“นายอย่าตื่นเต้นสิ ปล่อยตัวจอยๆ สบายๆ มันจะเจ็บแป๊บเดียว” คนร่างสูงกว่า 190 เอ่ยบอกกับคนตัวสูง 187
“แต่ผมยังไม่ได้แตกใส่ปากนายเลยนะ นี่นายจะมาเล่นขี้โกงไม่ได้นะ” เขาเอ่ยทวง ได้ฟังดังนั้นร่างหนาก็พลิกร่างบางให้หันมาด้านหน้า เขานั่งคุกเข่าอีกรอบ ก่อนที่ปากหนาร้อนจะตวัดจ้วงลงลิ้นอุ่นๆ ดูดดื่มเจ้าไซซ์ 58 อย่างถี่ระรัว ทำเอาอีกคนไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เพราะตอนนี้มีแค่เสียงครางอย่างลุ่มหลงเพียงเท่านั้น “ซี้ดดดด อื้มมม …. ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะทาม” “นายเงี่ยนใช่มั้ย บอกฉันสิ” ร่างหนาบังคับให้คนร่างบางกว่าเอ่ยพูด “ใช่” “ใช่อะไร? ” “อื้มม ผมเงี่ยน พอใจนายยัง ผมเงี่ยนมาก” ยิ่งเขาพูด ทามไทก็ยิ่งเร่งฝีปาก มือหนาก็บี้เขี่ยหัวนมชมพูน้อยๆ ของอีกคนไปด้วย อื้อออ …. อ๊าาาา ….. ผู้ถูกกระทำต่างร้องครางอย่างทรมานและสุขสม เพทายหูอื้อตาลายไปหมด ได้ยินคือเสียงฉ่ำแฉะน้ำลายของอีกฝ่ายที่งับเจ้าแก่นกายอย่างคนกระสัน ชายหนุ่มร่างสูงจับเจ้าไซซ์ 58 ถอนออกจากโพรงปากอย่างช้าๆ ก่อนจะฟาดเข้ากับเรียวปากของตนเองไปหลายที จากนั้นก็งับมันเข้าอุ้งปากใหม่ด้วยความหื่นกระหาย “ทาม…. ผมไม่ไหว…” ยิ่งได้ยินดังนั้นนิ้วร้านก็พยายามแหย่ตรงรูร่องจากทางด้านหลัง เขาแหย่เข้ามาข้างในจนสุดปลายนิ้ว คนร่างบอบบางกว่ากำลังเคลิ้มเสียวจากทางด้านหน้าจนลืมความเจ็บปวดที่คนร่างหนาพยายามยัดเยียดให้ แพะ … แพะ … เสียงนิ้วหนากระแทกเข้าช่องทางด้านหลัง ในขณะที่เรียวปากยังคงกลืนกินแท่งเอ็นอย่างไม่ให้ขาดจังหวะ เสียงลมหายใจของคนร่างบางเริ่มหอบกระชั้นหนักขึ้นเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านเข้ามาครอบครอบ เพทายเริ่มจะยืนไม่อยู่ ร่างกายมันสั่นสะท้ายไปทั้งตัว “ทามครับ… ผมไม่ไหว… อื้ออ…” ยิ่งได้ยินคนตัวร้ายก็ยิ่งเร่งฝีปาก เขาถอนริมฝีปากออกจากหัวหยัก ก่อนจะงับมันเข้าไปใหม่จนสุดโคน “อื้มม ทำไมนายเก่งจังทาม นายทำแบบนี้เก่งชะมัด อื้มมมม เร็วๆ หน่อยทาม … เร็วอีก ผม… เอื้อออ ผมจะ.. แตก …” ในที่สุดเพทายก็ชักเกร็งกระตุกไปหลายที คนตัวสูงยังคงอมน้ำสีขุ่นไว้ในอุ้งปาก ก่อนจะค่อยๆ กลืนมันลงคอ ความรู้สึกตอนนั้นคือ มันคาวมาก แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้มันทำให้เขาเลือกที่จะกลืนมันลงคอไปจนเกลี้ยง และตามมาด้วยช่วยดูดเลียหัวและลอบลำทำความสะอาดให้อีกฝ่ายจนเอี่ยมอ่อง เพทายที่เอาแต่อึ้งค้างกับสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำ “นายกลืนมันลงไปได้ยังไง?” “ก็ถ้ามันเป็นของนาย ฉันกลืนได้ทั้งนั้นแหละ นายอยากจะลองกลืนบ้างมั้ยล่ะ รอบแรกให้นายกลืนแบบฉัน รอบสองให้ฉันแตกใส่ก้นนาย ส่วนนายจะอยากแตกใส่ก้นฉันหรืออยากให้ฉันช่วยดูดแบบเดิม ได้หมด” พูดจบเพียงเท่านั้นเขาก็จับร่างของคนที่พึ่งเสร็จหมาดๆ ให้นอนคว่ำอีกรอบ ตอนนี้เขาก็จัดให้อีกคนอยู่ในท่าหมา ก่อนที่ลิ้นอุ่นหนาจะตวัดปลายลิ้นแข็งๆ ละเลงเข้าที่ช่องทางคับแคบด้านหลัง ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็ใช้นิ้วหนาจ้วงสวนมาบ้างแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆ พรมจนน้ำลายเหนียวๆ เฉอะแฉะชุ่มฉ่ำทั่วช่องทางคับแน่น “ทาย..ฉันไม่ไหว ขอยัดนายเลยนะ” มือหนาจับเอาเจ้าแท่งเอ็นที่ตอนนี้มันปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด ขนาดไซซ์ 60 ความยาวเท่าๆ กับคืบมือหนาของเขา เขาบดเบียดยัดเยียดหัวบานที่มีน้ำใสเมือกตรงปลายดอก ถูไถร่องรักของชายหนุ่มจากทางด้านหลังอย่างเชื่องช้าและใจเย็น ก่อนค่อยๆ กดดุนแท่งนั้นเข้ามา “อ๊ะ!!! ผมเจ็บ เดี๋ยวก่อนสินาย” แต่ด้วยความกระสันอยากของทามไท ทำเอาคนร่างใหญ่ไม่ฟัง เขากดเจ้าไซซ์ยักษ์เข้ามาด้านในเพียงพริบตาเดียว กึก!!! “โอ๊ยย!! ผมเจ็บ!!” ชายหนุ่มแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินข้างแก้ม ชายหนุ่มพยายามดันกายของใครอีกคนเอาเจ้าไซซ์ยักษ์นั้นออก มันเจ็บมันปวดหนึบมาถึงบริเวณท้องน้อย “ทาม ผมไม่ไหว นายหยุดก่อนได้มั้ย” คนอยากก็คิดแต่จะเอาอย่างไม่บันยะบันยัง ส่วนคนเจ็บก็เจ็บอุจจาระแทบเล็ด ในที่สุดทามไทก็ต้องปล่อยให้อีกคนไปเข้าห้องน้ำ เพราะทนไม่ไหว ข้างหลังมันเหมือนจะเล็ด ชายหนุ่มก้มลงมองรอยเลือดที่เปื้อนเบาะ แม้มันจะเป็นเบาะหนังสีดำ ทว่าเขากลับดูออก ก่อนจะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่ทำลงไป ปังๆๆ “นายล็อกห้องน้ำทำไม ทาย? ..เพทาย!! นายยังโอเคอยู่รึเปล่า!!” เมื่อเห็นว่ามันนานสักพักแล้ว ใครอีกคนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมา เขาจึงใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไปด้านใน “เชี่ย!! แม่งเอ้ย!!” ร่างหนาถึงกับสบถด้วยความตกใจ เพราะใครอีกคนหน้าซีดเป็นลมล้มฟุบลงใกล้ๆ อ่าง เขาช้อนอุ้มชายหนุ่มขึ้นมาก่อนจะพาเดินไปยังห้องนอน ก่อนจะค่อยๆ วางเพทายลงอย่างเบามือ ตอนนี้เลือดของเพทายยังคงไหลจากช่องทางด้านหลังไม่หยุด เขาจะรู้ไหมว่าเพราะขนาดที่ใหญ่เกินไปของตัวเอง มันทำให้ใครอีกคนถึงกับหน้ามืดเป็นลมหมดสติ ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบก่อนจะเอากะละมังกับน้ำอุ่นๆ พร้อมด้วยผ้าผืนเล็กเดินเข้ามายังเตียงใหญ่ เขาบรรจงเช็ดทำความสะอาดให้ร่างที่ยังนอนไม่ได้สติ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงละเมอออกมาเบาๆ “ผมเจ็บ” นิ้วเรียวหนาค่อยๆ เกลี่ยน้ำตาให้ จากนั้นเขาก็บรรจงเช็ดทำความสะอาดตรงช่องทางคับแคบให้ร่างที่นอนหลับใหลต่อ ชายหนุ่มถือกะละมังไปเปลี่ยนน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า จากน้ำสีชมพูแดง ที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ก่อนน้ำที่สามจะเริ่มเป็นสีใสขึ้นมาบ้าง เขาบรรจงเช็ดอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีท่าทีรังเกียจแต่อย่างใด ไม่นานร่างหนาก็เดินไปยังตู้ยา ก่อนจะคว้านหายาแก้ปวดและแก้ไข้ เขาถือยามาพร้อมกับแก้วน้ำในมือ ก่อนจะค่อยๆ วางมันลงข้างๆ เตียง แล้วพยุงร่างของคนละเมอขึ้นมา “ทานยาหน่อยนะเด็กดี” เขาค่อยๆ สอดยาเข้าอุ้งปาก ก่อนจะยกแก้วให้อีกคนกระดกน้ำตามไป จากนั้นชายหนุ่มก็ค่อยๆ วางร่างบางที่ยังคงหลับใหลนอนลงตามเดิม มือหนาไม่ลืมที่จะยกขึ้นมาปาดคราบน้ำตาให้อีกรอบ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ โน้มตัวลงนอนข้างๆ พร้อมกับกอดร่างของอีกคนเอาไว้ ตัดมา ณ. ปัจจุบัน “นายกดอินเตอร์คอมเรียกผมมีอะไรงั้นหรอทาม อืม ไม่สิ งั้นหรือครับบอส” เสียงของใครอีกคนทำเอาทามไทถึงกับกลั้นขำในลำคอ “เรียกฉันแบบเดิมแหละดีแล้ว อยู่ต่อหน้าฉันนายไม่ต้องพิธีรีตองอะไร” ทั้งคู่ปล่อยให้บรรยากาศเป็นเดทแอร์อีกครั้ง จริงๆ แล้วคนทั้งคู่ต่างไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เราคบกันหรือยัง แล้วสถานะของเรามันคืออะไรกันแน่ มารู้ตัวอีกที ทุกคนก็ต่างพากันแยกย้าย ห่างหายกันไปแบบ งงๆ ไม่มีคอนแท็คใดๆ เอาไว้สำหรับติดต่อ แม้มันจะผ่านมานานแล้ว แต่เหมือนกับว่าคนทั้งคู่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวใจของกันและกัน และไม่เคยลืมมันได้ลง ทามไทเองก็คบผู้หญิงอย่างกับผักกับปลา มีบ้างที่ลองไปกับหนุ่มบาร์โฮส เขามั่นใจว่าตัวเองไม่น่าจะชอบผู้ชาย เพราะไม่งั้นเขาจะจิ้มกับผู้หญิงทำไมกันล่ะ ต่างจากใครอีกคน ที่ยังคงความบริสุทธิ์เอาไว้ เขาไม่เคยเกินเลยกับว่าที่คู่หมั้น อย่าง อลิส เลยแม้แต่ครั้ง ถึงแม้เธอจะสวยดูดี จนบางครั้งบางทีสาวเจ้าก็อดสงสัยไม่ได้เลยว่าจริงๆ แล้วเขาชอบผู้หญิงหรือเปล่า ถ้าดูจากภายนอกแล้ว เป็นใครก็คงดูไม่ออกหรอกว่าพวกเขาเคยมีอะไรกับเพศเดียวกัน เพราะหน้าตาที่ออกจะหล่อ เท่ สมาร์ช ไม่มีตุ้งติ้งตุ๊ดแต๋วออกเลยแม้แต่น้อย “จะยืนจ้องหน้าฉันอีกนานมั้ยครับ คุณเลขา” เขาเก็บคำว่าที่รักเอาไว้ในใจ “อ่อ ครับ … บอสเรียกผมมีอะไรงั้นหรอครั้บ?” ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะได้เอ่ยอะไร เสียงอินเตอร์คอมที่ถูกต่อตรงเข้ามายังด้านในก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ครับ” เขาขานรับทันทีที่รับสาย “บอสคะ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาคุณค่ะ เธอให้แจ้งว่าชื่อลลินดาค่ะ” ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ทามไทก็ตอบกลับไปว่า “ให้เธอเข้ามาได้” หญิงสาวอายุ 34 เท่ากันกับสองหนุ่มหล่อ เธอสูง 170 หน้าตาดีแบบฉบับลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น แม้อายุอานามจะปูนนี้แล้วแต่หลายคนนักที่มักจะทักผิดอยู่บ่อยๆ คิดว่าหญิงสาวอายุยี่สิบกลางๆ เธอจบดีกรีโทจากอังกฤษ และกำลังจะจบ ดร.อีกไม่ช้านี้ เก่ง ฉลาด ที่สำคัญคือหน้าตาสวยมาก เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาด้านใน ก่อนจะเจอกับสองหนุ่มหล่อ ‘แม่เจ้าโว้ย ลูกบ้านไหนกันละเนี่ย ทามไทว่าหล่อแล้ว เจอเลขาของเขาเข้าไป คือโคตรหล่อ’ แต่พอมองชัดๆ อ้าว!! “อ้าว เพทาย อย่าบอกนะนั่นว่านายจริงๆ? ” “เฮ้ย ลลิน เธอจริงๆ หรอเนี่ย!!” คนทั้งสามต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะพวกเขาต่างเคยเรียนในรั้วมหาลัยเดียวกันมาก่อน ก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยถามทั้งคู่ขึ้นว่า “ลลินมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าคะ? ” หญิงสาวพูดอย่างหน้าตาเหลอหลา “เปล่าครับ … ลลินมาก็ดีเลย จะได้ออกไปงานคืนนี้พร้อมกัน อ้อ … ฉันจะได้ให้เจ้าเลขาส่วนตัวไปด้วยน่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับลลินดา “ก็ดีสิคะ คนกันเองทั้งนั้น ไปกันเยอะๆ สนุกจะตาย” “แล้วนี่ทายมีแฟนรึยังคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างถือวิสาสะด้วยความเคยสนิทสนมกันมาก่อน “อ้อ…” ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยตอบ แต่แล้วก็ถูกคนตัวสูงที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นก่อน “คืนนี้ที่โรงแรมเอ็กซ์บาร์ มีจัดปาร์ตี้วันเกิดของลลิน นายต้องไปกับพวกเราด้วย ส่วนชุดเดี๋ยวสักพักจะมีคนส่งมา” เขาเอ่ยบอกกับเลขาคนใหม่ “ทามขา กว่าจะถึงมื้อเย็น ลลินว่า..” หญิงสาวพูดเสียงลากยาวนิ้วชี้ค่อยๆ ไล้จากกลางอกลงมายังด้านล่าง ก่อนว่า “เราไปหาอะไรกินกันก่อนมั้ยคะ รองท้องสักหน่อย” “อืม … ก็ดี งั้นนายก็ไปกับพวกฉันด้วยสิคุณเลขาคนใหม่” เขาออกคำสั่งอย่างไม่รอคำตอบจากเลขาหมาดๆ ก่อนที่ทั้งสามจะเดินตามกันมา ซึ่งเพทายเดินอยู่ท้ายสุด แม่ง น่าอึดอัดเป็นบ้า เอาผมมาทำอะไรวะครับเนี่ย หงุดหงิดชิบหาย คนตัวสูงกว่า 187 บ่นพึมพำในใจ ไม่นานนักพวกเขาก็ลงจากลีมูซีนคันหรูมายังร้านอาหารระดับ 7 ดาว และพนักงานก็พาเดินไปตรงโซนที่จองเอาไว้ มันเป็นแบบ outdoor แต่ไม่ open air ซึ่งบรรยากาศในตัวร้านถูกตกแต่งอย่างดี ด้านนอกนั้นยังถูกห่อหุ้มด้วยกระจกใสแบบ 360 องศา ซึ่งยังคงเน้นให้เห็นวิวเมือง และแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลเป็นสาย คนที่เริ่มอึดอัดเพราะเหมือนตัวเองมาทำบ้าอะไรก็ไม่รู้จึงได้เอ่ยขึ้น “ทาม ผมว่าพวกคุณทานกันเลยนะครับ เดี๋ยวผมขอเดินชมอะไรที่ด้านนอกดีกว่า คือผมยังไม่หิวน่ะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกอย่างสุภาพ ทว่าทามไทกลับมีสีหน้าบึ้งตึงใส่เล็กน้อย ส่วนลลินดาเองก็อยากให้เลขาคนใหม่มานั่งด้วยซะมากกว่า การที่เธอถูกสองหนุ่มหล่อรายล้อม มันช่างน่าตื่นเต้นดี ก็เมื่อก่อนเธอเคยเลือกไม่ได้นี่นาว่าจะคบใคร เพราะเพื่อนชายของเธอต่างดูดีด้วยกันทั้งคู่ แต่ในที่สุดเธอก็เลือกทามไท เพราะครอบครัวสนิทกันและรายนั้นเขาก็รวยกว่า ระหว่างทางที่เดินเข้าร้านมา ก็มีแต่สายตาที่มองมาแบบอิจฉาเจ้าหล่อน เธอชอบที่จะควงสองหนุ่มนี่ไปไหนมาไหนพร้อมกัน แต่ทันใดนั้นเอง เสียงของสาวสวยคนหนึ่งก็เอ่ยดังขึ้นมาเสียก่อน “อ้าวพี่เพทาย …” “อลิส!!” เสียงของอลิสรุ่นน้องหญิงสาววัย 26 ที่ตอนนี้กำลังคบหาดูใจกับเพทายอยู่ ที่บ้านของทั้งสองต่างทำธุรกิจอสังหาด้วยกัน หมู่บ้านที่พวกเขาอยู่ก็เป็นหมู่บ้านโครงการเดียวกัน ฉะนั้นแล้วที่บ้านของทั้งคู่จึงเชียร์ให้คนทั้งสองลงเอย แต่จนแล้วจนเล่าชายหนุ่มก็ยังคงมองเธอเป็นเพียงน้องสาวแค่เท่านั้น คนทั้งสี่ต่างยืนจ้องมองกันด้วยความนิ่งอึ้ง“อ้าว อลิส นี่บังเอิญจังนะ”กลับเป็นหญิงสาวอีกคนเอ่ยทักขึ้นแน่นอนว่าพวกเขาต่างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว“มานั่งกับพวกพี่สิ” ลลินดาเอ่ยบอกกับหญิงสาวขณะที่คนทั้งสามก็ยืนคุยทักทายกันสักครู่ ทว่าหญิงสาวติดลูกค้าคนสำคัญ เธอจึงมาร่วมนั่งรับประทานอาหารด้วยไม่ได้“พอดีอลิสติดธุระน่ะค่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะคะ”เธอพูดพร้อมส่งสายตามายังเพทายเป็นพิเศษ“นี่อย่าบอกนะว่า พวกนาย …”ทามไทเอ่ยถามอย่างพอจะรู้ในคำตอบเพทายหันมามองก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ พยักหน้าน้อยๆ นั่นถือว่าเป็นคำตอบ“นายก็รู้ว่าที่บ้านของผมกับเธอเชียร์ให้พวกเราคบกันตั้งแต่เรียนอยู่ม.6”“นี่นายจะบอกว่า พวกนายคบกันแล้ว?”“อืมม ว่าที่คู่หมั้นผมน่ะ แต่ก็… ทานข้าวกันเถอะ”แต่แล้วเสียงของหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยดังขึ้น“โห!! นี่อลิสกับทายจะหมั้นกันแล้วหรอคะเนี่ย!!”สองหนุ่มหันมามองหญิงสาวด้วยท่าทีแปลกๆ เพราะเหมือนเธอจะสนิทกับอลิสอย่างไรอย่างนั้น เห็นดังนั้นเธอจึงรีบชิ่งตอบก่อน“จริงๆ ลลินกับอลิสเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะค่ะ ทามขา ดูเพื่อนเลขาสุดหล่อของคุณสิคะ กำลังจะหมั้น แล้วเมื่อไหร่จะเป็นคิวของเราบ้างละค๊าาาทาม …”พูดไปก็อ้อนไปมือไม้เกาะแ
สองหนุ่มในชุดสูทสีดำกับเสื้อเชิตตัวในสีขาวแบบฉบับเท่หรู มันเป็นการแต่งสูทแบบเรียบๆ ที่ไม่เน้นเนกไท หรือโบว์อะไรมาผูกติด พวกเขาเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน แน่นอนว่าเรื่องความหล่อ ไม่มีใครกินขาดทันทีที่ลลินดามองเห็นดอกไม้ช่อใหญ่สีแดงกับ paper bag สีดำ งานถูกจัดที่เอ็กซ์บาร์ มันเป็นร้านสไตล์ยุโรปแบบ outdoor แขกเหรื่อที่มาในงานมีแต่แบบเอ็กซ์คลูซีฟลลินดาในธีมชุดราตรีสีแดง ให้เข้ากับธีมงานในสีแดงดำ รูปร่างเพรียวระหง ตอนนี้ในมือของหญิงสาวถือดอกไม้สีแดงช่อใหญ่กับกระดาษห่อสีดำเคลือบทอง มันเป็นอะไรที่สวยสะดุดตาและเข้ากับชุดของเธอแบบสุดๆ ด้วยเช่นกันชายหนุ่มอีกคนยืนมองร่างสูงกำลังเดินควงสาวสวยไปต่อหน้า จู่ๆ อาการมันก็หึงหวงออกมาแปลกๆ ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดอะไร เพื่อนๆ ของหญิงสาวก็กรูกันเข้ามาทักทายเพทายกันใหญ่ เพราะคนที่สูงถึง 187 ก็หน้าตาดีใช่ย่อย ไหนจะหุ่นล่ำแบบนายแบบทามไทเองก็หันชำเลืองมองมายังอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ ไม่ต่างกัน“ทามว่ามั้ย ทายนี่เสน่ห์แรงไม่เบา ดูเพื่อนๆ ของลลินสิ เล่นรุมหน้าล้อมหลังจนเขาจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”คนพูดถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ต่างจากอีกคนที่เอาแต่นั่งหน้าบึ้ง“เฮ้!! ทา
“ลลินตามหาทามตั้งนาน แล้วนี่เลขาสุดหล่อของนายล่ะ? ” หญิงสาวเอ่ยแหย่เพื่อนชายอีกคนพอได้ยินคำว่าสุดหล่อก็ตงิดๆ อยู่ไม่หาย แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องกลั้นใจตอบ อีกอย่างเขารู้ว่าลลินคงแค่แหย่โดยไม่คิดอะไร เธอคงแค่เย้าแหย่เหมือนที่ผ่านมา“เห็นไปรับลมแถวๆ สระหน่ะ นี่ลลิลเมาหรอครับ หน้าแดงเชียว? ”ที่ถามเพราะใบหน้าเธอแดงก่ำมากจริงๆ และตอนนี้นี่เองที่หญิงสาวก็ถือวิสาสะเข้าไปจุ๊บที่ปากของชายหนุ่มอย่างเผลอไผล ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นว่ามีใครอีกคนคอยจ้องมองคนทั้งคู่อยู่ ชายหนุ่มจึงรีบผลักหญิงสาวออกอย่างไว ก่อนจะตรงดิ่งมายังบุรุษที่กำลังหน้าบึ้ง“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”แต่แล้วใครอีกคนกลับไม่พูดอะไร“นายอย่าเงียบแบบนี้สิ ฉันไม่ชอบ”“ก็ผมไม่ได้บอกให้คุณต้องชอบ คุณจะจูบหรืออะไรกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย .. ผมเหนื่อย ง่วงแล้ว จะกลับ”‘โกรธทีไร สรรพนามแทนตัวเองเปลี่ยนทุกครั้งเลยนะ’ คนตัวสูงคิดคนแอบงอแงก็แอบวีนใส่ร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว“งั้นกลับด้วยกัน”“ได้ไง นี่วันเกิดแฟนนายนะ อีกอย่างผมโอเค”ทามไทไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาฝากบอกเพื่อนของลลินดาว่าเมามาก ขอตัวกลับก่อน ก่อนจะดึงกระชากลากถูชายหนุ่มอีกค
บนเครื่องบินผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสที่กำลังถูกให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ชายหนุ่มที่เดินทางจากเที่ยวบินตรงจากมิลานอิตาลีมายังสุวรรณภูมิ หยิบรับเอาแก้วไวน์ขึ้นกระดกดื่ม ไฟล์ทนี้คงอีกราวๆ 10 กว่าชั่วโมงก่อนจะถึง เขาปลดเข็มขัดทันทีที่ไฟสัญญาณดับลง แล้วนั่งดื่มหันหน้ามองออกไปด้านนอกหน้าต่างด้านหน้าตอนนี้ยังคงเห็นวิวเมืองที่เครื่องพึ่งจะเทคออฟไปเมื่อครู่ ก่อนที่มันจะค่อยๆ หายเข้ากลีบมวลเมฆที่เห็นเป็นแค่สีขาว เขาเดินทางไฟล์ทเช้า กะว่าถึงกรุงเทพก็ดึกจะได้เข้านอนเก็บแรงไว้ไปงานวันเกิดของลลินดาต่อในวันรุ่งขึ้น หญิงสาวที่ทางครอบครัวเลือกสรรให้ และลลินดาก็เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มของเขากับเพทาย เมื่อสมัยเรียนมหาลัยเอกชนชื่อดังด้วยกันที่เมืองไทย พ่อแม่ของพวกเขาต่างเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ในแง่ธุรกิจบางทีก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะให้สองครอบครัวอยากเป็นปึกแผ่นเดียวกันคิดเรื่องนี้ทีไร ชายหนุ่มก็ข่มตาลงอย่างช้าๆ อีกทั้งตอนนี้ทามไทเอง ก็ไม่มีท่าทีว่าจะอยากลงหลักปักฐานกับใครเป็นตัวเป็นตนจริงๆ จังๆ สักที เขาไม่เคยพาใครเข้าบ้านทั้งๆ ตอนนี้อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ปีนี้เขา 34 แล้ว“สเต๊กริบอายรมควัน
บริษัทในเครืออุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอะไหล่และไมโครชิฟเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในประเทศที่มีผู้ถือหุ้นมากกว่า 15 ประเทศทั่วโลกเพทาย ฝีมือฉมังเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ ก็คงไม่แปลกที่จะถูกคัดเลือกให้เป็นผู้ช่วยหน้าใหม่ไฟแรง เขากำลังรอการกลับมาของนักบริหารหนุ่มเพื่อมารับตำแหน่งที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะสนิทกันมากในเมื่อครั้งอดีต แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไป ใครเล่าจะไปรู้ได้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังสนิทกันเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าทามไทเป็นคนติดดิน อยู่ง่ายกินง่าย ใช้รถยุโรปรุ่นธรรมดา จบปริญญาตรีในไทย จากนั้นบิดามารดาก็พาเขากลับอิตาลีเพื่อไปเรียนต่อโท และต่อเอกที่สหรัฐอเมริกา การใช้ชีวิตของเขาจึงผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายในขณะที่อีกคนก็เรียนต่อด้านไมโครชิฟที่ไต้หวัน เพราะไต้หวันเองก็เป็นประเทศที่เก่งด้านไมโครชิฟรองลงมาจากค่ายยักษ์ใหญ่ที่อเมริกา ด้วยฐานะทางบ้านของเพทายก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งแต่ถ้าเทียบแล้วก็ถือว่าสู้ใครอีกคนไม่ได้“คุณเพทาย สวัสดีค่ะ”ทันทีที่สาวสวยฝ่ายการตลาดอย่างพินทุอรเห็นชายหนุ่มหุ่นล่ำเนื้อแน่นตัวสูงราว 187 เซนติเมตรเดินเข้ามาบริษัทแต่เช้า แม้เวลาเข้างานจะ 8:30 น. ทว่าผู้คนเริ่มทยอยมาส
อีกแล้วเหรอเพทายเดินเข้าไปและยื่นมือไปเปิดประตูออกมาช้าๆ ทว่าทามไทกลับไวกว่า เขารีบดึงมือชายหนุ่มอีกคนเข้าไปด้านในอย่างไวคนทั้งคู่จ้องมองตากัน ตอนนี้พวกเขาแทบจะหยุดหายใจก็ว่าได้ เมื่อจู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่ทั้งคู่ต่างก็เคยเป็นครั้งแรกของกันและกันย้อนกลับไปสมัยมหาลัย (11 ปีก่อน)“นายอยากลองจริงๆ หรอทาม?”เสียงของเพทายเอ่ยถามเพื่อนสนิท ที่คิดไม่ซื่อ เมื่อครั้งนั้นพวกเขาต่างได้ย้ายมาอยู่คอนโดด้วยกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า หอพักของเพทายต้องถูกรื้อทำใหม่ และช่วงนั้นเขาก็หาที่พักไม่ทัน เพราะมันปุบปับมาก ทามไทจึงเสนอให้มาพักกับตนเอง ตอนนี้ก็เรียนอยู่ปีสี่แล้ว ถ้าจะมีปัญหามันก็ใกล้จะจบ อีกทั้งที่เพทายไม่อยากจะสุงสิงกับทามไทเท่าไหร่ เพราะเวลาใกล้กัน ชายหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตเขารู้สึกอยากถูกเนื้อต้องตัวของเจ้าของคอนโด อยากอยู่ใกล้ๆ และหลายต่อหลายครั้งที่ก็เผลอลอบมองริมฝีปากปากของอีกฝ่าย และก็ลอบกลืนน้ำลายอยู่บ่อยๆ“ก็ที่นายเอาแต่จ้องฉัน ก็ไม่ใช่อยากจะลองรึไง”เสียงของทามไทเอ่ยตอบแต่แล้วมีหรือที่อีกฝ่ายจะหนีพ้น เพราะตอนนี้นอกจากพวกเขาจะเมาแล้ว ก็ยังอยากเล่นอะไรกันห่ามๆ นั่นก็คือเกมเจ้าปัญห
“ลลินตามหาทามตั้งนาน แล้วนี่เลขาสุดหล่อของนายล่ะ? ” หญิงสาวเอ่ยแหย่เพื่อนชายอีกคนพอได้ยินคำว่าสุดหล่อก็ตงิดๆ อยู่ไม่หาย แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องกลั้นใจตอบ อีกอย่างเขารู้ว่าลลินคงแค่แหย่โดยไม่คิดอะไร เธอคงแค่เย้าแหย่เหมือนที่ผ่านมา“เห็นไปรับลมแถวๆ สระหน่ะ นี่ลลิลเมาหรอครับ หน้าแดงเชียว? ”ที่ถามเพราะใบหน้าเธอแดงก่ำมากจริงๆ และตอนนี้นี่เองที่หญิงสาวก็ถือวิสาสะเข้าไปจุ๊บที่ปากของชายหนุ่มอย่างเผลอไผล ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นว่ามีใครอีกคนคอยจ้องมองคนทั้งคู่อยู่ ชายหนุ่มจึงรีบผลักหญิงสาวออกอย่างไว ก่อนจะตรงดิ่งมายังบุรุษที่กำลังหน้าบึ้ง“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”แต่แล้วใครอีกคนกลับไม่พูดอะไร“นายอย่าเงียบแบบนี้สิ ฉันไม่ชอบ”“ก็ผมไม่ได้บอกให้คุณต้องชอบ คุณจะจูบหรืออะไรกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย .. ผมเหนื่อย ง่วงแล้ว จะกลับ”‘โกรธทีไร สรรพนามแทนตัวเองเปลี่ยนทุกครั้งเลยนะ’ คนตัวสูงคิดคนแอบงอแงก็แอบวีนใส่ร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว“งั้นกลับด้วยกัน”“ได้ไง นี่วันเกิดแฟนนายนะ อีกอย่างผมโอเค”ทามไทไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาฝากบอกเพื่อนของลลินดาว่าเมามาก ขอตัวกลับก่อน ก่อนจะดึงกระชากลากถูชายหนุ่มอีกค
สองหนุ่มในชุดสูทสีดำกับเสื้อเชิตตัวในสีขาวแบบฉบับเท่หรู มันเป็นการแต่งสูทแบบเรียบๆ ที่ไม่เน้นเนกไท หรือโบว์อะไรมาผูกติด พวกเขาเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน แน่นอนว่าเรื่องความหล่อ ไม่มีใครกินขาดทันทีที่ลลินดามองเห็นดอกไม้ช่อใหญ่สีแดงกับ paper bag สีดำ งานถูกจัดที่เอ็กซ์บาร์ มันเป็นร้านสไตล์ยุโรปแบบ outdoor แขกเหรื่อที่มาในงานมีแต่แบบเอ็กซ์คลูซีฟลลินดาในธีมชุดราตรีสีแดง ให้เข้ากับธีมงานในสีแดงดำ รูปร่างเพรียวระหง ตอนนี้ในมือของหญิงสาวถือดอกไม้สีแดงช่อใหญ่กับกระดาษห่อสีดำเคลือบทอง มันเป็นอะไรที่สวยสะดุดตาและเข้ากับชุดของเธอแบบสุดๆ ด้วยเช่นกันชายหนุ่มอีกคนยืนมองร่างสูงกำลังเดินควงสาวสวยไปต่อหน้า จู่ๆ อาการมันก็หึงหวงออกมาแปลกๆ ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดอะไร เพื่อนๆ ของหญิงสาวก็กรูกันเข้ามาทักทายเพทายกันใหญ่ เพราะคนที่สูงถึง 187 ก็หน้าตาดีใช่ย่อย ไหนจะหุ่นล่ำแบบนายแบบทามไทเองก็หันชำเลืองมองมายังอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ ไม่ต่างกัน“ทามว่ามั้ย ทายนี่เสน่ห์แรงไม่เบา ดูเพื่อนๆ ของลลินสิ เล่นรุมหน้าล้อมหลังจนเขาจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”คนพูดถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ต่างจากอีกคนที่เอาแต่นั่งหน้าบึ้ง“เฮ้!! ทา
“อ้าว อลิส นี่บังเอิญจังนะ”กลับเป็นหญิงสาวอีกคนเอ่ยทักขึ้นแน่นอนว่าพวกเขาต่างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว“มานั่งกับพวกพี่สิ” ลลินดาเอ่ยบอกกับหญิงสาวขณะที่คนทั้งสามก็ยืนคุยทักทายกันสักครู่ ทว่าหญิงสาวติดลูกค้าคนสำคัญ เธอจึงมาร่วมนั่งรับประทานอาหารด้วยไม่ได้“พอดีอลิสติดธุระน่ะค่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะคะ”เธอพูดพร้อมส่งสายตามายังเพทายเป็นพิเศษ“นี่อย่าบอกนะว่า พวกนาย …”ทามไทเอ่ยถามอย่างพอจะรู้ในคำตอบเพทายหันมามองก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ พยักหน้าน้อยๆ นั่นถือว่าเป็นคำตอบ“นายก็รู้ว่าที่บ้านของผมกับเธอเชียร์ให้พวกเราคบกันตั้งแต่เรียนอยู่ม.6”“นี่นายจะบอกว่า พวกนายคบกันแล้ว?”“อืมม ว่าที่คู่หมั้นผมน่ะ แต่ก็… ทานข้าวกันเถอะ”แต่แล้วเสียงของหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยดังขึ้น“โห!! นี่อลิสกับทายจะหมั้นกันแล้วหรอคะเนี่ย!!”สองหนุ่มหันมามองหญิงสาวด้วยท่าทีแปลกๆ เพราะเหมือนเธอจะสนิทกับอลิสอย่างไรอย่างนั้น เห็นดังนั้นเธอจึงรีบชิ่งตอบก่อน“จริงๆ ลลินกับอลิสเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะค่ะ ทามขา ดูเพื่อนเลขาสุดหล่อของคุณสิคะ กำลังจะหมั้น แล้วเมื่อไหร่จะเป็นคิวของเราบ้างละค๊าาาทาม …”พูดไปก็อ้อนไปมือไม้เกาะแ
“นายอย่าตื่นเต้นสิ ปล่อยตัวจอยๆ สบายๆ มันจะเจ็บแป๊บเดียว” คนร่างสูงกว่า 190 เอ่ยบอกกับคนตัวสูง 187“แต่ผมยังไม่ได้แตกใส่ปากนายเลยนะ นี่นายจะมาเล่นขี้โกงไม่ได้นะ” เขาเอ่ยทวงได้ฟังดังนั้นร่างหนาก็พลิกร่างบางให้หันมาด้านหน้า เขานั่งคุกเข่าอีกรอบ ก่อนที่ปากหนาร้อนจะตวัดจ้วงลงลิ้นอุ่นๆ ดูดดื่มเจ้าไซซ์ 58 อย่างถี่ระรัว ทำเอาอีกคนไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เพราะตอนนี้มีแค่เสียงครางอย่างลุ่มหลงเพียงเท่านั้น“ซี้ดดดด อื้มมม …. ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะทาม”“นายเงี่ยนใช่มั้ย บอกฉันสิ”ร่างหนาบังคับให้คนร่างบางกว่าเอ่ยพูด“ใช่”“ใช่อะไร? ”“อื้มม ผมเงี่ยน พอใจนายยัง ผมเงี่ยนมาก”ยิ่งเขาพูด ทามไทก็ยิ่งเร่งฝีปาก มือหนาก็บี้เขี่ยหัวนมชมพูน้อยๆ ของอีกคนไปด้วยอื้อออ …. อ๊าาาา …..ผู้ถูกกระทำต่างร้องครางอย่างทรมานและสุขสม เพทายหูอื้อตาลายไปหมด ได้ยินคือเสียงฉ่ำแฉะน้ำลายของอีกฝ่ายที่งับเจ้าแก่นกายอย่างคนกระสัน ชายหนุ่มร่างสูงจับเจ้าไซซ์ 58 ถอนออกจากโพรงปากอย่างช้าๆ ก่อนจะฟาดเข้ากับเรียวปากของตนเองไปหลายที จากนั้นก็งับมันเข้าอุ้งปากใหม่ด้วยความหื่นกระหาย“ทาม…. ผมไม่ไหว…”ยิ่งได้ยินดังนั้นนิ้วร้านก็พยายามแหย่ตร
อีกแล้วเหรอเพทายเดินเข้าไปและยื่นมือไปเปิดประตูออกมาช้าๆ ทว่าทามไทกลับไวกว่า เขารีบดึงมือชายหนุ่มอีกคนเข้าไปด้านในอย่างไวคนทั้งคู่จ้องมองตากัน ตอนนี้พวกเขาแทบจะหยุดหายใจก็ว่าได้ เมื่อจู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่ทั้งคู่ต่างก็เคยเป็นครั้งแรกของกันและกันย้อนกลับไปสมัยมหาลัย (11 ปีก่อน)“นายอยากลองจริงๆ หรอทาม?”เสียงของเพทายเอ่ยถามเพื่อนสนิท ที่คิดไม่ซื่อ เมื่อครั้งนั้นพวกเขาต่างได้ย้ายมาอยู่คอนโดด้วยกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า หอพักของเพทายต้องถูกรื้อทำใหม่ และช่วงนั้นเขาก็หาที่พักไม่ทัน เพราะมันปุบปับมาก ทามไทจึงเสนอให้มาพักกับตนเอง ตอนนี้ก็เรียนอยู่ปีสี่แล้ว ถ้าจะมีปัญหามันก็ใกล้จะจบ อีกทั้งที่เพทายไม่อยากจะสุงสิงกับทามไทเท่าไหร่ เพราะเวลาใกล้กัน ชายหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตเขารู้สึกอยากถูกเนื้อต้องตัวของเจ้าของคอนโด อยากอยู่ใกล้ๆ และหลายต่อหลายครั้งที่ก็เผลอลอบมองริมฝีปากปากของอีกฝ่าย และก็ลอบกลืนน้ำลายอยู่บ่อยๆ“ก็ที่นายเอาแต่จ้องฉัน ก็ไม่ใช่อยากจะลองรึไง”เสียงของทามไทเอ่ยตอบแต่แล้วมีหรือที่อีกฝ่ายจะหนีพ้น เพราะตอนนี้นอกจากพวกเขาจะเมาแล้ว ก็ยังอยากเล่นอะไรกันห่ามๆ นั่นก็คือเกมเจ้าปัญห
บริษัทในเครืออุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอะไหล่และไมโครชิฟเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในประเทศที่มีผู้ถือหุ้นมากกว่า 15 ประเทศทั่วโลกเพทาย ฝีมือฉมังเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ ก็คงไม่แปลกที่จะถูกคัดเลือกให้เป็นผู้ช่วยหน้าใหม่ไฟแรง เขากำลังรอการกลับมาของนักบริหารหนุ่มเพื่อมารับตำแหน่งที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะสนิทกันมากในเมื่อครั้งอดีต แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไป ใครเล่าจะไปรู้ได้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังสนิทกันเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าทามไทเป็นคนติดดิน อยู่ง่ายกินง่าย ใช้รถยุโรปรุ่นธรรมดา จบปริญญาตรีในไทย จากนั้นบิดามารดาก็พาเขากลับอิตาลีเพื่อไปเรียนต่อโท และต่อเอกที่สหรัฐอเมริกา การใช้ชีวิตของเขาจึงผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายในขณะที่อีกคนก็เรียนต่อด้านไมโครชิฟที่ไต้หวัน เพราะไต้หวันเองก็เป็นประเทศที่เก่งด้านไมโครชิฟรองลงมาจากค่ายยักษ์ใหญ่ที่อเมริกา ด้วยฐานะทางบ้านของเพทายก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งแต่ถ้าเทียบแล้วก็ถือว่าสู้ใครอีกคนไม่ได้“คุณเพทาย สวัสดีค่ะ”ทันทีที่สาวสวยฝ่ายการตลาดอย่างพินทุอรเห็นชายหนุ่มหุ่นล่ำเนื้อแน่นตัวสูงราว 187 เซนติเมตรเดินเข้ามาบริษัทแต่เช้า แม้เวลาเข้างานจะ 8:30 น. ทว่าผู้คนเริ่มทยอยมาส
บนเครื่องบินผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสที่กำลังถูกให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ชายหนุ่มที่เดินทางจากเที่ยวบินตรงจากมิลานอิตาลีมายังสุวรรณภูมิ หยิบรับเอาแก้วไวน์ขึ้นกระดกดื่ม ไฟล์ทนี้คงอีกราวๆ 10 กว่าชั่วโมงก่อนจะถึง เขาปลดเข็มขัดทันทีที่ไฟสัญญาณดับลง แล้วนั่งดื่มหันหน้ามองออกไปด้านนอกหน้าต่างด้านหน้าตอนนี้ยังคงเห็นวิวเมืองที่เครื่องพึ่งจะเทคออฟไปเมื่อครู่ ก่อนที่มันจะค่อยๆ หายเข้ากลีบมวลเมฆที่เห็นเป็นแค่สีขาว เขาเดินทางไฟล์ทเช้า กะว่าถึงกรุงเทพก็ดึกจะได้เข้านอนเก็บแรงไว้ไปงานวันเกิดของลลินดาต่อในวันรุ่งขึ้น หญิงสาวที่ทางครอบครัวเลือกสรรให้ และลลินดาก็เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มของเขากับเพทาย เมื่อสมัยเรียนมหาลัยเอกชนชื่อดังด้วยกันที่เมืองไทย พ่อแม่ของพวกเขาต่างเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ในแง่ธุรกิจบางทีก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะให้สองครอบครัวอยากเป็นปึกแผ่นเดียวกันคิดเรื่องนี้ทีไร ชายหนุ่มก็ข่มตาลงอย่างช้าๆ อีกทั้งตอนนี้ทามไทเอง ก็ไม่มีท่าทีว่าจะอยากลงหลักปักฐานกับใครเป็นตัวเป็นตนจริงๆ จังๆ สักที เขาไม่เคยพาใครเข้าบ้านทั้งๆ ตอนนี้อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ปีนี้เขา 34 แล้ว“สเต๊กริบอายรมควัน