จิรัตน์สุดาพอรู้ประวัติของสาวสวยคนนี้มาบ้างเล็กน้อย เพราะหลังจากศรุตมาบอกตรงๆ ว่าคงไปด้วยกันไม่ได้ เธอจึงแอบสืบนิดหน่อย เผื่อว่าเจ้าลูกชายตัดสินใจผิดคิดปล่อยเพชรหลุดมือ แต่เมื่อสืบแล้วว่าเป็นยังไงก็เลยตัดสินใจวางเฉยเรื่องหมั้นหมาย ไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับกลับไป
ไม่ใช่ว่าลูกชายของเธอดีเลิศประเสริฐศรีอะไร เพราะตัวเขาก็มั่วคั่วผู้หญิงไปทั่วเหมือนกัน เพียงแต่ศรุตไม่เคยคบซ้อน และคนที่ลูกชายได้นอนด้วยก็เน่าแฟะพอกัน
แต่สาวเจ้าเล่นเดินตามติดแบบนี้ การแสดงท่าทีรังเกียจคงไม่เหมาะ อีกทั้งคุณหญิงพิไลวรรณกับคุณจอมพลยืนอยู่อีกฝั่งไม่ไกล “แกจะให้แม่กีดกันหนูแซนดี้ต่อหน้าพ่อกับแม่เธอไม่ได้นะ ตารุต! คืนนี้คนเยอะแยะ แกไม่เห็นหรือไง?”
จิรัตน์สุดากระซิบถามลูกชายเสียงเครียด “แกเห็นฉันเป็นนางยักษ์หรือไง?”
เธอเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ลูกชายคนนี้รู้ดีแน่นอน ยังจะให้ทำเรื่องลำบากใจ ใช้ได้ที่ไหน!
เมื่อถูกผู้เป็นแม่ส่งค้อนมาให้ ศรุตจึงรีบกระซิบตอบ
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แค่คุณแม่ช่วยการันตีแฟนผมให้หน่อย เดี๋ยวผมให้แฟนผมจัดการแซนดี้เอง”
“แฟน?” ผู้เป็นแม่เลิกคิ้ว “แกมีแฟนแล้วเหรอ?”
ศรุตเผยสีหน้าภูมิใจ “ใช่แล้วครับ”
“พักหลังมานี่ที่แกทำตัวดีขึ้นเพราะแฟนคนนี้เหรอ?”
ชายหนุ่มไม่ตอบแต่ยกยิ้มมุมปากเป็นเชิงยอมรับ
แม้ภายนอกจิรัตน์สุดาจะดูเป็นผู้หญิงร้ายกาจ แต่เธอไม่ใช่แม่สามีในละครดราม่าแน่นอน ไม่ว่าลูกชายชอบใครเธอก็ชอบด้วย
เมื่อพยักหน้ายินยอมแต่โดยดี จังหวะนั้นแซนดี้ก็เดินเข้ามายกมือสวัสดีเธอ
หญิงสูงวัยกว่ายกยิ้ม ตอบรับการทักทายอย่างมีไมตรี
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะหนูแซนดี้”
“ใช่ค่ะ” แซนดี้ตอบพลางเดินเข้าหาศรุตแล้วเอื้อมมือคล้องแขนของเขา แสดงให้เห็นไปเลยว่าเคยๆ กันแล้ว
“คืนนี้แซนดี้ตั้งใจมาร่วมยินดีกับพี่รุตค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ก็เร่งรัดแซนดี้เรื่องที่คุยค้างกันไว้จากวันดูตัว เกือบหนึ่งปีเลยเชียว” เธอถอนหายใจเบาๆ อย่างสวยงาม พูดต่อ “แซนดี้ผิดเองค่ะที่มัวแต่สนใจเรื่องงานของครอบครัวจนไม่ได้คิดถึงเรื่องของตัวเองเลย”
จิรัตน์สุดาแทบกลอกตา ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ปากก็พูดออกไป “ดีแล้วจ๊ะที่หนูแซนดี้สนใจแต่เรื่องงาน ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะสนใจแต่เรื่องตัวเอง” เธอหันไปทำตาดุใส่ลูกชาย “ตารุตดูสิ หนูแซนดี้ยังเรียนอยู่แท้ๆ สนใจช่วยธุรกิจครอบครัวแล้ว ไม่ได้มัวแต่กินเที่ยวทำตัวเสเพลเหมือนแก” เธอหันมาทางแซนดี้อีก “ลูกชายคนนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ทำแม่ปวดหัวมาก เห็นแก่ตัวก็ที่หนึ่ง งานการอะไรก็ไม่เคยช่วย เกเรก็ที่สุด ไม่รู้จักโต ทำตัวไม่เหมาะที่จะรับช่วงกิจการครอบครัว ไม่คู่ควรกับใครเลยจ๊ะ คงไม่ได้แต่งงานแต่งการกับใครง่ายๆ ขายไม่ออกแล้วลูกชายคนนี้”
ไหนว่าไม่ใช่นางยักษ์ไงแม่? ศรุตแทบกลอกตาให้มารดา
แซนดี้ไม่ได้สนใจว่าศรุตจะเป็นยังไง ที่เธอสนใจคือฐานะของเขาต่างหาก แม้เธอจะรวยอยู่แล้ว แต่สามีก็ควรจะรวยด้วยไหม เธอจึงทำทีไม่ได้ยินประโยคหลังของจิรัตน์สุดา เพียงตอบกลับว่า “ตอนนี้คุณพ่อกับคุณแม่ปล่อยอิสระให้แซนดี้แล้ว และแซนดี้ก็เคยดูตัวกับศรุตแค่คนเดียว พวกท่านค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้มากเลยค่ะ บอกว่าดูตัวกับใครก็ควรแต่งกับคนนั้น แซนดี้ก็เลยอยากคุยเรื่อง...”
ยังพูดไม่ทันจบ ศรุตก็พูดแทรก “ผมขอตัวไปทางนั้นก่อนนะครับทุกคน พอดีแฟนเรียก”
แซนดี้ขมวดคิ้วเรียวสวย เผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันที
เมื่อกี้แม่เรียก ตอนนี้แฟนเรียก?
จิรัตน์สุดาทำท่าตกใจ “อะไรกันตารุต!”ศรุตแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ เขารีบดึงแขนตนออกจากมือแซนดี้แล้วเดินไปทางโมริน พาตัวอีกฝ่ายมาทันที“อีกแล้วเหรอพี่รุต?” โมรินถามขณะถูกศรุตจับมือเดินมาด้วยกันทางฝั่งหนึ่ง“ไหนว่าไม่มีแล้วไง? หลายเดือนมานี้ก็ไม่คั่วใคร โกหกนี่!”“ไม่มีจริงๆ คนนี้ตกค้างจากปีที่แล้ว”“ตกค้าง?” โมรินแทบหัวเราะ “คนนะไม่ใช่สารเคมี”“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง”หญิงสาวยังแซวขำๆ “คล้ายๆ มลภาวะเป็นพิษเทือกนั้น?”ศรุตหรี่ตามองคนอารมณ์ดี “ขำมากมั้ยโม?”โมรินหยุดยิ้ม “ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นมลพิษ งั้นพี่รุตก็เป็นแก๊สพิษแหละ ทั้งฉีดทั้งพ่นความอันตรายใส่กันให้ตายไปข้าง”ศรุตเริ่มหน้าตึง “อยากให้พี่ตาย?”โมรินพยักหน้า “ผู้ชายเจ้าชู้ควรตายๆ ไปซะให้หมดโลก”“โม...” เสียงทุ้มต่ำติดจะเครียดมาก “พี่ก็ทำตัวดีขึ้นแล้วไง รอแค่โมยอมรับ”หญิงสาวเอียงหน้ากะพริบตามองอย่างไม่เข้าใจเลยสักนิด “ทำไมโมต้องยอมรับผู้ชายเจ้าชู้ด้วยล่ะ”สุดท้ายก่อนจะได้ไปเคลียร์กับแซนดี้ ศรุตจึงต้องเคลียร์กับโมรินก่อน “พี่ไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้นะโม ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยนอกใจใคร พี่แค่ใช้ชีวิตเต็มที่ในแบบของพี่ เมื่อถึงเวลาพี่ก็จะหยุดแค่แฟนพี่”ปร
แซนดี้แอบชักสีหน้าตามหลังจิรัตน์สุดา ก่อนหันมาทางเจ้าของใบหน้าขาวเนียนที่กำลังเผยยิ้มบาง เห็นอีกฝ่ายยืนเคียงข้างกับผู้ชายหล่อเข้มร่ำรวยผู้ที่เป็นเป้าหมาย เธอยิ่งไม่สนและยิ่งรู้สึกคันไม้คันมืออยากแย่งชิง อย่างไรเสีย พ่อกับแม่ของเธอก็ยิ่งใหญ่ เธออยากได้ผู้ชายคนไหนก็ต้องได้อยู่แล้ว ส่วนผู้หญิงของเขาเหรอ เธอแค่ส่งมือปืนไปข่มขู่สักครั้งสองครั้ง ขี้คร้านจะรีบหนีแทบไม่ทันหญิงสาวไม่สนใจโมริน เธอเดินเข้าหาศรุต เอื้อมมือคล้องแขนกำยำอีกข้างของเขาอย่างถือสิทธิ์“พี่รุต คุณพ่อกับคุณแม่ของแซนดี้อยากคุยเรื่องหมั้นหมายของเรานะคะ”“หมั้น?” โมรินถลึงตามองคนทั้งสองอย่างไม่อยากเชื่อ “ผู้หญิงคนนี้พูดเรื่องอะไรกันคะพี่รุต ไหนพี่บอกว่าแค่ซื้อกินไง?”ซื้อกิน? เธอเหมือนผู้หญิงขายตัวหรืออย่างไร?แซนดี้ตวัดสายตามองโมรินด้วยสีหน้าพร้อมบวกโมรินเลิกคิ้วมองตอบแซนดี้ด้วยสายตาพร้อมบวกยิ่งกว่า แต่ติดตรงที่งานแบบนี้ไม่เหมาะจะใช้ความรุนแรง เธอจึงทำตาโตก่อนอุทานเสียงดังลั่น “ตายจริง! แล้วไอ้โรค HPV ที่พี่รุตตรวจเจอ ยังจะรักษาหายอยู่ไหม? ไหนจะหูดหงอนไก่อีก”HPV คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ต้นตอมะเร็งปากมดลูกแซนดี้ได้ยิ
ทางฝั่งนิรัช ทั้งๆ ที่เป็นแค่งานเลี้ยงฉลองเรียนจบ...แต่ผู้คนกลับมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ เห็นทีคงไม่ใช่แค่เรื่องที่นิรัชเรียนจบอย่างเดียวและก็เป็นดังคาด เมื่อมีหนึ่งในคณะผู้บริหารอาวุโสเปรยขึ้นว่าธุรกิจในเครือปัญจรักษ์ทั้งหมดกำลังจะเปลี่ยนมือทุกอย่างกำลังจะถูกถ่ายโอนให้ทายาทเพียงคนเดียวของเสี่ยวิชัยซึ่งเป็นผู้นำในทุกธุรกิจของปัญจรักษ์ท่านประธานคนใหม่จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากนิรัชและแน่นอนว่าเจ้าตัวย่อมรู้อยู่แล้ว วันนี้เขาจึงจำเป็นต้องอยู่ร่วมวงสนทนากับผู้อาวุโสทั้งหลายแต่โดยดี ยอมให้วิชัยผู้เป็นพ่อลากตัวไปแนะนำกับคนโน้นทีคนนี้ทีไปทั่วงานที่สำคัญนอกจากคุยเรื่องทั่วไปในเชิงธุรกิจยังต้องใช้ความอดทนขั้นสูงสุดคุยกับคนที่อยากเป็นพ่อตาแม่ยายในอนาคตอีกด้วยหัวข้อที่สนทนาล้วนเกี่ยวกับคำถามว่าสเปกในใจของนิรัชเป็นแบบไหนกันแน่นะ? ใช่คุณหนูสวยสง่าตระกูลใหญ่หรือไม่? เป็นกุลสตรีผู้เพียบพร้อมหรือเปล่า? เจ้าสาวในอนาคตของนิรัชจะเป็นสาวสวยเก่งกาจรอบด้านคนไหนกันหนอ?ตบท้ายด้วยการพูดกรอกหูถึงประวัติความเป็นมาอันดีงามกอปรกับความเลิศหรูอลังการของลูกสาวพวกเขา ยังขอนัดเจอแบบส่วนตัวเพื่อให้ได้พบกับผู้หญิงที
ดีกรีของพิมพ์วดีไม่ธรรมดา เธอเกิดที่เมืองไทยแต่ไปเติบโตไกลถึงในอเมริกา กลับมาอยู่ที่เมืองไทยเป็นครั้งคราว อายุแค่สิบเก้าแต่เรียนจบปริญญาตรีแล้ว หน้าตาสะสวย ทรวดทรงระเหิดระหง ส่วนเว้าส่วนโค้งสมบูรณ์แบบ มีดีที่ท่วงท่าสูงส่ง เปี่ยมเสน่ห์งดงามแบบไร้ที่ติ เปรียบเทียบใกล้เคียงกับคำว่าเจ้าหญิงก็ยังได้“สวัสดีค่ะคุณลุงวิชัย สวัสดีค่ะพี่นิรัช”น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยทักทายอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล ผู้ชายต่างวัยทั้งสองยิ้มแล้วรับไหว้ตามมารยาทพิมพ์วดีมองนิรัชนิ่งๆ ท่าทางของเธอแลดูเชิดหยิ่งพองามและดูเป็นผู้ดีเจ้าระเบียบสบายตา มองมุมไหนก็สวยสดหมดจดเธอยิ้มอ่อนหวานให้นิรัชอย่างน้อยครั้งที่ใครจะได้เห็น ชนิดที่ไม่เคยทำมาก่อนชื่นผกาสัมผัสได้ว่าลูกสาวตนคงเจอคนถูกใจเข้าให้แล้ว จะไม่ให้ถูกใจได้อย่างไร ทั้งหล่อทั้งโปรไฟล์เลิศขนาดนี้ เธอจึงพูดอีก “ดูสิคะ ลูกชายคุณกับลูกสาวเดี้ยนดูเข้ากั๊นเข้ากันนะคะคุณวิชัย”ความหมายคือเหมาะสมกันมาก คล้ายเกิดมาคู่กันทั้งชาติ ยิ่งยืนอยู่ข้างกายยิ่งไม่ต่างจากกิ่งทองใบหยกเลยสักนิดใบหน้าหล่อเหลาของนิรัชยังคงเรียบเฉยเป็นทุนเดิม เขาปรายสายตามองบิดาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งโดยปกติแ
“สวัสดีค่ะ” ดวงหน้าเนียนกระจ่างเผยรอยยิ้มอ่อนหวานขณะทักทาย ดวงตากลมโตภายใต้แพขนตายาวงอนมองคนตรงหน้าอย่างชื่นชม “คุณแพทตี้ดูดีจังเลยค่ะ สวยกว่าทุกคนในงานเลย”มีใครบ้างไม่ชอบคำหวาน พิมพ์วดีจึงละสายตาจากนิรัช หันมาสนใจณภัทร“ขอโทษค่ะ คุณคือ?”“เรียกภัทรได้ค่ะ เป็นน้องสาวของพี่รัช”น้องสาว? พิมพ์วดีเลิกคิ้ว ได้ข่าวว่าเสี่ยวิชัยแต่งงานใหม่กับหญิงแก่แม่หม้ายที่มีลูกติดโตเป็นสาวแล้วคนหนึ่งต้องน่ารักขนาดนี้? ความอิจฉาริษยามักขึ้นตาชนิดฉับพลันระหว่างผู้หญิงด้วยกันเสมอ และเธอยังมีเซนส์บางอย่างแรงมากน้องสาวเหรอ? ไม่ใช่น้องแท้ๆ เสียหน่อยเผลอๆ อาจจะมีความคิดจับผู้ชายรวยๆ ทั้งแม่ทั้งลูกก็ได้!พิมพ์วดีคิดในใจไปร้อยแปดพันประการ พลางตอบรับ “อ๋อ...ค่ะ น้องภัทรนะคะ” แม้น้ำเสียงจะราบเรียบปกติ แต่สายตาที่มองมากลับแฝงแววดูแคลนผู้หญิงด้วยกันย่อมมีความรู้สึกบางอย่างที่ฉับไวเสมอ ซึ่งณภัทรเองก็เป็นคนที่มีความสามารถด้านการจับสีหน้ามากๆ เธอสังเกตปฏิกิริยาของคู่สนทนาได้ทันทีทว่าแม้รู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังใช้สายตาอย่างไรมองตน แต่ณภัทรก็ยังคงรักษารอยยิ้มสดใสไร้พิษภัยไว้เหมือนเดิม“คุณแพทตี้มีอ
เจ้าของงานอย่างนิรัชกับครอบครัวของเสี่ยวิชัยทุกคน พวกเขาก็อนุญาตเองว่าให้พาน้องพอสมาด้วยกันที่สำคัญลานสำหรับเต้นก็อยู่ตรงนั้น ตรงนี้คือเด็กเล็กวิ่งได้ขนาดงานแต่งของคนไฮโซที่จัดทางโซนอีกฝั่งยังอุ้มลูกเล็กเด็กแดงมาทั้งชุดราตรีลากยาวเลย เธอเห็นเด็กตัวเล็กๆ วิ่งเล่นกันให้ควั่กอยู่หน้างานนั่นไงแต่จะว่าไปเธอก็ผิดเองที่ปล่อยน้องพอสให้วิ่งมาทางนี้เพราะเด็กน้อยเห็นนิรัชซึ่งคุ้นเคยกันดีก็วิ่งมาหาเลย เธอจึงไม่ทันได้ฉุกคิดหรือห้ามปรามอะไร “ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ” พี่เลี้ยงเพียรขอโทษอีกหลายคำทว่าพิมพ์วดีก็ยังคงรักษาสีหน้าราบเรียบออกไปทางบึ้งตึงไร้วี่แววผ่อนคลายอยู่อย่างนั้น “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันหวังดีหรอกนะคะถึงได้ช่วยเตือน อย่าหาว่าสอนแทนพ่อแม่ของน้องเลยค่ะ ขืนปล่อยให้ซุกซนต่อไปอาจทำร้ายคนอื่นได้นะคะ”ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่เห็นด้วย พี่เลี้ยงมองน้องพอสที่อายุย่างสามขวบ เด็กตัวแค่นี้ไม่น่าจะซุกซนจนทำร้ายคนอื่นได้นี่นา เธอจึงเริ่มเถียง “เอ่อ...แต่น้องพอสยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะคะ แค่เกือบจับชายกระโปรงเอง” เข้าใจคำว่าแค่ ‘เกือบ’ ไหม?พิมพ์วดีถอนหายใจอีกครั้งอย่างเอือมระอา แม้ท่าทางยังคงราบเรียบส
นอกหน้าต่าง มวลเมฆดำทะมึน กลุ่มฝนตั้งเค้า ไม่นานเม็ดฝนก็ร่วงหล่นตกมาเกรียวกราวพร้อมฟ้าแลบแปลบปลาบจนเกิดเสียงดังสะเทือนไปทั่วน่านฟ้าในห้องนั่งเล่นที่เดือดระอุ นิรัชใช้ความเงียบแทนคำตอบ ดวงตาดำจัดเรียวยาวคล้ายบรรจุมีดคมกริบนับพันเล่มความดุดันยิ่งฉายชัดคล้ายระเบิดเวลา สีหน้าราบเรียบเริ่มบึ้งตึงเผยความดื้อดึงตามแบบฉบับคุณชายประจำคฤหาสน์ออกมา“พ่อพูดอะไร?”วิชัยขมวดคิ้วกล่าวเสียงเครียด “พ่อตัดสินใจแล้ว แกจะได้มีเพื่อนคอยดูแลกันยามอยู่ต่างถิ่นแดนไกล”นิรัชรีบเอ่ยปากปฏิเสธ “ถ้าพ่อคิดอย่างนั้น ผมจะไม่ไปเรียนต่อเด็ดขาด”“อะไรกัน?” วิชัยตบโต๊ะอย่างโมโห “เราคุยกันมามากพอแล้วนะ ตารัช!”“ผมก็ฟังมามากพอแล้วเหมือนกัน” จบคำก็ลุกพรวดขึ้นแล้วเดินหนีไปเลยวิชัยโวยวายตามหลัง “ตารัช! ไอ้ลูกชายคนนี้! กลับมาคุยให้รู้เรื่องนะ”เสียงโต้แย้งเริ่มตะเบ็งดังลั่นและบานปลายมากกว่าเดิม กลับเป็นณภัทรที่เดินมานั่งลงตรงโซฟา วางจานผลไม้ขัดบทสนทนา ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟังเหมือนดังเช่นทุกวัน“พ่อใจเย็นๆ ค่ะ”เสียงนั้นมิใช่เพียงทำวิชัยใจเย็นลง แต่ยังทำนิรัชที่เดินเลี้ยวหลบไปทางมุมหนึ่งต้องหยุดยืน อิงแผ่นหลังกว
ประโยคยาวเหยียดของณภัทร ทำวิชัยงุนงง“หมายความว่ายังไงลูก พ่อไม่เข้าใจ”หญิงสาวยังคงยิ้มหวาน “พ่อบอกเมื่อกี้ว่าจะให้พี่รัชไปเรียนพร้อมกับคุณพิมพ์วดี?”วิชัยขมวดคิ้ว พยักหน้ายอมรับอย่างฉงนณภัทรเริ่มมีสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา “คุณพิมพ์วดีเติบโตในต่างแดน คุ้นเคยกับทางนั้นมากๆ นั่นคือเหตุผลที่พ่อต้องการให้พี่รัชไปเรียนด้วยกันกับเธอ”สำหรับคนเป็นพ่อแม่ไม่ว่าลูกอายุเท่าไหร่ โตแค่ไหน จะอย่างไรก็ยังเด็กเกินไปเสมอในสายตา หากต้องปล่อยไปอยู่ลำพังในที่ไกลๆ ความห่วงใยย่อมมีมากกว่ายามปกติตั้งแต่เล็กจนโต วิชัยไม่เคยห่างจากลูกชายคนนี้เลยเขาดูแลประคบประหงมนิรัชอย่างดี เพราะอีกฝ่ายขาดแม่ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้“ทว่าพ่อจะปล่อยให้เขาเอาแต่ใจ ไม่นึกถึงอนาคตไม่ได้ ยังไงก็ต้องไปเรียนต่ออยู่ดี รู้แหละว่าจะอย่างไรในต่างแดนต่างถิ่นต่อให้ศิวิไลขนาดไหนก็ไม่ใช่บ้านเมืองตัวเอง คุณชายอย่างเจ้ารัชอาจลำบากมากสักหน่อย และนี่คือเหตุผลที่พ่อให้ไปกับหนูพิมพ์วดี สองคนจะได้ดูแลกันและกัน”“ค่ะ ภัทรเข้าใจ แต่ว่าพ่อคะ นั่นไม่สมควรเอามาเป็นเหตุผลหลักของพี่รัช เพราะเขาดูแลตัวเองได้อยู่แล้วโด
แม้ปากจะบอกแบบนั้น แต่ทุกวันที่ผันผ่านก็ยังคงเลวร้ายในความรู้สึกอยู่มากโชคดีที่ณภัทรเป็นคนที่จัดการกับความรู้สึกตนเองได้เป็นอย่างดี หญิงสาวยิ่งรู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่เธอเลือกเร้นรัก กักเก็บความสัมพันธ์ฉันแฟนกับนิรัชโดยไม่คิดเปิดเผยออกมาเผื่อที่ว่าถึงวันหนึ่งเรื่องของเธอกับเขามันเป็นไปไม่ได้ อะไรๆ จะได้ไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้ผู้ชายน่ะ เวลาเปลี่ยนใจไปมีคนใหม่ พวกเขาจะสามารถมองหน้าผู้หญิงคนเก่าได้อย่างสบาย ทำทีเป็นไม่เคยมีอะไรต่อกันก็ยังได้ เพราะฉะนั้น เพื่อรักษาระดับความสัมพันธ์ฉันพี่น้องให้ครอบครัวไร้ปัญหา เธอก็จะต้องทำได้เช่นกันแต่ว่า...นั่นเฉพาะต่อหน้าคนอื่นเท่านั้นนะเวลาอยู่คนเดียว ณภัทรจะแอบร้องไห้บ้างอะไรบ้าง ตามประสาคนอกหักรักคุด รักผิดชีวิตสะดุด หยุดอยู่กับที่ไม่กล้าเดินหน้าคบใครต่อไปหลังจากเรียนจบปีสุดท้าย โมรินกับศรุตก็จับมือบินลัดฟ้า พี่เอมี่ก็ไปเป็นนางแบบอินเตอร์โดยมีคุณเควินคอยซับพอร์ตณภัทรจึงเหลือตัวคนเดียวโดยสมบูรณ์โคตรเหงา...เนื่องจากเรียนจบแล้ว ระหว่างรอรับปริญญา หญิงสาวจึงเข้าออฟฟิศทำงานเต็มตัว เต็มที่กับโครงการร่วมทุนสร้างกับคู่ค้า ตอนนี้เธอยัง
“น้าพลยอมโดยไม่กล้าขัดขืนเลยแหละ แต่เงื่อนไขคือต้องไปกับพี่รุต คุณแม่ของเขาถึงขนาดไปคุยกับน้าพลที่บ้าน ใช้อำนาจเจ้าของบริษัทเลยเชียว น้าพลก็เลยต้องยอม ส่วนค่าใช้จ่ายคุณแม่บอกว่าจะออกให้ทั้งหมด ถือเป็นสินสอดทองหมั้น”ณภัทรเลิกคิ้ว หญิงสาวรู้มาว่าศรุตตามจีบโมรินไม่เว้นวัน กระทั่งพาไปแนะนำตัวกับมารดาว่าเป็นแฟนแบบแนบเนียน หลังจากนั้นก็คอยไปรับไปส่งระหว่างบ้านกับมหาวิทยาลัยตลอด สองคนนี้ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว หลังจากเรียนจบศรุตเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทของครอบครัว ไม่ได้ทำตัวล่องลอยไปวันๆ เหมือนแต่ก่อน เขาไม่ใช่ทายาทเพียงคนเดียวของครอบครัว ยังมีพี่ชายคนสำคัญรอสืบทอดกิจการอยู่แล้วทั้งคน จึงไม่จำเป็นต้องรีบไปเรียนต่อพร้อมนิรัช อีกทั้งชายหนุ่มยังต้องการรอโมรินเรียนจบแล้วไปต่างประเทศพร้อมกันณภัทรยิ้มขื่น เธอเองก็ควรให้นิรัชรอเหมือนกันใช่ไหม? แต่คิดไปคิดมา หากย้อนเวลากลับไปเธอจะทำอย่างนั้นได้จริงเหรอเสี่ยวิชัยมีนิรัชเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแค่เพียงคนเดียว ตัวของเสี่ยวิชัยเองก็ไม่มีพี่น้อง บิดามารดาก็ไม่อยู่แล้ว หลังจากภรรยาคนเก่าเสียชีวิตเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เขาก็อยู่กับนิรัชแค่สองคนจนกระท
หญิงสาวก้มหน้าทำงาน พยายามไม่คิดมากอีกทว่าท้ายที่สุด เธอก็พ่ายแพ้ให้แก่หัวใจไม่รักดีของตัวเองเรียวนิ้วเปิดโปรแกรมเฟสไทม์ ทำใจดีสู้เสือโทรออกไป นานครู่ใหญ่จนเกือบจะถอดใจ ในที่สุดปลายสายก็กดรับภาพของคนคุ้นเคยสุดแสนจะคิดถึงก็ปรากฏ “ว่าไงภัทร?”หญิงสาวกะพริบตา มือบีบโทรศัพท์แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอพยายามข่มใจไม่คิดมากกับคำถามชวนคิดมากแบบนี้“ก็ไม่ว่าไง พี่รัชทำอะไรอยู่เหรอ?”“ช่วงนี้พี่กำลังยุ่งมากเลยภัทร ไม่ว่างโทรหาเลย”คนฟังมุ่นคิ้ว เธอก็ยุ่งเหมือนกันนี่นา...หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากบอกไปตามตรงว่าเธอเองก็ยุ่งเหมือนกันไง ทำไมยังโทรหาเขาได้ เสียงหวานหนึ่งพลันเอ่ยแทรก“รัช...ไปกันเถอะ”เสียงของผู้หญิงไม่ผิดแน่ ณภัทรยังเห็นภาพเธอจากในโทรศัพท์ด้วย ผู้หญิงคนนั้นคือชัญญ่า...อดีตพี่รหัสของณภัทรนั่นเอง“อ้าว! น้องภัทรเหรอ? สวัสดีจ๊ะ” แค่นั้น ชัญญ่าทักทายเพียงแค่นั้น ก่อนหันไปทางนิรัช “รัช...เราไปกันเถอะ”“อืม...แค่นี้ก่อนนะภัทร”ปลายสายตัดไป ณภัทรได้แต่อึ้ง เธอเห็นภาพที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ที่นั่นคือห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ห้องเรียนแน่นอน...ธุรกิจเบเกอรี่ที่ณภัทรร่วมหุ้นกับภานียังคงไ
ระยะเวลาที่ห่างกัน จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งเดือน จากนั้นก็เลื่อนเป็นหนึ่งปีสองปีตามลำดับ ณภัทรยังคงคิดถึงนิรัชเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเริ่มเคยชินรถซุปเปอร์คาร์สีเหลืองสดแซ่บจี๊ดวนเข้ามาจอดด้านหน้าของภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง ประตูเปิดออกโดยบริกรที่มาคอยให้บริการ สาวสวยดูดีในมาดนักธุรกิจรุ่นใหม่ค่อยๆ ก้าวเท้าลงมา เธอสวมสูทสไตล์แฟชั่นล้ำสมัย ซึ่งเป็นการรังสรรค์เสื้อผ้าอันโดดเด่นที่มีส่วนช่วยให้เกิดความประทับใจต่อผู้ติดต่อทางธุรกิจ และยังสะท้อนทัศนคติไร้ขีดจำกัดให้กับผู้หญิงยุคนี้ที่บทบาททางสังคมเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจนแตกต่างจากในอดีตเธอคือณภัทร ผู้สลัดลุคนักศึกษาสาววัยใสกลายเป็นสาวสวยมั่นใจเต็มวัย แต่งหน้าทาปากเข้มขึ้นจนมองอายุจริงไม่ออก เสื้อผ้าหน้าผมล้วนได้โมรินช่วยดีไซน์และจัดการให้วันนี้เธอต้องมาเจรจาธุรกิจแทนวิชัยสาเหตุเป็นเพราะอีกฝ่ายออกรอบตีกอล์ฟกับเพื่อนเพลินเกินไปหน่อย กระทั่งเอวเคล็ดกระดูกเคลื่อนเล็กน้อยจนต้องแอดมิทโรงพยาบาล ในขณะที่ลินดาป่วยเข้าโรงพยาบาลไปแล้วก่อนหน้าณภัทรรู้ดีว่ามารดาของตนสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากต้องตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ตอนอายุน้อยอีกทั้งยังตรากตร
หญิงสาวเต้นพองาม คลอกับเพลงที่เปิดอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังทำให้คนอีกฝั่งแทบคลั่งนิรัชขบกราม กอบกุมแก่นกายแน่น “ดี...แบบนี้ล่ะภัทร”เธอถามเสียงกระเส่า “พี่รัชไม่ต้องไปเรียนหรือไง?”“เดี๋ยวค่อยไป มโนว่าเอากับภัทรก่อน”หญิงสาวขำพรืด “บ้า”“พี่จะกล่อมภัทรให้นอนหลับสบายไง”ณภัทรยิ่งหน้าแดง และแน่นอนเธอยินยอม“ภัทร...”“หืม...”“นิ่งพิงหัวเตียง ถอดผ้า อ้าขา”“อืม...”ณภัทรถอดชุดนอนออกเผยหน้าอกอวบสวยเด้งดึ๋งโดดเด่น นิ้วเล็กเริ่มแตะแต้มน่องขาด้านใน แหวกขอบผ้าตัวบางจิ๋วออกช้าๆ“ภัทรเริ่มแล้วนะ”จบคำมือหนึ่งก็ค่อยๆ ขยำทรวงอกอิ่ม อีกมือเลื่อนลงต่ำ กรีดเรียวนิ้วกับเนินเนื้ออุ่นชื้น ค่อยๆ สอดใส่เข้าไป“คิดถึงพี่ ภัทร...” นิรัชสั่งเสียงทุ้มลึกณภัทรรับคำเสียงหวาน “อา...พี่รัช”ภาพของคนในจอคล้ายหลุดออกมาขยี้ขยำลูบคลำเธอ อุ้งปากร้อนๆ กำลังครอบครองยอดถัน ณภัทรสูดหายใจเข้าลึกยาว เมื่อความรู้สึกร้อนผ่าวจากส่วนสงวนชื้นแฉะกลางกายแล่นไปทั่วตัวตามปลายนิ้วที่เริ่มระรัว เธอรู้สึกเสียวนิรัชก็เช่นกัน เขารูดแก่นกายขึ้นลง สูดปากเบาๆ“อ้าขาอีกสิครับ”“อืม...พี่รัชอ่ะ”เธอแยกขากว้างขึ้นเพื่อเขา“พี่กำลั
ปลายฝนต้นหนาว สายฝนนอกหน้าต่างยังคงสาดซัด สร้างความหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจในห้องนอนส่วนตัว ณภัทรยังคงสะอึกสะอื้นนั่งขดตัวอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำการบ้านโดยมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คอยู่เป็นเพื่อนเอกสารงานแปลไม่ได้มากมายอะไรเธอทำเสร็จแล้วทั้งหมดแค่รอส่งเท่านั้น ทุกอย่างจึงถูกจัดเก็บเรียบร้อยเมื่อร้องไห้คิดถึงนิรัชจนเหนื่อยล้าก็รีบปาดน้ำตาก่อนฝืนใจกินข้าวสองสามคำ จากนั้นก็นำลงไปเก็บที่ครัว แล้วหมุนตัวขึ้นห้องนอนอย่างรวดเร็วเธออยากอยู่คนเดียวหญิงสาวอาบน้ำ สวมชุดนอนกระโปรงตัวเก่ง มุดเข้าผ้าห่ม พยายามข่มตาหลับให้ลงเหมือนเช่นเคยทว่าก็ไม่เคยหลับลงสักทีเข็มนาฬิกาเดินทางมาค่อนข้างดึกมากแล้ว ณภัทรยังคงพลิกตัวไปมาอยู่ใต้ผ้าห่มที่ไม่เคยอุ่นอีกเลยตั้งแต่ใครบางคนจากไปจังหวะนั้นใครบางคนก็เฟสไทม์มา เธอรีบกดรับอย่างเร็ว ทว่าพูดอะไรไม่ออกสักคำ“ภัทร...”เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากปลายสาย ส่งผลให้น้ำใสที่แห้งไปแล้วเริ่มเอ่อคลอตรงขอบตากลมอีกครา“พี่...”เสียงเธอเจือสะอื้นเล็กน้อย ทั้งๆ ที่เพียรสะกดกลั้นเอาไว้ แต่มันยากเกินไป “พี่รัช...”น้ำเสียงแบบนี้ของณภัทร ทำเอาความเงียบพลันปกคลุมรอบด้านอยู่อึดใจใหญ่ ส่งผ
ทุกวัน ณภัทรมักจะเห็นทุกสิ่งเป็นร่องรอยของคนคุ้นเคยอยู่ตลอดเวลาทุกกิจกรรม ทุกการกระทำ ทุกซอกทุกมุมที่กวาดตามอง ยิ่งนานยิ่งติดตรึงในความทรงจำที่โซฟาห้องนั่งเล่น ร่างสูงโดดเด่นมักจะพักผ่อนอยู่ตรงนั้น เขามองมาทางเธอด้วยสองตาดำจัดคมดุที่คนอื่นมองไม่ออกว่ามีความนัยอะไรในสระว่ายน้ำสีคราม สัดส่วนสมบูรณ์แบบที่เปิดเปลือยเผยมัดกล้ามตึงแน่นล่อตาลวงใจที่เขาชอบทำที่โต๊ะอาหาร เขามักกินข้าวแค่เงียบๆ น้อยครั้งถึงจะพูดจา ทว่าก็มักจะคอยมองเธอว่ากินอิ่มหรือยัง จะได้ไปเรียนพร้อมกันยังมีมุมโต๊ะทำงาน หน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น... คนตัวโตมักจะมีสีหน้าเรียบเฉย นั่งฟังเธออ่านบทความอย่างเย็นชาเพื่อรอพิมพ์เอกสาร ยามที่เธอกำลังอ่านบทความ สายตาของเขาคล้ายไม่ใส่ใจอะไรรอบกายเลย ทว่าสมาธิทั้งหมดกลับตกอยู่ที่เธอ ตั้งใจฟังแค่เพียงน้ำเสียงของเธอณภัทรเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเรื่องสมัครงานพิเศษวันนั้นเป็นเพราะนิรัชหวังจะได้อยู่กับเธอสองต่อสอง มีเวลาทำอะไรๆ ร่วมกัน โดยไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตต่อพ่อกับแม่ให้เธอต้องลำบากใจยังมีเรื่องที่พาไปเที่ยวทะเล เขาต้องหาสารพัดวิธีเพื่อที่จะพาเธอไปได้อย่างถูกต้องแต่กว่าจะไ
แต่ไม่ว่าจะมีใครมาบอกเธอยังไง คนที่ทำให้เธอหวั่นไหวและเชื่อใจได้กลับมีเพียง...นิรัช...พี่ชายตามกฎหมายคนนี้คนเดียวณภัทรรักนิรัชแค่คนเดียวเท่านั้น ทว่าความรักสำหรับเธอไม่ใช่การยึดติดปิดกั้นหรือครอบครองเอาไว้ข้างกายตลอดเวลา แต่เป็นการมองคนรักด้วยความหวังดีตลอดไปต่างหากหญิงสาวค่อยๆ กล่อม “พี่รัชฟังภัทรนะ คนเรายังต้องเผชิญอีกหลายเหตุการณ์ระหว่างเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันไม่ใช่ปัญหาแค่มือที่สามมือที่สี่ที่จะเข้ามาแทรกกลางระหว่างเรา แต่มันอาจมีปัญหามากมายรุมเร้า ซึ่งนั่นก็มากพอที่จะทำให้ชีวิตคู่พบทางตัน กระทั่งต้องหันหลังคุยกัน เกราะป้องกันที่ดีคือต้องฝึกฝนแก้ปัญหาเอาไว้แต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอจนความรักเดินทางมาไกลเกินแก้ไข”นิรัชอึ้งงัน ได้ยินเสียงใสกังวานอ่อนหวานแต่หนักแน่นว่า “ภัทรขอสัญญาจะรอพี่รัชอยู่ตรงนี้ เป็นความมั่นคงของพี่ตลอดไป ไม่ว่าพี่ต้องเจอกับปัญหาอะไร หันมาก็จะเจอภัทรเสมอ ตกลงไหม”ณภัทรเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องคำสัญญา เธอนำพาชีวิตให้อยู่กับปัจจุบัน ตั้งมั่นบนโลกความจริงในแต่ละวันตามหลักการและเหตุผลอันสมควร ไม่ใช้อารมณ์ฝันเฟื่องอย่างเรื่องลมปากที่พ่นออกมาพร้อมกับคำว่า ‘สัญญ
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง...คนสองคนที่ทะเลาะกันแทบตาย สุดท้ายก็นอนกอดกันอย่างหมดเรี่ยวแรง เหลือเพียงรสสัมผัสหวามไหวติดค้างชายหนุ่มครางเบาๆ ขยับลึกอีกครั้งก่อนค่อยๆ ถอดถอนตัวตนแผ่วช้า เหงื่อซึมทั่วร่างหนา หยาดไหลร่วมกับร่างบางอ่อนนุ่มหลังจากลมหายใจร้อนๆ กลับมาเป็นปกติ นิรัชถึงได้จูบซับหยดเหงื่อระเรื่อยไปตามข้างขมับให้ณภัทรสาวน้อยปรือตาฉ่ำเยิ้มมองคนขี้งอน “หายโกรธหรือยัง?”“ยัง!”เสียงทุ้มพร่าติดจะแหบห้วนอยู่มาก นิรัชกระชับอ้อมแขนกอดคนตัวนุ่มแน่นขึ้นไม่คิดปล่อยความหวงแหนก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงในทุกวัน ความรู้สึกเป็นเจ้าของก็เช่นกัน ณภัทรทำนิรัชแทบคลั่งได้ทุกครั้งแค่ก้มมองแล้วถ้าเธอไม่ได้อยู่ในสายตา ถ้าไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้กอด...คำถามแสนง่ายแต่กลับยากมากที่จะหาคำอธิบายมาบรรยายความรู้สึกแค่นึกภาพว่าสิ่งสำคัญที่สุดได้ขาดหายไปในชีวิตประจำวัน แค่นั้นความอึดอัดทรมานที่ยากจะเอ่ยก็กดทับจนหายใจไม่ออกชายหนุ่มกำลังคิดว่า หากเขาต้องอยู่ห่างเธอคนละฟากฟ้าก็โปรดกรุณาเอามีดมาเฉือนหัวใจเขาแทนเถอะ!ณภัทรย่อมเข้าใจนิรัชเป็นอย่างดี ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้จะไม่เข้าใจได้ยังไง ทว่าเธอก็ยังต้องปล่อยเขาไปเรียนต