คิ้วของเธอขมวดมุ่น ดวงตาทั้งสองข้างหลับพริ้ม ริมฝีปากเผยอออกน้อยๆ ใบหน้านั้นดูเย้ายวนมากยากจะบรรยาย แน่นอนว่าไอแซ็คกำลังจดจำภาพแสนหวานและงดงามนั่นเอาไว เขาบอกตามตรงว่าในยามนี้เขาอาจจะแสดงด้านที่ไม่ใช่ตัวเองออกไป เพราะว่าสตรีเบื้องหน้าทำให้สติที่มีอยู่น้อยนิดของเขาจางหายไปเรียบร้อย
ยิ่งขยับส่วนนั้นของเราก็ยิ่งเสียดสีและชื้นแฉะไปหมด ร่างกายของเขากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเขาไม่สามารถปลดปล่อยความต้องการทั้งหมดออกไปได้ การทำเช่นนี้ดีมากกว่าการใช้มือนั่นคือเรื่องจริง ทว่าเขาสามารถรู้สึกลึกซึ้งได้มากกว่านี้อีก แค่เขาฉีกทึ้งกางเกงซับในที่ขวางกั้นเราเอาไว้ออกเสีย เขาอาจจะรู้สึกสุขสมมากกว่านี้ ลมหายใจของเจเนวีกระชั้นและรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งที่อีกฝ่ายมิได้เคลื่อนไหวรุนแรงอะไรเลย ทุกครั้งที่เขาขยับร่างกายมันเสียดสีและแตะครูดลงไปบนจุดที่ไวต่อสัมผัสของเธอได้อย่างแม่นยำจนเจเนวีหลุดเสียงร้องครางออกมา ใจจริงเธออยากร้องขอให้เขาทำมากกว่านั้น..ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วทำให้ถึงขั้นสุดท้ายไปเลยท่าจะดี แต่ทว่าเพราะชายเบื้องหน้าคือแกรนด์ดยุคโรแลนด์ บุรุษซึ่งเดาความคิดยากเย็นยิ่งนัก หากว่าเธอโลภมากและร้องขอเขามากกว่านี้ เจเนวีเกรงว่าสิ่งที่เธอได้รับตอบแทนมาอาจจะเป็นการบีบคอเธอให้ตายตกลงไปก็เป็นได้ เธอไม่ควรโลภมากและ..การที่เขาขยับกายเช่นนี้ก็รู้สึกดีมากเสียจนไม่รู้จะห้ามใจแบบไหนดี ความร้อนจากส่วนนั้นถูไถไปตามเนินเนื้อนุ่มนวล ความเปียกชื้นผุดซึมขึ้นมาเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงเปียกแฉะที่ด้านล่าง ไอแซ็คกัดกรามแน่น เขาปรายสายตามองหน้าของเจเนวีที่กำลังส่ายไปมาบนหมอนใบใหญ่ “ทำแค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วรึไง” เธอช้อนสายตามองหน้าเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแวววาวที่แสนเย้ายวน “ทำไมต้องทนด้วยคะ ในเมื่อท่านไม่ได้ห้ามไม่ให้ข้าเสร็จสมสักหน่อย..” เมื่อกล่าวจบเจเนวีก็แยกขาออกกว้างมากกว่าเดิมราวกับว่ากำลังเชื้อเชิญเขา ไอแซ็คใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยความรู้สึกที่ถูกสบประมาท เขาจับเข้าที่กลางลำแกร่งก่อนจะจับมันกดลงไปบนร่องรักของเธอผ่านทางชั้นผ้าไหมบางๆ ของกางเกงซับใน แน่นอนว่ามันเข้าไปได้ไม่ลึกเพราะมีกางเกงซับในตัวนั้นขวางกั้นอยู่ แต่ทว่าแค่เท่านั้นก็ทำให้ร่างกายของ เจเนวีสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาแสยะยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเสียอาการนั่นก่อนจะดึงรั้งปลายหัวบวมแดงออกมาแล้วกดลำแท่งลงไปบนรอยแยกเพื่อไถไปตามรอยแยกนั่นอีกครั้ง ทว่าในช่วงเวลาที่เขาไถผ่านร่องรัก ไอแซ็คจะกดมันลงไปเบาๆ เพื่อให้ส่วนหัวของเขากดแทรกเข้าไปในนั้นอีกรอบ “อื้อ!!” เธอรู้สึกได้ถึงแรงกดเบาๆ จากส่วนนั้นที่เขาไถผ่าน และนั่นทำให้เจเนวีแทบสะกดกลั้นเสียงร้องครางเอาไว้ไม่ไหว เมื่อเห็นท่าทีของเจเนวี ไอแซ็คก็รู้สึกอยากจะแกล้งเธอมากกว่านี้ เขาใช้นิ้วเกี่ยวกางเกงซับในขึ้นเล็กน้อยแล้วกดแทรกลำแท่งแข็งตึงเข้าไปเพื่อเสียดสีโดยตรง เธอขยับสะโพกเข้าหา ความร้อนจากในทุกครั้งที่เขาขยับทำให้ความต้องการของเธอเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อระหว่างเราไม่มีอะไรขวางกั้น ความลึกซึ้งยิ่งเกิดขึ้นมามากมายยิ่งกว่าเดิม “อา..อื้อ!” เปียกชื้นและร้อนไปหมดเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาแค่ต้องการกลั่นแกล้งเธอเท่านั้น แต่ทว่าในยามนี้เขากลับควบคุมความต้องการของตัวเองไม่อยู่ ดวงตาของไอแซ็คพร่ามัวไปหมด ขออีกนิดจะได้ไหมนะ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง.. เขากดแทรกส่วนหัวแดงก่ำนั่นเข้าไปในโพรงอ่อนนุ่ม เจเนวีสะดุ้งเฮือกในทันทีเพราะขนาดของมันทำให้เธอรับรู้ได้ถึงส่วนนั้นที่ฉีกออกกว้างเพื่อรับเขาเข้ามา เธอส่ายหน้าราวกับจะบอกกล่าวออกไปว่ารับเขาเข้ามาไม่ไหว..มันจุกแน่นและเจ็บปวดมากเกินไปขนาดที่เธอคิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว ไม่ต้องพูดถึงในยามที่เธอไม่พร้อมเลยว่ามันจะเจ็บปวดมากขนาดไหน ไอแซ็คมองร่องรักที่หวานที่กำลังรับเขาเข้าไป เขาไม่ได้ดันมันเข้าไปด้วยซ้ำ แค่แช่ค้างเอาไว้ตรงส่วนหัว.. เขากลอกตาไปมาก่อนจะดึงรั้งมันออกอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก “ครั้งนี้ข้าจะยอมเมตตาเจ้าก่อน..” เธอกัดริมฝีปากก่อนจะเอ่ยเถียงเขาออกไป “ท่านบอกว่าจะไม่ใส่มันเข้ามาด้วยซ้ำ!!” ไอแซ็คกัดกรามแน่นด้วยความโกรธ “แต่ตอนที่ใส่เข้าไป เจ้าก็ตอดรัดไม่หยุดเลยนี่ ทำเป็นไม่ชอบแต่เจ้าก็ชอบมันเหมือนกันนั่นแหละ หากไม่เชื่อให้ข้ากดแทรกมันเข้าไปอีกดีไหม” เจเนวีหุบขาเข้าหากันในทันที เธอกำลังสาบานกับตัวเองว่าจะไม่เป็นคนโลภอีกแล้ว..ไม่งั้นพรุ่งนี้เธอจะเดินไม่ได้อย่างแน่นอน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยินยอมเงียบลง ครั้งนี้ไอแซ็คจับเจเนวีนอนคว่ำก่อนจะยกสะโพกของเธอขึ้นมา “หนีบขาเข้าหากัน ไม่งั้นข้าจะใส่มันเข้าไปแบบไม่ยั้งแรงใดๆ ..” ยังไม่ทันฟังเขากล่าวจบ เจเนวีก็ยินยอมหนีบขาเข้าหากันแต่โดยดี เธอพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความเหนื่อยล้า เจเนวีสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาเริ่มขยับเอว เพราะจากท่านี้ทำให้เธอรู้สึกว่ามันลึกซึ้งมากกว่าท่าเมื่อครู่เยอะเลย อีกทั้งเมื่อเธอก้มมองที่หน้าขาก็สามารถมองเห็นปลายยอดบวมเปล่งนั่นผลุบเข้าออกระหว่างขาของเธอได้อย่างชัดเจน เธอตัวเกร็งสั่นสะท้าน เมื่อความรู้สึกท่วมท้นเข้าสู่จุดสูงสุด จังหวะสุดท้ายเต็มไปด้วยความเร่าร้อนที่ไร้ที่มาก่อนที่หยาดน้ำสีใสจะเอ่อท้นออกมา “อ๊า!!” เมื่อได้ยินเสียงร้องครางแสนหวานนั่นอีกครั้ง ไอแซ็คก็ขบกัดเบาๆ ที่บริเวณใบหูของเธอ กลิ่นหอมหวานนั่นยังคงฟุ้งกระจายออกมาตราตรึงลงไปในความรู้สึกของเขา เธอสั่นไหวทั้งร่างกายนั่นคือสัญญาณอันดีว่าเธอถึงที่หมายแล้ว เขาขยับเอวในจังหวะที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นเพื่อนำพาตัวเองยังจุดที่ไม่อาจหยุดยั้ง ร่างกายของเขาเกร็งตึงเมื่อถึงจุดสุดยอด จังหวะที่ปลดปล่อยนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงและเร่าร้อน หยาดน้ำรักขาวขุ่นพวยพุ่งออกมาอาบท่วมไปทั่วหน้าขาและหน้าท้องของเจเนวี มันน่าอายแล็กน้อยแต่ทว่ามันกลับทำให้เขารู้สึกดีมากขึ้นและไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนกับก่อนหน้านี้เลย เจ้าส่วนนั้นของเขาสงบลงและนั่นทำให้ไอแซ็คล้มตัวลงนอนบนเตียงของเจเนวีอย่างไร้เรี่ยวแรง..เขาหรี่ตามองหน้าเธอก่อนจะดึงรั้งร่างกายของเจเนวีเข้ามากอดตามสัญชาตญาณ “.....” สิบนาที แค่สิบนาทีเท่านั้นเจ้าส่วนนั้นของเขาก็ตั้งโด่ขึ้นมาอีกหนราวกับการปลดปล่อยเมื่อครู่ไม่ช่วยอะไรเลย “เจเนวี..ลุกขึ้นมา!!”“รบกวนท่านออกไปก่อนที่จะมีคนอื่นเข้ามาเถอะค่ะ!”เมื่อคืนนี้มันคืออะไรกัน? ฉันแทบไม่ได้นอนเพราะเขาพยายามมากวนฉันในทุกๆ สิบนาที“แล้วที่ข้าต้องเป็นเช่นนี้เพราะใครกัน คราวหลังไม่ต้องมาหวังดีเพื่อช่วยข้า ข้ามิได้ร้องขอความเมตตาจากเจ้าสักหน่อย”แล้วเธอจะรู้ไหมว่าในยาบำรุงของเกมนี่ มันจะมีส่วนผสมของไอ้หญ้าโด่ไม่รู้ล้มแบบนั้นอยู่น่ะ ไม่งั้นเธอก็ไม่คิดให้เขากินหรอก!!แต่เถียงออกไปแบบนั้นไม่ได้สิ เพราะไม่ว่าจะมองทางไหน คนผิดก็คือเธออยู่ดี..การเถียงออกไปแบบข้างๆ คูๆ มันไม่น่ารักหรอกนะ คนสวยเขาไม่ทำแบบนั้น“ฉันขอโทษค่ะ ในยามนั้นความคิดของฉันก็แค่อยากช่วยเหลือท่านแกรนด์ดยุคจากความตายเท่านั้นเอง ฉันไม่รู้ว่าในยามีส่วนผสมของหญ้าสมุนไพรที่ทำให้ท่านเป็นแบบนี้..”เธอกล่าวพร้อมกับหัวคิ้วที่ลู่ลงเล็กน้อยราวกับว่าเจเนวีกำลังรู้สึกผิดไอแซ็คกระแอมเบาๆ“อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่ไม่รู้จักความผิดของตัวเอง เช่นนั้นก็ดี เตรียมตัวให้ดีเพราะคืนนี้ข้าจะมาใหม่..”ห้ะ! คืนนี้เขาก็จะมาอีกงั้นเรอะ!บอกตามตรงว่ามันดี..สิ่งที่เขาทำนั่นจัดเข้าขั้นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเรื่องบนเตียงเลย แต่ว่ามันเหนื่อยล้ามากเกินไป
มีเรื่องราวมากมายที่ทำให้เบรเดนไม่เข้าใจในตัวเอง ว่าในยามนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ความหลงใหลที่เขามีต่อองค์หญิงเจเนวีนั้นจางหายไปจนหมด หลงเหลือเอาไว้เพียงแค่ความว่างเปล่าและความหวาดระแวงเท่านั้น ทว่าเมื่อพี่มีนาบอกกล่าวกับเขาถึงเรื่องหน้าที่การงานของเขา..มันถูกต้องที่สุดที่ว่าในยามนี้เขากำลังเอาเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวมารวมกัน และมันไม่ถูกต้องเป็นอย่างมากเลยทีเดียวเขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน พี่มีนาซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของท่านป้าถูกส่งมาที่เมืองหลวง และท่านพี่ทำงานได้ดีจนถูกส่งเข้าไปทำงานในพระราชวัง พี่มีนาทำงานอย่างหนักจนสามารถเข้าไปรับใช้ใกล้ชิดองค์หญิงในที่สุด และนั่นคือจุดเปลี่ยนของครอบครัวเราเลย พี่มีนาส่งเขาเข้าไปเรียนการเป็นอัศวินเพื่อมาเป็นองครักษ์ขององค์หญิง ครอบครัวของเราดีขึ้นตามลำดับเพราะมีเขาและพี่มีนาช่วยกันหาเงินส่งไปให้คนทางบ้านจริงอยู่ที่เขาควรลาออกจากตำแหน่งอัศวินขององค์หญิง หากไม่มีใจที่จะทำงาน แต่ทว่าไม่มีงานไหนที่จะได้เงินดีเท่ากับการ..เป็นอัศวินขององค์หญิงอีกแล้ว เขาลาออกไม่ได้และไม่มีวันทำเช่นนั้น ตัวเลือกเดียวของเขาในยามนี้คือการตั้งใจทำงานให้ดีเบรเดนกำม
“องค์รัชทายาทส่งจดหมายมาครับท่านแกรนด์ดยุค..”ข้ารับใช้ของไอแซ็คนำจดหมายเข้ามาในห้องนอนของเขา“เอาวางไว้บนโต๊ะ..แล้วก็วันนี้เจเนวีทำอะไรบ้าง”เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้เพราะตัวเองยังคงนอนอยู่บนเตียงนอน“องค์หญิงเก็บตัวเงียบอยู่ในเรือนรับรองตลอดช่วงเช้าครับ ส่วนตอนบ่ายทรงออกมาทานอาหารที่สวนกับองครักษ์คนสนิท”คิ้วของไอแซ็คกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าเธอมาทานอาหารกับองครักษ์ที่ทำให้เธอมาอยู่ที่นี่“สตรีผู้นั้น..โง่งมจริงๆ ด้วยสินะ”ขนาดถูกปฏิเสธเช่นนั้นแล้ว นางยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะเข้าหาองครักษ์ผู้นั้นเลย ช่าง..โง่เขลาเมื่อข้ารับใช้เดินออกไป ไอแซ็คก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดจดหมายของจีซัสออกมาอ่านเนื้อความในจดหมายนั้นมีเพียงแค่สองบรรทัดเท่านั้น"เลื่อนวันสังหารเจเนวีไปก่อน พยายามจับตาดูนางเอาไว้ เสด็จพ่อของข้าต้องการให้เจ้าแต่งงานกับนาง..หากไม่อยากแต่งก็จงรีบเร่งหาสตรีที่เหมาะสมเพื่อหมั้นหมายซะ"เมื่ออ่านจดหมายฉบับนี้จบมันทำให้ไอแซ็คหัวเราะออกมาเสียงดัง เรื่องการแต่งงานเขาไม่เคยคิดอยู่แล้วว่ามันจะมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง มารดาของเขาหนีตามชายชู้ไป ส่วนท่านพ่อก็แต่งงานกับคนในราชว
ทันทีที่ท่านแกรนด์ดยุคเดินเข้ามาในห้องนี้ บรรยากาศรอบๆ ห้องก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แววตาที่เคยอ่อนโยนของท่านหญิงเซียร่าแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่เย็นชาราวกับราชินีหิมะ นางไม่มองหน้าของบุตรชายของสามีผู้ล่วงลับเลยด้วยซ้ำ“เรื่องนั้นข้าไม่ไว้ใจเจ้า..บอกตามตรงว่าเจนนี่นั้นคือหลานสาวที่ข้ารักมากที่สุด ข้าต้องการให้นางปลอดภัยตลอดระยะเวลาที่นางอยู่ที่นี่ ที่โรแลนด์”สตรีที่พรากบิดาของเขาไป แล้วยังจะหาทางมาพรากตำแหน่งที่มันควรจะเป็นของเขาไปอีกด้วย..สตรีผู้นี้แต่ไหนแต่ไรก็ร้ายกาจอยู่เสมอ เป็นแม่เลี้ยงที่ไม่คิดชายตาแลเขาเลยแม้แต่น้อย..“ท่านแม่ ทำไมท่านกล่าวเช่นนั้นเล่า ลูกไม่คิดทำร้ายองค์หญิงอยู่แล้วนะครับ ลูกขอเอาเกียรติของแกรนด์ดยุคเป็นเดิมพันได้เลยว่านางจะอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยและ..สุขสม..อ่า..มีความสุขแน่ๆ”ไม่มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าที่เคร่งขรึมของท่านหญิงเซียร่า เธอเมินคำกล่าวของไอแซ็คอย่างสิ้นเชิง“เรื่องนั้นข้าบอกแล้วว่าไม่ขอรบกวน เพราะข้ามีผู้ที่ไว้ใจได้พอจะดูแลเจนนี่ของข้าแล้ว”อันที่จริงหากตกลงกันไม่ได้ ส่งเธอกลับไปที่พระราชสวังก่อนก็ได้นะ เจเนวีไม่ค่อยชินกับบรรยากาศที่หนักอึ้งเช่นนี
“ข้ารู้ว่าที่ท่านมาที่นี่เพราะท่านป้าไหว้วานมาใช่ไหมคะ ข้าไม่ได้อยากจะรบกวนท่านคาดินันสักเท่าไหร่..”อีริคก้มหน้าลงเล็กน้อย เขาไม่ชอบองค์หญิงก็จริงแต่หน้าที่คือหน้าที่“กระหม่อมขอฝากตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ จากนี้ไปจนกว่าท่านหญิงเซียร่าจะกลับมา กระหม่อมจะดูแลองค์หญิงเอง”เธอไม่อยากยอมรับเท่าไหร่แต่..ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นตานั่นมัน..ดูดีชะมัดเลยแม่เจ้าโว้ย!! ตาเธออาจจะบอดได้คือคนเรามีไทป์ที่ไม่เหมือนกัน และเธอชอบผู้ชายที่มีใบหน้าค่อนไปทางหวานมากกว่า ไม่ใช่ว่าท่านแกรนด์ดยุคไม่หล่อ เขาดูดีมากเสียจนสตรีที่พบเจอจะต้องชายตามองอย่างแน่นอน แต่เขา..โหดและผีเข้าผีออกไปหน่อยแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับท่านคาดินันที่สวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องนี่ เขาดูสูงส่งและ..อ่อนโยนมากทีเดียว“อ่า..เช่นนั้นข้าก็ขอฝากตัวด้วยนะคะท่านคาดินัน”เธอส่งยิ้มให้เขาและมันคือรอยยิ้มที่งดงามจนชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกเคลิบเคลิ้มแต่ไม่ใช่กับเขาแน่ๆ เรื่องสตรีเขามั่นใจว่าตนเองกดข่มความรู้สึกเอาไว้ได้เป็นอย่างดี และไม่มีวันที่จะตกหลุมรักใบหน้าสวยๆ นั่นเป็นแน่“กระหม่อมขอตัวนำกระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ หากองค์หญิงมีพระประสงค์จะเรีย
โหดร้ายมากเหลือเกิน ใครกันนะที่ทำให้งานเทศกาลแสนสุขเช่นนี้ เจิ่งนองไปด้วยเสียงร้องไห้และกลิ่นคาวเลือด เสียงระเบิดที่ถูกจุดขึ้นมาพร้อมกับเสียงของดอกไม้ไฟ..คนสารเลวแบบไหนถึงคิดเรื่องต่ำช้าเช่นนั้นได้กันนะหัวใจของฉันสั่นไหวด้วยความรู้สึกกลัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในร่างของเจเนวี คนที่ดีกับฉันมากที่สุดคือมีนา แล้วถ้าหากว่านางเป็นอะไรไป..ฉันจะทำยังไงดีดวงตาของเจเนวีคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำตา มือที่สั่นไหวทั้งสองข้างกำลังกอบกุมมือกันเอาไว้ราวกับเธอกำลังตั้งมั่นในการภาวนา“ตู้ม!!”เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง และมันดังขึ้นใกล้ๆ จุดที่ฉันยืนอยู่มากกว่าที่คิด ในระหว่างที่ความคิดมากมายกำลังเข้าถาโถมว่าจะวิ่งหนีหรือว่านั่งลงเพื่อหลบดี อยู่ๆ ก็มีมือมาดึงรั้งให้ฉันวิ่งตามเขาไปหยดน้ำอุ่นๆ เอ่อล้นในดวงตา คืนนี้ทำไมถึงเป็นค่ำคืนที่โหดร้ายมากขนาดนั้นกันนะ แล้วนี่ฉันกำลังวิ่งตามใครมา..“อะ..เอ่อ ปล่อยฉันก่อนดีไหมคะ”เราวิ่งมาไกลมากพอสมควรจนตอนนี้แทบมองไม่เห็นบรรยากาศที่แสนวุ่นวายของงานแล้ว เธอนั่งลงด้วยความรู้สึกเหนื่อยหอบ ในยามนี้อยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาไม่ออกเพราะมันทั้งเหนื่อยและรู้สึกเห
ชายคนแรกยกมือขึ้นมาเท้าต้นไม้เอาไว้ เขาก้มหน้าลงเพื่อมองหน้าของสตรีผู้หนึ่งซึ่งกำลังนั่งอยู่ริมฝีปากของเขาแสยะยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะชักดาบออกมาจากเอว“เดี๋ยวก่อนสหาย..ดูสตรีผู้นี้สิ นางดูราวกับสตรีเสียสติที่ชาวบ้านกล่าวถึงเลย..”ชายคนที่สองกล่าวออกมาพร้อมกับย่นจมูก เขาได้กลิ่นหอมได้อย่างไรกันนะในเมื่อสตรีผู้นี้นั้นเหม็นกลิ่นสาบโคลนแบบสุดๆ ผมของนางยุ่งเหยิงและมันฟูขึ้นจนมองไม่เห็นว่าเรือนผมของนางนั้นเป็นสีอะไรกันแน่ ใบหน้าดำคล้ำเต็มไปด้วยเศษดินโคลนที่เปื้อนอยู่ ส่วนชุดก็อยู่ในสภาพที่ไม่ดีเท่าไหร่นักเขากลอกตามองบนด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เพราะคราแรกเขาคิดว่าจะได้พบเจอสาวงามที่ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินได้ในค่ำคืนที่เหนื่อยล้าแต่นี่อะไรกัน? ดันมาพบเจอสตรีเสียสติที่เหม็นสาบแต่ดินโคลน..“จิ๊!น่าหงุดหงิดเป็นบ้า”เขาสบถออกมาอย่างหยาบคายก่อนจะถ่มน้ำลายลงพื้นแล้วเก็บดาบเข้าไปในฝัก เจเนวีรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ว่าเธอก็ต้องแกล้งหลับต่อไปเพื่อไม่ให้เผยพิรุธออกมา กลิ่นสาบโคลนพวกนั้นมันรุนแรงมากพอที่จะทำให้คนสารเลวพวกนี้คิดว่าเธอเป็นหญิงเสียสติ อีกทั้งขอบคุณแสงจันทร์ในวันนี้ด้วยที่มันไม่ได้สว่างมากจน
ฉันนั่งกอดเข่าตัวเองในขณะที่ท่านอีริคกำลังแหงนใบหน้าขึ้นไปมองด้านบนด้วยความหวัง เขาหวังว่าเบรเดนจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเรา จากนั้นเขาก็น่าจะออกตามหา แต่ทว่าเรานั้นในหลุมนี่มานานสองนานก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครโผล่มาช่วยสักคนเลย อากาศในยามราตรีเริ่มเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนมือของฉันมันขยับแทบไม่ได้อีรีคจัดการทำแผลที่ถูกยิงของเขาอย่างลวกๆ เพื่อไม่ให้เลือดมันไหลไปมากกว่านั้น เขาเบนสายตาไปมองหน้าขององค์หญิง พระองค์อยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก ใบหน้าและเส้นผมแปดเปื้อนไปด้วยโคลนตม“พระองค์เจ็บตรงไหนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ โจรถ่อยทั้งสองคนนั่น ทำร้ายจนพระองค์มีสภาพเช่นนี้เลยงั้นหรือ”เธอยกมือขึ้นมาลูบต้นคอ พลางหัวเราะอย่างเขินๆ“อ่า มันไม่ได้เจ็บอะไรเลยค่ะ แล้วมีนาปลอดภัยดีใช่หรือไม่ ท่านอีริคถึงได้มาที่นี่พร้อมกับเบรเดน”คืนนี้มันช่างยาวนานมากไปแล้ว มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เธอวิ่งหนีความตายมาพบเจอกับเรื่องเสี่ยงอันตรายอีกหน มัน..น่าตกใจและการทำใจยอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้นมานั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย“พ่ะย่ะค่ะ..สาวใช้ของพระองค์ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และองครักษ
คืนนี้มันคืออะไรกัน เจเนวีมั่นใจว่าตัวเองเมา..ใช่คราแรกมันเป็นเช่นนั้นและท่านอีริค นั้นแสนอ่อนโยนกับเธอมากเหลือเกินจนเธอไม่แน่ใจว่าตัวเองเมาสุราหรือว่าเมาท่านอีริคกันแน่ทว่าในยามนี้ความอ่อนโยนจางหายไปจนหมดสิ้น บนเตียงนอนไม่เหมือนกับสนามรักอีกแล้วแต่ทว่ามันคือสนามรบ จอมปีศาจที่อยู่ในตัวของท่านอีริคกำลังโอ้อวดความสามารถของเขาผ่านทางท่าท่างมากมายที่สรรหาทำ..เขาจับเธอนอนคว่ำก่อนจะใช้หมอนรองเพื่อยกให้ตัวโก่ง แล้วใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอดิ้นหนี“ข้าแค่คาดหวังว่าท่านจะยินยอมให้ข้าได้พัก..อื้อ!! พักหายใจ..อ๊ะ!”เขาจับเข้าที่แก่นกายก่อนจะเคาะรอบรอยแยก แล้วสอดทแยงเข้าไปในครั้งเดียวจนสุดลำแท่ง เธอหลับตาลงพร้อมกับหยาดน้ำตาแวววาวที่กำลังไหลเอ่อ ตอนนี้เจเนวีมั่นใจว่าตนเองไม่ได้เมาแล้ว เธอสร่างเมาตั้งแต่ที่เขาพาเธอเดินรอบห้องไปเมื่อครู่แล้ว เราเสร็จสมนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าเขากลับไม่ยินยอมที่จะรู้จักคำว่าพอ เธอเองก็ไม่ร้องห้าม..เอาสิ! หากมันจะขาดใจตายก็ให้ตายลงไปด้วยความสุขสมที่เขากำลังจะมอบให้เธอซะเถิด..อย่างน้อยที่สุดการเสียชีวิตไปแบบนั้นอาจจะดีก็ได้เพราะเธอได้ขึ้นสวรรค์ตั้
คราแรกอีริคนั้นไม่มีความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น ว่าเหตุใดทางวิหารเน้นย้ำถึงข้อห้ามเรื่องความผิดบาปเรื่องตัณหาและราคะ ท่านคาดินันลำดับที่หนึ่งที่พาเขาเข้าสู่หนทางที่แสนบริสุทธิ์นั้นได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนว่า หนทางที่จะนำไปสู่ความสุขที่แท้จริงจะต้องปราศจากเรื่องพวกนั้น จะต้องไม่มีตัณหาและความลุ่มหลงมาครอบงำจิตใจ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถเดินทางเข้าสู้หนทางอันเต็มไปด้วยแสงสว่างพวกนั้นได้..เขาพึ่งเข้าใจในยามนี้เองว่าเหตุใดเขาจึงถูกสั่งให้ระงับอารมณ์ตัณหาของตัวเอง กดข่มมันเอาไว้ภายใต้จิตใจไม่ให้แสดงออกมาให้ใครหน้าไหนมองเห็น..เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงมากแค่ไหนก็ในยามที่เขาได้ยินเสียงครางหวานๆ ของเจเนวี เธอหลุดเสียงครางออกมาทุกครั้งที่หายใจ ใบหน้างามแหงนขึ้นพร้อมกับเรียวนิ้วที่จิกทึ้งลงไปบนแผ่นหลังของเขา เล็บยาวๆ จิกลึกลงไปบนชั้นผิวหนังของเขาเพื่อระบายความรู้สึกรุ่มร้อนที่นางได้รับออกไป แน่นอนว่ามันเจ็บ..ถึงจะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอยู่ดี แต่ในยามนี้เขาไม่คิดจะผลักไสปลายนิ้วนั้นออกไปจากร่างกายเลย หากว่าการจิกทึ้งลงไปบนแผ่นหลังของเขาทำให้เธอรู้สึกดีมากยิ่ง
อีริคกำลังเฝ้าภาวนาอย่างสุดหัวใจ ขอให้ทุกการกระทำของเขาไม่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจหรือว่ารู้สึกไม่ชอบใจ ใครๆ ต่างบอกกับเขาอยู่เสมอว่าเขาเป็นคนที่มักจะทำอะไรๆ ได้ดีตั้งแต่ในครั้งแรก แต่ถึงอย่างนั้นในเรื่องนี้ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกมั่นใจได้เลยเขายังคงประหม่า..แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีความต้องการอัดแน่นในหัวใจเช่นเดียวกันอีริควางมือลงเบาๆ บนทรวงอกอวบอิ่ม สัมผัสที่นุ่มนวลทำให้เจเนวีหายใจไม่ทั่วท้อง นิ้วมือเรียวยาวจิกแน่นลงบนผ้าปูเตียงราวกับต้องการผ่อนคลายให้ได้มากที่สุดเธอช้อนสายตามองหน้าเขา เมื่อใบหน้าที่หล่อเหลาพลันพรมจูบที่รอบเรียวขาขาวเนียน เขาใช้ปลายลิ้นขบเม้มไล้ขึ้นมาจนถึงโคนขาอ่อนด้านใน จ้องมองร่องรักสีชมพูราวกับผลไม้สุกงอม กลีบเนื้ออ่อนนุ่มเหมือนดอกบัวที่แรกแย้มบานรับแสงแรกของดวงตะวัน เขาหลับตาลงก่อนจะซุกใบหน้าเข้าหาส่วนนั้นอย่างไม่คิดรั้งรอ..“อะ..อีริค อื้อ!!”ความร้อนและเปียกชื้นกำลังทำให้สะโพกของเธอแอ่นขึ้นมาในทันที ขณะที่เธอแอ่นขั้นกลีบปากของเขาก็ไล่ตามขึ้นมาอย่างไม่ลดละ หยาดน้ำหวานสีใสถูกดูดกลืนจากกลีบปากของเธอด้วยเสียงแห่งความลามก แน่นอนว่ามันน่าอายแต่ทว่าเธอเปียกชื้นตั้งแ
เจเนวีหน้าแดงก่ำ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังเมาเหล้าหรือว่าเมาความหล่อของท่านอีริคกันแน่พระเจ้าช่วย เขาพาเธอมาที่บ้านของเขา..บ้านของเขาที่ไม่ใช่ที่วิหารแต่มันคือบ้านที่อยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร บ้านไม้ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบสุดๆ ที่ด้านหน้าคือน้ำตกที่ได้ยินเสียงน้ำไหลลงมาเอื่อยๆ เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านในก็พบความเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบสุดๆ ..ภาพลักษณ์ของเขาก็ดูไม่เหมือนคนที่จะทำบ้านรกอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว“อะ..เอ่อ ถึงแม้ว่าข้าจะรวบรวมความกล้าเพื่อพูดไปแบบนั้น แต่ว่า..ข้าอยากให้องค์หญิงให้เวลาข้าสักหน่อย”อีริคหน้าแดงก่ำ เขาพึ่งเคยพาสตรีมาที่บ้านของตัวเองครั้งแรกเลย ไม่รู้ว่าองค์หญิงเจเนวีจะคิดว่าที่นี่มันซอมซ่อมากเกินไปรึเปล่า แต่ว่าเขาก็ไม่รู้ว่าจะพาพระองค์ไปที่ไหนที่มันจะเป็นส่วนตัวมากพอ จนเราทั้งคู่สามารถพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาได้“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจดีว่า..ท่านกำลังประหม่า..”ดูแล้วเขาก็ไม่น่าจะเป็นพวกปิดประตูปุ๊บใส่ยับกันเลยอะไรแบบนั้น แต่ว่า..นี่เรายังจะคุยกันอีกงั้นเรอะ ฉันนึกว่าที่เขาพาฉันมาที่นี่เพราะว่าเรามีความต้องการอันแรงกล้าที่จะ..ถาโถมร่างกายใส่กันให้ย่อยยั
“ไอแซ็คลูกรัก..จงจดจำเอาไว้ในใจอยู่เสมอว่าอย่าหลงรักใครอย่างเด็ดขาด..ความรักจะกัดกินหัวใจของลูกให้แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี เมื่อหัวใจถูกย่ำยีจนไม่หลงเหลือจิตวิญญาณ เมื่อนั้นชีวิตของลูกก็จะสูญสิ้นตามไป..”เขาเฝ้ามองมารดาที่ร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าอาดูรมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนานในช่วงวัยเด็ก ทั้งๆ ที่บิดาของเขาคือผู้กล้าแห่งยุค คือทหารรับจ้างที่สามารถดำรงยศขุนนางได้ด้วยความสามารถของตัวเอง มิใช่จากชาติกำเนิดหรือว่าจากเงินทอง..ชื่อของอีรอน โรแลนด์นั้นเด่นหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์แทบจะทุกฉบับ ถึงแม้ว่าในยามนั้นเขาจะยังอ่านไม่ออกแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าข้อความบนหนังสือพิมพ์เหล่านั้นมันคือข้อความสรรเสริญอย่างแน่นอน..ไอแซ็คในวัยเด็กเคยรู้สึกโชคดีมากกว่าใครที่วีรบุรุษในสงครามคือท่านพ่อของเขาทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นและสวยงาม เส้นทางการเป็นท่านดยุคของท่านพ่อราวกับโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ..จนถึงงานเลี้ยงต้อนรับท่านดยุคแห่งโรแลนด์ที่ท่านแม่จัดขึ้นมาในคฤหาสน์ที่ได้รับพระราชวังทานจากองค์จักรพรรดิ..ไม่มีชนชั้นสูงผู้ใดเข้าร่วมงานเลยแม้แต่ผู้เดียว..ท่านแม่ที่เฝ้าทุ่มเทจัดงานเลี้ยงยืนมองบรรยากาศที่แสนว่างเปล่าในงานด้วยด
ไอแซ็คอุ้มเจเนวีขึ้นมาจากโต๊ะอาหารเมื่อเธอไม่สามารถนั่งตัวตรงได้อีกแล้ว เขาปรายสายตามองหน้าอีริคเล็กน้อย“อย่าให้ถึงขั้นทำให้องค์หญิงสลบไปอีกนะครับ”เขารู้ดีว่าคำกล่าวเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ใครจะไปสนใจคำพูดของหมอนี่กันล่ะ“เรื่องของข้า ต่อให้นางสลบไปนางก็สลบในอ้อมแขนของข้าต่างหาก”เมื่อกล่าวจบไอแซ็คก็พาเจเนวีมาที่เรือนหลัก เขาไม่ได้พาเธอกลับไปที่ห้องนอนของเธอแต่เขากำลังพาเจเนวีมาที่ห้องนอนของเขา..“ท่านแกรนด์ดยุคครับ..องค์หญิงจำเป็นจะต้องกลับไปยังเรือนรับรอง..”เบรเดนใช้ตัวเขาขวางทางของไอแซ็คเอาไว้ และนั่นทำให้ไอแซ็ครู้สึกหงุดหงิดมากทีเดียว เขาอยากจะเดินเข้าไปแล้วใช้กำปั้นทุบหน้าของหมอนี่สักหน กล้าดีอย่างไรถึงได้มาขัดขวางเขาน่ะ..“เจนนี่เต็มใจไปกับข้า ไม่เชื่อเจ้าก็ถามนางดูสิ..เจนนี่เจ้ายินดีไปกับข้ารึเปล่า”ดวงตาของเธอฉ่ำวาว เนื้อตัวแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของไวน์ที่ดื่มเข้าไป“ค่ะ..ข้ายินดีไปกับท่านไอแซ็คเองค่ะ..แต่ว่า..หากครั้งนี้ท่าน..ทรมานข้าอีก..ละก็ ข้าจะ..ไม่”เขารีบก้มใบหน้าลงไปเพื่อจูบปิดปากของเจเนวีเร็วๆ ให้เธอหยุดยั้งคำกล่าวต่อไป“เห็นไหม..นางเต็มใจไปกับข้า..ส่วนเจ้าน่ะกลับไ
ใบหน้าของหญิงชราฉายแววตื้นตันใจที่ได้พบเจอลูกชายที่ไม่ได้พบเจอหน้ากันมานานแรมปี เซียร่าโผเข้ากอดเอเรนด้วยความรู้สึกคิดถึง“ให้ตายสิเอเรน เราจะได้พบเจอกันปีละหนึ่งครั้งจริงๆ นะหรือลูกรัก”เอเรนมองหน้าท่านแม่ของเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่าไปหมด เขามีความสุขดีในยามที่อยู่ที่อคาเด็มมี่เพราะแบบนั้นเอเรนจึงคิดว่าเขาจะเรียนไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาจะเป็นนักเดินทางที่สามารถเดินทางไปทุกทีที่เขาต้องการได้ตามใจ..เขาไม่ได้อยากจะเข้าไปอยู่ระหว่างความบาดหมางของท่านแม่และท่านพี่ไอแซ็ค เรื่องการเป็นแกรนด์ดยุคนั้นเขาไม่เคยต้องการมันแม้แต่น้อย..ไม่ได้ต้องการมันเลยสักนิดเดียว“ท่านแม่ ลูกมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ครับ ได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องราวมากมายที่รู้ยังไม่รู้ ได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องต่างๆ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้”เซียร่ากุมมือของลูกชายเอาไว้“แล้ว..แม่ล่ะเอเรน ลูกไม่ได้มีความคิดที่อยากจะกลับไปอยู่กับแม่บ้างอย่างนั้นหรือ? ไม่ได้อยากกลับไปทำเพื่อแม่สักครั้งเลยหรือ?”เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบคำถามนั้นออกไปอย่างไรไม่ให้ท่านแม่เสียใจ จะตอบไปตามความจริงหรือว่าจะโกหกเพื่อให้ท่านแม่สบายใจ..“ลูก..อกตัญญูยิ่งนัก”เซ
ได้ทีแล้วใส่ร้ายกันใหญ่เลยนะท่านแกรนด์ดยุค“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงรู้ดีว่าพลังของกระหม่อมในยามนั้นไม่เสถียร..กระหม่อมมิได้ตั้งใจที่จะปกปิดซ่อนเร้นเรื่องพลังต่อพระองค์เลยนะพ่ะย่ะค่ะ”อีริคกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ“ข้าเชื่อท่านอยู่แล้วค่ะ การที่เรากลับมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย แค่เท่านั้นก็พอแล้ว..ใช่ไหมคะท่านแกรนด์ดยุค"ตอนนี้เธออยากจะเริ่มลงมือทานมื้อเย็นแล้วแยกย้ายกันไปนอน..เรื่องราวมันจะได้จบลงที่ตรงนี้“เจ้าเชื่อเขาง่ายจังเลยนะ ทีกับข้าไม่เห็นเชื่อแบบนี้เลย”เธอเอียงคอเล็กน้อยเพื่อมองหน้าของท่านแกรนด์ดยุค“มีเรื่องไหนบ้างคะที่ฉันไม่เชื่อท่าน..”ไอแซ็คมองสบตากับเจเนวี เมื่อสายตาของเราสอดประสานหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาในทันที“ก็อย่างเช่นเรื่องที่ข้าต้องการแต่งงานกับเจ้าอะไรแบบนั้น”เธอยังคงมองหน้าเขาเหมือนเดิมไม่ละสายตาไปไหน“ใครบอกท่านกันคะว่าฉันไม่เชื่อ..ฉันรู้ว่าตำแหน่งแกรนด์ดยุคมีความหมายกับท่านมากแค่ไหน และ..หากท่านแต่งงานกับฉันตำแหน่งของท่านก็จะมั่นคงมากกว่านี้ เพียงแต่ว่า..ฉันยังไม่อยากจะแต่งงานค่ะ ทั้งในตอนนี้และในอนาคต หากว่าฉันจะแต่งงานแน่นอนว่าฉันจ
มีนาใช้เวลาในการแต่งกายองค์หญิงของนางนานมากกว่าทุกวัน นานมากทีเดียวเพราะว่านางอยากจะแต่งกายขององค์หญิงให้พิถีพิถันสักหน่อย..ท่านแกรนด์ดยุคนั้นถึงแม้ว่าท่านจะมีชื่อเสียงในด้านที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ทว่าคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงกันได้ ยิ่งบุรุษที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักย่อมต้องมีความอยากจะดูดีในสายตาของสตรีที่รักอยู่เสมอ อีกทั้งคาดินันอีริคเองก็จะสนใจองค์หญิงเช่นกัน แถมท่านคาดินันคือบุรุษที่ท่านหญิงเซียร่าหมายมั่นตั้งใจว่าจะให้ผูกความสัมพันธ์กับองค์หญิงอีกต่างหากไม่ว่าจะมองทางไหนวันนี้องค์หญิงของเธอคือดาวเด่นท่ามกลางบุรุษที่ทั้งหล่อเหลาและดีพร้อมทั้งสองท่าน“จะต้องยิ้มแย้มให้เยอะๆ นะเพคะ แล้วอย่าลืมกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจที่ท่าน แกรนด์ดยุคและท่านคาดินันพาองค์หญิงกลับมาอย่างปลอดภัย”เจเนวีกำลังนั่งมองหน้าตัวเองในกระจก เธอไม่ค่อยชอบความรู้สึกแบบนี้เท่าไหร่นัก มัน..แปลกๆ ชอบกล หากเลือกได้เธอก็ไม่ได้อยากจะไปทานมื้อเย็นอะไรนั่นในวันนี้เลย เธออยากวิ่งหนีไปจากที่นี่เพราะมันน่าอายเกินไปแต่ไม่มีใครที่สามารถหลบหนีไปได้ตลอด..ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเธอย่อมต้องออกมาเผชิญหน้ากับทั้งท่านแกรนด์ดยุคไอแซ็คและ