กัญญาพัชรรีบทำตามอย่างเผลอไผล ใบหน้าขาวสวยแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดชื่นและแจ่มใส ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกกว้าง เมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ มือเล็กเรียวที่ลากไล้ไปทั่วลำตัวแกร่งหยุดชะงัก ปลายเล็บแหลมคมจิกลงไปบนอกกว้างจนคนที่นอนเอนตัวอิงถังไม้อยู่ถึงกับสะดุ้ง“ทำอะไรน่ะฮะดียะห์”“โอ๊ะ! ขอประทานอภัยเพคะองค์นาสเซอร์ หม่อมฉันเผลอคิดอะไรเพลินไปหน่อย” กัญญาพัชรรีบเอ่ยปากขอโทษ แต่ใบหน้านั้นแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มจนดวงตาเป็นประกายอย่างถูกอกถูกใจ อีกทั้งมือเล็กที่ลากไปทั่วกายใหญ่จากที่เคยแผ่วเบาและนุ่มนวลก็เป็นแรงขึ้นอย่าง“โอ๊ย! เราเจ็บนะฮะดียะห์”“ตายแล้ว หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะองค์นาสเซอร์ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ” ‘นิดหน่อย แต่ตั้งใจมากถึงมากที่สุด’ประกายระยิบระยับอย่างถูกอกถูกใจที่เกิดขึ้นในดวงตากลมโต ทำให้นาสเซอร์รู้ว่ากำลังถูกหญิงสาวกลั่นแกล้ง รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นตรงมุมหนึ่งของริมฝีปากหนา ดวงตาคมกริบพราวระยับ ตอนแรกก็กะว่าจะเอาคืนอยู่หรอกนะ แต่พอได้เห็นรอยยิ้มกระจ่างสดใสเปื้อนใบหน้าขาวเนียน ก็ยอมปล่อยให้หญิงสาวทำตามใจต่อไป ได้แต่นับจำนวนครั้งเอาไว้เพื่อจะได้ลงโทษคนกล้าให้
“องุ่นหวานจังเลยฮะดียะห์” นาสเซอร์พูดเสียงนุ่ม ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ ไล่มองใบหน้าขาวสวยเห่อแดงตลอดทั้งลำคอ เสียดายจังถ้าเขาไม่ต้องการปกปิดเรื่องราวบางอย่างไว้ ถึงอยากจะให้กัญญาพัชรเต้นระบำหน้าท้องให้ถึงดู แม้จะรู้ว่าหญิงสาวไม่เก่งเหมือนระดับอาชีพแต่คงจะน่ามอง อืม...มือใหญ่ยกขึ้นลูบปลายคาง เอาน่าวันหนึ่งจะต้องได้เห็น วันนี้ก็ยอมๆ ไปก่อนละกัน“บ้า...” ศีรษะทุยตวัดค้อนให้คนพูดวงโต “นี่ปิดตาหม่อมฉันทำไม” มือเรียวรีบยกขึ้นหมายดึงเอาผ้าที่ผูกตาออก“ห้ามเอาออกนะฮะดียะห์ เพราะไม่งั้นการทานอาหารของเราคงจะสิ้นเพียงแค่นี้ แล้วหลังจากนั้นก็...” ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าวลากไล้ไปบนเนินเนื้อนูนเด่น ไล่ไปจนถึงบางส่วนของเรือนกายสาว“มะ...ไม่เอาออกแล้วค่ะ เฮ้ย!! ไม่ใช่ หม่อมฉันไม่เอาออกแล้วเพคะ”“ดีแล้ว เชื่อฟังแบบนี้ซิเขาถึงเรียกว่าน่ารัก เราบอกแล้วว่าจะพูดจายังไงก็ได้ เราไม่ถือ ยกไว้ให้หนึ่งคน” ใบหน้าคมโน้มลงไปมอบจุมพิตวาบหวามให้กัญญาพัชรอีกรอบ ก่อนจะชวนทานผลไม้บนโต๊ะโดยวิธีใส่ปากเขาเคี้ยวพอแตกแล้วส่งเข้าริมฝีปากอวบอิ่ม บ้างก็ป้อนใส่ปากนุ่มแล้วค่อยใช้ปลายลิ้นสากร้อนซอกซอนแย่งชิงเข้าปากต
กายใหญ่ถึงกับปั่นป่วน ถึงแม้ว่าจะมีสนมนางในพระราชวังมากมาย ตอบสนองเก่งกาจเพียงใด แต่กลับสู้สาวน้อยแรกแย้มเหมือนทารกบริสุทธิ์ที่ขยับเคลื่อนไหวอยู่ตอนนี้ไม่ได้เลยสักคน ผิวกายสาวเจ้าขาวเนียนและนุ่มมือเหมือนได้สัมผัสกับไหมเนื้อนุ่ม แล้วกลิ่นกายสาวก็หอมกรุ่นติดตรึงอยู่ในจมูกและความคิดคำนึงมือใหญ่ลากไล้บีบนวดเคลื่อนไปทั่วตั้งแต่ลำขาเรียวยาว ต้นขาเนียนสัมผัสกับเนินสวาทนุ่ม ก่อนขยับเคลื่อนไปตามผิวใยไหม บีบนวดหยอกล้อกับสะโพกงามงอนเรื่อยไปถึงแผ่นหลังเนียนนุ่ม วกกลับมากอบกุมทรวงอกสล้างอวบอิ่ม นาสเซอร์กดน้ำหนักมือลงไปคราแรกเพียงแผ่วเบา ก่อนทวีแรงขึ้นเมื่อการตอบสนองอย่างไม่ประสา แต่เรียกความปรารถนาในกายหนุ่มให้ลุกโชนสองมือเล็กละจากสองปลายยอดแข็งนูนเด่น เคลื่อนไปตามอกแข็งแกร่ง บ่ากว้าง ปลายเล็บแหลมจิกลงไปบนแผ่นหลัิงกว้าง ริมฝีปากอวบอิ่มเผยออ้ารอรับและอ้อนวอนขอจุมพิตหวานเร่าร้อน สองขาเรียวถูไถกับตั่งเตียงนอน แผ่นหลังเนียนขยับให้สองทรวงนุ่มแนบชิดมือใหญ่ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนขบเม้มลำคอระหง แอ่งชีพจรสองฟากฝั่งจนแดงช้ำ ก่อนจะเคลื่อนไปหาเนินเนื้อนูนเด่น อวบอัดและเต็มไม้เต็มมือ ซึ่งสะท้อนขึ้นและลงตามแรงลม
ส่วนหนึ่งเพื่อไม่ให้กัญญาพัชรเจ็บปวดยามเขาแทรกตัวเข้าไปพำนักอยู่ในเรือนกายอบอุ่นและฉ่ำนุ่ม อีกส่วนเพราะต้องการให้หญิงสาวได้คุ้นเคยและต้องการให้เขาเป็นคนนำเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งฝันร่วมกันนาสเซอร์หยุดชะงักเล็กน้อย เมื่อเคลื่อนไหวพบสิ่งกีดขวาง ปลายลิ้นสากร้อนตวัดลากไล้ตามรอยแยกกลีบดอกไม้บอบบางและอ่อนเยาว์ ริมฝีปากหนาขบเม้มเกสรดอกสวาทสลับกับให้กดคลึงหยอกเย้า ส่งมือใหญ่ฟอนเฟ้นปทุมถันอวบอิ่มนุ่มหยุ่นมือสลับซ้ายขวา ในขณะที่ปลายนิ้วก็เคลื่อนไหวรัวเร็ว ดึงเอาสติสาวน้อยให้หลงใหลในเพลิงปรารถนาร้อนแรงไม่มีวันจบสิ้นกายโปร่งบางขยับเร่า สะโพกงามงอนส่ายพลิ้วไหว ทั่วทั้งเรือนกายเบาหวิวเหมือนปุยนุ่น เสียงครางหวานแว่วร้องเรียกชื่อชายหนุ่มดังเป็นระยะ ลำตัวบอบบางแอ่นโค้งเหมือนคันศร ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อส่ายไปมา ทรวงสล้างขาวสะท้อนขึ้นและลงตามแรงหายใจ“องค์นาสเซอร์...ได้โปรด...”กัญญาพัชรร้องเรียกเสียงหวานนุ่มและอ้อนวอน ขอให้นาสเซอร์ช่วยเหลือให้พ้นจากความทรมานแสนหวานนี้เสียทีถึงจะรู้ว่าตอนนี้กัญญาแทบจะทนกับความปวดร้าวและทรมานที่ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางปรารถนา ทว่ากุหลาบดอกน้อยยังบานแย้มไม่พอที่จะก
“โอ๊ย! มัดหวายจ๋า...เบาๆ หน่อยคนดี” น้ำเสียงแหบพร่าดังลั่น กายแกร่งและร้อนผ่าวถูกความคับแน่นดูดกลืนจนต้องรีบสะบัดสะโพกสอบหนักหน่วง แรงเร็วและถี่ยิบสองกายสอดประสาน ร่วมเดินไปในเส้นทางสายปรารถนาเร่าร้อน สายลมแห่งรักพัดไหวโอบรอบสองกาย อีกทั้งธารดาราดาษดื่นส่องสว่างให้ได้พานพบกับดินแดนแห่งความสุข รายรอบไปด้วยดอกไม้สวยงามและกลิ่นหอม ธาราฉ่ำร้อนไหลเป็นสายจากสองกายที่หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันลมหายใจหอบแรงออกมาจากสองร่าง แขนแข็งแกร่งโอบรัดรอบกายนุ่มและดันเอาร่างโปร่งบางขยับขึ้นมาอยู่บนกายแกร่ง มือใหญ่กดซับหยาดเหงื่อบนใบหน้าขาวสวย ไล่ลงไปจนถึงริมฝีปากอวบอิ่มบวมช้ำและแดงระเรื่อ แล้วก็อดภาคภูมิใจไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดกัญญาพัชรคือหญิงสาวที่เหมาะกับการเป็นชีคคานั่งบนบัลลังก์เป็นคู่คิด คู่กาย และคู่ใจของเขาที่สุด ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใด เขาจะไม่ปล่อยหญิงสาวไปจากชีวิตเด็ดขาด มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อนวลเนียนนุ่มแผ่วเบา ศีรษะทุยผงกขึ้นกระซิบถามน้ำเสียงนุ่มทุ้ม“มัดหวายจ๋า...เดินทางไปท่องเที่ยวในดินแดนแห่งความฝันกับเราอีกครั้งนะคนดี”กัญญาพัชรที่ยังเหนื่อยหอบระคนเสียวซ่านและสุขสมอ้าปากค้าง ริมฝีป
“ผมว่าคุณไม่น่าจะต้องเป็นห่วงเลยนะมัดหวาย เพราะเพียงแค่คืนเดียวคุณก็ทำให้องค์ประมุขของเราหลงซะถึงกับต้องเรียกเข้าพบอีกน่ะ” นาสเซอร์แกล้งทำหน้าตาและน้ำเสียงขุ่นเคือง“จะบอกให้ คุณเป็นคนแรกเลยนะที่ได้รับเกียรตินี้ ทั้งที่ประเทศของผมมีสาวสวยมากมายพร้อมมอบกายให้ เพียงแค่คืนเดียวบางคนก็ถูกเมินหน้าหนีแล้ว”“ทำอย่างกับฉันต้องการอย่างนั่นแหละ”กัญญาพัชรหน้าตึง โกรธทั้งหนุ่มคนที่กำลังพูดอยู่และพาลโกรธไปถึงอีตาประมุขนาสเซอร์จอมหื่นนั่นด้วย ดูซิแค่คืนแรกนะทำเอาตัวเธอช้ำชอกไปหมดทั้งตัวเลย ให้ตายซิ ไม่รู้ว่าแรงคนหรือแรงยักษ์ จับทีเหมือนกระดูกจะหักออกเป็นท่อนๆใบหน้าขาวสวยเห่อแดงระเรื่อขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อนึกถึงบางส่วนบางตอนของเรื่องที่เกิดขึ้น ยังไงก็ต้องยอมรับว่าตาบ้าหื่นนาสเซอร์ไม่ได้เอาแต่ใจตัวเองฝ่ายเดียว ชายหนุ่มได้มอบสัมผัสหวานนุ่มนวลและเร่าร้อนให้ ยามที่กายแกร่งขยับไหวโยกในเรือนกาย มันทั้งสุขสมระคนเสียวซ่านปั่นป่วน เหมือนกับล่องลอยอยู่บนท้องฟ้ากว้างสวยสดและงดงาม“อ้าวคุณ คิดอะไรน่ะ ทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะ”ถึงแม้จะรู้ว่ากัญญาพัชรจะต้องคิดถึงเรื่องเมื่อคืน แต่ทำไงได้ล่ะ ก็ไอ้ท่าทางโกรธผสมเอี
จมูกโด่งได้สันย่นเล็กน้อย ยังไงก็ต้องขอบใจอีกตาบ้านั่นเหมือนกัน ที่ทำให้ค้นพบกระเป๋าใส่สัมภาระที่วางแอบอยู่ใกล้ๆ กับเตียงที่เธอตื่นมา กัญญาพัชรเร่งรีบหาเสื้อผ้ามาสวมใส่และเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง หาที่เหมาะๆ เพื่อเอาคืนนาสเซอร์ ก่อนเธอจะยิ้มกริ่ม เมื่อเห็นมุมเหมาะตาและเหมาะสม“เสร็จแล้ว เข้ามาได้แล้วตาบ้า” ปากร้องตะโกนบอกคนที่อยู่ด้านนอก เท้าเรียวยาวยื่นไปด้านหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาอย่างรีบเร่ง เท้าเล็กก็ยื่นล้ำออกไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย กะให้พอดีกับความยาวของเท้าใหญ่ที่ก้าวเดิน“โอ๊ะ! เฮ้ย...! ปล่อยฉันนะตาบ้า”เสียงร้องแสดงถึงความตกใจดังจากปากอวบอิ่ม ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อร่างโปร่งบางถลาเข้าไปหาร่างใหญ่ที่ผันตัวกลับมาได้ทัน แล้ววาดแขนแข็งแกร่งโอบรัดรอบเอวคอดกิ่วดึงเข้าหาตัว สองมือเรียวยันร่างหนาใหญ่ออกห่าง ใบหน้าขาวแดงระเรื่อกับความใกล้ชิดสนิทสนมจนเนื้อแทบจะแนบเนื้อ ดีว่ายังมีผ้าเหนือหนาขวางกั้นอยู่ แต่ยังไงกระไอร้อนผ่าวจากร่างหนาแกร่งก็ยังส่งผ่านมาถึงกายโปร่งบาง ให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเร็วไม่เป็นจังหวะอยู่ดี“ปล่อยฉันได้แล้วตาบ้า มาจับไว้ทำไมอึดอัด” หัวใจดวงน้อยเต้นแรง
แม้จะได้ยลความสวยงามและเคยแม้กระทั่งปลุกเร้ากลืนกินดอกไม้สวยงามดอกนี้แล้ว แต่ทว่าเมื่อได้เห็นอีกครั้งมันก็ทำให้เขาถึงกับร้อนรุ่มเหมือนวิ่งอยู่กลางกองเพลิงพิศวาส ดอกไม้ขาวสะอาดและหอมกรุ่น เกสรเล็กๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ก็มีสีแดงฉ่ำสด เรียกร้องให้ต้องรีบกลืนกินอีกครั้ง“ขอฉันนะจันตี...” อินซอฟเอ่ยขึ้นเหมือนคนละเมอ ปลายนิ้วยาวเรียวค่อยๆ แยกกลีบดอกไม้ออกจากกันอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนประทับจุมพิตแผ่วเบาและนุ่มนวล“โอ๊ะ! อื้อ...ไม่นะอินซอฟ...” จันฑีราเสียงกระเส่าและแหบพร่า อายจนหน้าแดงก่ำ สะโพกงามงอนขยับหนี แต่ติดล็อกจากแขนใหญ่ที่กดรั้งเอาไว้“ทำไมล่ะจันตี?”“มันน่าเกลียด...”“ไม่หรอกสาวน้อย” ปลายนิ้วยาวขยับไล้รอยแยกกลีบกุหลาบนุ่มแผ่วเบาและนุ่มนวล ใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายหวานฉ่ำเชื่อม มองตอบดวงตากลมโตที่เป็นประกายอย่างเดียวกัน แต่ก็ซุกซ่อนความอายไว้ด้วย“เธอต้องการฉันหรือเปล่าล่ะสาวน้อย”ถ้าเป็นเมื่อก่อนจันฑีราจะต้องตอบว่า ไม่...ตาบ้าฉันไม่ต้องการนาย ไปให้พ้นๆ เลย แต่ในตอนนี้เมื่อเพลิงพิศวาสรุ่มร้อนดังเปลวไฟห้อมล้อม คำตอบที่เอ่ยออกไปจึงตรงข้ามกับความเป็นจริงจากปาก แต่เป็นควา
“พาหม่อมฉันกลับมาอีกทำไม หม่อมฉันไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย คนหลอกลวง”“ถ้าไม่ใจร้ายและหลอกลวงอีก จะอยู่ด้วยไหมล่ะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มและเว้าวอนทำเอาคนที่พยายามจะใจแข็งถึงกับสั่นระรัว ด้วยรู้ชะตาตัวเองดีตั้งแต่ถูกจับได้นั่นแหละว่าอาจหนีไม่พ้นอ้อมแขนใหญ่นี้ไปตลอดชีวิต“จะรู้ได้ไง พระองค์จะไม่หลอกหม่อมฉันอีก ทั้งพี่ทั้งน้องช่างวางแผนและเจ้าเล่ห์เหลือเกินนี่”“ใช้หัวใจแลกหัวใจไง”“เชอะ...คนอย่างองค์นาสเซอร์ ประมุขผู้ครองแคว้นซัลจาร์บาเมีย ชายหนุ่มที่มีผู้หญิงนับสิบอ๋อ...นับร้อยมากกว่าคอยถวายตัวเป็นข้ารองบาทน่ะหรือจะยอมหยุดอยู่ที่ผู้หญิงอย่างหม่อมฉันเพียงคนเดียว เชื่อตายละ” กัญญาพัชรยังคงปากแข็งแม้ใจจะยอมผ่อนตามไปเกือบจะครึ่งแล้ว“อ้าว...ทำไมล่ะ เราแตกต่างกับชายหนุ่มคนอื่นอย่างไร ถึงจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียวไม่ได้น่ะ ผู้หญิงไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไปในชีวิตนะมัดหวาย สำหรับเราเมื่อเราพบคนที่ใช่ เราก็พร้อมที่จะหยุดทุกอย่างไว้ที่เธอคนนั้นเพียงคนเดียว และตอนนี้เราก็คิดว่าเราพบนางคนนั้นของเราแล้ว”หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ ไม่เป็นจังหวะ นาสเซอร์หมายถึงเธอใช่ไหม ‘ไม่นะมัดหวาย แกอย่าลืมซิว่าเขาหลอกลว
“ไม่ใช่หรอกมัดหมี่ ถ้าเพียงแค่ความต้องการของผู้ชายคนหนึ่ง ฉันว่าเขาไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก” ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม มือใหญ่จับมือเล็กเรียวมาวางบนแผงอกกว้างตรงที่มีหัวใจกำลังเต้นอยู่“สิ่งที่ฉันทำด้วยความเจ้าเล่ห์และร้ายกาจก็จริง แรกเริ่มมาจากเพียงแค่ความปรารถนาก็จริง แต่สิ่งหนึ่งนับจากวันแรกที่ฉันได้ครอบครองความบริสุทธิ์ของสาวน้อยคนนั้น มันเป็นคำสั่งมาจากหัวใจทั้งสิ้น” สองมือใหญ่จับรั้งใบหน้าขาวสวยให้จ้องเข้าไปในดวงตาคมกริบ“ฉันอยากจะบอกให้มัดหมี่รู้เหมือนกัน ฉัน...รัก...มัดหมี่”ปิยาพัชรแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้าง หากว่าไม่ถูกจับรั้งไว้ศีรษะทุยคงจะส่ายบอกว่าไม่เชื่อและไม่จริง แต่คำพูดที่หนักแน่น ดวงตาที่มั่นคงดุจดังภูเขาหินที่ไม่อาจพังทลายลงมาได้ ไม่ว่าจะเจอพายุร้ายเพียงใดเป็นคำตอบที่ชัดเจน และที่สำคัญคือหัวใจของเธอมันก็เลือกที่จะเชื่อคำพูดนั้นซะด้วยสองแขนเรียวโอบรอบกายแข็งแกร่ง “จริงๆ นะคะ คุณฟารฮานพูดจริงๆ นะคะ ไม่ได้หลอกให้มัดหมี่ดีใจเล่นนะคะ”“จริงซิ ฉันจะโกหกมัดหมี่ทำไมล่ะ เพราะรัก ฉันเลยต้องวางแผนการร้ายทุกอย่าง เพื่อส่งแม่สาวจอมหว
“แสดงว่าพวกนายรู้แผนการของเราทุกอย่างเลยใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมถึงไม่ขัดขวางตั้งแต่ต้น”“เอาเป็นว่าฉันจะเล่าให้เธอฟังวันหลังนะ แต่วันนี้ขอฉันลงโทษคนที่ทำให้ใจเสียก่อนละกัน”ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง “เสียใจด้วยนะอินซอฟ เผอิญว่าวันนี้เครื่องซักผ้ามันดันเกิดแอ๊กซิเดนท์ ทำงานไม่ได้อ่ะ”จันฑีราหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ ยิ่งได้เห็นใบหน้าเสียอารมณ์ของอินซอฟก็ยิ่งอยากแกล้งยั่วเย้าให้หนักขึ้นอีก แต่รู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เธอหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ ย่อมจะต้องถูกเขาเอาคืนจนอาจจะลุกจากเตียงไม่ได้เพราะความเพลียมือเล็กจับแขนใหญ่วางยาวแนบไปกับพื้นเตียง พร้อมกับวางศีรษะลงไปนอนหนุน อีกมือก็จับแขนใหญ่มาพาดรอบเรือนกายเล็ก กายบางขยับจนแนบชิดกับเรือนกายใหญ่ นับจากวันนี้ชีวิตที่เคยมีเคยอยู่คนเดียวได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาเติมเต็มด้วยความรักและความอบอุ่น“ขอบใจนะอินซอฟที่รักฉัน เมื่อก่อนที่ฉันเคยทำร้ายและทำไม่ดีกับนายไว้ ขอให้นายยกโทษและให้อภัยฉันด้วยนะ ฉันสัญญาว่าต่อไปนี้ฉันจะทำตัวดีๆ และรักนายให้มากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำ
“จะไปไหนล่ะมัดหมี่...” แขนแข็งแกร่งสอดเข้าระหว่างเอวเล็กคอดและดึงเข้าหาตัว ศีรษะทุยโน้มลงกระซิบเบาๆ ข้างใบหูนุ่ม น้ำเสียงกึ่งกระเซ้าและยั่วเย้า“รู้ไหมว่าโทษของคนที่คิดหนีฉันน่ะมันร้ายแรงมากนะ”“ปล่อยน้องสาวฉันนะนายฟารฮาน” แม้จะห้อยต่องแต่งอยู่บนร่างสูงใหญ่ แต่กัญญาพัชรก็ไม่วายส่งเสียงแว้ดๆ ใส่ฟารฮาน สองมือยันแผ่นหลังกว้างเพื่อจะได้นำเอาตัวเองลงไปขัดขวาง“ฉันว่าเธอเอาตัวให้รอดพ้นจากพี่ชายฉันก่อนดีกว่านะมัดหวาย ก่อนที่จะมาช่วยเหลือคนอื่นเขาน่ะ” ฟารฮานตอบกลับด้วยน้ำเสียงยิ้มๆ คิ้วคมเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้นสูงเป็นจังหวะ“ไปกันเถอะมัดหมี่ เรามีเรื่องที่จะต้องคุยเหมือนกัน”“ว้าย!!” สองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายลอยขึ้นจากพื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว “ทำอะไรก็ไม่รู้คุณฟารฮานน่ะ”“ก็พาคนที่กล้าหนีฉันไปลงโทษไง” ใบหน้าคมโน้มลงจนจมูกโด่งคมประชิดติดแก้มนุ่ม“บ้า...” ปิยาพัชรส่งค้อนให้คนพูดวงโตด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงฟารฮานไม่ได้โกรธเคืองเธอแม้แต่น้อยนิด อาจมีน้อยใจบ้าง แต่ถ้าอธิบายให้ฟังเขาก็พร้อมที่จะเข้าใจ“โว้ย...ปล่อยฉันนะคนบ้า คนเฮ็งซวย ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็ง รัง
ยามราตรีที่ท้องฟ้ามีแสงดาวส่องนำทาง สามร่างเดินตามกันไปอย่างรีบเร่ง โดยมีร่างสูงโปร่งเดินนำและร่างบอบบางอีกสองร่างเดินตามไปติดๆ ศีรษะทุยสอดส่ายเหลียวซ้ายแลขวา ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ถึงแม้จะรู้ว่าคืนนี้นาสเซอร์ ฟารฮาน และอินซอฟกำลังอยู่ร่วมการประชุมในการกำหนดนโยบายของแคว้นว่าจะให้เดินไปในทิศทางใดหลังจากนี้ แต่ใครจะรู้เล่าเกิดว่าคนหนึ่งคนใดเกิดสงสัยในพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ และกระซิบกระซาบที่เธอและน้องๆ ทั้งสองคนมีมีหลายครั้งที่ร่างโปร่งบางหยุดยืนและหันไปจะเอ่ยปากถามสองสาวที่ตามมาด้วยว่าตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมที่จะตามเธอไปน่ะ แต่พอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใยของสองสาวก็ทำให้พูดไม่ออก ใจจริงกัญญาพัชรไม่ได้อยากชวนปิยาพัชรและจันฑีราหนีไปด้วย แต่เพราะความเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของสองสาว ที่ไม่รู้ว่าจะต้องโดนหางเลขจากคนที่ไม่หวังดีด้วยเมื่อไหร่ มันก็ทำให้เธอต้องคะยั้นคะยอชักแม่น้ำทั้งห้าให้สองสาวเดินทางหลบหนีกลับบ้านด้วย อีกทั้งเมื่อน้องสาวทั้งสองคนรู้ว่าเธอจะหนีกลับ ทั้งสองก็ไม่ยอมให้เธอต้องเดินทางเพียงลำพังปิยาพัชรและจันฑีราเดินตามกัญญาพัชรไปด้วยใจที่เจ็บปวดและหวาดกลัว
“อ้าว...พี่มัดหวายหลับแล้วละแก” ปิยาพัชรที่เล่าเรื่องของตัวเองจ๋อยๆ ด้วยความดีใจและสุขล้นหยุดอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตแปรเปลี่ยนเป็นหมองเศร้าลง เธอเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่สาวฟังแทบทั้งหมด ยกเว้นเรื่องที่เธอตกเป็นของฟารฮานแล้วและเรื่องถูกปองร้ายหมายเอาชีวิต“ใจเย็นๆ นะแก ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานอินซอฟจะต้องหาคนที่คิดร้ายกับแกเจอ” จันฑีรายกมือขึ้นตบบ่ากว้างของเพื่อนรักเบาๆ เธอเองก็เป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าปิยาพัชร แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่ากัญญาพัชรมีอาการดีขึ้น ความเหนื่อยจากการเดินทางไกลก็เริ่มประท้วง ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าหาวหวอดๆ ดวงตาก็เริ่มที่จะหรี่ลง“ฉันไม่ไหวแล้วแก ขอนอนกอดพี่มัดหวายก่อนนะ” ร่างบอบบางคลานขึ้นไปบนเตียงนอนใหญ่ เอนตัวนอนแนบชิดร่างกัญญาพัชร“เฮ้ย...ไม่เอาซิแก ฉันนอนด้วย” ปิยาพัชรบอก เพราะเธอก็เหนื่อยและเพลียเหมือนกัน ร่างบอบบางรีบเอนตัวลงอิงแอบแนบซบกับร่างพี่สาว แขนเรียวยาวพาดไปโอบร่างโปร่งไว้ แต่ด้วยความไม่ระมัดระวังทำให้ปลายมือไปถูกเอาที่บาดแผล ทำให้คนที่หลับอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ และเจ็บปวดเล็กน้อย“ขอมัดหมี่นอนด้วยนะพี่มัดหวาย คิดถึง อยากนอนกอดพี่” ปิยาพัชรบอกเสียงหว
“ยานี่จะช่วยให้เจ้าดีขึ้นและหายดีในเร็ววันนะ” แม้จะไม่หมดทั้งถ้วยแต่ยาที่เข้าไปจะทำการขับพิษที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายกัญญาพัชรให้ออกมาอย่างช้าๆ และหมดในที่สุด มือใหญ่ปิดปากเรียวยาวไม่ให้หญิงสาวพ่นยากลับออกมาจนกว่ายาทั้งหมดจะหายเข้าไปในกาย“อือ...” สองมือเล็กเรียวยกขึ้นจิกทึ้งดึงมือใหญ่ออกจากใบหน้า เจ็บจนน้ำตาเล็ดออกมาจากกระบอกตากับเรี่ยวแรงที่ชายหนุ่มกดลงไป และยังฝืดๆ และเหม็นเน่ากับสิ่งที่ได้ไหลเข้าสู่ร่างกาย“อดทนนิดมัดหวาย อีกไม่นานเจ้าก็หายแล้วคนดี ยานี้จะเป็นยารักษาให้เจ้าหายจากอาการบาดเจ็บและพิษร้ายที่เข้าสู่ร่างกายนะคนดี”“พิษร้ายหรือเพคะ หมายความว่า...”“ใช่ คมมีดที่บาดลงไปในเนื้อของเจ้าอาบด้วยยาพิษร้ายแรง ถ้าเป็นเราอาจจะเพียงแค่หมดแรง จนกลายเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิตได้ แต่กับเจ้ามันทำให้เจ้าเกือบจะจากเราไปตลอดชีวิต...รู้ไหม”“แต่หม่อมฉันว่ามันก็คงดีกว่าตื่นมาเป็นตัวตลก เป็นผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งในสายตาของพระองค์ไม่ใช่หรือเพคะ” กัญญาพัชรเอ่ยถามอย่างน้อยอกน้อยใจ หลายครั้งที่เธอลืมตาตื่นมาแล้วก็มีเพียงแค่ความเงียบของห้อง และยังมีคนแปลกหน้าที่คอยทำอะไรกับร่างกายก็ไม่รู้ จับพ
“มัดหมี่ทำใจดีๆ และฟังฉันให้ดีนะ” ร่างหนานั่งลงหน้าปิยาพัชรด้วยร้อนรนกระวนกระวายใจและหวาดหวั่น กลัวหญิงสาวจะรับไม่ได้กับข่าวที่จะได้ยินต่อไปนี้ แต่ถึงจะกลัวเพียงใดเขาก็จำเป็นต้องบอกให้หญิงสาวได้รับรู้ สองมือใหญ่จับรั้งมือเล็กเรียวและบีบเบาๆ“ค่ะ มีอะไรหรือคะคุณฟารฮาน” หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเหลือเกิน แล้วเมื่อครู่อินซอฟที่เดินตามหลังมาติดๆ ก็มีสีหน้าไม่แตกต่างกันเลยสักนิด“เราต้องเดินทางไปแคว้นซัลจาร์บาเมียอย่างด่วนที่สุด”“อืม...ก็ไม่เห็นจะแปลกนี่คะ คุณฟารฮานเป็นคนที่นั่น เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านก็ไม่เห็นแปลก”ปิยาพัชรตอบกลับ แม้จะใจหายๆ ที่ต้องจากชายหนุ่มไป แต่ก็เข้าใจว่ากัญญาพัชรอาจจะทำงานเสร็จแล้ว หรือไม่ฟารฮานก็ต้องเดินทางไปเพราะงาน แต่เขาจะต้องกลับมาอีก“ไม่ใช่อย่างนั้นนะมัดหมี่...มัดหวายบาดเจ็บ”“พะ...พี่มัดหวายบาดเจ็บ” สองมือเรียวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งยื่นไปจับแขนใหญ่และเขย่าแรงๆ“ตอนนี้พี่มัดหวายเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหน ใครเป็นคนทำ และบาดเจ็บได้ยังไง มีใครดูแลพี่มัดหวายอยู่” หญิงสาวถามยาวน้ำเสียงสั่นเทาน้ำตาอุ่นร้อนไหลอา
“แน่ใจหรือองค์ประมุขนาสเซอร์ ว่าพระองค์จะเอาชีวิตรอดจากคนของเราได้น่ะ ในเมื่อตอนนี้คนของเราล้อมสถานที่จัดงานในวันนี้ไว้หมดแล้ว” เจ้ากรมมหาดไทยเอ่ยถาม ถึงแม้แผนการที่วางไว้จะผิดพลาดไปบ้าง แต่ยังไงเขาก็ยังมีไม้ตายซ่อนอยู่และนาสเซอร์ก็คิดไม่ถึงแน่“ได้ซิท่านเจ้ากรมมหาดไทย” ชายหนุ่มที่เข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มหลายคนที่ถูกมัดและลากมาเป็นพรวน“ตอนนี้ข้างนอกนั้น คนที่ท่านวางไว้ถ้าไม่ตายก็หลบหนีไป บ้างก็ถูกจับอย่างเจ้าพวกนี้ไง” กาซิมเอ่ยพูดอย่างหัวเสีย เพราะคนที่หายไปบางคนจะเป็นตัวการใหญ่ๆ นับรองจากเจ้ากรมมหาดไทยและเจ้ากรมการคลังเลยทีเดียว แต่เขาก็ยังเชื่อว่าเจ้าพวกนั้นจะต้องคอยแอบซุ่มอยู่เพื่อที่จะทำให้แผนการสำเร็จลง อาจไม่ใช่วันนี้แต่ก็เชื่อว่าในไม่นานแน่ เพราะถ้าปล่อยให้เนิ่นนานไปเขาและทุกคนที่ยังจงรักภักดีจะต้องตามจับตัวมาลงโทษได้“นาสเซอร์ระวัง...” มือเรียวข้างหนึ่งผลักร่างหนาใหญ่ให้ออกห่างและเอาตัวเองเข้าไปรับปลายมีดแหลมคมที่พุ่งมาจากผู้หญิงร่างอวบอัดซึ่งยืนอยู่ในระยะกระชั้นชิดและอีกมือก็สวนหมัดหลุนๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะหันตัวหลบแล้วแต่ปลายมีดก็ยังถากแขนเรียวยาวไปแต่กัญญาพัชรก็ไม่มี