ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชาวเน็ตจำนวนมากที่ไปแสดงความคิดเห็นใน Weibo ทางการของบริษัทตี้เซิงอีกด้วย มีความคิดเห็นหลากหลาย เรื่องนี้กลายเป็นที่สนใจของผู้คนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในเวลาเดียวกัน ตระกูลเฉียวได้จัดงานแถลงข่าวและเชิญสำนักข่าวดังจากเมืองปินเฉิงทั้งหมดมาในงานแถลงข่าว เฉียวซีอวิ๋นได้ร้องไห้คร่ำครวญและกล่าวหาความผิดต่าง ๆ ของหลีเกอ แม้แต่รายละเอียดของการถูกผลักก็ถูกเปิดเผยออกมาทีละอย่าง ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง“คุณหนูเฉียว สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงไหม การแท้งลูกของคุณเป็นฝีมือคุณหนูหลีเกอจริง ๆ เหรอ?”เฉียวซีอวิ๋นเช็ดน้ำตาไปด้วย พลางพยักหน้าไปด้วย“หลีเกอผลักฉัน ฉันถึงได้ล้มลง จากนั้นลูกฉันก็แท้ง คุณหมอบอกว่าสาเหตุมาจากทารกมีอายุครรภ์มากเกินไป ทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้กับร่างกายของฉัน ต่อไปนี้ฉันอาจจะมีลูกไม่ได้อีกแล้ว…”เฉียวซีอวิ๋นร้องไห้โฮทุกคนต่างก็เห็นใจผู้อ่อนแอที่ถูกกระทำเมื่อพูดแบบนี้ นักข่าวในที่นั้นก็อดสงสารเธอไม่ได้“คุณหนูเฉียว อย่าเศร้าไปเลยค่ะ”“เรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยกันเพื่อหาทางออก”“คุณหนูเฉียววางใจได้ กฎหมายยุติธรร
“เราขอตอบโต้เรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับคุณหลีเกอที่กำลังถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต! คุณหลีเกอไม่เคยทำร้ายใครตั้งแต่ต้นจนจบ ความจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างไร ทางเราจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนและค้นหาหลักฐานตามกฎหมาย ส่วนการฟ้องร้องที่ไม่เป็นความจริงของเฉียวกรุ๊ป เราขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีตามกฎหมาย”เมื่อแถลงการณ์นี้เผยแพร่ออกมา กระแสบนอินเทอร์เน็ตก็พลิกกลับแทบจะทันที“ตระกูลเฉียวขโมยไก่ไม่สำเร็จยังเสียข้าวสาร ยกก้อนหินแต่กลับหล่นทับเท้าตัวเอง”“คนดี ๆ เขามองออกกันทั้งนั้นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลีเกอ แต่คนพวกนั้นกลับพยายามโยนความผิดให้เธอ ตอนนี้โดนตบหน้าจนชาแล้วสินะ”“ยังกล้าปากดีพูดว่าจะไม่เอาผิดทางอาญากับคนอื่นอีก เห็น ๆ กันอยู่ว่าคนที่ทำผิดทางอาญาคือตัวเองแท้ ๆ!”“ตระกูลเฉียวหน้าด้านเกินไปแล้ว!”“...”แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น!ขณะที่ชาวเน็ตกำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด คลิปบันทึกเสียงการสนทนาระหว่างเฉียวเจิ้นสยงกับหลีเกอบนดาดฟ้าโรงพยาบาลก็ถูกเปิดเผยตามออกมา เผยแพร่ลงบนอินเทอร์เน็ตโดยตรง“พระเจ้าช่วย ประธานเฉียวถึงกับไปหาหลีเกอเพื่อขอไกล่เกลี
“หลีเกอมีโชคขนาดนี้เลยเหรอ?” ผู้อำนวยการหูแทบไม่อยากเชื่อเลย!เขาไม่คาดคิดเลยว่าในเวลาไม่กี่วัน บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของเมืองปินเฉิงอย่างตระกูลเฉียวจะล่มสลาย และทั้งหมดนี้กลับเกี่ยวข้องกับหลีเกอ“ผู้อำนวยการหูคะ ฉันว่าประธานหลีมีวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลมมากนะคะ ถ้าอย่างนั้นการเดิมพันของคุณกับเธอ...”ผู้ช่วยยังพูดไม่ทันจบ ผู้อำนวยการหูก็พูดเสียงดุ “หยุดพูดเดี๋ยวนี้ เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง อยากจะมาโลดแล่นในแวดวงธุรกิจที่กินไม่เลือกกระดูกแบบนี้ง่าย ๆ ได้ยังไง แค่ฝันกลางวันไปเท่านั้น! ถึงตอนนี้เธอจะฉวยโอกาสเซ็นสัญญากับอดีตลูกค้าของตระกูลเฉียวไปได้ แต่สำหรับบริษัทตี้เซิ่งที่มีขนาดมหึมา นี่ยังเด็กน้อยเกินไป ไม่ต้องพูดถึงผลประกอบการสามสิบเปอร์เซ็นต์”ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ดวงตาของผู้อำนวยการหูก็ยังจมลงไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่สามารถแพ้ให้กับการเดิมพันครั้งนี้ได้หลีเกอ เรามารอดูกันต่อไป…ในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ เฉียวกรุ๊ปก็ประกาศล้มละลายอย่างไรก็ตาม มีบริษัทอำนาจลึกลับเข้ามาเทคโอเวอร์โครงสร้างบริษัทที่เหลือของเฉียวกรุ๊ปอย่างเงียบ ๆ และได้อัดฉีดเงินเข้าไปเป็นจำนวนมาก ในเวลาเพี
“เอฟแอลกรุ๊ปจะจัดงานเปิดตัวในอีกสามวันข้างหน้า ได้เชิญบริษัทที่มีชื่อเสียงทั้งหมดในเมืองปินเฉิงเข้าร่วมงาน เราเองก็ได้รับเชิญด้วย”หลีเกอดูจดหมายเชิญสีทองอร่ามและมองไปที่ตัวอักษรเอฟแอลสองตัวนั้นโดยไม่รู้ตัว ช่วงนี้การกระทำของเอฟแอลกรุ๊ปดึงดูดความสนใจจากทุกคนจริง ๆตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะจัดงานเปิดตัว คิดว่าบรรยากาศคงคึกคักมากแน่ ๆ อาจจะใช้โอกาสนี้ดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ให้กับบริษัทของตัวเองก็ได้“เข้าใจแล้ว ลงไว้ในตารางงานของฉันเลย ฉันจะไปเข้าร่วมงานอย่างตรงเวลา”“ค่ะ ประธานหลี”หลีเกอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเจี่ยงอีอี “ที่รัก อีกสามวันฉันจะไปออกงาน เธอช่วยเลือกชุดราตรีที่ร้านให้ฉันหน่อยนะ!”“เธอหมายถึงงานเปิดตัวของเอฟแอลกรุ๊ปใช่ไหม!?”หลีเกอยกคิ้ว “เธอรู้ด้วยเหรอ?”“รู้สิ! ฉันได้รับออเดอร์หลายออเดอร์เลยล่ะที่เป็นชุดราตรีสำหรับใส่ออกงาน แต่ไม่ต้องห่วง ชุดราตรีที่ดีที่สุดของเรา ฉันเก็บไว้ให้เธอคนเดียวเลย เมื่อไปถึงงาน เธอจะต้องเป็นคนที่มีเสน่ห์ที่สุดในงานแน่นอนจ้ะ!”“ขอบคุณนะที่รัก แต่ขอแบบเรียบง่ายหน่อยก็ดีนะ”“โอเค ไม่มีปัญหา ฉันจัดการให้”…วันรุ่งขึ้น หลีเกอก็ได้รับพัสดุส่งด่วน เ
หลีเกอในชุดราตรีสีม่วงสุดหรู สวมรองเท้าส้นสูงสิบเซนติเมตร เผยให้เห็นเสน่ห์และออร่าอันเหลือล้น เดิมทีเธอก็สวยอยู่แล้ว บวกกับรูปร่างที่เพรียวบางยิ่งทำให้ดูสง่างามในชุดราตรีทันทีที่เธอปรากฏตัว ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่เธอ“ว้าว! นั่นไง ลูกสาวตระกูลหลี สวยจริง ๆ เลย หุ่นดีมาก น่าอิจฉาจัง!”“ใช่ ๆ! ชุดราตรีที่เธอสวมก็เก๋มาก ไม่รู้ว่าสั่งตัดจากแบรนด์หรูอะไร ใส่แล้วดูดีสุด ๆ!”“ฮั่วจิ้นเฉิงตาบอดรึยังไง ปล่อยให้สาวสวยขนาดนี้หลุดมือไปได้ แถมยังไปคบกับผู้หญิงไม่ได้เรื่องอย่างเฉียวซีอวิ๋นอีก ป่านนี้คงเสียดายแย่”“อุ๊ย พูดถึงก็มา! คุณชายฮั่วก็มาร่วมงานนี้ด้วยนะ...”ทุกคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะ สายตาจ้องมองไปยังฮั่วจิ้นเฉิงที่อยู่ไม่ไกลตั้งแต่หลีเกอเข้ามา สายตาของฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่เคยละไปจากเธอเลย หลีเกอในวันนี้สวยมาก สวยจนเขาไม่อาจละสายตา“คุณฮั่วคะ!” เสียงของหลานหนีทำให้เขาจำต้องละสายตาและหันกลับไปมอง“เมื่อกี้ฉันไปสืบมาแล้วค่ะ ยังไม่มีข่าวคราวของผู้บริหารสูงสุดของทางเอฟแอลกรุ๊ปเลย แต่มีคนกระซิบมาว่าผู้บริหารสูงสุดคนนี้เหมือนจะมาจากประเทศ F แต่ข่าวนี้ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ เพราะยังไม่มีใครเค
“อะไรกัน ซินซิน! เธอรู้จักกับประธานลึกลับคนนี้มาก่อนรึไง!”“จริงด้วย เธอเก็บความลับเก่งเกินไปแล้ว!”“รีบบอกเราเร็วเข้า ประธานลึกลับคนนี้หน้าตาเป็นยังไง หล่อไหม?”ฮั่วซินกวาดมองสายตาที่หิวกระหายของพวกเธอ ความรู้สึกไร้สาระในใจได้รับการเติมเต็มอย่างเต็มที่ แม้ว่าเธอจะไม่เคยพบชายคนนี้มาก่อน แต่ในหัวก็ได้ร่างภาพที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาแล้ว เธอคิดว่าชายที่มีภูมิหลังและความสามารถที่ไม่ธรรมดาขนาดนี้ หน้าตาย่อมไม่มีทางแย่จนเป็นตัวประหลาดแน่ดังนั้นเธอจึงคุยโวอย่างไม่ละอาย “จะแง้มให้นิดหนึ่งก็ได้ ว่าจริง ๆ แล้วเราเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว!”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไป สาว ๆ ที่คอยติดตามเธอก็ตื่นเต้นกันใหญ่“ว้าว ซินซิน เธอนี่สุดยอดเลย!”“สมกับเป็นคุณหนูตระกูลฮั่วจริง ๆ มีข้อมูลวงในเยอะมาก คิดว่าในเมืองปินเฉิงกว้างใหญ่แห่งนี้ คงมีแค่เธอคนเดียวที่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา”“ใช่ ใช่ ซินซิน รีบบอกเราซิ ประธานลึกลับคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่?”ฮั่วซินถูกพวกเธอชมจนรู้สึกเย่อหยิ่งขึ้นมาเล็กน้อย พูดโกหกได้โดยที่ตาไม่ขยิบ“อืม จริง ๆ แล้วตัวจริงของเขาหล่อมาก แต่ค่อนข้างเป็นคนเก็บตัวนิดหน่อย ไม่ใช่คนชอบอวด
ฮั่วซินพูดด้วยความไม่พอใจ แต่หลีเกอที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับคลี่ยิ้มบาง และถามกลับว่า “เธอคิดว่าคนอย่างฉันจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นด้วยเหรอ?”ประโยคเรียบง่ายแต่ทรงพลัง“เธอเป็นคุณหนูของตระกูลหลีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ประธานบริษัทตี้เซิ่งคนปัจจุบัน…” ลิ้วล้อของฮั่วซินพูดด้วยน้ำเสียงที่อิจฉาสถานะเหล่านี้แค่พูดก็ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกต่ำต้อยถ้าจะพูดถึงการไต่เต้าคนอื่น หลีเกอต่างหากที่ควรเป็นคนคนนั้น!ใบหน้าของฮั่วซินมืดลงทันที!หลีเกอมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย แล้วพูดต่อ “ฉันว่าคนที่อยากเกาะคนอื่นจริง ๆ น่าจะเป็นคนอื่นมากกว่า แต่... อาจจะทำแบบนั้นไม่ได้ง่าย ๆ”ฮั่วซินโกรธมาก“หลีเกอ เธอก็แค่ผู้หญิงที่พี่ชายฉันทิ้งไป มีสิทธิ์อะไรมาพูดจากระแนะกระแหนฉันแบบนี้ เชื่อหรือเปล่าว่าฉันฉีกปากแกได้”หลีเกอไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ขณะที่ฮั่วซินแทบจะกระโดดด้วยความโกรธ ในสายตาของหลีเกอเวลานี้ ฮั่วซินดูเหมือนตัวตลก“ฮั่วซิน หุบปาก!” ฮั่วจิ้นเฉิงโผล่มาทันเวลา รีบตะโกนห้ามเธอฮั่วซินไม่คิดว่าแม้กระทั่งวันนี้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็ยังปกป้องหลีเกออย่างออกนอกหน้า ทำให้เธอรู้สึกไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง“พี่ชาย!”
น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความหมายตอกย้ำ แต่มีเพียงฮั่วซินเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกผิดแค่ไหนเมื่อหลีเกอได้ยินพิธีกรพูดชื่อฟู่ซิวเป่ย สายตาของเธอก็ฉายไปด้วยแววแห่งความประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ตกใจมากนักเมื่อคิดถึงสายโทรเข้าของแม่บุญธรรมทุกอย่างดูเหมือนจะมีที่มาที่ไป!เธอเงยหน้าพร้อมยิ้มเล็กน้อย จิบไวน์ในแก้วจนหมดขณะนี้ ทุกคนในงานต่างมองไปในทิศทางเดียว รอคอยด้วยความใจจดใจจ่อภายใต้ความคาดหวังของทุกคน ร่างสูงเพรียวก็เดินสวนทางกับแสงไฟออกมาทีละก้าว ท่าทางของเขาสง่างาม ทุกย่างก้าวเป็นจังหวะจนกระทั่งเขาเดินขึ้นไปบนเวที แสงไฟสาดส่องไปที่ตัวเขา ทุกคนจึงได้เห็นโฉมหน้าของเขาอย่างชัดเจนชายหนุ่มสวมสูทสีม่วง ทำให้รูปร่างของเขาดูสูงเพรียว ใบหน้าคมลึกแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่แปลกใหม่ ออร่าอันโดดเด่นทำให้ผู้คนถึงกับร้องว้าวตั้งแต่แรกเห็น“โอ้โฮ ผู้ชายคนนี้หล่อมาก! หล่อสุด ๆ ไปเลย!”“ตรงสเปกฉันเลย!”“หล่อขนาดนี้เชียว แถมความสามารถยังโดดเด่นอีก สวรรค์ปิดประตูบานไหนของเขาไว้กันนะ!”“...”ฟู่ซิวเป่ยรับรู้ถึงสายตาของทุกคน แต่ไม่ได้สะทกสะท้าน ดวงตาอันลึกล้ำของเขาสำรวจฝูงชน ก่อนจะหยุดอยู่ที่หลีเ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ