางดูเบิกบานราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ ทำให้เป็นสุขใจ แต่ถ้าหากเป็นเรื่องดี ๆ ของมารดาก็โปรดจงรู้เอาไว้ว่ามันต้องเป็นเรื่องหายนะสำหรับเขาแน่นอน“อะไรกันตาสอง เห็นหน้าแม่แล้วทำไมต้องถอนหายใจแรง ๆ แบบนั้นด้วย” นางว่าด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
เวลาบ่ายคล้อยรณพีร์กลับลงมาอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบย่อม เดินตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวโดยไม่สนใจคนในบ้านแม้แต่น้อย แต่ยังไม่ทันก้าวข้ามธรณีประตูก็ต้องชะงัก เมื่อบิดาที่กำลังนั่งดูข่าวอยู่ในห้องนั่งเล่นส่งเสียงเรียกรั้งไว้ ชายหนุ่มจึงต้องหยุดแล้วเดินกลับมาหาบิดา“ครับพ่อ”“จะไปไหน?” คนเป็นพ่อเอ่ยถามพลางลดสายตามองดูกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในมือบุตรชายคนเล็กด้วยความสงสัย“ไปรีสอร์ตของไอ้หนึ่งที่กระบี่ครับคุณพ่อ” ร่างสูงตอบไปตามความจริงดังที่ตั้งใจจะไป เหตุผลที่จะไปก็เพื่อหลบหลีกการไปดูตัวตามที่มารดาต้องการ“ผมไปนะครับ” สายตาคมกริบของรณพีร์มองผ่านไปยังด้านหลังของบิดา เขาเห็นมารดาเดินออกมาจากในครัวจึงรีบขอตัวออกไปทันที“เดี๋ยวเจ้าสอง ก่อนไปเอาซองเอกสารนี่ติดมือไปด้วย แม่แกเตรียมเอาไว้ให้น่ะ” พูดจบก็ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้บุตรชายคนเล็ก“อะไรครับพ่อ” ชายหนุ่มรับซองเอกสารจากบิดามาพลิกดูกลับไปกลับมาก่อนเอ่ยถามอย่างงุนงงสงสัย“เอาไปเถอะน่า เปิดดูก็รู้เอง” คุณอนันต์บอกบุตรชายเพียงอ้อม ๆ กลัวว่ารู้ความจริงแล้วจะไม่ยอมเอาไปด้วย“ถ้างั้นผมไปนะครับ” เอ่ยลาแล้วรีบออกจากบ้านไปด้วยความรวดเร็ว ไม่สนใจเ
ร่างสูงโปร่งของรณพีร์ออกมายืนยืดเส้นยืดสายให้คลายความเมื่อยขบจากการนั่งทำงานอยู่ในห้องเป็นเวลานาน ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่บริเวณริมระเบียงห้องนอนใกล้ทะเล สายตาคู่คมทอดมองไปยังท้องทะเลสีครามยาวสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับฟังเสียงคลื่นลมซัดสาดเข้ากับชายหาดเมื่อฟังเสียงคลื่นลมจากท้องทะเลจนรู้สึกผ่อนคลาย ชายหนุ่มเบนสายตาจากท้องทะเลไปยังลานจัดกิจกรรมยามค่ำคืนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและสวยงาม เสียงเพลงดังต่อเนื่องมาร่วมชั่วโมงเห็นจะได้ มันไม่ได้ทำให้เขานั้นรู้สึกความรำคาญแม้แต่น้อย กลับกันเขารู้สึกสนุกสนานเมื่อเห็นผู้คนกำลังปาร์ตีกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในงานนับสิบคนหนึ่งในนั้นมีหญิงสาวที่เขาได้ช่วยเหลือเอาไว้เมื่อช่วงเย็นจากการโดนโจรวิ่งราวกระเป๋า รอยยิ้มของเธอนั้นไม่เหมือนคนที่พึ่งผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มาแม้แต่น้อย กิริยาท่าทางของหญิงสาวที่เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามของเธอตกอยู่ในสายตาคู่คมของรณพีร์ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินกลับเข้าไปภายในห้องและออกมาอีกครั้งพร้อมกับแล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือ เตรียมที่จะนั่งทำงานอีกครั้งพร้อมกับดูผู้คนที่กำลังสนุกกับงานปาร์ตีไปด้วยใ
ตอนนี้วรรณาและรวิดาขาดการติดต่อไปเลย นับตั้งแต่พากันออกจากบ้านไปคราวก่อน เธอเองก็ไม่รู้ว่าสองคนนั้นพากันไปอยู่ที่ไหนถึงติดต่อไม่ได้ แต่ก็คงใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบายตามประสาคนหัวสูง อยากได้อยากมีเกินฐานะของตนจนใช้ชีวิตธรรมดาสามัญอย่างคนอื่นเขาไม่เป็น การที่ม่านทิวาต้องคอยหาเงินทำงานหนักเพื่อเอามาจุนเจือครอบครัวไม่ขาด ก็เพราะว่าสองคนแม่ลูกไม่ยอมทำมาหากินช่วยเธอเลย วัน ๆ เอาแต่เข้าบ่อนเล่นการพนัน กู้หนี้ยืมสินเพื่อที่จะเอาเงินมาต่อทุนเดิมพันในการเล่นครั้งต่อไปส่วนรวิดาลูกสาวของนางวรรณานั้นชอบเที่ยวกลางคืนเป็นชีวิตจิตใจและไม่ค่อยกลับบ้านอยู่บ่อยครั้ง และถ้าหากว่าเธอจำไม่ผิดละก็...เจ้าหล่อนเลิกรากับแฟนหนุ่มที่เคยคบหาดูใจกันตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศหลังจากกลับประเทศไทยเพราะต้องห่างกัน แล้วหันมาคบกับคนใหม่ที่คอยสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายซื้อของแบรนด์เนมราคาแพงให้ใช้อยู่เสมอ แต่เธอเองก็ไม่เคยรู้จักหรือแม้แต่จะเคยเห็นหน้าค่าตาผู้ชายทั้งสองคนมาก่อนว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะทุกวันของเธอนั้นทำแต่งานตั้งแต่เช้าจรดค่ำไม่มีเวลามาสนใจคนรอบข้าง ทว่าสิ่งที่เธอรู้คร่าว ๆ ก็มาจากปากของแม่เลี้ยงและลูกสาวของนางน
สายตาคมกริบปะทะเข้ากับร่างเล็กบอบบางในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้น รวบผมไว้กลางศีรษะที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมงานบางอย่าง มือเล็กเรียวกำลังจัดของ ริมฝีปากบางกระจับพลางขยับโต้ตอบกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน พลันสายตาของเขาสะดุดเข้ากับรอยยิ้มหวาน ท่าทางน่ารักสดใส แต่เหตุใดดวงตาสวยหวานคู่นั้นถึงแฝงไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับว่าเธอกำลังมีเรื่องทุกข์ใจเหลือแสนที่ไม่สามารถบอกกับใครได้ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรง ๆ ขับไล่เรื่องไร้สาระของคนที่ไม่รู้จักออกจากสมองให้หมด ผละออกมาจากระเบียงเข้าไปจัดการอาบน้ำอาบท่า ออกมาสั่งอาหารเช้ารับประทานระหว่างรอลูกน้องคนสนิทเอางานลงมาให้ที่กระบี่ ถึงแม้ว่าจะมาพักผ่อน แต่คนอย่างรณพีร์ก็ขาดงานไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว เพราะเขาไม่ชอบเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานจนทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัทหลายนาทีต่อมาเสียงของเหล่าสาว ๆ ยังคงวุ่นวายและดังไม่หยุด ในบางครั้งก็ออกความเห็น บางครั้งก็ทะเลาะกันเป็นครั้งคราวไป ร่างสูงของรณพีร์เดินออกมายังระเบียงห้องพักอีกครั้งพร้อมกับถ้วยกาแฟหอมกรุ่นรสชาติโปรดปราน จิบไปพลางชื่นชมบรรยากาศท้องทะเล สายลมและแสงแดดตรงหน้าไปเรื่อย ๆ บางครั้ง
เวลาบ่ายคล้อยรณพีร์กลับลงมาอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบย่อม เดินตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวโดยไม่สนใจคนในบ้านแม้แต่น้อย แต่ยังไม่ทันก้าวข้ามธรณีประตูก็ต้องชะงัก เมื่อบิดาที่กำลังนั่งดูข่าวอยู่ในห้องนั่งเล่นส่งเสียงเรียกรั้งไว้ ชายหนุ่มจึงต้องหยุดแล้วเดินกลับมาหาบิดา“ครับพ่อ”“จะไปไหน?” คนเป็นพ่อเอ่ยถามพลางลดสายตามองดูกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในมือบุตรชายคนเล็กด้วยความสงสัย“ไปรีสอร์ตของไอ้หนึ่งที่กระบี่ครับคุณพ่อ” ร่างสูงตอบไปตามความจริงดังที่ตั้งใจจะไป เหตุผลที่จะไปก็เพื่อหลบหลีกการไปดูตัวตามที่มารดาต้องการ“ผมไปนะครับ” สายตาคมกริบของรณพีร์มองผ่านไปยังด้านหลังของบิดา เขาเห็นมารดาเดินออกมาจากในครัวจึงรีบขอตัวออกไปทันที“เดี๋ยวเจ้าสอง ก่อนไปเอาซองเอกสารนี่ติดมือไปด้วย แม่แกเตรียมเอาไว้ให้น่ะ” พูดจบก็ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้บุตรชายคนเล็ก“อะไรครับพ่อ” ชายหนุ่มรับซองเอกสารจากบิดามาพลิกดูกลับไปกลับมาก่อนเอ่ยถามอย่างงุนงงสงสัย“เอาไปเถอะน่า เปิดดูก็รู้เอง” คุณอนันต์บอกบุตรชายเพียงอ้อม ๆ กลัวว่ารู้ความจริงแล้วจะไม่ยอมเอาไปด้วย“ถ้างั้นผมไปนะครับ” เอ่ยลาแล้วรีบออกจากบ้านไปด้วยความรวดเร็ว ไม่สนใจเ
นับจากวันที่รณพีร์กลับจากต่างประเทศโดยไม่บอกคนในครอบครัวให้รับรู้ล่วงหน้าแม้แต่คนเดียว บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มมักจะได้ยินคำถามจากบิดาและมารดาอยู่เสมอว่าเมื่อไรเขาจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนพี่ชายคนโตเสียที เพราะตอนนี้รณวีร์มีครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูกไปแล้ว นั่นคงเป็นเพราะว่าเขาถูกอดีตคนรักทำร้ายจึงไม่ยอมเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิตอีกตลอดเวลาที่ผ่านมามารดามักจะต่อว่าเขาที่ชอบควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ถ้าหากนางเห็นหรือได้ยินคนอื่นพูดเรื่องที่เขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอีกละก็ นางจะหาผู้หญิงที่เหมาะสมมาแต่งงานกับเขาให้รู้แล้วรู้รอดแต่สมัยนี้มันหมดยุคจับคลุมถุงชนไปแล้ว ปีนี้ก็ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเข้าไปแล้วมารดายังคิดจะทำอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้อยู่ได้“เฮ้อ!”เสียงถอนหายใจหนักหน่วงของรณพีร์ดังขึ้น เมื่อเห็นว่ามารดากำลังเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นางดูเบิกบานราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ ทำให้เป็นสุขใจ แต่ถ้าหากเป็นเรื่องดี ๆ ของมารดาก็โปรดจงรู้เอาไว้ว่ามันต้องเป็นเรื่องหายนะสำหรับเขาแน่นอน“อะไรกันตาสอง เห็นหน้าแม่แล้วทำไมต้องถอนหายใจแรง ๆ แบบนั้นด้วย” นางว่าด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
ในหนึ่งวันของม่านทิวาหมดไปกับงานจนไม่มีเวลาหันมาสนใจเรื่องราวของวรรณากับรวิดาเลย เธอรู้เพียงแค่เรื่องเดียวคือหนี้สินที่น้าวรรณาภรรยาใหม่ของบิดาไปก่อเอาไว้หลังจากที่ท่านเสียไป นางติดเงินพนัน แต่ก็ไม่รู้ไปหยิบยืมเอามาจากใครบ้าง เท่าที่ได้ยินกับหูก็มีเสี่ยอู๋อะไรนั่นแหละคนหนึ่ง คนที่ส่งลูกน้องสองคนมาดักทวงหนี้ห้าหมื่นบาทกับเธอนั่นแล้วถ้าคนของเสี่ยอู๋ย้อนกลับมาทวงหนี้ที่เธออีกล่ะ เธอจะเอาเงินที่ไหนมาคืนให้พวกมันตั้งห้าหมื่น!พอสองแม่ลูกออกจากบ้านไปแล้ว คนตัวเล็กก็ออกจากบ้านไปจ่ายตลาด เกือบสองชั่วโมงที่หญิงสาวอยู่นอกบ้านเพราะจับจ่ายซื้อของใช้เข้าบ้านยังไม่ครบ ระหว่างที่เลือกซื้อของอยู่นั้นเธอมีลางสังหรณ์แปลก ๆ แวบเข้ามาในใจเหมือนกับว่าที่บ้านกำลังมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น หญิงสาวจึงตัดสินใจกลับจากตลาดทั้ง ๆ ที่ยังซื้อของไม่ครบม่านทิวาแทบจะเป็นลมเมื่อเดินเข้ามาถึงทางเข้าหน้าบ้าน เพราะประตูบ้านที่ล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาถูกงัดออก อีกทั้งยังได้ยินเสียงดังโครมครามมาจากด้านใน แต่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่รู้ว่าข้างในนั้นเป็นใครมีอาวุธปืนหรือไม่ได้หรือ เธอจึงมองหาสิ่งของเอาไว้ป้องกันตั
ม่านทิวากำลังเดินไปรอรถประจำทางเพื่อที่จะกลับบ้าน อยู่ ๆ ก็มีชายร่างสูงกำยำในชุดสีดำสองคนมายืนดักหน้าเธอเอาไว้ คนตัวเล็กสั่นสะท้านด้วยความกลัวว่าตนจะตกอยู่ในอันตราย“รีบไปไหน เมื่อไรมึงจะใช้หนี้ฮะ!” หนึ่งในสองคนนั้นจู่โจมถามน้ำเสียงกระชากม่านทิวาถึงกับนิ่วหน้าสงสัยว่าเธอนั้นไปติดหนี้พวกมันตั้งแต่เมื่อไร ถ้าเป็นหนี้สินของบิดาเธอจ่ายให้กับธนาคารจนจะหมดอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ชายสองคนนี้พูดมามันคือหนี้ส่วนไหน“เงินอะไรของพวกคุณฉันไม่เข้าใจ ฉันไม่เคยติดหนี้ใคร!” ม่านทิวาตอบอย่างมั่นใจ สายตาจ้องมองมันอย่างระแวงระวังกลัวว่าตัวเองจะถูกทำร้าย“เงินห้าหมื่นที่แม่เธอติดเสี่ยอู๋เอาไว้ เมื่อไรจะคืน”“แม่เหรอ?” ม่านทิวาทวนคำพลางครุ่นคิดในใจ ‘น้าวรรณ!’ ต้องเป็นน้าวรรณแน่ ๆ ที่ก่อเรื่องให้เธอ พวกมันถึงได้เจาะจงมาทวงหนี้ที่เธอแบบนี้“ห้าหมื่นฉันไม่มีหรอก”“ถ้าไม่มี...” สายตาของมันทั้งสองกวาดมองร่างงามตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทำให้หญิงสาวต้องรีบถอยหนีโดยสัญชาตญาณแต่ถูกคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน “...ก็ต้องเอาอย่างอื่นไปใช้หนี้แทนเงิน”“ช่วยด้วย...ช่วยด้วยค่ะ ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวร้องตะโกนเสียงดังหวังว่าจะมีคนมาช่วย
“นังม่าน แกจะรีบไปไหน”เสียงขุ่นมัวดังขึ้น ใบหน้าสวยหวานจึงเงยขึ้นมามองคนตรงหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหน วรรณา สมุทรธารา แม่เลี้ยงของเธอนั่นเอง“ไปทำงานค่ะน้าวรรณ” ม่านทิวาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหวานละมุนก่อนจะเดินผละออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อวรรณาตวาดเรียกเธอเอาไว้อีกครั้ง“เดี๋ยว!”คนตัวเล็กชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะพูดตอบคนตรงหน้า “มีอะไรอีกคะน้าวรรณ”“ก่อนที่แกจะออกไปเอาเงินมาให้ฉันก่อน ฉันจะเอาไปจ่ายค่าเช่าบ้านกับใช้หนี้ให้พ่อแก” นางว่าพร้อมกับแบมือขอต่อหน้าหญิงสาว“ม่านเพิ่งให้น้าวรรณกับวิไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่คะ” ม่านทิวาสงสัยไม่น้อยกับการใช้จ่ายที่ดูจะฟุ่มเฟือยของแม่เลี้ยงที่ให้เท่าไรก็ไม่เคยพอ“มันก็ต้องกินต้องใช้ทุกวันไหมยะ” วรรณาตวาดว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหญิงสาวเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเล็กหยิบเงินจำนวนหนึ่งยื่นให้นาง “ตอนนี้ม่านมีให้แค่นี้ค่ะ น้าวรรณช่วย…”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยจบประโยค เสียงเล็กแหลมก็ดังขึ้นขัดมาแต่ไกล ม่านทิวาหันกลับไปมองทางด้านหลังของตนก็พบกับ รวิดา สมุทรธารา ลูกสาวของวรรณาที่รีบลงบันไดตรงมาหาเธอด้วยใบหน้าบึ้งตึง“แล้วของฉันล่ะ”“วิเพิ่งขอไปเมื่อวาน หมดแล้วเหรอ”“แ
ร่างสูงของรณพีร์นั่งลงบนเตียงนุ่มกว้างพลางคิดถึงเรื่องที่เขาได้รับรู้มาก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเขาและหล่อนจะคบหาดูใจกันมาเพียงไม่นาน แต่ลึก ๆ ในจิตใจของเขากลับหลงใหลอยากแต่งงานสร้างครอบครัวกับหล่อนมากที่สุด เขาตัดสินใจที่จะกลับมาขอหล่อนแต่งงานแต่จำเป็นต้องยกเลิกกะทันหัน เพราะหล่อนโพสต์รูปคู่ลงในโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่ากำลังคบหาดูใจกับผู้ชายคนอื่นมันเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับที่เพื่อนสนิทของเขาได้ส่งภาพนั้นมาให้ดูพอดี เขาไม่เชื่อจึงกลับมาดูเพื่อให้เห็นกับตาตัวเองจนรู้ว่าหล่อนนั้นคบหาอยู่กับผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เขาจึงตัดสินใจอยู่ดูแลงานที่ต่างประเทศต่ออีกหนึ่งปีเพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่านและลืมผู้หญิงทรยศคนนั้นให้หมดใจชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สลัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกจากหัวเพื่อไม่ให้นึกถึงเรื่องราวของผู้หญิงทรยศคนนั้นอีก ถ้าหากวันใดเขาได้เจอเธออีกครั้ง แน่นอนว่าเขาจะเอาคืนให้เจ็บปวดมากกว่าที่เขาเจ็บเป็นร้อยเท่าพันเท่าไม่นานชายหนุ่มก็ตรงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายแล้วออกมานอนพักผ่อน เพื่อให้หายเหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาหลายชั่วโมงวันนี้เขาต้องการพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อไม่ใ