บทที่9หลงเจี้ยนกั๋วเดินตามคุณหนูหลิวมาถึงโรงเตี๊ยม เห็นนางขึ้นรถม้าวิ่งออกนอกเมืองไป ในคราวแรกเขาตั้งใจจะกลับเมืองหลวงทันที ไม่มีรู้อะไรดลใจให้แวะทานอาหารที่เหลา โชคชะตาคงทำให้เขาได้พบนางที่เมืองผิงเหยา หลงจู้โรงเตี๊ยมบอกว่านางเป็นคุณหนูที่เดินทางมาจากเมืองหลวง เขาจึงให้คนติดตามไปสืบว่าเป็นคุณหนูตะกูลใด เขาไม่อาจตามนางไปได้เพราะต้องกลับเมืองหลวง คงต้องกลับไปรอข่าวที่เมืองหลวงก่อนหลงเจี้ยนยกยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าคุณหนูหลิว ตอนที่นางยิ้มพูดคุยกับสาวใช้ นางไม่ถือตัว อีกทั้งยังให้สาวใช้ร่วมโต๊ะตั้งแต่เข้าพิธีสวมกวานเขาไม่เคยเชื่อในรักแรกพบ แต่เมื่อถูกศรรักปักอกยามที่สบตานาง เขารู้ได้ทันทีว่านางคือคนที่เขารอหลังจากเดินทางออกจากผิงเหยา ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะให้ขบวนรถม้าพักซักสามวัน กลับต้องเดินทางออกมา คนที่อยู่บนรถม้าก็สบายหน่อยแต่คนที่เดินเท้าคงเหนื่อยไม่น้อย เมื่อเห็นลำธาร จึงสั่งหยุดขบวนตั้งกระโจมพักค้างแรม ดีที่หลงจู๊โรงเตี๊ยมไหวพริบดีรู้จักค้าขาย ถามขายสะเบียงอาหารตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าที่พัก การเดินทางครั้งนี้สินเดิมของมารดาถูกใช้ไปถึง 1 หีบ แต่ชิงชิงก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย อยากให้ทุกคนที
บทที่10“แม่นาง ข้าขอวาดรูปท่านได้หรือไม่”ชิงชิงหันมามองผู้เฒ่า ที่เดินเข้ามาหานางกับจางจิ้ง ลักษณ์การแต่งการคล้ายนักพรต เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนคนเดินทางอ้างแรมตามป่าเขา“ท่านผู้เฒ่าวาดทิวทัศน์ไม่ดีกว่าหรือ แม้ข้าจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นงดงาม แต่ก็ไม่อาจเทียบทิวทัศน์ตรงหน้าได้” เหมือนจะถ่อมตัว แต่เปล่าเลยไม่อวยตัวเองจะไปอวยใครจริงป่ะ“ข้ากับแม่นางมีวาสนาต่อ จึงอยากวาดภาพให้แม่นางเก็บไว้”อ้อ หมายความว่าจะวาดแล้วให้นาง ไม่ได้วาดแล้วไปด้วย โถ่ๆๆๆ ก็นึกว่าจะวาดรูปนางไปขาย“งั้นข้าไม่ขัดสัทธา” หลิวชิงชิง จัดท่านั่งในท่าที่คิดว่าสบายที่สุด เคยไปนั่งถนนคนเดินให้ศิลปินมือสมัครเล่นวาดมาแล้ว งานนี้หมูๆผู้เฒ่าเปิดกล่องไม้หยิบพู่กัน ลงหมึกบนกระดาษสีขาว ทั้งสองไม่ได้สนทนาอันใด จางจิ้งนั่งดูอยู่ด้านข้างก็ปิดปากเงียบเกรงจะทำลายสมาธิท่านผู้เฒ่าเวลาผ่านไป ครึ่งชั่วยาม ผู้เฒ่าจึงวางพู่กันแล้วส่งรูปภาพให้สาวงามต้นแบบรูปภาพหลิวชิงชิง มองภาพด้วยแววตาสั่นไหว ภาพของนางที่ปรากฏอยู่บนกระดาษ พื้นหลังของภาพไม่ใช่ทิวทัศน์เบื้องหน้าแต่เป็นยืนอยู่ในสวน กลางจวนแห่งหนึ่ง ใจนางหล่นวูบ ภาพเดียวกับปกหนังสือ“ข้
บทที่11ในที่สุดขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงฉางอัน เมืองฉางอันไม่สร้างเสร็จภายในวันเดียว เหมือนที่หลิวชิงชิง ใช้เวลาเดินทางถึง 20 วัน ไม่ได้นั่งรถม้ามาแล้วแบบนี้ เดินมาเถอะเมื่อถึงจวนสกุลลี่ กลับพบว่า ท่านตาท่านยายได้จากไปแล้ว เจ้าของจวนตอนนี้คือท่านลุงหลี่เจิน ลุงป้าน้าอาคนอื่นๆ แยกย้ายออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงครอบครัวสายหลัก ท่านลุงลี่มิได้ยินดีต้อนรับหลิวชิงชิงนัก แต่เพราะจดหมายที่หลิวอี้ส่ง ส่งมาล่วงหน้า หากเขาใจร้ายขับไล่นางกลับไปคงจะกลายเป็นคนไร้เมตตาในสายตาคนนอก จึงจำใจรับนางเอาไว้“ชิงเอ๋อร์ เจ้ามาเพื่อรักษาตัว คงจะไม่ว่าลุงใช่หรือไม่ หากจัดให้เจ้าอยู่ท้ายจวน”หลิวชิงชิงสิ่งยิ้มหวานกลับไป “ลำบากท่านลุงแล้วเจ้าค่ะ ข้าต้องการมารักษาโรคหนาวใน หนีอากาศหนาวจากเมืองหลวงมาเท่านั้นคงมิอยู่นาน”หลี่เจิน ยกยิ้มอย่างน้อยๆ นางก็ไม่เรื่องมากให้เขาลำบากใจ หวังว่านางจะอยู่ท้ายจวนอย่างสงบเสงี่ยมบ่าวที่ติดตามมาช่วยกันขนสำภาระคนล่ะไม้คนล่ะมือ คาดว่าคงจะพักผ่อนไม่กี่วันก็ต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมคนของสำนักคุ้มภัย ชิงชิงให้จางจิ้งน้ำสินน้ำใจมอบให้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนของสำนักคุ้มภัย“คุณหนูเจ้าคะ
บทที่12หลงเจี้ยนกั๋ว เดินวนเวียนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าจวนสกุลหลี่ หลังจากเดินทางไปถึงเมืองหลวง ไม่นานคนที่ใช้ให้ไปสืบข่าวคุณหนูหลิวก็ตามไป นางคือคุณหนูใหญ่สกุลหลิว นามว่าหลิวชิงชิง ช่างเหมาะกับนางเหลือเกิน ตาดวงจองนางเปล่งประกายระหยิบระยับดุจดาวบนฟากฟ้า คุณหลิวหลังจากแยกจากเขานางเดินทางมาฉางอันเพื่อนรักษาอาการป่วย รอแล้วรอเล่านางก็ไม่กลับเมืองหลวงซักที เขาทนไม่ไหวจึงควบม้าจากเมืองหลวงมายังเมืองฉางอัน อยากเพียงเห็นหน้านางอีกซักครั้งด้วยความร้อนใจจึงมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่รู้ว่าจะขอพบนางด้วยเหตุผลอะไร จึงทำได้เพียงเดินวนเวียนอยู่หน้าจวน หวังว่านางจะออกไปข้างนอกแล้วบังเอิญได้พบกันอีกครั้ง“คุณหนูเจ้าค่ะ นายท่านให้มาเรียนเชิญไปเรือนหลักเจ้าค่ะ” สาวใช้จวนสกุลหลี่ที่คอยดูแลงานทั่วไปหยอบกายเล็กน้อย“ท่านลุงเรียกข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร” หรือเพราะเมื่อวาน ที่มีคนลอบมองนางที่เก๋ง เอาอะไรไปฟ้องท่านลุงกัน ข้าอยู่ของข้าเงียบๆชิงชิงไม่คิดนาน ในเมื่อเจ้าของจวนออกปากเชิญนางก็ต้องไปหลิวขิงชิงเดินเข้าไปในห้องโถ่ง แทบอยากจะหมุนตัววิ่งกลับเรือน แต่ก็ทำไม่ได้ กรีดร้องอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้
บทที่13วันต่อมายามอู่ (午:wǔ) คือ 11.00 – 12.59 น.) สาวใช้ของจวนบอกว่ามีแขกมาพบ ชิงชิงไม่ขอเดาว่าเป็นใคร นางจึงให้แขกไปรอที่เก๋งริมสระบัว“คุณชายหลง รอนานหรือไม่”“ไม่นาน คุณหนูหลิวเชิญนั่ง”หลิวชิงชิงส่งยิ้มให้ ในเมื่อหนีก็แล้ว สุดท้ายพระเอกก็ดั้นด้นมาหานางถึงฉางอัน นางจึงตัดสินใจไม่หนีอีกแล้ว“คุณชายหลง ข้าไม่อ้อมค้อม ข้าเป็นเพียงผู้อาศัยจวนนี้เท่านั้น หากท่านมาพบข้าบ่อยๆ คงจะดูไม่ดี อย่างไรข้าก็คือคุณหนูในห้องหอ ผู้อื่นจะเอาไปนินทาได้”“เป็นข้าที่คิดน้อย แต่ข้าถูกชะตากับคุณหนู อยากสนทนาด้วย ข้าเข้าใจสิ่งที่คุณหนูกังวล”“คุณชาย ท่านเรียกข้าแม่นางหลิวเถอะ ในเมื่อข้าดั้นด้นมาถึงฉางอันยังได้มาพบท่าน ข้ายินดีเป็นสหายท่าน” ในเมื่อคุณชายหลงไม่ได้นิสัยแย่อะไร เป็นบัณฑิตที่น่ายกย่องคนหนึ่ง คบเป็นสหายก็ไม่เสียเปล่า ยังไรหากข้าไม่ตอบรับรักเขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้“ขอบคุณแม่นางหลิวที่ให้โอกาสข้า” เจี้ยนกั๋วไม่พอใจที่นางอยากเป็นแค่สหาย แต่เขาจะทำอะไรได้ รุกหนักไปนางคงหนีไปก่อน ค่อยๆ คบหาเรียนรู้กันไปก่อนก็ดี อย่างไรนางก็ยังไม่มีคู่หมั่นหมาย นั้นหมายความว่าเขายังมีโอกาส“แต่ไหนๆ ก็เป็นสหายกันแล้ว เจ
บทที่14คุณชายหลงยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมหลิวชิงชิงที่จวนสกุลหลี่ ชิงชิงจะไม่อึดอัดเลยหากท่านลุงไม่แวะเวียนเข้ามาร่วมด้วย บางวันก็พาบุตรสาวคนโตมาร่วมวงสนทนาด้วย มองจากดาวเสาร์ยังดูออกว่าท่านลุงคิดการอันใด อย่างที่จางจิ้งบอก ตระกูลหลงมีอำนาจไม่น้อย เดิมที่นางอยากผูกวาสนาให้หลงเจี้ยวกั๋วกับบุตรสาวท่านลุง แต่ดูสีหน้าท่าทางของเขาแล้วคงไม่ได้มีใจออกจะติดลำคารด้วยซ้ำ ความรักมันบังคับกันไม่ได้ แล้วข้าเป็นใครจะไปยัดเยียดคนอื่นให้เขาเมื่อนางผู้นั้นปรากฏตัวเขาลืมเลือนข้าไปเอง“ ท่านไม่สนใจคุณหนูหลี่บ้างเลยเหรอ” ชิงชิงเท้าคางกับโต๊ะ“ข้าเมื่อปักใจรักผู้ใดแล้วก็รักมั่นแต่ผู้นั้น” เจี้ยนกั๋วมองตรงเข้าไปในแววตาของนาง อยากให้นางรับรู้ว่าเขารักนางเพียงใด“ท่านเป็นสหายข้า” ชิงชิงรีบหลบสายตา คนหล่อๆ มานั่งมองตาหวานแบบนี้ ใจบางหมด ใครไม่ใจเต้นให้ถีบเลย“แต่ข้าชอบเจ้า” นี่ก็ตรงเกินชิงชิงกลอกตาค้านจะพูด” แต่ข้าไม่ได้รู้สึกกับท่านแบบนั้นพี่เจี้ยนกั๋ว คบหากันเพราะรูปโฉม ความงามร่วงโรย ความรักก็สลาย ท่านชอบข้าเพราะรูปโฉมข้าต่างหาก วันหนึ่งท่านเจอสาวงามมากกว่าข้า หากท่านมั่นคงไม่พอย่อมไขว้เขวเป็นสหายย่อมยืนยาวก
บทที่15 เทศกาลโคมลอยมาถึง ชิงชิงของอนุญาตท่านลุงออกไปเที่ยงงานกับคุณชายหลง ท่านจึงฝากให้พาบุตรสาวของท่านออกมาเที่ยวงานด้วย ชายหนุ่มหญิงสาวไปกันสองต่อสองคงไม่ดีเท่านั้น จางจิ้งก็ไปด้วยมั้ยสองคนที่ไหนกัน แล้วจะให้นางตอบว่าอย่างไรนอกจาก“เจ้าค่ะ”ยามโหย่ว (酉:yǒu) คือ 17.00 – 18.59 น.) คุณชายหลงมารับหลิวชิงชิงไปงานเทศกาลลอยโคมไฟ โปรยยิ้มทันทีที่ลงจากรถม้า แต่แววตาสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นหญิงสาวอีกคนยืนเคียงข้างหลิวชิงชิง“คุณชายหลงข้าน้อยขอไปงานเทศด้วยนะเจ้าค่ะ” วันนี้คุณหนูหลี่ลุกขึ้นมาขัดผิด อบตัวแต่งเช้า เลือกชุดที่สวยที่สุดนางรู้จากท่านพ่อแล้วว่า หลังเทศกาลคุณชายหลงจะกลับเมืองหลวง วันนี้อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่ได้ใกล้ชิด นางจะต้องมัดใจคุณชายหลงให้ได้ เขาอาจจะพานางกลับเมืองหลวงไปด้วย ตำแหน่งฮูหยินจวนราชครูอาจเป็นของนางหรือเพียงอนุนางก็ยินดีหลงเจี้ยนพยักหน้ารับ สีหน้ายังคงยิ้มแย้ม แต่ภายในใจใครหารู้ไม่ เขาอยากไปเดินเที่ยวงานกับชิงชิงสองคน เคาระห์ดีอาจได้ปล่อยโคมด้วยกันถือเป็นการผูกวาสนาร่วมชะตา“เชิญคุณหนูทั้งสองขึ้นรถม้าก่อน” ผายมือให้หญิงสาวทั้งสองคนขึ้นรถม้าไปก่อน แล้วเขาจึงขึ้
บทที่16หลงเจี้ยนกั๋วเดินกลับรถม้าด้วยความกระวนกระวายใจ เขาพลัดหลงกับชิงชิง เดินตามหามา ครึ่งชั่วยามแล้วก็ยังหาไม่เจอ เกรงว่าอาจจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับนาง“คุณชายเจ้าค่ะ ข้าเดินไม่ไหวแล้ว”หลงเจี้ยนกั๋วใบหน้าแดงก่ำ มองคุณหนูหลี่ตาแข็ง หากนางไม่ชวนเขาคุย เขาคงไม่คลาดกับชิงชิง ที่ทำดีด้วยเพราะเขาไม่ได้อยู่ฉางอันตลอด อย่างไรชิงชิงก็ยังอาศัยจวนสกุลหลี่ หากเขาทำการได้ไม่ไว้หน้าคนสกุลหลี่ตัวเขานัเนหาใส่ใจไม่ ห่วงก็แต่ชิงชิงย่อมไม่อาจอยู่อย่างสงบสุข“ข้าจะจ้างรถม้าให้ไปส่งคุณหนูที่จวน”“คุณชายจะให้ข้านั่งงรถรับจ้างกลับคนเดียวได้อย่างไร”หลงเจี้ยนกำมัดแน่นพยายามความคุมน้ำเสียงไม่ให้แข็งกร้าวจนเกินไป “คุณหนูหลี่ ชิงชิงนางไม่ใช่คนฉางอันโดยกำเนิดคงไม่รู้ทางเท่าไร อีกทั้งสาวใช้ข้างกายอายุเพียง 13 หนาว นางทั้งสองคนยังเด็กทั้งคู่ หากท่านเหนื่อยท่านนั่งรถรับจ้างกลับก่อนเถิด ข้าเป็นคนพานางมาหากเกิดอะไรขึ้น ข้ากลับเมืองหลวงจะไปแก้ตัวกับท่านหลิวอย่างไร”เมื่อฟังและคิดตาม คุณหนูหลี่จึงยอมกลับก่อนอย่างไรชิงชิง ถึงแม้จะอิจฉานางที่คุณชายหลงสนใจนาง แต่ก็ไม่ได้เกลียดหลังจากลอยโคมเรียบร้อย แม่จะติดใจสงสัย ค
บทที่45“พระชายาตั้งครรภ์” เสียงหวีดร้องจากจางจิ้ง หลังจากพระชายาหน้ามืด นางก็รีบไปตามหมอหลวงมากูอาการ หลังจากท่านหมอตรวจเสร็จก็แจ้งว่าพระชายาทรงควรรภ์ได้ 2 เดือนแล้ว“เดือนหน้าเจ้าจะปักปิ่นแล้ว ลดความม้าดีดกะโหลกลงซักนิดเถิดจิ้งเอ๋อร์”“พระชายา” จางจิ้งทำตาปริบๆ นางไม่ได้ซนอะไรขนาดนั้น นางเพียงแค่ทำอะไรคล่องแคล่ว “งั้นข้าให้คนไปแจ้งท่างอ๋องก่อนนะเพค่ะ“ไม่ต้องหรอก ข้าว่าป่านนี้องค์รักษ์เงาวิ่งแจ่นไปบอกแล้วล่ะ เจ้าอยู่ช่วยดูแลข้านี้ล่ะ ข้าเวียนหัวอยากอ้วกตลอดเวลา”“กระหม่อนจัดยาแก้วิงเวียนให้แล้ว ต้มดื่มทุกเช้าอาการจะทุเลาลง” ท่านหมอเก็บของแล้วกล่าวอำลาพอชินอ๋องทราบข่าวว่าพระชายากำลังตั้งครรภ์ก็ขอลากลับวังมาดูแล แต่กลับเป็นต้องลาพักยาวเพราะนอกจากยาแก้วิงเวียนที่พระชายาต้มดื่มทุกเช้า คนที่ดื่มกลับกลายเป็นชินอ๋อง หน้ามืดจะเป็นลมทุกครั้งที่ก้าวขาออกจากวัง จนไม่สามารถเข้าวังหลวงไป ช่วยราชกิจได้“ท่านรู้ว่ากลิ่นจากกระเทียมเจียวจะทำให้ท่านอาเจียน ท่านก็ยังให้คนต้มโจ๊กมาให้ข้าทานทุกเช้า” มือบางลูบหลังพระสวามีที่แพ้ท้องแท้นาง ขอบคุณเขาทุกวันที่แพ้แท้ หากให้นางแพ้แบบนี้คงไม่ได้บำรุงเจ้าก้อนแป
บทที่44ผ่านไป 2 เดือน ฮองเต้มีราชโองการแต่งตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท และแต่งตั้งองค์ชายสามเป็นชินอ๋อง“จากนี้ไปท่านก็อยู่แต่ในวังไม่ได้แล้วสิ ต้องไปช่วยงานในราชวังบ้างแล้ว” ชิงชิง เอี้ยวหน้าไปคุยกับคนที่พายเรือให้นางชมดอกบัวในสระ“ข้าทุ่มแรงกายแรงใจสร้างฐานอำนาจ เพื่อวันที่ได้อยู่กับเจ้าและจะไม่มีปัญหาตามมา ตำแหน่งชินอ๋องนั้นย่อมมีคนเพ่งเล็ง อยากเข้ามาหาผลประโยชน์ด้วย อำนาจมันหอมหวาน”“เหมือนกับตำแหน่งพระชายารองของท่านสิน่ะ” หลังจากแต่งงานแรกวันไปเคาระวะยกน้ำชา ฮองเฮาก็เอ่ยถึงการแต่งพระชายารอง“ที่ข้ายังถือตรากองทัพอยู่และแอบรวบรวมคนไว้ ก็เพราะเหตุนี้ด้วย จะไม่มีใครบังคับให้ข้าแต่งใครเข้าวังชินอ๋องได้” เย่ชิง พายเรือกลับเข้าฝั่ง อุ้มภรรยาตัวน้อยขึ้นจากเรือ ไปนั่งดื่มชาและขนมที่เก๋งต่อ“แต่ท่านไปให้สัญญากับฮองเฮา หากทำให้จางหลันอันกับเจี้ยนกั๋วลงเอยได้จะแต่งพระชายารองจากคนในตระกูลของพระนาง”“แต่ข้าไม่ได้บอกว่าเมื่อไร” เย่ชิงยักไหล่ บิดยิ้ม “ไว้วันที่ข้าลุกจากเตียงไม่ไหวกำลังจะสิ้นลมหายใจ ข้าถึงจะแต่ง เจ้าไม่ต้องคิดมากจะมีเจ้าที่ทำหน้าที่อุ่นเตียงให้ข้าไปตลอดชีวิต” เย่ชิงส่งสายตายิ้ม
บทที่43วันพระราชทานสมรถมาถึง เจ้าบ่าวในชุดแดงมงคลนั่งบนอาชาสีดำคลับ ขี่ม้านำเกี้ยวมารับเจ้าสาว พร้อมขบวนสินสอดยาวจนสุดถนน สินสอดทั้งหมดฮองเต้เป็นผู้พระราชทานให้ว่าที่พระชายาขององค์ชายเมื่อเป็นเช่นนั้น หลิวชิงชิงจึงขอให้หลิวอี้สงไม่ต้องเพิ่มสินสอดเจ้าสาวนางจะเอาไปเพียงสินเดิมของมารดานางเท่านั้น ไม่อยากกลับมาข้องเกี่ยวกับคนในจวนนี้อีก จะว่าตัดขาดกันก็ได้ ตัวนางนั้นไม่ได้มีความผูกพันใดๆ กับคนสุกลหลิวเลยแม้แต่นิด อยู่เพียงอาศัยเป็นที่พึ่งเพราะหลงมาเท่านั้น จะว่านางใจร้ายและใจดำกับบิดาผู้ให้กำเนิด นางก็ขอใจร้าย หากบิดาใส่ใจซักนิดนางคงไม่โดดเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เทพธิดาหงเหม่ยเขียนผ่านในนิยาย หรือที่นางนั้นสัมผัสด้วยตัวเอง หลิวอี้สงมีแค่ความห่างเหินไม่ต่างจากจากคนอื่น สนใจแค่งาน ถึงจะไม่ได้ลงมือรังแกหรือทำร้ายนาง แต่เขาทำร้ายนางทางอ้อม หากเขาใส่ใจนางซักนิดจะรู้ว่านางนั้นไม่มีความสุข ถูกหลิวฮูหยินทำร้าย รักที่ไม่พูดไม่แสดงออกไม่มีวันส่งถึงใจใคร แต่หากวันหนึ่งเขาจะสำนึกได้นางก็คงจะให้อภัย แต่ถ้าไม่รู้สึกก็ปล่อยไปแบบนี้ก็แล้วกันด้วยนางไปใช้ชีวิตในโลกอนาคตถึง 30 ปี จึงมีความคิดอ่านต่าง
บทที่41หลิวฮูหยินส่วจดหมายนัดคุณชายหลงให้ออกมาพบ หวังจะให้เขาทำอะไรซักอย่างไม่ให้มีงานแต่งพระราชทาน ให้เขาลักพาตัวดีไหม หรือให้เขาแอบเข้าเรือนนอนนาง หลิวฮูหยินยืนรอที่จุดนัดพบจนเลยเวลานัดหมายมาเกือบครึ่งชั่วยาม คุณชายหลงก็ยังไม่ปรากฏตัว“หลิวฮูหยิน” ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากเงามืด“คุณชายหลงท่านมาช้า ข้าร้อนใจจะแย่”“เจ้าแก่จนสายตาเลอะเลือนหรืออย่างไร” ร่างสูงกล่าวหลิวฮูหยินเพ่งสายตานมนความมืดยกโคมไฟขึ้นสูงเพื่อมองคนตรงหน้าชัดๆ “อะ..องค์ชาย”“คุณชายหลงคงไม่มา ป่านนี้คงนอนกกกอดฮูหยินรองอยู่คงได้เจ้าก้อนแป้งน้อยในไม่ช้า ส่วนหลิวเจี่ยหลี่จนสิ้นลมหายใจคงไม่อาจมีทายาท เพราะฮูหยินเอกของคุณชายจวงคงไม่มีวันยอม”“องค์ชายรู้เรื่องนี้ “เย่ชิงยิ้มเหี้ยม“ท่านให้คุณชายจวงสั่งให้เจี่ยหลี่เดิมยาห้ามครรภ์”“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่ผลักดันให้คุณชายจวงแต่งงานกับบุตรสาวเจ้า แต่เพราะรู้ว่าคนรักของคุณชายจวงมีนิสัยหึงหวงและคุณชายจวงก็รักนางมากยอมทำทุกอย่างเพื่อความสบายใจของนาง นางสั่งให้ห้ามมีบุตรกับบุตรสาวของเจ้า”“เหตุใดท่านถึงทำกับพวกข้าแบบนี้ เจียลี่ไปทำอะไรให้ท่าน”“เพราะบุตรสาวของเจ้าลงมือกลั่นแกล้ง
บทที่40ทำตามหัวใจตัวเอง คำพูดที่ผู้เฒ่าใบ้เอาไว้ ครั้งที่ข้าใจสั่นกับเจี้ยนกั๋วมันเป็นแค่อาการเวลามองไอดอลยิ้มให้ แต่ตอนที่ใจสั่นตอนสบตากับเย่ชิงมันกลับรู้สึกอีกอย่างที่แตกต่างออกไป เย่ชิง ชิงชิง ดาว ชื่อทำไม่ความหมายแฝงคล้ายกันปิ่นหงส์หลิวชิงชิงยกมือขึ้นจับปิ่นหงส์ที่อยู่บนศีรษะ ชื่อนิยายเรื่องนั้น ปิ่นหงส์ แต่รูปภาพบนปกนิยายไม่ได้ปักปิ่นอันนี้ หรือข้าคือแสงสว่างจากดวงจันทร์ส่องลงมายังสระบัวทั้งที่ตะวันเพิ่งลับขอบฟ้าไป กลับมีแสงจันทร์สว่าง เสียงแว่วมาตามสายลม‘ชิงเอ๋อร์ ข้ารักเจ้า เจ้าคือดวงดาวที่ค่อยส่องแสงอยู่เคียงข้างข้าเสมอ ข้าเยว่ชิงจะเป็นดวงจันทร์ที่ส่องแสงโอบกอดเจ้าไว้ข้างกายไม่ห่าง ข้าสาบานจะรักเจ้าทุกภพทุกชาติไป’‘พี่เยว่ชิง ท่านพูดแล้วห้ามคืนคำ’‘ข้าพูดที่ไหน ข้าสาบานต่างหาก ฟ้าดินเป็นพยาน ข้าจะรักเจ้าเพียงคนเดียว หากชาตินั้นหาเจ้าไม่พบข้าก็จะไม่รักใคร’ร่างบางยืนขาสั่น จนไม่อาจทรงได้ได้ ทรุดลงกับพื้น ก่อนที่ตัวจะถึงพื้น มีมือหนาเข้ามาประคองเอาไว้นางเงยหน้าสบตาคนที่ตะกองกองนางเอาไว้ทั้งน้ำตา“ข้า…ขอโทษที่ลืมเลือนท่าน”เย่ชิงประคองร่างบางไว้ด้วยฝ่ามือเดียว หัวแม่มืออีกข้
บทที่39จวนสกุลหลิวบ่าวต่างวิ่งกันวุ่นวาย เมื่อมีม้าเร็วมาแจ้งว่ามีราชโองการ ให้ทุกคนออกมารอรับหน้าจวน“รับราชโองการ คุณหลิวชิงชิง บุตรสาวหลิวอี้สง งดงาม เพียบพร้อม ไปด้วยคุณธรรมและจริยาธรรม องค์ฮงค์เต้จึงพระราชทานสมรสให้หลิวชงชิงแต่งเข้าจวนองค์ชายสามในตำแหน่งพระชายา อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จบราชโองการ”หลิวชิงชิง ก้าวออกไปรับม้วนราชโองการด้วยความสับสนมึงงง ไหนเมื่อวานบอกว่าเจี้ยนกั๋วไปขอฮองเต้ ทำไมกลายเป็นองค์ชายสามไปได้ จะมัดมือชกนางเกินไปแล้วหลิวฮูหยินคุกเข่ารับราชโองการแทบลุกไม่ขึ้น ทำไมคนที่หลิวชิงชิงแต่งออกไปด้วยไม่ใช่คุณชายหลง นางเปิดโอกาสให้มาพบหลิวชิงชิงที่เรือนทุกวัน รีบให้นางแต่งออกไป นางจะได้สมุดบัญชีจวนกลับคืนมาซักที่ชิงชิงคลี่ม้วนราชโองการออกดู ว่าตกใจที่มีราชโองการแล้ว กลับต้องมาตกใจวันที่ข้างๆ ตราประทับของฮองเต้ วันที่เมื่อห้าปีที่แล้ว เพราะอะไรเย่ชิงถึงได้ขอประทานสมรสกับหลิวชิงชิง สองคนนี้ในอดีตเคยพบกันงั้นเหรอ แต่ถ้าเคยเจอในความทรงจำเดิมต้องมีอะไรบ้างสิ หรือนั้นเป็นสาเหตุที่นางคุ้นแววตาของเย่ชิง“เจ้าถามข้าได้” เย่ชิงตัดสินใจเดินออกมายืนเคียงข้างนาง“องค์ชายเข้ามาได้
บทที่38จ้าวเย่ชิงเข้าวังหลวงในยามวิกาล มาทวงสัญญาหลังจากที่กลับมาจากชายแดน สัญญาที่เขาขอไว้ ไม่ให้บังคับเขาแต่งพระชายา“เจ้าเข้ามายามวิกาล เจ้าอยากหัวขาดหรือเย่ชิง” ฮองเต้ลุกขึ้นจากเตียงบรรทม หลังจากกงกงมากระซิบปลุกที่ข้างหู“ลูกมาทวงสัญญา”“แล้วถ้าเจิ้นบอกว่าลืมไปแล้วล่ะ” ฮองเต้แกล้งยียวน พระองค์พอจะทราบข่าวเรื่ององค์ชายสาม ประกาศบอกรักคุณหนูหลิวกลางเหลาอาหาร อยากเห็นคุณหนูคนนั้นจริง เอาอะไรมาหลอมหัวใจน้ำแข็งเจ้าลูกคนนี้“ลูกหยิบม้วนราชโองการมาด้วย เสร็จพ่อเพียงเติมชื่อนางลงไป เป็นอันเสร็จสิ้น”“เจ้ารีบ?”“ไม่เลยข้าไม่รีบ ข้าขอราชโองการจากท่านพ่อมาถือไว้ถึง 5 ปี ข้าไม่รีบเลยพ่ะย่ะค่ะ”“เอ้าๆ นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร ข้าจะได้นอนต่อ”“หลิวชิงชิง บุตรคหบดีขายผ้าไหม หลิวอี้สง” เย่ชิงรีบปรี่เข้าไป ฝนหมึกให้อย่างเอาใจ พอฮองเต้จดปลายพู่กันลงบนราชโองการ เย่ชิงก็เข้าไปบีบนวดแขนแกร่งของบิดา“เห้ยๆ อย่าบีบแขนแรง หากข้าขีดเส้นผิด ข้าไม่แก้ให้ ไม่ออกราชโองการให้เจ้าใหม่ด้วย”“เสด็จพ่อ”“เสร็จแล้วไสหัวไปได้แล้ว ข้าจะนอน วันๆ ราชสำนักไม่เคยเข้า ไปซุ่มฝึกกองกำลังลับอยู่ได้”“ข้าก็ทำเพื่อพี่ใหญ
บทที่37หลังจากพายุสงบ จึงกลับมาทานอาหารกันต่อแบบประตูเปิดโล่ง องค์ชายดึงดันจะมาส่งนางให้ได้ นางกลัวคนที่จวนแตกตื่น จึงขู่ให้ชานตงมาส่งนางเป็นเพื่อนด้วย หากไม่หลอกนางออกไป นางคงไม่ถูกมัดมือชกแบบนี้มือบางลูบไล้ไปตามปิ่นหยก ตัวปิ่นเป็นสีขาว ส่วนตัวหงส์กลับเป็นสีแดง หยกหายากเช่นนี้คงไม่แปลกที่ข้าจะตกตลึงทันทีที่เห็นมัน แต่ความรู้สึกที่แวบขึ้นมาเพียงแวบหนึ่ง กลับทำให้ข้ายังคิดวนเวียนอยู่แบบนี้เจ้าเป็นอะไรชิงชิง อ่อนไหวง่ายไปหรือเปล่าหลิวชิงชิง เดินไปที่กระจกทองเหลือง ไม่รู้สิ่งดลใจนางดึงปิ่นอันเดิมแล้วปักปิ่นหงส์ลงบนม้วยผม แวบตานางสั่นไหวอย่างรุนแรง ภาพสะท้อนในกระจกทำเอาน้ำตานางไหลอาบแก้ม“จ้าวเย่ชิง เจ้าเป็นใครกันแน่” มือบางเอื้อมหมายจะดึงปิ่นหงส์ออก แต่ก็เปลี่ยนใจชักมือลง จ้าวเย่ชิง ท่านเป็นใครทำไมท่านถึงมีของสิ่งนี้ในมือ ของที่ข้ารู้สึกว่ามันคือของๆ ข้า ของที่ข้าทำหายการกระทำทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาคม เย่ชิงตั้งท่าจะกระโดดเข้าไปในห้องนาง“เจ้าทำแบบนี้ เจ้าได้กลายเป็นโจรเด็ดบุปผาของจริง”มือเหี่ยวย่นดึงไหล่หนาเอาไว้“แต่นางกำลังจะนึกออก” ร่างสูง ตาแดงกล่ำ เห็นนางในดวงใจ ร้องไห้ เขาทนไม
บทที่36หลิวชิงชิงได้รับจดหมายจากชานตงให้มาพบที่เหลาอ่านหาร หลังจากเขามาส่งที่เมืองหลวงก็ไม่ได้พบกันเลยเสี่ยวเอ้อจึงพานางมายังห้องที่จองเอาไว้ เมื่อเปิด ชิงชิงแทบอยากจะร้องออกมาดังๆข้าลืมไปว่าพี่ชานตงเป็นผู้ช่วยตัวเอ้ของตัวร้าย“องค์ชาย ท่านรองแม่ทัพ “ ชิงชิงกัดฟันพูดแล้วเดินเข้าไปนั่ง ค่อยดูข้าจะถล่มให้หยับ บังอาจหลอกข้ามา“เจ้ามองข้าตาเขียวขนาดนั้น เดินมาฟาดข้าเลยเถอะ” ชานตงที่ร่วมเดินทางมาจากฉางอัน พอจะรู้นิสัยนางพอสมควร“ข้าจะทำแบบนั้นต่อหน้าองค์ชายสามได้อย่างไร” นางอุตส่าห์ไม่ออกจากจวนจะได้กลบข่าวลือหนก่อน“หากองค์ชายไม่อยู่เจ้าจะตีข้า เจ้าช่างใจคอโหดเหี้ยม ข้าเห็นเหลาเปิดใหม่เลยอยากพาเจ้ามากิน แต่มีเจ้ามือเสนอเลี้ยง ข้ามิอาจขัดศัทธา” รองแม่ทัพ เอาเท้าเตะขาองค์ชายอยู่ภายใต้โต๊ะ จะนั่งเป็นใบ้อีกนานมั้ย ข้าเปิดให้ขนาดนี้แล้ว“วันนี้เจ้าสวยกว่าทุกวัน” องค์ชายสามเอ่ยชมชุดที่นางสวมใส่วันนี้ สีเขียวรับกับผิวหน้ากระจ่างใส่ของนางเหลือเกินที่เงียบคือมองตาค้างอยู่สิน่ะ เฮอะ !ไอ้ข้าก็หลงเป็นห่วงพอถูกชมซึ่งหน้า ใครไหนเลยจะปั้นหน้าบึ้งอยู่ได้ แม้จะหวั่นๆ ใจในตัวอองค์ชาย แต่นางก็แอบอมยิ้ม