“เฮ้อ!”เสียงถอนหายใจอย่างหนักอกหนักใจทำให้คุณอนันต์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ หันมาถามภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากด้วยความเป็นห่วง เพราะท่านได้ยินเสียงถอนหายใจเช่นนี้ราว ๆ สามครั้งเห็นจะได้"เป็นอะไรไปคุณดา ผมได้ยินคุณนั่งถอนหายใจแบบนี้มานานแล้วนะ" คนเป็นสามีถามภรรยาด้วยความเป็นห่วง"ก็ตาสองนี่สิ เมื่อไรจะเลิกนิสัยแบบนี้สักที ฉันละปวดหัว" นางว่าพร้อมทั้งเอานิ้วมือคลึงขมับของตนเองเบา ๆ"เรื่องที่ลูกไม่ยอมแต่งงาน แถมเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าใช่ไหม" สามีตอบอย่างรู้ทัน"ก็ใช่น่ะสิคะคุณ อายุก็สามสิบกว่าแล้วยังทำตัวเสเพลไม่เลิก ดูควงผู้หญิงแต่ละคนสิ โอ๊ย! ฉันรับไม่ได้" คุณนายสรวงสุดาส่ายศีรษะเอือมระอาเมื่อนึกถึงคู่ควงของบุตรชายแต่ละคน"อ้าวคุณ! ลูกมันโตแล้วก็แบบนี้แหละ ถ้าคุณไม่อยากให้มันมั่วไม่เลือกก็จับแต่งงานเสียสิ" คนเป็นสามีเสนอทางแก้ไขให้กับภรรยาหน้าตาย"แต่งงาน...กับผู้หญิงพวกนั้นเนี่ยนะ ไม่มีทาง!" นางหันมาเถียงสามีเสียงแข็งก่อนแววตาจะเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์หรี่แคบลง"จริงสิ...ฉันลืมคนนี้ไปได้ยังไง" คุณนายสรวงสุดาพูดขึ้นพร้อมกับแววตาโตเป็นประกายวาววาม เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนี้มาได้อย่างทันท่วงที
คุณนายสรวงสุดา : แกต้องแต่ง นี่คือคำขาดจากแม่ ผู้หญิงคนนี้เขาดีที่สุดสำหรับแกแล้วนะตาสองคุณนายสรวงสุดาตอบกลับข้อความแล้วส่งรูปภาพของผู้หญิงที่ว่าตามไปให้บุตรชายได้ดูอย่างเต็มตา ใบหน้าเธอนั้นเหมือนคนที่เขาเคยเจอตอนไปกระบี่เมื่อสองเดือนก่อนไม่มีผิดนี่มารดาจะเอาผู้หญิงเหลวแหลกพรรค์นั้นมาเป็นสะใภ้เหรอ นางชอบคนเรียบร้อยนิสัยดีทำไมถึงตาถั่วมาเลือกยัยนี่ได้รณพีร์ : คุณแม่อย่าเชื่อเรื่องงมงายพวกนี้ให้มันมากเลยครับ ผมยังไม่เป็นอะไรสักหน่อย ไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เพื่อแก้ชงบ้าบออะไรนั่นเลย ตอบกลับไม่นานก็ส่งประโยคต่อมาตามไปทันทีรณพีร์ : ถ้าผมจะแต่งงานจริง ๆ ผมแต่งกับคนอื่นดีกว่าแต่งกับผู้หญิงคนนี้คุณนายสรวงสุดา : อย่ามาโยกโย้ แกต้องแต่งงานกับหนูม่านเท่านั้น นี่คือคำขาดห้ามขัดคำสั่งแม่ จบนะพอสิ้นสุดข้อความเอาแต่ใจของมารดา รณพีร์ก็ถึงกับถอนหายใจหนักขึ้นไปอีก ก่อนจะเรียกให้ลูกน้องคนสนิทอย่างธันวาเข้ามาสั่งงาน"ธันวา เข้ามานี่หน่อย" ครู่หนึ่งลูกน้องหนุ่มคนสนิทที่หล่อสูสีกับเจ้านายก็เข้ามาภายในห้องทำงาน"ครับ มีเรื่องอะไรครับท่านรอง" ลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามพร้อมรับคำสั่งการ"ไปส
ผู้เป็นมารดาพยายามหว่านล้อมบุตรชายคนเล็กให้ยินยอมด้วยความจริงจากใจ ทว่าบุตรชายพอนึกถึงสิ่งที่เพิ่งจะรู้เห็นมากับตาก็ถึงกับกระตุกยิ้มเยาะหยัน สงสารมารดาเหลือเกินที่มองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว"คุณแม่อยากได้คำตอบจากผมเลยใช่ไหมครับ" รณพีร์ตีหน้านิ่งถามกลับอย่างยียวน"ใช่! แม่ต้องการคำตอบวันนี้...เดี๋ยวนี้!" นางยืนกรานจะเอาคำตอบกับบุตรชายคนเล็กให้ได้"โอเค…ผมยอมตามใจคุณแม่ก็ได้ครับ แต่มีข้อแม้..."ผู้เป็นมารดาทำหน้าฉงนสงสัยว่าบุตรชายจะเล่นแง่อะไรกับนางอีก"ข้อแม้อะไร" นางเร่งถามจะเอาคำตอบด้วยความร้อนรนใจ"จะไม่มีการจัดงานแต่งเกิดขึ้น จดทะเบียนสมรสและรู้กันภายในครอบครัวเท่านั้น" รณพีร์ยื่นข้อแม้แสนร้ายกาจให้กับมารดาทันที หากจดทะเบียนสมรสแล้วเขาก็จะหย่ากับหญิงสาวตามแต่ใจต้องการด้วย"ทำแบบนั้นได้ยังไง น้องเขาเสียหายนะลูก" นางแย้งขึ้นมาทันควัน ไม่เห็นดีด้วยสักนิดเดียว"เรื่องนั้นผมไม่ขอรับรู้ แต่ถ้าคุณแม่ไม่ตกลง...ผมก็ไม่แต่ง" ชายหนุ่มไหวไหล่ไม่แคร์และไม่สนใจอะไรทั้งนั้น"ตาสอง! แม่ส่งรูปมาให้ดูแล้วไม่ถูกใจน้องหน่อยเหรอ ไม่ชอบน้องบ้างเลยหรือไง น้องออกจะเป็นคนน่ารัก นิสัยดี สุภาพเรียบร้อย แถมยังขย
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งหน้าที่ทำงานของม่านทิวา"อะไรนะคะคุณป้า! ทำไมมันเร็วแบบนี้ล่ะคะ?" ม่านทิวาถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของคุณนายทรวงสุดา"หนูได้ยินไม่ผิดหรอกลูก พี่เขาตอบตกลงแล้วว่าจะแต่งงานกับหนู มาเป็นลูกสาวอีกคนของป้านะลูกนะ ไหน ๆ หนูก็ไม่มีใครเหลือแค่ตัวคนเดียวแล้ว"คุณนายสรวงสุดาเกลี้ยกล่อมหญิงสาวรุ่นลูกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดีใจ ผิดกับม่านทิวาที่มีสีหน้ากังวลใจไม่น้อยกับเรื่องที่นางเอ่ยขอ ถึงคราวก่อนนั้นเธอจะเคยตกปากรับคำไปแล้วว่าจะแต่งงานกับบุตรชายของนางตามคำขอร้อง ทั้งที่ไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาชายหนุ่มมาก่อน อย่าว่าแต่พบหน้าเขาเลย แค่ในรูปภาพก็ยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง แต่ที่หญิงสาวตอบรับง่าย ๆ ในวันนั้นก็เพราะว่าอยากจะตอบแทนคุณนายสรวงสุดาที่เคยช่วยเหลือเอาไว้ด้วยความเมตตาเอ็นดู พอนางกับสามีพากันมาอ้อนวอนบอกว่าบุตรชายคนเล็กกำลังจะมีเคราะห์หนัก ถ้าได้หญิงสาวที่เกิดวันอังคารและมีลักษณะรูปร่างหน้าตาแบบเธอมาแต่งงานหนุนดวงเขาจะอยู่รอดปลอดภัย อีกอย่างเธอเองเคยบอกอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าหากมีเรื่องอะไรให้ช่วยบอกได้ทันทีไม่ต้องเกรงใจ เธอยินดีช่วยเหลือทุกอย่างขอแค่นางบอก
"ไม่จริง!" หญิงสาวส่ายหน้าไม่เชื่อว่าสิ่งที่คุณนายปากแดงพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริง"ว่าแล้วจะต้องไม่เชื่อ เอาหลักฐานไปดูซะให้เต็มตา"ว่าแล้วเจ๊ปากแดงก็ส่งกระดาษในมือให้หญิงสาวเอาไปอ่านดูเอง ม่านทิวาอ่านสัญญาฉบับนั้นด้วยอาการมือไม้สั่น ทั้งหมดเป็นฝีมือของแม่เลี้ยงเธอนั่นเองก่อเรื่องให้เธออีกแล้ว...แล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่มากเสียด้วย"ต้นพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดเท่าไรที่พวกเขาติดค้างไว้" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเกือบจะร้องไห้ออกมาเมื่อชีวิตถูกกดดันจนเข้าสู้เส้นทางตัน"ฉันไม่รู้หรอกว่าทั้งหมดเท่าไร...ไปถามเสี่ยเอาเอง ฉันมีหน้าที่แค่มาไล่เธอออกไปเท่านั้น แต่ถ้าให้เดาก็คงเยอะจนเธอไม่มีปัญญาจะจ่าย" พูดพลางเบ้ปากมองหัวจรดปลายเท้าของม่านทิวาอย่างเหยียดหยาม แล้วหันไปสั่งการคนของนางให้ขนของต่อไปไม่ต้องสนใจคนจนไม่มีปัญญาจ่ายหนี้"ไอ้จำนวนเงินที่ว่าไม่มีปัญญาจ่ายน่ะ…มันสักเท่าไร" เสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากทางด้านหลังม่านทิวาหันไปพบคนที่เพิ่งแยกจากกันมาไม่นานและอุทานเรียกนางที่เดินตรงเข้ามาหาอย่างตกใจ“คุณป้า!”"เงินที่ว่ามามันเท่าไร ฉันจ่ายเอง""คุณป้าไม่ต้องค่ะ...เขาอยากยึดก็ให้ยึดไป"ม่านทิ
ภายในบ้านอนันต์พิทากานต์... ห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยคนในครอบครัวอนันต์พิทากานต์ คุณอนันต์ รณวีร์ มธุริน รวมทั้งเหล่าบรรดาแม่บ้านสามคนที่ถูกเรียกให้มารวมตัวกันภายในห้องโถงอย่างพร้อมหน้า ใบหน้าหล่อเหลาของบุตรชายคนเล็กไม่ได้ยินดียินร้ายกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ชายหนุ่มนั่งเล่นโซเชียลมีเดียฆ่าเวลาระหว่างรอมารดาไปรับผู้หญิงคนนั้น แต่เหตุใดจึงช้าเช่นนี้ เขาไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งรอทั้งวันหรอกนะ มีงานที่จะต้องจัดการอีกมากมาย "นี่มันก็นานมากแล้วนะครับคุณพ่อ ทำไมไม่มากันสักที ผมไม่ว่างมีธุระต้องไปทำต่ออีกมากมาย" ชายหนุ่มโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบของคนในบ้าน "รีบอะไรขนาดนั้น รอเจอหน้าว่าที่เมียตีทะเบียนให้เรียบร้อยก่อนดีไหม" รณวีร์แซวน้องชายที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ "มีเมียที่เลือกเองมึงก็สบายใจน่ะสิ...ไม่ได้โดนบังคับให้มีเหมือนกูนี่" หันไปบ่นพี่ชายแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ "คิดเอาไว้ว่าแม่แกเขาหวังดี" คุณอนันต์พยายามพูดปลอบใจบุตรชายคนเล็กขณะที่สายตาไล่อ่านข่าวเศรษฐกิจในมือไปด้วย "หวังดีโดยการบังคับแต่งงานเนี่ยนะครับ" รณพีร์ส่ายหน้าระอาใจกับความหวังดีที่มารดาพยายามยัดเยียดให้อย่างเอาเ
"คืนนี้แกต้องนอนที่บ้าน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด" คำสั่งของคุณนายสรวงสุดาทำเอาคนเป็นลูกไม่พอใจมาก"คุณแม่ผมโตแล้วนะครับ อย่าบังคับผมเลย" รณพีร์ออกไปจากบ้านหลังใหญ่ด้วยความรวดเร็ว ขัดใจคนเป็นมารดาเป็นที่สุด"เจ้าสอง"“ไอ้สอง”คุณอนันต์กับรณวีร์เรียกรั้งไว้อย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อรณพีร์เดินออกจากบ้านไปอย่างหุนหันพลันแล่น"อ้าว! แล้วพี่สองเขาจะออกไปไหนล่ะคะพี่หนึ่ง" มธุรินเอ่ยถามสามีหลังจากที่ถือถาดแก้วน้ำออกมาจากในครัว"ไม่รู้มันเหมือนกัน" ชายหนุ่มหันไปตอบภรรยาเสียงนุ่ม"น้ำค่ะคุณพ่อ…คุณม่าน"มธุรินวางแก้วน้ำลงตรงหน้าทั้งสองคนแล้วนั่งลงข้างสามีภายในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่ ม่านทิวานั่งนิ่งเงียบสองมือประสานกันอย่างทำตัวไม่ถูก ดวงตาคู่สวยหวานมองไปรอบ ๆ บ้าน เธอไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไรกับคนในครอบครัวใหม่ที่สองคนรู้จักกันดี แต่อีกสองคนเพิ่งจะเห็นหน้าค่าตากันในวันนี้"คุณม่านไม่ต้องเกร็งก็ได้ค่ะ ทำตัวสบาย ๆ" มธุรินสังเกตมือเรียวของม่านทิวาที่บีบเข้าหากันอยู่ระยะหนึ่งก็พอจะรู้ว่าหญิงสาวนั้นทั้งเกร็งและกังวล เหมือนเธอในตอนที่เข้ามาไหว้พ่อแม่สามีครั้งแรกไม่มีผิด"ไม่ต้องกลัวลูก เราคนกันเองทั้งน
หลังจากม่านทิวารับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจะเข้าไปช่วยแม่บ้านล้างจานแต่ถูกคุณนายสรวงสุดาห้ามเอาไว้เสียก่อน เธอจึงเดินตามคุณนายสรวงสุดาขึ้นไปยังชั้นสองตามคำสั่ง"หนูม่านนอนห้องนี้นะลูก" นางเปิดประตูห้องให้หญิงสาวพร้อมทั้งพูดบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู"ให้ม่านนอนห้องอื่นได้ไหมคะ มานอนห้องของคุณสองแบบนี้เขาจะไม่พอใจเอานะคะ" ม่านทิวาไม่อยากมีปัญหากับสามีตีทะเบียนตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน"ไม่เป็นไรลูก พี่เขาไม่โกรธหรอกอย่าคิดมาก" นางพูดปลอบประโลมให้หญิงสาวสบายใจ‘เขาไม่ได้โกรธ…แต่เกลียดไปแล้ว’ ม่านทิวาค้านอยู่ในใจ"แต่ว่า..." หญิงสาวกำลังจะแย้งแต่ไม่ทันแม่สามีที่ไวกว่า“ไม่มีแต่แล้วลูก อยู่ห้องนี้แหละ แม่ขอร้องนะลูก ช่วยพี่เขาหน่อย มีหนูคนเดียวที่ช่วยพี่เขาได้”ม่านทิวาได้แต่ก้มหน้ายอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะลงเรือลำเดียวกันแล้ว เธอถอนหายใจใหญ่หลังจากที่คุณนายสรวงสุดาออกไปแล้วหญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย สีภายในจะคลุมโทนเป็นสีดำและสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับโทนสีเทาดูสุขุม ลึกลับ และน่าค้นหาคนตัวเล็กถือวิสาสะเดินสำรวจห้องเล็กน้อยก่อนจะเดินหายเข้าไปอาบน้ำ และ
คนเป็นน้องไหวไหล่กวน ๆ ก่อนตอบกลับ..."ปกติเขาก็ตื่นสายอยู่แล้ว" รณพีร์รีบโยนความผิดให้ม่านทิวาหน้าซื่อ ๆ"กูว่าไม่นะ เมียกูบอกว่าม่านไม่เคยตื่นสาย แถมตื่นก่อนคนอื่นในบ้านมาเตรียมอาหารเช้าอีกต่างหาก แต่พอมึงกลับมาอยู่บ้านม่านตื่นสายประจำ ไปทำงานก็สายด้วย กูว่าต้นเหตุมันมาจากมึงแน่ ๆ" คนเป็นพี่พูดยืนยันพลางจับสังเกตที่สีหน้าของน้องชาย"ถ้าต้นเหตุมันมาจากกู มันก็ไม่แปลกไหมวะ ในเมื่อเขาเป็นเมียกู ผัวเมียกันจะเอากันเมื่อไรก็ได้ หรือว่ามึงไม่เอาเมียเลย""เออ กูรู้ว่าผัวเมียจะเอากันเมื่อไรก็ได้ แต่มึงเอาถี่ไปไหม ปล่อยให้เมียมึงพักบ้างเดี๋ยวก็โทรมกันพอดี ระวังแม่จะไม่ปลื้มที่ไปทำลูกสะใภ้สุดที่รักเขาไม่สบาย" รณวีร์เตือนน้องชายด้วยความหวังดี"แล้วไง ก็เมียกูไหมล่ะ กูจะถนอมหรือไม่…มันขึ้นอยู่กับกูเว้ย"รณพีร์ตอบแบบเอาแต่ใจสุด ๆ ทำเอาคนเป็นพี่ชายยกยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้ามาใกล้น้องชายเพื่อกล่าวล้อ"ใครวะ...ที่บอกว่าจะไม่สนใจคนที่แม่หามาให้ แต่ไหงตอนนี้เรียกเขาว่าเมียเต็มปาก กลืนน้ำลายตัวเองนี่หว่า" เสียงเย้าหยอกของพี่ชายแทงใจดำคนเป็นน้องเข้าอย่างจ
นับว่าเป็นวันแรกที่ต้องกลายเป็นคนตกงานไปโดยปริยายของม่านทิวา อันที่จริงวันนี้เธอต้องเข้าไปที่ทำงานเพื่อเอาของใช้ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมา แต่อย่างที่รู้ว่ารณพีร์ได้เอาของทุกอย่างออกมาให้เธอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มิหนำซ้ำอดีตเจ้านายยังให้ฝ่ายบุคคลโทร.มาแจ้งเธออีกครั้งว่า ‘เหลือเวลาอีกหนึ่งวันไม่ต้องกลับเข้ามาทำงาน เพราะเป็นคำขอจากรณพีร์’ นี่เขาจะยุ่งเรื่องของเธอมากเกินไปแล้วนะเขายุ่งเรื่องของเธอได้ แต่เธอห้ามยุ่งหรือก้าวก่ายเรื่องของเขาอย่างนั้นน่ะหรือ?คนตัวเล็กที่เพิ่งตกงานไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีรีบเดินเข้าครัว หมายจะช่วยเหล่าแม่บ้านจัดเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้านรับประทาน เพราะเวลานี้เธอนั้นพยายามปรับเวลาให้ตื่นเช้าขึ้นถึงแม้ว่าจะนอนดึกมากก็ตาม"คุณมายด์ ป้าเจียม มีอะไรให้ม่านช่วยไหมคะ" เสียงหวานนุ่มละมุนเหมือนทุกครั้งที่เอ่ยทักถาม แต่ทว่าวันนี้มีความอ่อนเพลียแทรกติดปลายเสียงมาด้วย"ไม่มีเลยค่ะคุณม่าน อีกนิดเดียวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว" แม่บ้านใหญ่เอ่ยบอกทั้ง ๆ ที่มือยังคอยคนหม้อต้มยำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเจ้านายสาวที่ท่าทางอ่อนเพลียไม่
ทันทีที่ถึงบ้านในช่วงบ่ายแก่ ๆ คนในบ้านตกใจไม่น้อยที่สองสามีภรรยาที่ดูท่าจะไม่ลงรอยกันกลับบ้านพร้อมกัน มิหนำซ้ำยังเดินจับมือกันเข้ามาภายในบ้านเสียด้วย"กลับบ้านเร็วจังวะไอ้สอง" รณวีร์ทักทายน้องชายที่เดินเข้าบ้านพร้อมกับม่านทิวา"ประชุมเสร็จก็กลับบ้านสิ...แปลกตรงไหนวะ" คนเป็นน้องย้อนตอบกวน ๆ"ถามมาได้ว่าแปลกตรงไหน มึงแปลกทุกตรงอะ แล้วยิ่งตอนนี้มึงยิ่งแปลกหนักเข้าไปใหญ่" คนเป็นพี่ชายตั้งข้อสงสัยกับคนเป็นน้องพลางเหล่มองร่างเล็กของน้องสะใภ้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ"คุณม่าน วันนี้ไม่ไปทำงานหรือคะ" มธุรินเอ่ยถามม่านทิวาด้วยความสงสัยเพราะวันนี้เป็นวันทำงานของหญิงสาวไม่ใช่หรือ"เอ่อ…ค่ะ พอดีม่านตื่นสายไปหน่อยเลยไม่ได้ไปทำงานน่ะค่ะ" หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหย ๆ ไม่กล้าบอกว่าตัวต้นเหตุคือคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเธอ"ตื่นสายนั่นคือเหตุผลหนึ่งครับ แต่จริง ๆ มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้ตื่นสาย"คำตอบของเขาทำเอาม่านทิวาถลึงตาหน้าบึ้งตึงใส่ทันที คนเป็นพี่ชายเห็นแล้วต้องรีบเดินเข้ามากระซิบข้างหูรณพีร์"เบาได้เบานะเว้ย เมียมึงยิ่งตัวเล็ก ๆ อยู่"คน
หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบว่าเธอไม่อยากได้ของพวกนี้ ราคามันแพงเกินไปไม่เหมาะกับคนธรรมดาอย่างเธอ"เลือกเถอะน่า ผัวซื้อของขวัญวันเกิดให้เมียมันน่าแปลกตรงไหน""เอ่อ..." ม่านทิวาอ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูกพนักงานจึงรีบเชียร์"คุณผู้หญิงชอบเส้นไหนคะ เส้นนี้เส้นเล็ก ๆ ดูเรียบหรู ส่วนเส้นนี้สวยไฮโซดูแพงมากเลยค่ะ แต่ดิฉันว่าเหมาะกับคุณผู้หญิงทั้งสองเส้นเลยค่ะ""เลือก...อยากได้เส้นไหน" รณพีร์สั่งเสียงนุ่มก่อนก้มลงกระซิบข้างใบหูขาวสะอาดของหญิงสาวเบา ๆ ให้ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น "ถ้าไม่เลือกคืนนี้ไม่ต้องนอนนะ"สิ้นประโยคของเขาทำเอาม่านทิวาตาเบิกโพลงก่อนจะชี้นิ้วไปยังเครื่องเพชรเซตแรกอย่างไม่ลังเล เพราะกลัวว่าคืนนี้เธอจะไม่ได้นอนอีกคืน อีกทั้งดูจากน้ำเสียงของเขาแล้วเกรงว่าจะทำอย่างนั้นจริง ๆ เสียด้วย"เอาเส้นนี้แล้วกันค่ะ"ชายหนุ่มยิ้มขบขันในท่าทางลนลานของหญิงสาว หลังจากนั้นจัดการชำระเงินค่าเครื่องประดับหลายแสนบาทให้ม่านทิวาและพากันออกมาจากร้าน“คุณสองคะ” หญิงสาวเรียกชายหนุ่มเบา ๆ ทำให้ขาแกร่งต้องหยุดก้าวเดินและหันมามองหน้าคนตัวเล็ก
"ไม่ค่ะ" เธอตอบเบา ๆ ยังมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ"ดีเลย" ชายหนุ่มตอบเพียงแค่นั้น ก่อนบอกกับสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีสุภาพ "ขอตัวก่อนนะครับ พอดีวันนี้เป็นวันเกิดของภรรยา ผมสั่งของขวัญพิเศษเอาไว้ให้เธอ เราต้องรีบไปรับกันแล้ว" รณพีร์บอกเพียงแค่นั้นก่อนคว้ามือเล็กของม่านทิวาเดินออกมาอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนที่ไม่เคยได้อะไรจากรณพีร์แทบกรีดร้องด้วยความอิจฉาริษยา"คุณสองจะไปไหนคะ" ม่านทิวาถามขึ้นเมื่อทั้งเขาและเธอเดินออกห่างจากคนเหล่านั้นมากพอ"ตามมาเถอะน่าไม่ต้องถามมาก"“ฉันไปก็ได้ แต่คุณต้องตอบคำถามฉันก่อน”“อะไร”“ทำไมถึงไม่บอกฉันตรง ๆ ว่าคุณกับวิเคยเป็นแฟนกันมาก่อน โกหกปกปิดทำไม” ม่านทิวารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เวลานี้เขาทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงโง่ ๆ คนหนึ่งเลยก็ว่าได้รณพีร์มองหน้าสวยหวานที่กำลังขุ่นมัวเพราะตนพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอบไปด้วยเหตุผลที่คิดว่าดีที่สุดที่จะรักษาม่านทิวาเอาไว้จนกว่าตนจะเป็นฝ่ายชนะ“ก็เพราะว่าฉันไม่ได้สนใจรวิดามากไปกว่าเธอไง เธอเป็นเมียฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น และฉันก็ไม่ได้อาลัยอาวรณ์รว
ม่านทิวาออกจากเพนต์เฮาส์สุดหรูหราของรณพีร์ที่มองอย่างผิวเผินแทบจะกลายเป็นบ้านหรูหลังหนึ่งอยู่แล้ว จากนั้นก็แวะเข้าไปยังที่ทำงานของตน แต่ก็ถูกเจ้านายห้ามไว้เพราะสามีของเธอนั้นโทร.มาลาป่วยให้แล้วโดยให้เหตุผลว่า ‘ภรรยาของเขาไม่สบายหนักมาก’ เธอจึงเออออไปตามน้ำ แต่อีกไม่กี่วันเธอก็ไม่ได้มาทำงานที่นี่อีกแล้ว ด้วยความเอาแต่ใจของชายหนุ่มโดยที่ไม่ถามความคิดเห็นของเธอแม้แต่น้อย หญิงสาวลองถามเจ้านายว่าหากเธอจะทำงานที่นี่ต่อขอสมัครงานใหม่จะได้หรือไม่ แต่คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาม่านทิวาพูดไม่ออกเพราะว่ารณพีร์มีหุ้นส่วนในบริษัทนี้เช่นกัน หากสมัครเข้าทำงานใหม่หรือรับกลับเข้ามาทำงานคงเกิดปัญหาเป็นแน่ คนตัวเล็กจึงขอตัวไปเก็บข้าวของที่อยู่บนโต๊ะทำงานลงกล่องล่วงหน้าจะได้ไม่เสียเวลาย้อนมาเก็บพรุ่งนี้ข้าวของบนโต๊ะของเธอก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย นอกจากอุปกรณ์สำนักงานเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกจากออฟฟิศทันที สายตาหวานเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กก็พบว่าเวลานี้จวนจะบ่ายสอง อาหารเช้ายังไม่ตกถึงกระเพาะน้อย ๆ เลย ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของเธอคือจุดหมาย
ร่างสูงของรณพีร์ยืนเด่นอยู่ที่ริมระเบียงห้องนอน เอวสอบถูกพันหลวม ๆ ด้วยผ้าขนหนูสีขาว กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ ทว่าสายตาของเขากลับมองร่างเล็กเนื้อตัวหอมหวานและขาวเนียนแทบทุกส่วนที่หลับสบายอยู่บนเตียงนุ่ม อย่างไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่าย ๆ ก่อนหันมาสนทนาอย่างจริงจังกับคนที่อยู่ปลายสาย"อือ! ยังไงจัดการให้ฉันด้วยนะ เรื่องที่สั่งไป""ได้ครับ..."ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็กดตัดสายจากลูกน้องคนสนิททันที ก่อนจะค้นหาเบอร์โทรศัพท์มือถือของเจ้านายม่านทิวาเพื่อที่จะลางานให้หญิงสาว เพราะดูจากสถานการณ์แล้วคนตัวเล็กไม่น่าจะตื่นไปทำงานไหว ผลพวงก็มาจากเมื่อคืนที่ทะเลาะกันตั้งแต่กลับจากร้านของจอมพลแล้วจบที่เตียงพลอยทำให้หวนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาว่าเขานั้นรุนแรงกับเธอเกินไปหรือไม่ คนตัวสูงเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงฝั่งที่ม่านทิวาหลับอยู่ มองใบหน้าสวยหวานที่กำลังหลับพริ้มราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝันมือหนาค่อย ๆ ไล่ปอยผมที่ปรกใบหน้าทัดเข้ากับใบหูเล็กอย่างเบามือที่สุด…เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนการนอนของเธอ บางครั้งรณพีร์ก็เผลออมยิ้มเอ็นดูกับท่าทางปัด
ธาริกาตอบกลับพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนคนที่เพิ่งจะจบการสนทนาเมื่อครู่ด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนหันไปหาม่านทิวาและชวนเข้าไปในห้องด้วยกัน เธอไม่ค่อยไว้ใจให้เพื่อนยืนรอหน้าห้องเท่าไร เพราะมีผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจเดินวนเวียนอยู่ไม่ห่าง"สวัสดีค่ะคุณนที" น้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจและรู้สึกเจ็บกับสิ่งที่ได้เห็นของเลขานุการสาวนอกเวลางาน…เอ่ยทักเจ้านายทันทีที่มาถึง ทำให้สี่หนุ่มที่นั่งสังสรรค์พร้อมกับสาว ๆ ข้างกายเงยหน้าขึ้นมามองเป็นตาเดียว"สายไปห้านาที" นทีต่อว่าด้วยความเขี้ยว"ฉันก็มีธุระของฉันนี่คะ คุณนทีรีบเซ็นเอกสารเถอะค่ะ ฉันจะได้รีบไป" หญิงสาวย่อตัวลงวางเอกสารให้เจ้านายหนุ่มเซ็นแต่นทีกลับไม่ยอมทำตาม อีกทั้งถามกลับเสียงแข็ง "ไปไหน""ไปไหนไม่สำคัญค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงเรียบก่อนหันไปหาม่านทิวาที่สะกิดเรียก"หือ..มีอะไร?""ฉันกลับไปรอที่ห้องนะ" ม่านทิวาบอกกับเพื่อนสาว ทั้ง ๆ ที่สายตาของเธอจ้องมองไปยังร่างสูงของรณพีร์ที่กำลังกอดผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วยวนข้างกายธาริกาพยักหน้าอนุญาตแล้วหันกลับมามองเอกสารสำคัญที่เจ้านายหนุ่มเพิ่งจรดปากกาเซ็นช
เวลาสามทุ่มกว่าของคืนวันเดียวกัน ภายในสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานผสมผสานเคล้าคลอกับเครื่องดื่มชั้นดีที่ธาริกาจัดมาให้เพื่อน หญิงสาวเลือกโต๊ะที่มีความเป็นส่วนตัวเพราะไม่อยากให้ใครมารบกวน"โต๊ะที่คุณผู้หญิงจองไว้ทางร้านจัดให้เรียบร้อยแล้วครับ" พนักงานชายของร้านบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ"ขอบคุณค่ะ อย่าลืมของที่สั่งไว้นะคะ"ธาริกาย้ำเตือนกับพนักงานแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาถ่ายรูปโต๊ะที่จองไว้ ส่งให้เพื่อนในไลน์กรุปทันทีจะได้ไม่เสียเวลาเดินออกไปรับ ไม่นานนักเสียงข้อความแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอัญญ์ : ถึงแล้ว กำลังจะเข้าไปธาริกา : โอเค รีบมาฉันรออยู่อัญญ์ส่งสติกเกอร์ยิ้มแฉ่งแข่งตะวันมาให้ธาริกาธาริกา : แล้วคนอื่นล่ะ? ยัยวีวี่ ยัยปอ ยัยม่านถ้าแกไม่มาฉันจะโกรธจริง ๆ ด้วยม่านทิวาส่งสติกเกอร์การ์ตูนรูปหน้าผู้หญิงหัวเราะชอบใจเป็นการตอบกลับวีรพล : กำลังจะเข้าไปปอแก้ว : กำลังถึงเช่นกันจ้า รอแป๊บน