แชร์

บทที่6

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-13 17:04:30

บทที่6

หลิวอี้สงจึงสั่งบ่าวไพร่ตั้งสำรับ นานๆ จะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ท่ามกลางบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์

“พี่ใหญ่ น้ำแกงไก่ดำ ทานร้อนๆ ช่วยขับเลือดลม” หลิวเจียลี่รับถ้วยน้ำแกงจากสาวใช้ส่วนตัวของนางแล้ววางถ้วยตรงหน้าหลิวชิงชิง

ชิงชิงรับมาอย่างไม่อิดออด วันนี้นางจะกินให้หมดทุกอย่างเลย หลายวันที่ผ่านมา เรือนของนางได้รับกับข้าวเพียงสองอย่างในแต่ล่ะมื้อ เป็นเพียงผัดผักและน้ำแกงเท่านั้น

“ดูสิเจ้าค่ะ ลี่เอ๋อร์อายุเพียงเท่านี้ รู้จักเป็นห่วงใยคนอื่น” หลิวฮูหยิน รีบอวดลูกสาวให้ผู้เป็นสามีฟัง นานๆ จะได้มานั่งทานข้าวร่วมกัน เพราะปกติ แยกทานเรือนใครเรือนมัน

“ข้าตุ๋นน้ำแกงไปเยี่ยมพี่ใหญ่ที่เรือนทุกวันเจ้าค่ะ ท่านแม่”

ชิงชิงก้มหน้าเข้าหาชามข้าว เยียดมุมปากเล็กน้อยไม่ให้ใครสังเกตเห็น ตุ๋นน้ำแกง ต้มตุ๋นล่ะสิไม่ว่า หมาซักตัวข้ายังไม่เคยเห็นไปเยี่ยมแม้แต่เงา มือบางยกน้ำแกงไก่ขึ้นซด

“แค่กๆ” ชิงชิงสำรักน้ำแกงไก่ ไม่ใช่น้ำแกงแล้ว นี่มันน้ำเกลือชัดๆ

“พี่ใหญ่ ร้อนหรือเจ้าค่ะ มาข้าเป่าให้” หลิวเจียลี่แย่งถ้วยน้ำแกงไปเป่าจนหายร้อน แล้วน้ำมาจ่อริมฝีปากชิงชิง “ทานให้หมดเลยนะเจ้าค่ะ ข้าเคี่ยวเองกับมือ” หลิวเจียลี่ทำสีหน้าท่าทางบริสุทธิ์ไร้เดียงสา

ชิงชิงเห็นสีหน้าคาดหวังจากทุกคนภายในห้อง หากจะเปิดโปงเจียลี่ หลิวฮูหยินไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ แน่ เอาว่ะ ข้าจะให้พวกเจ้ารังแกข้าเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน เมื่อตัดสินใจได้จึงกลั้นใจดื่มน้ำแกงจนหมดถ้วย ตายๆ ไตพังแน่ๆ วันนี้

หลิวอี้สงมองบุตรสาวที่รักใคร่กลมเกลียวกัน ก็อดภูมิใจในตัวฮูหยินไม่ได้ คิดไม่ผิดที่แต่งนางเข้ามา หลังจวนถึงได้สงบสุขเพียงนี้ ไม่วุ่นวายเหมือนจวนอื่นๆ

หลิวชิงชิงมิสนทนาอันใดต่อ การกลั่นแกล้งภายในจวนมักจะป็นแบบนี้เสมอ ไม่โจ่งแจ้ง ลงมือแนบเนียนและนางเอกก็ไม่สู้คน ชิงชิงร่วมสนทนาเพียงไม่กี่คำเออออไปด้วยตามมารยาท ตั้งหน้าตั้งตากินอาหารตรงหน้า วันนี้ไม่จุกไม่วางตะเกียบ ตุนเอาไว้เพราะมื้อต่อไปอาจมีเพียงแค่ผัดผัก คิดซะว่ามากินบุฟเฟต์

ยามอิ๋น (03.00 – 04.59 น.) บ่าวไพร่ในจวนวิ่งกันให้วุ่นวาย เสียงอึกทึกครึกโครมดังไปทั่วบริเวณลานใหญ่หน้าจวนคุณหนูใหญ่จะเดินทางไปรักษาตัวที่บ้านเดิมของมารดา หลิวอี้สงสั่งคนให้เตรียมของรถม้าและสัมภาระให้หลิวชิงชิงเดินทางด้วยตัวเอง เนื่องจากห่วงบุตรสาว ทั้งยังจ้างสำนักคุ้มภัยฝีมือดีที่สุดที่ใช้งานเป็นประจำให้ร่วมเดินทางไปด้วย

จากเดิมหลิวฮูหยินจะส่งคนสนิทจะลอบขนถ่ายสินเดิมของอี๋นัวออกมาจากคลังสมบัติ แต่พอรู้ว่าสามีจะเป็นคนลงเมื่อเตรียมการเอง ได้แต่เก็บความเคียดแค้เอาไว้ภายใน สมบัติที่นางคิดว่าซักวันต้องเป็นของลูกสาวนางกลับต้องถูกผู้อื่นแย่งชิงไป

เช้าวันนั้น มีหนึ่งคนยิ้ม แต่มีอีกสามคนน้ำตาตกใน

“คุณหนูเจ้าค่ะ ทำไมท่านดีใจที่ได้ไปอยู่ที่อื่นถึงเพียงนี้” การเดินทางออกไปอยู่ไกลถึงฉางอัน แบบไม่มีกำหนดกลับ ไม่ต่างกับถูกขับออกจากจวนเลย

หลิวชิงชิง เปิดม่านรถม้า มองดูขบวนสำภาระ นิ้วขาวเรียวโพล่พ้นจากชายเสื้อ

“จางจิ้ว เจ้าดูนั้นสิ รถม้าที่ขนข้าวของและเงินทองกี่คันรถ ตอนอยู่จวนตะกูลหลิวข้ามีเบี้ยหวัดเพียงสิบตำลึงเงิน แถมถูกแม่ใหญ่และน้องๆ ค่อยกลั่นแกล้ง ข้าวจะกินแต่ล่ะมื้อก็น้อยนิด แต่ดูสิพอข้าได้เดินทางออกไปอยู่ห่างไกล กลับมีสมบัติถึงสามสิบหีบ อยู่ที่ใดไม่สำคัญเท่าอยู่แล้วมีตำลึงจับจ่ายใช่หรือไม่”

จางจิ้วคิดตาม ฟังคุณหนูพูดแล้วมองตามนิ้วยาวเรียว เห็นรถม้าที่วิ่งตามหลายคันก็พยักหน้า ก็จริงอย่างที่นางว่า “ไม่ว่าคุณหนูอยู่ที่ใดข้าก็จะอยู่ด้วยเจ้าค่ะ”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่7

    บทที่7ขบวนรถม้าของหลิวชิงชิงออกจากเมืองหลวงมาได้หสิบวันแล้ว ค่ำไหนนอนนั้น แวะเบี้ยป้ายรายทาง ชมนกชมไม้ไปเรื่อย ไม่รีบร้อน ถึงฉางอันเมื่อไรเมื่อนั้น อีกไม่ช้าจะเข้าเขตเมืองผิงเหยา ชิงชิง จะนำสินเดิมของมารดาบางส่วนแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วเงิน เก็บไว้เพียงของมีค่าไม่กี่ชิ้นเท่านั้น นางตั้งใจจะพักในเมืองผิงเหยาซักสามวันแล้วค่อนเดินทางต่อป่านนี้ม้าเร็วคงส่งจดหมายของท่านพ่อไปถึงจวนสกุลหลี่แล้ว“จางจิ้ง เจ้าเหนื่อยเหรอไม่ อีกไม่ช้าจะถึงเมืองผิงเหยาแล้ว เมื่อถึงข้าจะพาเจ้าเที่ยว”“คุณหนูจะพาข้าเที่ยวได้อย่างไร เพิ่งเคยมาด้วยกันหนแรก”“เอ้า ไม่เคยมาไม่ได้หมายความว่าจะพาเจ้าเที่ยวไม่ได้ มีถนนให้เดิน มีตำลึงในมือเท่านั้นก็พอแล้ว”มีตำลึงก็เที่ยวได้งั้นหรือ?หลิวชิงชิง เห็นสีหน้าโง่งมของจางจิ้งอดจะเอ็นดูไม่ได้ จางจิ้งเพิ่งจะอายุ 13 เท่านั้น ความคิดความอ่านหลายๆ อย่างยังเด็กนัก อีกทั้งวันๆ อาศัยอยู่แต่ในจวนไม่เคยออกมาข้างนอก ส่วนนางนั้นถึงแม้ร่างนี้จะอายุแค่ 15หนาว แต่วิญญาณข้างใน 30แล้ว เรียกว่าผ่านโลกมาค่อนชีวิต แต่อาจจะยังใหม่สำหรับโลกนี้ นิยายจีนเธอไม่เคยหยิบมาอ่านเลย ปิ่นหงส์คือเรื่องแรก ส่วนวัฒนธ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่8

    บทที่8“หากท่านต้องการร่วมโต๊ะ ท่านต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้” ไอ้หล่ออ่ะหล่อ แต่มาชวนสาวกินข้าวเฉยได้ยังไงพี่ชายต้องป็นคนจ่าย“ไม่มีปัญหา”“เชิญนั่งเจ้าค่ะ” ชอบจังผู้ชายสายเปย์“ขอบคุณ” ชายหนุ่มนั่งลงเคียงข้างเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งอาหารเพิ่มอีกหลายอย่าง กริยาท่าทางดูแล้วเพลินหูเพลินตาหน้าตาแบบนี้เคยเห็นแต่ในโซเชี่ยล เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆ แบบหายใจรดต้นคอแบบนี้ นี่มันลูกนรักพระเจ้าชัดๆ ถึงจะเลิกกับแฟนเก่าไปไม่ได้คบหาดูใจกับใครต่อ ไม่ได้แปลว่าตายด้านนะย่ะ“ข้ามัวแต่ดีใจที่แม่นางให้ร่วมโต๊ะ จนเสียมารยาทลืมแนะนำตัว ข้าแซ่หลง มีนามว่า หลงเจี้ยนกั๋ว”รอยยิ้มบนหน้าชิงชิงค่อยๆ หมองลง จากแววตาพราวระยับ พลันกลายเป็นตกตะลึง เดี๋ยวน่ะ ชื่อคุ้นๆ คงไม่ใช่“ข้าน้อยแซ่หลิว เรียกข้าคุณหนูหลิว ก็แล้วกัน” ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ ในนิยายพระเอกเจอนางเอกในวันลอยโคมไฟไม่ใช่เหรอ อีก 1 ปีข้างหน้า แล้วทำไมถึงโพล่มาตอนนี้ได้ แล้วข้าจะหนีมาเพื่ออะไร“คุณหนูหลิวท่านคงไม่ไช่คนเมืองนี้”“ท่านก็มิใช่คนเมืองนี้ “ไม่ได้ดูคนเป็นหรอก รู้ว่าพระเอกอยู่เมืองหลวง แต่อยากรู้ว่า ไอ้ด้ายแดงมันแผลงฤทธิ์ดึงพระเอกมาเจอนางได้อย่างไร โหวด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่9

    บทที่9หลงเจี้ยนกั๋วเดินตามคุณหนูหลิวมาถึงโรงเตี๊ยม เห็นนางขึ้นรถม้าวิ่งออกนอกเมืองไป ในคราวแรกเขาตั้งใจจะกลับเมืองหลวงทันที ไม่มีรู้อะไรดลใจให้แวะทานอาหารที่เหลา โชคชะตาคงทำให้เขาได้พบนางที่เมืองผิงเหยา หลงจู้โรงเตี๊ยมบอกว่านางเป็นคุณหนูที่เดินทางมาจากเมืองหลวง เขาจึงให้คนติดตามไปสืบว่าเป็นคุณหนูตะกูลใด เขาไม่อาจตามนางไปได้เพราะต้องกลับเมืองหลวง คงต้องกลับไปรอข่าวที่เมืองหลวงก่อนหลงเจี้ยนยกยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าคุณหนูหลิว ตอนที่นางยิ้มพูดคุยกับสาวใช้ นางไม่ถือตัว อีกทั้งยังให้สาวใช้ร่วมโต๊ะตั้งแต่เข้าพิธีสวมกวานเขาไม่เคยเชื่อในรักแรกพบ แต่เมื่อถูกศรรักปักอกยามที่สบตานาง เขารู้ได้ทันทีว่านางคือคนที่เขารอหลังจากเดินทางออกจากผิงเหยา ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะให้ขบวนรถม้าพักซักสามวัน กลับต้องเดินทางออกมา คนที่อยู่บนรถม้าก็สบายหน่อยแต่คนที่เดินเท้าคงเหนื่อยไม่น้อย เมื่อเห็นลำธาร จึงสั่งหยุดขบวนตั้งกระโจมพักค้างแรม ดีที่หลงจู๊โรงเตี๊ยมไหวพริบดีรู้จักค้าขาย ถามขายสะเบียงอาหารตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าที่พัก การเดินทางครั้งนี้สินเดิมของมารดาถูกใช้ไปถึง 1 หีบ แต่ชิงชิงก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย อยากให้ทุกคนที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่10

    บทที่10“แม่นาง ข้าขอวาดรูปท่านได้หรือไม่”ชิงชิงหันมามองผู้เฒ่า ที่เดินเข้ามาหานางกับจางจิ้ง ลักษณ์การแต่งการคล้ายนักพรต เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนคนเดินทางอ้างแรมตามป่าเขา“ท่านผู้เฒ่าวาดทิวทัศน์ไม่ดีกว่าหรือ แม้ข้าจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นงดงาม แต่ก็ไม่อาจเทียบทิวทัศน์ตรงหน้าได้” เหมือนจะถ่อมตัว แต่เปล่าเลยไม่อวยตัวเองจะไปอวยใครจริงป่ะ“ข้ากับแม่นางมีวาสนาต่อ จึงอยากวาดภาพให้แม่นางเก็บไว้”อ้อ หมายความว่าจะวาดแล้วให้นาง ไม่ได้วาดแล้วไปด้วย โถ่ๆๆๆ ก็นึกว่าจะวาดรูปนางไปขาย“งั้นข้าไม่ขัดสัทธา” หลิวชิงชิง จัดท่านั่งในท่าที่คิดว่าสบายที่สุด เคยไปนั่งถนนคนเดินให้ศิลปินมือสมัครเล่นวาดมาแล้ว งานนี้หมูๆผู้เฒ่าเปิดกล่องไม้หยิบพู่กัน ลงหมึกบนกระดาษสีขาว ทั้งสองไม่ได้สนทนาอันใด จางจิ้งนั่งดูอยู่ด้านข้างก็ปิดปากเงียบเกรงจะทำลายสมาธิท่านผู้เฒ่าเวลาผ่านไป ครึ่งชั่วยาม ผู้เฒ่าจึงวางพู่กันแล้วส่งรูปภาพให้สาวงามต้นแบบรูปภาพหลิวชิงชิง มองภาพด้วยแววตาสั่นไหว ภาพของนางที่ปรากฏอยู่บนกระดาษ พื้นหลังของภาพไม่ใช่ทิวทัศน์เบื้องหน้าแต่เป็นยืนอยู่ในสวน กลางจวนแห่งหนึ่ง ใจนางหล่นวูบ ภาพเดียวกับปกหนังสือ“ข้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่11

    บทที่11ในที่สุดขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงฉางอัน เมืองฉางอันไม่สร้างเสร็จภายในวันเดียว เหมือนที่หลิวชิงชิง ใช้เวลาเดินทางถึง 20 วัน ไม่ได้นั่งรถม้ามาแล้วแบบนี้ เดินมาเถอะเมื่อถึงจวนสกุลลี่ กลับพบว่า ท่านตาท่านยายได้จากไปแล้ว เจ้าของจวนตอนนี้คือท่านลุงหลี่เจิน ลุงป้าน้าอาคนอื่นๆ แยกย้ายออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงครอบครัวสายหลัก ท่านลุงลี่มิได้ยินดีต้อนรับหลิวชิงชิงนัก แต่เพราะจดหมายที่หลิวอี้ส่ง ส่งมาล่วงหน้า หากเขาใจร้ายขับไล่นางกลับไปคงจะกลายเป็นคนไร้เมตตาในสายตาคนนอก จึงจำใจรับนางเอาไว้“ชิงเอ๋อร์ เจ้ามาเพื่อรักษาตัว คงจะไม่ว่าลุงใช่หรือไม่ หากจัดให้เจ้าอยู่ท้ายจวน”หลิวชิงชิงสิ่งยิ้มหวานกลับไป “ลำบากท่านลุงแล้วเจ้าค่ะ ข้าต้องการมารักษาโรคหนาวใน หนีอากาศหนาวจากเมืองหลวงมาเท่านั้นคงมิอยู่นาน”หลี่เจิน ยกยิ้มอย่างน้อยๆ นางก็ไม่เรื่องมากให้เขาลำบากใจ หวังว่านางจะอยู่ท้ายจวนอย่างสงบเสงี่ยมบ่าวที่ติดตามมาช่วยกันขนสำภาระคนล่ะไม้คนล่ะมือ คาดว่าคงจะพักผ่อนไม่กี่วันก็ต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมคนของสำนักคุ้มภัย ชิงชิงให้จางจิ้งน้ำสินน้ำใจมอบให้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนของสำนักคุ้มภัย“คุณหนูเจ้าคะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่12

    บทที่12หลงเจี้ยนกั๋ว เดินวนเวียนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าจวนสกุลหลี่ หลังจากเดินทางไปถึงเมืองหลวง ไม่นานคนที่ใช้ให้ไปสืบข่าวคุณหนูหลิวก็ตามไป นางคือคุณหนูใหญ่สกุลหลิว นามว่าหลิวชิงชิง ช่างเหมาะกับนางเหลือเกิน ตาดวงจองนางเปล่งประกายระหยิบระยับดุจดาวบนฟากฟ้า คุณหลิวหลังจากแยกจากเขานางเดินทางมาฉางอันเพื่อนรักษาอาการป่วย รอแล้วรอเล่านางก็ไม่กลับเมืองหลวงซักที เขาทนไม่ไหวจึงควบม้าจากเมืองหลวงมายังเมืองฉางอัน อยากเพียงเห็นหน้านางอีกซักครั้งด้วยความร้อนใจจึงมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่รู้ว่าจะขอพบนางด้วยเหตุผลอะไร จึงทำได้เพียงเดินวนเวียนอยู่หน้าจวน หวังว่านางจะออกไปข้างนอกแล้วบังเอิญได้พบกันอีกครั้ง“คุณหนูเจ้าค่ะ นายท่านให้มาเรียนเชิญไปเรือนหลักเจ้าค่ะ” สาวใช้จวนสกุลหลี่ที่คอยดูแลงานทั่วไปหยอบกายเล็กน้อย“ท่านลุงเรียกข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร” หรือเพราะเมื่อวาน ที่มีคนลอบมองนางที่เก๋ง เอาอะไรไปฟ้องท่านลุงกัน ข้าอยู่ของข้าเงียบๆชิงชิงไม่คิดนาน ในเมื่อเจ้าของจวนออกปากเชิญนางก็ต้องไปหลิวขิงชิงเดินเข้าไปในห้องโถ่ง แทบอยากจะหมุนตัววิ่งกลับเรือน แต่ก็ทำไม่ได้ กรีดร้องอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่13

    บทที่13วันต่อมายามอู่ (午:wǔ) คือ 11.00 – 12.59 น.) สาวใช้ของจวนบอกว่ามีแขกมาพบ ชิงชิงไม่ขอเดาว่าเป็นใคร นางจึงให้แขกไปรอที่เก๋งริมสระบัว“คุณชายหลง รอนานหรือไม่”“ไม่นาน คุณหนูหลิวเชิญนั่ง”หลิวชิงชิงส่งยิ้มให้ ในเมื่อหนีก็แล้ว สุดท้ายพระเอกก็ดั้นด้นมาหานางถึงฉางอัน นางจึงตัดสินใจไม่หนีอีกแล้ว“คุณชายหลง ข้าไม่อ้อมค้อม ข้าเป็นเพียงผู้อาศัยจวนนี้เท่านั้น หากท่านมาพบข้าบ่อยๆ คงจะดูไม่ดี อย่างไรข้าก็คือคุณหนูในห้องหอ ผู้อื่นจะเอาไปนินทาได้”“เป็นข้าที่คิดน้อย แต่ข้าถูกชะตากับคุณหนู อยากสนทนาด้วย ข้าเข้าใจสิ่งที่คุณหนูกังวล”“คุณชาย ท่านเรียกข้าแม่นางหลิวเถอะ ในเมื่อข้าดั้นด้นมาถึงฉางอันยังได้มาพบท่าน ข้ายินดีเป็นสหายท่าน” ในเมื่อคุณชายหลงไม่ได้นิสัยแย่อะไร เป็นบัณฑิตที่น่ายกย่องคนหนึ่ง คบเป็นสหายก็ไม่เสียเปล่า ยังไรหากข้าไม่ตอบรับรักเขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้“ขอบคุณแม่นางหลิวที่ให้โอกาสข้า” เจี้ยนกั๋วไม่พอใจที่นางอยากเป็นแค่สหาย แต่เขาจะทำอะไรได้ รุกหนักไปนางคงหนีไปก่อน ค่อยๆ คบหาเรียนรู้กันไปก่อนก็ดี อย่างไรนางก็ยังไม่มีคู่หมั่นหมาย นั้นหมายความว่าเขายังมีโอกาส“แต่ไหนๆ ก็เป็นสหายกันแล้ว เจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่1

    บทที่1พรนับพันหรือดาว นักบัญชี สาวสวยวัย 30 ยังแจ๋ว ตาโตผมยาวถึงกลางหลัง ใส่แว่นตาหนาแต่ไม่สามารถซ่อนความสวยได้เลย (หลงตัวเองล่ะดูออก) ใครๆ อาจจะคิดว่าเพราะหน้าที่การงานที่ต้องอยู่กับตัวเลข ทำให้ต้องใส่แว่นสายตาคุณคิดผิดค่ะ ที่สายตาสั้นเพราะชอบอ่านนิยายล้วนๆ“ดาว ปะเลิกงานแล้วไปกินปิ้งย่างกัน” รุ่นพี่ในแผนก“ดาวติดธุระค่ะพี่นุช ขอบคุณที่ชวนนะคะ” พรนับพันคว้ากระสะพายเดินออกจากแผนก วันนี้เงินเดือนออกจุดมุ่งหมายของมนุษย์เงินเดือนคือ ร้านหมูกะทะ ปิ้งย่าง ร้านเหล้า ผับ บาร์ แล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มัน ส่วนเธอนั้นขอไปส่องนิยายออกใหม่นุชมองตามหลังรุ่นน้อง มองด้วยความเห็นออกเห็นใจ “ตั้งแต่เลิกกับวัต ดาวมันก็ไม่เที่ยวไม่อะไรเลย ชวนไปไหนก็ไม่ไป เลิกงานกลับบ้าน”“มันคงเฮิทละพี่ คบกันมาตั้งสิบกว่าปี เกือบจะได้ร่อนการ์ดแต่งงานอยู่แล้วเชียว ดีน่ะจับได้ซะก่อนว่าถูกนอกใจ” พรนับพันยังเดินไปไม่ไกลได้ยินเสียงนินทาจากพี่ๆ เพื่อนๆ ในแผนกคล้อยหลังมา ใครว่าเธอเฮิทเก็บตัวอยู่บ้าน เธอติดอ่านนิยายต่างหาก สายตาสั้นไม่ได้จับฉลากได้มาน่ะบอกเลย เจอนินทาเรื่องแฟนเก่าจนเอือมระอา แรกๆ เธอก็แก้บ่าวอยู่หรอก หลังๆ ขี้เกี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13

บทล่าสุด

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่13

    บทที่13วันต่อมายามอู่ (午:wǔ) คือ 11.00 – 12.59 น.) สาวใช้ของจวนบอกว่ามีแขกมาพบ ชิงชิงไม่ขอเดาว่าเป็นใคร นางจึงให้แขกไปรอที่เก๋งริมสระบัว“คุณชายหลง รอนานหรือไม่”“ไม่นาน คุณหนูหลิวเชิญนั่ง”หลิวชิงชิงส่งยิ้มให้ ในเมื่อหนีก็แล้ว สุดท้ายพระเอกก็ดั้นด้นมาหานางถึงฉางอัน นางจึงตัดสินใจไม่หนีอีกแล้ว“คุณชายหลง ข้าไม่อ้อมค้อม ข้าเป็นเพียงผู้อาศัยจวนนี้เท่านั้น หากท่านมาพบข้าบ่อยๆ คงจะดูไม่ดี อย่างไรข้าก็คือคุณหนูในห้องหอ ผู้อื่นจะเอาไปนินทาได้”“เป็นข้าที่คิดน้อย แต่ข้าถูกชะตากับคุณหนู อยากสนทนาด้วย ข้าเข้าใจสิ่งที่คุณหนูกังวล”“คุณชาย ท่านเรียกข้าแม่นางหลิวเถอะ ในเมื่อข้าดั้นด้นมาถึงฉางอันยังได้มาพบท่าน ข้ายินดีเป็นสหายท่าน” ในเมื่อคุณชายหลงไม่ได้นิสัยแย่อะไร เป็นบัณฑิตที่น่ายกย่องคนหนึ่ง คบเป็นสหายก็ไม่เสียเปล่า ยังไรหากข้าไม่ตอบรับรักเขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้“ขอบคุณแม่นางหลิวที่ให้โอกาสข้า” เจี้ยนกั๋วไม่พอใจที่นางอยากเป็นแค่สหาย แต่เขาจะทำอะไรได้ รุกหนักไปนางคงหนีไปก่อน ค่อยๆ คบหาเรียนรู้กันไปก่อนก็ดี อย่างไรนางก็ยังไม่มีคู่หมั่นหมาย นั้นหมายความว่าเขายังมีโอกาส“แต่ไหนๆ ก็เป็นสหายกันแล้ว เจ

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่12

    บทที่12หลงเจี้ยนกั๋ว เดินวนเวียนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าจวนสกุลหลี่ หลังจากเดินทางไปถึงเมืองหลวง ไม่นานคนที่ใช้ให้ไปสืบข่าวคุณหนูหลิวก็ตามไป นางคือคุณหนูใหญ่สกุลหลิว นามว่าหลิวชิงชิง ช่างเหมาะกับนางเหลือเกิน ตาดวงจองนางเปล่งประกายระหยิบระยับดุจดาวบนฟากฟ้า คุณหลิวหลังจากแยกจากเขานางเดินทางมาฉางอันเพื่อนรักษาอาการป่วย รอแล้วรอเล่านางก็ไม่กลับเมืองหลวงซักที เขาทนไม่ไหวจึงควบม้าจากเมืองหลวงมายังเมืองฉางอัน อยากเพียงเห็นหน้านางอีกซักครั้งด้วยความร้อนใจจึงมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่รู้ว่าจะขอพบนางด้วยเหตุผลอะไร จึงทำได้เพียงเดินวนเวียนอยู่หน้าจวน หวังว่านางจะออกไปข้างนอกแล้วบังเอิญได้พบกันอีกครั้ง“คุณหนูเจ้าค่ะ นายท่านให้มาเรียนเชิญไปเรือนหลักเจ้าค่ะ” สาวใช้จวนสกุลหลี่ที่คอยดูแลงานทั่วไปหยอบกายเล็กน้อย“ท่านลุงเรียกข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร” หรือเพราะเมื่อวาน ที่มีคนลอบมองนางที่เก๋ง เอาอะไรไปฟ้องท่านลุงกัน ข้าอยู่ของข้าเงียบๆชิงชิงไม่คิดนาน ในเมื่อเจ้าของจวนออกปากเชิญนางก็ต้องไปหลิวขิงชิงเดินเข้าไปในห้องโถ่ง แทบอยากจะหมุนตัววิ่งกลับเรือน แต่ก็ทำไม่ได้ กรีดร้องอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่11

    บทที่11ในที่สุดขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงฉางอัน เมืองฉางอันไม่สร้างเสร็จภายในวันเดียว เหมือนที่หลิวชิงชิง ใช้เวลาเดินทางถึง 20 วัน ไม่ได้นั่งรถม้ามาแล้วแบบนี้ เดินมาเถอะเมื่อถึงจวนสกุลลี่ กลับพบว่า ท่านตาท่านยายได้จากไปแล้ว เจ้าของจวนตอนนี้คือท่านลุงหลี่เจิน ลุงป้าน้าอาคนอื่นๆ แยกย้ายออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงครอบครัวสายหลัก ท่านลุงลี่มิได้ยินดีต้อนรับหลิวชิงชิงนัก แต่เพราะจดหมายที่หลิวอี้ส่ง ส่งมาล่วงหน้า หากเขาใจร้ายขับไล่นางกลับไปคงจะกลายเป็นคนไร้เมตตาในสายตาคนนอก จึงจำใจรับนางเอาไว้“ชิงเอ๋อร์ เจ้ามาเพื่อรักษาตัว คงจะไม่ว่าลุงใช่หรือไม่ หากจัดให้เจ้าอยู่ท้ายจวน”หลิวชิงชิงสิ่งยิ้มหวานกลับไป “ลำบากท่านลุงแล้วเจ้าค่ะ ข้าต้องการมารักษาโรคหนาวใน หนีอากาศหนาวจากเมืองหลวงมาเท่านั้นคงมิอยู่นาน”หลี่เจิน ยกยิ้มอย่างน้อยๆ นางก็ไม่เรื่องมากให้เขาลำบากใจ หวังว่านางจะอยู่ท้ายจวนอย่างสงบเสงี่ยมบ่าวที่ติดตามมาช่วยกันขนสำภาระคนล่ะไม้คนล่ะมือ คาดว่าคงจะพักผ่อนไม่กี่วันก็ต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมคนของสำนักคุ้มภัย ชิงชิงให้จางจิ้งน้ำสินน้ำใจมอบให้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนของสำนักคุ้มภัย“คุณหนูเจ้าคะ

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่10

    บทที่10“แม่นาง ข้าขอวาดรูปท่านได้หรือไม่”ชิงชิงหันมามองผู้เฒ่า ที่เดินเข้ามาหานางกับจางจิ้ง ลักษณ์การแต่งการคล้ายนักพรต เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนคนเดินทางอ้างแรมตามป่าเขา“ท่านผู้เฒ่าวาดทิวทัศน์ไม่ดีกว่าหรือ แม้ข้าจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นงดงาม แต่ก็ไม่อาจเทียบทิวทัศน์ตรงหน้าได้” เหมือนจะถ่อมตัว แต่เปล่าเลยไม่อวยตัวเองจะไปอวยใครจริงป่ะ“ข้ากับแม่นางมีวาสนาต่อ จึงอยากวาดภาพให้แม่นางเก็บไว้”อ้อ หมายความว่าจะวาดแล้วให้นาง ไม่ได้วาดแล้วไปด้วย โถ่ๆๆๆ ก็นึกว่าจะวาดรูปนางไปขาย“งั้นข้าไม่ขัดสัทธา” หลิวชิงชิง จัดท่านั่งในท่าที่คิดว่าสบายที่สุด เคยไปนั่งถนนคนเดินให้ศิลปินมือสมัครเล่นวาดมาแล้ว งานนี้หมูๆผู้เฒ่าเปิดกล่องไม้หยิบพู่กัน ลงหมึกบนกระดาษสีขาว ทั้งสองไม่ได้สนทนาอันใด จางจิ้งนั่งดูอยู่ด้านข้างก็ปิดปากเงียบเกรงจะทำลายสมาธิท่านผู้เฒ่าเวลาผ่านไป ครึ่งชั่วยาม ผู้เฒ่าจึงวางพู่กันแล้วส่งรูปภาพให้สาวงามต้นแบบรูปภาพหลิวชิงชิง มองภาพด้วยแววตาสั่นไหว ภาพของนางที่ปรากฏอยู่บนกระดาษ พื้นหลังของภาพไม่ใช่ทิวทัศน์เบื้องหน้าแต่เป็นยืนอยู่ในสวน กลางจวนแห่งหนึ่ง ใจนางหล่นวูบ ภาพเดียวกับปกหนังสือ“ข้

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่9

    บทที่9หลงเจี้ยนกั๋วเดินตามคุณหนูหลิวมาถึงโรงเตี๊ยม เห็นนางขึ้นรถม้าวิ่งออกนอกเมืองไป ในคราวแรกเขาตั้งใจจะกลับเมืองหลวงทันที ไม่มีรู้อะไรดลใจให้แวะทานอาหารที่เหลา โชคชะตาคงทำให้เขาได้พบนางที่เมืองผิงเหยา หลงจู้โรงเตี๊ยมบอกว่านางเป็นคุณหนูที่เดินทางมาจากเมืองหลวง เขาจึงให้คนติดตามไปสืบว่าเป็นคุณหนูตะกูลใด เขาไม่อาจตามนางไปได้เพราะต้องกลับเมืองหลวง คงต้องกลับไปรอข่าวที่เมืองหลวงก่อนหลงเจี้ยนยกยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าคุณหนูหลิว ตอนที่นางยิ้มพูดคุยกับสาวใช้ นางไม่ถือตัว อีกทั้งยังให้สาวใช้ร่วมโต๊ะตั้งแต่เข้าพิธีสวมกวานเขาไม่เคยเชื่อในรักแรกพบ แต่เมื่อถูกศรรักปักอกยามที่สบตานาง เขารู้ได้ทันทีว่านางคือคนที่เขารอหลังจากเดินทางออกจากผิงเหยา ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะให้ขบวนรถม้าพักซักสามวัน กลับต้องเดินทางออกมา คนที่อยู่บนรถม้าก็สบายหน่อยแต่คนที่เดินเท้าคงเหนื่อยไม่น้อย เมื่อเห็นลำธาร จึงสั่งหยุดขบวนตั้งกระโจมพักค้างแรม ดีที่หลงจู๊โรงเตี๊ยมไหวพริบดีรู้จักค้าขาย ถามขายสะเบียงอาหารตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าที่พัก การเดินทางครั้งนี้สินเดิมของมารดาถูกใช้ไปถึง 1 หีบ แต่ชิงชิงก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย อยากให้ทุกคนที

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่8

    บทที่8“หากท่านต้องการร่วมโต๊ะ ท่านต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้” ไอ้หล่ออ่ะหล่อ แต่มาชวนสาวกินข้าวเฉยได้ยังไงพี่ชายต้องป็นคนจ่าย“ไม่มีปัญหา”“เชิญนั่งเจ้าค่ะ” ชอบจังผู้ชายสายเปย์“ขอบคุณ” ชายหนุ่มนั่งลงเคียงข้างเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งอาหารเพิ่มอีกหลายอย่าง กริยาท่าทางดูแล้วเพลินหูเพลินตาหน้าตาแบบนี้เคยเห็นแต่ในโซเชี่ยล เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆ แบบหายใจรดต้นคอแบบนี้ นี่มันลูกนรักพระเจ้าชัดๆ ถึงจะเลิกกับแฟนเก่าไปไม่ได้คบหาดูใจกับใครต่อ ไม่ได้แปลว่าตายด้านนะย่ะ“ข้ามัวแต่ดีใจที่แม่นางให้ร่วมโต๊ะ จนเสียมารยาทลืมแนะนำตัว ข้าแซ่หลง มีนามว่า หลงเจี้ยนกั๋ว”รอยยิ้มบนหน้าชิงชิงค่อยๆ หมองลง จากแววตาพราวระยับ พลันกลายเป็นตกตะลึง เดี๋ยวน่ะ ชื่อคุ้นๆ คงไม่ใช่“ข้าน้อยแซ่หลิว เรียกข้าคุณหนูหลิว ก็แล้วกัน” ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ ในนิยายพระเอกเจอนางเอกในวันลอยโคมไฟไม่ใช่เหรอ อีก 1 ปีข้างหน้า แล้วทำไมถึงโพล่มาตอนนี้ได้ แล้วข้าจะหนีมาเพื่ออะไร“คุณหนูหลิวท่านคงไม่ไช่คนเมืองนี้”“ท่านก็มิใช่คนเมืองนี้ “ไม่ได้ดูคนเป็นหรอก รู้ว่าพระเอกอยู่เมืองหลวง แต่อยากรู้ว่า ไอ้ด้ายแดงมันแผลงฤทธิ์ดึงพระเอกมาเจอนางได้อย่างไร โหวด

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่7

    บทที่7ขบวนรถม้าของหลิวชิงชิงออกจากเมืองหลวงมาได้หสิบวันแล้ว ค่ำไหนนอนนั้น แวะเบี้ยป้ายรายทาง ชมนกชมไม้ไปเรื่อย ไม่รีบร้อน ถึงฉางอันเมื่อไรเมื่อนั้น อีกไม่ช้าจะเข้าเขตเมืองผิงเหยา ชิงชิง จะนำสินเดิมของมารดาบางส่วนแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วเงิน เก็บไว้เพียงของมีค่าไม่กี่ชิ้นเท่านั้น นางตั้งใจจะพักในเมืองผิงเหยาซักสามวันแล้วค่อนเดินทางต่อป่านนี้ม้าเร็วคงส่งจดหมายของท่านพ่อไปถึงจวนสกุลหลี่แล้ว“จางจิ้ง เจ้าเหนื่อยเหรอไม่ อีกไม่ช้าจะถึงเมืองผิงเหยาแล้ว เมื่อถึงข้าจะพาเจ้าเที่ยว”“คุณหนูจะพาข้าเที่ยวได้อย่างไร เพิ่งเคยมาด้วยกันหนแรก”“เอ้า ไม่เคยมาไม่ได้หมายความว่าจะพาเจ้าเที่ยวไม่ได้ มีถนนให้เดิน มีตำลึงในมือเท่านั้นก็พอแล้ว”มีตำลึงก็เที่ยวได้งั้นหรือ?หลิวชิงชิง เห็นสีหน้าโง่งมของจางจิ้งอดจะเอ็นดูไม่ได้ จางจิ้งเพิ่งจะอายุ 13 เท่านั้น ความคิดความอ่านหลายๆ อย่างยังเด็กนัก อีกทั้งวันๆ อาศัยอยู่แต่ในจวนไม่เคยออกมาข้างนอก ส่วนนางนั้นถึงแม้ร่างนี้จะอายุแค่ 15หนาว แต่วิญญาณข้างใน 30แล้ว เรียกว่าผ่านโลกมาค่อนชีวิต แต่อาจจะยังใหม่สำหรับโลกนี้ นิยายจีนเธอไม่เคยหยิบมาอ่านเลย ปิ่นหงส์คือเรื่องแรก ส่วนวัฒนธ

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่6

    บทที่6หลิวอี้สงจึงสั่งบ่าวไพร่ตั้งสำรับ นานๆ จะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ท่ามกลางบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์“พี่ใหญ่ น้ำแกงไก่ดำ ทานร้อนๆ ช่วยขับเลือดลม” หลิวเจียลี่รับถ้วยน้ำแกงจากสาวใช้ส่วนตัวของนางแล้ววางถ้วยตรงหน้าหลิวชิงชิงชิงชิงรับมาอย่างไม่อิดออด วันนี้นางจะกินให้หมดทุกอย่างเลย หลายวันที่ผ่านมา เรือนของนางได้รับกับข้าวเพียงสองอย่างในแต่ล่ะมื้อ เป็นเพียงผัดผักและน้ำแกงเท่านั้น“ดูสิเจ้าค่ะ ลี่เอ๋อร์อายุเพียงเท่านี้ รู้จักเป็นห่วงใยคนอื่น” หลิวฮูหยิน รีบอวดลูกสาวให้ผู้เป็นสามีฟัง นานๆ จะได้มานั่งทานข้าวร่วมกัน เพราะปกติ แยกทานเรือนใครเรือนมัน“ข้าตุ๋นน้ำแกงไปเยี่ยมพี่ใหญ่ที่เรือนทุกวันเจ้าค่ะ ท่านแม่”ชิงชิงก้มหน้าเข้าหาชามข้าว เยียดมุมปากเล็กน้อยไม่ให้ใครสังเกตเห็น ตุ๋นน้ำแกง ต้มตุ๋นล่ะสิไม่ว่า หมาซักตัวข้ายังไม่เคยเห็นไปเยี่ยมแม้แต่เงา มือบางยกน้ำแกงไก่ขึ้นซด“แค่กๆ” ชิงชิงสำรักน้ำแกงไก่ ไม่ใช่น้ำแกงแล้ว นี่มันน้ำเกลือชัดๆ“พี่ใหญ่ ร้อนหรือเจ้าค่ะ มาข้าเป่าให้” หลิวเจียลี่แย่งถ้วยน้ำแกงไปเป่าจนหายร้อน แล้วน้ำมาจ่อริมฝีปากชิงชิง “ทานให้หมดเลยนะเจ้าค่ะ ข้าเคี่ยวเองกับมือ” หลิวเจ

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่5

    บทที่5หลิวชิงชิง หมายมั่นปั้นมือว่าต้องพาตัวเองย้ายออกจากจวนไปอยู่ที่อื่นให้ได้ และจุดมุ่งหมายคือฉางอัน แต่ด้วยยังเป็นคุณหนูในห้องหอ จะทำการอันใด ต้องผ่านบิดามารดา และนางยังต้องการเบี้ยหวัดในการดำรงชีพ“คุณหนูเจ้าค่ะ นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ชิงชิง ให้จางจิ้งไปยืนเฝ้าแถวๆ ประตูจวน หากท่านพ่อกลับมาแล้วให้รีบมาตามนาง นางมีเรื่องสำคัญต้องการคุยด้วย“เจ้าเดินนำข้าไปพบท่านพ่อเดี๋ยวนี้” ชิงชิงแทบจะวิ่งออกจากเรือน ทำเอาจางจิ้ง บ่นมาตลอดทาง ความเป็นกุลสตรีแทบไม่มีหลงเหลือหลิวชิงชิงก้าวเข้ามาในเรือนหลัก ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย ชายที่นั่งหัวโต๊ะแต่งตัวภูมิฐาน คือประมุขของบ้านบิดาของหลิวชิงชิง หลิวอี้สง“คาราวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”“เจ้าหายดีแล้วเหรอถึงมาเรือนใหญ่ได้” หลิวอี้สงเพ่งมองดูใบหน้าบุตรสาวคนโต ใบหน้ายังซีดเซียวอยู่ เหตุใดนางจึงเดินฝ่าลมหนาวเดินมาถึงเรือนหลัก“ลูกมีเรื่องสำคัญจะเรียนท่านพ่อเจ้าค่ะ” ชิงชิง เดินไปทรุดนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ด้านซ้ายมี หลิวเจียลี่ หนุ่มน้อยหน้ามนนั้นคงเป็นน้อยชายคนเล็ก คุณชายสามหลิวจางเว่ย“พี่ใหญ่ยังไม่หายดี ไม่ควรออกจากเรือนมา หากอาการกำเริบจะทำเยี่ยงไร” พอได้

DMCA.com Protection Status