หลังจากม่านทิวารับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจะเข้าไปช่วยแม่บ้านล้างจานแต่ถูกคุณนายสรวงสุดาห้ามเอาไว้เสียก่อน เธอจึงเดินตามคุณนายสรวงสุดาขึ้นไปยังชั้นสองตามคำสั่ง"หนูม่านนอนห้องนี้นะลูก" นางเปิดประตูห้องให้หญิงสาวพร้อมทั้งพูดบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู"ให้ม่านนอนห้องอื่นได้ไหมคะ มานอนห้องของคุณสองแบบนี้เขาจะไม่พอใจเอานะคะ" ม่านทิวาไม่อยากมีปัญหากับสามีตีทะเบียนตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน"ไม่เป็นไรลูก พี่เขาไม่โกรธหรอกอย่าคิดมาก" นางพูดปลอบประโลมให้หญิงสาวสบายใจ‘เขาไม่ได้โกรธ…แต่เกลียดไปแล้ว’ ม่านทิวาค้านอยู่ในใจ"แต่ว่า..." หญิงสาวกำลังจะแย้งแต่ไม่ทันแม่สามีที่ไวกว่า“ไม่มีแต่แล้วลูก อยู่ห้องนี้แหละ แม่ขอร้องนะลูก ช่วยพี่เขาหน่อย มีหนูคนเดียวที่ช่วยพี่เขาได้”ม่านทิวาได้แต่ก้มหน้ายอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะลงเรือลำเดียวกันแล้ว เธอถอนหายใจใหญ่หลังจากที่คุณนายสรวงสุดาออกไปแล้วหญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย สีภายในจะคลุมโทนเป็นสีดำและสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับโทนสีเทาดูสุขุม ลึกลับ และน่าค้นหาคนตัวเล็กถือวิสาสะเดินสำรวจห้องเล็กน้อยก่อนจะเดินหายเข้าไปอาบน้ำ และ
หลังจากวันที่เธอจดทะเบียนสมรสย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ก็เกือบจะหนึ่งสัปดาห์แล้ว รณพีร์ไม่เคยย่างกรายกลับเข้ามาในบ้านอีกเลย และวันนี้คงเป็นอีกวันที่เขาจะไม่กลับมานอนที่ห้องเหมือนเคย ม่านทิวาจึงเบาใจได้บ้าง ยอมรับตรง ๆ ว่าเวลาเจอหน้าสามีทางนิตินัยเธอทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องพูดคุยกันเช่นไรให้เขาพึงพอใจม่านทิวาสลัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วเดินไปคว้าผ้าขนหนูสีขาว หายเข้าไปอาบน้ำล้างกลิ่นอาหารที่ติดร่างกายออก คราแรกหญิงสาวจะขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่เตรียมมือเย็นเสร็จเรียบร้อย แต่แม่สามีห้ามเอาไว้ บอกเพียงว่ารับประทานอาหารก่อนแล้วค่อยขึ้นไปอาบน้ำก็ได้ ใจอยากจะโต้แย้งแต่ก็หย่อนกายลงนั่งอย่างจำยอมหญิงสาวนั้นเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจโดยไม่รู้ว่าเจ้าของห้องตัวจริงกลับมาที่ห้องของตนแล้วครู่ต่อมาเสียงน้ำสงบลง ม่านทิวาออกมาโดยมีผ้าขนหนูสีขาวพันกายเท่านั้น หยดน้ำยังเกาะพราวที่ลาดไหล่ มือเรียวบางกำลังเช็ดผมที่เพิ่งสระเสร็จต้องสะดุด เมื่อสายตาของเธอนั้นมองเห็นขากางเกงสแล็กส์ของสามีที่หายหน้าไปนาน เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา หญิงสาวทำตัวเก้ ๆ กัง ๆ เมื่อสายตาคู่คมกริบจ้องมาที่เรือนร่างกึ่งเปลือยอย่างไม่เกรงใจ ไ
"อ้อ…แหวนในมือถอดมันออกซะ ไม่ต้องใส่ออกไปไหนให้ใครเห็น แค่ใส่ให้คุณแม่ฉันเห็นคนเดียวก็พอ" ชายหนุ่มออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดให้เธอทำตามโดยไว"..." เงียบ ไร้เสียงตอบรับจากม่านทิวา"ฉันสั่งได้ยินไหม" ถามเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิมเมื่อหญิงสาวไม่ตอบ"ค่ะ" ม่านทิวาตอบรับเสียงเบาตามใจเขาทุกอย่าง เธอไม่อยากทำตัวมีปัญหาให้เขาเกลียดขี้หน้ามากไปกว่านี้ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจภรรยาตีทะเบียนโซนวีไอพีภายในผับหรูของจอมพล ชายหนุ่มจัดเตรียมเหล้าเอาไว้ชุดใหญ่เมื่อเพื่อน ๆ บอกว่าอยากดื่มรณพีร์ดื่มเหล้าเข้าไปเพียงเล็กน้อยแล้วนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ความเงียบขรึมของเขาทำเอาเพื่อนอีกสามคนมองหน้ากันไปมาด้วยความสงสัย“เฮ้อ!”"ไอ้สอง…เป็นอะไรของมึงวะ มาถึงก็นั่งถอนหายใจเหมือนกับคนมีหนี้สินเป็นพันล้าน" พชรรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เข้ามานั่งร่วมวงกันเขาเห็นมันนั่งถอนหายใจไปกินเหล้าไป...เป็นแบบนี้มาจะครึ่งชั่วโมงแล้ว"นั่นดิ นี่กูจัดห้องวีไอพีที่ดีที่สุดให้มึงเลยนะเนี่ย นึกว่าจะนัดเด็กมานั่งกอดสักคนสองคน" เจ้าของผับหรูเอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัยไม่ต่างกับพชร เพราะมันผิดวิสั
"เดี๋ยวไอ้ที ความหมายของมึงคือทำให้รักแล้วก็ทิ้งงี้ใช่ไหม” พชรทายาทเจ้าของบริษัทจิวเวลรีถามหาความชัดเจนในกติกา"เออ…แบบนั้นแหละที่กูต้องการ" เจ้าของบริษัทนำเข้ารถบิ๊กไบค์ตอบกลับหน้าซื่อ ๆ"โคตรเหี้ย!" จอมพลสบถด่าหน้าตาย"แต่กูเห็นด้วย…กูรับคำท้ามึงไอ้ที" รณพีร์ตอบตกลงเสียงหนักแน่นอย่างไม่ลังเล"ห้าเดือนพอไหม" นทีเสนอระยะเวลาในเดิมพันครั้งนี้"สบายมาก" คนโดนท้าตอบกลับพลางไหวไหล่ ราวกับเรื่องหลอกผู้หญิงให้รักแล้วทิ้งเป็นเรื่องที่ถนัดที่สุดในชีวิต"เหี้ยเอ๊ย! น่าสนุกสัส กูเอาด้วย…ถ้ามึงทำได้ กูให้มึงกินฟรีที่ผับนี้ปีหนึ่งเลย" เมื่อฟังแล้วดูท่าทางสนุก จอมพลจึงท้าเดิมพันกับรณพีร์บ้าง"มึงแน่ใจนะไอ้จิณณ์" รณพีร์ถามเพื่อความแน่ใจเพราะจอมพลไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับเรื่องแบบนี้เท่าไร แต่ทำไมครั้งนี้กลับเล่นด้วยเสียอย่างนั้น"เออ" ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ ก่อนหันไปทางพชรทายาทบริษัทจิวเวลรีชื่อดัง "…แล้วมึงล่ะไอ้เพชร""ถ้ามึงทำให้เขารักได้ กูจัดเครื่องเพชรให้ชุดใหญ่เลย จะเอาชุดละกี่ล้านว่ามา" พชรเสนอให้แบบไม่ยอมน้อยหน้าใคร"ดีล…กูรับคำท้า พวงมึงเตรียมของพนันไว้ได้เลย ยังไงกูก็ทำได้อยู่แล้ว" รณพีร์สรุปอย่างม
ชีวิตในบ้านหลังใหญ่ การเป็นสะใภ้ของม่านทิวาดำเนินไปอย่างราบเรียบไร้ความหวือหวา ในวันธรรมดาตื่นเช้ามาช่วยป้าเจียมจิตเตรียมอาหารจนติดเป็นนิสัย บ่อยครั้งมักจะถูกห้ามไม่ให้ทำ แต่อย่างไรม่านทิวาก็ยังคงขัดคำสั่งแม่สามีลงมาทำอยู่เหมือนเดิม มีเพียงช่วงเย็นในวันทำงานที่หญิงสาวไม่ได้เข้ามาช่วยจัดเตรียมอาหารด้วยตัวเองเพราะกว่าจะเลิกงานกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไปดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว ปัจจุบันเธอยังคงไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหารเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา แต่ทว่าวันนี้เธอนั้นเลิกงานก่อนเวลาเพราะร้านอาหารที่ทำประจำปรับเวลาให้บริการน้อยลง เธอจึงได้กลับมาพักผ่อนเร็วขึ้นกว่าเดิม"สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่ คุณหนึ่ง คุณมายด์"หญิงสาวยกมือไว้ทุกคนที่กำลังนั่งดูละครหลังข่าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งเธอเองเดินเข้ามาเห็นในทีแรกก็ตกใจไม่น้อย ปกติไม่ค่อยเห็นอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้เพราะเธอกลับดึกมาก มาถึงทุกคนก็พากันเข้านอนหมดแล้ว“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะลูก เพิ่งจะสองทุ่มครึ่งเอง" นางถามด้วยความสงสัยเพราะม่านทิวากว่าจะกลับถึงบ้านก็ห้าทุ่มซึ่งดึกมากแล้ว นางจะให้คนรถไปรอรับแต่หญิงสาวไม่ยอม
ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในห้องนอน ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมดังเช่นที่เขาเคยอยู่ ผิดก็แต่เตียงกว้างที่มีร่างเล็กน่าทะนุถนอมของเมียที่ไม่ต้องการนอนหลับใหลอยู่ในนิทรา สายตาคมกริบมองไปยังร่างเล็กของม่านทิวาที่กำลังพลิกกายขยับเปลี่ยนท่าทางในการนอน จังหวะที่เธอกำลังพลิกตัวนั้นสายเดี่ยวที่เกาะไหล่กลมกลึงร่นลงมากองที่ต้นแขน ทำให้เขาเห็นเนินอกสล้างผ่านแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาจากด้านนอก แล้วยังตาดีเห็นว่าหญิงสาวนั้นสวมเพียงชุดนอนสายเดี่ยวตัวบางไร้ชุดชั้นในผู้หญิงอะไรนอนไม่ระวังเลย แต่รู้สึกชอบจังแฮะ…"อื้อ" เสียงครางอื้ออ้าในลำคอบอกว่ารำคาญที่โดนกวนใจ ทำให้มือหนาแกร่งชะงักทันทีที่พยายามดึงสายเดี่ยวเส้นเล็ก ๆ ขึ้นไปเกาะไหล่ให้เมียที่ไม่ต้องการ"ใจเย็นไว้ลูกชาย"รณพีร์กัดฟันบอกกับตัวเองเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงครางกอปรกับกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของเมีย ทำเอาเขานั้นปวดร้าวไปทั้งกาย ชายหนุ่มอดกลั้นไม่น้อย พยายามข่มจิตข่มใจตัวเองเอาไว้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำชำระร่างกาย แต่ครั้งนี้เขาใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าปกติ เพราะต้องทำให้ลูกชายสงบลงก่อนที่กลับมานอนบนเตียงกว้างข้างเมียที่ไม่ต้อ
สองชั่วโมงหลังจากนั้น...กลิ่นหอมหวนของแกงเขียวหวานลอยฟุ้งออกมาเตะจมูกคนที่เพิ่งลงมาจากชั้นสอง ไม่ว่าจะเป็นคุณอนันต์ที่นั่งรออยู่ก่อนหน้า หรือคุณนายสรวงสุดาที่เดินตรงเข้าครัวมาด้วยความสนใจ ปกติได้กลิ่นหอมแบบนี้ทุกวัน แต่วันนี้มันมีกลิ่นพิเศษที่หอมมากขึ้นกว่าเดิมจนต้องเดินเข้ามาดูด้วยตัวเอง"แม่เจียมเช้านี้ทำเมนูอะไรน่ะ หอมฟุ้งไปทั่วบ้านเชียว" นางร้องถามโดยไม่ได้คนมองในครัวเพราะมัวแต่สนใจกลิ่นหอมอบอวลของอาหาร"แกงเขียวหวานไก่ค่ะคุณนาย ป้าเจียมไม่ได้เป็นคนทำหรอกค่ะ" หวานรีบตอบกลับเจ้านายเสียงสดใส"แต่เป็นคุณม่านค่ะ เมนูอาหารทุกอย่างวันนี้คุณม่านทำทั้งหมดเลยค่ะคุณนาย"ทั้งส้มและหวานต่างพากันชื่นชมสะใภ้คนเล็กของบ้านให้คุณนายฟังยกใหญ่ ทำเอาคุณนายสรวงสุดายิ้มกว้างก่อนจะถามหาคนที่หายไป"แล้วแม่เจียมไปไหน""เห็นส้มกับหวานบอกว่าปวดหัวลุกไม่ไหวค่ะ ม่านก็เลยทำข้าวต้มกับเตรียมยาไว้ให้ป้าเจียมด้วย คุณแม่ไปนั่งรอที่โต๊ะดีกว่าค่ะ" หญิงสาวกล่าวเชิญด้วยท่าทีสุภาพอ่อนน้อมต่อแม่สามีคุณนายสรวงสุดาเดินยิ้มออกไปจากห้องครัวด้วยความถูกอกถูกใจ ที่ม่าน
จนกระทั่งทุกคนอิ่มเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ลุกไปช่วยส้มและหวานเก็บโต๊ะด้วยความเคยชินม่านทิวาเดินออกมาจากห้องครัวอีกครั้งก็ต้องชะงักฟัง เมื่อคุณนายสรวงสุดาพูดแว่ว ๆ ว่าให้เธอไปกับรณพีร์‘ไปไหนกันนะ?’ ม่านทิวาครุ่นคิดและยืนฟังเงียบ ๆ"คุณแม่...ผมไปทำงานนะครับไม่ได้ไปเที่ยว" ชายหนุ่มพยายามบอกเหตุผลกับมารดาเพราะไม่อยากจะพาม่านทิวาไปให้เกะกะ"พาเมียไปแค่คนเดียวเอง...ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”“...” รณพีร์เงียบไม่ยอมตามใจ“ไม่รู้ละ...ยังไงฉันก็จะให้แกพาหนูม่านไปด้วย" คุณนายสรวงสุดาบอกอย่างเอาแต่ใจไม่ยอมให้บุตรชายไปเพียงลำพัง นางเป็นห่วงและอยากให้ทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วย"คุณแม่ครับ" เอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนหันไปอ้อนบิดาตาละห้อย "คุณพ่อช่วยผมด้วย""ลูกไปทำงานนะคุณ เอาไว้ให้มันพาไปคราวหลังก็ได้" คุณนายสรวงสุดาตวัดสายตาดุดันมามองสามี ทำเอาคุณอนันต์กลับลำแทบไม่ทัน "แต่พาหนูม่านไปด้วยก็ดีนะ ถือว่าไปฮันนีมูน""ไม่มีใครช่วยแกได้แล้วว่ะไอ้สองน้องรัก แม่ใหญ่สุดแล้วในบ้านหลังนี้"รณวีร์กระซิบกระซาบกับน้องชาย ทำเอารณพีร์ถอนหายใจหนัก ๆ เ
นับว่าเป็นวันแรกที่ต้องกลายเป็นคนตกงานไปโดยปริยายของม่านทิวา อันที่จริงวันนี้เธอต้องเข้าไปที่ทำงานเพื่อเอาของใช้ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมา แต่อย่างที่รู้ว่ารณพีร์ได้เอาของทุกอย่างออกมาให้เธอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มิหนำซ้ำอดีตเจ้านายยังให้ฝ่ายบุคคลโทร.มาแจ้งเธออีกครั้งว่า ‘เหลือเวลาอีกหนึ่งวันไม่ต้องกลับเข้ามาทำงาน เพราะเป็นคำขอจากรณพีร์’ นี่เขาจะยุ่งเรื่องของเธอมากเกินไปแล้วนะเขายุ่งเรื่องของเธอได้ แต่เธอห้ามยุ่งหรือก้าวก่ายเรื่องของเขาอย่างนั้นน่ะหรือ?คนตัวเล็กที่เพิ่งตกงานไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีรีบเดินเข้าครัว หมายจะช่วยเหล่าแม่บ้านจัดเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้านรับประทาน เพราะเวลานี้เธอนั้นพยายามปรับเวลาให้ตื่นเช้าขึ้นถึงแม้ว่าจะนอนดึกมากก็ตาม"คุณมายด์ ป้าเจียม มีอะไรให้ม่านช่วยไหมคะ" เสียงหวานนุ่มละมุนเหมือนทุกครั้งที่เอ่ยทักถาม แต่ทว่าวันนี้มีความอ่อนเพลียแทรกติดปลายเสียงมาด้วย"ไม่มีเลยค่ะคุณม่าน อีกนิดเดียวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว" แม่บ้านใหญ่เอ่ยบอกทั้ง ๆ ที่มือยังคอยคนหม้อต้มยำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเจ้านายสาวที่ท่าทางอ่อนเพลียไม่
ทันทีที่ถึงบ้านในช่วงบ่ายแก่ ๆ คนในบ้านตกใจไม่น้อยที่สองสามีภรรยาที่ดูท่าจะไม่ลงรอยกันกลับบ้านพร้อมกัน มิหนำซ้ำยังเดินจับมือกันเข้ามาภายในบ้านเสียด้วย"กลับบ้านเร็วจังวะไอ้สอง" รณวีร์ทักทายน้องชายที่เดินเข้าบ้านพร้อมกับม่านทิวา"ประชุมเสร็จก็กลับบ้านสิ...แปลกตรงไหนวะ" คนเป็นน้องย้อนตอบกวน ๆ"ถามมาได้ว่าแปลกตรงไหน มึงแปลกทุกตรงอะ แล้วยิ่งตอนนี้มึงยิ่งแปลกหนักเข้าไปใหญ่" คนเป็นพี่ชายตั้งข้อสงสัยกับคนเป็นน้องพลางเหล่มองร่างเล็กของน้องสะใภ้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ"คุณม่าน วันนี้ไม่ไปทำงานหรือคะ" มธุรินเอ่ยถามม่านทิวาด้วยความสงสัยเพราะวันนี้เป็นวันทำงานของหญิงสาวไม่ใช่หรือ"เอ่อ…ค่ะ พอดีม่านตื่นสายไปหน่อยเลยไม่ได้ไปทำงานน่ะค่ะ" หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหย ๆ ไม่กล้าบอกว่าตัวต้นเหตุคือคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเธอ"ตื่นสายนั่นคือเหตุผลหนึ่งครับ แต่จริง ๆ มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้ตื่นสาย"คำตอบของเขาทำเอาม่านทิวาถลึงตาหน้าบึ้งตึงใส่ทันที คนเป็นพี่ชายเห็นแล้วต้องรีบเดินเข้ามากระซิบข้างหูรณพีร์"เบาได้เบานะเว้ย เมียมึงยิ่งตัวเล็ก ๆ อยู่"คน
หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบว่าเธอไม่อยากได้ของพวกนี้ ราคามันแพงเกินไปไม่เหมาะกับคนธรรมดาอย่างเธอ"เลือกเถอะน่า ผัวซื้อของขวัญวันเกิดให้เมียมันน่าแปลกตรงไหน""เอ่อ..." ม่านทิวาอ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูกพนักงานจึงรีบเชียร์"คุณผู้หญิงชอบเส้นไหนคะ เส้นนี้เส้นเล็ก ๆ ดูเรียบหรู ส่วนเส้นนี้สวยไฮโซดูแพงมากเลยค่ะ แต่ดิฉันว่าเหมาะกับคุณผู้หญิงทั้งสองเส้นเลยค่ะ""เลือก...อยากได้เส้นไหน" รณพีร์สั่งเสียงนุ่มก่อนก้มลงกระซิบข้างใบหูขาวสะอาดของหญิงสาวเบา ๆ ให้ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น "ถ้าไม่เลือกคืนนี้ไม่ต้องนอนนะ"สิ้นประโยคของเขาทำเอาม่านทิวาตาเบิกโพลงก่อนจะชี้นิ้วไปยังเครื่องเพชรเซตแรกอย่างไม่ลังเล เพราะกลัวว่าคืนนี้เธอจะไม่ได้นอนอีกคืน อีกทั้งดูจากน้ำเสียงของเขาแล้วเกรงว่าจะทำอย่างนั้นจริง ๆ เสียด้วย"เอาเส้นนี้แล้วกันค่ะ"ชายหนุ่มยิ้มขบขันในท่าทางลนลานของหญิงสาว หลังจากนั้นจัดการชำระเงินค่าเครื่องประดับหลายแสนบาทให้ม่านทิวาและพากันออกมาจากร้าน“คุณสองคะ” หญิงสาวเรียกชายหนุ่มเบา ๆ ทำให้ขาแกร่งต้องหยุดก้าวเดินและหันมามองหน้าคนตัวเล็ก
"ไม่ค่ะ" เธอตอบเบา ๆ ยังมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ"ดีเลย" ชายหนุ่มตอบเพียงแค่นั้น ก่อนบอกกับสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีสุภาพ "ขอตัวก่อนนะครับ พอดีวันนี้เป็นวันเกิดของภรรยา ผมสั่งของขวัญพิเศษเอาไว้ให้เธอ เราต้องรีบไปรับกันแล้ว" รณพีร์บอกเพียงแค่นั้นก่อนคว้ามือเล็กของม่านทิวาเดินออกมาอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนที่ไม่เคยได้อะไรจากรณพีร์แทบกรีดร้องด้วยความอิจฉาริษยา"คุณสองจะไปไหนคะ" ม่านทิวาถามขึ้นเมื่อทั้งเขาและเธอเดินออกห่างจากคนเหล่านั้นมากพอ"ตามมาเถอะน่าไม่ต้องถามมาก"“ฉันไปก็ได้ แต่คุณต้องตอบคำถามฉันก่อน”“อะไร”“ทำไมถึงไม่บอกฉันตรง ๆ ว่าคุณกับวิเคยเป็นแฟนกันมาก่อน โกหกปกปิดทำไม” ม่านทิวารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เวลานี้เขาทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงโง่ ๆ คนหนึ่งเลยก็ว่าได้รณพีร์มองหน้าสวยหวานที่กำลังขุ่นมัวเพราะตนพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอบไปด้วยเหตุผลที่คิดว่าดีที่สุดที่จะรักษาม่านทิวาเอาไว้จนกว่าตนจะเป็นฝ่ายชนะ“ก็เพราะว่าฉันไม่ได้สนใจรวิดามากไปกว่าเธอไง เธอเป็นเมียฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น และฉันก็ไม่ได้อาลัยอาวรณ์รว
ม่านทิวาออกจากเพนต์เฮาส์สุดหรูหราของรณพีร์ที่มองอย่างผิวเผินแทบจะกลายเป็นบ้านหรูหลังหนึ่งอยู่แล้ว จากนั้นก็แวะเข้าไปยังที่ทำงานของตน แต่ก็ถูกเจ้านายห้ามไว้เพราะสามีของเธอนั้นโทร.มาลาป่วยให้แล้วโดยให้เหตุผลว่า ‘ภรรยาของเขาไม่สบายหนักมาก’ เธอจึงเออออไปตามน้ำ แต่อีกไม่กี่วันเธอก็ไม่ได้มาทำงานที่นี่อีกแล้ว ด้วยความเอาแต่ใจของชายหนุ่มโดยที่ไม่ถามความคิดเห็นของเธอแม้แต่น้อย หญิงสาวลองถามเจ้านายว่าหากเธอจะทำงานที่นี่ต่อขอสมัครงานใหม่จะได้หรือไม่ แต่คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาม่านทิวาพูดไม่ออกเพราะว่ารณพีร์มีหุ้นส่วนในบริษัทนี้เช่นกัน หากสมัครเข้าทำงานใหม่หรือรับกลับเข้ามาทำงานคงเกิดปัญหาเป็นแน่ คนตัวเล็กจึงขอตัวไปเก็บข้าวของที่อยู่บนโต๊ะทำงานลงกล่องล่วงหน้าจะได้ไม่เสียเวลาย้อนมาเก็บพรุ่งนี้ข้าวของบนโต๊ะของเธอก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย นอกจากอุปกรณ์สำนักงานเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกจากออฟฟิศทันที สายตาหวานเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กก็พบว่าเวลานี้จวนจะบ่ายสอง อาหารเช้ายังไม่ตกถึงกระเพาะน้อย ๆ เลย ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของเธอคือจุดหมาย
ร่างสูงของรณพีร์ยืนเด่นอยู่ที่ริมระเบียงห้องนอน เอวสอบถูกพันหลวม ๆ ด้วยผ้าขนหนูสีขาว กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ ทว่าสายตาของเขากลับมองร่างเล็กเนื้อตัวหอมหวานและขาวเนียนแทบทุกส่วนที่หลับสบายอยู่บนเตียงนุ่ม อย่างไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่าย ๆ ก่อนหันมาสนทนาอย่างจริงจังกับคนที่อยู่ปลายสาย"อือ! ยังไงจัดการให้ฉันด้วยนะ เรื่องที่สั่งไป""ได้ครับ..."ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็กดตัดสายจากลูกน้องคนสนิททันที ก่อนจะค้นหาเบอร์โทรศัพท์มือถือของเจ้านายม่านทิวาเพื่อที่จะลางานให้หญิงสาว เพราะดูจากสถานการณ์แล้วคนตัวเล็กไม่น่าจะตื่นไปทำงานไหว ผลพวงก็มาจากเมื่อคืนที่ทะเลาะกันตั้งแต่กลับจากร้านของจอมพลแล้วจบที่เตียงพลอยทำให้หวนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาว่าเขานั้นรุนแรงกับเธอเกินไปหรือไม่ คนตัวสูงเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงฝั่งที่ม่านทิวาหลับอยู่ มองใบหน้าสวยหวานที่กำลังหลับพริ้มราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝันมือหนาค่อย ๆ ไล่ปอยผมที่ปรกใบหน้าทัดเข้ากับใบหูเล็กอย่างเบามือที่สุด…เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนการนอนของเธอ บางครั้งรณพีร์ก็เผลออมยิ้มเอ็นดูกับท่าทางปัด
ธาริกาตอบกลับพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนคนที่เพิ่งจะจบการสนทนาเมื่อครู่ด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนหันไปหาม่านทิวาและชวนเข้าไปในห้องด้วยกัน เธอไม่ค่อยไว้ใจให้เพื่อนยืนรอหน้าห้องเท่าไร เพราะมีผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจเดินวนเวียนอยู่ไม่ห่าง"สวัสดีค่ะคุณนที" น้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจและรู้สึกเจ็บกับสิ่งที่ได้เห็นของเลขานุการสาวนอกเวลางาน…เอ่ยทักเจ้านายทันทีที่มาถึง ทำให้สี่หนุ่มที่นั่งสังสรรค์พร้อมกับสาว ๆ ข้างกายเงยหน้าขึ้นมามองเป็นตาเดียว"สายไปห้านาที" นทีต่อว่าด้วยความเขี้ยว"ฉันก็มีธุระของฉันนี่คะ คุณนทีรีบเซ็นเอกสารเถอะค่ะ ฉันจะได้รีบไป" หญิงสาวย่อตัวลงวางเอกสารให้เจ้านายหนุ่มเซ็นแต่นทีกลับไม่ยอมทำตาม อีกทั้งถามกลับเสียงแข็ง "ไปไหน""ไปไหนไม่สำคัญค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงเรียบก่อนหันไปหาม่านทิวาที่สะกิดเรียก"หือ..มีอะไร?""ฉันกลับไปรอที่ห้องนะ" ม่านทิวาบอกกับเพื่อนสาว ทั้ง ๆ ที่สายตาของเธอจ้องมองไปยังร่างสูงของรณพีร์ที่กำลังกอดผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วยวนข้างกายธาริกาพยักหน้าอนุญาตแล้วหันกลับมามองเอกสารสำคัญที่เจ้านายหนุ่มเพิ่งจรดปากกาเซ็นช
เวลาสามทุ่มกว่าของคืนวันเดียวกัน ภายในสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานผสมผสานเคล้าคลอกับเครื่องดื่มชั้นดีที่ธาริกาจัดมาให้เพื่อน หญิงสาวเลือกโต๊ะที่มีความเป็นส่วนตัวเพราะไม่อยากให้ใครมารบกวน"โต๊ะที่คุณผู้หญิงจองไว้ทางร้านจัดให้เรียบร้อยแล้วครับ" พนักงานชายของร้านบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ"ขอบคุณค่ะ อย่าลืมของที่สั่งไว้นะคะ"ธาริกาย้ำเตือนกับพนักงานแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาถ่ายรูปโต๊ะที่จองไว้ ส่งให้เพื่อนในไลน์กรุปทันทีจะได้ไม่เสียเวลาเดินออกไปรับ ไม่นานนักเสียงข้อความแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอัญญ์ : ถึงแล้ว กำลังจะเข้าไปธาริกา : โอเค รีบมาฉันรออยู่อัญญ์ส่งสติกเกอร์ยิ้มแฉ่งแข่งตะวันมาให้ธาริกาธาริกา : แล้วคนอื่นล่ะ? ยัยวีวี่ ยัยปอ ยัยม่านถ้าแกไม่มาฉันจะโกรธจริง ๆ ด้วยม่านทิวาส่งสติกเกอร์การ์ตูนรูปหน้าผู้หญิงหัวเราะชอบใจเป็นการตอบกลับวีรพล : กำลังจะเข้าไปปอแก้ว : กำลังถึงเช่นกันจ้า รอแป๊บน
“ไม่ใช่ครับ แต่มีเรื่องจะถามนิดหน่อย” ตอบพร้อมกับมองหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยความสงสัย “บัญชีงบประมาณที่คุณทำอยู่เสร็จหมดหรือยังครับ”“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”“เดือนหน้าคุณม่านไม่ต้องมาทำงานแล้วนะครับ”“ทำไมคะ?” หญิงสาวถามเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ ก่อนเหลือบตามองคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามอย่างสงสัยว่าน่าจะเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องนี้“พอดีสามีคุณทำเรื่องลาออกให้เรียบร้อยแล้วครับ” ม่านทิวาตกใจพอ ๆ กับพนักงานหลายคนที่ได้ยินเรื่องน่าตกใจของเธอในคราวเดียวกันถ้าเดือนหน้าไม่ต้องมาทำงาน เช่นนั้นเธอจะเหลือเวลาทำงานที่บริษัทแห่งนี้เพียงสามวันเท่านั้น…สายตาหวานมองไปรอบ ๆ สายตาพนักงานคนอื่นต่างมองมาที่เธอรณพีร์! นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไงกัน!“ขอบคุณคุณหิรัญมากนะครับที่อนุมัติให้ภรรยาผมลาออกอย่างกะทันหัน” รณพีร์หันไปคุยกับหิรัญโดยไม่สนสายตาขุ่น ๆ ของม่านทิวาเลย“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” หิรัญตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”ชายหนุ่มผู้เป็นสามีของม่านทิวาขอตัวกลับ เขาเดินผ่านคนตัวเล