แชร์

Episode-02 ความสุขส่วนตัว

ผู้เขียน: KhanomThai Story
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-17 14:54:58

หลายวันผ่านไป

ฉันซักเสื้อให้พี่ทิวแล้วนะคะ ตั้งใจไว้ว่าจะเอามาคืนแต่ยังหาจังหวะไม่ได้สักที จนกระทั่งถึงวันกีฬาสีไอ้จูนกับป๊อปมันแข่งวิ่งค่ะ ฉันมาเชียร์พวกมัน แน่นอนว่าชัยชนะเป็นของพวกเรา

“สุดยอด! กูไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกมึงจะวิ่งเร็วขนาดนี้” เอ่ยแซวมันสองคนค่ะ

“กูวิ่งหนีแม่บ่อย” ไอ้จูนเอ่ย

“หนีทำไมวะ”

“กวนตีนเขาไง แต่เขาไม่ได้วิ่งตามกูนะ ใช้รองเท้าขว้างมาแทน”

“ฮ่า ๆ สมควรแล้ว”

“แล้วเอ็งกับไอ้หมูล่ะได้ลงแข่งวอลเล่ย์บอลหรือเปล่า” ป๊อบถามขึ้นมาบ้าง

“ข้าลง ไอ้หมูเป็นตัวสำรอง”

“เออ แข่งกี่โมงวะ”

“สิบเอ็ดโมงมั้ง”

รอบนี้เป็นรอบชิงชนะเลิศ เอาจริง ๆ มันโคตรกดดันเลย โชคดีที่ถูกฝึกมาตั้งแต่ประถมไม่ได้จะอวดว่าเก่งนะ แต่ก็พอตัวแหละ ฮ่า ๆ 

“สู้ ๆ เว้ย แพ้ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่แพ้เลยจะดีมาก” ไอ้หมูมันว่าขึ้น แต่ฟังแล้วรู้สึกกดดันยังไงไม่รู้

“นี่ให้กำลังใจอยู่ใช่ไหม”

“ฮ่า ๆ เออ”

การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว ฉันไม่ได้โฟกัสอะไรเลยนอกจากตัวเองในสนามเท่านั้น ถ้าไม่มีสมาธิขาดไหวพริบทุกอย่างคือจบค่ะ 

แมตช์แรกชนะ แมตช์ที่สองแพ้ เท่ากับเสมอกันหนึ่งต่อหนึ่งจึงทำให้แมตช์ที่สามกลายเป็นแมตช์กดดันไปเลย แม้แต่แต้มเดียวก็พลาดไม่ได้ 

“ห้ามแพ้นะโว้ย”

“ไอ้ตาลพี่ทิวมา” เสียงแหกปากตะโกนของพวกมันดังเข้ามาในหูฉัน เหลือบไปมองเป็นกลุ่มเพื่อนพี่ทิวจริงด้วยค่ะ เห็นแบบนั้นแล้วประหม่าแปลก ๆ แต่ก็ต้องเรียกสติตัวเองกลับมาใหม่ ในสนามต้องจดจ่ออยู่กับคู่ต่อสู้เท่านั้น แต่เสียงใครบางคนกลับทำให้สติของฉันกระเจิงไปในชั่วพริบตา

“สู้ ๆ นะ” 

“...” เขาไม่ได้เจาะจงบอกฉันหรอกค่ะ ก็พูดเชียร์สีตัวเองตามปกตินั่นแหละ แต่ว่านาทีนี้ขอเข้าข้างตัวเองก่อนแล้วกัน

เซตนี้เป็นอะไรที่สนุกมาก โต้กันไปมาไม่มีใครยอมใคร กว่าจะจบเกมส์เสียพลังงานไปเยอะเลยทีเดียว

“กรี๊ด...!! มันต้องอย่างงี้” ไอ้จูนค่ะ

“กรี๊ดได้ตอแหลมาก” 

“โทษทีกูดีใจจนลืมตัว”

“ดีใจทำไม ไม่เห็นมีส่วนได้ส่วนเสียกับเขาเลย” 

“ไม่ได้ ๆ เราจะแพ้ไม่ได้” พูดคุยหยอกล้อกันตามประสาก่อนจะพากันเดินไปโรงอาหาร

“มึง... เมื่อกี้พี่ทิวมาเชียร์ด้วยแหละ” ไอ้หมูมันกระซิบใส่พร้อมกับบิดเร้าไปมาประหนึ่งว่าตัวเองถูกสารภาพรัก

“ข้าเห็นเขาก็ดูไปทั่ว เราอย่าเข้าข้างตัวเองเกินความเป็นจริงดีกว่านะ” มันต้องมีพื้นที่สำหรับเซฟความรู้สึกตัวเองด้วยฉันคิดแบบนั้น

“ก็ชอบอะเลยอยากคิดเข้าข้างตัวเอง” มันว่าพลางป้องปากหัวเราะอย่างชอบใจ

เข้ามาด้านในพลอยก็จองโต๊ะไว้ก่อนแล้วค่ะ 

“กูได้ข่าวว่าสนามวอลเล่ย์บอลดุเดือดมาก”

“ข่าวมึงไวเนอะพลอย”

“นี่ใคร? นี่เจ้พลอยไงคะ”

“จ้า ๆ” 

ในแก๊งพวกเรามีทั้งหมดสิบคนค่ะ อย่างที่บอกว่าสนิทสุดก็คือไอ้จูนกับหมูเพราะว่ามันสองคนไม่เคยว่าหรือพูดอะไรให้ฉันเสียความมั่นใจเลยสักครั้ง นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันสนิทใจมากขึ้น

“เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวเอง มึงเอาไรกูอยากกินกระเพราไข่ดาว” อีต้นหันมาพูดกับฉันพร้อมกับยื่นเงินค่าน้ำให้

“เออ เหมือนกันเลย กูไปซื้อข้าวเองมึงไปซื้อน้ำละกัน”

“เออ”

เอากระเป๋าวางไว้ที่โต๊ะ จากนั้นก็แยกกันไปซื้อข้าวซื้อน้ำ ฉันมากับไอ้จูน เราต่อคิวเข้าแถวตามปกติแต่ว่าคิวก่อนหน้าฉันเขาซื้อให้เพื่อนหลายคนค่ะ เลยรอนานหน่อย

“น้อง! ทำไมไม่สั่งล่ะยืนบื้ออยู่ได้” น้ำเสียงไม่พอใจดังมาจากด้านหลัง แน่นอนค่ะว่าฉันหันกลับไปมองหน้าเขา เป็นรุ่นพี่มอสาม

“ก็เห็นอยู่ว่ายังไม่ถึงคิวนี่คะ จะให้สั่งอะไร” 

“แหกตาดูค่ะว่าคนข้างหน้าเขาสั่งเสร็จแล้ว ไม่เห็นเหรอว่าคนอื่นเขาก็รอเหมือนกัน”

... : แล้วตัวเองทำไมไม่รู้จักรอบ้างล่ะ มีเงินอย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องมีมารยาทด้วย 

“...” ฉันกับไอ้จูนมองหน้ากันนิ่ง ๆ เพราะประโยคเมื่อครู่นี้ถูกเอ่ยออกมาจากปากของพี่ทิว ซึ่งเขาเองก็กำลังต่อคิวอยู่เหมือนกันค่ะ ส่วนพี่มอสามคนนั้นก็เดินออกไปเลย ไม่รู้ว่าไม่พอใจหรืออายกันแน่

หันหน้าไปทางพี่ทิวอีกครั้งพร้อมกับก้มศีรษะให้เล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณเขา

“สั่งเผื่อกูด้วยนะเอาเหมือนมึง” สรุปกินเหมือนกันหมด ที่มันเดินตามมาด้วยเพื่อจะช่วยถือเท่านั้นเอง

ตัดมากิจกรรมช่วงบ่ายเลยแล้วกันนะคะ ทุกสีจะต้องขึ้นสแตนเชียร์เพราะกีฬาประเภทสุดท้ายก็คือฟุตบอลนั่นเอง พวกเรานั่งเชียร์กันปกติ พี่สตาฟก็จะคอยเอาน้ำกับขนมมาแจกให้

“ตาล ไปสีเขียวเป็นเพื่อนกูหน่อย” 

“ไปทำไมวะ”

“เอาขนตาปลอมไปให้อ้อ มันฝากไว้ในกระเป๋ากูลืมหยิบให้”

“ไปดิ”

ลงจากสแตนเชียร์ก็เดินเลาะไปด้านหลัง ฉันยืนรออยู่ห่าง ๆ ให้ไอ้จูนมันเดินเข้าไปคนเดียว และจังหวะนี้เองก็เห็นพี่ทิวนั่งพักอยู่ มองซ้ายมองขวาไม่มีใครสนใจฉันจึงเดินตรงไปหาเขา

“หนูเอาเสื้อมาคืนพี่ ซักให้หลายวันแล้วแต่ไม่มีโอกาสสักที” ฉันว่าพลางหยิบเสื้อที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนออกมาให้เขา

“ครับ” เหลือบมองฉันแวบหนึ่งก่อนจะหยิบเสื้อไป

“พี่... สู้ ๆ นะคะ” ไม่รู้ว่าเอาความมั่นใจที่ไหนมาถึงได้กล้าพูดกับเขาไปแบบนั้น พี่ทิวไม่ได้พูดอะไรแค่พยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้ม 

ตึกตัก! ตึกตัก!

ใจเต้นแรงเป็นบ้าเลยค่ะ ใครจะกล่าวหาว่าอ่อยหรือแย่งซีนคนอื่นฉันไม่สนหรอกนะ ฉันแค่มีความสุขในพื้นที่ของตัวเองก็เท่านั้น

“อะแฮ่ม! เบาได้เบา กูเผลอแป๊บเดียวมาแอบส่งยิ้มให้เฉยเลยนะ” 

“ส้นตีนเถอะ! กูแค่เอาเสื้อมาคืนเขา มึงอย่ามั่ว”

“เสื้ออะไรวะ”

“ไม่บอกอย่าหลอกถาม”

“เออ... จำไว้นะ! เพื่อนป่ะล่ะ”

“กูเกลียดคำนี้”

หลังจากไม่ได้คำตอบอะไรมันก็ไม่เซ้าซี้ต่อ พวกเราเดินกลับสแตนเชียร์เหมือนเดิม ผลการแข่งขันสีส้มชนะค่ะ 

กิจกรรมต่อไปคือการวิ่งเด็กสมบูรณ์ ในความหมายของคุณครูก็คงมองว่ามันน่ารักปุ๊กปิ๊กอะไรแบบนี้ แต่สำหรับฉันมันไม่ได้รู้สึกสนุกด้วยเลย เหมือนถูกวางลงสนามแล้วกลายเป็นตัวตลกมากกว่า

“น้องชื่ออะไร ลงวิ่งสิทำเพื่อสีเราหน่อย” พี่สตาฟคนหนึ่งบอกฉันพร้อมกับรั้งแขนให้ฉันลุกขึ้น

“ไม่ลงค่ะ สนามฟุตบอลตั้งกว้างหนูวิ่งไม่ไหวหรอก”

“เขาวิ่งผลัดกัน นะ ๆ ลงสนามให้หน่อย สีเรามีแต่คนหุ่นดี ๆ น้องแหละเหมาะสุดแล้ว” รู้สึกหน้าชามาก สายตาหลายคู่เอาแต่มองมาทางฉัน ถึงจะไม่มีใครพูดอะไรแต่คนตรงหน้าก็พูดออกไปแล้วอยู่ดี “น้อง! ให้ตายเถอะกูไม่เคยอ้อนวอนใครขนาดนี้เลยนะเนี่ย” เขาหันไปพูดกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงติดตลก และนั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกแย่เข้าไปอีก

“เขาเอาคนที่สมัครใจนะ พี่ก็ไปหาคนอื่นสิคนเขาไม่เต็มใจยังจะมาพูดจาแบบนี้อีก” ไอ้จูนพูดแทรกขึ้นมาบ้าง

“แหกตาดูเพื่อนก่อนค่ะน้อง ค่อยพูดแบบนี้น่ะ”

“แหกแล้วค่ะ!! ทั้งตาซ้ายตาขวา ก็เห็นอยู่ว่ามันไม่ได้สมัครใจยังมายืนว่าฉอด ๆ อยู่อีก เพื่อนตัวเองแต่ละคนก็ไม่ใช่น้อย ๆ สมบูรณ์กันทั้งนั้นไม่ไปตามมาวิ่งล่ะ เขาไม่ได้จำกัดสักหน่อยว่ามอต้นหรือมอปลาย” ไอ้จูนมันร่ายประโยคยาว ๆ เสียงดังฟังชัด จนคนอื่นได้ยินเกือบทั้งแสตนเชียร์เลยทีเดียว 

“เออ ๆ ไม่วิ่งก็ไม่วิ่ง แค่นี้ต้องโวยวาย” พูดจบเขาก็ลงไปหาเพื่อนเพื่อดึงตัวไปวิ่ง มันเป็นวิ่งผลัดน่ะค่ะสีละหกคน ไม่จำกัดระดับชั้น

“ใจเย็น ๆ มึงอย่าเพิ่งของขึ้น” 

“กูเกลียดฉิบหายเลยคนส้นตีนแบบนี้ มันมีวิธีพูดอีกมากมายนะไม่ให้คนอื่นดูแย่อ่ะ”

“เออ ช่างแม่งมันเหอะ” แน่นอนว่าอีพี่คนนั้นจะกลายเป็นศัตรูในสายตามันตลอดไป ฮ่า ๆ

หลังจากนั้นเด็กสมบูรณ์ก็ลงสนามค่ะ ล้มลุกคลุกคลานกันเลยทีเดียว บางคนก็วิ่งไม่ไหว สะดุดล้มก็มี เพราะว่าน้ำหนักตัวเยอะไง กิจกรรมวิ่งแข่งมันเลยไม่เหมาะ 

รอบตัวฉันมีแต่เสียงหัวเราะเต็มไปหมด ต่างจากฉันที่รู้สึกว่ามันไม่น่าขำเลยสักนิด  ใครจะคิดยังไงไม่รู้แหละ ... ฉันคนหนึ่งที่ไม่ชอบ! 

พรึบ!

“ฝากของแป๊บนะ” ระหว่างที่ฉันกำลังใช้ความคิด กระเป๋านักเรียนใบหนึ่งก็วางลงบนตักฉันก่อนที่เจ้าของมันจะพูดขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ฉันได้แต่นั่งงงและมองมันอยู่แบบนั้น

“อะไรของเขาวะ”

“ทำไมพี่ทิวฝากกระเป๋าไว้กับเอ็งล่ะ” เพื่อนต่างห้องเอ่ยถามขึ้น

“ไม่รู้ เขาบอกฝากแป๊บหนึ่งแล้วก็วิ่งไปเลย” 

“สงสัยรีบไปเข้าห้องน้ำมั้ง สภาพแบบนี้ถ้าพี่ทิวชอบกูก็หมดคำพูดว่ะ” ประโยคหลังมันหันไปพูดกับเพื่อนตัวเองค่ะ ถึงเสียงจะเบาแต่ฉันก็ได้ยินอยู่ดี 

ไม่นานพี่ทิวก็วิ่งกลับมา ฉันยื่นกระเป๋าคืนให้เขา พี่ทิวรับไปและยื่นขนมมาให้ฉันแทน

“ให้หนูเหรอ”

“อืม” 

“ขอบคุณค่ะ” รับมาแบบงง ๆ มันเป็นคุกกี้รสช็อกโกแลต พี่ทิวไม่ได้ลุกไปไหนเขานั่งดื่มน้ำอยู่ที่เดิมจนเพื่อนเขาตะโกนเรียก

“ไอ้สัสทิว กรุณาลงมาช่วยพวกกูด้วยครับ”

“พวกมึงเป็นประธานสีก็ทำไปสิ กูเป็นนักกีฬาขอโทษด้วย” น้ำเสียงกวนอารมณ์ตอบกลับ

“แล้วไม่ทราบว่าไปนั่งทำเหี้ยอะไรบนนั้นครับ มึงดูหน้าน้องด้วยเขากลัวมึงกันหมดแล้ว”

“ไม่ขึ้นมานั่งบนนี้จะเห็นเหรอว่ามึงกำลังหน้าม่ออยู่”

“ไอ้สัสอย่าเสียงดังเดี๋ยวเด็กกูได้ยิน”

“เด็กมึงไม่ใช่เด็กกู”

กิจกรรมทุกอย่างจบลง ตอนนี้ถึงเวลาประกาศรับถ้วยรางวัลค่ะ ใครแข่งอะไรคนนั้นก็ลงไปรับ จนกระทั่งถึงชื่อฉัน

“ยินดีด้วยนะ”

เป็นประโยคแผ่วเบาที่ลอยเข้ามาในหูอีกเช่นเคย ไม่ได้สนใจที่จะมองก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนในทีมไปรับรางวัลกัน

ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้วค่ะ กว่าจะจบกิจกรรมวันนี้ก็คือโคตรเหนื่อย ดีนะว่าเป็นวันศุกร์พรุ่งนี้จะนอนตื่นสายได้ 

“เพื่อนไปไหนหมด” เป็นพี่ทิวอีกแล้วค่ะ 

“กลับประตูหน้าโรงเรียนค่ะ”

“แล้วทำไมเรากลับประตูหลังคนเดียวล่ะ” 

“หนูกลับวินอะ ถ้าขึ้นรถเมล์มันก็ต้องต่อวินเข้าบ้านอีกทีเลยเลือกทางนี้สะดวกกว่า”

“อ๋อ...”

“แล้วพี่กลับยังไง”

“ไอ้ริวไปส่ง รถยางรั่วรอเปลี่ยนอยู่ฝั่งโน้นไง” มองตามไปพี่ริวกำลังช่วยช่างเปลี่ยนยางอยู่ค่ะ อย่างที่รู้ว่าอู่ซ่อมรถจะเต็มไปด้วยวัยรุ่นและตอนนี้หลายคนก็กำลังมองมาทางฉันกับพี่ทิวเช่นกัน

“วินมาแล้ว งั้นหนูไปก่อนนะ”

“อืม” 

จากโรงเรียนมาบ้าน ไม่เกินสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว โยนกระเป๋าไว้บนที่นอนแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะกลับมาเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบขนมที่พี่ทิวให้ไว้มากิน 

ไม่คิดมาก่อนเลยว่าวันนี้จะได้คุยกับเขาด้วย ก็อย่างที่บอกค่ะ ฉันแค่แอบชอบ ไม่ได้คาดหวังว่าเราจะต้องเป็นแฟนกัน แบบนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ อย่างน้อยก็มีความสุขได้เต็มที่

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-03 ความเป็นจริง

    และแล้วฤดูกาลสอบปลายภาคก็มาถึง เป็นการสอบแบบวันเว้นวัน“อ่านหนังสือมาบ้างปะ” ไอ้จูนเอ่ยถาม“จำมาผ่าน ๆ”“ดูมึงชิวเนอะ”“ตกก็แก้ มันจะยากอะไร” ฉันตอบกลับอย่างไม่จริงจังมากนัก“ยากตรงที่แม่ด่าว่ากูโง่นี่แหละ”“ฮ่า ๆ ดีนะที่แม่กูไม่เคยคาดหวัง” เช้าสอบสามวิชาค่ะบ่ายอีกสองวิชา หลังจากสอบเสร็จช่วงเช้าก็มานั่งเล่นกันที่หลังโรงเรียน มันเป็นทางเดินค่ะด้านข้างเป็นสนามฟุตบอล ถามว่าที่เงียบ ๆ แบบนี้มาหาอ่านหนังสือกันเหรอไม่ใช่เลย มานั่งคุยโทรศัพท์กันทั้งนั้น“น้ำตาลกูถามอะไรหน่อยดิ” คนนี้ชื่อน้องค่ะ บ้านอยู่ใกล้กัน“ว่า?”“กีฬาสีวันสุดท้าย พี่ทิวไปส่งมึงเหรอ”“กูกลับวินบ้างเหอะ มึงรู้มาจากไหน”“...”“รู้ไม่จริงแล้วเสือกอยากจะพูดต่อ” “อ้าว แล้วมึงจะมาด่ากูทำไม กูแค่ถาม”“กูไม่ได้ด่ามึงกูด่าคนที่มันพูดต่อ ก็ถามอยู่ว่ามึงรู้มาจากใครเพราะถ้ามึงเห็นกับตามึงจะไม่ถามกูแบบนี้”“จะเถียงกันทำไม” ไอ้ป๊อปแย้งขึ้นก่อนจะมองเราสองคนสลับกัน “มึงก็บอกมันไปดิอีน้องว่ามึงรู้มาจากไหน” เป็นคำถามที่ฉันก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องจริงและไม่ใกล้เคียงความเป็นไปได้เลยสักนิด“กูรู้มาจากไหนไม่สำคัญหรอก มันไม่ใช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-04 เพราะพี่!

    ชีวิตมอสองเป็นอะไรที่ล่องลอยมากจริง ๆ สำหรับฉันมันเหมือนใช้ชีวิตไปวัน ๆ แค่นั้นเองและบางวิชาก็ไม่รู้ว่าเรียนจบไปแล้วเอาไปทำอะไร ยกตัวอย่างเช่น รำกระบี่กระบอง ... “ทำหน้าดี ๆ หน่อย กลัวคนอื่นไม่รู้เหรอว่ามึงไม่ชอบเรียนวิชานี้”“พูดอย่างกับมึงชอบตายแหละ”“จำใจเรียนอะ เคยได้ยินไหม”“เฮ้อ...”“เขาเรียนให้มีความรู้ มึงอย่าสงสัยเยอะสิ” ฉันไม่ชอบเลยค่ะ อาจารย์ก็เอาแต่พูดว่าถ้าเธอรำเป็นนะไปสมัครงานที่ไหนเขาก็รับเลยทันที มันใช่เหรอคะ? มันเป็นศิลปะป้องกันตัวอย่างหนึ่งนะ แต่เหมือนอาจารย์ท่านนี้จะอธิบายแบบขอไปทีแล้วมันทำให้น่าเบื่อ กลายเป็นวิชาที่ไม่อยากเข้าเรียน“ท่องไว้ว่าเขาให้คะแนนเยอะ”“เฮ้อ...” ถอนหายใจวนไปค่ะไม่เข้าใจตรงไหนให้ถาม พอยกมือถามกลับถูกย้อนมาว่าตอนสอนทำไมไม่ฟัง อ้าว! กว่าจะหมดชั่วโมงคือนานมากไม่ชอบเลยเวลาที่ไม่ได้คำอธิบายอะไร แต่ช่างมันเถอะ!“คาบต่อไปเรียนอะไร”“คอมสองชั่วโมง บ่ายดนตรี”“ฝากเปิดคอมด้วยกูไปห้องน้ำก่อน” “เออ” คล้อยหลังไอ้จูนฉันก็รีบมาเข้าห้องน้ำทันทีแต่ว่าห้องคอมมันอยู่ตึกสามค่ะ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือห้องน้ำหลังตึกนั่นเองพอทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ออกมาล้างมือด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-05 หนูจะไม่ยุ่งกับพี่แล้ว

    หลายเดือนผ่านไปตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นฉันเลี่ยงที่จะเจอหน้าพี่ทิวมาโดยตลอด บางครั้งก็งงกับตัวเองเหมือนกันนะเป็นอะไรกับเขาก่อน? เป็นแฟนก็ไม่ใช่ คนคุยก็ไม่ใช่ เฮ้อ...“มึงกินยาลดน้ำหนักเหรอ” คำถามของพลอยทำเอาขนมที่กำลังจะเข้าปากต้องหยุดลง“กู?”“เออ มึงผอมแล้วอะ สมส่วนด้วย”“ไม่นะ แค่เลิกกินน้ำอัดลมแล้วก็ลดขนมขบเคี้ยวเท่านั้นเอง”“เรียกอีอ้วนไม่ได้แล้วนะ ใครเรียกมึงอีอ้วนบอกกูมาได้เลยกูจะตบเรียงตัวให้” ไอ้จูนมันว่าขึ้น “กูจะฝากชีวิตไว้กับมึงได้ใช่ไหม”“แน่นอน”วันนี้ไม่ได้เรียนช่วงเช้าค่ะเพราะมีการตรวจสุขภาพประจำปีและสิ่งที่ทำให้น่าตกใจก็คือน้ำหนักของฉันนั่นเอง จากหกสิบตอนนี้เหลือห้าสิบสองดีใจเป็นบ้าเลยค่ะ ถ้าเทียบกับส่วนสูงที่ไม่ถึงร้อยหกสิบของฉันก็ยังดูอวบ ๆ อยู่ดีนั่นแหละแต่ช่างเถอะ! เอาเป็นว่าผอมลงก็แล้วกัน“ตาล มึงเอ็กซเรย์ยัง” ไอ้หมูเอ่ยถาม หอบแฮกมาเลยมันเพิ่งมา“กูเสร็จหมดละ มึงไปไหนมาเพิ่งจะเสด็จ”“ตื่นสาย”“เออ พวกกูรอที่โรงอาหารนะ”“โอเค”หลังจากนั้นฉันก็ลงมารอพวกมันที่โรงอาหาร มีฉัน จูน แล้วก็พลอย ที่เหลือยังไม่เสร็จกัน“น้ำตาล เอ็งลดน้ำหนักเนี่ยเพื่อตัวเองหรือเพื่อใคร”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-06 คนละคนเดียวกัน

    วันแรกของการปิดเทอมใหญ่ฉันตั้งปณิธานกับตัวเองไว้เลยว่าจะต้องทำให้ได้ นั่งมองคนในกระจกพลางสำรวจตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ไหนจะรอยสิวอีก ยอมอดค่าขนมเพื่อเก็บเงินไปซื้อครีมบำรุงผิว อันไหนที่เขาว่าดีอีนี่ก็กวาดมาหมดค่ะ ที่เห็นผลชัดเลยคือรอยสิวรอยแผลเป็นบนใบหน้าที่จางลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหนึ่งเดือนแรก เรื่องการลดน้ำหนักก็เหมือนกันกว่าจะหักห้ามใจเลิกกินขนมได้แทบลงแดงเลยทีเดียว จากที่ไม่ชอบกินผักก็ต้องฝืนใจกินโดยเฉพาะมื้อเย็น ไม่กินเลยคืออยู่ไม่ได้ กินน้อยก็ไม่อยู่ท้องอีก ความจริงถ้าน้ำหนักไม่ลดฉันก็ไม่ซีเรียสนะคะ แต่อย่าขึ้นอย่างเดียวก็พอ อ๋อ! แล้วฉันก็เล่นฮูล่าฮูปวันละหนึ่งถึงสองชั่วโมงด้วยนะ ทำแบบนี้ทุกวันจนกระทั่งถึงวันเปิดเทอม...มัธยมศึกษาปีที่สาม“เชี่ย! กูไม่ได้ตาฝาดแน่ ๆ”“สวยขึ้นเยอะเลย”“มึงเป็นใคร! ออกจากร่างเพื่อนกูไปเดี๋ยวนี้นะ” “ยัง... ยังไม่เลิกเล่นกันอีก” ฉันว่าพลางมองหน้าพวกมันสามคนอย่างเอือมระอา“ตาลมึงสวยขึ้นจริง ๆ นะพูดแบบไม่อวยเลย ดูดีขึ้นมาก” ไอ้จูนค่ะ ไม่พูดเปล่ามันยังจับฉันหมุนไปมาอีกด้วย“จริง! คนละคนกันเลย”“ว้าวมากแม่!” ไอ้หมูกับไอ้พลอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-07 ขอบเขตของความรู้สึก

    ในทุก ๆ วันก็เหมือนเดิมค่ะ มองบ้างเวลาเดินผ่าน ฉันไม่มองเขา เขาก็มองฉันจนคนอื่นคิดว่าเรากำลังศึกษาดูใจกันอยู่แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย ไม่ใช่คนคุยหรืออะไรทั้งนั้น พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือไม่ได้เป็นอะไรกันนั่นแหละ“งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์กูไม่อยากไปเลย”“ไม่ไปก็ได้ แต่ไม่ได้คะแนน แต่อาจารย์ไม่ได้บังคับนะ”“ใช่ไหม? อาจารย์ไม่บังคับแต่ไม่ให้คะแนน”“เออ”... : ฮ่า ๆอีกสามวันต้องไปดูการทดลองที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ค่ะ แบ่งไปสามวัน ทีละสองระดับฉัน ฉันไปวันที่สามพร้อมพี่มอหก ที่บอกว่าไม่อยากไปคือมันน่าเบื่อไง แต่ดีตรงที่เจอเพื่อนโรงเรียนอื่นด้วยนี่แหละ“ขนมที่มึงคุ้นเคย” ไอ้จูนเอ่ยพร้อมกับคุกกี้ที่วางลงตรงหน้าฉัน“ใครให้เหรอจูน แบ่งกูบ้างสิ” ไอ้น้องแทรกขึ้นมาบ้าง“พี่ทิวฝากมาให้ไอ้ตาล”แอม : เอ็งกับพี่ทิวนี่ยังไง ข้าไม่อยากยุ่งหรอกแต่ข้าอยากรู้พลอย : เออ กูเห็นให้ขนมนี่ตั้งแต่มอหนึ่งละ สรุปยังไง“ไม่ยังไง ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย”ป๊อป : อะไรวะ! สถานะไม่ชัดเจนซะงั้น“กูแค่แอบปลื้มเขาเฉย ๆ ไม่ได้จะอะไรขนาดนั้นสักหน่อย” ฉันพูดออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง ยอมรับค่ะว่ามีบ้างที่แอบหวงเวลาที่คนอื่นเข้าใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-08 จุดเริ่มต้นที่ไม่เคยมี

    หลังจากวันนั้นเวลาก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ ฉันกับพี่ทิวแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำเพราะเขาติวหนังสือหนักมาก เรียนวิชาเพิ่มเติมเยอะแยะไปหมด เลิกเรียนไม่ตรงกัน แต่ก็ยังพอได้แอบมองตอนเข้าแถวอยู่บ้างแหละ“แป๊บ ๆ ก็จะจบแล้วเศร้าจัง”“บ่นไรหมู”“เอ็งก็เป็นแบบนี้แหละน้ำตาล ทำเป็นเล่นตลอดเลย”“แล้วจะเครียดให้ได้อะไร พูดอย่างกับจบไปแล้วจะไม่ได้เจอกันอีกอย่างนั้นแหละ”“เวลาเดินโคตรเร็วเลยเนอะ” เวลาเดินเร็วอย่างมันว่านั่นแหละค่ะ สามปีเหมือนนานแต่พอเอาเข้าจริงมันแค่แป๊บเดียวเอง ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำด้วยซ้ำ“บ่ายนี้แนะแนวว่ะ รวมกับพี่มอหก” “ไม่ได้เรียนหรอกเหรอ”“สลับคาบไปไว้วันพรุ่งนี้แทน”ตัดมาถึงคาบแนะแนวเลยแล้วกันนะคะ ก็มีการพูดเกี่ยวกับอาชีพ ความฝัน ความเป็นไปได้ รวมไปถึงสิ่งที่อยากเรียนก็ด้วย อาจารย์ท่านนี้ค่อนข้างที่จะผ่อนคลายค่ะ ไม่เข้มงวดจนบรรยากาศในห้องอึดอัด ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งฟังอยู่มีก้อนกระดาษตกลงมาตรงหน้า ไม่รู้ว่าใครขว้างมาแต่ฉันก็เปิดอ่านนะ ขอเบอร์หน่อย อ่านแล้วก็ขยำมันวางไว้ที่เดิม“อะไรวะ” ไอ้จูนค่ะ“ไม่รู้ของใคร”“กูดูเอง” ไม่พูดเปล่ามันยังอ่านแล้วตอบกลับไปอี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-09 รักษาสิทธิ์

    เช้าอีกวันฉันมาเรียนตามปกติพร้อมกับหัวใจที่ห่อเหี่ยว ถามว่าอกหักเหรอก็ไม่ใช่ ไม่รู้ซึมอะไรเหมือนกัน วันนี้ดันมาเช้ากว่าทุกวันอีกด้วยค่ะ เนื่องจากพ่อกับแม่ไปทำงานเร็วฉันเลยต้องเร็วตามไปด้วย เหลือบดูนาฬิกาเพิ่งจะหกโมงครึ่งเอง พวกมันก็ยังไม่มีใครมาหรอก ฉันเลยเลือกที่จะมานั่งรอในโรงอาหารแทน แต่แค่ไม่นานที่นั่งตรงข้ามกลับมีใครบางคนมานั่งด้วย“ไงเรา มาแต่เช้าเลยนะ”“พี่ริวก็มาเช้าเหมือนกันนะคะ” “ปกติของพี่ครับ เรื่องเมื่อวานพี่ขอโทษแทนเกตุด้วยนะ”“...” ใจจริงฉันอยากจะถามออกไปตรง ๆ เลยด้วยซ้ำว่าระหว่างพวกเขามีความสัมพันธ์กันหรือเปล่า ถึงฉันจะไม่ถูกชะตากับพี่เกตุเท่าไหร่แต่ผู้หญิงเหมือนกันมันดูออกค่ะว่าเขารู้สึกกับพี่ทิวมากแค่ไหน“มันไม่ใช่แบบที่เราคิดหรอกนะ” พี่ริวพูดดักทางฉันก่อนเลยค่ะ “พี่รู้เหรอว่าหนูคิดอะไร”“พี่เป็นผู้ชายนะ ... เหมือนกับไอ้ทิวนั่นแหละ”“หนู...”“ไอ้ริว! ไปยุ่งกับน้องอ้วนของไอ้ทิวมันทำไมเดี๋ยวมันก็เตะปากมึงหรอก”“หุบปากไอ้เต้กูว่าไอ้ทิวมันจะเตะปากมึงมากกว่านะ”“ฮ่า ๆ” “ไม่ต้องไปสนใจมัน สนแค่ไอ้ทิวคนเดียวก็พอครับ”“เกี่ยวอะไรกันล่ะคะ”“พี่รู้ว่าเราเข้าใจ” ฉันเข้าใจแล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-10 กลับสู่จุดเริ่มต้น

    หลายเดือนผ่านไปหลังจากเหตุการณ์วันนั้นพี่ทิวก็ไม่เคยอยู่ในสายตาฉันอีกเลยเพราะเขาเอาแต่หลบหน้า เดินสวนกันก็ทำเป็นไม่เห็น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้กลับมาเป็นคนเดิมเสียที ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องคิดไปเองหรือหวั่นไหวอะไรเกี่ยวกับเขาอีก กับไอ้น้องมันก็ไม่พูดกับฉันเหมือนกันค่ะตั้งแต่ไอ้จูนว่าคราวนั้น ฉันเองก็ไม่ได้สนใจไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด แยกแยะไม่ได้ก็แล้วแต่วันเวลายังคงผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งถึงวันปัจฉิมนิเทศ ก่อนหน้าฉันคิดว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก ก็แค่แยกย้ายกันไปเรียน แต่พอเอาเข้าจริงมันกลับหวิวแปลก ๆ รู้สึกใจหายเหมือนกันมันเป็นกิจกรรมที่ต้องบอกลาและอวยพรในเวลาเดียวกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ความเศร้าและรอยยิ้ม ฉันได้รับคำอวยพรจากรุ่นพี่รุ่นน้องมากมาย แถมยังได้ของขวัญได้เขียนข้อความต่าง ๆ ลงบนเสื้อนักเรียนเพื่อบันทึกไว้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีความสุขเคยมีความทรงจำร่วมกันก่อนที่จะหาโอกาสแบบนี้ไม่ได้อีก รู้สึกเหมือนกำลังจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ทุกคนไปเรียนต่อที่อื่นกันหมด เจอสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ ฉันเรียนต่อที่เดิมสายวิทย์คณิต ไอ้จูนไฟฟ้ากำลัง หมูบัญชี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17

บทล่าสุด

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-52 ตอนพิเศษ ชีวิตหลังแต่งงาน

    ชีวิตหลังแต่งงานเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ทอฝันเลี้ยงง่ายไม่อ้อนเลย ตอนนี้เพิ่งสิบเดือนเริ่มเกาะยืนแล้ว ดูท่าทางอีกไม่นานคงวิ่งจับไม่ไหวแน่นอน“คนสวย แม่ไปทำงานแล้วนะคะ หนูอย่างอแงกับพ่อนะ” พูดจบก็ก้มไปฟัดแก้มลูกสาวจนหนำใจเลยทีเดียว “หอมแต่ลูก ไม่หอมพ่อของลูกบ้างเหรอครับ”“ไม่ค่ะ!” ปากบอกปฏิเสธแต่ก็หอมครับ ว่านอนสอนง่ายจะตาย วันนี้เป็นวันหยุดผม หลังจากส่งน้องเสร็จก็แวะมาบ้านไอ้ริวต่อเลย รับปากมันไว้ว่าจะเข้ามาไง “เมื่อก่อนพกเมีย เดี๋ยวนี้พกลูก” ไอ้แบคเอ่ยแซวทันทีที่เห็นผมกับน้องทอฝัน“แล้วมึงเมื่อไหร่จะมี”“ทักได้เจ็บใจมาก” มันอยากมีครับ แต่ไอ้เกตุไม่ท้องสักที “น้ำยาไม่ดีก็แบบนี้แหละ”“ขยี้กันเข้าไป ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ”... : ฮ่า ๆ“ไอ้ริว แล้วลูกมึงไปไหน”“อยู่ในเปลโน่น สองขวบกว่าแล้วยังติดเปลอยู่เลย ไปโรงเรียนกูว่าร้องตาย” น้ำเสียงมันเหมือนสิ้นหวังมากเลย“เอาน่ะค่อย ๆ ฝึกให้นอนพื้นทีหลังก็ได้”“ไม่หรอก ลูกกูอารมณ์แปรปรวนเก่งมาก แต่ไม่ซนนะ”“เป็นยังไงวะอารมณ์แปรปรวน”“อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้ ร้อง ๆ อยู่ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะได้อีกด้วย บางวันเดาอารมณ์ไม่ถูกเลย”“ไม่ลองปรึกษาหมอวะน่าจะช่วยได้

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-51/2 บทส่งท้าย

    หลายเดือนผ่านไปใกล้ได้เห็นหน้ากันแล้วครับ แอบกระซิบหน่อยว่าท้องใหญ่มาก และด้วยขนาดหน้าท้องที่ใหญ่เกินตัวจึงมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของน้องพอสมควร เหนื่อยง่ายทำอะไรไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน “หนูลาคลอดเมื่อไหร่”“ยังเลยค่ะ หนูว่าจะทำจนคลอดเลย”“ว่าไงนะ” ไม่ได้หูฝาดไปแน่ ๆ ครับ“หมายถึงทำจนเจ็บท้องใกล้คลอดเลยค่ะ ลาได้เก้าสิบวันหนูอยากอยู่กับลูกนาน ๆ นี่ถ้าลาล่วงหน้าเป็นเดือนกลัวได้ใช้เวลาอยู่กับลูกน้อย” เห็นไหมครับ ไม่ได้มีแค่ผมสักหน่อยที่เห่อลูก“เข้าใจ แต่พี่อยากให้พักเดินจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ”“แต่หนู...”“คุณแม่ดื้อเหรอครับ?”“ก็ได้ค่ะ” กำหนดคลอดเดือนหน้าแต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะคาดเคลื่อนก็ได้ต้องเตรียมตัวเอาไว้ก่อนครับพวกเราย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหม่แล้วและรับแม่กับยายมาอยู่ด้วยชั่วคราวเพราะไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียวไง ไม่ต้องห่วงนะครับว่าผิดที่ผิดทางแล้วยายผมจะเหงา เพราะเพื่อนบ้านก็มีคุณตาคุณยายอายุไล่เลี่ยกัน คุยกันถูกคอประหนึ่งว่ารู้จักมานานแรมปี“พี่ทิว”“ครับ?”“หนูอยากกินไข่ปลาทอด” ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความหวังเชียว“มันหาซื้อได้ที่ไหน” ไข่ปลาน่ะรู้จักครับ แต่มันไม่ได้ม

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-51/1 บทส่งท้าย

    บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ถ้าพ่ออยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะดี... ตอนแรกตั้งใจจะเชิญแค่ญาติคนสนิทแต่ตากับยายคัดค้านค่ะ ให้เหตุผลว่าแม่เป็นลูกคนเล็กญาติทางนั้นก็สำคัญ ญาติทางนี้ก็สำคัญ ป้าบ้านนั้น น้าบ้านนี้ เยอะแยะไปหมด เป็นคนเก่าคนแก่ที่มีคนรู้จักนับถือเยอะก็อย่างนี้แหละ ไม่เป็นไรเอาที่ตากับยายสบายใจเลย พี่แบคกับพี่เต้อาสาเป็นพิธีกรให้ และไม่วายถูกตั้งคำถามประหลาด ๆ ตามเคย“เจ้าบ่าวครับ เห็นคุณผู้หญิงโต๊ะนั้นไหมครับ?” พี่แบคเอ่ยพลางชี้ไปที่คนกลุ่มหนึ่ง เป็นรุ่นน้องที่ทำงานของพี่ทิวนั่นแหละค่ะ“เห็นครับ”“สวยไหม?”“สวย”“คุณ! นี่งานมงคลของคุณนะครับ คุณกล้าชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าภรรยาเชียวเหรอ” คำถามกวนอารมณ์ถูกเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร มองแล้วเห็นว่าเป็นคนสวยปกติก็คือเป็นคนสวยเท่านั้นเอง กลับกันถ้าเราอยู่ใกล้คนที่เราชอบต่อให้หน้าตาธรรมดายังไงในสายตาเราเขาก็สวยที่สุดอยู่ดี” ประโยคหลังพี่ทิวหันมาพูดกับฉันทำเอาผู้คนในงานเอ่ยแซวเสียงดังไปทั่วบริเวณ“เจ้าสาวครับ”“ค่ะ”“คุณผู้ชายโต๊ะนั้นหล่อไหมครับ”“หล่อค่ะ”“แล้วระหว่างทางนั้นกับทางนี้ ใครหล

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-50 ครอบครัวของเรา

    ก่อนหน้านี้ประจำเดือนฉันมาสามวันค่ะ ปกติจะห้าหรือไม่ก็เจ็ดวัน แต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นคนมีรอบเดือนไม่ปกติอยู่แล้ว แต่คราวนี้คงปล่อยผ่านไม่ได้แล้วแหละเลิกงานฉันซื้อที่ตรวจครรภ์มาด้วยห้าอัน อันละยี่ห้อไปเลยค่ะ มาถึงบ้านอาบน้ำเสร็จก็ตรวจเลย คุณหมอแนะนำมาว่าควรเป็นฉี่แรกของวันเพื่อผลที่แม่นยำ แต่มันตื่นเต้นไงอยากรู้จึงลองตรวจดูก่อนในความคิดฉันถ้าท้องจริงตรวจตอนไหนคงขึ้นสองขีดเหมือนกัน อันนี้คิดเอาเองนะคะลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะจุ่มที่ตรวจลงไป ใจเต้นแรงเป็นบ้าเลยค่ะ วินาทีที่แถบสีชมพูเริ่มเห็นชัดขึ้น ...“สะ สองขีด” เหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะ ขีดที่สองมันจางมากแต่มองผ่าน ๆ ก็คือเห็นว่าเป็นสองขีด ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจนะคะแค่ไม่คิดว่าจะมาเร็วแบบนี้ฉันเพิ่งหยุดกินยาคุมเมื่อสองเดือนก่อนเอง ใครจะคิดว่าจะติดรวดเร็วทันใจขนาดนี้ล่ะ แล้วต้องทำยังไงต่อต้องบอกใครเป็นคนแรก?เช้าอีกวัน ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิว ใช่ค่ะ! หิวจริง ๆ ลืมตามาก็อยากกินข้าวเลย ทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาข้างนอกเห็นแม่ทำกับข้าวอยู่ก่อนแล้ว“วันนี้ไม่ไปใส่บาตรเหรอ” “หนูตื่นสายเลยไม่ได้ไป แม่...”“ว่า?”“...”“เรียกแล้วไม่พูดนะ” พูด

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-49 การเดินทางของเราสองคน

    หลังจากทริปทะเลจบลงพวกเราก็กลับสู่บทบาทหน้าที่ตัวเองกันอีกครั้ง แอบเขินไปหลายวันเลยเรื่องที่เข้าใจผิด อย่างที่บอกเป็นใครก็ต้องคิดจริงไหม? ส่วนไอ้อาการหน้ามืดโลกหมุนของฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว พี่ทิวดูแลดียิ่งกว่าหมอซะอีก“พอแล้วมั้งคะ” ถึงกับต้องเอ่ยปรามขึ้นเมื่อเห็นเขาหยิบผลไม้ใส่รถเข็นจนเยอะแยะไปหมด“อันนี้มีประโยชน์”“รู้... แต่หนูไม่ชอบนี่แค่อันนี้อย่างเดียวก็พอค่ะ” ฉันว่าพลางชี้มือไปที่กล่องสตอวเบอร์รี่“ครับ ซื้อเข้าห้องไปเลยแล้วกันเผื่อพรุ่งนี้พี่เลิกดึก”“โอเคค่ะ”ทุกครั้งที่เงินเดือนออกเราจะซื้อของเติมตู้เย็นเสมอ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนในส่วนเฉพาะของสดประมาณสองพันบาท ค่าน้ำ ค่าไฟอีกสองพันบาท จิปาถะยิบย่อยรวมทั้งหมดแล้วประมาณห้าพันอันนี้ฉันคำนวณเองนะ ส่วนค่าน้ำมันรถหรือของที่จำเป็นอื่น ๆ ยังไม่ได้คิดค่ะ ที่กล่าวมานี้อยู่ในความรับผิดชอบของพี่ทิวทั้งหมดฉันเคยบอกแล้วว่าเรื่องในครัวฉันรับผิดชอบเองได้แต่เขาไม่ยอมและให้เหตุผลว่าผู้นำครอบครัวเขาไม่มาแบ่งจ่ายกันหรอก ในเมื่อค้านอะไรไม่ได้ก็เลยใช้วิธีแยกซื้อต่างหากโดยที่พี่ทิวไม่รู้ ตั้งแต่คบกันมาสาบานได้ว่าฉันไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาเ

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-48 มากกว่ารัก

    หมดกันเซอร์ไพรส์ของผม แอบรู้สึกผิดเหมือนกันนะเนี่ยทำน้องร้องไห้ไปหลายวันเลย ผมไม่ได้ตั้งใจ ที่ตั้งใจจริง ๆ คือบ้านต่างหากที่ดินตรงนั้นผมซื้อมันตั้งแต่ก่อนไปญี่ปุ่นหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้บอกน้องเพราะตั้งใจจะปลูกบ้านก่อน บวชแล้วค่อยแต่งไง แต่มันผิดแผนนิดหน่อย ปิดมาได้ตั้งนานดันมาตกม้าตายตอนบ้านเสร็จซะงั้น ครืด...ครืด…“ว่าไง”(จะเพิ่มเติมตรงไหนอีกหรือเปล่ากูจะได้บอกช่างถูก)“แก้ตรงสีไม่เสมออย่างเดียวก็พอ”(เออ ผัวกูถามว่ามึงจะเข้ามาดูไหม)“เข้าแหละ น่าจะพรุ่งนี้บ่าย”(กูถามจริงแฟนมึงไม่สงสัยบ้างเหรอ ถ้าเป็นกูคงจับได้ตั้งแต่ผัวกลับบ้านไม่ตรงเวลาละ)“จะเหลือเหรอ”(ฮ่า ๆ กูว่าแล้วเซอร์ไพรส์ไม่เคยสำเร็จ แล้วเขาว่าไง)“เปล่าหรอก เข้าใจผิดนิดหน่อย”(ไม่ใช่คิดว่ากูเป็นกิ๊กมึงหรอกนะ)“ประมาณนั้น”(ฉิบหาย!)“เกือบได้ฉิบหายจริง ๆ แต่ตอนนี้คุยกันเข้าใจแล้ว ไว้พรุ่งนี้กูพาไปด้วยเลย ไหน ๆ ก็รู้แล้วนี่”(เออ ไว้เจอกัน)ลูกหว้าเป็นเพื่อนร่วมงานครับ เราอยู่ทีมเดียวกันแต่คนละฝ่าย รู้จักกันตั้งแต่ฝึกงานไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย ส่วนที่น้องคิดไปไกลคงเป็นเพราะพฤติกรรมของผมมากว่า เรื่องนี้แม่กับยายก็รู้นะครั

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-47 พี่ก็รู้ว่าทำไม?

    นานนับชั่วโมงที่ฉันจมอยู่กับความรู้สึกนี้ น้ำตาก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลยมันคิดไปหมดทุกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? แล้วพี่ทิวนอกใจฉันจริง ๆ อย่างนั้นเหรอไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่จนตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมจนบานประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับแสงไฟที่ส่องสว่าง“ทำไมไม่เปิดไฟครับ แล้วกลับมาก่อนทำไมไม่โทรบอกพี่” “หนูโทรแล้วแต่ไม่ติด”“โกหก! พี่เช็กดูแล้วไม่มีใครโทรมา”“ก็หนูโทรแล้วมันไม่ติดจริง ๆ” ฉันยังคงแถไปแบบนั้น “พี่เปลี่ยนน้ำหอมแล้วเหรอคะกลิ่นนี้หอมดีนะ” พี่ทิวหน้าเจื่อนไปเลยค่ะเมื่อฉันถามออกไปแบบนั้น “หนูอาบน้ำก่อนแล้วกัน เหนื่อย...” เหนื่อยที่ต้องรู้สึกเหนื่อยที่ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ เหนื่อยที่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จฉันก็เข้าห้องนอนทันที ปวดหัว ปวดตา ปวดไปหมดทุกอย่าง ไม่อยากรู้สึกไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว ถ้าเขาหมดรัก หรือรักฉันน้อยลงเขาก็ควรจะบอก ไม่ควรทำกับฉันแบบนี้ ไม่ควรเลยจริง ๆ แค่เพียงไม่นานประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงที่ฉันคุ้นเคย “เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงข้างฉัน“ปวดหัวค่ะ อยากนอน”

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-46 อาถรรพ์รักเจ็ดปี

    หลายเดือนผ่านไป ตั้งแต่พี่ทิวกลับมาจากญี่ปุ่นฉันรู้สึกว่าพฤติกรรมเขาเปลี่ยนไปไม่เชิงว่าไม่เหมือนเดิมแต่เขาออกจากห้องบ่อยและกลับไม่ตรงเวลา อย่างเช่นวันนี้(พี่ยังทำธุระไม่เสร็จ หนูกลับห้องก่อนเลยนะพี่น่าจะดึก)“ค่ะ พี่ก็ขับรถดี ๆ นะ”(ครับ)ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะพูดว่าเดี๋ยวพี่ไปรับหรือไม่ก็ต้องรีบมารับฉันก่อน เขาจะละเว้นทุกอย่างเพื่อฉันเสมอแม้ว่าฉันจะดึงดันแค่ไหนพี่ทิวก็ไม่มีทางให้ฉันกลับเองเด็ดขาด แต่วันนี้...“เดี๋ยวเราไปส่งก็ได้ พี่เขาอาจจะงานเยอะอย่าคิดมาก” ภามเอ่ย“อืม”กลับถึงห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแหงนดูนาฬิกาจะสามทุ่มแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าพี่ทิวจะมา รอจนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีตอนที่แผ่นหลังแตะสัมผัสกับที่นอนนุ่ม ๆ นั่นแหละ“เพิ่งมาเหรอคะ” เอ่ยถามก่อนจะเหลือบดูนาฬิกาตีสองแล้วค่ะ“ครับ งานผิดพลาดนิดหน่อยพี่เลยต้องไปดูด้วยตัวเอง นอนเนอะพี่ง่วงแล้ว” พูดจบเขาก็ปิดไฟที่หัวเตียงแล้วกอดฉันอย่างเช่นทุกคืนรอจนแน่ใจว่าพี่ทิวหลับแล้วฉันจึงค่อย ๆ คลายกอดแล้วลงจากเตียงให้เบาที่สุด จากนั้นตรงไปยังตะกร้าผ้าทันทีหยิบชุดที่เขาสวมใส่ก่อนหน้านี้มาสูดดมว่ามีกลิ่นอื่นปะปนม

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-45 บททดสอบ

    สามเดือนมานี้เป็นอะไรที่โหดมากสำหรับผม ไม่ว่าจะเรื่องงานรวมไปถึงหัวใจก็ด้วย ไหนจะแม่กับยายอีก มันเครียดและกังวลกดดันไปหมดทุกอย่างเพียงแต่ผมไม่แสดงออกให้ใครเห็นเท่านั้นเอง “หนูรู้สึกว่าพี่กลับมาก่อนเวลาหรือเปล่า?” น้ำเสียงใสเอ่ยพลางทำหน้าครุ่นคิด“คิดถึงเด็กอ้วนไงเลยไม่อยากอยู่นาน”“ความจริง?”“งานพี่เสร็จก่อนเลยขอกลับก่อน” น้องยังคงจ้องหน้าผมหวังจะเอาคำตอบอยู่แบบนั้น ขืนบอกไปว่าโหมงานเพื่อจะให้เสร็จเร็ว ๆ ก็ถูกโกรธกันพอดี “มองหน้าแบบนี้อยากมีเรื่องหรืออยากมีลูก?” “มุขโคตรเก่า”“ฮ่า ๆ พี่ได้พักตั้งหนึ่งอาทิตย์เราไปเที่ยวกันไหม” เฉไฉเปลี่ยนเรื่องไปก่อนครับเดี๋ยวถูกจับได้“เสียใจด้วยค่ะสาขาหนูหยุดไม่ตรงเสาร์อาทิตย์ ถ้าจะหยุดติดกันสองวันก็คงเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์กลางปีโน่นแหละ ที่เหลือสลับกันหยุดค่ะ”“อันที่จริงทำไมหนูไม่ทำสาขาข้างนอกล่ะ ในห้างกว่าจะเลิกก็ฟ้ามืดแถมวันหยุดก็แทบไม่มีด้วยซ้ำ” ในความคิดผมนะมันเหนื่อยเกินไปครับ แต่ดีตรงที่เข้างานสายกว่าสาขาทั่วไปนั่นแหละ“สนุกดีนะ ถ้ามาทำในวันหยุดตัวเองก็ได้เงินเพิ่มไปอีก แถมยังตื่นสายได้ด้วยนะ แล้วพี่ไม่ต้องห่วงเรื่องกลับมืดนะคะเพราะสาขาหนูเ

DMCA.com Protection Status