ทุกคนต่างซุบซิบกัน เกิดอะไรขึ้นกับชินอ๋องสวี่หาน เขาเป็นคนที่ปฏิเสธการแต่งานมาโดยตลอดจนปัจจุบันอายุ25แล้วยังไม่เคยอุ่นเตียงกับสตรีใด หลายปีที่ผ่านมาฮ่องเต้อู๋เทียนหลงส่งสาวงามไปให้เขามากมาย แต่ไม่มีหญิงใดมีวาสนาได้แม้กระทั่งเห็นหน้าเขา ทุกนางล้วนตายตกก่อนถึงแดนใต้ แม้จะอ้างเหตุเกิดจากโจรป่าแต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเป็นฝีมือของสวี่หาน อีกหนึ่งคือการเตือนฮ่องเต้ทางอ้อมว่าอย่าได้ส่งสตรีใดมาอีก แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น สวี่หานเดินทางไกลจากแดนใต้เข้าวังหลวง เพื่อขอสมรสพระราชทานด้วยตัวเองเลือกเจ้าสาวเองแล้วยังใจร้อนเร่งจะแต่งพรุ่งนี้อีก นี่มันยามไฮ่(21.00-23.00) อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะเช้าจะเอาเวลาที่ไหนมาจัดเตรียมงาน ไหนจะชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวอีก
" สวี่หาน พรุ่งนี้เกรงว่าจะไม่ทัน แม้พิธีต่างๆจะสามารถเร่งมือได้ด้วยกำลังคนในวังหลวง แต่ชุดเจ้าสาวไม่อาจตัดเย็บได้แล้วเสร็จภายในเวลาไม่กี่ชั่วยาม เจ้าควรให้เจ้าสาวของเจ้าได้มีเวลาเตรียมตัวบ้าง "
เมิ่งจิ่งหลานพูดขึ้นมา สวี่หานหันไปมองอันชิงเหมย นางเองก็กำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน
" ได้ งั้นให้นางเตรียมตัว1วัน งานแต่งจะจัดขึ้นในวันถัดไป"
จวนตระกูลอัน
" เหมยเอ๋อ หากเจ้าไม่อยากแต่งเจ้าสามารถพูดออกได้เลยไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น พี่บอกแล้วไงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่คนนี้จะปกป้องเจ้าเอง ท่านพ่อก็ด้วย แม้จะต้องทำศึก กองกำลังเหนือกับตะวันตกรวมกันมีรึจะสู้ชินอ๋องไม่ได้ "
" พี่ใหญ่ ข้ารู้ว่าท่านกับท่านพ่อพร้อมปกป้องข้า แต่ข้าไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะข้าคนเดียว ข้า18ปีแล้วไม่ช้าเร็วก็ต้องแต่งงานอยู่ดี พวกท่านอย่าได้กังวลเลย "
" จะไม่ให้กังวลได้ยังไงเจ้าเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่ ใครๆก็รู้ว่าชินอ๋องโหดเหี้ยมแค่ไหน อยู่ในสนามรบฆ่าคนตั้งแต่เด็ก ไร้เมตตาปราณี แม้แต่ลูกน้อง ใครที่ทำผิดนิดเดียวยังถูกทรมานปางตาย มีข่าวลือว่าเขาไม่ชอบสตรีเพราะเป็นพวกต้วนซิ่ว ครั้งนี้ไม่รู้มีแผนอะไรถึงได้กลับเมืองหลวงเพื่อขอสมรสพระราชทานกับเจ้าโดยเฉพาะ "
บนหลังคา สวีหานหน้าตาเยือกเย็นประกายตาดุดัน รอบตัวแผ่ไอสังหารออกมา โหดเหี้ยมรึ เป็นพวกต้วนซิ่วรึ ฮึ อันเฟยเทียนแดนใต้กับแดนตะวันตกอยู่ไกลกันหลายหมื่นลี้แต่กลับรู้จักข้าดีจริงๆนะ
" เฟยเทียนอย่ากังวลเกินไป ไม่ว่าเหตุผลของชินอ๋องคืออะไร แต่งานแต่งครั้งนี้เป็นสมรสพระราชทาน อีกทั้งเขาเป็นคนขอด้วยตัวเอง ฉะนั้นเขาไม่มีทางทำร้ายเหมยเอ๋อหรอก "
แม้จะพูดไปแบบนั้นแต่อันซูหลุนก็มีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ในเมื่อเป็นสมรสพระราชทานขัดไม่ได้ ทั้งสวี่หานยังกล้าขอด้วยตัวเอง หากเรื่องนี้ถูกปฏิเสธย่อมเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี อีกอย่างลูกสาวของตนก็ยินดีตอบตกลงไปแล้ว ตนก็ต้องเชื่อใจนางว่านางจะดูแลตัวเองได้
" คุณหนู คุณหนูจะแต่งงานกับชินอ๋องจริงๆหรือเจ้าคะ คุณหนูไม่กลัวเหรอเจ้าคะ"
" กลัว กลัวอะไร กลัวเขาจะฆ่าข้าหน่ะเหรอ เขามีเหตุผลอะไรจะฆ่าข้า ข้าเชื่อว่าเขาคงไม่ไร้เหตุผลที่จะฆ่าใครขนาดนั้น แต่งงานครั้งนี้เป็นเขาที่ขอเองไม่ใช่ข้า "
" ก็จริง แต่ว่าถ้าสมมติวันนึงท่านอ๋องถอดหน้ากากออก แล้วท่านเห็นหน้าตาเขาอัปลักษณ์ท่านจะทำใจได้เหรอเจ้าคะ "
" นักรบย่อมมีบาดแผล เขาเป็นแม่ทัพอยู่ในสนามรบมาตั้งแต่เด็ก รอยแผลเป็นย่อมมีทั่วทั้งร่างกาย นับประสาอะไรกับใบหน้า มันก็แค่รอยแผลเท่านั้น "
สวี่หานยกยิ้มมุมปาก มองดูนางจากรูบนหลังคา ดึกสงัดเทียนในห้องดับสนิท เขากระโดดลงมาจากหลังคาแอบเข้าทางหน้าต่าง ยืนมองอันชิงเหมยที่นอนหลับตาพริ้ม แสงจันทร์สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าของนาง นวลเนียนกระจ่างใส ปากกระจับจิ้มลิ้มอมชมพู ทำให้สวี่หานอดใจไม่ได้ก้มลงไปกดจูบเบาๆ นิ้วมือสัมผัสแก้มนุ่มนิ่ม เจอกันสักทีนะเด็กน้อย
เขานึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเขาพึ่งสูญเสียแม่ไป เมื่อไม่มีแม่เขาก็เคว้งคว้างไม่มีใครสนใจ แม้แต่บ่าวรับใช้ยังไม่เห็นหัว เขานั่งร้องไห้อยู่ตามลำพังในอุทยาน เด็กหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหา ยืนจ้องมองเขา
" เจ้าร้องไห้ทำไมรึ เป็นลูกผู้ชายซะเปล่าทำไมขี้แยจัง "
" เจ้าเป็นใครเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ไปซะอย่ามายุ่งกับข้า "
จ๊อก จ๊อก
" อุ๊ย เจ้าหิวเหรอท้องร้องเสียงดังเลย "
สวี่หานทั้งอายทั้งโมโหหน้าดำหน้าแดงปะปนกัน เขาปาดน้ำตาลุกขึ้นเดินหนี ตั้งแต่พิธีศพของแม่เขายังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย ทุกคนมัวแต่วุ่นวายกับพิธีการ ไม่มีใครสักคนสนใจเขา ไม่มีใครถามว่าเขาหิวไหม รู้สึกอย่างไรบ้าง ไม่มีใครปลอบใจเขาสักคน หลังงานศพตำหนักของแม่เขาถูกสั่งปิดบ่าวไพร่แยกย้าย แม้แต่ตัวเขาเองก็มีคำสั่งให้ไปอยู่กับหมี่กุ้ยเหริน สตรีหน้าตายนั่นคนที่ทุกคนคิดว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีกับแม่ของเขา แท้จริงอิจฉาริษยาคอยแต่จะแทงข้างหลังตลอด และเขาก็สงสัยว่านางมีส่วนทำให้แม่ของเขาต้องถูกพิษจนตาย แต่ก็ไม่มีหลักฐาน ครั้งหนึ่งนางแท้งลูก หมอหลวงบอกว่านางไม่อาจมีลูกได้อีก เขาแอบได้ยินฮ่องเต้บอกว่าจะส่งเขาให้ไปอยู่กับนาง แต่เขาไม่ยินยอม ใครจะอยากอยู่กับสตรีสองหน้าเช่นนั้น จึงวิ่งหนีมาแอบร้องไห้อยู่ที่นี่
" เจ้า เจ้าหน่ะหิวมากใช่ไหม ก็คงจะมากแหละไม่งั้นท้องก็คงไม่ร้อง "
" เจ้า ไปให้พ้นๆไม่ต้องมาเดินตามข้า "
" แต่ข้ามีของกินนะ นี่ไง อ่ะกินสิ ข้าให้ "
เด็กหญิงล้วงเอาน่องไก่กับหมั่นโถออกมาจากเสื้อ แล้วยังมีขนมกุ้ยฮวาอีกหลายชิ้น เขาอ้าปากค้างเด็กนี่ทำไมถึงได้รู้จักซ่อนของกินไว้เยอะขนาดนั้น
" เจ้า เจ้าเอามันมาจากไหน"
" ที่ศาลาริมน้ำทางนู้น ท่านพ่อคุยธุระ มีของกินเยอะแยะเลย ข้ากินอิ่มแล้วก็แอบเอาใส่เสื้อมา กะจะเอาไปฝากซีหว่าน แต่ไม่เป็นไร ไว้ข้าให้แม่ครัวที่จวนทำให้นางกินใหม่ เจ้าน่าสงสารมาก หิวจนร้องไห้เลย เอ้ารับไปแล้วรีบกินซะ"
พูดจบนางก็ยัดของกินใส่มือของเขาแล้วยิ้ม
" ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าอายข้า ไม่กล้ากินใช่ไหมหล่ะ ก็ได้ ก็ได้ งั้นข้าหันหลังให้ไม่มอง ไม่มอง "
ืัทันทีที่นางหันหลัง เขาก็ยัดทุกอย่างเข้าปากกินอย่างมูมมามด้วยความหิว
" คุณหนู คุณหนูเจ้าขา คุณหนูอยู่ที่ใดเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพจะกลับจวนแล้ว คุณหนู "
" ข้าต้องไปแล้ว "
" ช้าก่อน ข้าขอบใจสำหรับอาหารที่เจ้าให้ข้า ข้าให้เจ้า"
" เอ๋ จี้หยกนี่สวยมากเลยนะ เจ้าให้ข้าจริงๆเหรอ "
" อืม "
เขามองดูเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งจากไป สักวันเขาจะกลับมาหานาง หลังจากวันนั้นเขาก็แอบออกจากวังโดยมีฟู่เถียนให้ความช่วยเหลือเดินทางไปแดนใต้เข้าร่วมกองทัพ
สวี่หานมองอันชิงเหมยด้วยแววตาหลงใหลอดใจไม่ได้ จูบหน้าผากมนของนางหนึ่งทีก่อนกระโจนออกทางหน้าต่างไป " คุณหนู นี่เป็นชุดแต่งงานที่ชินอ๋องส่งมาให้ท่าน เป็นชุดแต่งงานของยี่เฟยพระมารดาของชินอ๋อง ชุดงามมากยังเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี ท่านลองใส่ดูคับหลวมตรงไหนจะได้ให้ช่างแก้ไข "ตำหนักกุ้ยฮวาที่ปิดตายของยี่เฟยถูกเปิดอีกครั้ง เหล่านางกำนัลต่างถูกเกณฑ์มาช่วยกันทั้งทำความสะอาดและตกแต่งตำหนัก เพื่อเป็นเรือนหอของสวี่หานกับอันชิงเหมย พริบตาเดียวทุกอย่างก็พร้อมสำหรับงานแต่งในวันพรุ่งนี้อันชิงเหมยตื่นแต่ยามเหม่า(05.00)อาบน้ำแช่ตัวด้วยกลีบเหมยกุ้ย(กุหลาบ) สวมชุดเจ้าสาวสีแดงสดประดับด้วยดิ้นทองปักลวดลายหงส์และดอกโบตั๋น " คุณหนู งดงามมากเจ้าค่ะ งดงามเหมือนเทพธิดาเลย "" คุณหนูเจ้าคะ ขบวนเจ้าบ่าวมารออยู่หน้าจวนแล้วเจ้าค่ะ "" อะไรกันทำไมมาเร็วแบบนี้ ชินอ๋องมาด้วยตัวเองเลยรึ"แม่สื่อถามแล้วเอาผ้าคลุมเจ้าสาวมาคลุมให้อันชิงเหมย" เจ้าค่ะ รีบไปเถอะ"" เหมยเอ๋อ "อันเฟยเทียนเดินมาดักหน้า" ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจ ขอเพียงบอกพี่มาคำเดียวพี่จะไล่เขากลับเดี๋ยวนี้"" เฟยเทียน เจ้าพูดอะไร "" ท่านพ่อ "" พี่ใหญ่ข้ารู้ว่าท่
สวี่หานมองดูนางที่ดวงตาแดงกร่ำเริ่มมีน้ำตาคลอ" เหมยเหมย "" ข้าไม่ต้องการให้ท่านมาสงสารข้า "" สงสาร"" ไม่ใช่รึไง ท่านขอสมรสพระราชทานจากฟ่าบาทเพราะต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนให้ข้า ในเมืองหลวงใครไม่รู้บ้าง ว่าข้าถอนหมั้นกับเสิ่นหว่านอี้เพราะไม่ยอมรับที่เขามีภรรยาอีกคน ผู้คนต่างบอกว่าข้าใจคอคับแคบ ข้าประกาศว่าจะไม่ขอใช้สามีร่วมกับผู้ใด ทุกคนก็ยิ่งรอดูว่าชีวิตนี้ข้าจะมีผู้ใดมาสู่ขอหรือไม่ แล้วท่าน "" เหมยเหมย เรื่องนั้นมันก็เรื่องหนึ่งมันเป็นผลพลอยได้ แต่ข้าตั้งใจจะแต่งงานกับเจ้าตั้งแต่วันนั้นที่เราเจอกันครั้งแรกแล้ว แม้ข้าจะอยู่ไกลถึงแดนใต้แต่ทุกปีข้าจะให้คนวาดภาพเจ้าส่งไปให้ข้าที่แดนใต้ในทุกๆปีข้าจะเห็นเจ้าเติบโต เพียงแต่หลายปีมานี้ข้าต้องทำศึกเลยไม่รู้ว่าเจ้าหมั้นหมายกับไอ้รองแม่ทัพขาเป๋นั่น ทำไมหล่ะ ทำไมถึงไม่รอข้า เพียงแค่มันช่วยชีวิตพ่อของเจ้าเจ้าถึงกับต้องยอมหมั้นหมายกับมัน แล้วข้าหล่ะเจ้าไม่เคยคิดถึงบ้างเลยเหรอ จี้หยกที่ข้าให้เจ้า คงทิ้งมันไปแล้วสินะ "เห็นสี่หานทำหน้าเศร้านางก็รีบพูดขึ้นมา" ไม่ใช่ ข้ายังเก็บเอาไว้อยู่ อยู่ในหีบนั่น ข้าเอามาด้วย"สวี่หานยิ้มไม่ออก ของที่เขาให้
หลังจากทั้งสองกลับไปบ่าวรับใช้ก็ยกอาหารมาวางบนโต๊ะ สวี่หานคีบเนื้อปลาใส่จานให้นาง " หือ ไม่ชอบกินปลาเหรอ งั้น"เขาคีบเนื้อไก่ผัดเปรี้ยวหวานให้นาง" เพราะท่าน ถึงทำให้พี่ใหญ่เข้าใจผิดแบบนั้น"" ข้าผิดรึ เป็นเขาต่างหากที่ไม่รู้เรื่องเอง เป็นถึงแม่ทัพชายแดนตะวันตก แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้กลับไม่รู้ "จวนตระกูลอัน" ท่านแม่ทัพ ชินอ๋องให้คนส่งของสิ่งนี้มาให้ท่าน ฝากบอกว่าเป็นของขวัญจากน้องเขย"อันเฟยเทียนเปิดกล่องดูเป็นหนังสือเล่มหนึ่งพอเปิดดูเนื้อหาข้างในก็เบิกตากว้าง นี่มันตำราวสันต์ บอกวิธีร่วมรักหลายท่วงท่าทั้งภาพประกอบชัดเจนเสมือนร่วมอยู่ด้วย ผู้ใดวาดภาพนี้ช่างมีฝีมือดียิ่งนัก แล้วเขาก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่ารอยแดงที่คอของอันชิงเหมยไม่ได้ถูกบีบแต่ถูก หึย ยังไงนางก็ถูกทำร้ายอยู่ดี ยังไงเขาก็ไม่ถูกชะตากับชินอ๋องอัปลักษณ์นั่นอยู่ดี อันเฟยเทียนถือหนังสือเข้าห้องปิดประตูเงียบสั่งห้ามใครรบกวนสามวันต่อมาได้กำหนดกลับแดนใต้ อันชิงเหมยร่ำลาอันซูหลุนกับอันเฟยเทียนก่อนออกเดินทาง" เหมยเอ๋อ เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆนะ "" ท่านพ่อก็เหมือนกัน ที่แดนเหนือช่วงนี้หิมะตกแล้วท่านต้องรักษาสุขภาพด้วย แล้วท่านพ่
"หุบปาก"" เจ้าไม่ต้องอายไปหรอกน่า "จื่อโม่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขารีบเดินจ้ำอ้าวไม่สนว่านางจะตามทันหรือไม่ เขามองหาสวี่หานกับอันชิงเหมยไม่พบ ไม่รู้ว่าทั้งสองเดินไปทางไหนแล้ว ต้องคลาดกันตอนที่เขาหยุดรอซีหว่านเมื่อครู่แน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห สตรีอะไรถึงได้ปากมากนัก พูดอยู่ได้ไม่รู้จักเมื่อยปากรึไง ถ้าไม่ถามนั่นถามนี่ก็ชวนเขาคุย ซีหว่านวิ่งกระหืดกระหอบตามมาจนทัน นางยื่นถังหูลู่ให้เขา" ข้าให้เจ้า กินสิ กินแล้วจะได้อารมณ์ดีขึ้น"" ข้าไม่มีอารมณ์จะกินหรอก"" เอ๋ จะกินไม่เห็นต้องใช้อารมณ์เลย เขาใช้ปากนี่ไง ง่ำง่ำ"พูดจบนางก็อ้าปากงับถังหูลู่ในมือ ไหนบอกว่าให้เขา แล้วนี่อะไร นางกินเองจนหมดแล้วแถมยังกินให้เขาดูอีก เขาไม่ไหวแล้ว ทำไมอันชิงเหมยต้องฝากให้เขาดูแลนางด้วยนะ " นั่นไง ท่านอ๋องกับพระชายาอยู่ที่ร้านขายเครื่องประดับนั่น"จื่อโม่หันขวับไปดูตามที่นิ้วของซีหว่านชี้บอก เมื่อคนกลุ่มใหญ่เดินออกก็เผยให้เห็นสวี่หานกับอันชิงเหมยยืนอยู่ร้านขายเครื่องประดับ ไม่ไกลมีเฉาซื่อยืนอยู่ เขาค่อยโล่งใจหน่อย หากเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นยังมีเฉาซื่อคอยช่วยรับมือสวี่หานเลือกกำไลหยกมันแพะขึ้นมาชิ้นหนึ่ง สวมใส่ข้อ
ฉิงอีจ้องมองซีหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาไม่พอใจ" เจ้าเป็นใคร "" ข้าชื่อซีหว่าน เป็นสาวใช้ข้างกายพระชายา "" เฮอะ ที่แท้ก็บ่าวรับใช้"" ทำไมรึ รึว่าเจ้าไม่ใช่ อ๋อข้ารู้แล้ว เจ้าคงอยากขยับสถานะไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของท่านอ๋อง แต่ท่านอ๋องไม่ชายตาแลสินะ "" เจ้า "" ทำหน้าตาแบบนี้แสดงว่าข้าดูไม่ผิดจริงๆ ให้เจ้าฝันไปเถอะ ชาตินี้ก็ได้แค่ฝันนั่นแหละ ท่านอ๋องรักพระชายาของข้าคนเดียวไม่คิดจะรับอนุหรือสตรีอุ่นเตียง"" พอได้แล้ว มีอะไรกินบ้างข้าหิวจะแย่ "เฉาซื่อเดินไปหาอะไรกิน เห็นอาหารที่พึ่งยกกลับมา" นี่อะไร "" เป็นสำรับที่พึ่งยกกลับมา ท่านอ๋องบอกให้ทำไปใหม่ ห้ามใช้วัตถุดิบที่เป็นปลาเพราะชายาไม่ชอบ"" อ๋อ งั้นพวกเจ้าก็รีบไปทำใหม่สิ ขืนชักช้าเดี๋ยวก็ถูกลงโทษกันหรอก งั้นของพวกนี้พวกข้าจะกินเอง มาเร็วซีหว่านจื่อโม่ "เฉาซื่อกับจื่อโม่และซีหว่าน ช่วยกันยกอาหารไปนั่งกินด้วยกันที่ศาลาท่าน้ำ" เจ้ารู้ไหมว่าทำไมพระชายาถึงไม่ชอบปลา"เฉาซื่อถามขึ้นมา" ไม่ใช่ไม่ชอบ ชอบมากแต่ไม่กิน"" แล้วทำไมถึงไม่กินหล่ะ"" เพราะปลาเคยช่วยชีวิตพระชายาเอาไว้ "เฉาซื่อวางตะเกียบตั้งใจฟังที่ซีหว่านพูด" ปลาเนี่ยน
อันชิงเหมยกระโดดขึ้นหลังม้าจับดึงเชือกไว้แน่น นางบังคับม้าให้วิ่งเข้าป่าไป ทหารที่พากันวิ่งตามมาก็พากันแบ่งกลุ่มเพื่อไปดักทางม้า เซี่ยจิ่งเทียนขมวดคิ้วมองตามสตรีที่อาจหาญกระโดดควบม้าพยศไป ม้าตัวนั้นเป็นม้าป่าที่พึ่งจับได้ ถูกนำไปไว้ที่ค่ายเพื่อฝึกไว้ใช้งาน แต่กลับพยศหนีออกมา พวกเขาจึงตามมาเซี่ยจิ่งเทียนควบม้าตามเข้าป่าไปทันที เมื่อไปถึงก็แทบไม่เชื่อสายตา ม้าพยศตัวนั้นยืนให้สตรีลูบหัว แล้วยังอ้าปากรับหญ้าจากนางมาเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย " รองแม่ทัพเซี่ย ท่านเห็นเหมือนข้าหรือไม่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ม้าพยศตัวนั้นเราพยายามฝึกมันอยู่เป็นเดือน ตั้งแต่ถูกเราจับไปไว้ในค่ายไม่มีวันไหนที่มันไม่พยศ แถมยังทำร้ายพลทหารของเราเจ็บตัวตั้งหลายคน แต่นี่แค่สตรีคนเดียวกลับปราบพยศมันได้"เซี่ยจิ่งเทียนเดินเข้าไปใกล้ ทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน หัวใจของเขากลับเต้นแรงเสียยิ่งกว่ากลองศึก ใบหน้าขาวนวลเนียนคิ้วคางจมูกได้รูปปากจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อ งดงามเสมือนไม่มีอยู่จริง เขานิ่งงันราวต้องมนต์สะกด กระทั่งเสียงใสกังวานเอ่ยขึ้นมา" ม้าตัวนี้เป็นของท่านรึ"" ใช่ มันเป็นม้าที่ถูกจับได้ในป่าจึงนำไปไว้ในค่ายเพื่
" ไม่ใช่เจ้าค่ะท่านอ๋องพวกเราเพียงแต่ "" เพียงแต่อะไร เจ้าเป็นหัวหน้าแม่ครัวแต่กลับไม่ยอมทำอาหารดีๆส่งไปให้นาง กลับส่งแต่ข้าวต้มเปล่าๆกับผักดอง แล้วพวกเจ้าก็กินเนื้อกันอย่างสำราญ เจ้าคิดว่าข้าอยู่ที่ค่ายแล้วไม่รู้ไม่เห็นพฤติกรรมของพวกเจ้าอย่างงั้นรึ เจ้ากล้าเกินไปแล้ว"" ท่านอ๋องโปรดอภัย พวกข้าผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว"หลิวเหยียนโขกหัวขอร้องสวีหาน ตนไม่น่าเชื่อคำยุยงของฉิงอีเลย " เอาตัวไปโบย100ไม้ ส่วนพวกคนครัวที่เหลือโบย50ไม้แล้วขายออกไปให้หมด"" ท่านอ๋องโปรดเมตตาด้วยพวกข้าผิดไปแล้วไม่กล้าอีกแล้ว ท่านอ๋องเมตตาด้วย"ทุกคนพากันโขกหัวขอร้องแต่ไม่เป็นผล ถูกลากตัวออกไป เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากการถูกโบยดังไปทั่วทั้งจวน "ฝูอันเจ๋อ"สวี่หานเรียกฝูอันเจ๋อด้วยเสียงเยือกเย็น เขาพลันหน้าซีดหนาวเย็นไปถึงสันหลัง สายของเขารายงานว่าสวี่หานกำลังเตรียมตัวไปเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์ น่าจะออกเดินทางไปแล้ว เหตุใดจึงกลับมาที่จวนได้อีกใครเป็นคนไปฟ้องเรื่องนี้ หรือว่าอันชิงเหมยเขาประมาทนางไปจริงๆ" พระชายาของข้าต้องการรถม้าแต่เจ้ากลับขัดขวางไม่ให้นางใช้ "" เรียนท่านอ๋องเรื่องนี้ข้า ข้าไม่รู้เรื
แม้สวี่หานจะพูดแบบนั้นแต่อันชิงเหมยก็เห็นความสับสนในแววตาของเขา " ท่านไม่ต้องห่วง ข้าดูแลตัวเองได้"" ข้าอยู่ใกล้ๆไม่ให้เหมยเหมยมีอันตรายแน่นอน "เดินทางไม่นานก็ถึงที่หมายพวกทหารช่วยกันตั้งกระโจมที่พัก สวี่หานไปประชุมหารือเรื่องกำหนดการล่าสัตว์ที่มีในวันพรุ่ง อันชิงเหมยรู้สึกโดดเดี่ยว ซีหว่านไม่สบายกะทันหันเลยไม่ได้มากับนางด้วย " เดินทางเหนื่อยหรือไม่"" พี่จิ่งเทียน"" ข้าเห็นทางนั้นมีลำธารน้ำใสเห็นตัวปลาด้วย"" ข้าอยากไปดูสักหน่อย"เซี่ยจิ่งเทียนพานางไปที่ลำธาร นางมองดูธารน้ำใสแจ๋วไหลเอื่อยๆ มองเห็นปลาตัวเล็กๆแหวกว่ายไปมา " ว้าว น้ำใสเห็นตัวปลาจริงๆด้วย"เพราะมัวแต่ดูปลาเลยไม่ทันเห็นว่าเซี่ยจิ่งเทียนไปเอาไม้แหลมมาจากที่ไหน หันไปดูก็เห็นเขาเงื้อไม้เเหลมกำลังจะแทงปลา นางร้องห้ามสุดเสียง" อย่า "เซี่ยจิ่งเทียนชะงัก " ท่านจะทำอะไร"" ข้า ข้าแค่จะหาปลามาย่างให้เจ้ากิน"" ไม่ ข้าไม่กินปลาท่านห้ามทำร้ายพวกมัน"" ได้ ได้ข้าไม่ทำร้ายพวกมันไม่จับมันแล้ว "เขาโยนไม้แหลมทิ้งไป มองดูหน้าของนางที่น้ำตาคลอ สวี่หานกลับมาจากการหาลือ เขาครุ่นคิดถึงคำเตือนของทุกคนว่าไม่ควรให้อันชิงเหมยไปด้วย เพ
" ท่านแม่ ท่านแม่ทิ้งข้าไปอีกแล้ว"เซี่ยจิ่งเทียนดึงนางเข้ามากอด มือหนาลูบหลังนางเบาๆปลอบโยน" บางทีท่านไม่ได้ทิ้งเจ้าไปไหน ท่านอาจกำลังมองดูเจ้าอยู่ จากที่ไหนสักแห่ง"สตรีชุดแดงยืนอยู่นอกกระท่อมเผยรอยยิ้มบางๆ ภาพในอดีตผุดขึ้น นางเป็นเทพเซียนปลา วันหนึ่งหนีมาเที่ยวเล่นเมืองมนุษย์ได้เจออันซูหลุนบาดเจ็บ หมดสติอยู่ริมน้ำ ลมหายใจรวยรินชีพจรอ่อน หากปล่อยไว้ไม่ถึงชั่วยามเขาต้องตายแน่ จึงใช้พลังช่วยเหลือจนฟื้นคืน แล้วคอยดูแลจนเขาหายดีความใกล้ชิดทำให้เกิดความรักต่อกัน นางจึงติดตามอันซูหลุนกลับไป แล้วใช้ชีวิตด้วยกันจนมีบุตรชายและบุตรสาว แต่เทพกับมนุษย์ไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ ในแต่ละวันที่ผ่านไปบนโลกมนุษย์ พลังเซียนของนางจะค่อยๆลดลง หลังจากคลอดอันชิงเหมยพลังเซียนของนางก็ลดน้อยลงจนเกือบหมดไป หากพลังหมดนางจะต้องคืนร่างเป็นปลาตลอดชีวิตกลับไปเป็นเทพเซียนไม่ได้อีกแต่เพื่อความรักที่มีต่อสามีและลูกๆ เพื่อให้อยู่กับพวกเขานางยอมสละพลังที่มีอยู่ทั้งหมด จนอันชิงเหมยได้4หนาว พี่สาวของนางได้ตามตัวนางจนเจอและพานางกลับไป ตอนนั้นนางกำลังจะคืนร่างเป็นปลาจึงทำให้นางต้องจากพวกเขาไปโดยไม่มีแม้คำบอกลา จิ่งหย
" คุณหนูไม่เห็นต้องมาเองให้ลำบากเลยนะเจ้าคะ ให้ข้ามาคนเดียวก็ได้"" ข้าอยากรู้เร็วๆว่าพวกมันตายรึยัง ได้ยินเองกับหูมันรู้สึกดีกว่าฟังจากปากเจ้าเป็นไหนๆ ใกล้ถึงหรือยังเนี่ย"" เจ้าค่ะๆ ใกล้แล้วเจ้าค่ะอีกนิดเดียว นู่นไงเจ้าค่ะทางชายป่าด้านนู้น"รออยู่สักพักก็ไม่เห็นวี่แววของนักฆ่าโผล่มาสักคน" ไหนหล่ะไม่เห็นมีใครโผล่หัวมา เจ้าแน่ใจนะว่านัดพวกมันที่นี่"" แน่ใจเจ้าค่ะ รออีกนิดเถอะเจ้าค่ะ มันต้องมาเอาเงินอีกครึ่งแน่"" หรือพวกมันจะตายกันหมดแล้ว"" เป็นไปไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ นักฆ่ามีเป็นสิบแต่พวกนั้นมีแค่4คน คนที่มีวรยุทธ์มีเพียงแค่คุณชายเซี่ยคนเดียว ต่อให้เก่งยังไงถูกนักฆ่าเป็นสิบรุมขนาดนั้นยังไงก็ไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ"" ให้จริงอย่างที่เจ้าพูดเถอะ"" ว้าว เทพธิดาที่ไหนเนี่ย มายืนอยู่ที่เปลี่ยวแบบนี้"พวกขอทานสี่คนเดินตรงเข้ามาจ้องมองฮวาจื่อกับชิงชิงด้วยสายตาหื่นกระหาย ชิงชิงดึงฮวาจื่อไปไว้ข้างหลังนาง" อย่าเข้ามานะไอ้พวกขอทานสกปรก ไปให้พ้น"" บอกว่าอย่าเข้ามาไงหล่ะ นี่คือคุณหนูฮวาจื่อบุตรสาวของท่านเจ้าเมืองนะ"" โอ๊ะ ที่แท้ก็เป็นบุตรสาวท่านเจ้าเมืองนี่เอง"" รู้แล้วก็ไสหัวไปให้ไกลๆ ขอทานสกปรกอย
" เจ้า เจ้าโกหก ไม่จริง "" ข้าพูดความจริงขอรับ"" ไม่จริง ไม่จริง กรี๊ดดดดด"ยามอู่ บ่าวรับใช้วิ่งเข้ามา" ฮูหยินขอรับคุณชาย คุณชายเซี่ยกับคุณหนูอันกำลังจะไปจากที่นี่แล้วขอรับ"เฮ่อหลันที่กำลังจิบชาตกใจจนจอกชาหลุดมือรีบลุกออกไปทันที ไปถึงหน้าจวนเห็นเซี่ยจิ่งเทียนกำลังประคองพาอันชิงเหมยขึ้นรถม้า" ช้าก่อน จิ่งเทียนเหตุใดต้องทำเช่นนี้ พวกเจ้าจะไปก็ไปไม่คิดจะบอกกล่าวข้าสักคำไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยรึ"" ข้าได้ฝากบ่าวรับใช้ไปบอกท่านแล้ว ก่อนหน้าข้าช่วยท่านเอาไว้ ท่านให้ที่พักแก่พวกข้าก็ถือว่าเราไม่มีอะไรติดค้างกัน"" จิ่งเทียน ข้ารู้ว่าข้าผิด ข้ายอมรับว่าข้าให้คนจุดกำยานปลุกกำหนัด แล้วลวงเจ้าไปที่ห้อง แต่ข้า ข้าหวังดีกับเจ้า อยากให้เจ้าได้มีคู่ครองที่ดี คุณหนูฮวาเหมาะสมกับเจ้าที่สุด"เซี่ยจิ่งเทียนกุมมืออันชิงเหมยแน่นมองเฮ่อหลันด้วยสายตาแข็งกร้าว" ท่านมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินว่าใครเหมาะสมไม่เหมาะสมกับข้า เรื่องส่วนตัวของข้าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย ภรรยาของข้าข้าเลือกเองได้ ต่อให้พ่อบุญธรรมของข้ายังอยู่ หรือแม้กระทั่งพ่อแม่แท้ๆของข้ายังอยู่ พวกเขาก็จะไม่หักหาญน้ำใจบังคับข้า แล้วท่านหล่ะท่า
" ข้าขอโทษ แต่ข้าช่วยท่านไม่ได้จริงๆ "" ไม่ ไม่ต้องขอโทษ ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เป็นข้าที่ไม่ระวังเอง"" มีวิธีอื่นอีกไหม"เซี่ยจิ่งเทียนส่ายหน้า เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นกอดตัวเองด้วยความทรมาน" เจ้าไปซะ ก่อนที่ข้าจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ข้าขออยู่ที่นี่ก่อน เพราะข้ากลับไปที่ห้องตัวเองไม่ไหวแล้ว"" พี่เซี่ยข้า ข้าจะออกไปหาวิธีช่วยท่าน"เสียงประตูปิดลง เซี่ยจิ่งเทียนมองไปที่ประตูด้วยความผิดหวังแววตาเศร้าสร้อยแล้วลุกขึ้นยืน อาการก่อนหน้าที่มีหายไปหมด ความจริงเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย ยาปลุกกำหนัดแบบไหนก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เขาฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่เด็กกับอาจารย์ฝู พอ15ปีอาจารย์ฝูได้ฝังยาวิเศษเข้ากับร่างกายของเขา ไม่ว่าจะเป็นยาปลุกกำหนัดหรือมนต์ดำไสยศาสตร์ใดๆก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้ เสียงฝีเท้ารีบเร่งใกล้เข้ามา เขารีบวิ่งไปนอนขดตัวบนเตียง อันชิงเหมยเปิดประตูเข้ามาเดินเข้าไปหา" เจ้า กลับมาทำไม"" พี่เซี่ย ข้ารู้ว่าท่านทรมาน ข้า ข้าจะช่วยท่านเอง"" เจ้า เจ้าพูดว่าอะไรนะ"" ข้าจะช่วยท่าน"" จะไม่เสียใจภายหลังใช่ไหม"อันชิงเหมยพยักหน้า เซี่ยจิ่งเทียนรีบคว้าตัวนางมาบดจูบอย่างหื่นกระหาย แล้วขึ้นคร่อมนางซุกไซร
เห็นท่าทีเย็นชาของเซี่ยจิ่งเทียน เฮ่อหลันก็เจ็บปวดใจ นางต้องทำทุกวิธีเพื่อให้เขาอยู่กับนาง เป็นทายาทสืบทอดสกุลให้ได้ ส่วนเรื่องภรรยาของเขา ยังไงก็ต้องเป็นสตรีที่เพียบพร้อมเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ชาติตระกูลดี ไม่มีทางที่นางจะยอมรับอันชิงเหมย ลำพังเคยมีสามีผ่านการหย่าร้างมาก็ทำใจยอมรับยากอยู่แล้ว ยังจะเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอีก แต่ตอนนี้นางต้องตามน้ำไปก่อน แล้วค่อยคิดหาทางอีกที" ก็ได้ หากเจ้าจะไปจริงๆข้าก็ไม่ขัดขวางแต่อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดครบรอบ68ปีของข้า ข้าอยากให้พวกเจ้าอยู่ร่วมงานของข้าก่อนแล้วค่อยไป ได้ไหม"เห็นอันชิงเหมยตอบตกลงเซี่ยจิ่งเทียนก็คล้อยตาม เฮ่อหลันก็ยิ้มทั้งน้ำตามองดูทั้งสองเดินจากไปก่อนจะยกมือขึ้นมาซับน้ำตา ไม่ใช่วันเกิดอะไรของนางทั้งนั้นแหละ นางแค่หาทางถ่วงเวลาก็เท่านั้น" ฮูหยินเจ้าคะวันเกิดปลอมๆของฮูหยินจะกำหนดขึ้นอีกกี่วันดีเจ้าคะ"" อีก3วันข้างหน้า"" แค่3วันเองจะทันคิดแผนหรือเจ้าคะ "" ไม่ต้องคิด ข้ามีแผนเอาไว้แล้ว เดี๋ยวเจ้าไปนัดคุณหนูฮวาให้ข้า ให้ไปพบกันที่ร้านน้ำชาที่เดิม"" เจ้าค่ะฮูหยิน"" คุณหนู ท่านไม่น่าอยู่ต่อเลยดูก็รู้ว่าฮูหยินเฮ่อไม่น่าไว้ใจ ข้าว่าเร
" เฮ่อฮูหยินเรียกข้า ไม่ทราบมีเรื่องอันใด"" จิ่งเทียน ทำไมไม่ยอมเรียกป้าสักทีหล่ะ "เห็นสีหน้าเย็นชาของเขาเฮ่อหลันก็ไม่เซ้าซี้ไม่เรียกป้าก็ไม่เป็นไร จะเรียกอะไรก็ช่าง ยังไงเขาก็เป็นหลานของนาง ต้องอยู่กับนางที่นี่ตลอดไป แม้เขาไม่เต็มใจอยู่นางก็จะทำให้เขาอยู่" เอาหล่ะ ช่างเถอะ จิ่งเทียนนี่คุณหนูฮวาจื่อบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าเมือง คุณหนูฮวา นี่ไงหลานชายของข้าที่เล่าให้ฟัง เซี่ยจิ่งเทียน"ฮวาจื่อหันมามอง เห็นบุรุษสีหน้าเย็นชาที่เหลือบมองนางด้วยหางตา อกข้างซ้ายก็เกิดเต้นแรงขึ้นมา รูปงามอย่างที่เฮ่อหลันบอกไม่มีผิด สง่างามราวกับเทพเซียนน่าเกรงขามน่าหลงใหลเป็นที่สุด แต่พอมองลงไปข้างล่างเห็นมือของเขากอบกุมมือของสตรีที่ยืนข้างๆก็ขมวดคิ้ว สตรีนางนี้เป็นใครกัน ไหนเฮ่อหลันบอกว่าเขายังไม่ได้แต่งงานไง ทำไมมายืนกุมมือกันแบบนี้" ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าแม่นางท่านนี้"" นางเป็นแค่สหายของจิ่งเทียนเท่านั้น"เฮ่อหลันรีบตอบแทน อันชิงเหมยพยายามจะเอามือออกแต่เซี่ยจิ่งเทียนยิ่งกุมมือแน่นทั้งห้านิ้วสอดประสานกับนิ้วของนาง" หากไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อน"ฮวาจื่อมองตามเซี่ยจิ่งเทียนด้วยความเสียดาย
วันต่อมาเฮ่อหลันสั่งให้ทำอาหารเต็มโต๊ะเพื่อเลี้ยงฉลองที่นางได้พบเจอหลานชายเพียงคนเดียว นางคีบอาหารใส่ถ้วยให้เซี่ยจิ่งเทียนอย่างเอาอกเอาใจ เดิมทีนางคิดว่าชาตินี้คงไม่มีผู้สืบทอดสกุลแล้ว แต่สวรรค์ก็เมตตานาง ส่งเซี่ยจิ่งเทียนมาให้นาง ไม่ว่าต้องทำยังไง นางก็จักหาวิธีให้เขาอยู่กับนางที่นี่ตลอดไปให้ได้เซี่ยจิ่งเทียนมองดูอาหารที่ล้นชามจนมองไม่เห็นข้าว จึงรีบหยุดเฮ่อหลัน ก่อนที่นางจะคีบอาหารมาให้เขาอีก" พอเถอะ แค่นี้ข้าก็กินไม่หมดแล้วท่านกินเถอะข้าคีบเองได้"" ฮ่าฮ่า ข้าแค่ดีใจมากไปหน่อยที่สวรรค์ส่งหลานชายมาให้ข้า ต่อไปนี้สกุลของข้าก็มีผู้สืบทอดแล้ว เจ้าเปลี่ยนมาใช้แซ่เฮ่อดีไหม"เซี่ยจิ่งเทียนถือตะเกียบค้างจ้องมองเฮ่อหลันด้วยแววตาเย็นชา เขาไม่มีวันเปลี่ยนแซ่เด็ดขาด กำลังจะบอกว่าเขาไม่ใช่บุตรแท้ๆของเซี่ยอันเหอ แต่เป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งถูกขายเป็นทาสแรงงาน ที่เซี่ยอันเหอซื้อเขามา แล้วรับเป็นลูกบุญธรรมแต่เฮ่อหลันก็พูดขึ้นมาก่อน" บุรุษเปลี่ยนแซ่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ข้าลืมคิดเรื่องนี้ ไม่เป็นไรงั้นข้าจะเปลี่ยนกลับไปใช้แซ่เดิมเอง ทีนี้เราก็จะแซ่เซี่ยเหมือนกันแล้วเจ้าก็จะได้สืบทอดสกุลเซี่ยได้โดยไม่
" เดี๋ยวนะ เมื่อกี้แม่นางเรียกพี่เซี่ย ท่านแซ่เซี่ยหรือ แล้วยังมาจากแดนใต้อีก ท่านชื่ออะไร"" ข้าแซ่เซี่ยชื่อจิ่งเทียน"" ท่านรู้จักชายที่ชื่อเซี่ยอันเหอหรือไม่ เขาเป็นทหารอยู่ที่ชายแดนใต้"เซี่ยจิ่งเทียนสีหน้าเย็นชาจ้องหน้าหญิงชราตรงหน้าไม่พูดอะไร เฮ่อหลันรู้สึกผิดหวังนางคงจะคิดไปเอง คนแซ่เดียวกันมีตั้งมากมายคงไม่ใช่อย่างที่นางคิดหรอก แต่แล้วเมื่อได้ยินคำตอบจากเซี่ยจิ่งเทียนจอกน้ำชาในมือถึงกับร่วงหล่น" เซี่ยอันเหอเป็นบิดาของข้าเอง ท่านเคยเป็นรองแม่ทัพอยู่ในค่ายต้าเป่ยที่ชายแดนใต้"" งั้นเจ้า เจ้าก็ "เฮ่อหลันลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเซี่ยจิ่งเทียนเอื้อมมือจะสัมผัสเขาแต่ก็ชักมือกลับ" หยูเยี่ยนเจ้าไปเอาภาพวาดที่อยู่ข้างในหีบในห้องของข้ามา รีบไปเร็ว"หยูเยี่ยนบ่าวรับใช้ชราวัยใกล้กัน รีบสาวเท้าเดินออกไป" เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเขาเคยเป็นรองแม่ทัพเหรอ ดี ดีจริงๆ เคยเป็นถึงรองแม่ทัพตอนนี้เขาคงลาออกไปพักผ่อนแล้วสินะ อายุเยอะแล้ว กรำศึกมามากถึงเวลาพักผ่อนแล้ว"" ท่านเสียชีวิตในสนามรบตั้งแต่ข้ายังเด็ก"เฮ่อหลันเซแทบทรุด อันชิงเหมยประคองพาไปนั่งที่เก้าอี้" เจ้า เจ้าว่าเขาตายแล้วงั้นเหรอ โธ่น้องชายขอ
หลายเดือนผ่านไป ไม่ว่าจะค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววของอันชิงเหมย สวี่หานจำต้องกลับแดนใต้ แม่ทัพที่ท่าทางองอาจน่าเกรงขาม บัดนี้กลับผอมโซ หน้าตอบผิวดำคล้ำแววตาเศร้าหมอง เขาลงจากหลังม้าอย่างร่างไร้วิญญาณ เดินโซเซเข้าไปในจวน หลายเดือนที่ผ่านมาเขาออกตามหาอันชิงเหมยไปทั่วแต่ก็ไม่พบ เขาทรุดตัวนั่งลงบนเตียงของเขากับนาง กอดหมอนที่นางหนุนนอน กลิ่นหอมอ่อนๆของนางยังคงติดอยู่บนหมอน ด้วยความเหนื่อยล้าสะสม บวกกับที่ไม่ได้กินไม่ได้นอนมาหลายวันหลายคืนติดกันจึงเผลอหลับไป อันชิงเหมยยืนร้องไห้อยู่ริมหน้าผา สวี่หานรีบเข้าไปหา นางหันมามองด้วยแววตาตัดพ้อน้ำตาอาบสองแก้ม" ท่านไม่รักข้าแล้ว "" ไม่จริง เหมยเหมยข้ารักเจ้า รักเจ้าแค่คนเดียว"" รักข้า รักข้าแล้วทำไมไม่อยู่กับข้า ทำไมถึงไปดูแลหญิงอื่น"" ข้าขอโทษ เหมยเหมยอย่า ออกมาจากตรงนั้นมันอันตราย มาหาข้า เหมยเหมยมานี่"" เพราะท่าน ท่านทำให้ลูกของข้าต้องตาย เพราะท่าน"" ข้าขอโทษ ข้าผิดต่อเจ้า ผิดต่อลูกของเรา ข้าขอโทษ "" ข้าเกลียดท่าน ถึงต่อให้ข้าตายท่านก็ไม่มีวันได้เจอศพข้า"อันชิงเหมยหันหลังกลับกระโดดหน้าผาลงไป" ไม่ เหมยเหมย ไม่"สวี่หานสะดุ้งตื่นขึ้น น้ำต