บทที่1พรนับพันหรือดาว นักบัญชี สาวสวยวัย 30 ยังแจ๋ว ตาโตผมยาวถึงกลางหลัง ใส่แว่นตาหนาแต่ไม่สามารถซ่อนความสวยได้เลย (หลงตัวเองล่ะดูออก) ใครๆ อาจจะคิดว่าเพราะหน้าที่การงานที่ต้องอยู่กับตัวเลข ทำให้ต้องใส่แว่นสายตาคุณคิดผิดค่ะ ที่สายตาสั้นเพราะชอบอ่านนิยายล้วนๆ“ดาว ปะเลิกงานแล้วไปกินปิ้งย่างกัน” รุ่นพี่ในแผนก“ดาวติดธุระค่ะพี่นุช ขอบคุณที่ชวนนะคะ” พรนับพันคว้ากระสะพายเดินออกจากแผนก วันนี้เงินเดือนออกจุดมุ่งหมายของมนุษย์เงินเดือนคือ ร้านหมูกะทะ ปิ้งย่าง ร้านเหล้า ผับ บาร์ แล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มัน ส่วนเธอนั้นขอไปส่องนิยายออกใหม่นุชมองตามหลังรุ่นน้อง มองด้วยความเห็นออกเห็นใจ “ตั้งแต่เลิกกับวัต ดาวมันก็ไม่เที่ยวไม่อะไรเลย ชวนไปไหนก็ไม่ไป เลิกงานกลับบ้าน”“มันคงเฮิทละพี่ คบกันมาตั้งสิบกว่าปี เกือบจะได้ร่อนการ์ดแต่งงานอยู่แล้วเชียว ดีน่ะจับได้ซะก่อนว่าถูกนอกใจ” พรนับพันยังเดินไปไม่ไกลได้ยินเสียงนินทาจากพี่ๆ เพื่อนๆ ในแผนกคล้อยหลังมา ใครว่าเธอเฮิทเก็บตัวอยู่บ้าน เธอติดอ่านนิยายต่างหาก สายตาสั้นไม่ได้จับฉลากได้มาน่ะบอกเลย เจอนินทาเรื่องแฟนเก่าจนเอือมระอา แรกๆ เธอก็แก้บ่าวอยู่หรอก หลังๆ ขี้เกี
บทที่2โอ้กอ้าก แค่กๆ แค่กๆ พรนับพันสำรอกสำลักน้ำออกมาอึกใหญ่ เธอหอบหายใจ พยายามโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด ปรือตามองเด็กสาวสวมชุดจีนโบราณตรงหน้า ที่กำลังแหกปากโวยวายใส่เธอ“คุณหนู เป็นยังไรบ้างเจ้าค่ะ คุณหนู! คุณหนูสลบไปแล้ว ใครก็ได้มาช่วยที” จางจิ้งแหกปากตะโกนให้คนมาช่วย หลังจากลงไปงมร่างเจ้านายขึ้นมาจากสระบัวร่างบางบนเตียงค่อยๆ ขยับกาย พลิกตัวไปทางซ้าย“คุณหนูฟื้นแล้ว” จางจิ้ง นั่งเช็คตัวเฝ้าไข้ให้คนบนเตียงแทบไม่ได้หลับได้นอนมาถึงสี่คืน เมื่อคนบนเตียงขยับ นางก็วิ่งออกจากเรือนเพื่อไปตามหมอที่เรือนรับรองทันที“อะไรว่ะ ฝันยังไม่ตื่นอีกเหรอ” ดาวลืมตามาเจอสาวน้อยใสในชุดจีนคนเดิมในความฝัน จึงพลิกตัวหันหนีไปทางซ้ายเพื่อให้หายงัวเงียบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วก็พลิกตัวมาทางขวา“ทำไมฝันซ้อนฝันว่ะ” พลิกตัวลืมตาดูก็พบว่าห้องที่นอนอยู่ไม่ใช่ห้องตัวเอง เหมือนฉากในซีรี่ย์จีนย้อนยุค“หรือเมื่อคืนโต้งรุ่งจนเก็บเอามาฝัน” เมื่อคืนเธออ่านนิยายจีนเรื่อง ปิ่นหงส์ กว่าจะจบก็สว่างคาตา เป็นการเปิดประสบการณ์การนิยายจีนเรื่องแรก เลยเก็บเอามาฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ใช่แน่ๆ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น ขณะกำลังพยายาม
บทที่3ดาวนั่งลงหน้ากระจกทองเหลือง ภาพเด็กสาวที่สะท้อนในกระจก หน้าตาเหมือนเธอในโลกเดิมทุกอย่าง ไฝฝา ขี้แมลงวัน อยู่จุดเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน หรือนักเขียนนิยายเรื่องนี้จะเป็นคนที่เธอรู้จัก ถึงได้เอาอิมเมจเธอมาวาดภาพปกนิยายหลังจากพยายามหลับๆ ตื่นๆ มาหลายวัน โดยที่หวังว่าตื่นมาแล้วจะกลับไปยังโลกเดิมได้ แต่ทุกครั้งที่ลืมตาก็พบกับความสิ้นหวัง สุดท้าย ดาวจึงยอมรับและจำนนต่อโชคชะตา นางเอกก็นางเอกว่ะดาวนั่งหน้ากระจกทองเหลืองทบทวนบทนิยายว่าตอนนี้ดำเนินเรื่องมาถึงไหนแล้ว หลังจากพิธีปักปิ่ง หลิวชิงชิงถูก น้องสาวต่างมารดา หลิวเจียลี่ ผลักตกน้ำ พอฟื้นมาก็กลายเป็นโรคหนาวใน เพราะตกลงไปในสระบัวที่น้ำเย็นจัด โอ้ยนางร้ายก็ไม่ใช่คนอื่นไกล คนภายในรั้วบ้านเดียวกันหลิวชิงชิง เป็นบุตรตรีฮูหยินเอกหลี่อี๋นั๋ว พอคลอดชิงชิงนางก็เสียชีวิต ทำให้ หลิวอี้สง บิดาผู้ให้กำเนิด ด้วยความกลัวบุตรสาวกำพร้าไร้มารดาอุ้มชู จึงแต่งงานใหม่รับน้องสาวต่างมารดาของหลี่อี๋นั๋ว นามว่า หลี่เวย เข้ามาเป็นฮูหยินเอก โดยหวังว่าน้าคงจะรักและเอ็นดูหลานดุจลูกในอุทร ไม่นานหลี่เวยก็ให้กำเนิดบุตรสาวนามว่า หลิวเจียลี่ และบุตรชาย หลิงจางเหว่ยใ
บทที่4“จิ้งเอ๋อร์” จางจิ้งสะดุ้งโหย่ง อยู่ๆ คุณหนูใหญ่ก็กวักมือเรียก“เจ้าค่ะ”“ข้าป่วยมาหลายวันแล้ว ทำไมท่านพ่อไม่เคยมาเยี่ยมข้าเลย” ลูกสาวตกน้ำนอนไม่ได้สติ ไม่เคยมาเยี่ยมเลยเป็นพ่อแบบไหนกัน ในนิยายไม่ได้บรรยายไว้ด้วยสิ“อะ ฮูหยินเอกเรียนนายท่านว่า ช่วงนี้อากาศหนาว หลังจากฟื้นคุณหนูใหญ่ต้องลมเย็นไม่ได้ อาจอาการกำเริบ ให้อยู่ในความดูแลของท่านหมอลู นายท่านมีกิจการต้องดูแลหลายอย่างจึงมอบหน้าทีดูแลคุณหนูให้ฮูหยินเอกเจ้าค่ะ” จางจิ้ง พูดไปลอบมองสีหน้าของคุณหนูไป คุณหนูมักจะถูกนายท่านละเลยเสมอ ด้วยเพราะงานยุ่งและเชื่อคำฮูหยิน“อื้อหือ” ดาวขานรับเบา มิน้าในความทรงจำ หลิวชิงชิงมักจะแอบร้องไห้เสมอ เพราะคิดว่าพ่อไม่รัก แต่เธอไม่มีอารมณ์ร่วมแฮะ ก็คนมันไม่ได้ผูกพัน“จิ้งเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนช่วยขึ้นมาจากน้ำใช่มั้ย ข้าจำได้ว่าฟื้นมาครั้งแรกเจอหน้าเจ้า”“เจ้าค่ะ”“และเจ้าก็คงรู้ใช่ไหม ว่าหลิวเจียลี่เป็นคนผลักข้าลงไป” เห็นสีหน้าของจางจิ้งก็เดาได้ไม่ยาก นางเห็นคนที่ผลักจริง ถึงจะรู้ตอนจบของเรื่อง แต่ให้มาโดนรังแกแบบนี้ไม่ไหวอะ ดาวไม่ทน แต่ไม่ทนแล้วจะเอาอะไรไปสู้ ในก็จวนหัวเดียวกระเทียมลีบ บิดาที่หวังพึ่
บทที่5หลิวชิงชิง หมายมั่นปั้นมือว่าต้องพาตัวเองย้ายออกจากจวนไปอยู่ที่อื่นให้ได้ และจุดมุ่งหมายคือฉางอัน แต่ด้วยยังเป็นคุณหนูในห้องหอ จะทำการอันใด ต้องผ่านบิดามารดา และนางยังต้องการเบี้ยหวัดในการดำรงชีพ“คุณหนูเจ้าค่ะ นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ชิงชิง ให้จางจิ้งไปยืนเฝ้าแถวๆ ประตูจวน หากท่านพ่อกลับมาแล้วให้รีบมาตามนาง นางมีเรื่องสำคัญต้องการคุยด้วย“เจ้าเดินนำข้าไปพบท่านพ่อเดี๋ยวนี้” ชิงชิงแทบจะวิ่งออกจากเรือน ทำเอาจางจิ้ง บ่นมาตลอดทาง ความเป็นกุลสตรีแทบไม่มีหลงเหลือหลิวชิงชิงก้าวเข้ามาในเรือนหลัก ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย ชายที่นั่งหัวโต๊ะแต่งตัวภูมิฐาน คือประมุขของบ้านบิดาของหลิวชิงชิง หลิวอี้สง“คาราวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”“เจ้าหายดีแล้วเหรอถึงมาเรือนใหญ่ได้” หลิวอี้สงเพ่งมองดูใบหน้าบุตรสาวคนโต ใบหน้ายังซีดเซียวอยู่ เหตุใดนางจึงเดินฝ่าลมหนาวเดินมาถึงเรือนหลัก“ลูกมีเรื่องสำคัญจะเรียนท่านพ่อเจ้าค่ะ” ชิงชิง เดินไปทรุดนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ด้านซ้ายมี หลิวเจียลี่ หนุ่มน้อยหน้ามนนั้นคงเป็นน้อยชายคนเล็ก คุณชายสามหลิวจางเว่ย“พี่ใหญ่ยังไม่หายดี ไม่ควรออกจากเรือนมา หากอาการกำเริบจะทำเยี่ยงไร” พอได้
บทที่6หลิวอี้สงจึงสั่งบ่าวไพร่ตั้งสำรับ นานๆ จะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ท่ามกลางบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์“พี่ใหญ่ น้ำแกงไก่ดำ ทานร้อนๆ ช่วยขับเลือดลม” หลิวเจียลี่รับถ้วยน้ำแกงจากสาวใช้ส่วนตัวของนางแล้ววางถ้วยตรงหน้าหลิวชิงชิงชิงชิงรับมาอย่างไม่อิดออด วันนี้นางจะกินให้หมดทุกอย่างเลย หลายวันที่ผ่านมา เรือนของนางได้รับกับข้าวเพียงสองอย่างในแต่ล่ะมื้อ เป็นเพียงผัดผักและน้ำแกงเท่านั้น“ดูสิเจ้าค่ะ ลี่เอ๋อร์อายุเพียงเท่านี้ รู้จักเป็นห่วงใยคนอื่น” หลิวฮูหยิน รีบอวดลูกสาวให้ผู้เป็นสามีฟัง นานๆ จะได้มานั่งทานข้าวร่วมกัน เพราะปกติ แยกทานเรือนใครเรือนมัน“ข้าตุ๋นน้ำแกงไปเยี่ยมพี่ใหญ่ที่เรือนทุกวันเจ้าค่ะ ท่านแม่”ชิงชิงก้มหน้าเข้าหาชามข้าว เยียดมุมปากเล็กน้อยไม่ให้ใครสังเกตเห็น ตุ๋นน้ำแกง ต้มตุ๋นล่ะสิไม่ว่า หมาซักตัวข้ายังไม่เคยเห็นไปเยี่ยมแม้แต่เงา มือบางยกน้ำแกงไก่ขึ้นซด“แค่กๆ” ชิงชิงสำรักน้ำแกงไก่ ไม่ใช่น้ำแกงแล้ว นี่มันน้ำเกลือชัดๆ“พี่ใหญ่ ร้อนหรือเจ้าค่ะ มาข้าเป่าให้” หลิวเจียลี่แย่งถ้วยน้ำแกงไปเป่าจนหายร้อน แล้วน้ำมาจ่อริมฝีปากชิงชิง “ทานให้หมดเลยนะเจ้าค่ะ ข้าเคี่ยวเองกับมือ” หลิวเจ
บทที่7ขบวนรถม้าของหลิวชิงชิงออกจากเมืองหลวงมาได้หสิบวันแล้ว ค่ำไหนนอนนั้น แวะเบี้ยป้ายรายทาง ชมนกชมไม้ไปเรื่อย ไม่รีบร้อน ถึงฉางอันเมื่อไรเมื่อนั้น อีกไม่ช้าจะเข้าเขตเมืองผิงเหยา ชิงชิง จะนำสินเดิมของมารดาบางส่วนแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วเงิน เก็บไว้เพียงของมีค่าไม่กี่ชิ้นเท่านั้น นางตั้งใจจะพักในเมืองผิงเหยาซักสามวันแล้วค่อนเดินทางต่อป่านนี้ม้าเร็วคงส่งจดหมายของท่านพ่อไปถึงจวนสกุลหลี่แล้ว“จางจิ้ง เจ้าเหนื่อยเหรอไม่ อีกไม่ช้าจะถึงเมืองผิงเหยาแล้ว เมื่อถึงข้าจะพาเจ้าเที่ยว”“คุณหนูจะพาข้าเที่ยวได้อย่างไร เพิ่งเคยมาด้วยกันหนแรก”“เอ้า ไม่เคยมาไม่ได้หมายความว่าจะพาเจ้าเที่ยวไม่ได้ มีถนนให้เดิน มีตำลึงในมือเท่านั้นก็พอแล้ว”มีตำลึงก็เที่ยวได้งั้นหรือ?หลิวชิงชิง เห็นสีหน้าโง่งมของจางจิ้งอดจะเอ็นดูไม่ได้ จางจิ้งเพิ่งจะอายุ 13 เท่านั้น ความคิดความอ่านหลายๆ อย่างยังเด็กนัก อีกทั้งวันๆ อาศัยอยู่แต่ในจวนไม่เคยออกมาข้างนอก ส่วนนางนั้นถึงแม้ร่างนี้จะอายุแค่ 15หนาว แต่วิญญาณข้างใน 30แล้ว เรียกว่าผ่านโลกมาค่อนชีวิต แต่อาจจะยังใหม่สำหรับโลกนี้ นิยายจีนเธอไม่เคยหยิบมาอ่านเลย ปิ่นหงส์คือเรื่องแรก ส่วนวัฒนธ
บทที่8“หากท่านต้องการร่วมโต๊ะ ท่านต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้” ไอ้หล่ออ่ะหล่อ แต่มาชวนสาวกินข้าวเฉยได้ยังไงพี่ชายต้องป็นคนจ่าย“ไม่มีปัญหา”“เชิญนั่งเจ้าค่ะ” ชอบจังผู้ชายสายเปย์“ขอบคุณ” ชายหนุ่มนั่งลงเคียงข้างเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งอาหารเพิ่มอีกหลายอย่าง กริยาท่าทางดูแล้วเพลินหูเพลินตาหน้าตาแบบนี้เคยเห็นแต่ในโซเชี่ยล เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆ แบบหายใจรดต้นคอแบบนี้ นี่มันลูกนรักพระเจ้าชัดๆ ถึงจะเลิกกับแฟนเก่าไปไม่ได้คบหาดูใจกับใครต่อ ไม่ได้แปลว่าตายด้านนะย่ะ“ข้ามัวแต่ดีใจที่แม่นางให้ร่วมโต๊ะ จนเสียมารยาทลืมแนะนำตัว ข้าแซ่หลง มีนามว่า หลงเจี้ยนกั๋ว”รอยยิ้มบนหน้าชิงชิงค่อยๆ หมองลง จากแววตาพราวระยับ พลันกลายเป็นตกตะลึง เดี๋ยวน่ะ ชื่อคุ้นๆ คงไม่ใช่“ข้าน้อยแซ่หลิว เรียกข้าคุณหนูหลิว ก็แล้วกัน” ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ ในนิยายพระเอกเจอนางเอกในวันลอยโคมไฟไม่ใช่เหรอ อีก 1 ปีข้างหน้า แล้วทำไมถึงโพล่มาตอนนี้ได้ แล้วข้าจะหนีมาเพื่ออะไร“คุณหนูหลิวท่านคงไม่ไช่คนเมืองนี้”“ท่านก็มิใช่คนเมืองนี้ “ไม่ได้ดูคนเป็นหรอก รู้ว่าพระเอกอยู่เมืองหลวง แต่อยากรู้ว่า ไอ้ด้ายแดงมันแผลงฤทธิ์ดึงพระเอกมาเจอนางได้อย่างไร โหวด
บทที่45“พระชายาตั้งครรภ์” เสียงหวีดร้องจากจางจิ้ง หลังจากพระชายาหน้ามืด นางก็รีบไปตามหมอหลวงมากูอาการ หลังจากท่านหมอตรวจเสร็จก็แจ้งว่าพระชายาทรงควรรภ์ได้ 2 เดือนแล้ว“เดือนหน้าเจ้าจะปักปิ่นแล้ว ลดความม้าดีดกะโหลกลงซักนิดเถิดจิ้งเอ๋อร์”“พระชายา” จางจิ้งทำตาปริบๆ นางไม่ได้ซนอะไรขนาดนั้น นางเพียงแค่ทำอะไรคล่องแคล่ว “งั้นข้าให้คนไปแจ้งท่างอ๋องก่อนนะเพค่ะ“ไม่ต้องหรอก ข้าว่าป่านนี้องค์รักษ์เงาวิ่งแจ่นไปบอกแล้วล่ะ เจ้าอยู่ช่วยดูแลข้านี้ล่ะ ข้าเวียนหัวอยากอ้วกตลอดเวลา”“กระหม่อนจัดยาแก้วิงเวียนให้แล้ว ต้มดื่มทุกเช้าอาการจะทุเลาลง” ท่านหมอเก็บของแล้วกล่าวอำลาพอชินอ๋องทราบข่าวว่าพระชายากำลังตั้งครรภ์ก็ขอลากลับวังมาดูแล แต่กลับเป็นต้องลาพักยาวเพราะนอกจากยาแก้วิงเวียนที่พระชายาต้มดื่มทุกเช้า คนที่ดื่มกลับกลายเป็นชินอ๋อง หน้ามืดจะเป็นลมทุกครั้งที่ก้าวขาออกจากวัง จนไม่สามารถเข้าวังหลวงไป ช่วยราชกิจได้“ท่านรู้ว่ากลิ่นจากกระเทียมเจียวจะทำให้ท่านอาเจียน ท่านก็ยังให้คนต้มโจ๊กมาให้ข้าทานทุกเช้า” มือบางลูบหลังพระสวามีที่แพ้ท้องแท้นาง ขอบคุณเขาทุกวันที่แพ้แท้ หากให้นางแพ้แบบนี้คงไม่ได้บำรุงเจ้าก้อนแป
บทที่44ผ่านไป 2 เดือน ฮองเต้มีราชโองการแต่งตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท และแต่งตั้งองค์ชายสามเป็นชินอ๋อง“จากนี้ไปท่านก็อยู่แต่ในวังไม่ได้แล้วสิ ต้องไปช่วยงานในราชวังบ้างแล้ว” ชิงชิง เอี้ยวหน้าไปคุยกับคนที่พายเรือให้นางชมดอกบัวในสระ“ข้าทุ่มแรงกายแรงใจสร้างฐานอำนาจ เพื่อวันที่ได้อยู่กับเจ้าและจะไม่มีปัญหาตามมา ตำแหน่งชินอ๋องนั้นย่อมมีคนเพ่งเล็ง อยากเข้ามาหาผลประโยชน์ด้วย อำนาจมันหอมหวาน”“เหมือนกับตำแหน่งพระชายารองของท่านสิน่ะ” หลังจากแต่งงานแรกวันไปเคาระวะยกน้ำชา ฮองเฮาก็เอ่ยถึงการแต่งพระชายารอง“ที่ข้ายังถือตรากองทัพอยู่และแอบรวบรวมคนไว้ ก็เพราะเหตุนี้ด้วย จะไม่มีใครบังคับให้ข้าแต่งใครเข้าวังชินอ๋องได้” เย่ชิง พายเรือกลับเข้าฝั่ง อุ้มภรรยาตัวน้อยขึ้นจากเรือ ไปนั่งดื่มชาและขนมที่เก๋งต่อ“แต่ท่านไปให้สัญญากับฮองเฮา หากทำให้จางหลันอันกับเจี้ยนกั๋วลงเอยได้จะแต่งพระชายารองจากคนในตระกูลของพระนาง”“แต่ข้าไม่ได้บอกว่าเมื่อไร” เย่ชิงยักไหล่ บิดยิ้ม “ไว้วันที่ข้าลุกจากเตียงไม่ไหวกำลังจะสิ้นลมหายใจ ข้าถึงจะแต่ง เจ้าไม่ต้องคิดมากจะมีเจ้าที่ทำหน้าที่อุ่นเตียงให้ข้าไปตลอดชีวิต” เย่ชิงส่งสายตายิ้ม
บทที่43วันพระราชทานสมรถมาถึง เจ้าบ่าวในชุดแดงมงคลนั่งบนอาชาสีดำคลับ ขี่ม้านำเกี้ยวมารับเจ้าสาว พร้อมขบวนสินสอดยาวจนสุดถนน สินสอดทั้งหมดฮองเต้เป็นผู้พระราชทานให้ว่าที่พระชายาขององค์ชายเมื่อเป็นเช่นนั้น หลิวชิงชิงจึงขอให้หลิวอี้สงไม่ต้องเพิ่มสินสอดเจ้าสาวนางจะเอาไปเพียงสินเดิมของมารดานางเท่านั้น ไม่อยากกลับมาข้องเกี่ยวกับคนในจวนนี้อีก จะว่าตัดขาดกันก็ได้ ตัวนางนั้นไม่ได้มีความผูกพันใดๆ กับคนสุกลหลิวเลยแม้แต่นิด อยู่เพียงอาศัยเป็นที่พึ่งเพราะหลงมาเท่านั้น จะว่านางใจร้ายและใจดำกับบิดาผู้ให้กำเนิด นางก็ขอใจร้าย หากบิดาใส่ใจซักนิดนางคงไม่โดดเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เทพธิดาหงเหม่ยเขียนผ่านในนิยาย หรือที่นางนั้นสัมผัสด้วยตัวเอง หลิวอี้สงมีแค่ความห่างเหินไม่ต่างจากจากคนอื่น สนใจแค่งาน ถึงจะไม่ได้ลงมือรังแกหรือทำร้ายนาง แต่เขาทำร้ายนางทางอ้อม หากเขาใส่ใจนางซักนิดจะรู้ว่านางนั้นไม่มีความสุข ถูกหลิวฮูหยินทำร้าย รักที่ไม่พูดไม่แสดงออกไม่มีวันส่งถึงใจใคร แต่หากวันหนึ่งเขาจะสำนึกได้นางก็คงจะให้อภัย แต่ถ้าไม่รู้สึกก็ปล่อยไปแบบนี้ก็แล้วกันด้วยนางไปใช้ชีวิตในโลกอนาคตถึง 30 ปี จึงมีความคิดอ่านต่าง
บทที่41หลิวฮูหยินส่วจดหมายนัดคุณชายหลงให้ออกมาพบ หวังจะให้เขาทำอะไรซักอย่างไม่ให้มีงานแต่งพระราชทาน ให้เขาลักพาตัวดีไหม หรือให้เขาแอบเข้าเรือนนอนนาง หลิวฮูหยินยืนรอที่จุดนัดพบจนเลยเวลานัดหมายมาเกือบครึ่งชั่วยาม คุณชายหลงก็ยังไม่ปรากฏตัว“หลิวฮูหยิน” ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากเงามืด“คุณชายหลงท่านมาช้า ข้าร้อนใจจะแย่”“เจ้าแก่จนสายตาเลอะเลือนหรืออย่างไร” ร่างสูงกล่าวหลิวฮูหยินเพ่งสายตานมนความมืดยกโคมไฟขึ้นสูงเพื่อมองคนตรงหน้าชัดๆ “อะ..องค์ชาย”“คุณชายหลงคงไม่มา ป่านนี้คงนอนกกกอดฮูหยินรองอยู่คงได้เจ้าก้อนแป้งน้อยในไม่ช้า ส่วนหลิวเจี่ยหลี่จนสิ้นลมหายใจคงไม่อาจมีทายาท เพราะฮูหยินเอกของคุณชายจวงคงไม่มีวันยอม”“องค์ชายรู้เรื่องนี้ “เย่ชิงยิ้มเหี้ยม“ท่านให้คุณชายจวงสั่งให้เจี่ยหลี่เดิมยาห้ามครรภ์”“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่ผลักดันให้คุณชายจวงแต่งงานกับบุตรสาวเจ้า แต่เพราะรู้ว่าคนรักของคุณชายจวงมีนิสัยหึงหวงและคุณชายจวงก็รักนางมากยอมทำทุกอย่างเพื่อความสบายใจของนาง นางสั่งให้ห้ามมีบุตรกับบุตรสาวของเจ้า”“เหตุใดท่านถึงทำกับพวกข้าแบบนี้ เจียลี่ไปทำอะไรให้ท่าน”“เพราะบุตรสาวของเจ้าลงมือกลั่นแกล้ง
บทที่40ทำตามหัวใจตัวเอง คำพูดที่ผู้เฒ่าใบ้เอาไว้ ครั้งที่ข้าใจสั่นกับเจี้ยนกั๋วมันเป็นแค่อาการเวลามองไอดอลยิ้มให้ แต่ตอนที่ใจสั่นตอนสบตากับเย่ชิงมันกลับรู้สึกอีกอย่างที่แตกต่างออกไป เย่ชิง ชิงชิง ดาว ชื่อทำไม่ความหมายแฝงคล้ายกันปิ่นหงส์หลิวชิงชิงยกมือขึ้นจับปิ่นหงส์ที่อยู่บนศีรษะ ชื่อนิยายเรื่องนั้น ปิ่นหงส์ แต่รูปภาพบนปกนิยายไม่ได้ปักปิ่นอันนี้ หรือข้าคือแสงสว่างจากดวงจันทร์ส่องลงมายังสระบัวทั้งที่ตะวันเพิ่งลับขอบฟ้าไป กลับมีแสงจันทร์สว่าง เสียงแว่วมาตามสายลม‘ชิงเอ๋อร์ ข้ารักเจ้า เจ้าคือดวงดาวที่ค่อยส่องแสงอยู่เคียงข้างข้าเสมอ ข้าเยว่ชิงจะเป็นดวงจันทร์ที่ส่องแสงโอบกอดเจ้าไว้ข้างกายไม่ห่าง ข้าสาบานจะรักเจ้าทุกภพทุกชาติไป’‘พี่เยว่ชิง ท่านพูดแล้วห้ามคืนคำ’‘ข้าพูดที่ไหน ข้าสาบานต่างหาก ฟ้าดินเป็นพยาน ข้าจะรักเจ้าเพียงคนเดียว หากชาตินั้นหาเจ้าไม่พบข้าก็จะไม่รักใคร’ร่างบางยืนขาสั่น จนไม่อาจทรงได้ได้ ทรุดลงกับพื้น ก่อนที่ตัวจะถึงพื้น มีมือหนาเข้ามาประคองเอาไว้นางเงยหน้าสบตาคนที่ตะกองกองนางเอาไว้ทั้งน้ำตา“ข้า…ขอโทษที่ลืมเลือนท่าน”เย่ชิงประคองร่างบางไว้ด้วยฝ่ามือเดียว หัวแม่มืออีกข้
บทที่39จวนสกุลหลิวบ่าวต่างวิ่งกันวุ่นวาย เมื่อมีม้าเร็วมาแจ้งว่ามีราชโองการ ให้ทุกคนออกมารอรับหน้าจวน“รับราชโองการ คุณหลิวชิงชิง บุตรสาวหลิวอี้สง งดงาม เพียบพร้อม ไปด้วยคุณธรรมและจริยาธรรม องค์ฮงค์เต้จึงพระราชทานสมรสให้หลิวชงชิงแต่งเข้าจวนองค์ชายสามในตำแหน่งพระชายา อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จบราชโองการ”หลิวชิงชิง ก้าวออกไปรับม้วนราชโองการด้วยความสับสนมึงงง ไหนเมื่อวานบอกว่าเจี้ยนกั๋วไปขอฮองเต้ ทำไมกลายเป็นองค์ชายสามไปได้ จะมัดมือชกนางเกินไปแล้วหลิวฮูหยินคุกเข่ารับราชโองการแทบลุกไม่ขึ้น ทำไมคนที่หลิวชิงชิงแต่งออกไปด้วยไม่ใช่คุณชายหลง นางเปิดโอกาสให้มาพบหลิวชิงชิงที่เรือนทุกวัน รีบให้นางแต่งออกไป นางจะได้สมุดบัญชีจวนกลับคืนมาซักที่ชิงชิงคลี่ม้วนราชโองการออกดู ว่าตกใจที่มีราชโองการแล้ว กลับต้องมาตกใจวันที่ข้างๆ ตราประทับของฮองเต้ วันที่เมื่อห้าปีที่แล้ว เพราะอะไรเย่ชิงถึงได้ขอประทานสมรสกับหลิวชิงชิง สองคนนี้ในอดีตเคยพบกันงั้นเหรอ แต่ถ้าเคยเจอในความทรงจำเดิมต้องมีอะไรบ้างสิ หรือนั้นเป็นสาเหตุที่นางคุ้นแววตาของเย่ชิง“เจ้าถามข้าได้” เย่ชิงตัดสินใจเดินออกมายืนเคียงข้างนาง“องค์ชายเข้ามาได้
บทที่38จ้าวเย่ชิงเข้าวังหลวงในยามวิกาล มาทวงสัญญาหลังจากที่กลับมาจากชายแดน สัญญาที่เขาขอไว้ ไม่ให้บังคับเขาแต่งพระชายา“เจ้าเข้ามายามวิกาล เจ้าอยากหัวขาดหรือเย่ชิง” ฮองเต้ลุกขึ้นจากเตียงบรรทม หลังจากกงกงมากระซิบปลุกที่ข้างหู“ลูกมาทวงสัญญา”“แล้วถ้าเจิ้นบอกว่าลืมไปแล้วล่ะ” ฮองเต้แกล้งยียวน พระองค์พอจะทราบข่าวเรื่ององค์ชายสาม ประกาศบอกรักคุณหนูหลิวกลางเหลาอาหาร อยากเห็นคุณหนูคนนั้นจริง เอาอะไรมาหลอมหัวใจน้ำแข็งเจ้าลูกคนนี้“ลูกหยิบม้วนราชโองการมาด้วย เสร็จพ่อเพียงเติมชื่อนางลงไป เป็นอันเสร็จสิ้น”“เจ้ารีบ?”“ไม่เลยข้าไม่รีบ ข้าขอราชโองการจากท่านพ่อมาถือไว้ถึง 5 ปี ข้าไม่รีบเลยพ่ะย่ะค่ะ”“เอ้าๆ นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร ข้าจะได้นอนต่อ”“หลิวชิงชิง บุตรคหบดีขายผ้าไหม หลิวอี้สง” เย่ชิงรีบปรี่เข้าไป ฝนหมึกให้อย่างเอาใจ พอฮองเต้จดปลายพู่กันลงบนราชโองการ เย่ชิงก็เข้าไปบีบนวดแขนแกร่งของบิดา“เห้ยๆ อย่าบีบแขนแรง หากข้าขีดเส้นผิด ข้าไม่แก้ให้ ไม่ออกราชโองการให้เจ้าใหม่ด้วย”“เสด็จพ่อ”“เสร็จแล้วไสหัวไปได้แล้ว ข้าจะนอน วันๆ ราชสำนักไม่เคยเข้า ไปซุ่มฝึกกองกำลังลับอยู่ได้”“ข้าก็ทำเพื่อพี่ใหญ
บทที่37หลังจากพายุสงบ จึงกลับมาทานอาหารกันต่อแบบประตูเปิดโล่ง องค์ชายดึงดันจะมาส่งนางให้ได้ นางกลัวคนที่จวนแตกตื่น จึงขู่ให้ชานตงมาส่งนางเป็นเพื่อนด้วย หากไม่หลอกนางออกไป นางคงไม่ถูกมัดมือชกแบบนี้มือบางลูบไล้ไปตามปิ่นหยก ตัวปิ่นเป็นสีขาว ส่วนตัวหงส์กลับเป็นสีแดง หยกหายากเช่นนี้คงไม่แปลกที่ข้าจะตกตลึงทันทีที่เห็นมัน แต่ความรู้สึกที่แวบขึ้นมาเพียงแวบหนึ่ง กลับทำให้ข้ายังคิดวนเวียนอยู่แบบนี้เจ้าเป็นอะไรชิงชิง อ่อนไหวง่ายไปหรือเปล่าหลิวชิงชิง เดินไปที่กระจกทองเหลือง ไม่รู้สิ่งดลใจนางดึงปิ่นอันเดิมแล้วปักปิ่นหงส์ลงบนม้วยผม แวบตานางสั่นไหวอย่างรุนแรง ภาพสะท้อนในกระจกทำเอาน้ำตานางไหลอาบแก้ม“จ้าวเย่ชิง เจ้าเป็นใครกันแน่” มือบางเอื้อมหมายจะดึงปิ่นหงส์ออก แต่ก็เปลี่ยนใจชักมือลง จ้าวเย่ชิง ท่านเป็นใครทำไมท่านถึงมีของสิ่งนี้ในมือ ของที่ข้ารู้สึกว่ามันคือของๆ ข้า ของที่ข้าทำหายการกระทำทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาคม เย่ชิงตั้งท่าจะกระโดดเข้าไปในห้องนาง“เจ้าทำแบบนี้ เจ้าได้กลายเป็นโจรเด็ดบุปผาของจริง”มือเหี่ยวย่นดึงไหล่หนาเอาไว้“แต่นางกำลังจะนึกออก” ร่างสูง ตาแดงกล่ำ เห็นนางในดวงใจ ร้องไห้ เขาทนไม
บทที่36หลิวชิงชิงได้รับจดหมายจากชานตงให้มาพบที่เหลาอ่านหาร หลังจากเขามาส่งที่เมืองหลวงก็ไม่ได้พบกันเลยเสี่ยวเอ้อจึงพานางมายังห้องที่จองเอาไว้ เมื่อเปิด ชิงชิงแทบอยากจะร้องออกมาดังๆข้าลืมไปว่าพี่ชานตงเป็นผู้ช่วยตัวเอ้ของตัวร้าย“องค์ชาย ท่านรองแม่ทัพ “ ชิงชิงกัดฟันพูดแล้วเดินเข้าไปนั่ง ค่อยดูข้าจะถล่มให้หยับ บังอาจหลอกข้ามา“เจ้ามองข้าตาเขียวขนาดนั้น เดินมาฟาดข้าเลยเถอะ” ชานตงที่ร่วมเดินทางมาจากฉางอัน พอจะรู้นิสัยนางพอสมควร“ข้าจะทำแบบนั้นต่อหน้าองค์ชายสามได้อย่างไร” นางอุตส่าห์ไม่ออกจากจวนจะได้กลบข่าวลือหนก่อน“หากองค์ชายไม่อยู่เจ้าจะตีข้า เจ้าช่างใจคอโหดเหี้ยม ข้าเห็นเหลาเปิดใหม่เลยอยากพาเจ้ามากิน แต่มีเจ้ามือเสนอเลี้ยง ข้ามิอาจขัดศัทธา” รองแม่ทัพ เอาเท้าเตะขาองค์ชายอยู่ภายใต้โต๊ะ จะนั่งเป็นใบ้อีกนานมั้ย ข้าเปิดให้ขนาดนี้แล้ว“วันนี้เจ้าสวยกว่าทุกวัน” องค์ชายสามเอ่ยชมชุดที่นางสวมใส่วันนี้ สีเขียวรับกับผิวหน้ากระจ่างใส่ของนางเหลือเกินที่เงียบคือมองตาค้างอยู่สิน่ะ เฮอะ !ไอ้ข้าก็หลงเป็นห่วงพอถูกชมซึ่งหน้า ใครไหนเลยจะปั้นหน้าบึ้งอยู่ได้ แม้จะหวั่นๆ ใจในตัวอองค์ชาย แต่นางก็แอบอมยิ้ม