อิชย์นั่งดื่มหลังจากทำงานมาทั้งวัน จึงเลือกที่จะออกมาท่องเที่ยวยามราตรีในสถานบันเทิงของเพื่อนเขา
“เฮ้ย ๆ ทำไมวันนี้แกมาแต่หัววันเลยวะ” เสียงของชัชวาล เพื่อนสนิทสมัยเรียนและเป็นเจ้าของผับนี้เอ่ยถาม
“ทำไมกูจะมาแต่หัววันไม่ได้” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคืองเพื่อนเล็กน้อย
“ได้ครับคุณชายอิชย์ ตามสบายนะครับท่าน” อีกคนก็กวนแถมประชดประชันอีก
“แกมาทำอะไรวะไอ้ชัช”
“เอ้า โทษนะไอ้คุณอิชย์ถามมาได้ ผับกู กูก็ต้องมาดูสิ”
“มึงเป็นอะไร ถึงได้กินอะไรมากมายขนาดนี้” เจ้าของผับถาม หากก็ไม่ได้คำตอบ
“ตอบมา! ถ้าไม่ตอบกู จะสั่งให้เด็กยกไปเก็บ”
“เซ็งนิดหน่อยว่ะ...”
“ทำไมวะ แฟนเก่ามึงกลับมาขอคืนดีไง”
“ไม่ใช่ อย่าพูดถึงได้ไหมวะ” ชายหนุ่มว่าอย่างไม่อยากรับรู้เรื่องราวของอดีตคนรัก
“แล้วมันเรื่องอะไร”
“กูบังเอิญได้ยินพ่อคุยกับเมียใหม่ว่าจะให้กูแต่งงานกับลูกเมียเขา ยัยตุ่มต่อขาน่ะ”
ชัชวาลทำท่าทางนึกคิดถึงใบหน้าว่าที่เจ้าสาวของเพื่อน
“อ๋อ…น้องริตาน่ะเหรอ กูจำได้ว่าเคยเจอตอนที่น้องจบมัธยม เกือบสิบปีแล้วมั้ง”
“ใช่ ยัยริตาตุ่มต่อขาเดินได้นั่นแหละ กูก็ไม่ได้เจอเกือบสิบปีแล้ว เห็นแต่ยัยอินเล่าให้ฟังทุกครั้งที่ยัยตุ่มต่อขาโทรมา”
“ปากคอเลาะร้าย ว่าได้แม้กระทั่งว่าที่เจ้าสาวของตัวเองไม่สิว่าที่เมีย แต่เอาเถอะนี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เธออาจจะสวยขึ้นอย่างที่มึงคาดไม่ถึงก็ได้นะ”
“ไม่มีทาง อย่างยัยตุ่มต่อขาเนี่ยนะจะสวย ที่สำคัญกูจะไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาด”
“เออ…แล้วกูจะคอยดู”
“ถึงแต่งงานกันกูก็ไม่มีวันที่จะรักยัยนั้นแน่นอน” อิชย์ยึดมั่นใจคำของตนโดยที่เพื่อนเอาแต่ส่ายหน้า เมื่อแอลกอฮอล์เข้าปากชายหนุ่มก็ได้ระบายเรื่องอัดอั้นที่คิดไม่ตกอีกเรื่องออกมา
“ไอ้ชัชกูถามจริง ๆ เหอะ กูผิดอะไรวะ พีทถึงทิ้งกูไป” ก่อนจะกระดกแก้วเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมด
“อะไรของมันวะ เมื่อกี้ยังเซ็งเรื่องที่ต้องแต่งงานอยู่หยก ๆ ตอนนี้กลับมาถามถึงแฟนเก่า จะเอายังไงกันแน่ไอ้อิชย์ อีกอย่างกูไม่รู้หรอกนะ...ว่าทำไมเขาถึงทิ้งมึงไป...แต่มันสามปีแล้ว ทำไมยังทำใจไม่ได้ ยังไม่ลืมเขาอีกเหรอวะ” ชัชวาลบ่นกับท่าทางของเพื่อนที่เป็นแบบนี้ประจำเมื่อคิดถึงคนรักเก่า และไม่นานธีรดลเดินเข้ามาสมทบกล่าวทักทายกันตามประสาเพื่อนสนิท
“เอ้า เฮ้ย ๆ ไอ้ชัช ไอ้อิชย์ ได้ยินพวกมึงพูดถึงพีทใช่เปล่าวะ”
“ใช่…มีไรว่ะ ไอ้เจ้าของออแกไนซ์เซอร์ใหญ่”
“ก็วันนี้ฉันไปธุระ บังเอิญเจอแฟนเก่าไอ้อิชย์มาว่ะ”
“แล้วไงวะ” ชัชวาลเป็นฝ่ายถาม ส่วนเจ้าของชื่อได้แต่นิ่งฟัง
“กูเห็นเดินมากับเสี่ยใหญ่ พาไปชอปปิง กูอยากจะบอกอะไรกับมึงนะไอ้อิชย์ ตัดใจและลืมยัยผู้หญิงเห็นแก่เงินคนนั้นเถอะว่ะ” ธีรดลเตือนสติด้วยความหวังดี
“ไม่! ไม่เชื่อ มึงอย่ามาใส่ร้ายพีท” อิชย์สวนกับโดยไม่สนใจคำเตือน
“ถ้าไม่เชื่อ ก็ดูนี่ซะ” ธีรดลล้วงมือถือเครื่องหรูออกมาแล้วเปิดบางอย่างส่งให้เขาดู…
EISAYAA SHOP
“เจ๊…เก็บของเสร็จยังคะ นานเกินไปแล้วนะ” เสียงของเจ้านายสาวเอ่ยถามเมื่อเธอใช้เวลารอเพื่อนร่วมงานนานเกินไป
ห้องเสื้อแห่งนี้ ตั้งอยู่ข้างโรงแรมของอิชย์เดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง ห้องเสื้อของอิษยาเป็นร้านขนาดกลางไม่ใหญ่มาก เพราะกลัวจะดูไม่ไหว อีกทั้งยังเป็นความฝันของตนที่อยากจะมีร้านเสื้อเป็นของตัวเอง
เธอจึงนำเงินเก็บที่มีอยู่มาลงทุนกับร้านนี้ และยังมีเงินทุนที่เป็นของขวัญเรียนจบจากบิดาและพี่ชาย รวมทั้งรสิกาที่มาเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน
จนถึงตอนนี้ห้องเสื้อแห่งนี้เปิดมาได้เกือบสี่ปีแล้ว การตกแต่งก็สไตล์โมเดิร์นทันสมัย เข้ากับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันของลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี้
“เสร็จแล้วจ้า พี่เมนี่ขอโทษนะคะ” เสียงจีบปากจีบคอตามแบบฉบับของชายแต่ใจหญิงของเจ๊เมนี่หรือแมน ทีมออกแบบและตัดเย็บของห้องเสื้ออิษยา
“ไปกันเถอะค่ะ อินหิวแล้ว”
“ไปค่ะ” คุณเธอเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่นั่งรอหน้ามุ่ยอยู่ที่โซฟา “เอ่อ คุณอินขา…”
“มีอะไรคะเจ๊…”
“ถ้าคุณริตากลับมาอยู่เมืองไทย เจ้อยากจะชวนเธอมาทำงานกับเราด้วยดีมั้ยจ๊ะ”
“ถึงเจ๊ไม่ขอ อินก็จะดึงพี่ริตาเข้ามาทำงานกับเราอยู่แล้วค่ะ พี่เขาทั้งสวยทั้งเก่ง ออกแบบเลิศ จบปริญญาตรีด้านออกแบบแฟชั่นและแพทเทริน์ แถมได้ข่าวว่าจบโทบริหารด้วย แต่อินว่าคุณพ่อต้องให้พี่ริตาช่วยงานโรงแรมกับพี่อิชย์แน่เลยค่ะ พอช่วงนี้อินไม่ค่อยว่าง ถ้าพี่ริตากลับมาก็คงจะดี จะได้มีคนช่วยออกแบบและช่วยงานบริหารเพิ่ม”
“ก็ดีเหมือนกัน เจ๊จะได้มีคนช่วย ทำคนเดียวเหนื่อยจะตาย อีกร้านนี้น้องริตาก็มีหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง ใช่มั้ย”
“เจ๊บ่นมาก เดี๋ยวหักเงินเดือนหรอก” อิษยาขู่แกมหยอก
จบการสนทนาของสองสาวก็เดินทางไปยังร้านอาหารประจำที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงได้สำรองที่นั่งของทางร้านไว้หรือไม่คะ” พนักงานต้อนรับของร้านทักทายลูกค้าอย่างสุภาพ
“ไม่ได้จองไว้ค่ะ พอจะมีที่นั่งเหลือหรือเปล่าคะ” พลางเอ่ยถาม ก่อนที่จะหันไปมองด้านในเพื่อหาที่นั่ง
“สวัสดีค่ะคุณอิน” ผู้จัดการร้านเดินเข้ามาหา แล้วหันไปบอก “มีอะไรก็ไปทำเถอะ ทางนี้ฉันดูแลเอง”
พอพนักงานคนเมื่อครู่ไปต้อนรับลูกค้าท่านอื่น ผู้จัดการก็สอบถามลูกค้าวีไอพี
“มีอะไรให้บริการคะคุณอิน”
“ฉันไม่ได้จองโต๊ะไว้ พอจะหาที่นั่งให้ได้ไหม”
“ได้ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
ผู้จัดการร้านเดินนำหญิงสาวมายังโต๊ะอาหารที่อยู่ด้านในข้างกระจกที่สามารถมองออกไปเห็นวิวรอบนอกของห้างสรรพสินค้าและแสงสีต่าง ๆ ตามท้องถนน พนักงานวางเมนูอาหารตรงหน้าให้ทั้งสองคนได้เลือก
“เจ๊จะทานอะไรสั่งเลย เดี๋ยวอินเลี้ยงเอง”
“ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้น วันนี้ถึงเลี้ยงข้าวฉัน” สาวสองจีบปากจีบคอ
“สรุปไม่กิน จะจ่ายเองว่างั้น”
“ไม่งอนสิคะ เขาเย้าเล่นน่า” สาวสองทำมือหยอกล้อราวกับง้อเด็กน้อย อิษยาเรียกพนักงานมารับรายการอาหารและนั่งรอไม่นานอาหารมากมายค่อย ๆ ทยอยมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
“สั่งอะไรเยอะแยะย่ะหล่อน”
“ก็คนมันหิว ทำงานทั้งวันแทบไม่ได้พักเลย”
“ระวังอ้วนตายนะ แล้วยิ่งกินดึกด้วยไม่อ้วนให้มันรู้ไป”
“อิษยาซะอย่างไม่แคร์หรอกค่ะ รีบกินดีกว่าแล้วไปชอปปิงกันต่อ”
“เวลานี้เนี้ยนะ” เมนี่ยกนาฬิกาขึ้นมอง ก่อนถามออกไป
“ยังไม่ทุ่มหนึ่งเลย มีเวลาอีกเยอะค่ะ”
ว่าแล้วทั้งสองก็ลงมือรับประทานอาหาร ไม่นานก็พากันเดินซื้ออันนั้นดูอันนี้ตามประสาสาวแฟชั่นที่ชอบแต่งตัว
“งั้นแยกกันตรงนี้นะยะ” สาวสองเอ่ยเมื่อเดินมาถึงประตูทางออกของลานจอดรถ
“เอ้า ไม่ไปด้วยกันล่ะเจ๊ อินไปส่ง เจ๊ไม่ได้เอารถมานิ”
เมนี่ไม่ว่าอะไรได้แต่มองทะลุไปยังด้านหลังของเจ้านายสาว พลอยทำให้เธอต้องหันกลับไปมองเช่นกัน
“อ๋อ…ผู้มารับสินะ” หญิงสาวเอ่ยแซวเล็กน้อย “งั้นอินกลับก่อนแล้วกัน”
“ขับรถดี ๆ ถึงบ้านแล้วบอกฉันด้วย”
“อินไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วเจ๊ ที่จะต้องรายงานตลอด” ร่างบางว่าก่อนส่งยิ้มให้ แล้วเดินเอาของเก็บหลังรถ
“ฉันเป็นห่วงย่ะ ชะนีคนเดียวขับรถกลางค่ำกลางคืนอันตราย”
“โอเคค่ะ ถึงแล้วจะรายงานนะคะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ขับรถออกจากล้านจอดรถของห้างสรรพสินค้าตรงไปที่บ้าน
ตอนที่ 2คำขอร้องหรือบังคับแสงสว่างยามบ่ายส่องผ่านหน้าต่างเพนเฮาส์ชั้นสูงสุดของโรงแรม ทำให้อิชย์พลิกตัวหันหลังให้กับแสงและหลับลงอีกครั้ง หลับไปไม่นานเสียงเข้าก็ดังขึ้น ชายหนุ่มใช้มือควานหามือถือที่วางอยู่ตู้ข้างหัวเตียง“ครับพ่อ” เสียงงัวเงียตอบกลับอย่างหงุดหงิด“เจ้าอิชย์ แกอยู่ไหน” ปลายสายถามบุตรชายเพราะเมื่อคืนท่านไม่เห็นลูกคนโตกลับมานอนที่บ้าน“อยู่โรงแรมทำไมครับ พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ”“กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้!! ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับแก” อดิศวรสั่งเสียงเข้ม“คุยทางโทรศัพท์ไม่ได้เหรอครับ”“เรื่องสำคัญ ฉันต้องการคุยกับแกที่บ้านตอนนี้” เสียงของบิดาสั่งแกมบังคับ เขาจำต้องลุกไปอาบน้ำแต่งตัวจัดการตัวเองให้เรียบร้อยและตรงกลับบ้านไม่นานรถยนต์คันหรูของชายหนุ่มแล่นเข้ามาจอดที่ลานน้ำพุหน้าบ้าน ถอนหายใจครู่หนึ่งก่อนเดินตรงไปยังเชิงบันได โดยมีแม่บ้านเก่าแก่ของครอบครัวออกมาต้อนรับ“ป้านวล คุณพ่ออยู่ไหนครับ”“คุณท่านอยู่ห้องนั่งเล่นค่ะ”“ขอบคุณครับป้า”“คุณอิชย์คะ…คุยกับคุณท่านดี ๆ อย่าใช้อารมณ์ ป้าขอนะ”"ผมจะพยายามครับ"ชายหนุ่มเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็พบบิดานั่งอยู่เคียงข้างแม่เลี้ยงอยู่ก่อนแล้ว
สนามบินสุวรรณภูมิผู้คนมากมายมารอการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินทางกลับมาจากฝรั่งเศส โดยที่เธอสวมแว่นตากันแดดสีเงินเดินออกมาจากสนามบิน และตรงไปยังรถแท็กซี่ที่เรียกไว้เพื่อให้พาไปยังจุดหมายปลายทาง เมื่อถึงจุดหมายที่ต้องการก็ใกล้ค่ำเสียแล้ว“จอดตรงนี้แหละค่ะ…นี่เงินค่ะ…ขอบคุณมากนะคะ”สาวสวยเดินมาหยุดหน้าบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทางสีเทาอ่อนสองใบ ก่อนบรรจงถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นดวงตาคู่สวย ก่อนเดินเข้าบ้านหลังงามที่ตั้งตระง่านอยู่ตรงหน้า“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบมาหาใครคะ” เด็กรับใช้ในบ้านถามหญิงสาว“มาหาคุณอดิศวรกับคุณสาวิตรีค่ะ ไม่ทราบท่านทั้งสองอยู่มั้ยคะ” หญิงสาวที่เดินเข้ามาในบ้านตอบ“ไม่อยู่ค่ะ พอดีท่านออกไปทานข้าวกับคุณอิน”“อีกนานมั้ยจ๊ะกว่าจะกลับ”“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เอ่อ…รอสักครู่นะคะเดี๋ยวหนูไปเอาน้ำมาให้”“ขอบใจจ้ะ เอ่อ แล้วป้านวลอยู่ไหนจ๊ะ” ก่อนที่สาวใช้คนเดิมจะออกไป จึงเรียกไว้“ป้านวลอยู่หลังบ้านค่ะ” เด็กรับใช้ในบ้านบอกแล้วรีบไปหาน้ำเสิร์ฟ แต่ยังมิวายบอกให้อีกคนไปบอกป้าศรีนวล“ป้านวลมีแขกมาหา เขาถามหาคุณท่านแล้วยังถามหาป้าด้วยนะ”“ถามหาข้าเนี่ยนะ รี
หลังจากที่คุยกับลูกชายเป็นอันเข้าใจและตกลงกันได้แล้ว รุ่งเช้าหลังจากที่ลูกชายกับลูกสาวออกไปทำงาน คุณอดิศวรจึงให้เด็กรับใช้ไปตามรสิกามาพบเพื่อที่จะคุยเรื่องสำคัญ“คุณลุงให้เด็กไปตาม มีอะไรหรือเปล่าคะ”“ลุงอยากให้หนูแต่งงานกับเจ้าอิชย์จะได้มั้ย ถือว่าลุงขอร้องละนะ” อดิศวรไม่พูดพร่ำทำเพลงเอ่ยเข้าประเด็นทันทีที่อยากคุยกับลูกเลี้ยงที่ตนรักเสมือนลูก“คุณอิชย์เหรอคะ”หญิงสาวถามเพื่อความแน่ใจว่าได้ยินไม่ผิดถึงบิดาเลี้ยงผู้มีเมตตาขอร้องเขารู้ดีว่าสิ่งที่ร้องขอจากลูกเลี้ยงจะทำให้เธอลำบากใจมากก็ตาม แม้จะรู้ว่าอิชย์จงเกลียดจงชังเด็กสาวตรงหน้ามากเพียงใด แต่ถ้ามองลึกเข้าไปในแววตาหวานของหญิงสาวตรงหน้าบ่งบอกถึงความดีใจ อีกอย่างเขาแค่มองก็รู้ว่ารสิกาแอบรักลูกชายของตนอยู่เลยได้แต่หวังให้รสิกาตกลงรับปากแต่งงานกับอิชย์ ด้วยอยากให้ลูกชายมีคนดูแลและมีภรรยาที่ดี จากที่เขาได้เห็นรสิกาตั้งแต่เด็ก เธอเป็นคนเก่ง ฉลาด อ่อนหวาน แต่ไม่ได้อ่อนแอ มารยาทหรือก็เรียบร้อย แม้จะแอบมีนิสัยแก่นอยู่บ้าง เขาว่าหญิงสาวจะหยุดลูกชายตัวดีของเขาได้“เขารู้แล้ว…แต่ลุงไม่ได้ยินคำปฏิเสธจากหนูนะ”รสิกานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหัน
บทนำอิชย์และอิษยา บุตรชายและบุตรสาวของ นายอดิศวร ภัคดีเลิศรัตน์ ที่ท่านทั้งรักและเป็นห่วง หากแต่ท่านกับทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับงานจนไม่มีเวลาได้เลี้ยงดู เอาใจใส่ลูกชายและลูกสาว ถึงทั้งสองจะมีปู่และย่าคอยดูแลให้ความรักก็ตาม แต่ยังคิดว่ายังคงไม่เพียงพอ เพราะลูก ๆ เสียแม่ตั้งแต่ยังเด็ก เขาจึงชดเชยความรักจากแม่ที่ลูกทั้งสองขาด โดยการพาสมาชิกใหม่ก้าวเข้ามาในบ้านสาวิตรี เข้ามาในฐานะภรรยาและแม่เลี้ยงของอิชย์และอิษยา เพื่อมอบความรัก ความอบอุ่นให้กับเด็ก ๆ รวมถึงลูกสาวของเธออย่างรสิกา นางฟ้าตัวน้อยเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่อีกคน สงครามขนาดย่อมจึงเกิดขึ้น เพราะอิชย์ไม่ต้องการให้ใครมาแทนที่แม่ คงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องจัดการกับสองแม่ลูกนั้นให้ออกไปจากบ้านหลังนี้เสียทีตอนที่ 1จุดเริ่มต้นบ้านภัคดีเลิศรัตน์“เจ้าอิชย์จะไปไหนแต่เช้า” เสียงคุณอดิศวรเรียกบุตรชายตนโตอย่าง ‘อิชย์ ภักดีเลิศรัตน์’ ไว้ก่อนที่จะก้าวขาออกจ
หลังจากที่คุยกับลูกชายเป็นอันเข้าใจและตกลงกันได้แล้ว รุ่งเช้าหลังจากที่ลูกชายกับลูกสาวออกไปทำงาน คุณอดิศวรจึงให้เด็กรับใช้ไปตามรสิกามาพบเพื่อที่จะคุยเรื่องสำคัญ“คุณลุงให้เด็กไปตาม มีอะไรหรือเปล่าคะ”“ลุงอยากให้หนูแต่งงานกับเจ้าอิชย์จะได้มั้ย ถือว่าลุงขอร้องละนะ” อดิศวรไม่พูดพร่ำทำเพลงเอ่ยเข้าประเด็นทันทีที่อยากคุยกับลูกเลี้ยงที่ตนรักเสมือนลูก“คุณอิชย์เหรอคะ”หญิงสาวถามเพื่อความแน่ใจว่าได้ยินไม่ผิดถึงบิดาเลี้ยงผู้มีเมตตาขอร้องเขารู้ดีว่าสิ่งที่ร้องขอจากลูกเลี้ยงจะทำให้เธอลำบากใจมากก็ตาม แม้จะรู้ว่าอิชย์จงเกลียดจงชังเด็กสาวตรงหน้ามากเพียงใด แต่ถ้ามองลึกเข้าไปในแววตาหวานของหญิงสาวตรงหน้าบ่งบอกถึงความดีใจ อีกอย่างเขาแค่มองก็รู้ว่ารสิกาแอบรักลูกชายของตนอยู่เลยได้แต่หวังให้รสิกาตกลงรับปากแต่งงานกับอิชย์ ด้วยอยากให้ลูกชายมีคนดูแลและมีภรรยาที่ดี จากที่เขาได้เห็นรสิกาตั้งแต่เด็ก เธอเป็นคนเก่ง ฉลาด อ่อนหวาน แต่ไม่ได้อ่อนแอ มารยาทหรือก็เรียบร้อย แม้จะแอบมีนิสัยแก่นอยู่บ้าง เขาว่าหญิงสาวจะหยุดลูกชายตัวดีของเขาได้“เขารู้แล้ว…แต่ลุงไม่ได้ยินคำปฏิเสธจากหนูนะ”รสิกานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหัน
สนามบินสุวรรณภูมิผู้คนมากมายมารอการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินทางกลับมาจากฝรั่งเศส โดยที่เธอสวมแว่นตากันแดดสีเงินเดินออกมาจากสนามบิน และตรงไปยังรถแท็กซี่ที่เรียกไว้เพื่อให้พาไปยังจุดหมายปลายทาง เมื่อถึงจุดหมายที่ต้องการก็ใกล้ค่ำเสียแล้ว“จอดตรงนี้แหละค่ะ…นี่เงินค่ะ…ขอบคุณมากนะคะ”สาวสวยเดินมาหยุดหน้าบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทางสีเทาอ่อนสองใบ ก่อนบรรจงถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นดวงตาคู่สวย ก่อนเดินเข้าบ้านหลังงามที่ตั้งตระง่านอยู่ตรงหน้า“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบมาหาใครคะ” เด็กรับใช้ในบ้านถามหญิงสาว“มาหาคุณอดิศวรกับคุณสาวิตรีค่ะ ไม่ทราบท่านทั้งสองอยู่มั้ยคะ” หญิงสาวที่เดินเข้ามาในบ้านตอบ“ไม่อยู่ค่ะ พอดีท่านออกไปทานข้าวกับคุณอิน”“อีกนานมั้ยจ๊ะกว่าจะกลับ”“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เอ่อ…รอสักครู่นะคะเดี๋ยวหนูไปเอาน้ำมาให้”“ขอบใจจ้ะ เอ่อ แล้วป้านวลอยู่ไหนจ๊ะ” ก่อนที่สาวใช้คนเดิมจะออกไป จึงเรียกไว้“ป้านวลอยู่หลังบ้านค่ะ” เด็กรับใช้ในบ้านบอกแล้วรีบไปหาน้ำเสิร์ฟ แต่ยังมิวายบอกให้อีกคนไปบอกป้าศรีนวล“ป้านวลมีแขกมาหา เขาถามหาคุณท่านแล้วยังถามหาป้าด้วยนะ”“ถามหาข้าเนี่ยนะ รี
ตอนที่ 2คำขอร้องหรือบังคับแสงสว่างยามบ่ายส่องผ่านหน้าต่างเพนเฮาส์ชั้นสูงสุดของโรงแรม ทำให้อิชย์พลิกตัวหันหลังให้กับแสงและหลับลงอีกครั้ง หลับไปไม่นานเสียงเข้าก็ดังขึ้น ชายหนุ่มใช้มือควานหามือถือที่วางอยู่ตู้ข้างหัวเตียง“ครับพ่อ” เสียงงัวเงียตอบกลับอย่างหงุดหงิด“เจ้าอิชย์ แกอยู่ไหน” ปลายสายถามบุตรชายเพราะเมื่อคืนท่านไม่เห็นลูกคนโตกลับมานอนที่บ้าน“อยู่โรงแรมทำไมครับ พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ”“กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้!! ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับแก” อดิศวรสั่งเสียงเข้ม“คุยทางโทรศัพท์ไม่ได้เหรอครับ”“เรื่องสำคัญ ฉันต้องการคุยกับแกที่บ้านตอนนี้” เสียงของบิดาสั่งแกมบังคับ เขาจำต้องลุกไปอาบน้ำแต่งตัวจัดการตัวเองให้เรียบร้อยและตรงกลับบ้านไม่นานรถยนต์คันหรูของชายหนุ่มแล่นเข้ามาจอดที่ลานน้ำพุหน้าบ้าน ถอนหายใจครู่หนึ่งก่อนเดินตรงไปยังเชิงบันได โดยมีแม่บ้านเก่าแก่ของครอบครัวออกมาต้อนรับ“ป้านวล คุณพ่ออยู่ไหนครับ”“คุณท่านอยู่ห้องนั่งเล่นค่ะ”“ขอบคุณครับป้า”“คุณอิชย์คะ…คุยกับคุณท่านดี ๆ อย่าใช้อารมณ์ ป้าขอนะ”"ผมจะพยายามครับ"ชายหนุ่มเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็พบบิดานั่งอยู่เคียงข้างแม่เลี้ยงอยู่ก่อนแล้ว
อิชย์นั่งดื่มหลังจากทำงานมาทั้งวัน จึงเลือกที่จะออกมาท่องเที่ยวยามราตรีในสถานบันเทิงของเพื่อนเขา“เฮ้ย ๆ ทำไมวันนี้แกมาแต่หัววันเลยวะ” เสียงของชัชวาล เพื่อนสนิทสมัยเรียนและเป็นเจ้าของผับนี้เอ่ยถาม“ทำไมกูจะมาแต่หัววันไม่ได้” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคืองเพื่อนเล็กน้อย“ได้ครับคุณชายอิชย์ ตามสบายนะครับท่าน” อีกคนก็กวนแถมประชดประชันอีก“แกมาทำอะไรวะไอ้ชัช”“เอ้า โทษนะไอ้คุณอิชย์ถามมาได้ ผับกู กูก็ต้องมาดูสิ”“มึงเป็นอะไร ถึงได้กินอะไรมากมายขนาดนี้” เจ้าของผับถาม หากก็ไม่ได้คำตอบ“ตอบมา! ถ้าไม่ตอบกู จะสั่งให้เด็กยกไปเก็บ”“เซ็งนิดหน่อยว่ะ...”“ทำไมวะ แฟนเก่ามึงกลับมาขอคืนดีไง”“ไม่ใช่ อย่าพูดถึงได้ไหมวะ” ชายหนุ่มว่าอย่างไม่อยากรับรู้เรื่องราวของอดีตคนรัก“แล้วมันเรื่องอะไร”“กูบังเอิญได้ยินพ่อคุยกับเมียใหม่ว่าจะให้กูแต่งงานกับลูกเมียเขา ยัยตุ่มต่อขาน่ะ”ชัชวาลทำท่าทางนึกคิดถึงใบหน้าว่าที่เจ้าสาวของเพื่อน“อ๋อ…น้องริตาน่ะเหรอ กูจำได้ว่าเคยเจอตอนที่น้องจบมัธยม เกือบสิบปีแล้วมั้ง”“ใช่ ยัยริตาตุ่มต่อขาเดินได้นั่นแหละ กูก็ไม่ได้เจอเกือบสิบปีแล้ว เห็นแต่ยัยอินเล่าให้ฟังทุกครั้งที่ยัยตุ่มต่อขาโทรมา
บทนำอิชย์และอิษยา บุตรชายและบุตรสาวของ นายอดิศวร ภัคดีเลิศรัตน์ ที่ท่านทั้งรักและเป็นห่วง หากแต่ท่านกับทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับงานจนไม่มีเวลาได้เลี้ยงดู เอาใจใส่ลูกชายและลูกสาว ถึงทั้งสองจะมีปู่และย่าคอยดูแลให้ความรักก็ตาม แต่ยังคิดว่ายังคงไม่เพียงพอ เพราะลูก ๆ เสียแม่ตั้งแต่ยังเด็ก เขาจึงชดเชยความรักจากแม่ที่ลูกทั้งสองขาด โดยการพาสมาชิกใหม่ก้าวเข้ามาในบ้านสาวิตรี เข้ามาในฐานะภรรยาและแม่เลี้ยงของอิชย์และอิษยา เพื่อมอบความรัก ความอบอุ่นให้กับเด็ก ๆ รวมถึงลูกสาวของเธออย่างรสิกา นางฟ้าตัวน้อยเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่อีกคน สงครามขนาดย่อมจึงเกิดขึ้น เพราะอิชย์ไม่ต้องการให้ใครมาแทนที่แม่ คงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องจัดการกับสองแม่ลูกนั้นให้ออกไปจากบ้านหลังนี้เสียทีตอนที่ 1จุดเริ่มต้นบ้านภัคดีเลิศรัตน์“เจ้าอิชย์จะไปไหนแต่เช้า” เสียงคุณอดิศวรเรียกบุตรชายตนโตอย่าง ‘อิชย์ ภักดีเลิศรัตน์’ ไว้ก่อนที่จะก้าวขาออกจ