ฮั่วอวิ๋นเจินตกใจกับท่าทีของหัวเฉียงจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงทั้งสองกลับเข้ามาในงาน การประมูลเริ่มขึ้นแล้ว"ลำดับต่อไป เราจะเปิดโครงการหมายเลข 0781 บริษัทที่เสนอเข้าร่วมประมูล ได้แก่ ฮั่วกรุ๊ป บริษัทตี้เซิ่ง หัวกรุ๊ป และหลงเถิงกรุ๊ป..."พิธีกรพลิกกการ์ดในมือ แล้วพูดในที่สุดว่า "บริษัทที่ได้รับผิดชอบโครงการนี้ คือบริษัทตี้เซิ่ง ขอแสดงความยินดีกับบริษัทตี้เซิ่งด้วยครับ..."เมื่อพิธีกรพูดจบ หลีเกอและฉีอวิ๋นเทียนก็ลุกขึ้นยืน เสียงปรบมือดังกึกก้องหลังจากจบการประมูลหัวเฉียงรีบโทรหาซัพพลายเออร์ "คุณหลี่ครับ ความร่วมมือของเราน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คุณช่วยดำเนินเรื่องยกเลิกความร่วมมือระหว่างเราไปก่อนได้ไหม?""...อะไรนะ! ค่าปรับห้าสิบล้าน!? คุณหลี่ครับ เรื่องนี้เราพอจะเจรจากันใหม่ได้ไหม..."ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรบ้าง แต่เขากดวางสายไปเอง เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณตู๊ด ๆ จากปลายสาย หัวเฉียงก็โกรธจัด"ไอ้พวกเวรเอ๊ย"ฮั่วอวิ๋นเจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหลือบมองเขาอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ หัวเฉียงหันกลับมามองเธอ เดินตรงเข้ามาแล้วคว้าข้อมือเธอทันที"ฮั่วอวิ๋นเจิน เห็นหรือเปล่า
แต่เธอกลับคว้าไม่ทัน หลีเกอหลบเลี่ยงได้อย่างว่องไว"ขโมยข้อมูลอันเป็นความลับของบริษัท ถือเป็นความผิดทางอาญา ถ้าฉันเอาคลิปนี้ส่งให้ตำรวจ คิดว่าคุณจะโดนลากคอเข้าคุกไหม?"ฮั่วอวิ๋นเจินมองเธอด้วยความไม่เชื่อ สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก รู้ตัวแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเปลี่ยนสีหน้าในทันทีแล้วรีบขอร้อง "หลีเกอ อย่า... ขอร้องล่ะ อย่าทำอย่างนั้นเลยนะ"ถ้าหลีเกอส่งคลิปนี้ไปให้ตำรวจ ชีวิตเธอคงจบสิ้นของจริงการขโมยความลับบริษัทไม่ใช่ความผิดเล็กน้อย ยังมีมูลค่าความเสียหายมากเกินคณานับอีกด้วย เพียงพอจะทำให้เธอติดคุกไปตลอดชีวิต"ฉันขอล่ะ... หลีเกอ อย่าส่งมันให้ตำรวจเลยนะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ..." ฮั่วอวิ๋นเจินขอร้องไม่หยุดเธอหวังเพียงให้หลีเกอปล่อยเธอไปฉีอวิ๋นเทียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปาก สายตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย "ในเมื่อคุณรู้แบบนี้ตั้งแต่แรก ก็ไม่น่าทำเลยนะ คุณหนูฮั่ว นี่น่าจะไม่ใช่ครั้งแรกของคุณด้วยจริงไหม..."แต่ฮั่วอวิ๋นเจินไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว รีบจับแขนหลีเกอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม "หลีเกอ ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนใจดีที่สุด ฉันขอร้อง ให้ฉันได้รับโอกาสอีกครั
หลีหานไม่ค่อยได้มาเมืองปินเฉิง แต่ทำไมวันนี้ถึงมาโดยไม่บอกไม่กล่าวเธอเอ่ยออกมาตามตรง"พี่ใหญ่ พี่มาเมืองปินเฉิงทั้งที มีธุระอะไรเหรอคะ?"หลีหานไม่ได้ตอบคำถาม แต่ยื่นแฟ้มเอกสารให้เธอ"ดูเองเถอะ นี่คือเอกสารการประกันตัวและเอกสารลดโทษที่ฮั่วจิ้นเฉิงส่งมายังเรือนจำท้องถิ่น ทั้งหมดเป็นเรื่องของเฉียวซีอวิ๋น เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นคือการพาเฉียวซีอวิ๋นออกจากคุก"ข่าวนี้ค่อนข้างกะทันหันก่อนหน้านี้ไม่มีแม้แต่ข่าวคราวใด ๆ เลยแววตาของหลีเกอเย็นชาลงในทันที ไร้แววอบอุ่น จากนั้นเธอก็รับแฟ้มเอกสารมาพลิกดู"ฮั่วจิ้นเฉิงยังคำนึงถึงความหลังอยู่สินะ ถึงได้อยากพาคนในใจของเขาออกมาเร็วขนาดนี้""เฉียวซีอวิ๋นทำเรื่องเลวร้ายไว้มากมายขนาดนั้น จะถูกปล่อยตัวออกมาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเชียวเหรอ?"หลีหานหรี่ตามองแล้วพูดว่า "พี่ลงมือขัดขวางแล้ว แต่ท่าทีของฮั่วจิ้นเฉิงแข็งกร้าวมาก บอกเลยว่าเพื่อเฉียวซีอวิ๋นคนนี้ เขาทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ"หลีหานหยุดพูดชั่วครู่แล้วถามว่า"น้องสี่ พี่อยากรู้ว่าตอนนี้เธอคิดยังไงกับเขา""เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"ประโยคง่าย ๆ ประโยคหนึ่ง ขีดเส้นแบ่งเขตแดนระหว่
"น้องสี่ จำไว้นะ อย่าให้ความล้มเหลวด้านความรักครั้งหนึ่งกลายเป็นกำแพงปิดกั้นตัวเอง สำหรับพี่ เธอคู่ควรกับสิ่งที่ดีที่สุด..."เมื่อได้ยินแบบนั้น หลีเกอก็รู้สึกอบอุ่นใจ"รู้แล้วค่ะ พี่ใหญ่ มีพี่ มีพวกพี่อยู่ด้วย แค่นี้ก็พอแล้ว"หลีหานเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ "เด็กคนนี้ พูดเหมือนพี่เป็นคนอื่นคนไกล เรื่องของความรู้สึกเธอควรรู้ได้ด้วยตัวเองนะ""ต้องเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเองอย่างถูกต้อง อย่าปล่อยให้คนที่รักเธออย่างแท้จริงหลุดมือไป"หลีเกอพยักหน้า แต่กลับรู้สึกว่าวันนี้หลีหานพูดมากกว่าปกติ "พี่ใหญ่ พี่กลายเป็นคนนินทาเรื่องคนอื่นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?""ผิดเหรอ? พี่ก็แค่เป็นห่วงเธอเท่านั้นเอง พี่ไม่สามารถละเลยเรื่องสำคัญในชีวิตเธอได้อีกแล้ว หลังจากเจอเรื่องแย่ ๆ มาครั้งหนึ่ง ก็ควรจะเรียนรู้ให้เข็ดหลาบ""ที่เดิม ไม่ควรสะดุดล้มสองครั้ง""ตราบใดที่คนนั้นไม่ใช่ฮั่วจิ้นเฉิง ไม่ว่าสุดท้ายเธอจะเลือกอยู่กับใคร พวกเราตระกูลหลีก็สนับสนุนอย่างเต็มที่"คำพูดของหลีหานแสดงให้เห็นท่าทีของเขาอย่างชัดเจนและนั่นก็คือท่าทีของทั้งตระกูลหลีหลีเกอพยักหน้า "รู้แล้วค่ะ พี่ใหญ่ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง"เมื่อพ
หากเป็นไปตามความคืบหน้าดังเดิม หลีเกอมีโอกาสชนะเดิมพันสูงมาก แต่จนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย ผู้อำนวยการหูไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ"รีบร้อนอะไรนัก เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งปีไม่ใช่หรือไง? สร้างโครงการขึ้นมาอาจไม่ง่าย แต่การทำลายโครงการน่ะง่ายจะตายไป..."แววตาของผู้อำนวยการหูมืดมนลง ดูเหมือนจะเตรียมพร้อมที่จะดับเครื่องชน เขาคลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจมาหลายปี จะยอมแพ้ให้กับเด็กสาวที่เป็นมือใหม่ได้อย่างไร"ไอ้ฉีอวิ๋นเทียนนี่ สงสัยต้องหาวิธีจัดการซะแล้ว...""ผู้อำนวยการหู ผมมีวิธีมาเสนอครับ..."คิ้วของผู้อำนวยการหูกระตุก ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม "พูดมาซิ วิธีอะไร"ผู้ช่วยกระซิบข้างหู เบาจนได้ยินแค่ผู้อำนวยการหูเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของผู้อำนวยการหูเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "สมแล้วที่ติดตามฉันมานานหลายปี ไม่ได้ทำให้นายเรียนรู้อะไรน้อยลงเลย งั้นก็ทำตามที่นายพูดเถอะ""ได้ครับ ผู้อำนวยการหู"...ตกกลางคืน บาร์เฟยหลี่หลีเกอจัดงานเลี้ยงฉลองให้ฉีอวิ๋นเทียน เชิญเพื่อนร่วมงานภายในบริษัทเข้าร่วม เมื่อทุกคนอยู่รวมกัน บรรยากาศในงานค่อนข้างคึกคักทีเดียว"พวกเราต้องขอแสดงความยินดีกับประธานฉีด้วยนะครับ ที่สามารถคว้า
"ไป เอาโทรศัพท์ของคนที่ชื่อหลีเกอมาให้ฉัน..."เมื่อคำพูดนี้จบลง เด็กแว๊นหลายคนก็กรูกันเข้ามา ใช้ค้อนทุบกระจกรถ สิ้นเสียง "ปัง" แค่ครั้งเดียว กระจกหน้ารถก็แตกละเอียด เศษกระจกกระเด็นไปโดนหลีเกอ เสียงสัญญาณในรถดังเตือนหนวกหู"เธอ หลีเกอใช่ไหม เอาโทรศัพท์มานี่"พอพูดจบเขาก็ตั้งท่าจะเอื้อมมือเข้ามาแย่งโทรศัพท์ในมือหลีเกอหลีเกอหลบไปทางด้านข้าง ยกขาขึ้นเตะไปที่หัวของชายคนนั้นด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เลือดกำเดาไหลออกมาทางจมูกของเขาในทันที"กล้านักนะ ต่อหน้าคนตั้งมากมาย พวกแกคิดจะทำอะไร?"ชายคนนั้นเจ็บปวดมาก ยกมือกุมหน้าตัวเอง “นังบ้าเอ๊ย ฉันจะจัดการกับแกยังไงดี?!"พูดจบก็ตั้งท่าจะปีนเข้ามาในรถแต่ทันใดนั้น รถเก๋งสีดำหรูหราหลายคันก็ขับเข้ามา เสียงเบรกดังขึ้นต่อเนื่อง บอดี้การ์ดที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีกรูล้อมรอบกลุ่มคนเหล่านี้ไว้ราวกับหน่วยรบสวรรค์ที่ถูกส่งลงมาอย่างทันท่วงที พวกเขามีส่วนสูงเฉลี่ย 185 เซนติเมตร ร่างกายกำยำแข็งแรง ทำให้พวกเด็กแว๊นผอมแห้งแรงน้อยที่อยู่โดยรอบตกใจกลัว"มัวยืนอยู่ทำไมวะ วิ่งสิโว้ย!"แต่ตอนนี้ พวกเขาถูกล้อมรอบเอาไว้หมดแล้ว ไม่มีทางหนีรอดไปได้ส่วนชายท
คฤหาสน์ของครอบครัวลุงใหญ่ตระกูลฮั่วขณะนี้ ฮั่วอวิ๋นเจินเดินไปเดินมาพร้อมกับถือโทรศัพท์อยู่ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มจมูกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้พอมองไปที่นาฬิกาบนฝาผนัง เข็มชี้ไปที่เลข 11 แต่เด็กแว๊นพวกนั้นยังไม่มีวี่แววว่าจะตอบกลับฮั่วอวิ๋นเจินหมดความอดทนแล้ว เปลี่ยนรองเท้าแล้วกำลังจะเดินออกไป แต่จังหวะนั้นเอง เสียงรถมอเตอร์ไซค์ท่อดังกลับดังขึ้นจากหน้าประตูฮั่วอวิ๋นเจินแสดงสีหน้าดีใจ รีบเปิดประตูให้"หู่จื่อ เรื่องที่ฉันฝากเป็นยังไงบ้าง?"หัวหน้าแก๊งที่ชื่อหู่จื่อถอดหมวกกันน็อกออก มองฮั่วอวิ๋นเจินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ปากเอ่ยว่า "พี่อวิ๋นเจิน ขอโทษด้วย"ฮั่วอวิ๋นเจินยังไม่ทันได้ตั้งตัว ถามซ้ำอีกครั้ง"ขอโทษเรื่องอะไรกัน? อย่าบอกนะว่าเรื่องที่ฉันให้ไปจัดการไม่สำเร็จ เป็นไปได้ยังไง? พวกนายตั้งหลายคน จัดการผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวไม่ได้เลยเหรอ?"หู่จื่อหน้าแดงก่ำ"พี่อวิ๋นเจิน ข่าวที่คุณได้มาน่าจะเข้าขั้นเพี้ยนเลยแหละ""หมายความว่าไง?""ขอโทษด้วยนะ พี่อวิ๋นเจิน เงินหนึ่งล้านที่พี่ให้มา ผมจะคืนให้ครบทุกบาท แต่ตอนนี้รบกวนพี่ช่วยไปกับพวกเราห
"อวิ๋นเจินโตจนถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมทำอะไรไม่หัดคิดหน้าคิดหลังซะบ้าง คราวนี้ถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน""แม่ครับ ผมมีลูกสาวแค่คนเดียว ถ้าเธอต้องติดคุก คนเป็นพ่ออย่างผมจะอยู่ยังไง?"แต่คุณย่าฮั่วกลับไม่สะทกสะท้าน "เธอโตแล้ว ควรรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ"ฮั่วเจี้ยนกั๋วไม่คิดว่าคุณย่าฮั่วจะเด็ดขาดขนาดนี้ จึงพูดขู่ "แม่ครับ ถ้าอวิ๋นเจินเป็นอะไรไป ผมก็จะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วเหมือนกัน ถ้าแม่ไม่อยากสูญเสียลูกชายในวัยชรา งั้นก็ตามใจ"พูดจบฮั่วเจี้ยนกั๋วก็เดินออกไปอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง เหลือไว้เพียงคุณย่าฮั่วที่ถอนหายใจด้วยความสิ้นหวังสุดท้าย คุณย่าฮั่วก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปหาฮั่วจิ้นเฉิง "จิ้นเฉิง เรื่องนี้หลานน่าจะต้องไปหาเสี่ยวเกอจริง ๆ เธอเป็นคนใจอ่อน ลองเจรจากันดูซิว่าพอจะมีวิธีไกล่เกลี่ยกันได้ไหม?"ฮั่วจิ้นเฉิงเปลี่ยนไปสวมชุดสูทเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าเย็นชา ไม่มองหน้าใคร "คุณย่า เรื่องนี้ยกให้ฝ่ายกฎหมายของตระกูลฮั่วจัดการเถอะครับ"เขาไม่มีหน้าไปขอร้องหลีเกอ เพราะการขโมยความลับของบริษัทไม่ใช่เรื่องเล็ก ชุดข้อมูลสำคัญเมื่อหลุดออกไปอาจทำให้บริษัททั้งบริษัทล้มละลายได้ดังนั้น เขาจึงต