เมื่อกลับมาที่บริษัท หลีเกอได้มอบหมายโครงการที่ไม่เร่งด่วนให้เจิ้งหลิ่วรับไปจัดการแทนชั่วคราว ส่วนตัวเธอเองหาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้มาอ่านอย่างตั้งใจจนกระทั่งความมืดปกคลุมท้องฟ้าชั้นบนสุดของอาคารบริษัทตี้เซิ่งยังคงสว่างไสวฟู่ซิวเป่ยแบกเอกสารกองหนึ่งเดินมาที่ชั้นบนสุด มองผ่านหน้าต่าง เห็นหลีเกอที่กำลังจมอยู่กับโลกของตัวเอง ดวงตาของฟู่ซิวเป่ยอ่อนโยนราวกับสายน้ำเขาเคาะประตูแล้วผลักประตูเข้าไปทันทีที่เข้ามา เขาก็เห็นภาพร่างการออกแบบกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ฟู่ซิวเป่ยก้มลงเก็บขึ้นมาทีละแผ่น ส่วนหลีเกอกัดปากกาอยู่ด้านข้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเห็นฟู่ซิวเป่ย ปราการความเข้มแข็งทั้งหมดก็พังทลายลง"ฉันจะทำยังไงดีคะ! พี่ซิวเป่ย ฉันไม่มีแรงบันดาลใจเลย วาดอะไรไม่ออกเลย!"ฟู่ซิวเป่ยเก็บแบบร่างการออกแบบทั้งหมดขึ้นมา จัดเรียงให้เป็นระเบียบ แล้วเดินไปหาเธอ "วาดไม่ออกก็พักก่อน อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป"หลีเกอเม้มริมฝีปาก"แต่ว่าวันนี้ก็ผ่านไปตั้งวันหนึ่งแล้ว ฉันเหลือเวลาอีกแค่สองวันเท่านั้นเอง"ฟู่ซิวเป่ยยื่นมือไปลูบหัวเธอ แล้วแย่งดินสอในมือเธอไป ดึงมือเธอมาจับ
ฟู่ซิวเป่ยอดไม่ได้ที่จะยิ้ม "อืม งั้นไปดูเรื่องอื่นต่อไหม"หลีเกอเริ่มตื่นตาตื่นใจ "มีอะไรที่สนุกกว่านี้อีกเหรอคะ?"ฟู่ซิวเป่ยทำตัวลึกลับอีกแล้ว "เดี๋ยวก็รู้"จากนั้นฟู่ซิวเป่ยก็พาหลีเกอไปที่ถนนอีกสายหนึ่ง ซึ่งมีการแสดงงิ้วปักกิ่งหลีเกอตามฟู่ซิวเป่ยไปเยี่ยมชมร้านปักผ้า ดูผลงานการปักผ้าแบบคลาสสิกมากมาย สัมผัสบรรยากาศของวัฒนธรรมโบราณอย่างเต็มที่ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินผ่านร้านเครื่องเคลือบดินเผาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเครื่องเคลือบดินเผาสีน้ำเงินและสีขาววางอยู่มากมาย หลีเกอตาสว่างขึ้นทันที พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว"พี่ซิวเป่ย ฉันเข้าใจแล้วว่าคุณพาฉันมาที่นี่ทำไม"หลีเกอมองไปที่เครื่องเคลือบดินเผาสีน้ำเงินและสีขาวเหล่านี้ นึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ทั้งคู่ได้ไปเยี่ยมชมในตอนกลางคืน เมื่อผนวกรวมกับข้อมูลเกี่ยวกับงานแฟชั่นโชว์ที่เธอได้อ่านในวันนี้ ภาพร่างที่ชัดเจนก็ปรากฏขึ้นในหัว"ปากกา ขอปากกาให้ฉันหน่อยสิคะ!"หลีเกอพูดด้วยความตื่นเต้นฟู่ซิวเป่ยรีบหยิบปากกาหมึกซึมจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ แต่ไม่มีกระดาษวาดภาพในตอนนี้ ทำให้หลีเกอใจร้อนมาก"ทำยังไงดี ฉันได้แรงบันดาลใจแล้ว แต่ไม่มีอะไรให้วาดเลย!"เมื่อพู
คืนนั้นหลีเกอนอนหลับสนิทจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นสู่ขอบฟ้า เธอถึงตื่นขึ้นมาจากความฝัน"ก๊อก ๆ..." เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก!หลีเกอพลิกตัว ผ้าห่มที่อยู่บนตัวก็หลุดร่วงลงมา เธอหันมองไปรอบ ๆ พบว่าเมื่อคืนนี้เธอคงเผลอหลับในห้องทำงาน"เข้ามาเลยค่ะ"หลีเกอพูดหลังจากที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเมื่อพูดจบ เจิ้งหลิ่วก็ถือถาดอาหารเช้าเดินเข้ามา เมื่อเห็นหลีเกอ เขาก็พูดอย่างเคารพว่า "คุณหลี อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลีเกอตอบรับเบา ๆเธอมองเขาด้วยความสงสัย เจิ้งหลิ่วรีบอธิบายว่า "คุณฟู่สั่งให้ผมเตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณครับ ต้องบอกเลยว่าคุณฟู่เป็นคนเอาใจใส่จริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับคุณหลี เขาเอาใจใส่เป็นพิเศษ"หลีเกอหน้าแดงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเธอเดินไปที่โต๊ะทำงาน มีแผ่นกระดาษโน้ตวางอยู่บนโต๊ะ"มอร์นิ่งครับ คุณหนูหลี! ผมให้ผู้ช่วยเจิ้งส่งอาหารเช้ามาให้แล้ว อย่าลืมกินเยอะ ๆ นะ!" แถมยังวาดหน้ายิ้มไว้ท้ายประโยคหลีเกออดหัวเราะไม่ได้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ค่อนข้างอ่อนหวานเหมือนสาววัยรุ่นเลยหลีเกอเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนอารมณ์จะดีหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เธอก็จัดการรายละเอี
เขาสารภาพว่าเขารู้สึกหึงหวงหรือแม้แต่อิจฉา"คุณชอบเขาเหรอ" ฮั่วจิ้นเฉิงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ถามคำถามที่เขาอยากถามมากที่สุด"นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ""งั้นเหรอ" ฮั่วจิ้นเฉิงกระชากข้อมือเธอและดึงเธอเข้ามาใกล้ ๆ กับรถ หลีเกอพยายามดิ้นรน "ฮั่วจิ้นเฉิง ปล่อยฉันนะ!""พูดมาสิว่าคุณไม่ได้ชอบฟู่ซิวเป่ย"หลีเกอโกรธ "โรคจิตหรือไง! ฉันจะชอบใครก็เรื่องของฉัน ฉันมีอิสระ!""พูดมา! หลีเกอ ผมอยากฟังคุณพูด"หลีเกอดิ้นรนไม่หยุด "ฉันชอบเขา ชอบเขามาก ชอบจนแทบจะคลั่งอยู่แล้ว พอใจหรือยัง?"ดวงตาแดงก่ำของฮั่วจิ้นเฉิงวูบวาบไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ความรู้สึกเหมือนถูกแทงเข้าที่หน้าอก เจ็บแปลบระบมหลีเกออาศัยจังหวะนี้ดิ้นหลุดจากเขา ถอยหลังไปสองก้าว สายตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง "ฮั่วจิ้นเฉิง ฉันจะชอบใครก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ถึงวันนี้ไม่มีฟู่ซิวเป่ย ก็จะมีจางซิ่วเป่ย หลี่ซิ่วเป่ย... หรือผู้ชายคนอื่น ๆแต่คนคนนั้นไม่มีทางเป็นคุณ เข้าใจไหม?"หลีเกอพูดไปน้ำตาคลอไปความรู้สึกอัดอั้นที่ฝืนข่มมานานพังทลายลงในทันทีฮั่วจิ้นเฉิงหัวเราะเยาะตัวเอง ชกหมัดใส่กระจกรถอย่างแรง กระจกแตกกระจายไ
"วันนี้ทุกคนมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง ถ้าคะแนนโหวตของคุณน้อยเกินไป คุณจะถูกคัดออกทันที"หลีเกอยิ้มเล็กน้อย เมื่อตัดสินใจที่จะแข่งกับเหยียนเจี่ยน เธอก็ย่อมต้องยอมรับกฎนี้โดยไม่มีข้อโต้แย้งอะไรอาจารย์โม่ชอบท่าทีสงบเสงี่ยมในการรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ของเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชมเหยียนเจี่ยนเห็นหลีเกอก็เชิดคางขึ้นอย่างหยิ่งยโส แล้วหยิบแบบร่างการออกแบบของตัวเองออกมา"ในเมื่อคุณหลีมาถึงแล้ว งั้นเชิญทุกท่านพิจารณาแบบร่างของฉันได้เลยค่ะ"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทุกคนก็มารวมตัวกัน เหยียนเจี่ยนทำท่ามั่นใจ กางกระดาษร่างแบบออกภาพร่างชุดแต่ละแบบปรากฏต่อสายตาทุกคนเมื่อมองไปยังแบบร่างตรงหน้า ดวงตาของทุกคนก็เต็มไปด้วยความชื่นชมต้องบอกว่าความสามารถในการออกแบบของเหยียนเจี่ยนนั้นแข็งแกร่งมากเทคนิคของเธอเต็มไปด้วยความชำนาญ ไม่ว่าจะเป็นการร่างเส้นหรือการเรียงลำดับรายละเอียดสีก็ล้วนอยู่ในระดับสูง"สมเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์โม่จริง ๆ ฝีมือแบบนี้ ฝึกฝนเป็นสิบปีก็ทำไม่ได้แน่ เหยียนเจี่ยน คุณทำให้เราทุกคนทึ่งจริง ๆ!""ชุดนี้มีสไตล์ที่ทันสมัย คล้ายกับสไตล์เกาหลีที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันมาก ชุดนี้ม
"นี่... นี่... นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องลายครามสีน้ำเงินและสีขาวเหรอ?""ฉันเพิ่งเคยเห็นการผสมผสานสีของเครื่องลายครามเข้ากับเสื้อผ้าเป็นครั้งแรก เป็นอะไรที่โดดเด่นมาก!""นี่มันเป็นการผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ของจีนเข้าด้วยกันทั้งหมดเลย องค์ประกอบความเป็นจีนประกอบร่างเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรกอย่างโดดเด่นได้ขนาดนี้เชียว ยอดเยี่ยมมาก!""ฉันก็ว่าทำไมฉันถึงมองแล้วละสายตาไม่ได้เลย คุณลองดูด้านล่างสิ ยังสอดแทรกองค์ประกอบของงิ้วไว้ด้วย... ทั้งหมดผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด...""นี่... ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าแล้ว! มันคือการถ่ายทอดวัฒนธรรมดั้งเดิมของบรรพบุรุษ ผลงานนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับการนำเสนอสู่สายตาชาวโลกในโอกาสอย่างนี้""..."เหยียนเจี่ยนมองไปที่ผลงานการออกแบบของหลีเกอ นอกจากความทึ่งแล้ว เธอก็นึกคำอื่นไม่ออก!ประวัติศาสตร์ของจีนดำรงอยู่มายาวนาน วัฒนธรรมหยั่งรากลึกมาห้าพันปี แต่เธอกลับละเลยไปสนิทเพียงชั่วครู่ใบหน้าก็ซีดเผือด!ผลงานของเธอผสมผสานสไตล์เกาหลีซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ ตั้งใจออกแบบเพื่อเอาใจชาวต่างชาติโดยเฉพาะ ถึงอย่างนั้นกลับให้ความรู้สึกเหมือนหลงใหลได้ปลื้มไปกับวั
ศาสตราจารย์โม่พูดต่อ"เท่าที่ผมเห็น คุณไม่จำเป็นต้องออกไปหาลูกค้าด้วยตัวเองแล้ว""ผู้ผลิตเสื้อผ้าในครั้งนี้สามารถมอบให้เป็นความรับผิดชอบของโรงงานในเครือบริษัทตี้เซิ่งได้ทั้งหมด รวมถึงคำสั่งซื้อในภายหลังก็สามารถมอบให้ตี้เซิ่งจัดการได้เช่นกัน"เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของหลีเกอก็เป็นประกายถ้าเป็นแบบนี้ ยอดขายของตี้เซิ่งก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก!เธอรู้สึกยินดีอย่างมากและรู้สึกขอบคุณอย่างมากเช่นกัน"ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์โม่!""เด็กคนนี้ ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นหรอก""พูดตามตรง ผมเสียดายพรสวรรค์! ต้นกล้าที่ดีอย่างคุณไม่ควรปล่อยให้เสียเปล่าไปดื้อ ๆ เลยสักนิด"คำพูดของศาสตราจารย์โม่ล้วนบ่งบอกว่ายอมรับความสามารถของหลีเกอแค่ไหนแต่หลีเกอกลับรู้สึกเขินอายเล็กน้อย"อาจารย์โม่ คุณชมฉันเกินไปแล้วค่ะ""ฮ่าฮ่าฮ่า แม่หนูคนนี้ ทำอะไรก็ถูกใจผมจริง ๆ!"เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ก็ได้กลิ่นอายบางอย่างที่แปลกประหลาดได้ยินมาว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา ศาสตราจารย์โม่กำลังมองหาศิษย์เอกเพื่อสืบทอดอุดมการณ์ นักออกแบบทั่วทั้งวงการต่างก็หลั่งไหลกันมาฝากเนื้อฝากตัว รวมถึงมหาวิทยาลัยปินเฉิงที่มีนักศึกษามากมายเ
จากนั้นก็พูดว่า "ฉันไม่ได้แสดงละครนะ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันก็ไม่มีทางได้เจอคุณ""เจอกันแล้วแล้วไง ยังจะเสแสร้งต่อหน้าผมอีกเหรอ" ฮั่วจิ้นเฉิงไม่สนใจเลย แววตาของเขายังมีความเกลียดชังแฝงอยู่ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียวซีอวิ๋นเขากับหลีเกอก็คงไม่เดินมาถึงทางตันแบบนี้น้ำตาของเฉียวซีอวิ๋นไหลพราก เธอเอื้อมมือไปจับแขนฮั่วจิ้นเฉิง แต่กลับถูกเขาสะบัดทิ้งเฉียวซีอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยตัวเอง"ทำไมแม้แต่การสัมผัสก็ยังไม่ได้เหรอ หึ... คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าตระกูลฮั่วของคุณติดค้างหนี้ตระกูลเฉียวของเราตลอดชีวิต"มือของฮั่วจิ้นเฉิงกำแน่นเมื่อเป็นเรื่องนี้เขาไม่มีอะไรจะโต้แย้งเฉียวซีอวิ๋นใช้จุดนี้มาควบคุมเขาไว้อีกครั้ง"คำพูดบางคำ พูดออกมาบ่อย ๆ ก็ไร้ประโยชน์แล้ว"ฮั่วจิ้นเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา คำพูดของเขาแฝงไปด้วยคำเตือนแต่เฉียวซีอวิ๋นกลับดูเหมือนจะไม่สนใจ "เพราะงั้น... ฉันคิดว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะพูดคำเหล่านี้แล้ว จิ้นเฉิง เรามาทำข้อตกลงกันเถอะ"เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เฉียวซีอวิ๋นลดเสียงลงใช้โทนเสียงที่เฉพาะพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน "ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากติดค้างตระกูลเฉีย