สมบัติชิ้นนี้ของเขาเป็นสิ่งที่เขาหวงแหนมากตลอดทั้งชีวิต เขาเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และวางไว้ในที่ปลอดภัยเสมอ แต่ตอนนี้หลีเกอกลับใส่ไว้ในถุงพลาสติกโง่ ๆ เฉียวเจิ้นสยงรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังจะแตกสลาย“คุณหนู…”หลีเกอพยักหน้าเล็กน้อย เจิ้งหลิ่วจึงส่งแหวนวงนั้นไปให้เฉียวเจิ้นสยงเฉียวเจิ้นสยงดีใจมาก คิดว่าหลีเกอใจกว้างเหลือเกินที่ยอมคืนแหวนวงนี้ให้กับเขาโดยดี“...คุณหนูหลีเกอ ไม่คิดว่าคุณจะใจดีและมีเมตตาขนาดนี้” มือขวายื่นออกไปอย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอรับแหวนหยกขาวของตนเองแต่ในวินาทีถัดไป เสียงของหลีเกอก็ลอยมา “ในเมื่อคุณจริงใจที่จะแก้ไข งั้นก็แสดงความจริงใจของคุณให้ฉันเห็นหน่อย เอาค้อนมาทุบมันทิ้งซะ”“อะไรนะ?”ทุบ!เฉียวเจิ้นสยงคิดว่าตัวเองคงหูฝาดไปสมบัติแสนรักของเขาที่มีมูลค่ามหาศาลจะถูกทุบทิ้งทั้งแบบนี้เหรอ เฉียวเจิ้นสยงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว“แหวนวงนี้ ถ้าขายออกไปจะได้เงินไม่ต่ำกว่าพันล้าน จะให้ผมทุบดื้อ ๆ แบบนี้เหรอครับ” เฉียวเจิ้นสยงยังไม่หายจากอาการตกใจ“คุณไม่ได้พูดเองว่าอยากจะชดใช้ให้ฉันหรอกเหรอ ฉันว่าแหวนวงนี้ก็พอใช้ได้นะ หรือว่า... คุณเฉี
ท่ามกลางฝูงชน เฉียวซีอวิ๋นรู้สึกใจหายวูบ เธอรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก ปลายเล็บจิกเกร็งชายเสื้อแน่น สีหน้าแตกตื่นปรากฏเด่นชัด“คุณปู่” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน กลัวว่าเฉียวเจิ้นสยงจะทอดทิ้งเธอต่อหน้าสาธารณชนแต่ในขณะนี้ หัวใจของเฉียวเจิ้นสยงได้ตัดสินไปแล้วบริษัทคือหัวใจและจิตวิญญาณของเขาที่สร้างสมมาทั้งชีวิต เขาตัดสินใจได้ไม่ยากว่าอะไรสำคัญกว่า“คุณหนูหลีวางใจได้ ผมจะให้ซีอวิ๋นรับผิดชอบต่อการกระทำของเธอ” เฉียวเจิ้นสยงพูดต่อหน้าทุกคนในเวลานี้ ต่อหน้าหลีเกอ เขาก้มหัวลงอย่างนอบน้อม ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความสง่างามเช่นในอดีตหลีเกอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้ตอบกลับอะไรเฉียวเจิ้นสยงไม่พูดอะไร เดินตรงไปหาเฉียวซีอวิ๋นแล้วดุว่า “รีบไปขอโทษคุณหนูหลีเดี๋ยวนี้…”“คุณปู่…” เฉียวซีอวิ๋นยังคงดื้อรั้นเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนมากมายขนาดนี้ ถ้าเธอยอมขอโทษหลีเกอ จากนี้จะยังสามารถเชิดหน้าชูตาในแวดวงสังคมชั้นสูงได้อย่างไร“ขอโทษเดี๋ยวนี้” ความอดทนของเฉียวเจิ้นสยงใกล้จะหมดลงแล้วเฉียวซีอวิ๋นรู้ว่าหากเธอไม่ขอโทษตอนนี้ เธออาจจะถูกเฉียวเจิ้นสยงตัดขาด ลูกหลานที่ถูกตระกูลทอดทิ้งไม่มีสถานะทา
ไม่มีใครในฝูงชนออกมาปกป้อง ทุกคนต่างก็มองเฉียวซีอวิ๋นถูกบอดี้การ์ดของตระกูลเฉียวพาตัวไปเมียน้อยที่ไม่รู้จุดยืนตัวเองสมควรได้รับการลงโทษอย่างไรก็ตาม เสียงถอนหายใจและคำวิจารณ์ต่าง ๆ กลับดังขึ้นในฝูงชน“ตระกูลฮั่วสามารถดองเป็นหนึ่งกับตระกูลหลีได้ ถือเป็นการแต่งงานที่ดีจริง ๆ”“ฮั่วจิ้นเฉิงแต่งงานกับคุณหนูของตระกูลหลี ตอนแรกก็เป็นสิ่งที่ควรสรรเสริญอยู่หรอก แต่เขากลับทำลายตัวเองด้วยการนอกใจ มีเมียน้อย และหย่ากับเธอ”“ฮั่วจิ้นเฉิงคงตาบอดไปแน่ ๆ ตอนนี้คงเสียดายแย่แล้วละมั้ง”“...”ฮั่วจิ้นเฉิงสัมผัสได้ถึงสายตาและคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน คิ้วหนาขมวด ดวงตาลึกเกินหยั่งถึง สายตาของเขาจ้องมองไปที่หลีเกอซึ่งเป็นจุดสนใจของฝูงชนเหมือนดวงดาวเหนือดวงจันทร์ หัวใจของเขารู้สึกปั่นป่วนตั้งแต่ตอนที่ทุกอย่างเริ่มต้น เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมากเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสถานะหลังหย่าที่น่าเหลือเชื่อ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็กลายเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเขาเขาจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อน หลีเกอเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง แสดงความจริงใจว่าอยากแต่งงานกับเขา และยินดีที่จะไม่เปิดเผยสถานะของพวกเขาต่อสาธารณชนในเวลานั้น เข
“หลีเกอ!” เสียงของฮั่วจิ้นเฉิงแผ่วเบา วินาทีต่อมาสายตาเขามองไปยังหลีเจิ้งเฟยที่อยู่ด้านข้าง “คุณหลีครับ ผมขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวได้ไหม?”หลีเจิ้งเฟยไม่ได้แสดงความเห็น แต่มอบสิทธิ์ให้แก่หลีเกอ ผู้ซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ใด ๆ เป็นคนตัดสินใจ มีเพียงมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย“ได้”หลีเจิ้งเฟยหรี่ตามอง ก่อนจะจากไปก็ยังไม่ลืมตอกย้ำประโยคหนึ่ง “คุณฮั่ว คนเราเมื่อหย่ากันแล้ว ก็ตัดกันให้ขาด อย่าหวงก้างเหมือนผู้หญิง”ฮั่วจิ้นเฉิงไม่ได้โต้แย้ง เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย มองตามเขาไปจนลับสายตา“อยากคุยอะไรคะ” สีหน้าของหลีเกอเรียบเฉยราวกับกำลังพูดคุยเรื่องลมฟ้าอากาศทั่วไปฮั่วจิ้นเฉิงอดนึกถึงเมื่อสามปีก่อนไม่ได้ วันที่พวกเขาจดทะเบียนสมรสกัน เธอมีท่าทางเขินอายเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ในขณะที่ช่างภาพถือกล้องถ่ายรูปคู่แรกให้กับทั้งสองความคิดเหม่อลอยไปไกลสักพัก ก่อนจะดึงสติกลับมาได้ สายตาเขาจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ“เมื่อสามปีก่อน ทำไมคุณถึงปิดบังตัวตนแล้วมาแต่งงานกับผม?”หลีเกอไม่คิดว่าเขาจะถามคำถามนี้กับเธอในตอนนี้ที่พวกเขาหย่าร้างกันไปแล้ว คำตอบที่แท้จริงจากเธอไม่มีความหมา
“เอกสารการโอนหุ้น ฉันส่งอีเมลไปถึงสมาชิกคณะกรรมการฝ่ายบริหารทุกคนแล้ว การประชุมคณะกรรมการบริหารในปีนี้จะจัดขึ้นที่เมืองปินเฉิง เมื่อถึงเวลานั้นฉันค่อยประกาศต่อสาธารณชน ว่าเธอจะเข้ารับตำแหน่งประธานฝ่ายบริหารคนใหม่”ถึงแม้ว่าหลีหานจะประกาศเรื่องนี้ในงานวันเกิดครบรอบ 70 ปีของคุณปู่ไปแล้ว แต่เมื่อต้องรับช่วงต่อทั้งบริษัทตี้เซิ่งจริง ๆ หลีเกอก็ยังรู้สึกกดดันอยู่บ้าง“พี่ใหญ่ มันจะเร็วเกินไปไหมคะ พี่ก็รู้ว่าฉันเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้ไม่นาน ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับธุรกิจนี้เลย”“ความสามารถของเธอเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว อย่าลืมว่าตอนที่หลีกรุ๊ปประสบวิกฤต เธอเป็นคนแก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเอง พี่เชื่อว่าเธอมีความสามารถเพียงพอที่จะบริหารบริษัทตี้เซิ่งได้แน่”“แต่ว่า…” หลีเกอยังคงลังเลหลีหานเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ “เธอเป็นลูกสาวตระกูลหลี การรับช่วงต่อบริษัทตี้เซิ่งเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป ต่อให้ฟ้าจะถล่มลงมา ก็ยังมีพวกเราคอยแบกรับไว้”หลีเกอรู้สึกอบอุ่นหัวใจ “ขอบคุณพี่ใหญ่ค่ะ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่”“ทำงานให้เต็มที่ก็พอแล้ว พี่ใหญ่จะคอยสนับสนุนเธออย่างไม่มีเงื่อนไข”ประโยคน
สายตาของเธอสอดส่ายไปทั่ว แล้วหยุดอยู่ที่ผู้อำนวยการหู เธอขบเม้มริมฝีปากแล้วถาม “ผู้อำนวยการหูหมายความว่ายังไงคะ?”“คุณต้องแสดงผลงานบางอย่างให้ทุกคนเห็น พิสูจน์ความสามารถของคุณ ผมว่าเอาอย่างนี้ดีไหม ลดลงมาเหลือสามสิบเปอร์เซ็นต์ก็แล้วกัน ถ้าภายในหนึ่งปี คุณสามารถเพิ่มผลตอบแทนของบริษัทได้ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ตำแหน่งประธานบริษัทก็จะเป็นของคุณ พวกเราทุกคนในที่นี้ยินดีทำงานถวายหัวให้ แต่ถ้าไม่ได้อย่างนั้น... เกรงว่าคงยากที่จะยอมรับ”เมื่อผู้อำนวยการหูพูดจบ ทุกคนก็พากันทำท่าสนใจผลประกอบการสามสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำสำเร็จ แม้แต่หลีหานก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงระดับนี้ดังนั้นนี่จึงเป็นการกลั่นแกล้งที่ชัดเจน!“ผู้อำนวยการหู คุณกับฉันต่างก็รู้ดีว่าสำหรับบริษัทข้ามชาติอย่างตี้เซิง แม้แต่การเพิ่มผลงานเพียงสิบเปอร์เซ็นต์ก็เป็นเรื่องยาก แต่คุณกลับเรียกร้องให้เพิ่มถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ คุณคิดอะไรอยู่กันแน่?” เจิ้งหลิ่วอดทนไม่ไหวจึงโต้ตอบแต่คนอื่น ๆ กลับไม่มีใครกล้าออกมาพูด!ผู้อำนวยการหูไม่สนใจ พูดด้วยท่าทีไม่แยแส “ฮ่า ๆ นั่นแหละถึงจะพิสูจน์ความสามารถของคุณหลีได้ ถ้าเธอทำได้ตามเป้าห
“งั้นคุณคิดว่าฉันมีทางเลือกอื่นอีกไหมล่ะ?”เธอเพิ่งมาใหม่ ถ้าไม่แสดงผลงานอะไรให้เป็นที่ประจักษ์ พวกแก่เพราะอยู่นานเหล่านี้คงไม่ยอมรับเธอแน่“เมื่อกี้นี้ผู้อำนวยการหูพูดจาเยาะเย้ยชัดออกอย่างนั้น ก็เพราะไม่อยากให้ฉันนั่งตำแหน่งประธานบริษัท ถ้าฉันถอยตอนนี้ ต่อไปไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลั่นแกล้งฉันยังไงบ้าง สู้ฉันใช้อำนาจที่มีควบคุมสถานการณ์เสียก่อนยังดีกว่า”“แต่ตอนนี้การเดิมพันดังกล่าวเสี่ยงเกินไป ผู้อำนวยการหูพูดชัดเจนแล้ว ว่าคุณไม่มีทางทำผลประกอบการให้ขึ้นไปถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ เขาถึงได้มั่นใจพูดจาโอ้อวดแบบนั้นไงครับ”หลีเกอพยักหน้า “ทำยังไงได้ เรือแล่นออกจากฝั่งแล้ว ก็คงต้องลุยกันต่อไป”เจิ้งหลิ่วยังคงยืนอยู่ข้างเธอ “คุณหนูวางใจได้เลย ผมจะช่วยคุณอย่างเต็มที่ครับ”“แค่คุณพูดอย่างนี้ ฉันก็อุ่นใจแล้วค่ะ”ไม่นานนัก เรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่ประชุมคณะกรรมการก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งบริษัทตี้เซิ่ง ทุกคนต่างก็พูดถึงเรื่องนี้กันอย่างสนุกปากเมื่อฉีอวิ๋นเทียนได้รับข่าวนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ “เธอพูดจริงเหรอ เทพธิดาของผมกล้าขนาดนี้เชียวเหรอ?”“ถ้าไม่จริงคงไม่มีใครพูดปากต่อปากแบบนี้หรอก คุณหนูหล
เมื่อกลับมาถึงบริษัทตี้เซิ่งแล้ว ฉีอวิ๋นเทียนก็ตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานของเธอทันที“เทพธิดา ตอนนี้ไหน ๆ ตัวตนของคุณก็เปิดเผยแล้ว เรามาทำตามความปราถนาของพ่อแม่แล้วแต่งงานกันเถอะ!”หลีเกอไม่ลังเลที่จะส่ายหัวปฏิเสธทันที “ขอโทษที ฉันยังไม่มีแผนจะแต่งงานใหม่”“งั้นถ้าคุณอยากแต่งงานเมื่อไหร่ช่วยบอกผมด้วยนะ ผมพร้อมจะแต่งงานกับคุณทุกเมื่อเลย”หลีเกอรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย พูดอย่างหมดหนทาง “คุณชายฉี เราเข้ากันไม่ได้หรอก ฉันเคยบอกคุณไปแล้ว ทำไมคุณยังไม่ยอมรับความจริงซะที”“ตรงไหนที่เข้ากันไม่ได้ล่ะ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินสิ คุณยังไม่รู้จักผมดีพอเลย ยังไม่ทันไรก็ปฏิเสธผมแล้ว” ฉีอวิ๋นเทียนพูดออกมาด้วยความใจร้อน“ถ้าอย่างนั้นคุณรู้จักฉันดีแค่ไหน?” หลีเกอถามกลับ ทำให้ฉีอวิ๋นเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง กว่าจะตอบกลับออกมาได้ “ไว้ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปหลังจากคบกันก็ได้ อนาคตยังอีกยาวไกล…”แต่ฉีอวิ๋นเทียนไม่มีความมั่นใจเลย สุดท้ายเหมือนตัดสินใจอะไรได้สักอย่าง “คุณรู้สึกว่าผมไม่รู้จักคุณดีพอ ถึงได้ปฏิเสธผมอย่างนั้นเหรอ? งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะค่อย ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับคุณให้มากขึ้น…”หลีเกอรู้สึกหมดหนทาง เธอจ