เธอนั่นเอง‘สาวงามโลกตะลึง’ บนดาดฟ้าฉีอวิ๋นเทียนหยุดกะทันหันราวกับห้วงเวลาได้หยุดชะงักเสียงอันไพเราะเหมือนไม่มีตัวตนอยู่จริงของเธอดังก้องไปทั่วบาร์ ขับขานบทเพลงดังอย่าง ‘Young and Beautiful’เธอนั่งตัวตรงสง่าบนเก้าอี้บุนวม ลำแสงตกกระทบพวงแก้มสวยงามละเอียดอ่อน เรือนผมสีดำปลิวสยายไปมา ริมฝีปากแดงเรื่อเผยอออก นำพาผู้ชมข้ามผ่านกาลเวลาและห้วงมิติด้วยการร้องเพลงทีปราศจากดนตรี...เพลงนี้ดังกึกก้องอยู่ในหูของเขา ภาพหลีเกอที่ร้องไห้อยู่บนระเบียงพลันแวบขึ้นมาในใจของฉีอวิ๋นเทียนคืนนั้น คิ้วของเธอขมวดมุ่น ดวงตาพร่ามัวเต็มไปด้วยหมอกควันบดบัง ความสวยปนโศกที่แสนจะสะเทือนใจผู้มองปรากฏอยู่บนใบหน้า เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามีดวงตาดอกท้อของเขากำลังจ้องมองตรงไปความคิดล่องลอยไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ...“ที่รัก สะเทือนอารมณ์มาก ฉันจะร้องไห้แล้ว! เปลี่ยนไปร้องเพลงที่ชวนให้ร่าเริงกว่านี้หน่อยสิ!” เจี่ยงอีอี ตะโกนจากด้านล่างหลีเกอขยิบตาให้เพื่อนสาวของเธอที่อยู่ด้านล่าง พูดว่า “ไม่มีปัญหา เดี๋ยวเปลี่ยนเพลงให้”จากนั้นจึงเปลี่ยนไปร้องเพลง ‘Les Champs Elysées’ขณะที่เธอร้องเพลง รอยยิ้มบ่งบอกความชาญฉลาดจา
โทรศัพท์มีข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา เธอเปิดอ่านมัน เห็นว่ามันมาจากหลีหราน[เสี่ยวเกอเกอ คิดถึงฉันไหม? พี่สามสุดที่รักของเธอคิดถึงเธอจะแย่แล้ว! ไว้เร็ว ๆ นี้เจอกันที่ฝรั่งเศสนะ…ขนตามเนื้อตัวหลีเกอลุกพรึ่บ เธอขยับนิ้วพิมพ์ลงบนหน้าจอ[ไม่คิดถึงเลย!]หลังจากส่งข้อความ เธอก็หันกลับมาและบอกผู้ช่วยของเธอว่า “ช่วยลงไปเซ็นรับให้ฉันหน่อย แล้วแจกจ่ายดอกไม้ให้เพื่อนร่วมงานผู้หญิงในบริษัทด้วยนะ”“ได้ค่ะ” ผู้ช่วยตอบรับแล้วออกจากสำนักงานไปหลีเกอยังคงอ่านเอกสารต่อไป ทันใดนั้นหลิวฉวน ผู้จัดการแผนกขยายกิจการก็เคาะประตูและเข้ามา“คุณหลี อรุณสวัสดิ์ครับ”หลิวฉวนเดินไปที่โต๊ะของหลีเกอพร้อมกับยื่นเอกสารให้ แต่ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความหมายอื่น “นี่คืองบกำไรขาดทุนประจำเดือนนี้ครับ ลองอ่านดูสิ”หลีเกอไม่ได้ให้ความสนใจ แต่มองตรงไปที่หลิวฉวนด้วยสีหน้าเฉยเมย “ผู้จัดการหลิวมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ?”จากนั้นก็เหลือบมองเอกสารในมือของหลิวฉวนแล้วพูดต่อ “ปกตินี่เป็นหน้าที่ของผู้ช่วยฉัน ไม่เห็นต้องรบกวนคุณมาด้วยตัวเองเลยนี่คะ”รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวฉวนลึกซึ้งยิ่งขึ้น ถึงอย่างนั้นก็แฝงด้วยความประหม่า “คุ
กลิ่นควันบุหรี่ฉุนกึกกระทบจมูก หลีเกอขยับหนีโดยไม่รู้ตัว ย้ายไปนั่งตรงเก้าอี้ด้านข้าง รักษาระยะห่างจากกันชัดเจนเมื่อมองขึ้นไป เธอมองเห็นแม้กระทั่งคราบหินปูนสีดำเหลืองระหว่างซอกฟันของหลิวฉวนอย่างชัดเจนจู่ ๆ หลีเกอก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมามองเผิน ๆ แล้วเขาเหมือนเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาธรรมดาทั่วไป ไม่คาดคิดว่าพออยู่ใกล้แล้วเขาจะน่าขยะแขยงขนาดนี้“หมายความว่าไงคะ? จะไม่ปล่อยฉันไปเหรอ?” เธอฝืนอั้นลมหายใจให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้แสดงท่าทีรังเกียจหลิวฉวนอย่างออกนอกหน้า“คุณเพิ่งจะตกลงจากเรือของฮั่วจิ้นเฉิง ชั่วพริบตาก็ขึ้นเรือของตี้เซิ่งกรุ๊ปซะแล้ว ทันทีที่ผมกลับมายังปินเฉิง คุณกลับเหยียบหัวคนเก่าคนแก่ไว้ใต้ฝ่าเท้าได้ทั้งหมด คุณหลี ผมล่ะชื่นชมคุณจริง ๆ เลย”ริมฝีปากของหลีเกอเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย เธอเลิกคิ้ว “คุณเรียกฉันมาที่นี่เพื่อชมฉันเท่านั้นเองเหรอคะ?”“ไม่แน่นอน ผมแค่อยากจะรู้ว่าผู้หญิงที่ฮั่วจิ้นเฉิงเคยเล่นด้วยแตกต่างออกไปจากผู้หญิงคนอื่นตรงไหน?” หลิวฉวนยิ้มกว้าง หางตายับย่นเป็นรอยตีนกา จ้องมองไปที่หลีเกอด้วยความปรารถนาที่ชัดเจนเหตุการณ์ที่ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาได้รับความอับอายเมื
ความโกรธทำให้ฮั่วจิ้นเฉิงลุกพรวดขึ้นทันที มองตามพวกเขาที่เดินออกจากโรงแรมไปโม่อี้เฟยยืนอยู่ข้างหลัง “ฉันพูดถูกไหมล่ะ? ชายหญิงสองคนนัดกันมาดินเนอร์ในโรงแรมสุดหรูแบบนี้ หลังกินเสร็จไปไหนได้อีก ถ้าไม่ได้ไปทำกิจกรรมต่อในโรงแรม”เขาตบไหล่ฮั่วจิ้นเฉิงแล้วพูดว่า “เพื่อน ผู้หญิงคนนี้สำส่อนจริง ๆ ปล่อยเธอไปตามทางของเธอเถอะ"ฮั่วจิ้นเฉิงปัดมือโม่อี้เฟยออก เดินจ้ำอ้าวไปที่โรงแรมอีกฝั่งอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้เธอเพิ่งหย่าร้างมาได้ระยะหนึ่งเท่านั้นเอง นอกจากจะติดต่อกับคุณหลีเป็นการส่วนตัวแล้ว แม้กระทั่งลูกน้องของเขายังไม่เว้นหลีเกอ คุณเปลี่ยนไป หรือคุณเป็นผู้หญิงแบบนี้มาตลอดกัน?ประตูลิฟต์เปิดออก หลิวฉวนก้าวเข้าไปก่อน แต่ในขณะที่หลีเกอกำลังจะก้าวตามเข้าไป ข้อมือของเธอก็ถูกคว้าไว้ด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่ง เสียงเย็นชาดังขึ้น “มาคุยกันหน่อย”พอหลีเกอเงยหน้าขึ้น และเห็นหน้าชายคนนั้นอย่างชัดเจน เธอก็กระซิบตอบอย่างเย็นชา ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่างเหินและไม่แยแส “ปล่อยฉันนะคุณฮั่ว ฉันมีธุระที่ต้องทำ ไม่มีเวลามาเสวนากับคุณ”ขณะที่เธอและหลิวฉวนกำลังจะขึ้นไปยังห้องชั้นบน ฮั่วจิ้นเฉิงกลับปรากฏ
หลังจากปิดประตูแล้ว หลิวฉวนก็เริ่มถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว “คุณหลี ไม่ต้องกังวลเลย หลังจากผ่านคืนนี้ไป ผมจะเล่าเรื่องภายในทั้งหมดเกี่ยวกับฉี่หังกรุ๊ปให้คุณฟัง รับประกันได้เลยว่าคุณจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานระหว่างอยู่ในบริษัทตี้เซิ่งอย่างแน่นอน”น้ำลายของเขาแทบจะไหลลงพื้น เหลือบมองกล้องที่ซ่อนอยู่ข้างเตียงอย่างอดไม่ได้ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องบันทึกคลิปวิดีโอไว้ตลอดเวลา เขา หลิวฉวน สามารถเล่นสนุกกับสาว ๆ ไฮโซได้อย่างไร้กังวลก็เพราะสิ่งนี้ ตราบใดที่อีกฝ่ายทำตัวไม่เป็นที่น่าพอใจ เขาก็สามารถใช้คลิปแอบถ่ายแบล็กเมล์เธอได้ทุกเมื่อหัวใจของเขาคันยุบยิบ อยากจะตะครุบร่างงามเพรียวกระทัดรัดมาจับเปลื้องผ้าจนเปลือยเสียวินาทีต่อมา หลีเกอคว้าขวดไวน์แดงขึ้นจากโต๊ะ แล้วทุบมันลงบนหัวของเขาอย่างแรง เขาตะลึงลาน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสบาดแผล ก็พบว่ามันเต็มไปด้วยเลือด“อ๊าก…”“นังชั่วเอ๊ย กล้าดียังไงเอาขวดมาทุบหัวฉัน!”หลิวฉวนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หมายจะต่อยหลีเกอ แต่เธอสามารถรับหมัดได้ด้วยมือเดียว หักแขนเขาจนงอไปอีกทาง ทำให้หลิวฉวนแขนพลิกจากนั้นหลีเกอถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะพุ่งตัวไป
ฮั่วจิ้นเฉิงยังทำใจเมินเฉยและจากไปทีเดียวไม่ได้ เขาต้องการพาตัวหลีเกอออกมา ไม่ว่าเธอต้องการหรือไม่ก็ตามโดยไม่คาดคิด ทันทีที่เขามาถึงชั้นบน ก็ได้ยินข่าวว่าหลิวฉวนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นเขาก็เห็นสีหน้าผ่อนคลายของหลีเกอ ถึงได้ตระหนักว่าเขากำลังเข้าใจเธอในทางที่ผิดหน้าอกของฮั่วจิ้นเฉิงเหมือนถูกกดทับโดยบางสิ่งบางอย่าง คลื่นแห่งความเจ็บปวดมากมายถาโถมสายตาเยาะเย้ยของหลีเกอที่ฝั่งตรงข้าม เป็นเหมือนกับแส้ที่มองไม่เห็น ตบหน้าเขาจนชา ทำให้เป็นไปได้ยากสำหรับเขาที่จะรวบรวมความกล้าแล้วเดินผ่าน หรือแม้แต่แสร้งทำเป็นตั้งคำถามกับเธอความเชื่อใจ?ดูเหมือนว่าเขาล้มเหลวที่จะมอบสิ่งนั้นให้กับหลีเกอในระหว่างการแต่งงานหลีเกอเดินออกจากโรงแรม พร้อมกันกับแพทย์สนามที่ลงจากรถพยาบาลและวิ่งเข้าไปโดยถือเปลหามเธอกะจะเรียกแม่บ้านให้ช่วยเรียกรถไป แต่เห็นฮั่วจิ้นเฉิงที่ใส่สูทเดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้ามีความหมาย“เดี๋ยวผมไปส่งเอง” น้ำเสียงของฮั่วจิ้นเฉิงสงบ ประโยคสนทนาเป็นไปในเชิงชี้นำสายตาของหลีเกอเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ดวงตาคู่นั้นเฉียบคม “ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันเกรงว่าจะทำให้รถของคุณฮั่วแปดเปื้อนซะเปล่า
หลีเกอนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มพลางพูด “เมื่อวานเพิ่งจะโดนหามขึ้นรถพยาบาล วันนี้ได้ออกจากโรงพยาบาลซะแล้ว ผู้จัดการหลิวนี่มีอัตราการฟื้นตัวที่ดีจริง ๆ”“คุณหลีอย่าล้อผมเลย ผมแค่กลัวว่าจะทำให้ธุรกิจขององค์กรพลอยล่าช้าไปด้วย”หลิวฉวนยังอยู่ในสภาพถูกพันผ้ากอซ สวมชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลคลุมทับด้วยเสื้อสูท พูดด้วยใบหน้ากระดากอาย “จำได้ว่าเมื่อวานนี้ผมไม่ทันได้บอกข้อมูลภายในเกี่ยวกับบริษัทนั้น ผมเลยต้องเอาข้อมูลมาชี้แจงที่บริษัทนี่ไง”หลีเกอพยักเพยิดคางเรียวของเธอไปทางโซฟา เชื้อเชิญหลิวฉวนให้นั่งลงผู้ชายคนนี้ต้องโดนทุบตีซะก่อน ถ้าถามเขาด้วยวิธีปกติธรรมดา เขาไม่มีทางบอกง่าย ๆ แน่ แต่หลังจากถูกซ้อมไปยกหนึ่ง เขาก็ยินดีมาหาพร้อมกับข่าวสาร“โครงการของฉี่หังกรุ๊ปเกี่ยวกับนาโนโรบอทถึงรอบครบกำหนดและเปิดตัวในวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับโครงการพัฒนาทางการแพทย์ของบริษัทตี้เซิ่งของเรา”ดวงตาของหลีเกอแสดงความไม่อดทน ลูบขมับและพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบคม “พูดเข้าสาระสักที ถ้ายังมัวชักแม่น้ำทั้งห้าอยู่ก็ออกไปซะ”เมื่อหลิวฉวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็เริ่มตัวสั่นไปทั้งตัว เพราะรู้แล้วว่าหลีเกอ
หลีเกอถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหลีหานที่เพิ่งเดินทางกลับดูไบเมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเรื่องนี้น่าแปลกเกินไป ฉีอวิ๋นเทียนทิ้งการสืบทอดกิจการของท่านประธานฉีในดูไบ เพื่อมาทำงานเป็นเสมียนในบริษัทสาขาปินเฉิงของเธอ ยิ่งคิดเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่ ดังนั้นควรถามพี่ใหญ่เกี่ยวกับสถานการณ์ของกิจการตระกูลฉีก่อนไม่นานปลายสายก็รับโทรศัพท์“น้องสี่ มีอะไรกับฉันหรือเปล่า” น้ำเสียงของหลีหานที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ฟังดูอ่อนโยนและทรงเสน่ห์เช่นเคยหลีเกอเหลือบมองผู้จัดการโครงการที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเชื่องช้า ปิดปากแล้วกระซิบว่า “พี่ใหญ่ ผู้ชายที่ชื่อฉีอวิ๋นเทียนกลับมาที่ปินเฉิงไม่พอ ยังส่งเรซูเม่ของเขามาสมัครงานกับฝ่ายโครงการลงทุนของเราอีก ธุรกิจของตระกูลฉีล้มละลายหรือเปล่า?”หลีหานคลี่ยิ้มบาง ๆ รู้ดีว่าน้องสาวมองว่าฉีอวิ๋นเทียนเป็นสัตว์ดุร้าย แถมยังเกลียดอีกฝ่ายมากถึงกับไม่เคยพูดถึงอีกฝ่ายในทางที่ดีเลย“เปล่า คราวนี้ฉีอวิ๋นเทียนถูกส่งตัวกลับไปที่ปินเฉิงโดยประธานฉี แต่ฉันไม่รู้เลยว่าเขาไปสมัครงานที่บริษัทตี้เซิ่ง”“เข้าใจแล้ว ฉันจะโยนใบสมัครเขาทิ้ง