“ลลินตามหาทามตั้งนาน แล้วนี่เลขาสุดหล่อของนายล่ะ? ” หญิงสาวเอ่ยแหย่เพื่อนชายอีกคน
พอได้ยินคำว่าสุดหล่อก็ตงิดๆ อยู่ไม่หาย แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องกลั้นใจตอบ อีกอย่างเขารู้ว่าลลินคงแค่แหย่โดยไม่คิดอะไร เธอคงแค่เย้าแหย่เหมือนที่ผ่านมา “เห็นไปรับลมแถวๆ สระหน่ะ นี่ลลิลเมาหรอครับ หน้าแดงเชียว? ” ที่ถามเพราะใบหน้าเธอแดงก่ำมากจริงๆ และตอนนี้นี่เองที่หญิงสาวก็ถือวิสาสะเข้าไปจุ๊บที่ปากของชายหนุ่มอย่างเผลอไผล ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นว่ามีใครอีกคนคอยจ้องมองคนทั้งคู่อยู่ ชายหนุ่มจึงรีบผลักหญิงสาวออกอย่างไว ก่อนจะตรงดิ่งมายังบุรุษที่กำลังหน้าบึ้ง “มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ” แต่แล้วใครอีกคนกลับไม่พูดอะไร “นายอย่าเงียบแบบนี้สิ ฉันไม่ชอบ” “ก็ผมไม่ได้บอกให้คุณต้องชอบ คุณจะจูบหรืออะไรกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย .. ผมเหนื่อย ง่วงแล้ว จะกลับ” ‘โกรธทีไร สรรพนามแทนตัวเองเปลี่ยนทุกครั้งเลยนะ’ คนตัวสูงคิด คนแอบงอแงก็แอบวีนใส่ร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว “งั้นกลับด้วยกัน” “ได้ไง นี่วันเกิดแฟนนายนะ อีกอย่างผมโอเค” ทามไทไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาฝากบอกเพื่อนของลลินดาว่าเมามาก ขอตัวกลับก่อน ก่อนจะดึงกระชากลากถูชายหนุ่มอีกคนไปขึ้นลีมูซีนคันหรู ซึ่งมีคนขับรถสแตนบายอยู่แล้ว “ออกรถ!!” เขาสั่งคนรถให้ออกรถทันที ก่อนที่มือหนาจะกดสวิตช์ด้านข้างเพื่อให้กระจกขั้นตรงกลางระหว่างคนขับกับห้องโดยสารให้เลื่อนขึ้น “นายปิดกระจกทำไม ผมไม่ชอบ!!” “แน่ใจหรอว่าไม่ชอบ ฉันว่านายกำลังหึง!!” คนทั้งคู่เถียงกันในรถไปมา ทว่าคนขับต่างไม่ได้ยินอะไรใดๆ ทั้งสิ้น เขาไม่มาละลาบละล้วงเรื่องของเจ้านายเด็ดขาด ไม่งั้นเงินเดือนคนขับรถที่ถูกจ่ายถึงแสนสี่ต่อเดือนเป็นอันต้องอันตรธานหายไปแน่ๆ “เพทาย!! นายหยุดดิ้นสักที ก็ฉันบอกแล้วว่ามันไม่มีอะไร!!” “จะมีหรือไม่มีอะไรมันก็เรื่องของนายสิ มันไม่เกี่ยวกับผม 11 ปีที่ผ่านมา ผมไม่รู้ด้วยหรอกนะว่านายไปอะไรกับใครยังไงบ้าง” “เพทาย!!” คนตัวสูงสบถเสียงดังลั่นรถ ก่อนจะทึ้งใบหน้าอีกคนให้มารับกับรสจูบของเขา ร่างบางดันแผ่นอกของร่างหนาอย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามไม่ให้อีกคนมาจูบ แต่แล้วมีหรือที่ร่างเล็กบางจะสู้แรงของอีกฝ่ายได้ ครั้งนี้เขาตะโบมจูบอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่อีกร่างก็ต่อต้านอย่างสุดฤทธิ์ “ทามไทนายหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ คนขับรถก็อยู่ นายจะบ้ารึไง!! ทาม … อะ อื้อ …” แล้วริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของอีกคนก็ถูกเขากลืนกิน จนน้ำเสียงนั้นมันหายไป …. ท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ เพทายยังคงยึดเอาความรู้สึกโกรธปนหึงหวงมาเป็นข้ออ้าง ริมฝีปากที่กดจูบอย่างดุเดือดรุนแรงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลอย่างไม่รู้ตัว จนเพทายที่ตอนแรกพยายามขัดขืนกลับเริ่มอ่อนแรงลง เขาผละริมฝีปากออกเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของอีกคนที่แดงก่ำ ดวงตาฉายความไม่พอใจแต่แฝงไปด้วยความสับสน ทามไทสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “นายไม่เข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง … นายจะไปรู้อะไร ฉันก็หงุดหงิดทุกทีที่นายเป็นแบบนี้ ทำไมนายต้องเป็นแบบนี้ด้วย เพทาย …ฉันไม่ชอบเวลาที่นายทำตัวเฉยเมยกับฉัน” เพทายผลักเขาออกทันทีเมื่อได้สติ ทั้งคู่หายใจหอบถี่ด้วยความโกรธ เขากำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูด “นายไม่ต้องมาบอกว่าหงุดหงิดเพราะผม … นายมันก็แค่คนเห็นแก่ตัว..ทาม” คำพูดนั้นเหมือนเข็มแหลมทิ่มแทงเข้ากลางใจ ทามไทมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ปะปนไปด้วยความเจ็บปวดและความเสียใจ นี่ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เขาเอาแต่เฝ้าคิดถึง แต่กลับมาได้ยินสิ่งที่ทิ่มแทงให้ตัวเองเจ็บปวดแบบนี้นั้นหน่ะหรอ มันคุ้มกันบ้างรึเปล่าวะ บัดซบชิบหาย!! “ฉันรู้ … ฉันเห็นแก่ตัว … แต่ทุกครั้งที่นายเป็นแบบนี้ ฉันเหมือนคนกำลังเป็นบ้า นายเข้าใจมั้ยเพทาย? ฉันพยายามห้ามตัวเองแล้ว แต่ยิ่งนายผลักฉันออกไป ฉันยิ่งอยากดึงนายกลับมา” เพทายหัวเราะในลำคอ เสียงปนด้วยความประชด “ถ้านายคิดว่าการจูบหรือคิดจะลากผมกลับมาแบบนี้มันจะทำให้ผมรู้สึกเหมือนเดิมกับเมื่อ 11 ปีก่อน นายคิดผิดแล้วล่ะทามไท ผมก็ไม่ได้อยากเป็นแค่ของเล่นชั่วครู่ของนายเช่นกัน” คำพูดนั้นทำเอาชายหนุ่มแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ “ของเล่น!! ของเล่นหรอ? นายคิดว่าฉันเห็นนายเป็นของเล่นรึไง? ” แววตาระริกไหวสั่นรื้นไปด้วยน้ำใสๆ ร่างสูงถึงกับเก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้อ่อนแอกับอีแค่คำพูดไม่กี่คำของคนที่ห่างหายกันไปนานถึง 11 ปี ใครอีกคนที่เห็นดังนั้นก็เงียบอึ้งตะลึงงันพอๆ กัน เขาไม่เคยคิดว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของเขามันจะทำร้ายใครอีกคนได้ถึงเพียงนี้ “ผมขอโทษ … ผมแค่ …” ‘ผมแค่ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม แล้วสุดท้ายทุกคนก็คงต้องแยกย้ายกันไป’ “แค่อะไร? ” ร่างสูงตะเบงเสียงถาม “ผมแค่ไม่อยากให้ประวัติมันซ้ำเดิม นายรู้มั้ย ว่าผมไม่เคยแตะต้องผู้หญิงเลย ทั้งๆ ที่ผมก็คิดว่าผมต้องชอบผู้หญิง และทุกครั้ง มันก็จะคอยคิดถึงนายอยู่ตลอด ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ผมทรมานแค่ไหน มีใครมารับรู้บ้าง” ชายหนุ่มพูดไปก็สะอื้นไห้ไป ตอนนี้ทามไทต่างบอกตัวเองไม่ถูกเช่นกัน แต่แล้วเพทายก็พูดขึ้นก่อน “นายจะเห็นผมเป็นของเล่นอีกนานแค่ไหนทาม … อะ ฮึก … ผมก็มีหัวใจนะ ผมเจ็บ” ร่างสูงดึงทึ้งคนร่างบางกว่าตนเข้ามาสวมกอด “นี่ที่ผ่านมา ฉันทำให้นายคิดแบบนี้มาตลอดเลยรึไง … นายรู้ไหมทำไมฉันถึงไม่ติดต่อนาย” เขาเอ่ยถาม “แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง” “ผมประสบอุบัติเหตุ ความจำพึ่งจะกลับมาเมื่อสองปีก่อน แต่มันพึ่งจะมาจำเรื่องราวทั้งหมดของเราได้เมื่อไม่นานมานี้ ไม่งั้นผมจะพึ่งกลับมาไทยทำไม อีกอย่างเรื่องลลินดา ผมก็กำลังให้นักสืบเอกชนไปตามสืบเธออยู่ ว่าจริงๆ แล้วพวกเราเป็นแฟนกันได้ยังไง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเราสามคนต่างก็เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น นายเชื่อฉันใช่ไหมทาย …” “ผมจะเชื่อนายได้ใช่มั้ยทาม อย่าลืมนะว่าเราสองคนก็เป็นเพื่อนกันมาก่อน” “นั่นมันไม่เหมือนกัน นายกับเธอ ความรูสึกของฉันมันไม่เหมือนกัน ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับลลินดา นอกจากเพื่อนที่ดีเท่านั้น” ปากหนาไม่รอช้าให้ใครอีกคนได้เอ่ยตอบ เขาก็โน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ จนริมฝีปากประกบปากบางอีกระลอก ชายหนุ่มค่อยๆ ดุนดันลิ้นหนาเข้าไปด้านในสำรวจอุ้งปาก คนทั้งคู่ต่างกันผลัดจูบตอบไปมาอย่างดูดดื่มและเร่าร้อนอีกครั้ง ความคิดถึงบวกความถวิลหา ทว่าตอนนี้ไฟราคะมันได้ลุกโหมกระหน่ำ และยากจะดับลง เขาบดขยี้ริมฝีปากอย่างดุเดือดราวกับคนหื่นกระหาย เขาบดจูบดุดุนจนริมฝีปากของใครอีกคนห้อเลือดจนบวมก่ำ จากนั้นก็ขบงับเข้ากับติ่งหู มือหนาปลดเปลื้องเสื้อของชายหนุ่มร่างบางออกจนเห็นแผ่นหลัง เขาลูบไล้เรือนกายไปทั่วอณูสัมผัส ก่อนจะผลักร่างบางให้นอนแผ่ราบไปกับเบาะ ชายหนุ่มขึ้นคร่อมและตวัดเรียวลิ้นบดดูดทั่วซอกคอหอม “นายตัวหอมจัง ….. อื้มม” อีกคนก็แอ่นอกให้ชายหนุ่มร่างสูงได้ลงปลายลิ้นสัมผัสอย่างบ้าคลั่ง คนทั้งสองบดเบียดช่วงล่างเข้าหากันอย่างต้องการ จากนั้นชายหนุ่มก็ไล้เลียเรียวลิ้นลงมาเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หว่างขา เขาถอดกางเกงสแลกตัวหรูของเพทายออกอย่างไว ก่อนจะถอดบ็อกเซอร์ออกตามๆ กัน ปากอุ่นร้อนค่อยๆ ตวัดจ้วงสวบเข้าตรงปลายหัว เขาตั้งใจจะสวบงับเข้าแค่นั้นตอนนี้มันเริ่มผงาดขยายเต็มลำในช่องทางปากของเขา ปลายลิ้นตวัดเกี่ยวเป็นวงกลมอย่างช้าๆ ก่อนจะกระดกขึ้นลงอย่างถี่เร็วรัว ทำเอาใครอีกคนถึงกับจิกทึ้งผมของเขาอย่างไม่ยั้งแรง มือหนาค่อยๆ ถ่างขาให้อ้ากว้างออก เขาจับขาของคนขี้น้อยใจขึ้นมาพาดตรงไหล่หนาของเขา จากนั้นก็จ้วงปลายลิ้นเลียตั้งแต่โคนหัวหยักบานลามลงมาจนถึงพวงไข่ กล้ามเนื้อหน้าท้องที่กระเพื่อมขึ้นลงถี่ๆ บ่งบอกได้ว่าคนตรงหน้าเสียวสะท้านถึงขั้นสุด เขายังคงตวัดปลายลิ้นจ้วงลงมาจนถึงช่องทางเปียกชื้นด้านหลังที่ก่อนหน้าเขาพึ่งพุ่งสาดน้ำรักใส่ และตอนนี้มันก็ยังหลงเหลือคราบน้ำรักอยู่ เขารีบถอดกางเกงตัวเองออกอย่างไว แล้วก็จับให้อีกคนมานั่งคร่อมตัวเอง “กางขาออกเยอะๆ จะได้ไม่เจ็บ” คนร่างสูงปรนเปรอคนร่างเล็กกว่าทุกอย่าง เขาเอาอกเอาใจ ยอมใช้ปากลิ้นโดยไม่คิดรังเกียจ มือหนาค่อยๆ ยกก้นของใครอีกคนขึ้น ก่อนจะจับหัวบานของตนเองที่มีน้ำเมือกใสๆ เต็มหัวดอก ค่อยๆ ถูไถมันไปมาที่ร่องก้น เขาค่อยๆ กดกายของอีกคนลงมา มันค่อยๆ สวมเข้ารัดตอดลำเอ็นที่เห็นเส้นเลือดปูด เขากดมันลงจนสุดลำ จากนั้นก็ควงส่ายสะโพกไปมาให้เข้าที่ มืออีกข้างก็ชักแก่นกายที่ชี้โด่ชี้เด่ตรงหน้า คนดานบนต่างตัวงอด้วยความจุกเสียดที่ตีรื้นขึ้นอย่างกระทันหัน “ทาม ผมจุก…” “ฉันจะเบาๆ ” พูดจบก็ยกร่างบางขึ้นลงอย่างแผ่วเบา แต่ใครอีกคนกลับงอตัวหนีเพราะจุกเสียดแน่นตึงตรงช่องท้อง “ไหวมั้ยที่รัก ฉันแตกแล้ว อดทนแป๊บนะ เดี๋ยวฉันจะกินน้ำให้นายต่อ จะดูดจนกว่านายจะแตก” พับ พับ พับ “อี๊ดดด… อื๊อออ…” คนร่างบางพยายามเก็บกลั้นความเจ็บปนเสียวซ่านอย่างทรมานสุดๆ ขณะที่แก่นกายใหญ่หนายังคงกระแทกเนื้อของอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง ชายหนุ่มปิดเสียงร้องครางของอีกคนด้วยริมฝีปากอีกระรอก อือออ …. เอื้อยย …. ซี้ดดดด ปัก ปัก ปัก ยิ่งเขากระแทกตอกอัดแน่นเท่าไหร่ ช่องรูรักของเพทายก็ตอดรัดแน่นขึ้นมากเท่านั้น “ทาย …. ซี้ดดด ที่รัก .. ฉันไม่ไหว จะเสร็จ … อื้มมม ….” อีกครั้งแล้วที่น้ำสีขาวอุ่นๆ ไหลเข้าสู่ใจกลางกายของคนร่างเล็ก จากนั้นร่างหนาจะจับยึดร่างบางให้ยืนขึ้นคร่อมลำตัวของอีกฝ่าย ปากอุ่นหนาจับงัดแท่งเอ็นไซซ์ 58 เข้าสู่อุ้งปาก ในขณะที่มือทั้งสองข้างต่างก็บีบกดบั้นท้ายจนสีก้นแดงระเรื่อ เขาใช้เกลียวลิ้นตวัดรูดขึ้นรูดลง ใช้ปากล้วนๆ โดยไม่ใช้มือช่วย ลิ้นด้านในก็กระดกสั่นรัวๆ จนเพทายเผลอจิกกดศีรษะของเขากระแทกริมฝีปากบดเข้าจนหัวบานของแท่งเอ็นชนเข้าที่กระพุ้งปากของอีกคนอย่างคนเอาแต่ใจ “ทาม …. อ๊ะ ผมเสียวหัวมากเลยทาม … อื้ออออ ซี้ดดด” เขากัดฟันขบกรามจนดังกรอด “เสียวหัว … ไม่ไหว ผมจะไม่ไหว” เสียงริมฝีปากกับแท่งเอ็นยักษ์เสียดสีกันจนดังแจะๆ อ๊าาาห์ … “จะแตกแล้วทาม ทามครับ… อี๊ดดด ..” เพทายเกร็งก้นกระตุกถี่ๆ ทามไทดูดเอาน้ำรักกลืนลงคอจนเกลี้ยง เขาแกล้งเพทายด้วยการกระดกลิ้นใส่ปลายหัวหยัก จนคนร่างบางถึงกับกระตุกเกร็งทุกครั้งที่ปลายลิ้นตวัดขึ้นลง “เสียวหัว… ทามอย่าแกล้งผม… อื้มม…” ปากหยักหนาค่อยๆ หันไปประกบปากบางอีกรอบ เขาแบ่งน้ำรักสีขาวขุ่นให้ชายหนุ่มที่พึ่งสุขสมไปเมื่อกี้คนละครึ่ง ในขณะที่อีกคนทำหน้าแหยๆ อึก …. ทามไทกลืนจนเกลี้ยงและหันมาพูดต่อว่า ” นั่นมันน้ำของนายนะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้นายกินน้ำของฉัน วันนี้นายต้องซ้อมคอไปก่อน “ ก่อนจะหันมาแสยะยิ้มกับท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนตรงหน้า …บนเครื่องบินผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสที่กำลังถูกให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ชายหนุ่มที่เดินทางจากเที่ยวบินตรงจากมิลานอิตาลีมายังสุวรรณภูมิ หยิบรับเอาแก้วไวน์ขึ้นกระดกดื่ม ไฟล์ทนี้คงอีกราวๆ 10 กว่าชั่วโมงก่อนจะถึง เขาปลดเข็มขัดทันทีที่ไฟสัญญาณดับลง แล้วนั่งดื่มหันหน้ามองออกไปด้านนอกหน้าต่างด้านหน้าตอนนี้ยังคงเห็นวิวเมืองที่เครื่องพึ่งจะเทคออฟไปเมื่อครู่ ก่อนที่มันจะค่อยๆ หายเข้ากลีบมวลเมฆที่เห็นเป็นแค่สีขาว เขาเดินทางไฟล์ทเช้า กะว่าถึงกรุงเทพก็ดึกจะได้เข้านอนเก็บแรงไว้ไปงานวันเกิดของลลินดาต่อในวันรุ่งขึ้น หญิงสาวที่ทางครอบครัวเลือกสรรให้ และลลินดาก็เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มของเขากับเพทาย เมื่อสมัยเรียนมหาลัยเอกชนชื่อดังด้วยกันที่เมืองไทย พ่อแม่ของพวกเขาต่างเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ในแง่ธุรกิจบางทีก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะให้สองครอบครัวอยากเป็นปึกแผ่นเดียวกันคิดเรื่องนี้ทีไร ชายหนุ่มก็ข่มตาลงอย่างช้าๆ อีกทั้งตอนนี้ทามไทเอง ก็ไม่มีท่าทีว่าจะอยากลงหลักปักฐานกับใครเป็นตัวเป็นตนจริงๆ จังๆ สักที เขาไม่เคยพาใครเข้าบ้านทั้งๆ ตอนนี้อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ปีนี้เขา 34 แล้ว“สเต๊กริบอายรมควัน
บริษัทในเครืออุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอะไหล่และไมโครชิฟเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในประเทศที่มีผู้ถือหุ้นมากกว่า 15 ประเทศทั่วโลกเพทาย ฝีมือฉมังเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ ก็คงไม่แปลกที่จะถูกคัดเลือกให้เป็นผู้ช่วยหน้าใหม่ไฟแรง เขากำลังรอการกลับมาของนักบริหารหนุ่มเพื่อมารับตำแหน่งที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะสนิทกันมากในเมื่อครั้งอดีต แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไป ใครเล่าจะไปรู้ได้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังสนิทกันเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าทามไทเป็นคนติดดิน อยู่ง่ายกินง่าย ใช้รถยุโรปรุ่นธรรมดา จบปริญญาตรีในไทย จากนั้นบิดามารดาก็พาเขากลับอิตาลีเพื่อไปเรียนต่อโท และต่อเอกที่สหรัฐอเมริกา การใช้ชีวิตของเขาจึงผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายในขณะที่อีกคนก็เรียนต่อด้านไมโครชิฟที่ไต้หวัน เพราะไต้หวันเองก็เป็นประเทศที่เก่งด้านไมโครชิฟรองลงมาจากค่ายยักษ์ใหญ่ที่อเมริกา ด้วยฐานะทางบ้านของเพทายก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งแต่ถ้าเทียบแล้วก็ถือว่าสู้ใครอีกคนไม่ได้“คุณเพทาย สวัสดีค่ะ”ทันทีที่สาวสวยฝ่ายการตลาดอย่างพินทุอรเห็นชายหนุ่มหุ่นล่ำเนื้อแน่นตัวสูงราว 187 เซนติเมตรเดินเข้ามาบริษัทแต่เช้า แม้เวลาเข้างานจะ 8:30 น. ทว่าผู้คนเริ่มทยอยมาส
อีกแล้วเหรอเพทายเดินเข้าไปและยื่นมือไปเปิดประตูออกมาช้าๆ ทว่าทามไทกลับไวกว่า เขารีบดึงมือชายหนุ่มอีกคนเข้าไปด้านในอย่างไวคนทั้งคู่จ้องมองตากัน ตอนนี้พวกเขาแทบจะหยุดหายใจก็ว่าได้ เมื่อจู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่ทั้งคู่ต่างก็เคยเป็นครั้งแรกของกันและกันย้อนกลับไปสมัยมหาลัย (11 ปีก่อน)“นายอยากลองจริงๆ หรอทาม?”เสียงของเพทายเอ่ยถามเพื่อนสนิท ที่คิดไม่ซื่อ เมื่อครั้งนั้นพวกเขาต่างได้ย้ายมาอยู่คอนโดด้วยกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า หอพักของเพทายต้องถูกรื้อทำใหม่ และช่วงนั้นเขาก็หาที่พักไม่ทัน เพราะมันปุบปับมาก ทามไทจึงเสนอให้มาพักกับตนเอง ตอนนี้ก็เรียนอยู่ปีสี่แล้ว ถ้าจะมีปัญหามันก็ใกล้จะจบ อีกทั้งที่เพทายไม่อยากจะสุงสิงกับทามไทเท่าไหร่ เพราะเวลาใกล้กัน ชายหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตเขารู้สึกอยากถูกเนื้อต้องตัวของเจ้าของคอนโด อยากอยู่ใกล้ๆ และหลายต่อหลายครั้งที่ก็เผลอลอบมองริมฝีปากปากของอีกฝ่าย และก็ลอบกลืนน้ำลายอยู่บ่อยๆ“ก็ที่นายเอาแต่จ้องฉัน ก็ไม่ใช่อยากจะลองรึไง”เสียงของทามไทเอ่ยตอบแต่แล้วมีหรือที่อีกฝ่ายจะหนีพ้น เพราะตอนนี้นอกจากพวกเขาจะเมาแล้ว ก็ยังอยากเล่นอะไรกันห่ามๆ นั่นก็คือเกมเจ้าปัญห
“นายอย่าตื่นเต้นสิ ปล่อยตัวจอยๆ สบายๆ มันจะเจ็บแป๊บเดียว” คนร่างสูงกว่า 190 เอ่ยบอกกับคนตัวสูง 187“แต่ผมยังไม่ได้แตกใส่ปากนายเลยนะ นี่นายจะมาเล่นขี้โกงไม่ได้นะ” เขาเอ่ยทวงได้ฟังดังนั้นร่างหนาก็พลิกร่างบางให้หันมาด้านหน้า เขานั่งคุกเข่าอีกรอบ ก่อนที่ปากหนาร้อนจะตวัดจ้วงลงลิ้นอุ่นๆ ดูดดื่มเจ้าไซซ์ 58 อย่างถี่ระรัว ทำเอาอีกคนไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เพราะตอนนี้มีแค่เสียงครางอย่างลุ่มหลงเพียงเท่านั้น“ซี้ดดดด อื้มมม …. ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะทาม”“นายเงี่ยนใช่มั้ย บอกฉันสิ”ร่างหนาบังคับให้คนร่างบางกว่าเอ่ยพูด“ใช่”“ใช่อะไร? ”“อื้มม ผมเงี่ยน พอใจนายยัง ผมเงี่ยนมาก”ยิ่งเขาพูด ทามไทก็ยิ่งเร่งฝีปาก มือหนาก็บี้เขี่ยหัวนมชมพูน้อยๆ ของอีกคนไปด้วยอื้อออ …. อ๊าาาา …..ผู้ถูกกระทำต่างร้องครางอย่างทรมานและสุขสม เพทายหูอื้อตาลายไปหมด ได้ยินคือเสียงฉ่ำแฉะน้ำลายของอีกฝ่ายที่งับเจ้าแก่นกายอย่างคนกระสัน ชายหนุ่มร่างสูงจับเจ้าไซซ์ 58 ถอนออกจากโพรงปากอย่างช้าๆ ก่อนจะฟาดเข้ากับเรียวปากของตนเองไปหลายที จากนั้นก็งับมันเข้าอุ้งปากใหม่ด้วยความหื่นกระหาย“ทาม…. ผมไม่ไหว…”ยิ่งได้ยินดังนั้นนิ้วร้านก็พยายามแหย่ตร
“อ้าว อลิส นี่บังเอิญจังนะ”กลับเป็นหญิงสาวอีกคนเอ่ยทักขึ้นแน่นอนว่าพวกเขาต่างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว“มานั่งกับพวกพี่สิ” ลลินดาเอ่ยบอกกับหญิงสาวขณะที่คนทั้งสามก็ยืนคุยทักทายกันสักครู่ ทว่าหญิงสาวติดลูกค้าคนสำคัญ เธอจึงมาร่วมนั่งรับประทานอาหารด้วยไม่ได้“พอดีอลิสติดธุระน่ะค่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะคะ”เธอพูดพร้อมส่งสายตามายังเพทายเป็นพิเศษ“นี่อย่าบอกนะว่า พวกนาย …”ทามไทเอ่ยถามอย่างพอจะรู้ในคำตอบเพทายหันมามองก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ พยักหน้าน้อยๆ นั่นถือว่าเป็นคำตอบ“นายก็รู้ว่าที่บ้านของผมกับเธอเชียร์ให้พวกเราคบกันตั้งแต่เรียนอยู่ม.6”“นี่นายจะบอกว่า พวกนายคบกันแล้ว?”“อืมม ว่าที่คู่หมั้นผมน่ะ แต่ก็… ทานข้าวกันเถอะ”แต่แล้วเสียงของหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยดังขึ้น“โห!! นี่อลิสกับทายจะหมั้นกันแล้วหรอคะเนี่ย!!”สองหนุ่มหันมามองหญิงสาวด้วยท่าทีแปลกๆ เพราะเหมือนเธอจะสนิทกับอลิสอย่างไรอย่างนั้น เห็นดังนั้นเธอจึงรีบชิ่งตอบก่อน“จริงๆ ลลินกับอลิสเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะค่ะ ทามขา ดูเพื่อนเลขาสุดหล่อของคุณสิคะ กำลังจะหมั้น แล้วเมื่อไหร่จะเป็นคิวของเราบ้างละค๊าาาทาม …”พูดไปก็อ้อนไปมือไม้เกาะแ
สองหนุ่มในชุดสูทสีดำกับเสื้อเชิตตัวในสีขาวแบบฉบับเท่หรู มันเป็นการแต่งสูทแบบเรียบๆ ที่ไม่เน้นเนกไท หรือโบว์อะไรมาผูกติด พวกเขาเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน แน่นอนว่าเรื่องความหล่อ ไม่มีใครกินขาดทันทีที่ลลินดามองเห็นดอกไม้ช่อใหญ่สีแดงกับ paper bag สีดำ งานถูกจัดที่เอ็กซ์บาร์ มันเป็นร้านสไตล์ยุโรปแบบ outdoor แขกเหรื่อที่มาในงานมีแต่แบบเอ็กซ์คลูซีฟลลินดาในธีมชุดราตรีสีแดง ให้เข้ากับธีมงานในสีแดงดำ รูปร่างเพรียวระหง ตอนนี้ในมือของหญิงสาวถือดอกไม้สีแดงช่อใหญ่กับกระดาษห่อสีดำเคลือบทอง มันเป็นอะไรที่สวยสะดุดตาและเข้ากับชุดของเธอแบบสุดๆ ด้วยเช่นกันชายหนุ่มอีกคนยืนมองร่างสูงกำลังเดินควงสาวสวยไปต่อหน้า จู่ๆ อาการมันก็หึงหวงออกมาแปลกๆ ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดอะไร เพื่อนๆ ของหญิงสาวก็กรูกันเข้ามาทักทายเพทายกันใหญ่ เพราะคนที่สูงถึง 187 ก็หน้าตาดีใช่ย่อย ไหนจะหุ่นล่ำแบบนายแบบทามไทเองก็หันชำเลืองมองมายังอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ ไม่ต่างกัน“ทามว่ามั้ย ทายนี่เสน่ห์แรงไม่เบา ดูเพื่อนๆ ของลลินสิ เล่นรุมหน้าล้อมหลังจนเขาจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”คนพูดถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ต่างจากอีกคนที่เอาแต่นั่งหน้าบึ้ง“เฮ้!! ทา
“ลลินตามหาทามตั้งนาน แล้วนี่เลขาสุดหล่อของนายล่ะ? ” หญิงสาวเอ่ยแหย่เพื่อนชายอีกคนพอได้ยินคำว่าสุดหล่อก็ตงิดๆ อยู่ไม่หาย แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องกลั้นใจตอบ อีกอย่างเขารู้ว่าลลินคงแค่แหย่โดยไม่คิดอะไร เธอคงแค่เย้าแหย่เหมือนที่ผ่านมา“เห็นไปรับลมแถวๆ สระหน่ะ นี่ลลิลเมาหรอครับ หน้าแดงเชียว? ”ที่ถามเพราะใบหน้าเธอแดงก่ำมากจริงๆ และตอนนี้นี่เองที่หญิงสาวก็ถือวิสาสะเข้าไปจุ๊บที่ปากของชายหนุ่มอย่างเผลอไผล ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นว่ามีใครอีกคนคอยจ้องมองคนทั้งคู่อยู่ ชายหนุ่มจึงรีบผลักหญิงสาวออกอย่างไว ก่อนจะตรงดิ่งมายังบุรุษที่กำลังหน้าบึ้ง“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”แต่แล้วใครอีกคนกลับไม่พูดอะไร“นายอย่าเงียบแบบนี้สิ ฉันไม่ชอบ”“ก็ผมไม่ได้บอกให้คุณต้องชอบ คุณจะจูบหรืออะไรกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย .. ผมเหนื่อย ง่วงแล้ว จะกลับ”‘โกรธทีไร สรรพนามแทนตัวเองเปลี่ยนทุกครั้งเลยนะ’ คนตัวสูงคิดคนแอบงอแงก็แอบวีนใส่ร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว“งั้นกลับด้วยกัน”“ได้ไง นี่วันเกิดแฟนนายนะ อีกอย่างผมโอเค”ทามไทไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาฝากบอกเพื่อนของลลินดาว่าเมามาก ขอตัวกลับก่อน ก่อนจะดึงกระชากลากถูชายหนุ่มอีกค
สองหนุ่มในชุดสูทสีดำกับเสื้อเชิตตัวในสีขาวแบบฉบับเท่หรู มันเป็นการแต่งสูทแบบเรียบๆ ที่ไม่เน้นเนกไท หรือโบว์อะไรมาผูกติด พวกเขาเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน แน่นอนว่าเรื่องความหล่อ ไม่มีใครกินขาดทันทีที่ลลินดามองเห็นดอกไม้ช่อใหญ่สีแดงกับ paper bag สีดำ งานถูกจัดที่เอ็กซ์บาร์ มันเป็นร้านสไตล์ยุโรปแบบ outdoor แขกเหรื่อที่มาในงานมีแต่แบบเอ็กซ์คลูซีฟลลินดาในธีมชุดราตรีสีแดง ให้เข้ากับธีมงานในสีแดงดำ รูปร่างเพรียวระหง ตอนนี้ในมือของหญิงสาวถือดอกไม้สีแดงช่อใหญ่กับกระดาษห่อสีดำเคลือบทอง มันเป็นอะไรที่สวยสะดุดตาและเข้ากับชุดของเธอแบบสุดๆ ด้วยเช่นกันชายหนุ่มอีกคนยืนมองร่างสูงกำลังเดินควงสาวสวยไปต่อหน้า จู่ๆ อาการมันก็หึงหวงออกมาแปลกๆ ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดอะไร เพื่อนๆ ของหญิงสาวก็กรูกันเข้ามาทักทายเพทายกันใหญ่ เพราะคนที่สูงถึง 187 ก็หน้าตาดีใช่ย่อย ไหนจะหุ่นล่ำแบบนายแบบทามไทเองก็หันชำเลืองมองมายังอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ ไม่ต่างกัน“ทามว่ามั้ย ทายนี่เสน่ห์แรงไม่เบา ดูเพื่อนๆ ของลลินสิ เล่นรุมหน้าล้อมหลังจนเขาจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”คนพูดถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ต่างจากอีกคนที่เอาแต่นั่งหน้าบึ้ง“เฮ้!! ทา
“อ้าว อลิส นี่บังเอิญจังนะ”กลับเป็นหญิงสาวอีกคนเอ่ยทักขึ้นแน่นอนว่าพวกเขาต่างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว“มานั่งกับพวกพี่สิ” ลลินดาเอ่ยบอกกับหญิงสาวขณะที่คนทั้งสามก็ยืนคุยทักทายกันสักครู่ ทว่าหญิงสาวติดลูกค้าคนสำคัญ เธอจึงมาร่วมนั่งรับประทานอาหารด้วยไม่ได้“พอดีอลิสติดธุระน่ะค่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะคะ”เธอพูดพร้อมส่งสายตามายังเพทายเป็นพิเศษ“นี่อย่าบอกนะว่า พวกนาย …”ทามไทเอ่ยถามอย่างพอจะรู้ในคำตอบเพทายหันมามองก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ พยักหน้าน้อยๆ นั่นถือว่าเป็นคำตอบ“นายก็รู้ว่าที่บ้านของผมกับเธอเชียร์ให้พวกเราคบกันตั้งแต่เรียนอยู่ม.6”“นี่นายจะบอกว่า พวกนายคบกันแล้ว?”“อืมม ว่าที่คู่หมั้นผมน่ะ แต่ก็… ทานข้าวกันเถอะ”แต่แล้วเสียงของหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยดังขึ้น“โห!! นี่อลิสกับทายจะหมั้นกันแล้วหรอคะเนี่ย!!”สองหนุ่มหันมามองหญิงสาวด้วยท่าทีแปลกๆ เพราะเหมือนเธอจะสนิทกับอลิสอย่างไรอย่างนั้น เห็นดังนั้นเธอจึงรีบชิ่งตอบก่อน“จริงๆ ลลินกับอลิสเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะค่ะ ทามขา ดูเพื่อนเลขาสุดหล่อของคุณสิคะ กำลังจะหมั้น แล้วเมื่อไหร่จะเป็นคิวของเราบ้างละค๊าาาทาม …”พูดไปก็อ้อนไปมือไม้เกาะแ
“นายอย่าตื่นเต้นสิ ปล่อยตัวจอยๆ สบายๆ มันจะเจ็บแป๊บเดียว” คนร่างสูงกว่า 190 เอ่ยบอกกับคนตัวสูง 187“แต่ผมยังไม่ได้แตกใส่ปากนายเลยนะ นี่นายจะมาเล่นขี้โกงไม่ได้นะ” เขาเอ่ยทวงได้ฟังดังนั้นร่างหนาก็พลิกร่างบางให้หันมาด้านหน้า เขานั่งคุกเข่าอีกรอบ ก่อนที่ปากหนาร้อนจะตวัดจ้วงลงลิ้นอุ่นๆ ดูดดื่มเจ้าไซซ์ 58 อย่างถี่ระรัว ทำเอาอีกคนไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เพราะตอนนี้มีแค่เสียงครางอย่างลุ่มหลงเพียงเท่านั้น“ซี้ดดดด อื้มมม …. ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะทาม”“นายเงี่ยนใช่มั้ย บอกฉันสิ”ร่างหนาบังคับให้คนร่างบางกว่าเอ่ยพูด“ใช่”“ใช่อะไร? ”“อื้มม ผมเงี่ยน พอใจนายยัง ผมเงี่ยนมาก”ยิ่งเขาพูด ทามไทก็ยิ่งเร่งฝีปาก มือหนาก็บี้เขี่ยหัวนมชมพูน้อยๆ ของอีกคนไปด้วยอื้อออ …. อ๊าาาา …..ผู้ถูกกระทำต่างร้องครางอย่างทรมานและสุขสม เพทายหูอื้อตาลายไปหมด ได้ยินคือเสียงฉ่ำแฉะน้ำลายของอีกฝ่ายที่งับเจ้าแก่นกายอย่างคนกระสัน ชายหนุ่มร่างสูงจับเจ้าไซซ์ 58 ถอนออกจากโพรงปากอย่างช้าๆ ก่อนจะฟาดเข้ากับเรียวปากของตนเองไปหลายที จากนั้นก็งับมันเข้าอุ้งปากใหม่ด้วยความหื่นกระหาย“ทาม…. ผมไม่ไหว…”ยิ่งได้ยินดังนั้นนิ้วร้านก็พยายามแหย่ตร
อีกแล้วเหรอเพทายเดินเข้าไปและยื่นมือไปเปิดประตูออกมาช้าๆ ทว่าทามไทกลับไวกว่า เขารีบดึงมือชายหนุ่มอีกคนเข้าไปด้านในอย่างไวคนทั้งคู่จ้องมองตากัน ตอนนี้พวกเขาแทบจะหยุดหายใจก็ว่าได้ เมื่อจู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่ทั้งคู่ต่างก็เคยเป็นครั้งแรกของกันและกันย้อนกลับไปสมัยมหาลัย (11 ปีก่อน)“นายอยากลองจริงๆ หรอทาม?”เสียงของเพทายเอ่ยถามเพื่อนสนิท ที่คิดไม่ซื่อ เมื่อครั้งนั้นพวกเขาต่างได้ย้ายมาอยู่คอนโดด้วยกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า หอพักของเพทายต้องถูกรื้อทำใหม่ และช่วงนั้นเขาก็หาที่พักไม่ทัน เพราะมันปุบปับมาก ทามไทจึงเสนอให้มาพักกับตนเอง ตอนนี้ก็เรียนอยู่ปีสี่แล้ว ถ้าจะมีปัญหามันก็ใกล้จะจบ อีกทั้งที่เพทายไม่อยากจะสุงสิงกับทามไทเท่าไหร่ เพราะเวลาใกล้กัน ชายหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตเขารู้สึกอยากถูกเนื้อต้องตัวของเจ้าของคอนโด อยากอยู่ใกล้ๆ และหลายต่อหลายครั้งที่ก็เผลอลอบมองริมฝีปากปากของอีกฝ่าย และก็ลอบกลืนน้ำลายอยู่บ่อยๆ“ก็ที่นายเอาแต่จ้องฉัน ก็ไม่ใช่อยากจะลองรึไง”เสียงของทามไทเอ่ยตอบแต่แล้วมีหรือที่อีกฝ่ายจะหนีพ้น เพราะตอนนี้นอกจากพวกเขาจะเมาแล้ว ก็ยังอยากเล่นอะไรกันห่ามๆ นั่นก็คือเกมเจ้าปัญห
บริษัทในเครืออุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอะไหล่และไมโครชิฟเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในประเทศที่มีผู้ถือหุ้นมากกว่า 15 ประเทศทั่วโลกเพทาย ฝีมือฉมังเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ ก็คงไม่แปลกที่จะถูกคัดเลือกให้เป็นผู้ช่วยหน้าใหม่ไฟแรง เขากำลังรอการกลับมาของนักบริหารหนุ่มเพื่อมารับตำแหน่งที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะสนิทกันมากในเมื่อครั้งอดีต แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไป ใครเล่าจะไปรู้ได้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังสนิทกันเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าทามไทเป็นคนติดดิน อยู่ง่ายกินง่าย ใช้รถยุโรปรุ่นธรรมดา จบปริญญาตรีในไทย จากนั้นบิดามารดาก็พาเขากลับอิตาลีเพื่อไปเรียนต่อโท และต่อเอกที่สหรัฐอเมริกา การใช้ชีวิตของเขาจึงผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายในขณะที่อีกคนก็เรียนต่อด้านไมโครชิฟที่ไต้หวัน เพราะไต้หวันเองก็เป็นประเทศที่เก่งด้านไมโครชิฟรองลงมาจากค่ายยักษ์ใหญ่ที่อเมริกา ด้วยฐานะทางบ้านของเพทายก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งแต่ถ้าเทียบแล้วก็ถือว่าสู้ใครอีกคนไม่ได้“คุณเพทาย สวัสดีค่ะ”ทันทีที่สาวสวยฝ่ายการตลาดอย่างพินทุอรเห็นชายหนุ่มหุ่นล่ำเนื้อแน่นตัวสูงราว 187 เซนติเมตรเดินเข้ามาบริษัทแต่เช้า แม้เวลาเข้างานจะ 8:30 น. ทว่าผู้คนเริ่มทยอยมาส
บนเครื่องบินผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสที่กำลังถูกให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ชายหนุ่มที่เดินทางจากเที่ยวบินตรงจากมิลานอิตาลีมายังสุวรรณภูมิ หยิบรับเอาแก้วไวน์ขึ้นกระดกดื่ม ไฟล์ทนี้คงอีกราวๆ 10 กว่าชั่วโมงก่อนจะถึง เขาปลดเข็มขัดทันทีที่ไฟสัญญาณดับลง แล้วนั่งดื่มหันหน้ามองออกไปด้านนอกหน้าต่างด้านหน้าตอนนี้ยังคงเห็นวิวเมืองที่เครื่องพึ่งจะเทคออฟไปเมื่อครู่ ก่อนที่มันจะค่อยๆ หายเข้ากลีบมวลเมฆที่เห็นเป็นแค่สีขาว เขาเดินทางไฟล์ทเช้า กะว่าถึงกรุงเทพก็ดึกจะได้เข้านอนเก็บแรงไว้ไปงานวันเกิดของลลินดาต่อในวันรุ่งขึ้น หญิงสาวที่ทางครอบครัวเลือกสรรให้ และลลินดาก็เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มของเขากับเพทาย เมื่อสมัยเรียนมหาลัยเอกชนชื่อดังด้วยกันที่เมืองไทย พ่อแม่ของพวกเขาต่างเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ในแง่ธุรกิจบางทีก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะให้สองครอบครัวอยากเป็นปึกแผ่นเดียวกันคิดเรื่องนี้ทีไร ชายหนุ่มก็ข่มตาลงอย่างช้าๆ อีกทั้งตอนนี้ทามไทเอง ก็ไม่มีท่าทีว่าจะอยากลงหลักปักฐานกับใครเป็นตัวเป็นตนจริงๆ จังๆ สักที เขาไม่เคยพาใครเข้าบ้านทั้งๆ ตอนนี้อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ปีนี้เขา 34 แล้ว“สเต๊กริบอายรมควัน