ร่างสูงใหญ่สวมเสื้อกล้ามสีดำทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นสวมกางเกงยีนส์ตัวเก่งสีซีดพาตัวเองมายังโรงจอดรถขนาดใหญ่ เป็นจังหวะเดียวกันกับลูกน้องคนสนิทขี่ซาเล้งพ่วงข้างเลี้ยวเข้ามายังบริเวณที่เขากำลังยืนอยู่ ชายหนุ่มจึงโบกมือเรียกดัก ทำเอาเจ้าชงนมถึงกับเบรกรถหน้าแทบทิ่ม
“มีอะไรหรือเปล่าครับนาย”
“มึงจะไปไหนไอ้ชงนม”
“ผมเอาผักปรังกับใบส้มป่อยมาให้แม่เลี้ยงครับ เห็นว่าวันมะรืนนายแม่จะให้ป้าฟองจันทร์ทำแกงโฮะต้อนรับคุณครูน้ำผึ้งครับ”
ชงนมเอ่ยบอกเจ้านายหนุ่ม แล้วคลี่ยิ้มกว้างอวดทั้งฟันทั้งเหงือกให้คนเป็นนายได้ยล ดูท่าแม่ของเขาจะเตรียมอาหารไว้เป็นอย่างดี คงคิดว่าหลังกลับมาจากลำปางจะต้อนรับหลานสาวแบบจัดเต็มซิท่า ก่อนชายหนุ่มจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“วันนี้แม่ให้มึงไปรับน้ำผึ้งใช่ไหม”
“ใช่ครับ นายช้างมีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่า”
“เปล่า แต่กูจะเป็นคนไปรับเอง แล้วก็ยืมรถมึงด้วย”
คนเป็นเจ้านายแจ้งความประสงค์ เล่นเอาลูกน้องคนสนิทอ้าปากหวอ อดที่จะทำหน้าสงสัยไม่ได้
“ห๊ะ! ไปรับเอง แล้วจะยืมไอ้แก่ขาเฟี้ยวของผมไปด้วยเนี่ยนะครับ รถในบ้าน…”
ยังไม่ทันที่ชงนมจะพูดจบ ดวงตาคมกริบของคนเป็นนายปรายตามามอง ก็ทำให้เขาต้องเงียบปากสงบเสงี่ยมลงทันที ก็มันน่าแปลกใจไหมล่ะ ในเมื่อมีรถสปอร์ตคันหรูของเจ้านายเรียงรายกันให้ควั่กในโรงจอดรถ ทั้งปอร์เช่ คาร์เรรา911 สีดำหล่อเฟี้ยว หรือจะเป็นปอร์เช่ คาร์เรรา โฟร์ สีขาวพร้อมอวดสาว
แต่เจ้านายเขากลับไม่ขับอยากจะมาแว๊นอีแก่ซาเล้ง สตาร์ทติดบ้างไม่ติดบ้างไปรับคุณครูคนใหม่เนี่ยนะ ชงนมได้แต่เกาหัวแกร๊กๆ อย่างเดาใจเจ้านายหนุ่มไม่ถูก หากแต่ก็ไม่กล้าถามออกไปกลัวจะโดนบาทาหนักๆยันกลับมาเป็นคำตอบ
“เออ แล้วมึงจะทำไม”
“ไอ้ชงนมไม่กล้ามีปัญหากับนายช้างหรอกคร้าบบ” คนเป็นลูกน้องรีบตอบกลับ พลางยกมือไหว้ปลกๆ
“แล้วเรื่องที่กูไปรับน้ำผึ้ง มึงไม่ต้องไปปากโป้งบอกแม่กูล่ะ”
หัสดินทร์ย้ำลูกน้องคนสนิทไว้ทันที เกรงว่าเรื่องที่เขาจะทำต่อจากนี้ถึงหูแม่เลี้ยงสรณ์สิริเมื่อไหร่ มีหวังปางช้างกับบ้านใหญ่ได้ลุกเป็นไฟแน่
“ครับนาย”
ชงนมรับปากเจ้านายหนุ่ม พลางก้าวลงจากรถอีแก่ขาเฟี้ยวของตัวเอง แล้วจูงไปจอดข้างๆ บรรดารถหรูๆในโรงรถแทน ก่อนเขาจะรับกุญแจรถกระบะสี่ประตูสีดำอีกคันของเจ้านายไปขับแทน
สถานีขนส่งแห่งหนึ่งในอำเภอแม่แตงคราคร่ำไปด้วยผู้คนมีทั้งคนขับ คนโบกชวนขึ้นรถไปยังสถานที่ต่างๆ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวทั้งไทยทั้งเทศ ร่างเพรียวระหงในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขายาวเข้ารูป สวมรองเท้าผ้าใบเดินลากกระเป๋ามายังจุดนัดพบ ดวงตากลมโตก้มดูรายละเอียดที่ทางคุณป้าสรณ์สิริส่งมาบอกเกี่ยวกับคนมารับ
‘คนมารับน้องน้ำผึ้ง เป็นคนงานจากปางช้างป้าเองนะลูก เขาจะใส่เสื้อสกีนชื่อปางช้างสรศิลป์ น้องน้ำผึ้งไปขึ้นรถได้เลย’
หลังจากอ่านข้อความระบุตัวตนคนมารับเรียบร้อยแล้ว เธอก็สบเข้ากับร่างสูงใหญ่สวมเสื้อสกรีนตามที่คนเป็นป้าได้บอกไว้ กำลังยืนกอดอกพิงเสาสบายอารมณ์อยู่ไม่ไกล หญิงสาวจึงรีบลากกระเป๋าสองใบไปหาเขาทันที พร้อมกับเสียงหวานเอ่ยทักทาย
“สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นคนจากปางช้างสรศิลป์ที่มารับฉันใช่ไหมคะ”
พรนลัทคลี่ยิ้มหวานแสดงความเป็นมิตรให้กับผู้ชายตัวสูงใหญ่ตรงหน้า เขาสูงจริงแหละ เพราะขนาดเธอยืนตรงหน้าเขากับส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบสี่ของเธอยังสูงเลยไหล่กว้างไปนิดเดียวเอง หากให้กะจากสายตาเดาๆได้ว่าเขาสูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้า แปดสิบหกเป็นแน่
ใบหน้าหล่อเหลา เรือนผมสีดำหนาถูกตัดเข้าทรง ผิวสีน้ำตาลอ่อนสุขภาพดี แม้ว่าเขาจะใส่เสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับคนงานปางช้างก็ตาม ราศีที่แผ่ออกมาดูไม่เหมือนคนงานทั่วๆไปเลยสักนิด แต่เธอก็หาได้สนใจไม่
ก่อนจะสะดุดกับดวงตาคมกริบคู่นั้นทำให้เธอรู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูกจนต้องเก็บความสงสัยไว้ในใจ ขณะเดียวกันคนที่ถูกทักก็ขมวดคิ้วพลางจ้องหน้าร่างเล็กที่กำลังเผชิญหน้าระยะไม่ถึงหนึ่งเมตรไม่ต่างกัน รอยยิ้มแสนหวาน กับใบหน้าสวยใส
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยว่า ยายตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมจะโตมาแล้วสวยขนาดนี้ ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตสีน้ำตาลราวกับมีน้ำหล่อเลี้ยงในดวงตาตลอดเวลา จมูกโด่งเชิดงอนบ่งบอกนิสัยของเจ้าตัวคงแสบเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย แถมกลีบปากจิ้มลิ้มอมชมพูของยายเด็กแสบก็น่า…
ขนาดเขากวาดสายตาเร็วๆยังรู้เลยว่าแม่คุณหุ่นน่าฟัดขนาดไหน หัสดินทร์กระแอมเรียกสติตัวเองกลับมา แล้วหันมาสนใจความสวยงามตรงหน้าอีกครั้ง
“ใช่ จะไปเลยไหม”
น้ำเสียงของคนงานหนุ่มตรงหน้าออกจะติดห้วนนิดๆ จนพรนลัทนึกสงสัยในใจไม่ได้
‘พูดจาไม่เป็นมิตรเลย นี่มารับหรือขู่กรรโชกกันแน่’
“ไปเลยก็ได้ค่ะ แล้วคุณจอดรถไว้ที่ไหนหรอคะ”
“นี่ไงรถ”
เขาบอกพลางชี้ไปที่ซาเล้งคันงามของเจ้าชงนมที่จอดอยู่ห่างไปไม่ถึงเมตรจากตรงที่ทั้งคู่ยืนอยู่ พรนลัทถึงกับหันไปมองรถสลับกับมองคนมารับอย่างงุนงง ก็ไหนคุณป้าบอกว่าเอารถตู้มารับไง ทำไมกลายเป็นซาเล้งพ่วงข้างแบบนี้ และดูเหมือนชายหนุ่มจะเดาทางเธอออก เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่เป็นมิตรสักนิด
“พอดีรถมันเสีย อีกอย่างทางไปในป่าในเขา คิดว่าจะเอารถเบนซ์ รถสปอร์ตมารับหรอคุณ”
ประโยคกวนโมโหของคนมารับ ทำเอาหญิงสาวถึงกับผ่อนลมหายใจออกมาระงับอารมณ์ ในเมื่อเธอหยิบยื่นความเป็นมิตรไปแต่เขาไม่รับไมตรี งั้นหลังจากนี้เธอก็ไม่ต้องพูดดีด้วยล่ะกัน
“รถอะไรฉันก็นั่งได้ทั้งนั้นแหละ จะไปได้หรือยังล่ะคะ”
หญิงสาวบอกพลางลากกระเป๋าตามคนตัวสูงไปติดๆ ก่อนเขาจะหันมารับกระเป๋าของเธอไปวางไว้ข้างที่นั่งแถวพ่วงข้าง อย่างน้อยความไม่เป็นมิตรของเขาก็ยังมีน้ำใจอยู่บ้าง หลังจากวางกระเป๋าให้เธอเสร็จเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ทันที
พรนลัทยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้ารถสักพัก กำลังตัดสินใจว่าจะขึ้นไปนั่งตรงไหนดี แต่แล้วก็ต้องโมโหอีกครั้งกับคำพูดชวนหงุดหงิดของเขา
“เอ้า! ไม่ขึ้นรถล่ะ ต้องให้ผมไปอุ้มไหมครับ”
บรื้น! บรื้น!
ไม่เพียงแค่คำพูดกวนอารมณ์ ทว่าเขายังบิดมอเตอร์ไซค์ซาเล้ง เร่งรัดให้เธอก้าวขึ้นรถ ส่วนคนขับก็เอาแต่ซ่อนรอยยิ้มขำ เก็กหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม
พรนลัทก็ขึ้นมานั่งตรงเบาะส่วนพ่วงข้างด้วยสีหน้าหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทว่าเธอต้องข่มอารมณ์ไว้อย่างสุดกลั้น
******
ระยะทางจากขนส่งไปยังเรือนใหญ่และปางช้างสรศิลป์ เนเชอรัลหากสัญจรมาด้วยรถยนต์ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที แต่สำหรับรถเล็กอย่างมอเตอร์ไซค์ถ้าไปในทางปกติก็ใช้เวลายี่สิบถึงยี่สิบห้านาที ทว่าสารถีหนุ่มสุดกวนดันไม่ได้พามาทางที่คนเขาสัญจรสักเท่าไหร่สองข้างทางเป็นป่ารกทึบ มีบ้านเรือนอยู่ประปราย และเวลาในการที่เธอต้องอดทนนั่งจนก้นระบมเพราะทางขรุขระก็กินเวลาเกือบสามสิบนาทีแล้ว
“นี่คุณ อีกไกลไหมกว่าจะถึง”
พรนลัทเอ่ยถามโต้ลมกับสารถีหนุ่มที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาบิดมอเตอร์ไซต์ลงทุกหลุมไม่มีหยอดให้กันสักนิด สองมือน้อยของเธอกำขอบพ่วงข้างไว้แน่น กลัวว่าจะเซหงายท้องตกลงไปนอนแอ้งแม้งกลางถนนก็เป็นได้
“เลี้ยวซ้ายข้างหน้านี่ก็ถึงแล้วคุณ”
ว่าจบก็ปาดเลี้ยวเข้าซอยปางช้างโดยที่ไม่มีเอ่ยบอกกันสักนิด ล้อรถทางด้านคนนั่งตกหลุมน้ำที่เจิ่งนองอย่างแรง
“ว้ายยย!”
ไม่ใช่แค่น้ำขังกระเด็นถูกตัวเท่านั้น แต่ดันมีสิ่งปฏิกูลที่เรียกว่า ‘อุนจิ’ สีดำปนเหลืองดีดกระเด็นมาเต็มแผ่นหลังของเธอเลย จนคนขับได้แต่หัวเราะออกมาดังลั่น นั่นเลยทำให้เธอรู้ว่ากำลังถูกแกล้งอย่างไรอย่างนั้น
“โทษทีนะคุณ ผมไม่เห็นหลุมและก็ไม่คิดว่าจะมีขี้ช้างด้วย”
พรนลัทปาดเช็ดละอองน้ำออกจากเนื้อตัว แม้ว่าจะเหม็นกลิ่นอุนจิน้องช้างมากแค่ไหน เธอก็ทนเก็บงำความแค้นเคืองไว้ไม่อยู่ในเมื่อเธอเปื้อน เขาก็ต้องเปื้อนเหมือนกัน มือเรียวเล็กปาดเอาเศษเหลืองๆ ขึ้นมาป้ายไปยังต้นคอหนาลากยาวจวบจนถึงแผงอกกว้างด้วยความสะใจ
คนถูกแก้แค้นทำได้แค่แหกปากร้องเสียงดังลั่น แต่ก็ทำอะไรเธอไม่ได้เพราะยังต้องขับรถ คนที่ได้แก้แค้นก็ยิ้มร่าอย่างกับผู้ชนะ
“เฮ้ย! คุณ! ปาดขี้มาที่ผมทำไมเนี่ย”
“อ้าว ก็ฉันไม่มีที่เช็ดนี่คุณ ก็ยืมเสื้อคุณเช็ดก่อนแล้วกัน”
หัสดินทร์ได้แต่เข่นเขี้ยวคาดโทษอยู่ภายในใจ พลางหันไปมองใบหน้าสวยใสที่กำลังยักคิ้วกวนโมโหเขาอย่างอารมณ์ดี
‘หนอย! คอยดูนะแม่ตัวดี ศึกนี้เรายังต้องรบกันอีกนาน’
เพียงไม่นานบทสนทนาต่อปากต่อคำก็จบลง เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในอาณาจักรปางช้างสรศิลป์ เนเชอรัล บรรยากาศข้างในร่มรื่นไม่ต่างจากบ้านสวนของเธอเลยสักนิดทว่าตอนนี้พรนลัทยังไม่มีกระจิตกระใจจะชื่นชมสถานที่ เธออยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างคราบน้ำเน่าและอุนจิช้างออกไปจากตัว
เสียงรถซาเล้งคันโปรดของชงนมเข้ามาจอดที่ด้านหน้าของจุดประชาสัมพันธ์ คนงานหนุ่มก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับเจ้านายหนุ่มกับคุณครูคนสวย ทว่ารอยยิ้มกว้างแปรเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้างตกใจให้กับสภาพมอมแมมของทั้งคู่ ก่อนลมจะโชยเอากลิ่นไม่พึงประสงค์ปะทะเข้ากับโสตประสาทการรับกลิ่นของเขาทันที
“นี่นายกับคุณครูน้ำผึ้งมาทางไหนกันครับเนี่ย ทำไมสภาพเป็นแบบนี้”
เจ้านายหนุ่มไม่ตอบคำถาม แต่กลับสั่งงานเขาแทน
“ไอ้ชงนมมึงไม่ต้องถามมาก มึงพาคุณครูคนสวยเหม็นขี้ช้างไปพักที่บ้านหลังเล็กไป๊”
“แต่ว่า…”
“จะแต่อะไรหนักหนา กูอยากไปอาบน้ำแล้ว เหม็นขี้ชิบหาย”
ว่าจบก็พาร่างสูงสภาพสะบักสะบอมของตัวเองเดินไปยังเรือนเล็กที่อยู่ไม่ไกลอย่างหัวเสีย ส่วนคุณครูคนสวยก็ได้แต่ยิ้มจืดเจื่อน ไม่ทันได้ทักทายอีกฝ่ายเลยสักนิด และก็คิดว่าค่อยแนะนำตัวตอนที่ตัวเองสภาพดีกว่านี้จะดีกว่า
“มาครับ ผมยกกระเป๋าให้”
ชงนมเดินไปยังซาเล้งพ่วงข้างแล้วยกกระเป๋าเดินทางสองใบเดินนำไปยังบ้านพักหลังเล็กที่เจ้านายสั่ง ตอนนี้ในหัวของเขาสงสัยใคร่รู้ไปหมด ก็คุณนายแม่สั่งให้ไปพักที่เรือนใหญ่ แต่เจ้านายของเขาดันให้มาพักเรือนหลังเล็ก อยากรู้แต่ไม่กล้าถาม และก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องของเจ้านาย
เมื่อทั้งคู่มาถึงบ้านพักหลังเล็กที่ทำมาจากไม้ทั้งหลัง ดูทรุดโทรมราวกับไม่ได้ใช้งานมานาน แต่ก็ไม่ได้ดูเก่าจนใช้งานไม่ได้ขนาดนั้น ข้างในมีห้องนอนพร้อมเตียงนอนฟูกลมขนาดสามฟุตครึ่ง และห้องน้ำในตัวสภาพข้างในก็ยังพอรับได้อยู่บ้าง
“เอ่อว่าแต่คุณชื่ออะไรหรอคะ”
พรนลัทเอ่ยชวนอีกฝ่ายคุย หลังจากคนงานหนุ่มนำกระเป๋าสองใบของเธอไปวางไว้ตรงมุมหนึ่งของห้อง ชงนมจึงรีบหันมาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ
“โอ้ยย ไม่ต้องเรียกคุณหรอกครับคุณครู ผมเป็นแค่คนงาน ชื่อว่าชงนมน่ะครับ”
“อ้อ ชงนมก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณครูหรอก เรียกชื่อก็พอ”
“ได้ครับคุณน้ำผึ้ง ห้องน้ำอยู่ด้านนั้นเผื่ออยากจะอาบน้ำล้างตัว”
ชงนมคลี่ยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร แล้วชี้นิ้วบอกตำแหน่งของห้องน้ำให้แก่อีกฝ่ายได้รู้ ขณะเดียวกันพรนลัทก็กวาดสายตาไปทั่วห้อง พลางเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณนะคะ”
ชงนมเห็นท่าทีของคุณครูคนสวยอยากจะถามอะไรเขาต่อ ทว่าด้วยสภาพเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนตอนนี้คงไม่เหมาะ เขาจึงเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“คุณน้ำผึ้งทำธุระส่วนตัวก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมแวะมาหาใหม่”
“ได้ค่ะ”
คนงานร่างผอมเก้งก้างก็ก้าวออกจากบ้านพักไปเงียบๆ ปล่อยให้คุณครูคนสวยจากกรุงเทพฯได้ล้างเนื้อล้างตัว พรนลัทจึงจัดการเปิดกระเป๋าหยิบเสื้อผ้าแล้วเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ
ผ่านไปเกือบสามสิบนาทีสาวน้อยคนสวยในชุดเสื้อยืดสีน้ำเงินกับกางเกงขาสั้นสีขาวก้าวออกมาจากบ้านพักมาตรงระเบียงด้านหน้า พลันสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นชงนมมาพร้อมกับเด็กสาววัยรุ่นพากันเดินมาหาเธอ พร้อมกับหอบหิ้วขนมและเครื่องดื่มติดมือมาด้วย
“นี่น้องสาวผมครับ ‘สาลี่’ จะมาช่วยผมดูแลคุณน้ำผึ้ง”
ชงนมหันไปแนะนำคนเป็นน้องทันที เมื่อเห็นสายตางงุนงงปนสงสัยของคุณครูคนสวย พรนลัทจึงหันไปคลี่ยิ้มให้อีกฝ่าย
“สวัสดีจ๊ะสาลี่”
“สวัสดีค่ะ คุณน้ำผึ้ง ถ้ามีอะไรให้สาลี่กับพี่ชงนมช่วยบอกได้เลยนะคะ”
สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคลี่ยิ้มสดใสเป็นมิตรแก่เธอ ทำเอาพรนลัทรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างน้อยคนที่ปางช้างส่วนใหญ่ก็เป็นมิตรยกเว้นคนบางคนที่เธอเจอมาวันนี้
“พอดีวันนี้เป็นวันหยุด คนงานเลยไม่ทำงานกันน่ะครับ ผมกับน้องก็เลยเอาขนมกับเครื่องดื่มมาให้คุณน้ำผึ้งได้เท่านี้”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็เยอะแล้ว”
พรนลัทแย้มยิ้มน้อยๆให้กับความมีน้ำใจของคนงานทั้งสองตรงหน้า ต่างจากอีกคนที่เธอเห็นก็รู้สึกเหม็นขี้หน้าตั้งแต่ครั้งแรก
“ว่าแต่ชงนม นายคนที่ไปรับฉันเป็นใครหรอ หัวหน้าคนงาน?”
หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นหลังจากรับน้ำกระป๋องจากคนงานสาวที่ส่งมาให้ ยกขึ้นมาดื่มดับกระหาย ทว่าคำตอบของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำเธอน้ำแทบพุ่ง
“นั่นคุณช้างครับ ลูกชายของแม่เลี้ยงสรณ์สิริกับพ่อเลี้ยงหิรัญครับ นี่นายช้างไม่ได้บอกคุณน้ำผึ้งหรอครับ”
อย่าบอกนะ! อีตานั่นคืออริเก่าของเธอ จากที่เห็นแสดงว่าเขาเปลี่ยนไปเยอะมาก จากเด็กหนุ่มหน้าตาดีผอมสูงเก้งก้าง ตอนนี้เป็นหนุ่มใหญ่เต็มตัวรูปร่างก็สูงสง่าแข็งแกร่งไปทั้งตัว หุ่นก็สมาร์ทดูดีจนหนุ่มๆบางคนพากันอิจฉา ติดอย่างเดียวปากมอมกวนประสาท
“เอ่อ…เราไม่ค่อยได้คุยกันน่ะ” พรนลัทตอบกลับไปส่งๆ เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าต้องตอบว่าอย่างไรดี เลยชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องอื่นแทน
“ว่าแต่สภาพบ้านแอบน่ากลัวเหมือนกันนะ”
“อันนี้ยังดีหน่อยนะครับ ครั้งก่อนที่นายช้างจัดให้คนงานคนก่อน หลอนกว่านี้อีกครับ แล้วอย่าหาว่าผมเม้าท์เลยนะครับ คนงานคนก่อนตกใจเกือบวาย เพราะเห็นผี บอกว่าเห็นคนมาเดินลัดเลาะรอบๆ บ้าน ตอนแรกนึกว่ามาหากบหาเขียด ที่ไหนได้ไม่ใช่คนแต่ดันเป็นผี”
ชงนมทำน้ำเสียงตอนเล่าเหมือนกำลังโทรไปออกรายการพี่แจ็ค เดอะโกรสเรดิโออย่างไรอย่างนั้น แต่ติดคนที่ฟังไม่ใช่พี่แจ็คแต่เป็นเธอนี่สิ
“พี่ชงนมอย่าเล่ามั่วๆสิ คุณน้ำผึ้งก็กลัวกันพอดี”
น้องสาวหันไปเตือนพี่ชาย ก่อนจะหันมาทำหน้าปูเลี่ยนๆกับเธอ พรนลัทจึงไม่ถือสาหาความ แต่ต้องยอมรับว่าประโยคเล่าสู่กันฟังของชงนม ทำเอาเธอแอบขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หญิงสาวฝืนยิ้มแห้งๆ กับอีกฝ่ายไปแทน แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าอีตาช้างหน้าไม่เป็นมิตรนั่นคงคิดจะแกล้งเธออีกอย่างแน่นอน และเธอจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกแกล้งฝ่ายเดียวแน่ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องชวนคุยสัพเพเหระแทน
“ไว้พรุ่งนี้ผมกับสาลี่จะพาคุณน้ำผึ้งทัวร์ปางช้างของเรานะครับ”
“ขอบคุณมากนะชงนม สาลี่”
“ส่วนอาหารเย็นเดี๋ยวสาลี่แวะเอามาให้นะคะ คุณน้ำผึ้งพักผ่อนต่อเถอะ”
คล้อยหลังคนงานทั้งสองคน หญิงสาวจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปหามารดาสักหน่อยเพื่อไม่ให้เป็นห่วง เธอจึงกดโทรศัพท์เครื่องบางโทรออกไปทันที ทุกการกระทำทุกอิริยาบถของพรนลัท อยู่ในสายตาของหัสดินทร์ เนื่องจากเรือนหลังเล็กของเขาตั้งอยู่บนเนินเขาสูงกว่าบ้านพักคนงานคนอื่นๆ ชายหนุ่มจึงสามารถมองเห็นบ้านพักของเธอที่อยู่ต่ำลงไป โดยเฉพาะหลังที่เขากำลังเล็งซึ่งตั้งอยู่เยื้องลงไปจากเขาแค่นิดเดียว
ก่อนหน้านี้ที่เขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็อดคิดถึงใบหน้าสวยหวานของคนที่ได้เจออีกครั้ง หลังจากผ่านมาเกือบหลายสิบปี หัสดินทร์จึงสั่งให้ชงนมและสาลี่คอยดูแลเธอไม่ห่าง แถมยังสั่งห้ามคนงานคนไหนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเขาผ่านไปแถวบ้านพักหลังนั้นเด็ดขาด
ทว่าสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมดก็ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดี ว่าทำแบบนี้ทำไม รู้แค่ว่าลึกๆก็ยังอยากแกล้งเย้าแหย่เธอ แต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับมารดา ทั้งหมดนี้เลยเป็นเหตุผลให้เขาต้องมาจ้องมองร่างอรชรอ้อนแอ้นที่กำลังเดินยิ้มคุยโทรศัพท์ไปมาไกลๆ ไม่ยอมเหลือบแลไปทางไหนเลย