แชร์

บทที่10

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-13 17:05:25

บทที่10

“แม่นาง ข้าขอวาดรูปท่านได้หรือไม่”

ชิงชิงหันมามองผู้เฒ่า ที่เดินเข้ามาหานางกับจางจิ้ง ลักษณ์การแต่งการคล้ายนักพรต เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนคนเดินทางอ้างแรมตามป่าเขา

“ท่านผู้เฒ่าวาดทิวทัศน์ไม่ดีกว่าหรือ แม้ข้าจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นงดงาม แต่ก็ไม่อาจเทียบทิวทัศน์ตรงหน้าได้” เหมือนจะถ่อมตัว แต่เปล่าเลยไม่อวยตัวเองจะไปอวยใครจริงป่ะ

“ข้ากับแม่นางมีวาสนาต่อ จึงอยากวาดภาพให้แม่นางเก็บไว้”

อ้อ หมายความว่าจะวาดแล้วให้นาง ไม่ได้วาดแล้วไปด้วย โถ่ๆๆๆ ก็นึกว่าจะวาดรูปนางไปขาย

“งั้นข้าไม่ขัดสัทธา” หลิวชิงชิง จัดท่านั่งในท่าที่คิดว่าสบายที่สุด เคยไปนั่งถนนคนเดินให้ศิลปินมือสมัครเล่นวาดมาแล้ว งานนี้หมูๆ

ผู้เฒ่าเปิดกล่องไม้หยิบพู่กัน ลงหมึกบนกระดาษสีขาว ทั้งสองไม่ได้สนทนาอันใด จางจิ้งนั่งดูอยู่ด้านข้างก็ปิดปากเงียบเกรงจะทำลายสมาธิท่านผู้เฒ่า

เวลาผ่านไป ครึ่งชั่วยาม ผู้เฒ่าจึงวางพู่กันแล้วส่งรูปภาพให้สาวงามต้นแบบรูปภาพ

หลิวชิงชิง มองภาพด้วยแววตาสั่นไหว ภาพของนางที่ปรากฏอยู่บนกระดาษ พื้นหลังของภาพไม่ใช่ทิวทัศน์เบื้องหน้าแต่เป็นยืนอยู่ในสวน กลางจวนแห่งหนึ่ง ใจนางหล่นวูบ ภาพเดียวกับปกหนังสือ

“ข้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่11

    บทที่11ในที่สุดขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงฉางอัน เมืองฉางอันไม่สร้างเสร็จภายในวันเดียว เหมือนที่หลิวชิงชิง ใช้เวลาเดินทางถึง 20 วัน ไม่ได้นั่งรถม้ามาแล้วแบบนี้ เดินมาเถอะเมื่อถึงจวนสกุลลี่ กลับพบว่า ท่านตาท่านยายได้จากไปแล้ว เจ้าของจวนตอนนี้คือท่านลุงหลี่เจิน ลุงป้าน้าอาคนอื่นๆ แยกย้ายออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงครอบครัวสายหลัก ท่านลุงลี่มิได้ยินดีต้อนรับหลิวชิงชิงนัก แต่เพราะจดหมายที่หลิวอี้ส่ง ส่งมาล่วงหน้า หากเขาใจร้ายขับไล่นางกลับไปคงจะกลายเป็นคนไร้เมตตาในสายตาคนนอก จึงจำใจรับนางเอาไว้“ชิงเอ๋อร์ เจ้ามาเพื่อรักษาตัว คงจะไม่ว่าลุงใช่หรือไม่ หากจัดให้เจ้าอยู่ท้ายจวน”หลิวชิงชิงสิ่งยิ้มหวานกลับไป “ลำบากท่านลุงแล้วเจ้าค่ะ ข้าต้องการมารักษาโรคหนาวใน หนีอากาศหนาวจากเมืองหลวงมาเท่านั้นคงมิอยู่นาน”หลี่เจิน ยกยิ้มอย่างน้อยๆ นางก็ไม่เรื่องมากให้เขาลำบากใจ หวังว่านางจะอยู่ท้ายจวนอย่างสงบเสงี่ยมบ่าวที่ติดตามมาช่วยกันขนสำภาระคนล่ะไม้คนล่ะมือ คาดว่าคงจะพักผ่อนไม่กี่วันก็ต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมคนของสำนักคุ้มภัย ชิงชิงให้จางจิ้งน้ำสินน้ำใจมอบให้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนของสำนักคุ้มภัย“คุณหนูเจ้าคะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่12

    บทที่12หลงเจี้ยนกั๋ว เดินวนเวียนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าจวนสกุลหลี่ หลังจากเดินทางไปถึงเมืองหลวง ไม่นานคนที่ใช้ให้ไปสืบข่าวคุณหนูหลิวก็ตามไป นางคือคุณหนูใหญ่สกุลหลิว นามว่าหลิวชิงชิง ช่างเหมาะกับนางเหลือเกิน ตาดวงจองนางเปล่งประกายระหยิบระยับดุจดาวบนฟากฟ้า คุณหลิวหลังจากแยกจากเขานางเดินทางมาฉางอันเพื่อนรักษาอาการป่วย รอแล้วรอเล่านางก็ไม่กลับเมืองหลวงซักที เขาทนไม่ไหวจึงควบม้าจากเมืองหลวงมายังเมืองฉางอัน อยากเพียงเห็นหน้านางอีกซักครั้งด้วยความร้อนใจจึงมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่รู้ว่าจะขอพบนางด้วยเหตุผลอะไร จึงทำได้เพียงเดินวนเวียนอยู่หน้าจวน หวังว่านางจะออกไปข้างนอกแล้วบังเอิญได้พบกันอีกครั้ง“คุณหนูเจ้าค่ะ นายท่านให้มาเรียนเชิญไปเรือนหลักเจ้าค่ะ” สาวใช้จวนสกุลหลี่ที่คอยดูแลงานทั่วไปหยอบกายเล็กน้อย“ท่านลุงเรียกข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร” หรือเพราะเมื่อวาน ที่มีคนลอบมองนางที่เก๋ง เอาอะไรไปฟ้องท่านลุงกัน ข้าอยู่ของข้าเงียบๆชิงชิงไม่คิดนาน ในเมื่อเจ้าของจวนออกปากเชิญนางก็ต้องไปหลิวขิงชิงเดินเข้าไปในห้องโถ่ง แทบอยากจะหมุนตัววิ่งกลับเรือน แต่ก็ทำไม่ได้ กรีดร้องอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่13

    บทที่13วันต่อมายามอู่ (午:wǔ) คือ 11.00 – 12.59 น.) สาวใช้ของจวนบอกว่ามีแขกมาพบ ชิงชิงไม่ขอเดาว่าเป็นใคร นางจึงให้แขกไปรอที่เก๋งริมสระบัว“คุณชายหลง รอนานหรือไม่”“ไม่นาน คุณหนูหลิวเชิญนั่ง”หลิวชิงชิงส่งยิ้มให้ ในเมื่อหนีก็แล้ว สุดท้ายพระเอกก็ดั้นด้นมาหานางถึงฉางอัน นางจึงตัดสินใจไม่หนีอีกแล้ว“คุณชายหลง ข้าไม่อ้อมค้อม ข้าเป็นเพียงผู้อาศัยจวนนี้เท่านั้น หากท่านมาพบข้าบ่อยๆ คงจะดูไม่ดี อย่างไรข้าก็คือคุณหนูในห้องหอ ผู้อื่นจะเอาไปนินทาได้”“เป็นข้าที่คิดน้อย แต่ข้าถูกชะตากับคุณหนู อยากสนทนาด้วย ข้าเข้าใจสิ่งที่คุณหนูกังวล”“คุณชาย ท่านเรียกข้าแม่นางหลิวเถอะ ในเมื่อข้าดั้นด้นมาถึงฉางอันยังได้มาพบท่าน ข้ายินดีเป็นสหายท่าน” ในเมื่อคุณชายหลงไม่ได้นิสัยแย่อะไร เป็นบัณฑิตที่น่ายกย่องคนหนึ่ง คบเป็นสหายก็ไม่เสียเปล่า ยังไรหากข้าไม่ตอบรับรักเขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้“ขอบคุณแม่นางหลิวที่ให้โอกาสข้า” เจี้ยนกั๋วไม่พอใจที่นางอยากเป็นแค่สหาย แต่เขาจะทำอะไรได้ รุกหนักไปนางคงหนีไปก่อน ค่อยๆ คบหาเรียนรู้กันไปก่อนก็ดี อย่างไรนางก็ยังไม่มีคู่หมั่นหมาย นั้นหมายความว่าเขายังมีโอกาส“แต่ไหนๆ ก็เป็นสหายกันแล้ว เจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่1

    บทที่1พรนับพันหรือดาว นักบัญชี สาวสวยวัย 30 ยังแจ๋ว ตาโตผมยาวถึงกลางหลัง ใส่แว่นตาหนาแต่ไม่สามารถซ่อนความสวยได้เลย (หลงตัวเองล่ะดูออก) ใครๆ อาจจะคิดว่าเพราะหน้าที่การงานที่ต้องอยู่กับตัวเลข ทำให้ต้องใส่แว่นสายตาคุณคิดผิดค่ะ ที่สายตาสั้นเพราะชอบอ่านนิยายล้วนๆ“ดาว ปะเลิกงานแล้วไปกินปิ้งย่างกัน” รุ่นพี่ในแผนก“ดาวติดธุระค่ะพี่นุช ขอบคุณที่ชวนนะคะ” พรนับพันคว้ากระสะพายเดินออกจากแผนก วันนี้เงินเดือนออกจุดมุ่งหมายของมนุษย์เงินเดือนคือ ร้านหมูกะทะ ปิ้งย่าง ร้านเหล้า ผับ บาร์ แล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มัน ส่วนเธอนั้นขอไปส่องนิยายออกใหม่นุชมองตามหลังรุ่นน้อง มองด้วยความเห็นออกเห็นใจ “ตั้งแต่เลิกกับวัต ดาวมันก็ไม่เที่ยวไม่อะไรเลย ชวนไปไหนก็ไม่ไป เลิกงานกลับบ้าน”“มันคงเฮิทละพี่ คบกันมาตั้งสิบกว่าปี เกือบจะได้ร่อนการ์ดแต่งงานอยู่แล้วเชียว ดีน่ะจับได้ซะก่อนว่าถูกนอกใจ” พรนับพันยังเดินไปไม่ไกลได้ยินเสียงนินทาจากพี่ๆ เพื่อนๆ ในแผนกคล้อยหลังมา ใครว่าเธอเฮิทเก็บตัวอยู่บ้าน เธอติดอ่านนิยายต่างหาก สายตาสั้นไม่ได้จับฉลากได้มาน่ะบอกเลย เจอนินทาเรื่องแฟนเก่าจนเอือมระอา แรกๆ เธอก็แก้บ่าวอยู่หรอก หลังๆ ขี้เกี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่2

    บทที่2โอ้กอ้าก แค่กๆ แค่กๆ พรนับพันสำรอกสำลักน้ำออกมาอึกใหญ่ เธอหอบหายใจ พยายามโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด ปรือตามองเด็กสาวสวมชุดจีนโบราณตรงหน้า ที่กำลังแหกปากโวยวายใส่เธอ“คุณหนู เป็นยังไรบ้างเจ้าค่ะ คุณหนู! คุณหนูสลบไปแล้ว ใครก็ได้มาช่วยที” จางจิ้งแหกปากตะโกนให้คนมาช่วย หลังจากลงไปงมร่างเจ้านายขึ้นมาจากสระบัวร่างบางบนเตียงค่อยๆ ขยับกาย พลิกตัวไปทางซ้าย“คุณหนูฟื้นแล้ว” จางจิ้ง นั่งเช็คตัวเฝ้าไข้ให้คนบนเตียงแทบไม่ได้หลับได้นอนมาถึงสี่คืน เมื่อคนบนเตียงขยับ นางก็วิ่งออกจากเรือนเพื่อไปตามหมอที่เรือนรับรองทันที“อะไรว่ะ ฝันยังไม่ตื่นอีกเหรอ” ดาวลืมตามาเจอสาวน้อยใสในชุดจีนคนเดิมในความฝัน จึงพลิกตัวหันหนีไปทางซ้ายเพื่อให้หายงัวเงียบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วก็พลิกตัวมาทางขวา“ทำไมฝันซ้อนฝันว่ะ” พลิกตัวลืมตาดูก็พบว่าห้องที่นอนอยู่ไม่ใช่ห้องตัวเอง เหมือนฉากในซีรี่ย์จีนย้อนยุค“หรือเมื่อคืนโต้งรุ่งจนเก็บเอามาฝัน” เมื่อคืนเธออ่านนิยายจีนเรื่อง ปิ่นหงส์ กว่าจะจบก็สว่างคาตา เป็นการเปิดประสบการณ์การนิยายจีนเรื่องแรก เลยเก็บเอามาฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ใช่แน่ๆ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น ขณะกำลังพยายาม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่3

    บทที่3ดาวนั่งลงหน้ากระจกทองเหลือง ภาพเด็กสาวที่สะท้อนในกระจก หน้าตาเหมือนเธอในโลกเดิมทุกอย่าง ไฝฝา ขี้แมลงวัน อยู่จุดเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน หรือนักเขียนนิยายเรื่องนี้จะเป็นคนที่เธอรู้จัก ถึงได้เอาอิมเมจเธอมาวาดภาพปกนิยายหลังจากพยายามหลับๆ ตื่นๆ มาหลายวัน โดยที่หวังว่าตื่นมาแล้วจะกลับไปยังโลกเดิมได้ แต่ทุกครั้งที่ลืมตาก็พบกับความสิ้นหวัง สุดท้าย ดาวจึงยอมรับและจำนนต่อโชคชะตา นางเอกก็นางเอกว่ะดาวนั่งหน้ากระจกทองเหลืองทบทวนบทนิยายว่าตอนนี้ดำเนินเรื่องมาถึงไหนแล้ว หลังจากพิธีปักปิ่ง หลิวชิงชิงถูก น้องสาวต่างมารดา หลิวเจียลี่ ผลักตกน้ำ พอฟื้นมาก็กลายเป็นโรคหนาวใน เพราะตกลงไปในสระบัวที่น้ำเย็นจัด โอ้ยนางร้ายก็ไม่ใช่คนอื่นไกล คนภายในรั้วบ้านเดียวกันหลิวชิงชิง เป็นบุตรตรีฮูหยินเอกหลี่อี๋นั๋ว พอคลอดชิงชิงนางก็เสียชีวิต ทำให้ หลิวอี้สง บิดาผู้ให้กำเนิด ด้วยความกลัวบุตรสาวกำพร้าไร้มารดาอุ้มชู จึงแต่งงานใหม่รับน้องสาวต่างมารดาของหลี่อี๋นั๋ว นามว่า หลี่เวย เข้ามาเป็นฮูหยินเอก โดยหวังว่าน้าคงจะรักและเอ็นดูหลานดุจลูกในอุทร ไม่นานหลี่เวยก็ให้กำเนิดบุตรสาวนามว่า หลิวเจียลี่ และบุตรชาย หลิงจางเหว่ยใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่4

    บทที่4“จิ้งเอ๋อร์” จางจิ้งสะดุ้งโหย่ง อยู่ๆ คุณหนูใหญ่ก็กวักมือเรียก“เจ้าค่ะ”“ข้าป่วยมาหลายวันแล้ว ทำไมท่านพ่อไม่เคยมาเยี่ยมข้าเลย” ลูกสาวตกน้ำนอนไม่ได้สติ ไม่เคยมาเยี่ยมเลยเป็นพ่อแบบไหนกัน ในนิยายไม่ได้บรรยายไว้ด้วยสิ“อะ ฮูหยินเอกเรียนนายท่านว่า ช่วงนี้อากาศหนาว หลังจากฟื้นคุณหนูใหญ่ต้องลมเย็นไม่ได้ อาจอาการกำเริบ ให้อยู่ในความดูแลของท่านหมอลู นายท่านมีกิจการต้องดูแลหลายอย่างจึงมอบหน้าทีดูแลคุณหนูให้ฮูหยินเอกเจ้าค่ะ” จางจิ้ง พูดไปลอบมองสีหน้าของคุณหนูไป คุณหนูมักจะถูกนายท่านละเลยเสมอ ด้วยเพราะงานยุ่งและเชื่อคำฮูหยิน“อื้อหือ” ดาวขานรับเบา มิน้าในความทรงจำ หลิวชิงชิงมักจะแอบร้องไห้เสมอ เพราะคิดว่าพ่อไม่รัก แต่เธอไม่มีอารมณ์ร่วมแฮะ ก็คนมันไม่ได้ผูกพัน“จิ้งเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนช่วยขึ้นมาจากน้ำใช่มั้ย ข้าจำได้ว่าฟื้นมาครั้งแรกเจอหน้าเจ้า”“เจ้าค่ะ”“และเจ้าก็คงรู้ใช่ไหม ว่าหลิวเจียลี่เป็นคนผลักข้าลงไป” เห็นสีหน้าของจางจิ้งก็เดาได้ไม่ยาก นางเห็นคนที่ผลักจริง ถึงจะรู้ตอนจบของเรื่อง แต่ให้มาโดนรังแกแบบนี้ไม่ไหวอะ ดาวไม่ทน แต่ไม่ทนแล้วจะเอาอะไรไปสู้ ในก็จวนหัวเดียวกระเทียมลีบ บิดาที่หวังพึ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่5

    บทที่5หลิวชิงชิง หมายมั่นปั้นมือว่าต้องพาตัวเองย้ายออกจากจวนไปอยู่ที่อื่นให้ได้ และจุดมุ่งหมายคือฉางอัน แต่ด้วยยังเป็นคุณหนูในห้องหอ จะทำการอันใด ต้องผ่านบิดามารดา และนางยังต้องการเบี้ยหวัดในการดำรงชีพ“คุณหนูเจ้าค่ะ นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ชิงชิง ให้จางจิ้งไปยืนเฝ้าแถวๆ ประตูจวน หากท่านพ่อกลับมาแล้วให้รีบมาตามนาง นางมีเรื่องสำคัญต้องการคุยด้วย“เจ้าเดินนำข้าไปพบท่านพ่อเดี๋ยวนี้” ชิงชิงแทบจะวิ่งออกจากเรือน ทำเอาจางจิ้ง บ่นมาตลอดทาง ความเป็นกุลสตรีแทบไม่มีหลงเหลือหลิวชิงชิงก้าวเข้ามาในเรือนหลัก ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย ชายที่นั่งหัวโต๊ะแต่งตัวภูมิฐาน คือประมุขของบ้านบิดาของหลิวชิงชิง หลิวอี้สง“คาราวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”“เจ้าหายดีแล้วเหรอถึงมาเรือนใหญ่ได้” หลิวอี้สงเพ่งมองดูใบหน้าบุตรสาวคนโต ใบหน้ายังซีดเซียวอยู่ เหตุใดนางจึงเดินฝ่าลมหนาวเดินมาถึงเรือนหลัก“ลูกมีเรื่องสำคัญจะเรียนท่านพ่อเจ้าค่ะ” ชิงชิง เดินไปทรุดนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ด้านซ้ายมี หลิวเจียลี่ หนุ่มน้อยหน้ามนนั้นคงเป็นน้อยชายคนเล็ก คุณชายสามหลิวจางเว่ย“พี่ใหญ่ยังไม่หายดี ไม่ควรออกจากเรือนมา หากอาการกำเริบจะทำเยี่ยงไร” พอได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13

บทล่าสุด

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่13

    บทที่13วันต่อมายามอู่ (午:wǔ) คือ 11.00 – 12.59 น.) สาวใช้ของจวนบอกว่ามีแขกมาพบ ชิงชิงไม่ขอเดาว่าเป็นใคร นางจึงให้แขกไปรอที่เก๋งริมสระบัว“คุณชายหลง รอนานหรือไม่”“ไม่นาน คุณหนูหลิวเชิญนั่ง”หลิวชิงชิงส่งยิ้มให้ ในเมื่อหนีก็แล้ว สุดท้ายพระเอกก็ดั้นด้นมาหานางถึงฉางอัน นางจึงตัดสินใจไม่หนีอีกแล้ว“คุณชายหลง ข้าไม่อ้อมค้อม ข้าเป็นเพียงผู้อาศัยจวนนี้เท่านั้น หากท่านมาพบข้าบ่อยๆ คงจะดูไม่ดี อย่างไรข้าก็คือคุณหนูในห้องหอ ผู้อื่นจะเอาไปนินทาได้”“เป็นข้าที่คิดน้อย แต่ข้าถูกชะตากับคุณหนู อยากสนทนาด้วย ข้าเข้าใจสิ่งที่คุณหนูกังวล”“คุณชาย ท่านเรียกข้าแม่นางหลิวเถอะ ในเมื่อข้าดั้นด้นมาถึงฉางอันยังได้มาพบท่าน ข้ายินดีเป็นสหายท่าน” ในเมื่อคุณชายหลงไม่ได้นิสัยแย่อะไร เป็นบัณฑิตที่น่ายกย่องคนหนึ่ง คบเป็นสหายก็ไม่เสียเปล่า ยังไรหากข้าไม่ตอบรับรักเขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้“ขอบคุณแม่นางหลิวที่ให้โอกาสข้า” เจี้ยนกั๋วไม่พอใจที่นางอยากเป็นแค่สหาย แต่เขาจะทำอะไรได้ รุกหนักไปนางคงหนีไปก่อน ค่อยๆ คบหาเรียนรู้กันไปก่อนก็ดี อย่างไรนางก็ยังไม่มีคู่หมั่นหมาย นั้นหมายความว่าเขายังมีโอกาส“แต่ไหนๆ ก็เป็นสหายกันแล้ว เจ

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่12

    บทที่12หลงเจี้ยนกั๋ว เดินวนเวียนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าจวนสกุลหลี่ หลังจากเดินทางไปถึงเมืองหลวง ไม่นานคนที่ใช้ให้ไปสืบข่าวคุณหนูหลิวก็ตามไป นางคือคุณหนูใหญ่สกุลหลิว นามว่าหลิวชิงชิง ช่างเหมาะกับนางเหลือเกิน ตาดวงจองนางเปล่งประกายระหยิบระยับดุจดาวบนฟากฟ้า คุณหลิวหลังจากแยกจากเขานางเดินทางมาฉางอันเพื่อนรักษาอาการป่วย รอแล้วรอเล่านางก็ไม่กลับเมืองหลวงซักที เขาทนไม่ไหวจึงควบม้าจากเมืองหลวงมายังเมืองฉางอัน อยากเพียงเห็นหน้านางอีกซักครั้งด้วยความร้อนใจจึงมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่รู้ว่าจะขอพบนางด้วยเหตุผลอะไร จึงทำได้เพียงเดินวนเวียนอยู่หน้าจวน หวังว่านางจะออกไปข้างนอกแล้วบังเอิญได้พบกันอีกครั้ง“คุณหนูเจ้าค่ะ นายท่านให้มาเรียนเชิญไปเรือนหลักเจ้าค่ะ” สาวใช้จวนสกุลหลี่ที่คอยดูแลงานทั่วไปหยอบกายเล็กน้อย“ท่านลุงเรียกข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร” หรือเพราะเมื่อวาน ที่มีคนลอบมองนางที่เก๋ง เอาอะไรไปฟ้องท่านลุงกัน ข้าอยู่ของข้าเงียบๆชิงชิงไม่คิดนาน ในเมื่อเจ้าของจวนออกปากเชิญนางก็ต้องไปหลิวขิงชิงเดินเข้าไปในห้องโถ่ง แทบอยากจะหมุนตัววิ่งกลับเรือน แต่ก็ทำไม่ได้ กรีดร้องอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่11

    บทที่11ในที่สุดขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงฉางอัน เมืองฉางอันไม่สร้างเสร็จภายในวันเดียว เหมือนที่หลิวชิงชิง ใช้เวลาเดินทางถึง 20 วัน ไม่ได้นั่งรถม้ามาแล้วแบบนี้ เดินมาเถอะเมื่อถึงจวนสกุลลี่ กลับพบว่า ท่านตาท่านยายได้จากไปแล้ว เจ้าของจวนตอนนี้คือท่านลุงหลี่เจิน ลุงป้าน้าอาคนอื่นๆ แยกย้ายออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงครอบครัวสายหลัก ท่านลุงลี่มิได้ยินดีต้อนรับหลิวชิงชิงนัก แต่เพราะจดหมายที่หลิวอี้ส่ง ส่งมาล่วงหน้า หากเขาใจร้ายขับไล่นางกลับไปคงจะกลายเป็นคนไร้เมตตาในสายตาคนนอก จึงจำใจรับนางเอาไว้“ชิงเอ๋อร์ เจ้ามาเพื่อรักษาตัว คงจะไม่ว่าลุงใช่หรือไม่ หากจัดให้เจ้าอยู่ท้ายจวน”หลิวชิงชิงสิ่งยิ้มหวานกลับไป “ลำบากท่านลุงแล้วเจ้าค่ะ ข้าต้องการมารักษาโรคหนาวใน หนีอากาศหนาวจากเมืองหลวงมาเท่านั้นคงมิอยู่นาน”หลี่เจิน ยกยิ้มอย่างน้อยๆ นางก็ไม่เรื่องมากให้เขาลำบากใจ หวังว่านางจะอยู่ท้ายจวนอย่างสงบเสงี่ยมบ่าวที่ติดตามมาช่วยกันขนสำภาระคนล่ะไม้คนล่ะมือ คาดว่าคงจะพักผ่อนไม่กี่วันก็ต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมคนของสำนักคุ้มภัย ชิงชิงให้จางจิ้งน้ำสินน้ำใจมอบให้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนของสำนักคุ้มภัย“คุณหนูเจ้าคะ

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่10

    บทที่10“แม่นาง ข้าขอวาดรูปท่านได้หรือไม่”ชิงชิงหันมามองผู้เฒ่า ที่เดินเข้ามาหานางกับจางจิ้ง ลักษณ์การแต่งการคล้ายนักพรต เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนคนเดินทางอ้างแรมตามป่าเขา“ท่านผู้เฒ่าวาดทิวทัศน์ไม่ดีกว่าหรือ แม้ข้าจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นงดงาม แต่ก็ไม่อาจเทียบทิวทัศน์ตรงหน้าได้” เหมือนจะถ่อมตัว แต่เปล่าเลยไม่อวยตัวเองจะไปอวยใครจริงป่ะ“ข้ากับแม่นางมีวาสนาต่อ จึงอยากวาดภาพให้แม่นางเก็บไว้”อ้อ หมายความว่าจะวาดแล้วให้นาง ไม่ได้วาดแล้วไปด้วย โถ่ๆๆๆ ก็นึกว่าจะวาดรูปนางไปขาย“งั้นข้าไม่ขัดสัทธา” หลิวชิงชิง จัดท่านั่งในท่าที่คิดว่าสบายที่สุด เคยไปนั่งถนนคนเดินให้ศิลปินมือสมัครเล่นวาดมาแล้ว งานนี้หมูๆผู้เฒ่าเปิดกล่องไม้หยิบพู่กัน ลงหมึกบนกระดาษสีขาว ทั้งสองไม่ได้สนทนาอันใด จางจิ้งนั่งดูอยู่ด้านข้างก็ปิดปากเงียบเกรงจะทำลายสมาธิท่านผู้เฒ่าเวลาผ่านไป ครึ่งชั่วยาม ผู้เฒ่าจึงวางพู่กันแล้วส่งรูปภาพให้สาวงามต้นแบบรูปภาพหลิวชิงชิง มองภาพด้วยแววตาสั่นไหว ภาพของนางที่ปรากฏอยู่บนกระดาษ พื้นหลังของภาพไม่ใช่ทิวทัศน์เบื้องหน้าแต่เป็นยืนอยู่ในสวน กลางจวนแห่งหนึ่ง ใจนางหล่นวูบ ภาพเดียวกับปกหนังสือ“ข้

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่9

    บทที่9หลงเจี้ยนกั๋วเดินตามคุณหนูหลิวมาถึงโรงเตี๊ยม เห็นนางขึ้นรถม้าวิ่งออกนอกเมืองไป ในคราวแรกเขาตั้งใจจะกลับเมืองหลวงทันที ไม่มีรู้อะไรดลใจให้แวะทานอาหารที่เหลา โชคชะตาคงทำให้เขาได้พบนางที่เมืองผิงเหยา หลงจู้โรงเตี๊ยมบอกว่านางเป็นคุณหนูที่เดินทางมาจากเมืองหลวง เขาจึงให้คนติดตามไปสืบว่าเป็นคุณหนูตะกูลใด เขาไม่อาจตามนางไปได้เพราะต้องกลับเมืองหลวง คงต้องกลับไปรอข่าวที่เมืองหลวงก่อนหลงเจี้ยนยกยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าคุณหนูหลิว ตอนที่นางยิ้มพูดคุยกับสาวใช้ นางไม่ถือตัว อีกทั้งยังให้สาวใช้ร่วมโต๊ะตั้งแต่เข้าพิธีสวมกวานเขาไม่เคยเชื่อในรักแรกพบ แต่เมื่อถูกศรรักปักอกยามที่สบตานาง เขารู้ได้ทันทีว่านางคือคนที่เขารอหลังจากเดินทางออกจากผิงเหยา ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะให้ขบวนรถม้าพักซักสามวัน กลับต้องเดินทางออกมา คนที่อยู่บนรถม้าก็สบายหน่อยแต่คนที่เดินเท้าคงเหนื่อยไม่น้อย เมื่อเห็นลำธาร จึงสั่งหยุดขบวนตั้งกระโจมพักค้างแรม ดีที่หลงจู๊โรงเตี๊ยมไหวพริบดีรู้จักค้าขาย ถามขายสะเบียงอาหารตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าที่พัก การเดินทางครั้งนี้สินเดิมของมารดาถูกใช้ไปถึง 1 หีบ แต่ชิงชิงก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย อยากให้ทุกคนที

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่8

    บทที่8“หากท่านต้องการร่วมโต๊ะ ท่านต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้” ไอ้หล่ออ่ะหล่อ แต่มาชวนสาวกินข้าวเฉยได้ยังไงพี่ชายต้องป็นคนจ่าย“ไม่มีปัญหา”“เชิญนั่งเจ้าค่ะ” ชอบจังผู้ชายสายเปย์“ขอบคุณ” ชายหนุ่มนั่งลงเคียงข้างเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งอาหารเพิ่มอีกหลายอย่าง กริยาท่าทางดูแล้วเพลินหูเพลินตาหน้าตาแบบนี้เคยเห็นแต่ในโซเชี่ยล เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆ แบบหายใจรดต้นคอแบบนี้ นี่มันลูกนรักพระเจ้าชัดๆ ถึงจะเลิกกับแฟนเก่าไปไม่ได้คบหาดูใจกับใครต่อ ไม่ได้แปลว่าตายด้านนะย่ะ“ข้ามัวแต่ดีใจที่แม่นางให้ร่วมโต๊ะ จนเสียมารยาทลืมแนะนำตัว ข้าแซ่หลง มีนามว่า หลงเจี้ยนกั๋ว”รอยยิ้มบนหน้าชิงชิงค่อยๆ หมองลง จากแววตาพราวระยับ พลันกลายเป็นตกตะลึง เดี๋ยวน่ะ ชื่อคุ้นๆ คงไม่ใช่“ข้าน้อยแซ่หลิว เรียกข้าคุณหนูหลิว ก็แล้วกัน” ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ ในนิยายพระเอกเจอนางเอกในวันลอยโคมไฟไม่ใช่เหรอ อีก 1 ปีข้างหน้า แล้วทำไมถึงโพล่มาตอนนี้ได้ แล้วข้าจะหนีมาเพื่ออะไร“คุณหนูหลิวท่านคงไม่ไช่คนเมืองนี้”“ท่านก็มิใช่คนเมืองนี้ “ไม่ได้ดูคนเป็นหรอก รู้ว่าพระเอกอยู่เมืองหลวง แต่อยากรู้ว่า ไอ้ด้ายแดงมันแผลงฤทธิ์ดึงพระเอกมาเจอนางได้อย่างไร โหวด

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่7

    บทที่7ขบวนรถม้าของหลิวชิงชิงออกจากเมืองหลวงมาได้หสิบวันแล้ว ค่ำไหนนอนนั้น แวะเบี้ยป้ายรายทาง ชมนกชมไม้ไปเรื่อย ไม่รีบร้อน ถึงฉางอันเมื่อไรเมื่อนั้น อีกไม่ช้าจะเข้าเขตเมืองผิงเหยา ชิงชิง จะนำสินเดิมของมารดาบางส่วนแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วเงิน เก็บไว้เพียงของมีค่าไม่กี่ชิ้นเท่านั้น นางตั้งใจจะพักในเมืองผิงเหยาซักสามวันแล้วค่อนเดินทางต่อป่านนี้ม้าเร็วคงส่งจดหมายของท่านพ่อไปถึงจวนสกุลหลี่แล้ว“จางจิ้ง เจ้าเหนื่อยเหรอไม่ อีกไม่ช้าจะถึงเมืองผิงเหยาแล้ว เมื่อถึงข้าจะพาเจ้าเที่ยว”“คุณหนูจะพาข้าเที่ยวได้อย่างไร เพิ่งเคยมาด้วยกันหนแรก”“เอ้า ไม่เคยมาไม่ได้หมายความว่าจะพาเจ้าเที่ยวไม่ได้ มีถนนให้เดิน มีตำลึงในมือเท่านั้นก็พอแล้ว”มีตำลึงก็เที่ยวได้งั้นหรือ?หลิวชิงชิง เห็นสีหน้าโง่งมของจางจิ้งอดจะเอ็นดูไม่ได้ จางจิ้งเพิ่งจะอายุ 13 เท่านั้น ความคิดความอ่านหลายๆ อย่างยังเด็กนัก อีกทั้งวันๆ อาศัยอยู่แต่ในจวนไม่เคยออกมาข้างนอก ส่วนนางนั้นถึงแม้ร่างนี้จะอายุแค่ 15หนาว แต่วิญญาณข้างใน 30แล้ว เรียกว่าผ่านโลกมาค่อนชีวิต แต่อาจจะยังใหม่สำหรับโลกนี้ นิยายจีนเธอไม่เคยหยิบมาอ่านเลย ปิ่นหงส์คือเรื่องแรก ส่วนวัฒนธ

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่6

    บทที่6หลิวอี้สงจึงสั่งบ่าวไพร่ตั้งสำรับ นานๆ จะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ท่ามกลางบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์“พี่ใหญ่ น้ำแกงไก่ดำ ทานร้อนๆ ช่วยขับเลือดลม” หลิวเจียลี่รับถ้วยน้ำแกงจากสาวใช้ส่วนตัวของนางแล้ววางถ้วยตรงหน้าหลิวชิงชิงชิงชิงรับมาอย่างไม่อิดออด วันนี้นางจะกินให้หมดทุกอย่างเลย หลายวันที่ผ่านมา เรือนของนางได้รับกับข้าวเพียงสองอย่างในแต่ล่ะมื้อ เป็นเพียงผัดผักและน้ำแกงเท่านั้น“ดูสิเจ้าค่ะ ลี่เอ๋อร์อายุเพียงเท่านี้ รู้จักเป็นห่วงใยคนอื่น” หลิวฮูหยิน รีบอวดลูกสาวให้ผู้เป็นสามีฟัง นานๆ จะได้มานั่งทานข้าวร่วมกัน เพราะปกติ แยกทานเรือนใครเรือนมัน“ข้าตุ๋นน้ำแกงไปเยี่ยมพี่ใหญ่ที่เรือนทุกวันเจ้าค่ะ ท่านแม่”ชิงชิงก้มหน้าเข้าหาชามข้าว เยียดมุมปากเล็กน้อยไม่ให้ใครสังเกตเห็น ตุ๋นน้ำแกง ต้มตุ๋นล่ะสิไม่ว่า หมาซักตัวข้ายังไม่เคยเห็นไปเยี่ยมแม้แต่เงา มือบางยกน้ำแกงไก่ขึ้นซด“แค่กๆ” ชิงชิงสำรักน้ำแกงไก่ ไม่ใช่น้ำแกงแล้ว นี่มันน้ำเกลือชัดๆ“พี่ใหญ่ ร้อนหรือเจ้าค่ะ มาข้าเป่าให้” หลิวเจียลี่แย่งถ้วยน้ำแกงไปเป่าจนหายร้อน แล้วน้ำมาจ่อริมฝีปากชิงชิง “ทานให้หมดเลยนะเจ้าค่ะ ข้าเคี่ยวเองกับมือ” หลิวเจ

  • เมื่อนางเอกพอแล้ว   บทที่5

    บทที่5หลิวชิงชิง หมายมั่นปั้นมือว่าต้องพาตัวเองย้ายออกจากจวนไปอยู่ที่อื่นให้ได้ และจุดมุ่งหมายคือฉางอัน แต่ด้วยยังเป็นคุณหนูในห้องหอ จะทำการอันใด ต้องผ่านบิดามารดา และนางยังต้องการเบี้ยหวัดในการดำรงชีพ“คุณหนูเจ้าค่ะ นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ชิงชิง ให้จางจิ้งไปยืนเฝ้าแถวๆ ประตูจวน หากท่านพ่อกลับมาแล้วให้รีบมาตามนาง นางมีเรื่องสำคัญต้องการคุยด้วย“เจ้าเดินนำข้าไปพบท่านพ่อเดี๋ยวนี้” ชิงชิงแทบจะวิ่งออกจากเรือน ทำเอาจางจิ้ง บ่นมาตลอดทาง ความเป็นกุลสตรีแทบไม่มีหลงเหลือหลิวชิงชิงก้าวเข้ามาในเรือนหลัก ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย ชายที่นั่งหัวโต๊ะแต่งตัวภูมิฐาน คือประมุขของบ้านบิดาของหลิวชิงชิง หลิวอี้สง“คาราวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”“เจ้าหายดีแล้วเหรอถึงมาเรือนใหญ่ได้” หลิวอี้สงเพ่งมองดูใบหน้าบุตรสาวคนโต ใบหน้ายังซีดเซียวอยู่ เหตุใดนางจึงเดินฝ่าลมหนาวเดินมาถึงเรือนหลัก“ลูกมีเรื่องสำคัญจะเรียนท่านพ่อเจ้าค่ะ” ชิงชิง เดินไปทรุดนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ด้านซ้ายมี หลิวเจียลี่ หนุ่มน้อยหน้ามนนั้นคงเป็นน้อยชายคนเล็ก คุณชายสามหลิวจางเว่ย“พี่ใหญ่ยังไม่หายดี ไม่ควรออกจากเรือนมา หากอาการกำเริบจะทำเยี่ยงไร” พอได้

DMCA.com Protection Status