"นี่... นี่... นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องลายครามสีน้ำเงินและสีขาวเหรอ?""ฉันเพิ่งเคยเห็นการผสมผสานสีของเครื่องลายครามเข้ากับเสื้อผ้าเป็นครั้งแรก เป็นอะไรที่โดดเด่นมาก!""นี่มันเป็นการผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ของจีนเข้าด้วยกันทั้งหมดเลย องค์ประกอบความเป็นจีนประกอบร่างเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรกอย่างโดดเด่นได้ขนาดนี้เชียว ยอดเยี่ยมมาก!""ฉันก็ว่าทำไมฉันถึงมองแล้วละสายตาไม่ได้เลย คุณลองดูด้านล่างสิ ยังสอดแทรกองค์ประกอบของงิ้วไว้ด้วย... ทั้งหมดผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด...""นี่... ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าแล้ว! มันคือการถ่ายทอดวัฒนธรรมดั้งเดิมของบรรพบุรุษ ผลงานนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับการนำเสนอสู่สายตาชาวโลกในโอกาสอย่างนี้""..."เหยียนเจี่ยนมองไปที่ผลงานการออกแบบของหลีเกอ นอกจากความทึ่งแล้ว เธอก็นึกคำอื่นไม่ออก!ประวัติศาสตร์ของจีนดำรงอยู่มายาวนาน วัฒนธรรมหยั่งรากลึกมาห้าพันปี แต่เธอกลับละเลยไปสนิทเพียงชั่วครู่ใบหน้าก็ซีดเผือด!ผลงานของเธอผสมผสานสไตล์เกาหลีซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ ตั้งใจออกแบบเพื่อเอาใจชาวต่างชาติโดยเฉพาะ ถึงอย่างนั้นกลับให้ความรู้สึกเหมือนหลงใหลได้ปลื้มไปกับวั
ศาสตราจารย์โม่พูดต่อ"เท่าที่ผมเห็น คุณไม่จำเป็นต้องออกไปหาลูกค้าด้วยตัวเองแล้ว""ผู้ผลิตเสื้อผ้าในครั้งนี้สามารถมอบให้เป็นความรับผิดชอบของโรงงานในเครือบริษัทตี้เซิ่งได้ทั้งหมด รวมถึงคำสั่งซื้อในภายหลังก็สามารถมอบให้ตี้เซิ่งจัดการได้เช่นกัน"เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของหลีเกอก็เป็นประกายถ้าเป็นแบบนี้ ยอดขายของตี้เซิ่งก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก!เธอรู้สึกยินดีอย่างมากและรู้สึกขอบคุณอย่างมากเช่นกัน"ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์โม่!""เด็กคนนี้ ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นหรอก""พูดตามตรง ผมเสียดายพรสวรรค์! ต้นกล้าที่ดีอย่างคุณไม่ควรปล่อยให้เสียเปล่าไปดื้อ ๆ เลยสักนิด"คำพูดของศาสตราจารย์โม่ล้วนบ่งบอกว่ายอมรับความสามารถของหลีเกอแค่ไหนแต่หลีเกอกลับรู้สึกเขินอายเล็กน้อย"อาจารย์โม่ คุณชมฉันเกินไปแล้วค่ะ""ฮ่าฮ่าฮ่า แม่หนูคนนี้ ทำอะไรก็ถูกใจผมจริง ๆ!"เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ก็ได้กลิ่นอายบางอย่างที่แปลกประหลาดได้ยินมาว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา ศาสตราจารย์โม่กำลังมองหาศิษย์เอกเพื่อสืบทอดอุดมการณ์ นักออกแบบทั่วทั้งวงการต่างก็หลั่งไหลกันมาฝากเนื้อฝากตัว รวมถึงมหาวิทยาลัยปินเฉิงที่มีนักศึกษามากมายเ
จากนั้นก็พูดว่า "ฉันไม่ได้แสดงละครนะ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันก็ไม่มีทางได้เจอคุณ""เจอกันแล้วแล้วไง ยังจะเสแสร้งต่อหน้าผมอีกเหรอ" ฮั่วจิ้นเฉิงไม่สนใจเลย แววตาของเขายังมีความเกลียดชังแฝงอยู่ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียวซีอวิ๋นเขากับหลีเกอก็คงไม่เดินมาถึงทางตันแบบนี้น้ำตาของเฉียวซีอวิ๋นไหลพราก เธอเอื้อมมือไปจับแขนฮั่วจิ้นเฉิง แต่กลับถูกเขาสะบัดทิ้งเฉียวซีอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยตัวเอง"ทำไมแม้แต่การสัมผัสก็ยังไม่ได้เหรอ หึ... คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าตระกูลฮั่วของคุณติดค้างหนี้ตระกูลเฉียวของเราตลอดชีวิต"มือของฮั่วจิ้นเฉิงกำแน่นเมื่อเป็นเรื่องนี้เขาไม่มีอะไรจะโต้แย้งเฉียวซีอวิ๋นใช้จุดนี้มาควบคุมเขาไว้อีกครั้ง"คำพูดบางคำ พูดออกมาบ่อย ๆ ก็ไร้ประโยชน์แล้ว"ฮั่วจิ้นเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา คำพูดของเขาแฝงไปด้วยคำเตือนแต่เฉียวซีอวิ๋นกลับดูเหมือนจะไม่สนใจ "เพราะงั้น... ฉันคิดว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะพูดคำเหล่านี้แล้ว จิ้นเฉิง เรามาทำข้อตกลงกันเถอะ"เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เฉียวซีอวิ๋นลดเสียงลงใช้โทนเสียงที่เฉพาะพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน "ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากติดค้างตระกูลเฉีย
ยิ่งพูดไป อารมณ์ของเฉียวซีอวิ๋นก็ยิ่งบ้าคลั่ง! เธอขบฟันแน่นราวกับว่าในวินาทีถัดไปเธอจะฉีกหลีเกอออกเป็นชิ้น ๆเมื่อได้ยินแบบนี้ฮั่วจิ้นเฉิงก็ผลักเธอออกไปไม่น่าแปลกใจเลยที่คำพูดแสนโหดเหี้ยมจะหลุดออกมาจากปากของเฉียวซีอวิ๋นอย่างนั้นก็เถอะเขาจะไม่ให้โอกาสเธออีกแล้วไม่มีการลังเลฮั่วจิ้นเฉิงหันหลังกลับไม่สนใจว่าเฉียวซีอวิ๋นจะตะโกนตามหลังอย่างไรฮั่วจิ้นเฉิงเดินจากไปเมื่อเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยเขาก็เห็นเฉียวเจิ้นสยงยืนอยู่ที่ปลายสุดทางเดินเขาไม่หยุดก้าวเดิน เดินตรงเข้าไปหาในเวลาเพียงไม่กี่เดือน เฉียวเจิ้นสยงก็ดูแก่โทรมลงไปมาก ผมข้างขมับสองข้างมีสีขาวขึ้นประปราย ใบหน้าหรือก็หมองคล้ำเฉียวเจิ้นสยงไม่รู้เรื่องความบ้าคลั่งของเฉียวซีอวิ๋นยังคิดว่าเฉียวซีอวิ๋นกับฮั่วจิ้นเฉิงตกลงพูดคุยกันด้วยดีดังนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้น มุมปากยกสูง แววตาของเขายังคงเป็นประกายราวกับที่เคยเป็นเมื่อก่อน"ซีอวิ๋นคงจะพูดเหมือนฉัน ชีวิตแลกด้วยชีวิต นี่เป็นข้อตกลงที่ยุติธรรมที่สุดแล้ว!"ฮั่วจิ้นเฉิงสอดมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋า กิริยาดูหยิ่งยโส"นั่นไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องในการแก้ปัญหา คุณเฉียว ค
เธอเหยียบคันเร่งจมมิดอย่างสิ้นคิดความรู้สึกอยากทำลายล้างหลีเกอท่วมท้น!ตราบใดที่หลีเกอไม่อยู่บนโลกนี้ เธอก็จะขยับขึ้นเป็นนักออกแบบหลักประจำงานแฟชั่นโชว์นี้โดยปริยายไม่มีใครมาแย่งตำแหน่งนี้กับเธออีกเหยียนเจี่ยนกำพวงมาลัยแน่นขณะนั้นเอง รถเบนท์ลีย์คันหนึ่งก็ขับตรงมา จอดขวางหน้ารถของหลีเกอไว้ ทำให้เหยียนเจี่ยนที่กำลังคิดจะทำอะไรบ้า ๆ อยู่มีอันต้องหยุดชะงักไปฮั่วจิ้นเฉิงให้หลานหนีตรวจสอบตำแหน่งของหลีเกอ แล้วรีบขับรถมาที่นี่อย่างรวดเร็วหลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเปิดประตูรถและลงมาหลีเกอขมวดคิ้วทำไมฮั่วจิ้นเฉิงถึงทำตัวเหมือนหนังเหนียวที่แกะไม่ออกอย่างนี้“หลีเกอ!”ทันทีที่ได้เห็นเธอ อารมณ์ที่ตึงเครียดทั้งหมดของฮั่วจิ้นเฉิงก็พังทลายลงในทันทีเขาอยากทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ให้เธอจริง ๆ ชดใช้ความผิดที่เขาเคยกระทำลงไป“ท่านประธานฮั่ว ช่วงนี้ดูเหมือนคุณจะว่างมากเลยนะคะ” หลีเกอพูดจาเยาะเย้ย ไม่ค่อยอยากจะสนใจเขาฮั่วจิ้นเฉิงเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “หลีเกอ ไม่ว่าอดีตเราจะเคยเป็นยังไง ก็ให้มันผ่านไปเถอะ ผมว่า... เราจะยังพอ... เป็นเพื่อนกันได้ไหม?”หลีเกอคิดว่าตัวเองคงหูฝาดไปแน
ฮั่วจิ้นเฉิงยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ร่างกายเย็นเฉียบอย่างนี้นี่เองแม้แต่โอกาสเดียวก็ไม่ให้เขาเลยเหรอฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกราวกับมีบางสิ่งบางอย่างหลุดลอยไปโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันไขว่คว้าเธอได้อีกต่อไปความรู้สึกนี้ทำให้ฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูกขณะนั้นเองเหยียนเจี่ยนขับรถผ่านหน้าเขาไปฮั่วจิ้นเฉิงหันกลับมามอง คิ้วขมวดเล็กน้อย มองรถของเหยียนเจี่ยนที่ขับตามหลังรถของหลีเกอไปติด ๆ ไม่รู้ทำไม หัวใจของเขากลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาจึงตัดสินใจโดยไม่ลังเลฮั่วจิ้นเฉิงขับรถตามไปหลีเกอขับรถไปพลางโทรหาเจี่ยงอีอีไปพลาง “ที่รัก แบบร่างของฉันผ่านฉลุยเลย ได้รับการโหวตให้เป็นนักออกแบบหลักของงานแฟชั่นโชว์ที่จะจัดขึ้นที่เมืองปินเฉิงในปีนี้”เจี่ยงอีอีดีใจมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น“ยินดีด้วยนะ! ที่รัก! งั้นเย็นนี้เราไปฉลองกันดีไหม?”หลีเกอรีบพูด “ตอนเย็นฉันมีนัดกับพี่ซิวเป่ยแล้ว…”“ว้าว! นี่มันอะไรกันเนี่ย? เล่าให้เพื่อนสาวฟังหน่อยสิจ๊ะ”หลีเกอส่ายหน้าเล็กน้อย “เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย? ฉันกับพี่ซิวเป่ยคบหากันเป็นพี่น้อง หยุดคิดไปไกลเลยนะ!”แต่เจี่ยงอี
“ฮั่วจิ้นเฉิง...”หลีเกอตะโกนเสียงแหบแห้งแต่ไม่ว่าเธอจะตะโกนอย่างไร ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบสนองเลยเหยียนเจี่ยนที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นกันไม่คิดว่าจะมีคนกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ยอมขับรถตัวเองพุ่งออกมาโดนชนแทนหลีเกอแต่ตอนนี้เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้วเธอไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาที แม้ว่ารถของตัวเองจะเยินจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่เหยียนเจี่ยนก็ยังคงหักพวงมาลัยอย่างรวดเร็วขับรถออกจากที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง“สวัสดีค่ะ 120 ใช่ไหมคะ มีรถยนต์ประสบอุบัติเหตุที่แยกถนนปินเจียงหมายเลขสาม...” หลีเกอพยายามตั้งสติ โทรแจ้งรถพยาบาลเมื่อมองไปทางฮั่วจิ้นเฉิงที่หมดสติอยู่ เธอรู้สึกว่ามือทั้งสองของตัวเองสั่นไปหมดรถพยาบาลมาถึงอย่างรวดเร็วฮั่วจิ้นเฉิงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนขณะอยู่บนฟุตบาธ หลีเกอค่อย ๆ ตั้งสติ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเจิ้งหลิ่ว “คุณเจิ้งคะ ฉันรถชนค่ะ”เจิ้งหลิ่วแทบจะนั่งไม่ติด“คุณเป็นยังไงบ้างครับ? แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้?”“ไม่ต้องค่ะ…” หลีเกอเงยหน้าขึ้น มองไปยังประตูห้อ
"ผู้ป่วยมีบาดแผลที่หน้าผากจากการถูกกระจกบาด เราได้ทำการปฐมพยาบาลแล้ว นอกจากจะได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อย ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติครับ"เมื่อได้ยินแบบนี้หลีเกอก็โล่งใจโชคดีที่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เป็นอะไร"ขอบคุณคุณหมอนะคะ ลูกชายฉันไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว"หลี่ซูฉินขอบคุณไม่หยุดหย่อน หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายผ่อนเบาลง"ผู้ป่วยฟื้นแล้ว กำลังจะเข็นไปที่แผนกผู้ป่วยในนะครับ"“ได้ค่ะ ได้ค่ะ"หลังจากหมอจากไปพยาบาลก็เข็นเตียงฮั่วจิ้นเฉิงออกมาศีรษะของเขาพันไว้ด้วยผ้าพันแผล ใบหน้ายังมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ สูญเสียความเย็นชาเคร่งขรึมเช่นในอดีตหลี่ซูฉินเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไปร้องห่มร้องไห้ "ลูกชาย ไม่เป็นไรแล้วนะลูก"ฮั่วซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พูดด้วยความเป็นห่วง "พี่ชาย พี่ทำพวกเราตกใจกันหมดเลย ดีนะที่ไม่เป็นอะไร"ฮั่วจิ้นเฉิงมองพวกเธอปลอบโยนสองสามประโยค "พี่ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง"แต่หลี่ซูฉินก็ยังไม่วางใจ"จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูก แม่จะอยู่ยังไง!"ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว แต่สายตากลับมอง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ