อันชิงเหมยเดินออกไปไม่สนใจเสิ่นหว่านอี้ว่ามีสีหน้าเป็นเช่นไร
" เหมยเอ๋อ "
เสิ่นหว่านอี้รีบเดินตาม หยางซือหรูเห็นแบบนั้นก็แสร้งเป็นลม
" ท่านพี่"
เสิ่นหว่านอี้ชะงักเท้า รีบพุ่งไปรับตัวหยางซือหรูที่โงนเงนจะล้ม เมื่อถึงตัวนางนางก็ล้มลงในอ้อมแขนของเขาพอดี เสิ่นหว่านอี้ได้แต่มองตามหลังบอบบางของอันชิงเหมยที่ลับตาไป
อยู่ๆหยางซือหรู ก็ตัวร้อนมีไข้ขึ้นมา ทำให้เขาต้องคอยดูแลนางทั้งคืน นางเอาแต่พร่ำเพ้อหาเขา ไม่ยอมให้เขาห่างนางเลยแม้แต่น้อย ในใจของเสิ่นหว่านอี้ตอนนี้ ทุกข์ทรมานราวไฟสุม อยากไปหาอันชิงเหมย อยากขอร้องให้นางให้อภัยเขา แต่ก็ไม่สามารถทิ้งหยางซือหรูไปได้
หยางซือหรูปรายตามองเสิ่นหว่านอี้ ยกยิ้มมุมปาก นางไม่ได้ป่วยไข้หรอก อาศัยความรู้วิชาแพทย์เล็กน้อย ใช้เปลือกไม้ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษ เมื่อเคี้ยวกลืนน้ำมันลงไปสักพัก ตัวจะรุมๆมีไอร้อนเหมือนเป็นไข้ ที่เหลือนางก็เสแสร้งแกล้งเจ็บป่วย เพื่อรั้งเขาไว้ไม่ให้ตามคู่หมั้นของเขาไป
นางเจอเขาครั้งแรกเมื่อกองทัพมาถึงหนานหยาง บิดาของนางที่เป็นเจ้าเมืองไปให้การต้อนรับ นางเองก็ไปด้วย นางสบตาเขาครั้งแรกก็ชื่นชอบ บุรุษหน้าตาคมคาย มีหนวดเคราประปราย ร่างกายสูงใหญ่บึกบึนสมชายชาตินักรบ แม้ใบหน้าจะนิ่งเฉย แต่นางราวกับต้องมนต์
เมื่อบิดาของนางเชิญชวน เหล่าผู้บัญชากองทัพไปทานอาหารในจวน ที่จัดเตรียมไว้รอพวกเขา เขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางแปลกๆ พอนางมองต่ำ ก็เห็นเขาเดินลากเท้าข้างซ้าย นางถึงกับไปไม่เป็น อ่า เขาพิการหรอกรึ ต่อมานางก็ได้รู้ว่าเขาคือรองแม่ทัพเสิ่นหว่านอี้ ผู้นำกองทัพชนะศึกในสงครามคราก่อน ศึกครั้งนั้นได้ยินมาว่าดุเดือดนักจนต้องเสียรองแม่ทัพฟู่ไป แต่ด้วยสติปัญญาของเสิ่นหว่านอี้ อีกทั้งวรยุทธ์ล้ำเลิศ จึงเอาชัยชนะมาได้ เหตุนั้นทำให้เขาต้องขาพิการ
วันรุ่งขึ้นเขาและกองทัพไปตั้งค่ายอยู่นอกเมือง นางจึงอาสาไปด้วย อ้างว่ามีวิชาแพทย์จะได้ช่วยเหลือยามมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ที่นั่นมีทีมแพทย์จากสำนักในวังหลวงอยู่แล้ว5คน มีผู้หญิงอยู่2คน นางจึงนอนร่วมกระโจมเดียวกัน
ต่อมาเขาบาดเจ็บหนัก นางก็อาสาดูแล ความใกล้ชิดยิ่งทำให้นางชื่นชอบเขา ยิ่งเห็นฝีมือในการต่อสู้ของเขาที่เก่งกาจ นางก็ยิ่งคลั่งไคล้ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พูดจากับนางมากขึ้น จนศึกที่ยืดเยื้อมาเป็นปีสิ้นสุดลงเมื่อแม่ทัพฝั่งนั้นถูกตัดหัว จากนั้นก็พากันฉลองชัยชนะ ต่างพากันกินดื่มจนเมา นางแอบเอายาพิษ7ราตรีใส่ในเหล้าให้เขากิน เมื่อยาออกฤทธิ์ จึงทำทีไปตรวจให้เขาและบอกว่าเขาถูกพิษ ต้องร่วมรักกับสตรีทุกคืนจนครบ7ราตรีจึงจะถอนพิษได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกธาตุไฟแทรกจนตายได้ นางจึงอาสารีดพิษให้เขา
และนางเองที่เป็นคนบอกบิดาของนาง ว่านางกับเขารักกันจนมิอาจหักห้ามใจ นางเป็นภรรยาของเขาแล้ว บิดาของนางที่รักและตามใจนางจึงรีบจัดงานแต่งให้ แต่นางก็ต้องเสียใจเมื่อเขาปฏิเสธ บอกว่ามีคนรักอยู่แล้วเขาไม่รู้จะรับผิดชอบยังไง หากต้องการให้แต่งงาน เขาก็จะแต่งแต่ให้นางเป็นได้แค่ภรรยารองเท่านั้น เพราะเขามีคู่หมั้นอยู่แล้วนางเป็นบุตรของแม่ทัพแดนเหนือ นางทั้งเจ็บใจน้อยใจ ถึงอย่างไรนางก็อยากได้เขา แม้วันนี้จะเป็นรองแต่วันหน้านางจะขึ้นมาเป็นภรรยาเอกให้ได้
รุ่งเช้าเสิ่นหว่านอี้รีบออกจากห้องมุ่งหน้าออกจากจวนจุดหมายคือจวนตระกูลอัน แต่เมื่อผ่านห้องโถงกลับพบหีบหลายใบ พ่อบ้านรีบมาโค้งคำนับ
" รองแม่ทัพ ของพวกนี้เป็นพวกตระกูลอันส่งมาขอรับ พร้อมหนังสือนี่ "
พ่อบ้านส่งหนังสือให้ เสิ่นหว่านอี้เปิดดูก็พบว่ามันคือหนังสือถอนหมั้น แล้วหีบพวกนั้นก็ไม่ต้องเดาว่าคืออะไร เสิ่นหว่านอี้หน้าดำคล้ำด้วยความโกรธ
" แค่ข้ามีเมียเพิ่ม ก็คิดจะถอนหมั้นข้าเลยรึ"
" บอกให้คนขนของพวกนั้นตามข้าไปตระกูลอัน "
ตระกูลอัน
อันชิงเหมย คีบกับข้าวใส่จานให้บิดา มื้อนี้นางเข้าครัวทำอาหารเอง บิดาของนางกลับมาเมื่อคืน เพื่อมาร่วมงานเลี้ยงในวังตามโองการของฮ่องเต้ และจะอยู่ที่เมืองหลวงไม่นานก็ต้องกลับไปประจำอยู่ชายแดนทางเหนือ เมื่อบิดาของนางรู้เรื่องของนางกับเสิ่นหว่านอี้ก็ไม่ได้ตำหนิอะไร ทั้งยังพอใจที่นางถอนหมั้นอีก
" ท่านแม่ทัพขอรับ รองแม่ทัพเสิ่นมาขอรับ"
อันซูหลุนถอนหายใจเฮือกใหญ่ วางตะเกียบในมือลง เขากำลังกินอาหารอร่อยๆพอได้ยินชื่อชายผู้นั้นก็อิ่มขึ้นมาทันที
" คาระวะแม่ทัพอัน "
อันซูหลุนเมินเฉย
" _ "
" เหมยเอ๋อ พี่ "
ยังไม่ทันจะได้พูดต่ออันซูหลุนก็ถามขึ้นมา
" เจ้ามีธุระอะไรถึงมาที่นี่แต่เช้า "
เสิ่นหว่านอี้กวักมือให้คนยกของเข้ามา
" ข้าเอาของหมั้นมาคืน "
" ขนกลับมาทำไม ในเมื่อถอนหมั้นไปแล้ว ก็ควรจะคืนเจ้าถึงจะถูก"
อันซูหลุนหันมามองหน้าเสิ่นหว่านอี้นัยตาดุดัน ฮึ เสียแรงครั้งนึงเคยเอ็นดู เห็นว่ารักกันกับลูกสาวของเขา จึงได้เอ่ยปากยกนางให้ ตอนนั้นบอกรักนางทั้งสัญญากับนางต่อหน้าเขาว่าจะมีนางคนเดียว ไม่รับภรรยาไม่มีอนุให้นางต้องช้ำใจ ผ่านไปปีเดียวกลับกลืนน้ำลายลืมคำพูดตัวเองไปสิ้น เฮ่อ บุรุษดีๆรักเดียวใจเดียวหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ถึงอย่างงั้นก็ยังมีให้อยู่บ้างอย่างเขานี่ไงหล่ะมีภรรยาแค่คนเดียว พอนางตายไปเขาก็ไม่คิดจะมีภรรยาใหม่มาแทนที่แต่กลับทุ่มเทความรักให้บุตรสาวคนเดียว แม้ช่วงนี้จะไม่ค่อยมีเวลาให้ เพราะต้องไปประจำที่ชายแดนก็ตาม
" ข้าไม่ยอมรับการถอนหมั้น "
" ข้าพูดคำไหนคำนั้น เมื่อตัดสินใจไปแล้วไม่เปลี่ยนแน่นอน"
" เหมยเอ๋อ เจ้ายังไม่หายโกรธพี่ พี่รู้ แต่พี่มีความจำเป็นจริงๆ เจ้าจะให้พี่ทำยังไง"
" ท่านไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น กลับไปหาภรรยาของท่านซะ ขนของพวกนั้นกลับไปด้วย "
อันชิงเหมยลุกออกไปทันที เสิ่นหว่านอี้รีบตามไป อันซูหลุนเห็นแก่ที่เสิ่นหว่านอี้เคยช่วยชีวิตเขาไว้ จึงยอมให้ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น จะเป็นอย่างไรต่อไปก็สุดแล้วแต่ลูกสาวของเขา และเขาเคารพการตัดสินใจของนางทุกอย่าง" เหมยเอ๋อ " " ตามมาทำไม ทำไมยังไม่กลับไปอีก "" เจ้าอยากให้พี่ทำยังไง บอกพี่มาสิ พี่จะทำทุกอย่าง ขอเพียงเจ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม "" ท่านไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะมันไม่มีวันเหมือนเดิม "เสิ่นหว่านอี้จะกุมมือนางแต่นางเบี่ยงหลบขยับถอยหลังไป2-3ก้าว เขามองเข้าไปในตาของนาง มันช่างว่างเปล่า ว่างเปล่าจนเขาหายใจไม่ออก" เหมยเอ๋อ ทำไมไม่เรียกพี่เหมือนเดิม ทำไมต้องทำเหินห่างเย็นชากับพี่ด้วย "" ข้ามิบังอาจเรียกท่านรองแม่ทัพอย่างสนิทสนมได้หรอกเจ้าค่ะ ข้ากับท่านเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว คำๆนั้นท่านมีคนเรียกอยู่แล้ว กลับไปดูแลภรรยาของท่านเถอะ ข้าขอตัว"เสิ่นหว่านอี้คว้าแขนของนางเอาไว้ นางสะบัดออก หันมามองเขานัยตาแดงกร่ำ น้ำตาไหลอาบแก้ม" ข้าหวังว่าท่านจะไม่มาที่นี่อีก เรื่องของเรามันจบลงแล้ว ท่านไม่ผิดหรอก เป็นข้าที่ไร้วาสนาเคียงคู่กับท่านเอง "" ข้าไม่เข้าใจ ทำไม เพราะข้ามีภรรยาเพิ่มอ
ในตลาด วันนี้ผู้คนพลุกพล่าน การค้าขายแต่ละร้านคึกคักเป็นพิเศษ อันชิงเหมยมาเดินเล่นกับซีหว่าน ดูนั่นดูนี่เพลิดเพลิน ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับ " ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะคุณหนูอัน วันนี้มีแบบใหม่ๆมาเพียบเลยเจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ "เถ้าแก่เนี๊ยะรีบกุลีกุจอมาต้อนรับ ก่อนจะหันไปเอาถาดใส่เครื่องประดับมาวางตรงหน้าให้อันชิงเหมยเลือก" เลือกตามสบายเลยนะเจ้าค่ะ " พูดกับอันชิงเหมยก่อนจะเรียกเด็กในร้านมาคอยดูแล" เจ้าหน่ะมานี่สิ มาดูแลคุณหนูอันด้วย บริการให้ดีหล่ะ " " คุณหนูเจ้าค่ะ ชิ้นนี้เป็นไงเจ้าค่ะ ประดับมุกสีชมพูแวววาวเชียวเจ้าค่ะ " ซีหว่านหยิบปิ่นมุกส่งให้อันชิงเหมยดู" ก็สวยดี ถ้าเจ้าชอบก็เอาสิข้าซื้อให้ "" ไม่ ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เอาหรอกที่มีอยุ่ก็เยอะแล้ว "ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ตาก็มองปิ่นมุกอยู่ตลอด อันชิงเหมยเห็นก็ยิ้ม หยิบปิ่นมุกส่งให้พนักงานห่อให้ ส่วนนางยังไม่ถูกใจชิ้นไหน และก็ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อด้วยแค่แวะมาดูเล่นๆเท่านั้น เมื่อหันหลังกลับมากำลังจะออกจากร้าน ก็เจอกับคนที่ไม่อยากจะเจอ" เหมยเอ๋อ "เสิ่นหว่านอี้ยิ้มกว้างที่ได้เจออันชิงเหมย เขาไม่เห็นหน้านางมาหลายวันแล้ว เสิ่นหว่านอี้เ
งานเลี้ยงในวังมีเหล่าขุนนางมาร่วมงานมากมาย เสิ่นหว่านอี้มาพร้อมหยางซือหรู เขามองหาอันชิงเหมย หวังว่านางจะมางานนี้ เขาจะหาโอกาสปรับความเข้าใจกับนางอีกสักครั้ง หลายวันมานี้เขาจมอยู่กับความผิด ทั้งที่นางดีกับเขามาตลอดช่วยดูแลแม่ของเขา ในจวนยังช่วยดูแลให้เป็นระเบียบเรียบร้อย นางรอเขากลับมาแต่เขากลับผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับนาง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด เขาปลีกตัวออกมาจากหยางซือหรูทำทีเป็นเดินไปคุยกับคนอื่น แต่จุดประสงค์คือไปรออันชิงเหมยแถวทางเข้างานรถม้าสัญลักษณ์ตระกูลอันหยุดลง อันชิงเหมยลงจากรถม้าเดินเข้างานมาพร้อมอันซูหลุนแม่ทัพแดนเหนือบิดาของนาง ถัดมาเป็นอันเฟยเทียน แม่ทัพแดนตะวันตกพี่ชายของนาง เสิ่นหว่านอี้รีบกระโผลกกระเผลกเข้าไปหาส่งยิ้มให้" เหมยเอ๋อ "อันชิงเหมยทำเป็นมองไม่เห็นเดินเลี่ยงไปเสิ่นหว่านอี้รีบเดินตาม" เหมยเอ๋อ พี่ขอคุยด้วยได้ไหม "" ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับท่าน "" พี่ขอร้อง ถือว่าเป็นครั้งสุดท้าย แล้วพี่จะไม่มาวุ่นวายอีก "อันชิงเหมยถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในเมื่อเขากล้าพูดแบบนี้หวังว่าจะรักษาคำพูด แล้วเดินนำเขาไปในสวนหย่อม เสิ่นหว่านอี้ดีใจรีบกระโผลกกระเผลกตามไปทันทีอันเฟยเทียนจะ
" หลายปีที่ผ่านมาฟ่าบาททรงเมตตาส่งเจ้าสาวไปให้หม่อมฉัน "พอพูดถึงเรื่องนี้ทุกคนก็พากันตื่นตระหนกแม้แต่อู๋เทียนหลงกับเมิ่งจิ่งหลานก็นั่งแทบไม่ติด เพราะเจ้าสาวที่ส่งไปทุกคนล้วนถูกฆ่าตายกันหมด สวี่หานกลับเมืองหลวงในรอบหลายปีแถมยังพากองทัพมานับพัน คงไม่ใช่จะมาต่อว่าเรื่องนี้เฉยๆหรอกใช่ไหม" ข้า ข้าเห็นว่าเจ้าถึงวัยที่ต้องมีชายาได้แล้ว ข้าก็เลย ในเมื่อเจ้าไม่ชอบข้ารับปากว่าจะไม่ส่งใครไปให้เจ้าอีก"" ฟ่าบาทหวังดีกับเจ้า อยากให้เจ้าได้มีชายาเคียงข้าง เวลาเจ้ากลับจากศึกเหน็ดเหนื่อยจะได้มีนางคอยปรนนิบัติ อีกอย่างภายภาคหน้าเจ้าจักต้องมีทายาทสืบสกุล"" หม่อมฉันเคยส่งสาล์นมาบอกแล้ว ว่าชายาของหม่อมฉัน หม่อมฉันจักเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง แล้วเหตุใดไม่ฟัง ยังส่งไปให้อีก เป็นความคิดของฮองเฮารึ "น้ำเสียงเยือกเย็นของสวี่หานทำให้เมิ่งจิ่งหลานเย็นสันหลังวาบ อู๋เทียนหลงเห็นท่าไม่ดีรีบพูดขึ้นมา" เอาหล่ะ ข้ารับปากว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก เจ้ารักใครชอบใครก็เลือกตามใจเจ้าเลย ข้ากับฮองเฮาจะไม่ยุ่งกับเจ้าอีก "" ดี ในเมื่อทรงตรัสเช่นนี้แล้วก็ตามนั้น ในเมื่อพระองค์อยากให้หม่อมฉันมีชายานักหม่อมฉันก็น้อม
ทุกคนต่างซุบซิบกัน เกิดอะไรขึ้นกับชินอ๋องสวี่หาน เขาเป็นคนที่ปฏิเสธการแต่งานมาโดยตลอดจนปัจจุบันอายุ25แล้วยังไม่เคยอุ่นเตียงกับสตรีใด หลายปีที่ผ่านมาฮ่องเต้อู๋เทียนหลงส่งสาวงามไปให้เขามากมาย แต่ไม่มีหญิงใดมีวาสนาได้แม้กระทั่งเห็นหน้าเขา ทุกนางล้วนตายตกก่อนถึงแดนใต้ แม้จะอ้างเหตุเกิดจากโจรป่าแต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเป็นฝีมือของสวี่หาน อีกหนึ่งคือการเตือนฮ่องเต้ทางอ้อมว่าอย่าได้ส่งสตรีใดมาอีก แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น สวี่หานเดินทางไกลจากแดนใต้เข้าวังหลวง เพื่อขอสมรสพระราชทานด้วยตัวเองเลือกเจ้าสาวเองแล้วยังใจร้อนเร่งจะแต่งพรุ่งนี้อีก นี่มันยามไฮ่(21.00-23.00) อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะเช้าจะเอาเวลาที่ไหนมาจัดเตรียมงาน ไหนจะชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวอีก " สวี่หาน พรุ่งนี้เกรงว่าจะไม่ทัน แม้พิธีต่างๆจะสามารถเร่งมือได้ด้วยกำลังคนในวังหลวง แต่ชุดเจ้าสาวไม่อาจตัดเย็บได้แล้วเสร็จภายในเวลาไม่กี่ชั่วยาม เจ้าควรให้เจ้าสาวของเจ้าได้มีเวลาเตรียมตัวบ้าง "เมิ่งจิ่งหลานพูดขึ้นมา สวี่หานหันไปมองอันชิงเหมย นางเองก็กำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน " ได้ งั้นให้นางเตรียมตัว1วัน งานแต่งจะจัดขึ้นในวันถัดไป"จวนตระกูลอัน" เหมยเอ๋อ
สวี่หานมองอันชิงเหมยด้วยแววตาหลงใหลอดใจไม่ได้ จูบหน้าผากมนของนางหนึ่งทีก่อนกระโจนออกทางหน้าต่างไป " คุณหนู นี่เป็นชุดแต่งงานที่ชินอ๋องส่งมาให้ท่าน เป็นชุดแต่งงานของยี่เฟยพระมารดาของชินอ๋อง ชุดงามมากยังเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี ท่านลองใส่ดูคับหลวมตรงไหนจะได้ให้ช่างแก้ไข "ตำหนักกุ้ยฮวาที่ปิดตายของยี่เฟยถูกเปิดอีกครั้ง เหล่านางกำนัลต่างถูกเกณฑ์มาช่วยกันทั้งทำความสะอาดและตกแต่งตำหนัก เพื่อเป็นเรือนหอของสวี่หานกับอันชิงเหมย พริบตาเดียวทุกอย่างก็พร้อมสำหรับงานแต่งในวันพรุ่งนี้อันชิงเหมยตื่นแต่ยามเหม่า(05.00)อาบน้ำแช่ตัวด้วยกลีบเหมยกุ้ย(กุหลาบ) สวมชุดเจ้าสาวสีแดงสดประดับด้วยดิ้นทองปักลวดลายหงส์และดอกโบตั๋น " คุณหนู งดงามมากเจ้าค่ะ งดงามเหมือนเทพธิดาเลย "" คุณหนูเจ้าคะ ขบวนเจ้าบ่าวมารออยู่หน้าจวนแล้วเจ้าค่ะ "" อะไรกันทำไมมาเร็วแบบนี้ ชินอ๋องมาด้วยตัวเองเลยรึ"แม่สื่อถามแล้วเอาผ้าคลุมเจ้าสาวมาคลุมให้อันชิงเหมย" เจ้าค่ะ รีบไปเถอะ"" เหมยเอ๋อ "อันเฟยเทียนเดินมาดักหน้า" ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจ ขอเพียงบอกพี่มาคำเดียวพี่จะไล่เขากลับเดี๋ยวนี้"" เฟยเทียน เจ้าพูดอะไร "" ท่านพ่อ "" พี่ใหญ่ข้ารู้ว่าท่
สวี่หานมองดูนางที่ดวงตาแดงกร่ำเริ่มมีน้ำตาคลอ" เหมยเหมย "" ข้าไม่ต้องการให้ท่านมาสงสารข้า "" สงสาร"" ไม่ใช่รึไง ท่านขอสมรสพระราชทานจากฟ่าบาทเพราะต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนให้ข้า ในเมืองหลวงใครไม่รู้บ้าง ว่าข้าถอนหมั้นกับเสิ่นหว่านอี้เพราะไม่ยอมรับที่เขามีภรรยาอีกคน ผู้คนต่างบอกว่าข้าใจคอคับแคบ ข้าประกาศว่าจะไม่ขอใช้สามีร่วมกับผู้ใด ทุกคนก็ยิ่งรอดูว่าชีวิตนี้ข้าจะมีผู้ใดมาสู่ขอหรือไม่ แล้วท่าน "" เหมยเหมย เรื่องนั้นมันก็เรื่องหนึ่งมันเป็นผลพลอยได้ แต่ข้าตั้งใจจะแต่งงานกับเจ้าตั้งแต่วันนั้นที่เราเจอกันครั้งแรกแล้ว แม้ข้าจะอยู่ไกลถึงแดนใต้แต่ทุกปีข้าจะให้คนวาดภาพเจ้าส่งไปให้ข้าที่แดนใต้ในทุกๆปีข้าจะเห็นเจ้าเติบโต เพียงแต่หลายปีมานี้ข้าต้องทำศึกเลยไม่รู้ว่าเจ้าหมั้นหมายกับไอ้รองแม่ทัพขาเป๋นั่น ทำไมหล่ะ ทำไมถึงไม่รอข้า เพียงแค่มันช่วยชีวิตพ่อของเจ้าเจ้าถึงกับต้องยอมหมั้นหมายกับมัน แล้วข้าหล่ะเจ้าไม่เคยคิดถึงบ้างเลยเหรอ จี้หยกที่ข้าให้เจ้า คงทิ้งมันไปแล้วสินะ "เห็นสี่หานทำหน้าเศร้านางก็รีบพูดขึ้นมา" ไม่ใช่ ข้ายังเก็บเอาไว้อยู่ อยู่ในหีบนั่น ข้าเอามาด้วย"สวี่หานยิ้มไม่ออก ของที่เขาให้
หลังจากทั้งสองกลับไปบ่าวรับใช้ก็ยกอาหารมาวางบนโต๊ะ สวี่หานคีบเนื้อปลาใส่จานให้นาง " หือ ไม่ชอบกินปลาเหรอ งั้น"เขาคีบเนื้อไก่ผัดเปรี้ยวหวานให้นาง" เพราะท่าน ถึงทำให้พี่ใหญ่เข้าใจผิดแบบนั้น"" ข้าผิดรึ เป็นเขาต่างหากที่ไม่รู้เรื่องเอง เป็นถึงแม่ทัพชายแดนตะวันตก แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้กลับไม่รู้ "จวนตระกูลอัน" ท่านแม่ทัพ ชินอ๋องให้คนส่งของสิ่งนี้มาให้ท่าน ฝากบอกว่าเป็นของขวัญจากน้องเขย"อันเฟยเทียนเปิดกล่องดูเป็นหนังสือเล่มหนึ่งพอเปิดดูเนื้อหาข้างในก็เบิกตากว้าง นี่มันตำราวสันต์ บอกวิธีร่วมรักหลายท่วงท่าทั้งภาพประกอบชัดเจนเสมือนร่วมอยู่ด้วย ผู้ใดวาดภาพนี้ช่างมีฝีมือดียิ่งนัก แล้วเขาก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่ารอยแดงที่คอของอันชิงเหมยไม่ได้ถูกบีบแต่ถูก หึย ยังไงนางก็ถูกทำร้ายอยู่ดี ยังไงเขาก็ไม่ถูกชะตากับชินอ๋องอัปลักษณ์นั่นอยู่ดี อันเฟยเทียนถือหนังสือเข้าห้องปิดประตูเงียบสั่งห้ามใครรบกวนสามวันต่อมาได้กำหนดกลับแดนใต้ อันชิงเหมยร่ำลาอันซูหลุนกับอันเฟยเทียนก่อนออกเดินทาง" เหมยเอ๋อ เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆนะ "" ท่านพ่อก็เหมือนกัน ที่แดนเหนือช่วงนี้หิมะตกแล้วท่านต้องรักษาสุขภาพด้วย แล้วท่านพ่
หว่านลู่ซือมองเห็นนางยืนอยู่ก็แสร้งสำลัก สวี่หานใช้แขนเสื้อตัวเองเช็ดปากให้นาง" ไม่เป็นไรนะค่อยๆกิน "" พระชายา "สวี่หานหันขวับมา เห็นอันชิงเหมยยืนมองอยู่ก็ตกใจแทบทำถ้วยยาตก เขาวางถ้วยยาแล้วรีบเดินมาหานาง" เหมยเหมยทำไมถึงมาอยู่ที่นี่หล่ะ "" ข้ามาขัดจังหวะพวกท่านรึ"" เปล่า เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น นางเอาตัวบังลูกธนูแทนข้า ข้าก็แค่ช่วยดูแลนาง "" อืม งั้นท่านก็ดูแลนางต่อไปเถอะข้าขอตัว"อันชิงเหมยหันหลังเดินออกไปด้วยใจที่เจ็บปวด สวี่หานจะตามนางออกไป" โอ้ย ท่านอ๋องข้า "เขารีบหันหลังกลับไปประคองหว่านลู่ซือ" เจ้าเป็นอะไร "" ข้าปวดแผล "" แล้วเจ้าจะลุกทำไม ทำไมไม่นอนนิ่งๆ"" ข้าแค่จะลุกไปเอาน้ำ ข้ากระหายน้ำ"" เดี๋ยวข้าไปเอามาให้ เจ้านอนนิ่งๆอย่าขยับ"อันชิงเหมยเดินน้ำตาคลอ นางไม่ได้กลับกระโจมที่พักแต่กลับควบม้าออกไป เซี่ยจิ่งเทียนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขารีบควบม้าตามนางไปทันทีอันชิงเหมยหยุดม้ามองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย เซี่ยจิ่งเทียนตามมาเห็นนางอยู่ไม่ไกลก็หยุดม้ามองนางอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้นางได้อยู่คนเดียว ผ่านไปสักพักเขาก็เข้าไปหานาง" ชิงเหมย อย่าคิดมากเลย หว่านลู่ซือช่วยชีวิตชินอ๋อง
" เฮ้อ ข้าคิดว่าจะได้เข้าป่าไปล่าสัตว์ซะอีกกลับต้องมาคอยเฝ้าอารักขาสตรีอยู่หน้ากระโจมนี่"" เจ้าพูดอะไรเช่นนั้น อยากโดนลงโทษเรอะ สตรีที่เจ้าว่านั่นหน่ะเป็นพระชายาของชินอ๋องนะ"" เหอะ พระชายาแล้วยังไง เป็นพระชายาอ่อนแอไร้ประโยชน์ไม่รู้จะมาให้เป็นภาระทำไม สู้แม่นางหว่านก็ไม่ได้ ทั้งงดงามทั้งมากความสามารถ วิชาแพทย์ก็สูงส่งขี่ม้ายิงธนูก็ยอดเยี่ยม ทุกคนใครไม่รู้บ้างว่าแม่นางหว่านคือสตรีคนเดียวที่ใกล้ชิดกับชินอ๋องมากที่สุด ทั้งยังเป็นสหายกันตั้งแต่วัยเด็ก ใครๆต่างก็พูดว่าแม่นางหว่านคือว่าที่พระชายาของชินอ๋อง แต่ใครจะรู้อยู่ๆชินอ๋องก็แต่งงานกะทันหันกับสตรีที่ไร้ความสามารถ สู้แม่นางหว่านไม่ได้สักนิด ไม่รู้ชินอ๋องคิดอะไรอยู่"" นั่นหน่ะสิ หรือว่าชินอ๋องจะหลงใหลในความงามของนางแค่ชั่วครั้งชั่วคราว"" ถ้าอย่างงั้นอีกไม่นานก็คงจะเบื่อแล้วก็คงทอดทิ้ง"" ข้าว่าไม่ใช่อย่างที่พวกเจ้าทั้งสองพูด ชินอ๋องเดินทางไกลกลับเมืองหลวงเพื่อขอสมรสพระราชทานกับนางโดยเฉพาะ ทหารที่ไปเมืองหลวงด้วย ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชินอ๋องทั้งรักทั้งหลงพระชายาอย่างกับอะไรดี ก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่าพวกบ่าวรับใช้ที่จวนที่ไม่ให้คว
แม้สวี่หานจะพูดแบบนั้นแต่อันชิงเหมยก็เห็นความสับสนในแววตาของเขา " ท่านไม่ต้องห่วง ข้าดูแลตัวเองได้"" ข้าอยู่ใกล้ๆไม่ให้เหมยเหมยมีอันตรายแน่นอน "เดินทางไม่นานก็ถึงที่หมายพวกทหารช่วยกันตั้งกระโจมที่พัก สวี่หานไปประชุมหารือเรื่องกำหนดการล่าสัตว์ที่มีในวันพรุ่ง อันชิงเหมยรู้สึกโดดเดี่ยว ซีหว่านไม่สบายกะทันหันเลยไม่ได้มากับนางด้วย " เดินทางเหนื่อยหรือไม่"" พี่จิ่งเทียน"" ข้าเห็นทางนั้นมีลำธารน้ำใสเห็นตัวปลาด้วย"" ข้าอยากไปดูสักหน่อย"เซี่ยจิ่งเทียนพานางไปที่ลำธาร นางมองดูธารน้ำใสแจ๋วไหลเอื่อยๆ มองเห็นปลาตัวเล็กๆแหวกว่ายไปมา " ว้าว น้ำใสเห็นตัวปลาจริงๆด้วย"เพราะมัวแต่ดูปลาเลยไม่ทันเห็นว่าเซี่ยจิ่งเทียนไปเอาไม้แหลมมาจากที่ไหน หันไปดูก็เห็นเขาเงื้อไม้เเหลมกำลังจะแทงปลา นางร้องห้ามสุดเสียง" อย่า "เซี่ยจิ่งเทียนชะงัก " ท่านจะทำอะไร"" ข้า ข้าแค่จะหาปลามาย่างให้เจ้ากิน"" ไม่ ข้าไม่กินปลาท่านห้ามทำร้ายพวกมัน"" ได้ ได้ข้าไม่ทำร้ายพวกมันไม่จับมันแล้ว "เขาโยนไม้แหลมทิ้งไป มองดูหน้าของนางที่น้ำตาคลอ สวี่หานกลับมาจากการหาลือ เขาครุ่นคิดถึงคำเตือนของทุกคนว่าไม่ควรให้อันชิงเหมยไปด้วย เพ
" ไม่ใช่เจ้าค่ะท่านอ๋องพวกเราเพียงแต่ "" เพียงแต่อะไร เจ้าเป็นหัวหน้าแม่ครัวแต่กลับไม่ยอมทำอาหารดีๆส่งไปให้นาง กลับส่งแต่ข้าวต้มเปล่าๆกับผักดอง แล้วพวกเจ้าก็กินเนื้อกันอย่างสำราญ เจ้าคิดว่าข้าอยู่ที่ค่ายแล้วไม่รู้ไม่เห็นพฤติกรรมของพวกเจ้าอย่างงั้นรึ เจ้ากล้าเกินไปแล้ว"" ท่านอ๋องโปรดอภัย พวกข้าผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว"หลิวเหยียนโขกหัวขอร้องสวีหาน ตนไม่น่าเชื่อคำยุยงของฉิงอีเลย " เอาตัวไปโบย100ไม้ ส่วนพวกคนครัวที่เหลือโบย50ไม้แล้วขายออกไปให้หมด"" ท่านอ๋องโปรดเมตตาด้วยพวกข้าผิดไปแล้วไม่กล้าอีกแล้ว ท่านอ๋องเมตตาด้วย"ทุกคนพากันโขกหัวขอร้องแต่ไม่เป็นผล ถูกลากตัวออกไป เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากการถูกโบยดังไปทั่วทั้งจวน "ฝูอันเจ๋อ"สวี่หานเรียกฝูอันเจ๋อด้วยเสียงเยือกเย็น เขาพลันหน้าซีดหนาวเย็นไปถึงสันหลัง สายของเขารายงานว่าสวี่หานกำลังเตรียมตัวไปเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์ น่าจะออกเดินทางไปแล้ว เหตุใดจึงกลับมาที่จวนได้อีกใครเป็นคนไปฟ้องเรื่องนี้ หรือว่าอันชิงเหมยเขาประมาทนางไปจริงๆ" พระชายาของข้าต้องการรถม้าแต่เจ้ากลับขัดขวางไม่ให้นางใช้ "" เรียนท่านอ๋องเรื่องนี้ข้า ข้าไม่รู้เรื
อันชิงเหมยกระโดดขึ้นหลังม้าจับดึงเชือกไว้แน่น นางบังคับม้าให้วิ่งเข้าป่าไป ทหารที่พากันวิ่งตามมาก็พากันแบ่งกลุ่มเพื่อไปดักทางม้า เซี่ยจิ่งเทียนขมวดคิ้วมองตามสตรีที่อาจหาญกระโดดควบม้าพยศไป ม้าตัวนั้นเป็นม้าป่าที่พึ่งจับได้ ถูกนำไปไว้ที่ค่ายเพื่อฝึกไว้ใช้งาน แต่กลับพยศหนีออกมา พวกเขาจึงตามมาเซี่ยจิ่งเทียนควบม้าตามเข้าป่าไปทันที เมื่อไปถึงก็แทบไม่เชื่อสายตา ม้าพยศตัวนั้นยืนให้สตรีลูบหัว แล้วยังอ้าปากรับหญ้าจากนางมาเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย " รองแม่ทัพเซี่ย ท่านเห็นเหมือนข้าหรือไม่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ม้าพยศตัวนั้นเราพยายามฝึกมันอยู่เป็นเดือน ตั้งแต่ถูกเราจับไปไว้ในค่ายไม่มีวันไหนที่มันไม่พยศ แถมยังทำร้ายพลทหารของเราเจ็บตัวตั้งหลายคน แต่นี่แค่สตรีคนเดียวกลับปราบพยศมันได้"เซี่ยจิ่งเทียนเดินเข้าไปใกล้ ทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน หัวใจของเขากลับเต้นแรงเสียยิ่งกว่ากลองศึก ใบหน้าขาวนวลเนียนคิ้วคางจมูกได้รูปปากจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อ งดงามเสมือนไม่มีอยู่จริง เขานิ่งงันราวต้องมนต์สะกด กระทั่งเสียงใสกังวานเอ่ยขึ้นมา" ม้าตัวนี้เป็นของท่านรึ"" ใช่ มันเป็นม้าที่ถูกจับได้ในป่าจึงนำไปไว้ในค่ายเพื่
ฉิงอีจ้องมองซีหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาไม่พอใจ" เจ้าเป็นใคร "" ข้าชื่อซีหว่าน เป็นสาวใช้ข้างกายพระชายา "" เฮอะ ที่แท้ก็บ่าวรับใช้"" ทำไมรึ รึว่าเจ้าไม่ใช่ อ๋อข้ารู้แล้ว เจ้าคงอยากขยับสถานะไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของท่านอ๋อง แต่ท่านอ๋องไม่ชายตาแลสินะ "" เจ้า "" ทำหน้าตาแบบนี้แสดงว่าข้าดูไม่ผิดจริงๆ ให้เจ้าฝันไปเถอะ ชาตินี้ก็ได้แค่ฝันนั่นแหละ ท่านอ๋องรักพระชายาของข้าคนเดียวไม่คิดจะรับอนุหรือสตรีอุ่นเตียง"" พอได้แล้ว มีอะไรกินบ้างข้าหิวจะแย่ "เฉาซื่อเดินไปหาอะไรกิน เห็นอาหารที่พึ่งยกกลับมา" นี่อะไร "" เป็นสำรับที่พึ่งยกกลับมา ท่านอ๋องบอกให้ทำไปใหม่ ห้ามใช้วัตถุดิบที่เป็นปลาเพราะชายาไม่ชอบ"" อ๋อ งั้นพวกเจ้าก็รีบไปทำใหม่สิ ขืนชักช้าเดี๋ยวก็ถูกลงโทษกันหรอก งั้นของพวกนี้พวกข้าจะกินเอง มาเร็วซีหว่านจื่อโม่ "เฉาซื่อกับจื่อโม่และซีหว่าน ช่วยกันยกอาหารไปนั่งกินด้วยกันที่ศาลาท่าน้ำ" เจ้ารู้ไหมว่าทำไมพระชายาถึงไม่ชอบปลา"เฉาซื่อถามขึ้นมา" ไม่ใช่ไม่ชอบ ชอบมากแต่ไม่กิน"" แล้วทำไมถึงไม่กินหล่ะ"" เพราะปลาเคยช่วยชีวิตพระชายาเอาไว้ "เฉาซื่อวางตะเกียบตั้งใจฟังที่ซีหว่านพูด" ปลาเนี่ยน
"หุบปาก"" เจ้าไม่ต้องอายไปหรอกน่า "จื่อโม่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขารีบเดินจ้ำอ้าวไม่สนว่านางจะตามทันหรือไม่ เขามองหาสวี่หานกับอันชิงเหมยไม่พบ ไม่รู้ว่าทั้งสองเดินไปทางไหนแล้ว ต้องคลาดกันตอนที่เขาหยุดรอซีหว่านเมื่อครู่แน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห สตรีอะไรถึงได้ปากมากนัก พูดอยู่ได้ไม่รู้จักเมื่อยปากรึไง ถ้าไม่ถามนั่นถามนี่ก็ชวนเขาคุย ซีหว่านวิ่งกระหืดกระหอบตามมาจนทัน นางยื่นถังหูลู่ให้เขา" ข้าให้เจ้า กินสิ กินแล้วจะได้อารมณ์ดีขึ้น"" ข้าไม่มีอารมณ์จะกินหรอก"" เอ๋ จะกินไม่เห็นต้องใช้อารมณ์เลย เขาใช้ปากนี่ไง ง่ำง่ำ"พูดจบนางก็อ้าปากงับถังหูลู่ในมือ ไหนบอกว่าให้เขา แล้วนี่อะไร นางกินเองจนหมดแล้วแถมยังกินให้เขาดูอีก เขาไม่ไหวแล้ว ทำไมอันชิงเหมยต้องฝากให้เขาดูแลนางด้วยนะ " นั่นไง ท่านอ๋องกับพระชายาอยู่ที่ร้านขายเครื่องประดับนั่น"จื่อโม่หันขวับไปดูตามที่นิ้วของซีหว่านชี้บอก เมื่อคนกลุ่มใหญ่เดินออกก็เผยให้เห็นสวี่หานกับอันชิงเหมยยืนอยู่ร้านขายเครื่องประดับ ไม่ไกลมีเฉาซื่อยืนอยู่ เขาค่อยโล่งใจหน่อย หากเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นยังมีเฉาซื่อคอยช่วยรับมือสวี่หานเลือกกำไลหยกมันแพะขึ้นมาชิ้นหนึ่ง สวมใส่ข้อ
หลังจากทั้งสองกลับไปบ่าวรับใช้ก็ยกอาหารมาวางบนโต๊ะ สวี่หานคีบเนื้อปลาใส่จานให้นาง " หือ ไม่ชอบกินปลาเหรอ งั้น"เขาคีบเนื้อไก่ผัดเปรี้ยวหวานให้นาง" เพราะท่าน ถึงทำให้พี่ใหญ่เข้าใจผิดแบบนั้น"" ข้าผิดรึ เป็นเขาต่างหากที่ไม่รู้เรื่องเอง เป็นถึงแม่ทัพชายแดนตะวันตก แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้กลับไม่รู้ "จวนตระกูลอัน" ท่านแม่ทัพ ชินอ๋องให้คนส่งของสิ่งนี้มาให้ท่าน ฝากบอกว่าเป็นของขวัญจากน้องเขย"อันเฟยเทียนเปิดกล่องดูเป็นหนังสือเล่มหนึ่งพอเปิดดูเนื้อหาข้างในก็เบิกตากว้าง นี่มันตำราวสันต์ บอกวิธีร่วมรักหลายท่วงท่าทั้งภาพประกอบชัดเจนเสมือนร่วมอยู่ด้วย ผู้ใดวาดภาพนี้ช่างมีฝีมือดียิ่งนัก แล้วเขาก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่ารอยแดงที่คอของอันชิงเหมยไม่ได้ถูกบีบแต่ถูก หึย ยังไงนางก็ถูกทำร้ายอยู่ดี ยังไงเขาก็ไม่ถูกชะตากับชินอ๋องอัปลักษณ์นั่นอยู่ดี อันเฟยเทียนถือหนังสือเข้าห้องปิดประตูเงียบสั่งห้ามใครรบกวนสามวันต่อมาได้กำหนดกลับแดนใต้ อันชิงเหมยร่ำลาอันซูหลุนกับอันเฟยเทียนก่อนออกเดินทาง" เหมยเอ๋อ เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆนะ "" ท่านพ่อก็เหมือนกัน ที่แดนเหนือช่วงนี้หิมะตกแล้วท่านต้องรักษาสุขภาพด้วย แล้วท่านพ่
สวี่หานมองดูนางที่ดวงตาแดงกร่ำเริ่มมีน้ำตาคลอ" เหมยเหมย "" ข้าไม่ต้องการให้ท่านมาสงสารข้า "" สงสาร"" ไม่ใช่รึไง ท่านขอสมรสพระราชทานจากฟ่าบาทเพราะต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนให้ข้า ในเมืองหลวงใครไม่รู้บ้าง ว่าข้าถอนหมั้นกับเสิ่นหว่านอี้เพราะไม่ยอมรับที่เขามีภรรยาอีกคน ผู้คนต่างบอกว่าข้าใจคอคับแคบ ข้าประกาศว่าจะไม่ขอใช้สามีร่วมกับผู้ใด ทุกคนก็ยิ่งรอดูว่าชีวิตนี้ข้าจะมีผู้ใดมาสู่ขอหรือไม่ แล้วท่าน "" เหมยเหมย เรื่องนั้นมันก็เรื่องหนึ่งมันเป็นผลพลอยได้ แต่ข้าตั้งใจจะแต่งงานกับเจ้าตั้งแต่วันนั้นที่เราเจอกันครั้งแรกแล้ว แม้ข้าจะอยู่ไกลถึงแดนใต้แต่ทุกปีข้าจะให้คนวาดภาพเจ้าส่งไปให้ข้าที่แดนใต้ในทุกๆปีข้าจะเห็นเจ้าเติบโต เพียงแต่หลายปีมานี้ข้าต้องทำศึกเลยไม่รู้ว่าเจ้าหมั้นหมายกับไอ้รองแม่ทัพขาเป๋นั่น ทำไมหล่ะ ทำไมถึงไม่รอข้า เพียงแค่มันช่วยชีวิตพ่อของเจ้าเจ้าถึงกับต้องยอมหมั้นหมายกับมัน แล้วข้าหล่ะเจ้าไม่เคยคิดถึงบ้างเลยเหรอ จี้หยกที่ข้าให้เจ้า คงทิ้งมันไปแล้วสินะ "เห็นสี่หานทำหน้าเศร้านางก็รีบพูดขึ้นมา" ไม่ใช่ ข้ายังเก็บเอาไว้อยู่ อยู่ในหีบนั่น ข้าเอามาด้วย"สวี่หานยิ้มไม่ออก ของที่เขาให้