สมบัติชิ้นนี้ของเขาเป็นสิ่งที่เขาหวงแหนมากตลอดทั้งชีวิต เขาเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และวางไว้ในที่ปลอดภัยเสมอ แต่ตอนนี้หลีเกอกลับใส่ไว้ในถุงพลาสติกโง่ ๆ เฉียวเจิ้นสยงรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังจะแตกสลาย“คุณหนู…”หลีเกอพยักหน้าเล็กน้อย เจิ้งหลิ่วจึงส่งแหวนวงนั้นไปให้เฉียวเจิ้นสยงเฉียวเจิ้นสยงดีใจมาก คิดว่าหลีเกอใจกว้างเหลือเกินที่ยอมคืนแหวนวงนี้ให้กับเขาโดยดี“...คุณหนูหลีเกอ ไม่คิดว่าคุณจะใจดีและมีเมตตาขนาดนี้” มือขวายื่นออกไปอย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอรับแหวนหยกขาวของตนเองแต่ในวินาทีถัดไป เสียงของหลีเกอก็ลอยมา “ในเมื่อคุณจริงใจที่จะแก้ไข งั้นก็แสดงความจริงใจของคุณให้ฉันเห็นหน่อย เอาค้อนมาทุบมันทิ้งซะ”“อะไรนะ?”ทุบ!เฉียวเจิ้นสยงคิดว่าตัวเองคงหูฝาดไปสมบัติแสนรักของเขาที่มีมูลค่ามหาศาลจะถูกทุบทิ้งทั้งแบบนี้เหรอ เฉียวเจิ้นสยงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว“แหวนวงนี้ ถ้าขายออกไปจะได้เงินไม่ต่ำกว่าพันล้าน จะให้ผมทุบดื้อ ๆ แบบนี้เหรอครับ” เฉียวเจิ้นสยงยังไม่หายจากอาการตกใจ“คุณไม่ได้พูดเองว่าอยากจะชดใช้ให้ฉันหรอกเหรอ ฉันว่าแหวนวงนี้ก็พอใช้ได้นะ หรือว่า... คุณเฉี
ท่ามกลางฝูงชน เฉียวซีอวิ๋นรู้สึกใจหายวูบ เธอรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก ปลายเล็บจิกเกร็งชายเสื้อแน่น สีหน้าแตกตื่นปรากฏเด่นชัด“คุณปู่” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน กลัวว่าเฉียวเจิ้นสยงจะทอดทิ้งเธอต่อหน้าสาธารณชนแต่ในขณะนี้ หัวใจของเฉียวเจิ้นสยงได้ตัดสินไปแล้วบริษัทคือหัวใจและจิตวิญญาณของเขาที่สร้างสมมาทั้งชีวิต เขาตัดสินใจได้ไม่ยากว่าอะไรสำคัญกว่า“คุณหนูหลีวางใจได้ ผมจะให้ซีอวิ๋นรับผิดชอบต่อการกระทำของเธอ” เฉียวเจิ้นสยงพูดต่อหน้าทุกคนในเวลานี้ ต่อหน้าหลีเกอ เขาก้มหัวลงอย่างนอบน้อม ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความสง่างามเช่นในอดีตหลีเกอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้ตอบกลับอะไรเฉียวเจิ้นสยงไม่พูดอะไร เดินตรงไปหาเฉียวซีอวิ๋นแล้วดุว่า “รีบไปขอโทษคุณหนูหลีเดี๋ยวนี้…”“คุณปู่…” เฉียวซีอวิ๋นยังคงดื้อรั้นเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนมากมายขนาดนี้ ถ้าเธอยอมขอโทษหลีเกอ จากนี้จะยังสามารถเชิดหน้าชูตาในแวดวงสังคมชั้นสูงได้อย่างไร“ขอโทษเดี๋ยวนี้” ความอดทนของเฉียวเจิ้นสยงใกล้จะหมดลงแล้วเฉียวซีอวิ๋นรู้ว่าหากเธอไม่ขอโทษตอนนี้ เธออาจจะถูกเฉียวเจิ้นสยงตัดขาด ลูกหลานที่ถูกตระกูลทอดทิ้งไม่มีสถานะทา
ไม่มีใครในฝูงชนออกมาปกป้อง ทุกคนต่างก็มองเฉียวซีอวิ๋นถูกบอดี้การ์ดของตระกูลเฉียวพาตัวไปเมียน้อยที่ไม่รู้จุดยืนตัวเองสมควรได้รับการลงโทษอย่างไรก็ตาม เสียงถอนหายใจและคำวิจารณ์ต่าง ๆ กลับดังขึ้นในฝูงชน“ตระกูลฮั่วสามารถดองเป็นหนึ่งกับตระกูลหลีได้ ถือเป็นการแต่งงานที่ดีจริง ๆ”“ฮั่วจิ้นเฉิงแต่งงานกับคุณหนูของตระกูลหลี ตอนแรกก็เป็นสิ่งที่ควรสรรเสริญอยู่หรอก แต่เขากลับทำลายตัวเองด้วยการนอกใจ มีเมียน้อย และหย่ากับเธอ”“ฮั่วจิ้นเฉิงคงตาบอดไปแน่ ๆ ตอนนี้คงเสียดายแย่แล้วละมั้ง”“...”ฮั่วจิ้นเฉิงสัมผัสได้ถึงสายตาและคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน คิ้วหนาขมวด ดวงตาลึกเกินหยั่งถึง สายตาของเขาจ้องมองไปที่หลีเกอซึ่งเป็นจุดสนใจของฝูงชนเหมือนดวงดาวเหนือดวงจันทร์ หัวใจของเขารู้สึกปั่นป่วนตั้งแต่ตอนที่ทุกอย่างเริ่มต้น เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมากเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสถานะหลังหย่าที่น่าเหลือเชื่อ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็กลายเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเขาเขาจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อน หลีเกอเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง แสดงความจริงใจว่าอยากแต่งงานกับเขา และยินดีที่จะไม่เปิดเผยสถานะของพวกเขาต่อสาธารณชนในเวลานั้น เข
“หลีเกอ!” เสียงของฮั่วจิ้นเฉิงแผ่วเบา วินาทีต่อมาสายตาเขามองไปยังหลีเจิ้งเฟยที่อยู่ด้านข้าง “คุณหลีครับ ผมขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวได้ไหม?”หลีเจิ้งเฟยไม่ได้แสดงความเห็น แต่มอบสิทธิ์ให้แก่หลีเกอ ผู้ซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ใด ๆ เป็นคนตัดสินใจ มีเพียงมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย“ได้”หลีเจิ้งเฟยหรี่ตามอง ก่อนจะจากไปก็ยังไม่ลืมตอกย้ำประโยคหนึ่ง “คุณฮั่ว คนเราเมื่อหย่ากันแล้ว ก็ตัดกันให้ขาด อย่าหวงก้างเหมือนผู้หญิง”ฮั่วจิ้นเฉิงไม่ได้โต้แย้ง เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย มองตามเขาไปจนลับสายตา“อยากคุยอะไรคะ” สีหน้าของหลีเกอเรียบเฉยราวกับกำลังพูดคุยเรื่องลมฟ้าอากาศทั่วไปฮั่วจิ้นเฉิงอดนึกถึงเมื่อสามปีก่อนไม่ได้ วันที่พวกเขาจดทะเบียนสมรสกัน เธอมีท่าทางเขินอายเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ในขณะที่ช่างภาพถือกล้องถ่ายรูปคู่แรกให้กับทั้งสองความคิดเหม่อลอยไปไกลสักพัก ก่อนจะดึงสติกลับมาได้ สายตาเขาจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ“เมื่อสามปีก่อน ทำไมคุณถึงปิดบังตัวตนแล้วมาแต่งงานกับผม?”หลีเกอไม่คิดว่าเขาจะถามคำถามนี้กับเธอในตอนนี้ที่พวกเขาหย่าร้างกันไปแล้ว คำตอบที่แท้จริงจากเธอไม่มีความหมา
“เอกสารการโอนหุ้น ฉันส่งอีเมลไปถึงสมาชิกคณะกรรมการฝ่ายบริหารทุกคนแล้ว การประชุมคณะกรรมการบริหารในปีนี้จะจัดขึ้นที่เมืองปินเฉิง เมื่อถึงเวลานั้นฉันค่อยประกาศต่อสาธารณชน ว่าเธอจะเข้ารับตำแหน่งประธานฝ่ายบริหารคนใหม่”ถึงแม้ว่าหลีหานจะประกาศเรื่องนี้ในงานวันเกิดครบรอบ 70 ปีของคุณปู่ไปแล้ว แต่เมื่อต้องรับช่วงต่อทั้งบริษัทตี้เซิ่งจริง ๆ หลีเกอก็ยังรู้สึกกดดันอยู่บ้าง“พี่ใหญ่ มันจะเร็วเกินไปไหมคะ พี่ก็รู้ว่าฉันเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้ไม่นาน ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับธุรกิจนี้เลย”“ความสามารถของเธอเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว อย่าลืมว่าตอนที่หลีกรุ๊ปประสบวิกฤต เธอเป็นคนแก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเอง พี่เชื่อว่าเธอมีความสามารถเพียงพอที่จะบริหารบริษัทตี้เซิ่งได้แน่”“แต่ว่า…” หลีเกอยังคงลังเลหลีหานเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ “เธอเป็นลูกสาวตระกูลหลี การรับช่วงต่อบริษัทตี้เซิ่งเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป ต่อให้ฟ้าจะถล่มลงมา ก็ยังมีพวกเราคอยแบกรับไว้”หลีเกอรู้สึกอบอุ่นหัวใจ “ขอบคุณพี่ใหญ่ค่ะ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่”“ทำงานให้เต็มที่ก็พอแล้ว พี่ใหญ่จะคอยสนับสนุนเธออย่างไม่มีเงื่อนไข”ประโยคน
สายตาของเธอสอดส่ายไปทั่ว แล้วหยุดอยู่ที่ผู้อำนวยการหู เธอขบเม้มริมฝีปากแล้วถาม “ผู้อำนวยการหูหมายความว่ายังไงคะ?”“คุณต้องแสดงผลงานบางอย่างให้ทุกคนเห็น พิสูจน์ความสามารถของคุณ ผมว่าเอาอย่างนี้ดีไหม ลดลงมาเหลือสามสิบเปอร์เซ็นต์ก็แล้วกัน ถ้าภายในหนึ่งปี คุณสามารถเพิ่มผลตอบแทนของบริษัทได้ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ตำแหน่งประธานบริษัทก็จะเป็นของคุณ พวกเราทุกคนในที่นี้ยินดีทำงานถวายหัวให้ แต่ถ้าไม่ได้อย่างนั้น... เกรงว่าคงยากที่จะยอมรับ”เมื่อผู้อำนวยการหูพูดจบ ทุกคนก็พากันทำท่าสนใจผลประกอบการสามสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำสำเร็จ แม้แต่หลีหานก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงระดับนี้ดังนั้นนี่จึงเป็นการกลั่นแกล้งที่ชัดเจน!“ผู้อำนวยการหู คุณกับฉันต่างก็รู้ดีว่าสำหรับบริษัทข้ามชาติอย่างตี้เซิง แม้แต่การเพิ่มผลงานเพียงสิบเปอร์เซ็นต์ก็เป็นเรื่องยาก แต่คุณกลับเรียกร้องให้เพิ่มถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ คุณคิดอะไรอยู่กันแน่?” เจิ้งหลิ่วอดทนไม่ไหวจึงโต้ตอบแต่คนอื่น ๆ กลับไม่มีใครกล้าออกมาพูด!ผู้อำนวยการหูไม่สนใจ พูดด้วยท่าทีไม่แยแส “ฮ่า ๆ นั่นแหละถึงจะพิสูจน์ความสามารถของคุณหลีได้ ถ้าเธอทำได้ตามเป้าห
“งั้นคุณคิดว่าฉันมีทางเลือกอื่นอีกไหมล่ะ?”เธอเพิ่งมาใหม่ ถ้าไม่แสดงผลงานอะไรให้เป็นที่ประจักษ์ พวกแก่เพราะอยู่นานเหล่านี้คงไม่ยอมรับเธอแน่“เมื่อกี้นี้ผู้อำนวยการหูพูดจาเยาะเย้ยชัดออกอย่างนั้น ก็เพราะไม่อยากให้ฉันนั่งตำแหน่งประธานบริษัท ถ้าฉันถอยตอนนี้ ต่อไปไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลั่นแกล้งฉันยังไงบ้าง สู้ฉันใช้อำนาจที่มีควบคุมสถานการณ์เสียก่อนยังดีกว่า”“แต่ตอนนี้การเดิมพันดังกล่าวเสี่ยงเกินไป ผู้อำนวยการหูพูดชัดเจนแล้ว ว่าคุณไม่มีทางทำผลประกอบการให้ขึ้นไปถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ เขาถึงได้มั่นใจพูดจาโอ้อวดแบบนั้นไงครับ”หลีเกอพยักหน้า “ทำยังไงได้ เรือแล่นออกจากฝั่งแล้ว ก็คงต้องลุยกันต่อไป”เจิ้งหลิ่วยังคงยืนอยู่ข้างเธอ “คุณหนูวางใจได้เลย ผมจะช่วยคุณอย่างเต็มที่ครับ”“แค่คุณพูดอย่างนี้ ฉันก็อุ่นใจแล้วค่ะ”ไม่นานนัก เรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่ประชุมคณะกรรมการก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งบริษัทตี้เซิ่ง ทุกคนต่างก็พูดถึงเรื่องนี้กันอย่างสนุกปากเมื่อฉีอวิ๋นเทียนได้รับข่าวนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ “เธอพูดจริงเหรอ เทพธิดาของผมกล้าขนาดนี้เชียวเหรอ?”“ถ้าไม่จริงคงไม่มีใครพูดปากต่อปากแบบนี้หรอก คุณหนูหล
เมื่อกลับมาถึงบริษัทตี้เซิ่งแล้ว ฉีอวิ๋นเทียนก็ตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานของเธอทันที“เทพธิดา ตอนนี้ไหน ๆ ตัวตนของคุณก็เปิดเผยแล้ว เรามาทำตามความปราถนาของพ่อแม่แล้วแต่งงานกันเถอะ!”หลีเกอไม่ลังเลที่จะส่ายหัวปฏิเสธทันที “ขอโทษที ฉันยังไม่มีแผนจะแต่งงานใหม่”“งั้นถ้าคุณอยากแต่งงานเมื่อไหร่ช่วยบอกผมด้วยนะ ผมพร้อมจะแต่งงานกับคุณทุกเมื่อเลย”หลีเกอรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย พูดอย่างหมดหนทาง “คุณชายฉี เราเข้ากันไม่ได้หรอก ฉันเคยบอกคุณไปแล้ว ทำไมคุณยังไม่ยอมรับความจริงซะที”“ตรงไหนที่เข้ากันไม่ได้ล่ะ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินสิ คุณยังไม่รู้จักผมดีพอเลย ยังไม่ทันไรก็ปฏิเสธผมแล้ว” ฉีอวิ๋นเทียนพูดออกมาด้วยความใจร้อน“ถ้าอย่างนั้นคุณรู้จักฉันดีแค่ไหน?” หลีเกอถามกลับ ทำให้ฉีอวิ๋นเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง กว่าจะตอบกลับออกมาได้ “ไว้ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปหลังจากคบกันก็ได้ อนาคตยังอีกยาวไกล…”แต่ฉีอวิ๋นเทียนไม่มีความมั่นใจเลย สุดท้ายเหมือนตัดสินใจอะไรได้สักอย่าง “คุณรู้สึกว่าผมไม่รู้จักคุณดีพอ ถึงได้ปฏิเสธผมอย่างนั้นเหรอ? งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะค่อย ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับคุณให้มากขึ้น…”หลีเกอรู้สึกหมดหนทาง เธอจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ