บทที่ 20 เศร้าหมอง
หน้าหนาว...
หนึ่งในฤดูที่เลวร้ายที่สุดสำหรับผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ ก่อนหนี้ไม่กี่สิบปีก่อนอาจจะไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่ห่างไกล และมีลำธารไหลพาดผ่านหลายสายใหญ่บ้างเล็กบ้างแล้วแต่ต้นน้ำว่ามาจากจุดไหน
แต่หลังจากที่ภัยพิบัติได้เริ่มขึ้นเมื่อสิบปีก่อน จากฤดูหนาวธรรมดาๆ ที่เพียงแค่มันจะกินเวลานานบ้างเร็วบ้าง แต่มันก็เพียงแค่ต้องเตรียมพร้อมเสบียงอาหารให้มากขึ้นก็เท่านั้น กลายเป็นฤดูหนาวที่เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นผลผลิตที่ลดลงตามความแห้งแล้งจนแทบไม่ได้เลยในปีหลังๆ มานี้ เป็นสิ่งที่ทำให้เพิ่มจำนวนคนตายมากขึ้นในทุกๆ ปี...
สำหรับหน้าหนาวที่ค่ำคืนจะยาวนานกว่ากลางวัน ในช่วงที่นานที่สุดอาจจะกินเวลากลางวันเกินไปถึงสองชั่วยาม เป็นช่วงเวลาที่ผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีอายุยืนยาวที่ไม่มีอาหารมากเพียงพอตายไปอย่างเงียบๆ ยิ่งเป็นหน้าหนาวที่ต้องประหยัดเนื่องจากไม่สามารถหาเสบียงอาหารได้อีก จะมีแค่นานๆ สักครั้งที่พวกเขาสามารถล่าสัตว์อสูรได้บ้าง แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะดูแลผู้คนในหมู่บ้านอยู่ดี โดยเฉพาะปีที่ผ่านมาผู้เฒ่ายายชราหลายสิบชีวิตได้นัดรวมกันเพื่อแอบไปหนาวตายรวมกันอย่างเงียบเชียบ เพียงเพื่อหวังว่าอาหารที่เหลืออยู่เพียงแค่น้อยนิด จะสามารถช่วยให้ครอบครัวหลุดพ้นจากหน้าหนาวที่ยาวขึ้นกว่าทุกปีให้ใด
ซึ่งเมื่อผู้คนในหมู่บ้านได้ยินเรื่องที่เด็กๆ เล่าให้ฟัง ต่างก็พากันยินดี แม้แต่บ้านที่มีแค่เด็กน้อยหรือบ้านที่ไม่มีเด็กเล็กเลย ก็ยังไปสอบถามข่าวคราว
เพราะแบบนี้เองที่ทำให้ในวันต่อมาผู้คนแทบจะทั้งหมดในหมู่บ้านต่างก็มาช่วยกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน ชนิดที่ขนาดที่นั่งที่ทุกๆ คนได้เรียมเอาไว้เกือบๆ สองร้อยที่นั่งยังไม่เพียงพ่อต่อจำนวนคนที่มา ยังต้องระเห็จไปนั่งรอบๆ บ้าน จนบริเวณบ้านที่เคยกว้างขาวกลับแน่นขนัดไปทันตา
ถึงอย่างไรด้วยช่วงอายุขัยที่ยาวนาน บ้านที่ยังพอมีความสามารถที่จะดูแลคนในบ้านได้ อาจจะมีประชากรได้ถึงห้าหรือหกชั่วรุ่น ทำให้บ้านที่มีจำนวนคนมากที่สุดนั้นสามารถมีได้มากถึงครึ่งร้อยเลยทีเดียว
แต่ก็ใช่ว่าทุกบ้านจะโชคดีแบบนั้น เพราะบางบ้านถึงขั้นเหลือเพียงแค่ผู้เฒ่าที่ช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้อยู่แค่สองสามคนก็มี
เมื่อผู้คนมาพร้อมกันแล้วเย่หัวที่ได้ตระเตรียมกับเด็กๆ ตั้งแต่เมื่อวาน ก็ได้ให้เด็กๆ เอามันต้มทั้งสองสีไปแจกแก่ผู้คนในหมู่บ้านนับพันคน ที่กำลังรอฟังสิ่งที่นางพูดอยู่ ซึ่งในระหว่างนั้นนางก็ได้นำ ‘จางหลง’ ไปดูที่แปลงมันทั้งสองชนิด พร้อมทั้งอธิบายวิธีการปลูกคร่าวๆ ที่นางกับเด็กๆ ช่วยกัน
โดยที่ไม่ลืมกล่าวถึงความเร็วในการเติบโตของมันทั้งสองที่มากมายมหาศาลจนแม้แต่นางเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี ทำได้เพียงแค่บอกว่าตัวนางเองยังไม่รู้เหมือนกัน
แล้วนอกจากนั้นนางก็ไม่ลืมที่จะบอกเล่าถึงสิ่งหนึ่งที่จางซิวสงสัย นั่นก็คือความชื้นและความอุดมสมบูรณ์ของดินที่เพิ่มขึ้น และที่สำคัญที่สุดก็คือลำธารที่วันแรกเคยแห้งขอดก่อนที่จะปลูกมันทั้งสอง แต่เพียงแค่สามวันให้หลัง ในลำธารก็มีน้ำไหลจนเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ที่หน้าบ้านที่อยู่เหนือจากลำธารขึ้นมาเกือบครึ่งลี้
และก่อนที่จะกลับมาให้หัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนกล่าวกับผู้คนในหมู่บ้าน นางไม่ลืมพากลับไปที่แปลงมันหวานอีกครั้ง และขุดลงไปในรอยปริแตกของดินที่หมายตาไว้เมื่อวานนี้
“...เป็นไปไม่ได้” แม่แต่เย่หัวก็แทบไม่เชื่อสายตา หัวมันหวานเปลือกสีม่วงอมแดงเข้มจัดที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นของนางแล้ว มันอาจจะดูเป็นมันหัวเล็กๆ หัวหนึ่ง
แต่มันดันเป็นพืชหัวชนิดหนึ่งที่ปลูกไปเพียงแค่ไม่ถึงสามวันดีด้วยซ้ำ!
“...” ส่วนจางหลงนั้นใบ้กินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเด็กหญิงผู้นี้แทบจะไม่ต่างจากเทพธิดาในตกนาน ที่ลงมาโปรดพวกเขา แต่การที่พืชที่สามารถกินได้สักชนิด สามารถเติบโตจนสามารถที่จะเก็บเกี่ยวได้ภายในสามวันห้าวันแบบนี้ ต่อให้เขาตายแล้วเกิดใหม่สักกี่ครั้งก็ไม่รู้ว่าจะเจอไหม ที่สำคัญแม้จะเป็นมันหวานที่เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่ายังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยวดี เพียงแค่มองมันก็รู้สึกได้ว่ามันคงจะต้องอร่อยมากแน่ๆ
“คะ...คุณหนู ไม่ทราบว่ามันจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่ ถ้าหากข้าจะขอเอาหัวมันหัวนี้ไปให้ทุกๆ คนดูในตอนที่ข้าอธิบายทุกอย่างให้ฟัง”
“ได้สิเจ้าคะ ทำไมหรือเจ้าคะ”
“ถึงสิ่งที่คุณหนูทำเพื่อพวกเรามันจะวิเศษและยากเกินกว่าจะอธิบายว่าพวกเราติดหนี้คุณหนูมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายแล้วในจำนวนคนมากมายก็ยังมีคนที่ไม่เชื่อเมื่อได้ยินข่าวที่เด็กๆ ไปแจ้งเมื่อวานนี้ และมีหลายคนที่ยังคลางแคลงใจ...”
“ไม่ปีปัญหาเจ้าค่ะ จะอย่างไรข้าก็เป็นเพียงแค่เด็กแปดขวบ ที่จำอะไรไม่ได้มากนัก ข้าไม่ได้คาดหวังให้ทุกๆ คนเชื่อในตัวข้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เย่หัวยิ้มออกมา แต่ถึงจะยิ้มแต่ก็เป็นรอยยิ้มที่หมองลงสักสองส่วน ก่อนที่จะกลับมายิ้มอีกครั้ง เพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศ “ข้าเพียงแค่หวังว่าสิ่งที่ข้าพอจะทำได้นั้นจะสามารถที่จะช่วยให้เด็กๆ มีรอยยิ้มต่อไปได้ แม้ในวันที่ข้าไม่อยู่แล้วก็ตาม...ท่านลุงจางหลงไปอธิบายให้ทุกคนฟังเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะไปดูในครัวหน่อยว่ามีอะไรขาดเหลือบ้าง”
“ขอรับ...ขอบคุณมากนะขอครับคุณหนู”
“ไม่เป็นไร...ไปเถอะเจ้าค่ะ”
กล่าวจบเด็กหญิงก็เดินก้มหน้าไปทางหลังบ้าน ที่เป็นจุดศูนย์รวมของแม่ครัว ที่กำลังเตรียมอาหารกันอย่างขะมักเขม้น โดยที่จางหลงมองไปทางเด็กหญิงอย่างรู้สึกผิด แต่เขาก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเหมือนกัน แต่เขาเชื่อว่าอย่างน้อยเมื่อวันเวลาผ่านไป ผู้คนก็จะมองเห็นความตั้งใจของเย่หัวด้วยตัวของพวกเขาเอง
.................................
บทที่ 21 เนื้อเน่าแต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจของหัวหน้าหมู่บ้านนั้นจะไม่ทันเสียแล้ว...“จะดีหรือ” ในระหว่างที่ผู้คนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันไกลออกไปเล็กน้อย “แต่ถ้าถูกจับได้มันจะไม่ดีเอานา...”“แล้วมันจะเป็นอะไรไปเล่า จะอย่างไรคนพวกนั้นก็ไม่ได้ห้ามสักหน่อยนี่”“ใช่แล้ว อีกอย่างเราแค่จะแอบเอาไปสักหน่อยแล้วเอาไปลองปลูกที่แถวๆ บ้านเราตามคำแนะนำของจางเว่ยเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำอะไรเสียหนายสักหน่อย”“แล้วอีกอย่างถ้าหากว่าเจ้าหัวมันกองนั้นสามารถนำไปปลูกได้จริง แล้วมันโตเร็วเหมือนที่เด็กๆ บอกเล่าแล้ว อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าหน้าหนาวในปีนี้ครอบครัวของพวกเราจะอยู่รอดได้ไม่ใช่หรืออย่างไร แล้วจะลังเลไปทำไมกัน”
บทที่ 22 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(1)“...”ท่ามกลางห้วงแห่งความว่างเปล่า ดวงจิตของเย่หัวตื่นขึ้นมาบนห้วงอากาศที่สูงขึ้นไปเหนือท้องฟ้า ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ก้อนเมฆรูปร่างต่างๆ เต็มไปหมด แต่ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น“สงสัยอะดิ ว่าที่นี่คือที่ไหนแล้วมึงมาทำอะไรตรงนี้...”“ไอ้ชา!”“‘ไอ้ชา!’ มึงจะตะโกนเรียกชื่อกูแบบนี้ใช่ไหมล่ะ แต่กูบอกเลยว่านี่เป็นระบบอัตโนมัติที่จะทำงานในตอนที่มึงใช้พลังไปจนหมดเป็นครั้งแรก ในกรณีที่มึงไม่ยอมฝึกฝนลมปราณเลย”“แล้ว...”“กูรู้ว่ามึงมีเรื่องมากมายที่จะถาม แต่ก็เหมือนกับจดหมายที่เคยเขียนหรือตอนที่กูส่งมึงมาที่นี่ กูมีเวลาจำกัดมากๆ เพราะฉะนั้นแล้วกูของให้มึงช่วยฟังได้อย่างเดียวสได้ไหม ถือว่ากูขอละกัน
บทที่ 23 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(2)“ตอนนี้แหละ!!”ทั้งกลุ่มที่ตอนนี้รวมตัวกันได้ราวยี่สิบคน แบ่งหน้าที่กันอย่างรวดเร็วที่เกิดความวุ่นวายขึ้น โดยที่มีการแบ่งเป็นกลุ่มๆ ตั้งแต่กลุ่มดูต้นทางที่จะวางเอาไว้เป็นจุดๆ เพื่อป้องกันการถูกพบเห็น ซึ่งมีเพียงแค่สี่คนเท่านั้นที่อาษาทำหน้าที่นี้ ถึงจะไม่ค่อยมีความเสี่ยงมากเท่ากับกลุ่มที่ไปขโมยหัวมัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกตนจะได้รับส่วนแบ่งน้อยลงตามไปด้วยกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่เป็นกลุ่มที่ต้องเอาถุงกระสอบสานลวกๆ ไปช่วยกันขนมันเท่าที่ทำได้ ซึ่งคนที่เหลือทั้งหมดแบ่งกันเป็นกลุ่มเล็กๆ กลุ่มละสองคนโดยที่พวกเขาจะเอามันไปให้มากที่สุดเท่าที่กระสอบจะสามารถจุไหว แล้วค่อยสลับกันขนไปเป็นช่วงๆ แล้วแยกย้ายกันหนีกลับไปที่หมู่บ้าน ซึ่งทุกคนต่างก็ให้สัญญากันเอาไว้ว่าถ้าหากใครถูกจับได้ก็จะไม่มีการซัดทอดอย่างเด็ดขาดและเมื่อเอากลับกันไปแล้วจะไปรวมตัวกันที่บ้านของหนึ่งในสมาชิกกลุ่มที่ห่างไกลออกไปจากหมู่บ้านเล็กน้อย แล้วค่อยแบ่งกันในคืนนี้...แล้วเมื่อจัดการแบ่งสันปันส่วนหน้าที่รับผิดชอบของตนเองกันแล้ว โดยไม่สนว่าผู้คนในหมู่บ้านต่างก็พากันไปดูเด็กหญิงด้วยความเป็นห
บทที่ 24 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(3)สองชั่วยามผ่านไป...ตั้งแต่ตอนที่เย่หัวหมดสติ นางก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่รายล้อมนางอยู่ ด้วยความที่ไม่ชินกับการที่มีใครมาเป็นห่วงเป็นไยขนาดนี้ มันก็ทำให้นางรู้สึกเขินไม่ได้ จึงเอ่ยปากถามออกมาด้วยเสียงเบาๆ“...มีอะไรกันหรือเจ้าคะ”“คุณหนู...”“คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”“คุณหนูฟื้นแล้ว”“...”“...”“...”เด็กๆ ที่เฝ้ารออยู่ไม่ไกลต่างก็กรูเข้ามาบ้างดีอกดีใจ บ้างก็ร้องห่มร้องให้งอแงโผเข้ามากอดร่างเล็กจนแทบไม่มีช่องว่าให้หายใจเย่หัวที่เห็นทุกๆ คนเป็นห่วงขนาดนี้จากที่ตั้งใจที่จะผละออกไป กลับกลายเป็นยินยอมให้เด็กๆ
บทที่ 25 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(4)“เจ้าว่ายังไงนะ”ในทันทีที่ได้ยินคำกล่าวของเพื่อนบ้าน จางหลงก็รู้สึกหวาดวิตกในทันที ด้วยหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในตลอดระยะช่วงเวลาที่ผ่านมา ต่อให้เขาจะไม่ได้เชื่อที่เด็กๆพูดทั้งหมด แต่อีกใจหนึ่งเขาก็เชื่อบ้างแล้วว่าอย่างน้อยที่สุดเด็กหญิงผู้มาใหม่ผู้นี้คงไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป เพราะต่อให้โง่สักแค่ไหนลองคิดดูง่ายๆว่าแค่จำนวนอาหารที่เด็กหญิงนำออกมา ให้คนในหมู่บ้านสามารถดื่มกินกันอย่างฟุ่มเฟือยในตลอดระยะเวลาเดือนเศษนี้ ซึ่งมีทั้งเนื้ออย่างดี พืชหัวที่นางเรียกว่ามันฝรั่งกับมันหวาน ที่แม้จะไม่ได้รับการปรุงแต่ก็ยังสามารถให้รสอร่อยกับผู้ที่กินมันได้ แล้วยังมีลูกอมกับน้ำสีดำนั้นอีกไม่ว่าจะเป็นในด้านของสติปัญญาที่ล้ำเลิศกว่าผู้คนในหมู่บ้าน ทั้งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีจิตใจเมตตาสงสารผู้คนจำนวนมาก สามารถแจกจ่ายสิ่งมีค่าเหล่านั้นให้กับพวกเขาอย่างไม่เสียดาย
บทที่ 26 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(5)“...”จางหลงทำท่าเหมือนกับจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ว่าเมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดี สำหรับพวกเขาที่อดอยากแทบตายมาหลายปีแล้ว มันคงจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าหากว่าทุกคนไม่ได้ใช้วิธีการที่ผิด“ท่านหัวหน้ากลับไปก่อนเถิดขอรับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจากสิ่งที่พวกเราทุกคนได้ทำลงไป พวกเราก็พร้อมยินยอมที่จะรับผลที่ตามมา แต่หากว่า จะให้พวกข้าต้องเฝ้ารอความหวังลมลมแล้งแล้ง จนอาจทำให้ลูกเมียของพวกข้าต้องอดตายไปในปีนี้ ตัวข้านั้นยินยอมให้ทุกคนประณามเหยียดหยามเสียดีกว่า”เฮ้อ...จางหลงระบายลมหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด สวัสดี ต่อให้ยากว่ากล่าวพวกมันสักเท่าไหร่ แต่ดูจากท่าทางของพวกมันแล้ว พวกมันก็คงจะเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้แล้วเช่นเดียวกัน“ในเมื่อเจ้าพูดอย่างนั้นก็แสดงว่าข้าสามารถนำความท
บทที่ 27 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(6)“ท่านหัวหน้าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วขอรับ!!”“อะไรอะไร...มีเรื่องอะไรกัน” จางหลงที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายมาจากหน้าบ้าน ก็รีบลุกออกจากเตียงไม้ในทันที เนื่องจากเมื่อวานทุกคนเหนื่อยกันมาก แล้วเขาเองก็ต้องมาเหนื่อยใจกับคนในหมู่บ้านอีก ทำให้เมื่อคืนกว่าที่เขาจะหลับได้ก็ดึกแล้ว แล้วนี่ยังต้องมาตื่นตั้งแต่ยังไม่เช้าอีก... “มีอะไรกันตั้งแต่ยังไม่สว่างเนี่ย”“ท่านหัวหน้าช่วยพวกเราด้วยขอรับ”“พวกเราผิดไปแล้วขอรับ”“ท่านหัวหน้าช่วยพาพวกเราไปขอโทษนางเซียนน้อยหน่อยได้ไหมขอรับ”“พวกเราจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วหรับ”“ได้โปรดให้อภัยพวกเราสักครั้งเถอะนะขอรับ”“พว
บทที่ 28 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(7)“แต่นี่คือสิ่งที่เจ้า...! ...พวกเจ้าทุกคนตอบแทนนางอย่างนั้นหรือ”“...พวกข้า”“ข้าในตอนนี้ไม่มีสิทธิตัดสินพวกเจ้า และแม้ว่าข้าจะคิดเห็นประการใดมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการที่คุณหนูเย่หัวคิดอย่างไรต่อ”“จางหลงอย่างน้อยเจ้าก็ช่วยไปพูดแทนพวกมันหน่อยเถอะ หากว่าคราวหน้าพวกมันกระทำความผิดซ้ำอีกครั้ง ข้าและคนอื่นๆจะไม่กล่าวถึงได้เลย ต่อให้เจ้าหรือว่านางเซียนน้อยจะฆ่าจะแกงพวกมันก็ตาม” หญิงชรานางหนึ่งเป็นผู้กล่าวขึ้น และนางก็คือคนเดียวกันกับหัวหน้าแม่ครัวที่ช่วยกันทำงานหนักในครัวเมื่อวานนี้ มาไม่คิดเลยว่าเล่นของนางจะกระทำชั่วช้าแบบนี้“ข้าก็ขอเป็นอีกเสียงหนึ่งที่อยากจะขอโอกาสให้พวกมันสักครั้ง แล้วก็เช่นเดียวกับนางเฒ่า หากว่าคราวหน้าพวกมันยังคงกระทำชั่วช้าแบบนี้อีกครั้ง ไม่ว่าเจ้าหรือนางเซียนน้อยจะเอามันไปต้มยำทำแกง เช่นไรก็แล้วแต่เถิด ถือเสียว่าครั้งนี้ให้พวกมันได้รู้ถึงว่า นางนั้นมิใช่คนธรรมดาอย่างเช่นพวกเรา” ชายชราอีกคนกล่าวขึ้น“ใช่แล้วล่ะในคราแรกที่ได้เจอกับนาง ข้าเองก็ไม่ได้คิดว่านางจะทำเพื่อพวกเราขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป
บทที่ 84 แปดเซียนสองเทวะหนึ่งอรหันต์(1)จากแสงของดวงตะวันที่เริ่มอ่อนแรงลงในยามโพล้เพล้ เปลี่ยนเป็นแสงสว่างที่สาดกระทบลงมาทั่วหุบเขาในเสี้ยวพริบตา ทำให้ชาวบ้านทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปโดยเฉพาะความรู้สึกเคารพ นอบน้อม และหวั่นเกรงต่อแสงสว่างเหล่านั้น แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะไม่สามารถมองเห็นต้นเหตุของแสงสว่างเหล่านั้นได้ แต่ว่าความรู้สึกของพวกเขาทุกคน แทบจะไม่แตกต่างกันเลยและในเวลาเดียวกัน สายตาของทุกคนก็หันมองไปทางนางเซียนน้อยของพวกเขา ผู้ซึ่งนำพาแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์สงบร่มเย็นมายังหุบเขาแห่งนี้ ที่ตอนนี้แม้แต่ตัวนางเองก็ยังมองไปยังฟากฟ้าไม่แตกต่างจากทุกคน...ส่วนที่แตกต่างกันนั้นก็คงจะเป็นภาพ ที่ปรากฏอยู่ในดวงตาของเยว่หัวนั้น มันเป็นกลุ่มก้อนรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์โปร่งใส แต่มีขนาดและสีสันต์ที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ตัวเล็กๆ กว่าปลายเข็ม ไปจนกระทั่งตัวโตจนสูงกว่ายอดเขาที่สูงที่สุดด้วยซ้ำ...“ไม่อยากจะเชื่อ ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่...”เยว่หัวมองไปยังภาพที่ปรากฏตรงหน้าของนาง ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดไปไกลเกินกว่านั้น
บทนำเล่มสาม ดินแดนแห่งชีวิต...หุบเขาธิดาสวรรค์อีกไม่นานหลังจากนี้...ดินแดนแห่งนี้จะเป็นที่กล่าวถึงของผู้คนมากมายดินแดนแห่งนี้ที่เคยเป็นดินแดนแห่งความตายดินแดนแห่งนี้ที่ผู้คนเคยหลีกหนีดินแดนแห่งนี้ที่เคยถูกทอดทิ้งโดยผู้คนมากมายดินแดนแห่งนี้ ที่แทบจะไม่เหลือใครในอีกไม่กี่ปีต่อมา ถ้าหากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆดินแดนแห่งนี้ ที่ผู้คนภายนอกส่วนใหญ่ต่างมองว่า มันคือดินแดนที่ตายไปแล้วดินแดนแห่งนี้คือหุบเขาที่มีเพียงแค่ความแห้งแล้ง ที่มีเพียงแค่ซากแห่งชีวิต ที่ค่อยๆ แห้งเหือดลงไปในทุกทุกขณะมันคือดินแดนแห่งความสิ้นหวัง ที่ไม่มีใครอยากจะไปเข้าใกล้มัน เพราะไม่ว่าจะเป็นพื้นดินที่แห้งแล้ง ไม่ว่าจะเป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร แล้วยังมีความลับต่างๆมากมาย ที่เคยพรากชีวิตผู้คนไปนับไม่ถ้วนในตลอดระยะเวลา 10 ปี จนทำให้ภูเขาแห่งนี้ เป็นที่ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปโดยสมบูรณ์ เพราะว่าแม้แต่คนภายในเองก็ยังพยายามที่จะหลีกหนี พวกเขาพยายามที่จะกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดออกมาจากดินแทนแห่งนั้น…แต่อยู่มาวันหนึ่ง...ดินแดนที่เคยไร้ซึ่งชีวิตและความหวัง ก็ได้เกิดปรากฏการณ์สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน จนผู้คนที่พบ
บทที่ 82 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (2)“…!!”ในทันทีที่ชาได้สติขึ้นมา มองไปยังใบหน้าของพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างออก ปากอ้าหุบอ้าหุบพะงาบพะงาบราวกับต้องการจะพูดบางสิ่งบางอย่างออกไป แต่เขารู้ดีว่าความหวังของเขามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้ใบหน้านั้นจักคุ้นเคยและคล้ายคลึงกับคนที่เขาเฝ้าตามหามาช่วยชีวิตสักแค่ไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่ใครสักคนหนึ่งจะมีใบหน้าเหมือนอีกคน ขนาดนี้จะเป็นคนคนเดียวกัน...‘บางทีอาจเป็นข้าเองที่จำผิด...’เขาพยายามปลอบใจตัวเอง แล้วดึงสติกลับมาในเหตุการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และเขาจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว…“พระคุณเจ้าขอรับ...”“เรารู้ว่าเจ้ามหาเราทำไม พูดออกมาเถิดเพราะว่าเจ้าคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเรานั้นสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้”สิ่งที่พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้นกล่าวออกมานั้นไม่ผิดเลย สำหรับคนที่เคยเข้าเฝ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้ามาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน สำหรับเขาที่มีชีวิตอยู่มานานมากขนาดนั้น มีหรือที่เขาจะไม่รู้ในข้อนี้เพราะว่าสำหรับพระที่บรรลุอรหันต์แล้ว
บทที่ 81 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (1)#บทนี้เป็น บท ย่อยแยกอีกบทหนึ่งนะครับ#ย้อนกลับไปในตอนก่อนที่เขาจะมอบระฆังธรรมให้กับเพื่อน ในขณะนั้นชาได้สังเกตเห็น ถึงความตั้งใจที่จะสั่งสอนธรรมะของเพื่อน แต่ด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การที่นางไม่สามารถจดจำข้อธรรมใดๆ ได้มากนักก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเนื่องจากว่าการที่เขาได้ทำการล้วงเอาจิตของนางขึ้นมาจากนรกนั้น มันเป็นเรื่องที่ทำการฝืนชะตากรรมของคนคนหนึ่ง และการที่เขา เรียกดวงจิตเดิมของนางที่ควรจะแตกดับไปนานแล้ว ตลอดไปจนถึง สัญญาสังขารและวิญญาณแต่เดิมของนาง ในภพแรกที่พวกเขาทั้ง 2 คนได้เจอกันโดยวิธีการเปิดพระธรรมคำสั่งสอนจากระฆังธรรม ให้ดวงจิตที่แตกสลายของนางได้ฟังซ้ำไปซ้ำมาครั้งแล้วครั้งเล่า ยาวนานนับหมื่นปีกว่าที่ดวงจิตของนางจะสามารถเรียกสติกลับคืนมาได้อีกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เหล่าสัตว์นรกบางส่วนที่พอมีฤทธิ์สามารถแทรกออกมายังบนโลกอีกครั้ง...และนั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมจู่ๆ นางถึงเหมือนกับว่า สามารถอธิบายข้อธรรมคำสั่งสอนทั้งหลาย ออกมาได้ราวกับเคยศึกษามันมาอย่างถ่องแท้ ทั้งๆ ที่ตัวนางแทบจะไม่เคยศึกษาเรื่องราวในแน
ก่อนอื่นเลยที่สำคัญที่สุดต้องขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้(น่าจะเหลือไม่ถึง1/10ของคนที่หลงเข้ามาที่จะเดินมาจนถึงจุดนี้) ดีใจที่เดินทางมาด้วยกันจนถึงจุถดเริ่มต้นที่แท้จริงของนิยายเรื่องนี้ครับใช่แล้วครับ…ตั้งแต่บทนำมาจนถึงตอนนี้เพิ่งจะเป็นส่วนที่ปูจุดเริ่มต้นของ เย่หัว-เยว่หัว ให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนและสภาพแวดล้อมของนาง โลกที่นางอยู่ ผู้คน สังคม รายละเอียดที่จะทำให้เข้าใจเนื้อหาหลัก และเหตุผลของการกระทำต่างๆ ที่นางจะทำต่อจากนี้ไป จนบางครั้งอาจจะเป็นการกระทำที่ “โหดเหี้ยม” แบบไร้เหตุผลเลยก็มี เล่ม1-2จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในส่วนของ “บทนำ” แต่หลังจากเล่ม 3 เป็นต้นไปก็จะเข้าสู่ปฐมบทที่แท้จริง ตามชื่อบทของบทนี้ครับ เราจะคุยกันแบบจริงจังกับเนื้อเรื่องที่แท้จริงกันครับ อย่างแรกเลยก็คือหลังจากนี้จะต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งความแฟนตาซีที่แท้จริง ของแม่ครัวตัวจิ๋วที่รักในการทำอาหารให้ผู้คนได้ลิ้มรส เป็นหนึ่งในความสุขของนาง และเป็นสิ่งสำคัญที่จะคอยยึดเหนี่ยวตัวนางเอาไว้ ส่วนยึดนางจากอะไรนั้นต้องไปติดตามในเนื้อเรื่องครับอย่างที่สองก็คือเรื่องของความแฟนตาซีและโลกในจินตนาการที
บทที่ 80 เลี้ยงส่ง(จบ)หลังจากที่เยว่หัวสามารถเรียกสติของผู้คนกลับมาได้อีกครั้ง ตลอดช่วงเช้าไปจนถึงเที่ยง นางก็ทำการจัดแจงแบ่งกลุ่มคนออกเป็นกลุ่มๆ โดยที่ไม่ลืมนำวัตถุดิบจำนวนมากออกมา แล้วจัดแจ้งเตรียมการฝึกซ้อมทั้งหมด กว่าที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ปาเข้าไปจนถึงช่วงเที่ยงแล้วซึ่งในระหว่างที่ทำการฝึกซ้อมปรุงอาหารชนิดต่างๆ นั่นเอง เหล่าแม่บ้านและเด็กๆทุกคนต่างก็ได้ลองชิมอาหารกันอย่างเต็มอิ่ม และเมื่อเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกคนเลยหยุดพักกันในตอนเที่ยงพอดิบพอดี และถือเป็นการพักท้องอีกครั้ง เนื่องจากในตอนนี้ทุกคนแทบจะท้องแตกเสียแล้วส่วนฝั่งของจางหลงที่เป็นฝ่ายจัดเตรียมสถานที่ ซึ่งพวกเขาทุกคนก็ทำเต็มที่ในหน้าที่ของตนเอง แต่ด้วยข้อจำกัดของหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเวลาที่มีอยู่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น พวกเขาจึงตกลงกันใหม่ว่า จะจัดเป็นโต๊ะไม้ยาวๆ ขนาด 6 ถึง 8ที่ แทนที่แผนการจะทำโต๊ะชุดวงกลม และโต๊ะทั้งหมดจะหันหน้าเข้าหาเวที ด้านเดียว ส่วนตัวเวทีเองก็จะสร้างขึ้นมา โดยการขุดดินมาถมเป็นเนินสูงขึ้นประมาณหัวเข่า ใช้ดินเหนียวในการป้ายโดยรอบเพื่อไม่ให้หน้าดินพัง
บทที่ 79 เลี้ยงส่ง(3)“ตอนแรกข้าขอยอมรับสารภาพเลยว่า ตัวข้าเองก็ไม่ได้จินตนาการเลยว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือมากขนาดนี้”เยว่หัวมองไปยังทั้งผู้หญิงและเด็ก แทบทั้งหมดในหมู่บ้านที่มารวมตัวกัน ซึ่งในมือทุกคนต่างก็มีหม้อกระทะถ้วยชามรามไห รวมไปถึงตะเกียบและแก้ว น้ำที่ทำจากไม้บ้างหินบ้างดินเผาบ้างเหล็กบ้าง ซึ่งเรียกได้ว่าทุกคนเต็มที่กับสิ่งที่นางบอก จนนางที่เพียงแค่อยากจะทดลองการปรุงอาหาร เพื่อที่จะนำไปเป็นเมนูในร้านที่กำลังจะเปิด ก็ต้องเปลี่ยนความคิดอีกครั้ง“...”“...”“...”ทุกคนไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เพียงแค่ยิ้มมองไปทางเด็กหญิงเท่านั้น และกำลังรอฟังคำสั่งด้วยความตั้งใจ แม้กระทั่งเด็กๆ ทุกคนที่ปกติเมื่อเจอกับนางเซียนน้อยของพวกเขา ก็มักจะแสดงออกอย่างดีอกดีใจ กระโดดโลดเต้นกันต่างๆนานา ยิ่งในตอนที่ไม่ได้พบได้เจอกันหลายวันแบบนี้แล้ว ปกติพวกเขาจะยิ่งกุลีกุจอมาหานาง แต่ในตอนนี้เด็กๆทุกคนเพียงแค่รออยู่กับผู้ปกครองของตนเองด้วยความตั้งใจ ไม่มีใครแตกแถวเลยแม้แต่คนเดียว“ในเมื่อทุกคนจริงจังกันขนาดนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าเองก็ขอจริงจังด้วยอีกคนก็แล้วกัน...” เด็กหญิงยิ้มและใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก
บทที่ 78 เลี้ยงส่ง(2)“ก็ตามที่ได้บอกไปก็แล้วกัน เดี๋ยวทุกคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ข้าจะเป็นคนนำฝ่ายผู้ชายไปจัดเตรียมสถานที่ตามที่คุณหนูได้สั่งเอาไว้ ส่วนพวกผู้หญิงก็เดินทางไปหาคุณหนูได้เลย เห็นนางบอกว่า วันนี้นางจะจัดเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดด้วยตัวเอง พวกเจ้าไม่ต้องนำสิ่งใดไปด้วย ถ้าจะเอาไปก็คงจะเป็นพวกอุปกรณ์ จานชาม และสิ่งที่จำเป็นต่อการประกอบอาหารก็แล้วกัน พวกเจ้ามีอะไรก็เอาไปเท่าที่มี เพราะว่าการที่จะจัดเลี้ยงผู้คนทั้งหมู่บ้านก็คงจะต้องเตรียม หลายอย่างเลยทีเดียว”“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกข้าขอแบ่งออกไปตัดไม้แล้วกันนะหัวหน้า จะพาคนไปด้วยร้อยคนจะได้ช่วยกันหาไม้มาให้ได้มากที่สุด”“ส่วนพวกข้าก็จะไปเตรียมลานกว้างเลยแล้วกันนะ ขอรับ ถ้าจะขยายพื้นที่เพื่อวางโต๊ะ ตามรูปแบบที่นางเซียนน้อยได้กล่าว คงจะต้องเตรียมพื้นที่ให้มากขึ้นอีกหน่อย จะได้เดินเหินสะดวกในงานเลี้ยงขอรับ”“ถ้าอย่างนั้นข้ากับพวกผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ขอแยกย้ายกลับบ้านก่อนแล้วกันนะเจ้าคะ จะได้ไปบอกเด็กๆให้ไปเล่นที่บ้านของนางเซียนน้อยด้วย หลายวันมานี้ทุกคนตั้งใจเรียนมากเลย ผ่อนคลายสักวันก็คงจะไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”“ก็ดีนะเจ้าคะ เดี๋ยว
บทที่ 77 เลี้ยงส่ง(1)“วันนี้คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ” จางหลงที่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกขุ่นมัวในใจของนางเซียนน้อย ก็ได้เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ออกมาจากเรือน ซึ่งเป็นที่พักของผู้มาใหม่ทั้ง 2 คน “ทำไมวันนี้คุณหนูถึงได้ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยขอรับ”“ไม่ได้มีอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ เพราะว่าวันนี้ข้าตั้งใจจะทำตามความต้องการของตัวเองตั้งแต่แรก คือก็คือการปรุงอาหารให้ทุกคนได้ลองกินดู ไหนๆก็จะเปิดโรงเตี๊ยมอยู่แล้ว แต่ข้ายังไม่เคยได้ทำอาหารจริงๆจังๆเลยสักครั้ง การที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่เช้า มันก็คงจะทำให้ข้าหงุดหงิดไปบ้าง อย่างไรต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” เยว่หัวพยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะว่าไม่ได้อยากจะให้ใครรู้เรื่องราวของความฝันมากนัก เพราะว่าการที่มีใครรับรู้มันไปมากกว่านี้ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นอีกไหม และอีกอย่างหนึ่ง สิ่งที่นางพูดไปก็ไม่ใช่เรื่องโกหกไปเสียทั้งหมด เพราะว่ากันแล้ววันนี้นางต้องการที่จะลงมือควบคุมการปรุงอาหาร ในการเลี้ยงผู้คนทั้งหมู่บ้านทั้งหมดจริงๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนางอยากจะลองทำอย่างจริงจังดูสักครั้ง“จริงหรือขอรับ ทุกคนคงดีใจมากแน่ๆ”“ขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”“คุณหน