"คุณหนู คุณหนูเจ้าขา" เสียงสาวใช้คนสนิทร้องเรียกมาแต่ไกล จนอันชิงเหมยที่กำลังปักถุงหอมอยู่ ต้องละสายตาเงยหน้าขึ้นมามอง
" มีอะไร แล้วทำไมวิ่งหน้าตาตื่นมาอย่างนั้นเล่า วิ่งเร็วแบบนั้น เดียวก็หกล้มหรอก "
" ข่าวดี ข่าวดีเจ้าค่ะคุณหนู ท่านรอง ท่านรองแม่ทัพ กลับมาแล้วเจ้าค่ะ ตอนข้าไปตลาดขบวนเคลื่อนผ่าน เห็นท่านรองแม่ทัพนั่งอยู่บนหลังม้า ผู้คนแห่ไปต้อนรับกันเยอะแยะไปหมดเลยเจ้าค่ะ นี่ขบวนก็น่าจะใกล้ถึงจวนของเราแล้ว "
ซีหว่านพูดไปหอบก็หอบไป
เสิ่นหว่านอี้ ท่านกลับมาแล้วอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไม ถึงไม่ส่งจดหมายมาบอกข้าก่อน หรือว่าเขาต้องการให้ข้าแปลกใจนะ
นึกถึงอดีต เสิ่นหว่านอี้เป็นเพียงนายกองเล็กๆ แต่เพราะสร้างผลงานในการรบครั้งก่อน นำกองกำลังบุกตีฝ่าวงล้อมข้าศึก ไปช่วยกองทัพเอาไว้ได้ทัน ทำให้ได้รับชัยชนะ แต่ศึกครั้งนั้นก็ทำให้รองแม่ทัพฟู่ต้องตาย ส่วนแม่ทัพอันบิดาของนาง ก็ได้เขารับคมหอกคมดาบแทน จนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสหนัก นอนรักษาตัวอยู่แรมเดือน ขาของเขาถูกตัดเส้นเอ็นขาดไปบางส่วน แม้จะหายดีแต่ก็ไม่เหมือนเดิม ขาของเขาเวลาเดินก็จะกะโผลกกะเผลก
ด้วยความชอบของเขาในครั้งนั้น กอปรกับตำแหน่งรองแม่ทัพว่าง หลังพิธีศพของรองแม่ทัพฟู่ ฮ่องเต้ก็ได้มีราชโองการประทานยศเลื่อนขั้นให้ นายกองเสิ่นหว่านอี้ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพ
ช่วงที่เขาบาดเจ็บพักรักษาตัว นางได้แวะเวียนไปดูแลเขาที่จวนแทบทุกวัน เพื่อตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตบิดาของนาง ด้วยความใกล้ชิด ทำให้เขากับนางมีใจให้กัน บิดาของนางก็ดูออก จึงเอ่ยปากยกนางให้หมั้นหมายกับเขา
เมื่อเขาหายดี จึงได้ส่งแม่สื่อมาทาบทามขอหมั้นพร้อมสินสอดอีกหลายหีบ ทรัพย์สินเงินทองล้วนได้มาจากที่ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลให้ เขาเอามามอบให้นางทั้งหมด
ตั้งแต่นั้นมาทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็รับรู้ ว่าเขากับนางเป็นคู่รักที่หมั้นหมายกันแล้ว นางไม่รังเกียจเขา ที่เวลาเขาเดิน ขาจะลากพื้นต้องเดินกะโผลกกะเผลก เขาเองก็ดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี มาหานางที่จวนทุกวัน การกระทำของเขาเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด
จนกระทั่งเกิดศึกที่เมืองหนานหยาง ทำให้เขาต้องออกศึก นางจำคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้กับนางก่อนไปได้ดี
" เหมยเอ๋อ พี่ไปครานี้ไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไหร่ แต่พี่อยากให้เจ้าจำเอาไว้ ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน แต่ใจของพี่จะอยู่ที่เจ้า "
" เจ้าจงรอพี่ เสร็จศึกกลับมาครานี้ เราจะแต่งงานกันทันที พี่สัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์กับเจ้า จะมีเพียงเจ้าเป็นภรรยาของพี่แค่คนเดียว "
" คุณหนู รีบไปหน้าจวนเร็วเถอะเจ้าค่ะ ไปรอรับท่านรองแม่ทัพกัน "
ซีหว่านจูงมืออันชิงเหมยเร่งเดินไปหน้าจวน
เมื่อมาถึงหน้าจวน ขบวนกองทัพก็มาถึงพอดี อันชิงเหมยสบตากับตาคมของเสิ่นหว่านอี้ที่หันมามองนางพอดี เสิ่นหว่านอี้กระตุกเชือกม้าดึงเข้าข้างทาง กระโดดลงจากหลังม้า เดินยิ้มเข้ามาหานาง
" เหมยเอ๋อ พี่กลับมาแล้ว "
" ท่านไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม "
อันชิงเหมยใช้สายตาสำรวจทั่วตัวของคนรัก เขาดูซูบไป ผอมลงนิดหน่อย ผิวก็คล้ำลงไปมาก รอยบากที่หน้านั่นเป็นรอยแผลเป็นใหม่แน่ นางเอามือลูบแผลเป็นบนใบหน้าของเขาเบาๆ เสิ่นหว่านอี้จับมือของนางมากุมเอาไว้
" แผลนี้ ข้าได้มาเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้มันกลายเป็นแผลเป็นแบบนี้ เจ้ารังเกียจพี่หรือเปล่าที่พี่อัปลักษณ์ "
อันชิงเหมยส่ายหน้า ต่อให้เขาต้องพิการหรืออัปลักษณ์กว่านี้ นางก็ยังรักเขาเหมือนเดิม
" พี่ต้องเข้าวังไปเฝ้าฮ่องเต้ ตอนเย็นๆพี่จะมาหาเจ้า"
" ไม่ต้องเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปหาท่านที่จวนท่านเอง ข้าทำขนมเอาไว้มาก ตั้งใจจะเอาไปฝากท่านป้าอยู่พอดี "
" งั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ"
" เจ้าค่ะ"
อันชิงเหมย เหลือบไปเห็นรถม้าจอดอยู่ไม่ไกลผ้าม่านในรถเปิดออก หญิงสาวนางหนึ่งชะโงกหน้าออกมามอง สายตาสบเข้ากับนางพอดี ไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือเปล่า นางเห็นแววตาไม่พอใจปรากฎออกมา ก่อนที่สตรีนางนั้นจะปิดผ้าม่านลง รถม้าก็เคลื่อนไปพร้อมกับเสิ่นหว่านอี้
" ข้าเห็นรถม้าคันนั้น มาพร้อมกับขบวนกองทัพด้วย พอท่านรองแม่ทัพมาหาคุณหนู รถม้าก็ไปจอดรออยู่ตรงมุมนั้น ในรถม้านั่นมีสตรีนางหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ เหตุใดจึงมาด้วยกันได้ "
พอซีหว่านพูดมาแบบนั้น นางก็รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
อันซือหรูมาที่จวนของเสิ่นหว่านอี้ มีการตกแต่งจวนรอรับการกลับมาของเสิ่นหว่านอี้ นางเดินเข้าไปที่ห้องโถง เท้าสองข้างก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้สบตากับสตรีคนนั้นอีกครั้ง สตรีที่อยู่บนรถม้า เหตุใดนางถึงได้มาอยู่ที่นี่ นางเป็นใครกัน
" เหมยเอ๋อมาแล้วเหรอ มาๆมานั่งตรงนี้ "
เสิ่นเย่วชิง มารดาของเสิ่นหว่านอี้กวักมือเรียกอันชิงเหมยไปนั่งข้างๆ นางเดินไปนั่งลงตามคำชวน สายตายังคงจับจ้องหญิงคนนั้นไม่วาง หญิงคนนั้นก็มองนางไม่ยอมถอนสายตาเช่นกัน ต่างคนต่างไม่ยอมละสายตาไปไหน ไม่มีคำพูดจาใดๆมีแต่สายตาเชือดเฉือนกัน จนบรรยากาศเริ่มตึงเครียด
เสิ่นเย่วชิงเลิ่กลั่ก นางไม่รู้จะบอกกับอันชิงเหมยอย่างไรดี เรื่องที่บุตรชายของนางพาสตรีอีกคนมาด้วย เอาไว้ให้เขาอธิบายกับนางเองละกัน นางได้แต่ภาวนาให้บุตรชายของนางกลับมาเร็วๆ
สวรรค์ช่วยนางแล้ว เสิ่นหว่านอี้มานู่นแล้ว
" หว่านอี้ กลับมาแล้วเหรอลูก "" ขอรับท่านแม่ หลังจากรายงานสถานการณ์กับฟ่าบาทเสร็จ ก็อยู่คุยกับคนอื่นๆต่อเลยมาช้าไปหน่อย "" อีก3วันจะมีงานเลี้ยงต้อนรับในวังหลวง พี่อยากให้เจ้าไปด้วย "เสิ่นหว่านอี้พูดแต่กลับมองหน้าอันชิงเหมยสลับกับหยางซือหรู ตกลงเขาพูดกับใคร อยากให้ใครไปงานเลี้ยงด้วยกันแน่" ท่านพี่ ข้ายังไม่มีชุดสวยๆใส่เลย ท่านพาข้าไปซื้อได้หรือไม่ "หยางซือหรูลุกขึ้นไปกอดแขนออดอ้อนเสิ่นหว่านอี้ อันชิงเหมยหน้าซีด ใจกระตุกวูบ ท่านพี่อย่างงั้นเหรอ หมายความว่ายังไงกัน นางจ้องหน้าเขาเขม็งเพื่อรอคำอธิบายเสิ่นหว่านอี้แกะแขนของหยางซือหรูออก แล้วเดินไปหาอันชิงเหมย มีสีหน้าลำบากใจ" เหมยเอ๋อ คือว่า "" อธิบายมาว่านางเป็นใคร"" เอ่อ คือ "เสิ่นหว่านอี้อ้ำอึ้งพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะเริ่มอธิบายให้นางฟังอย่างไรดี หยางซือหรูก็พูดขึ้นมา" ข้า หยางซือหรู เป็นภรรยาของท่านพี่หว่านอี้ "ภรรยาอย่างงั้นเหรอ นี่มันเรื่องอะไรกัน นางเป็นคู่หมั้นของเขา รักเขารอเขามาเป็นปี เขาบอกให้นางรอนางก็รอ แล้วทำไมถึงทำกับนางแบบนี้ ก่อนไปเขาบอกกับนางว่าจะรักและซื่อสัตย์กับนางแค่คนเดียว เขาจะมีนางเป็นภรรยาแค่คนเดียว แล้วน
อันชิงเหมยเดินออกไปไม่สนใจเสิ่นหว่านอี้ว่ามีสีหน้าเป็นเช่นไร" เหมยเอ๋อ " เสิ่นหว่านอี้รีบเดินตาม หยางซือหรูเห็นแบบนั้นก็แสร้งเป็นลม" ท่านพี่" เสิ่นหว่านอี้ชะงักเท้า รีบพุ่งไปรับตัวหยางซือหรูที่โงนเงนจะล้ม เมื่อถึงตัวนางนางก็ล้มลงในอ้อมแขนของเขาพอดี เสิ่นหว่านอี้ได้แต่มองตามหลังบอบบางของอันชิงเหมยที่ลับตาไปอยู่ๆหยางซือหรู ก็ตัวร้อนมีไข้ขึ้นมา ทำให้เขาต้องคอยดูแลนางทั้งคืน นางเอาแต่พร่ำเพ้อหาเขา ไม่ยอมให้เขาห่างนางเลยแม้แต่น้อย ในใจของเสิ่นหว่านอี้ตอนนี้ ทุกข์ทรมานราวไฟสุม อยากไปหาอันชิงเหมย อยากขอร้องให้นางให้อภัยเขา แต่ก็ไม่สามารถทิ้งหยางซือหรูไปได้หยางซือหรูปรายตามองเสิ่นหว่านอี้ ยกยิ้มมุมปาก นางไม่ได้ป่วยไข้หรอก อาศัยความรู้วิชาแพทย์เล็กน้อย ใช้เปลือกไม้ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษ เมื่อเคี้ยวกลืนน้ำมันลงไปสักพัก ตัวจะรุมๆมีไอร้อนเหมือนเป็นไข้ ที่เหลือนางก็เสแสร้งแกล้งเจ็บป่วย เพื่อรั้งเขาไว้ไม่ให้ตามคู่หมั้นของเขาไปนางเจอเขาครั้งแรกเมื่อกองทัพมาถึงหนานหยาง บิดาของนางที่เป็นเจ้าเมืองไปให้การต้อนรับ นางเองก็ไปด้วย นางสบตาเขาครั้งแรกก็ชื่นชอบ บุรุษหน้าตาคมคาย มีหนวดเคราประปราย
อันชิงเหมยลุกออกไปทันที เสิ่นหว่านอี้รีบตามไป อันซูหลุนเห็นแก่ที่เสิ่นหว่านอี้เคยช่วยชีวิตเขาไว้ จึงยอมให้ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น จะเป็นอย่างไรต่อไปก็สุดแล้วแต่ลูกสาวของเขา และเขาเคารพการตัดสินใจของนางทุกอย่าง" เหมยเอ๋อ " " ตามมาทำไม ทำไมยังไม่กลับไปอีก "" เจ้าอยากให้พี่ทำยังไง บอกพี่มาสิ พี่จะทำทุกอย่าง ขอเพียงเจ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม "" ท่านไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะมันไม่มีวันเหมือนเดิม "เสิ่นหว่านอี้จะกุมมือนางแต่นางเบี่ยงหลบขยับถอยหลังไป2-3ก้าว เขามองเข้าไปในตาของนาง มันช่างว่างเปล่า ว่างเปล่าจนเขาหายใจไม่ออก" เหมยเอ๋อ ทำไมไม่เรียกพี่เหมือนเดิม ทำไมต้องทำเหินห่างเย็นชากับพี่ด้วย "" ข้ามิบังอาจเรียกท่านรองแม่ทัพอย่างสนิทสนมได้หรอกเจ้าค่ะ ข้ากับท่านเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว คำๆนั้นท่านมีคนเรียกอยู่แล้ว กลับไปดูแลภรรยาของท่านเถอะ ข้าขอตัว"เสิ่นหว่านอี้คว้าแขนของนางเอาไว้ นางสะบัดออก หันมามองเขานัยตาแดงกร่ำ น้ำตาไหลอาบแก้ม" ข้าหวังว่าท่านจะไม่มาที่นี่อีก เรื่องของเรามันจบลงแล้ว ท่านไม่ผิดหรอก เป็นข้าที่ไร้วาสนาเคียงคู่กับท่านเอง "" ข้าไม่เข้าใจ ทำไม เพราะข้ามีภรรยาเพิ่มอ
ในตลาด วันนี้ผู้คนพลุกพล่าน การค้าขายแต่ละร้านคึกคักเป็นพิเศษ อันชิงเหมยมาเดินเล่นกับซีหว่าน ดูนั่นดูนี่เพลิดเพลิน ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับ " ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะคุณหนูอัน วันนี้มีแบบใหม่ๆมาเพียบเลยเจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ "เถ้าแก่เนี๊ยะรีบกุลีกุจอมาต้อนรับ ก่อนจะหันไปเอาถาดใส่เครื่องประดับมาวางตรงหน้าให้อันชิงเหมยเลือก" เลือกตามสบายเลยนะเจ้าค่ะ " พูดกับอันชิงเหมยก่อนจะเรียกเด็กในร้านมาคอยดูแล" เจ้าหน่ะมานี่สิ มาดูแลคุณหนูอันด้วย บริการให้ดีหล่ะ " " คุณหนูเจ้าค่ะ ชิ้นนี้เป็นไงเจ้าค่ะ ประดับมุกสีชมพูแวววาวเชียวเจ้าค่ะ " ซีหว่านหยิบปิ่นมุกส่งให้อันชิงเหมยดู" ก็สวยดี ถ้าเจ้าชอบก็เอาสิข้าซื้อให้ "" ไม่ ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เอาหรอกที่มีอยุ่ก็เยอะแล้ว "ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ตาก็มองปิ่นมุกอยู่ตลอด อันชิงเหมยเห็นก็ยิ้ม หยิบปิ่นมุกส่งให้พนักงานห่อให้ ส่วนนางยังไม่ถูกใจชิ้นไหน และก็ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อด้วยแค่แวะมาดูเล่นๆเท่านั้น เมื่อหันหลังกลับมากำลังจะออกจากร้าน ก็เจอกับคนที่ไม่อยากจะเจอ" เหมยเอ๋อ "เสิ่นหว่านอี้ยิ้มกว้างที่ได้เจออันชิงเหมย เขาไม่เห็นหน้านางมาหลายวันแล้ว เสิ่นหว่านอี้เ
งานเลี้ยงในวังมีเหล่าขุนนางมาร่วมงานมากมาย เสิ่นหว่านอี้มาพร้อมหยางซือหรู เขามองหาอันชิงเหมย หวังว่านางจะมางานนี้ เขาจะหาโอกาสปรับความเข้าใจกับนางอีกสักครั้ง หลายวันมานี้เขาจมอยู่กับความผิด ทั้งที่นางดีกับเขามาตลอดช่วยดูแลแม่ของเขา ในจวนยังช่วยดูแลให้เป็นระเบียบเรียบร้อย นางรอเขากลับมาแต่เขากลับผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับนาง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด เขาปลีกตัวออกมาจากหยางซือหรูทำทีเป็นเดินไปคุยกับคนอื่น แต่จุดประสงค์คือไปรออันชิงเหมยแถวทางเข้างานรถม้าสัญลักษณ์ตระกูลอันหยุดลง อันชิงเหมยลงจากรถม้าเดินเข้างานมาพร้อมอันซูหลุนแม่ทัพแดนเหนือบิดาของนาง ถัดมาเป็นอันเฟยเทียน แม่ทัพแดนตะวันตกพี่ชายของนาง เสิ่นหว่านอี้รีบกระโผลกกระเผลกเข้าไปหาส่งยิ้มให้" เหมยเอ๋อ "อันชิงเหมยทำเป็นมองไม่เห็นเดินเลี่ยงไปเสิ่นหว่านอี้รีบเดินตาม" เหมยเอ๋อ พี่ขอคุยด้วยได้ไหม "" ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับท่าน "" พี่ขอร้อง ถือว่าเป็นครั้งสุดท้าย แล้วพี่จะไม่มาวุ่นวายอีก "อันชิงเหมยถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในเมื่อเขากล้าพูดแบบนี้หวังว่าจะรักษาคำพูด แล้วเดินนำเขาไปในสวนหย่อม เสิ่นหว่านอี้ดีใจรีบกระโผลกกระเผลกตามไปทันทีอันเฟยเทียนจะ
" หลายปีที่ผ่านมาฟ่าบาททรงเมตตาส่งเจ้าสาวไปให้หม่อมฉัน "พอพูดถึงเรื่องนี้ทุกคนก็พากันตื่นตระหนกแม้แต่อู๋เทียนหลงกับเมิ่งจิ่งหลานก็นั่งแทบไม่ติด เพราะเจ้าสาวที่ส่งไปทุกคนล้วนถูกฆ่าตายกันหมด สวี่หานกลับเมืองหลวงในรอบหลายปีแถมยังพากองทัพมานับพัน คงไม่ใช่จะมาต่อว่าเรื่องนี้เฉยๆหรอกใช่ไหม" ข้า ข้าเห็นว่าเจ้าถึงวัยที่ต้องมีชายาได้แล้ว ข้าก็เลย ในเมื่อเจ้าไม่ชอบข้ารับปากว่าจะไม่ส่งใครไปให้เจ้าอีก"" ฟ่าบาทหวังดีกับเจ้า อยากให้เจ้าได้มีชายาเคียงข้าง เวลาเจ้ากลับจากศึกเหน็ดเหนื่อยจะได้มีนางคอยปรนนิบัติ อีกอย่างภายภาคหน้าเจ้าจักต้องมีทายาทสืบสกุล"" หม่อมฉันเคยส่งสาล์นมาบอกแล้ว ว่าชายาของหม่อมฉัน หม่อมฉันจักเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง แล้วเหตุใดไม่ฟัง ยังส่งไปให้อีก เป็นความคิดของฮองเฮารึ "น้ำเสียงเยือกเย็นของสวี่หานทำให้เมิ่งจิ่งหลานเย็นสันหลังวาบ อู๋เทียนหลงเห็นท่าไม่ดีรีบพูดขึ้นมา" เอาหล่ะ ข้ารับปากว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก เจ้ารักใครชอบใครก็เลือกตามใจเจ้าเลย ข้ากับฮองเฮาจะไม่ยุ่งกับเจ้าอีก "" ดี ในเมื่อทรงตรัสเช่นนี้แล้วก็ตามนั้น ในเมื่อพระองค์อยากให้หม่อมฉันมีชายานักหม่อมฉันก็น้อม
ทุกคนต่างซุบซิบกัน เกิดอะไรขึ้นกับชินอ๋องสวี่หาน เขาเป็นคนที่ปฏิเสธการแต่งานมาโดยตลอดจนปัจจุบันอายุ25แล้วยังไม่เคยอุ่นเตียงกับสตรีใด หลายปีที่ผ่านมาฮ่องเต้อู๋เทียนหลงส่งสาวงามไปให้เขามากมาย แต่ไม่มีหญิงใดมีวาสนาได้แม้กระทั่งเห็นหน้าเขา ทุกนางล้วนตายตกก่อนถึงแดนใต้ แม้จะอ้างเหตุเกิดจากโจรป่าแต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเป็นฝีมือของสวี่หาน อีกหนึ่งคือการเตือนฮ่องเต้ทางอ้อมว่าอย่าได้ส่งสตรีใดมาอีก แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น สวี่หานเดินทางไกลจากแดนใต้เข้าวังหลวง เพื่อขอสมรสพระราชทานด้วยตัวเองเลือกเจ้าสาวเองแล้วยังใจร้อนเร่งจะแต่งพรุ่งนี้อีก นี่มันยามไฮ่(21.00-23.00) อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะเช้าจะเอาเวลาที่ไหนมาจัดเตรียมงาน ไหนจะชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวอีก " สวี่หาน พรุ่งนี้เกรงว่าจะไม่ทัน แม้พิธีต่างๆจะสามารถเร่งมือได้ด้วยกำลังคนในวังหลวง แต่ชุดเจ้าสาวไม่อาจตัดเย็บได้แล้วเสร็จภายในเวลาไม่กี่ชั่วยาม เจ้าควรให้เจ้าสาวของเจ้าได้มีเวลาเตรียมตัวบ้าง "เมิ่งจิ่งหลานพูดขึ้นมา สวี่หานหันไปมองอันชิงเหมย นางเองก็กำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน " ได้ งั้นให้นางเตรียมตัว1วัน งานแต่งจะจัดขึ้นในวันถัดไป"จวนตระกูลอัน" เหมยเอ๋อ
สวี่หานมองอันชิงเหมยด้วยแววตาหลงใหลอดใจไม่ได้ จูบหน้าผากมนของนางหนึ่งทีก่อนกระโจนออกทางหน้าต่างไป " คุณหนู นี่เป็นชุดแต่งงานที่ชินอ๋องส่งมาให้ท่าน เป็นชุดแต่งงานของยี่เฟยพระมารดาของชินอ๋อง ชุดงามมากยังเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี ท่านลองใส่ดูคับหลวมตรงไหนจะได้ให้ช่างแก้ไข "ตำหนักกุ้ยฮวาที่ปิดตายของยี่เฟยถูกเปิดอีกครั้ง เหล่านางกำนัลต่างถูกเกณฑ์มาช่วยกันทั้งทำความสะอาดและตกแต่งตำหนัก เพื่อเป็นเรือนหอของสวี่หานกับอันชิงเหมย พริบตาเดียวทุกอย่างก็พร้อมสำหรับงานแต่งในวันพรุ่งนี้อันชิงเหมยตื่นแต่ยามเหม่า(05.00)อาบน้ำแช่ตัวด้วยกลีบเหมยกุ้ย(กุหลาบ) สวมชุดเจ้าสาวสีแดงสดประดับด้วยดิ้นทองปักลวดลายหงส์และดอกโบตั๋น " คุณหนู งดงามมากเจ้าค่ะ งดงามเหมือนเทพธิดาเลย "" คุณหนูเจ้าคะ ขบวนเจ้าบ่าวมารออยู่หน้าจวนแล้วเจ้าค่ะ "" อะไรกันทำไมมาเร็วแบบนี้ ชินอ๋องมาด้วยตัวเองเลยรึ"แม่สื่อถามแล้วเอาผ้าคลุมเจ้าสาวมาคลุมให้อันชิงเหมย" เจ้าค่ะ รีบไปเถอะ"" เหมยเอ๋อ "อันเฟยเทียนเดินมาดักหน้า" ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจ ขอเพียงบอกพี่มาคำเดียวพี่จะไล่เขากลับเดี๋ยวนี้"" เฟยเทียน เจ้าพูดอะไร "" ท่านพ่อ "" พี่ใหญ่ข้ารู้ว่าท่
" ท่านแม่ ท่านแม่ทิ้งข้าไปอีกแล้ว"เซี่ยจิ่งเทียนดึงนางเข้ามากอด มือหนาลูบหลังนางเบาๆปลอบโยน" บางทีท่านไม่ได้ทิ้งเจ้าไปไหน ท่านอาจกำลังมองดูเจ้าอยู่ จากที่ไหนสักแห่ง"สตรีชุดแดงยืนอยู่นอกกระท่อมเผยรอยยิ้มบางๆ ภาพในอดีตผุดขึ้น นางเป็นเทพเซียนปลา วันหนึ่งหนีมาเที่ยวเล่นเมืองมนุษย์ได้เจออันซูหลุนบาดเจ็บ หมดสติอยู่ริมน้ำ ลมหายใจรวยรินชีพจรอ่อน หากปล่อยไว้ไม่ถึงชั่วยามเขาต้องตายแน่ จึงใช้พลังช่วยเหลือจนฟื้นคืน แล้วคอยดูแลจนเขาหายดีความใกล้ชิดทำให้เกิดความรักต่อกัน นางจึงติดตามอันซูหลุนกลับไป แล้วใช้ชีวิตด้วยกันจนมีบุตรชายและบุตรสาว แต่เทพกับมนุษย์ไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ ในแต่ละวันที่ผ่านไปบนโลกมนุษย์ พลังเซียนของนางจะค่อยๆลดลง หลังจากคลอดอันชิงเหมยพลังเซียนของนางก็ลดน้อยลงจนเกือบหมดไป หากพลังหมดนางจะต้องคืนร่างเป็นปลาตลอดชีวิตกลับไปเป็นเทพเซียนไม่ได้อีกแต่เพื่อความรักที่มีต่อสามีและลูกๆ เพื่อให้อยู่กับพวกเขานางยอมสละพลังที่มีอยู่ทั้งหมด จนอันชิงเหมยได้4หนาว พี่สาวของนางได้ตามตัวนางจนเจอและพานางกลับไป ตอนนั้นนางกำลังจะคืนร่างเป็นปลาจึงทำให้นางต้องจากพวกเขาไปโดยไม่มีแม้คำบอกลา จิ่งหย
" คุณหนูไม่เห็นต้องมาเองให้ลำบากเลยนะเจ้าคะ ให้ข้ามาคนเดียวก็ได้"" ข้าอยากรู้เร็วๆว่าพวกมันตายรึยัง ได้ยินเองกับหูมันรู้สึกดีกว่าฟังจากปากเจ้าเป็นไหนๆ ใกล้ถึงหรือยังเนี่ย"" เจ้าค่ะๆ ใกล้แล้วเจ้าค่ะอีกนิดเดียว นู่นไงเจ้าค่ะทางชายป่าด้านนู้น"รออยู่สักพักก็ไม่เห็นวี่แววของนักฆ่าโผล่มาสักคน" ไหนหล่ะไม่เห็นมีใครโผล่หัวมา เจ้าแน่ใจนะว่านัดพวกมันที่นี่"" แน่ใจเจ้าค่ะ รออีกนิดเถอะเจ้าค่ะ มันต้องมาเอาเงินอีกครึ่งแน่"" หรือพวกมันจะตายกันหมดแล้ว"" เป็นไปไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ นักฆ่ามีเป็นสิบแต่พวกนั้นมีแค่4คน คนที่มีวรยุทธ์มีเพียงแค่คุณชายเซี่ยคนเดียว ต่อให้เก่งยังไงถูกนักฆ่าเป็นสิบรุมขนาดนั้นยังไงก็ไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ"" ให้จริงอย่างที่เจ้าพูดเถอะ"" ว้าว เทพธิดาที่ไหนเนี่ย มายืนอยู่ที่เปลี่ยวแบบนี้"พวกขอทานสี่คนเดินตรงเข้ามาจ้องมองฮวาจื่อกับชิงชิงด้วยสายตาหื่นกระหาย ชิงชิงดึงฮวาจื่อไปไว้ข้างหลังนาง" อย่าเข้ามานะไอ้พวกขอทานสกปรก ไปให้พ้น"" บอกว่าอย่าเข้ามาไงหล่ะ นี่คือคุณหนูฮวาจื่อบุตรสาวของท่านเจ้าเมืองนะ"" โอ๊ะ ที่แท้ก็เป็นบุตรสาวท่านเจ้าเมืองนี่เอง"" รู้แล้วก็ไสหัวไปให้ไกลๆ ขอทานสกปรกอย
" เจ้า เจ้าโกหก ไม่จริง "" ข้าพูดความจริงขอรับ"" ไม่จริง ไม่จริง กรี๊ดดดดด"ยามอู่ บ่าวรับใช้วิ่งเข้ามา" ฮูหยินขอรับคุณชาย คุณชายเซี่ยกับคุณหนูอันกำลังจะไปจากที่นี่แล้วขอรับ"เฮ่อหลันที่กำลังจิบชาตกใจจนจอกชาหลุดมือรีบลุกออกไปทันที ไปถึงหน้าจวนเห็นเซี่ยจิ่งเทียนกำลังประคองพาอันชิงเหมยขึ้นรถม้า" ช้าก่อน จิ่งเทียนเหตุใดต้องทำเช่นนี้ พวกเจ้าจะไปก็ไปไม่คิดจะบอกกล่าวข้าสักคำไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยรึ"" ข้าได้ฝากบ่าวรับใช้ไปบอกท่านแล้ว ก่อนหน้าข้าช่วยท่านเอาไว้ ท่านให้ที่พักแก่พวกข้าก็ถือว่าเราไม่มีอะไรติดค้างกัน"" จิ่งเทียน ข้ารู้ว่าข้าผิด ข้ายอมรับว่าข้าให้คนจุดกำยานปลุกกำหนัด แล้วลวงเจ้าไปที่ห้อง แต่ข้า ข้าหวังดีกับเจ้า อยากให้เจ้าได้มีคู่ครองที่ดี คุณหนูฮวาเหมาะสมกับเจ้าที่สุด"เซี่ยจิ่งเทียนกุมมืออันชิงเหมยแน่นมองเฮ่อหลันด้วยสายตาแข็งกร้าว" ท่านมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินว่าใครเหมาะสมไม่เหมาะสมกับข้า เรื่องส่วนตัวของข้าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย ภรรยาของข้าข้าเลือกเองได้ ต่อให้พ่อบุญธรรมของข้ายังอยู่ หรือแม้กระทั่งพ่อแม่แท้ๆของข้ายังอยู่ พวกเขาก็จะไม่หักหาญน้ำใจบังคับข้า แล้วท่านหล่ะท่า
" ข้าขอโทษ แต่ข้าช่วยท่านไม่ได้จริงๆ "" ไม่ ไม่ต้องขอโทษ ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เป็นข้าที่ไม่ระวังเอง"" มีวิธีอื่นอีกไหม"เซี่ยจิ่งเทียนส่ายหน้า เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นกอดตัวเองด้วยความทรมาน" เจ้าไปซะ ก่อนที่ข้าจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ข้าขออยู่ที่นี่ก่อน เพราะข้ากลับไปที่ห้องตัวเองไม่ไหวแล้ว"" พี่เซี่ยข้า ข้าจะออกไปหาวิธีช่วยท่าน"เสียงประตูปิดลง เซี่ยจิ่งเทียนมองไปที่ประตูด้วยความผิดหวังแววตาเศร้าสร้อยแล้วลุกขึ้นยืน อาการก่อนหน้าที่มีหายไปหมด ความจริงเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย ยาปลุกกำหนัดแบบไหนก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เขาฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่เด็กกับอาจารย์ฝู พอ15ปีอาจารย์ฝูได้ฝังยาวิเศษเข้ากับร่างกายของเขา ไม่ว่าจะเป็นยาปลุกกำหนัดหรือมนต์ดำไสยศาสตร์ใดๆก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้ เสียงฝีเท้ารีบเร่งใกล้เข้ามา เขารีบวิ่งไปนอนขดตัวบนเตียง อันชิงเหมยเปิดประตูเข้ามาเดินเข้าไปหา" เจ้า กลับมาทำไม"" พี่เซี่ย ข้ารู้ว่าท่านทรมาน ข้า ข้าจะช่วยท่านเอง"" เจ้า เจ้าพูดว่าอะไรนะ"" ข้าจะช่วยท่าน"" จะไม่เสียใจภายหลังใช่ไหม"อันชิงเหมยพยักหน้า เซี่ยจิ่งเทียนรีบคว้าตัวนางมาบดจูบอย่างหื่นกระหาย แล้วขึ้นคร่อมนางซุกไซร
เห็นท่าทีเย็นชาของเซี่ยจิ่งเทียน เฮ่อหลันก็เจ็บปวดใจ นางต้องทำทุกวิธีเพื่อให้เขาอยู่กับนาง เป็นทายาทสืบทอดสกุลให้ได้ ส่วนเรื่องภรรยาของเขา ยังไงก็ต้องเป็นสตรีที่เพียบพร้อมเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ชาติตระกูลดี ไม่มีทางที่นางจะยอมรับอันชิงเหมย ลำพังเคยมีสามีผ่านการหย่าร้างมาก็ทำใจยอมรับยากอยู่แล้ว ยังจะเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอีก แต่ตอนนี้นางต้องตามน้ำไปก่อน แล้วค่อยคิดหาทางอีกที" ก็ได้ หากเจ้าจะไปจริงๆข้าก็ไม่ขัดขวางแต่อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดครบรอบ68ปีของข้า ข้าอยากให้พวกเจ้าอยู่ร่วมงานของข้าก่อนแล้วค่อยไป ได้ไหม"เห็นอันชิงเหมยตอบตกลงเซี่ยจิ่งเทียนก็คล้อยตาม เฮ่อหลันก็ยิ้มทั้งน้ำตามองดูทั้งสองเดินจากไปก่อนจะยกมือขึ้นมาซับน้ำตา ไม่ใช่วันเกิดอะไรของนางทั้งนั้นแหละ นางแค่หาทางถ่วงเวลาก็เท่านั้น" ฮูหยินเจ้าคะวันเกิดปลอมๆของฮูหยินจะกำหนดขึ้นอีกกี่วันดีเจ้าคะ"" อีก3วันข้างหน้า"" แค่3วันเองจะทันคิดแผนหรือเจ้าคะ "" ไม่ต้องคิด ข้ามีแผนเอาไว้แล้ว เดี๋ยวเจ้าไปนัดคุณหนูฮวาให้ข้า ให้ไปพบกันที่ร้านน้ำชาที่เดิม"" เจ้าค่ะฮูหยิน"" คุณหนู ท่านไม่น่าอยู่ต่อเลยดูก็รู้ว่าฮูหยินเฮ่อไม่น่าไว้ใจ ข้าว่าเร
" เฮ่อฮูหยินเรียกข้า ไม่ทราบมีเรื่องอันใด"" จิ่งเทียน ทำไมไม่ยอมเรียกป้าสักทีหล่ะ "เห็นสีหน้าเย็นชาของเขาเฮ่อหลันก็ไม่เซ้าซี้ไม่เรียกป้าก็ไม่เป็นไร จะเรียกอะไรก็ช่าง ยังไงเขาก็เป็นหลานของนาง ต้องอยู่กับนางที่นี่ตลอดไป แม้เขาไม่เต็มใจอยู่นางก็จะทำให้เขาอยู่" เอาหล่ะ ช่างเถอะ จิ่งเทียนนี่คุณหนูฮวาจื่อบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าเมือง คุณหนูฮวา นี่ไงหลานชายของข้าที่เล่าให้ฟัง เซี่ยจิ่งเทียน"ฮวาจื่อหันมามอง เห็นบุรุษสีหน้าเย็นชาที่เหลือบมองนางด้วยหางตา อกข้างซ้ายก็เกิดเต้นแรงขึ้นมา รูปงามอย่างที่เฮ่อหลันบอกไม่มีผิด สง่างามราวกับเทพเซียนน่าเกรงขามน่าหลงใหลเป็นที่สุด แต่พอมองลงไปข้างล่างเห็นมือของเขากอบกุมมือของสตรีที่ยืนข้างๆก็ขมวดคิ้ว สตรีนางนี้เป็นใครกัน ไหนเฮ่อหลันบอกว่าเขายังไม่ได้แต่งงานไง ทำไมมายืนกุมมือกันแบบนี้" ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าแม่นางท่านนี้"" นางเป็นแค่สหายของจิ่งเทียนเท่านั้น"เฮ่อหลันรีบตอบแทน อันชิงเหมยพยายามจะเอามือออกแต่เซี่ยจิ่งเทียนยิ่งกุมมือแน่นทั้งห้านิ้วสอดประสานกับนิ้วของนาง" หากไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อน"ฮวาจื่อมองตามเซี่ยจิ่งเทียนด้วยความเสียดาย
วันต่อมาเฮ่อหลันสั่งให้ทำอาหารเต็มโต๊ะเพื่อเลี้ยงฉลองที่นางได้พบเจอหลานชายเพียงคนเดียว นางคีบอาหารใส่ถ้วยให้เซี่ยจิ่งเทียนอย่างเอาอกเอาใจ เดิมทีนางคิดว่าชาตินี้คงไม่มีผู้สืบทอดสกุลแล้ว แต่สวรรค์ก็เมตตานาง ส่งเซี่ยจิ่งเทียนมาให้นาง ไม่ว่าต้องทำยังไง นางก็จักหาวิธีให้เขาอยู่กับนางที่นี่ตลอดไปให้ได้เซี่ยจิ่งเทียนมองดูอาหารที่ล้นชามจนมองไม่เห็นข้าว จึงรีบหยุดเฮ่อหลัน ก่อนที่นางจะคีบอาหารมาให้เขาอีก" พอเถอะ แค่นี้ข้าก็กินไม่หมดแล้วท่านกินเถอะข้าคีบเองได้"" ฮ่าฮ่า ข้าแค่ดีใจมากไปหน่อยที่สวรรค์ส่งหลานชายมาให้ข้า ต่อไปนี้สกุลของข้าก็มีผู้สืบทอดแล้ว เจ้าเปลี่ยนมาใช้แซ่เฮ่อดีไหม"เซี่ยจิ่งเทียนถือตะเกียบค้างจ้องมองเฮ่อหลันด้วยแววตาเย็นชา เขาไม่มีวันเปลี่ยนแซ่เด็ดขาด กำลังจะบอกว่าเขาไม่ใช่บุตรแท้ๆของเซี่ยอันเหอ แต่เป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งถูกขายเป็นทาสแรงงาน ที่เซี่ยอันเหอซื้อเขามา แล้วรับเป็นลูกบุญธรรมแต่เฮ่อหลันก็พูดขึ้นมาก่อน" บุรุษเปลี่ยนแซ่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ข้าลืมคิดเรื่องนี้ ไม่เป็นไรงั้นข้าจะเปลี่ยนกลับไปใช้แซ่เดิมเอง ทีนี้เราก็จะแซ่เซี่ยเหมือนกันแล้วเจ้าก็จะได้สืบทอดสกุลเซี่ยได้โดยไม่
" เดี๋ยวนะ เมื่อกี้แม่นางเรียกพี่เซี่ย ท่านแซ่เซี่ยหรือ แล้วยังมาจากแดนใต้อีก ท่านชื่ออะไร"" ข้าแซ่เซี่ยชื่อจิ่งเทียน"" ท่านรู้จักชายที่ชื่อเซี่ยอันเหอหรือไม่ เขาเป็นทหารอยู่ที่ชายแดนใต้"เซี่ยจิ่งเทียนสีหน้าเย็นชาจ้องหน้าหญิงชราตรงหน้าไม่พูดอะไร เฮ่อหลันรู้สึกผิดหวังนางคงจะคิดไปเอง คนแซ่เดียวกันมีตั้งมากมายคงไม่ใช่อย่างที่นางคิดหรอก แต่แล้วเมื่อได้ยินคำตอบจากเซี่ยจิ่งเทียนจอกน้ำชาในมือถึงกับร่วงหล่น" เซี่ยอันเหอเป็นบิดาของข้าเอง ท่านเคยเป็นรองแม่ทัพอยู่ในค่ายต้าเป่ยที่ชายแดนใต้"" งั้นเจ้า เจ้าก็ "เฮ่อหลันลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเซี่ยจิ่งเทียนเอื้อมมือจะสัมผัสเขาแต่ก็ชักมือกลับ" หยูเยี่ยนเจ้าไปเอาภาพวาดที่อยู่ข้างในหีบในห้องของข้ามา รีบไปเร็ว"หยูเยี่ยนบ่าวรับใช้ชราวัยใกล้กัน รีบสาวเท้าเดินออกไป" เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเขาเคยเป็นรองแม่ทัพเหรอ ดี ดีจริงๆ เคยเป็นถึงรองแม่ทัพตอนนี้เขาคงลาออกไปพักผ่อนแล้วสินะ อายุเยอะแล้ว กรำศึกมามากถึงเวลาพักผ่อนแล้ว"" ท่านเสียชีวิตในสนามรบตั้งแต่ข้ายังเด็ก"เฮ่อหลันเซแทบทรุด อันชิงเหมยประคองพาไปนั่งที่เก้าอี้" เจ้า เจ้าว่าเขาตายแล้วงั้นเหรอ โธ่น้องชายขอ
หลายเดือนผ่านไป ไม่ว่าจะค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววของอันชิงเหมย สวี่หานจำต้องกลับแดนใต้ แม่ทัพที่ท่าทางองอาจน่าเกรงขาม บัดนี้กลับผอมโซ หน้าตอบผิวดำคล้ำแววตาเศร้าหมอง เขาลงจากหลังม้าอย่างร่างไร้วิญญาณ เดินโซเซเข้าไปในจวน หลายเดือนที่ผ่านมาเขาออกตามหาอันชิงเหมยไปทั่วแต่ก็ไม่พบ เขาทรุดตัวนั่งลงบนเตียงของเขากับนาง กอดหมอนที่นางหนุนนอน กลิ่นหอมอ่อนๆของนางยังคงติดอยู่บนหมอน ด้วยความเหนื่อยล้าสะสม บวกกับที่ไม่ได้กินไม่ได้นอนมาหลายวันหลายคืนติดกันจึงเผลอหลับไป อันชิงเหมยยืนร้องไห้อยู่ริมหน้าผา สวี่หานรีบเข้าไปหา นางหันมามองด้วยแววตาตัดพ้อน้ำตาอาบสองแก้ม" ท่านไม่รักข้าแล้ว "" ไม่จริง เหมยเหมยข้ารักเจ้า รักเจ้าแค่คนเดียว"" รักข้า รักข้าแล้วทำไมไม่อยู่กับข้า ทำไมถึงไปดูแลหญิงอื่น"" ข้าขอโทษ เหมยเหมยอย่า ออกมาจากตรงนั้นมันอันตราย มาหาข้า เหมยเหมยมานี่"" เพราะท่าน ท่านทำให้ลูกของข้าต้องตาย เพราะท่าน"" ข้าขอโทษ ข้าผิดต่อเจ้า ผิดต่อลูกของเรา ข้าขอโทษ "" ข้าเกลียดท่าน ถึงต่อให้ข้าตายท่านก็ไม่มีวันได้เจอศพข้า"อันชิงเหมยหันหลังกลับกระโดดหน้าผาลงไป" ไม่ เหมยเหมย ไม่"สวี่หานสะดุ้งตื่นขึ้น น้ำต