มีเรื่องราวมากมายที่ทำให้เบรเดนไม่เข้าใจในตัวเอง ว่าในยามนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ความหลงใหลที่เขามีต่อองค์หญิงเจเนวีนั้นจางหายไปจนหมด หลงเหลือเอาไว้เพียงแค่ความว่างเปล่าและความหวาดระแวงเท่านั้น ทว่าเมื่อพี่มีนาบอกกล่าวกับเขาถึงเรื่องหน้าที่การงานของเขา..มันถูกต้องที่สุดที่ว่าในยามนี้เขากำลังเอาเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวมารวมกัน และมันไม่ถูกต้องเป็นอย่างมากเลยทีเดียวเขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน พี่มีนาซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของท่านป้าถูกส่งมาที่เมืองหลวง และท่านพี่ทำงานได้ดีจนถูกส่งเข้าไปทำงานในพระราชวัง พี่มีนาทำงานอย่างหนักจนสามารถเข้าไปรับใช้ใกล้ชิดองค์หญิงในที่สุด และนั่นคือจุดเปลี่ยนของครอบครัวเราเลย พี่มีนาส่งเขาเข้าไปเรียนการเป็นอัศวินเพื่อมาเป็นองครักษ์ขององค์หญิง ครอบครัวของเราดีขึ้นตามลำดับเพราะมีเขาและพี่มีนาช่วยกันหาเงินส่งไปให้คนทางบ้านจริงอยู่ที่เขาควรลาออกจากตำแหน่งอัศวินขององค์หญิง หากไม่มีใจที่จะทำงาน แต่ทว่าไม่มีงานไหนที่จะได้เงินดีเท่ากับการ..เป็นอัศวินขององค์หญิงอีกแล้ว เขาลาออกไม่ได้และไม่มีวันทำเช่นนั้น ตัวเลือกเดียวของเขาในยามนี้คือการตั้งใจทำงานให้ดีเบรเดนกำม
“องค์รัชทายาทส่งจดหมายมาครับท่านแกรนด์ดยุค..”ข้ารับใช้ของไอแซ็คนำจดหมายเข้ามาในห้องนอนของเขา“เอาวางไว้บนโต๊ะ..แล้วก็วันนี้เจเนวีทำอะไรบ้าง”เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้เพราะตัวเองยังคงนอนอยู่บนเตียงนอน“องค์หญิงเก็บตัวเงียบอยู่ในเรือนรับรองตลอดช่วงเช้าครับ ส่วนตอนบ่ายทรงออกมาทานอาหารที่สวนกับองครักษ์คนสนิท”คิ้วของไอแซ็คกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าเธอมาทานอาหารกับองครักษ์ที่ทำให้เธอมาอยู่ที่นี่“สตรีผู้นั้น..โง่งมจริงๆ ด้วยสินะ”ขนาดถูกปฏิเสธเช่นนั้นแล้ว นางยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะเข้าหาองครักษ์ผู้นั้นเลย ช่าง..โง่เขลาเมื่อข้ารับใช้เดินออกไป ไอแซ็คก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดจดหมายของจีซัสออกมาอ่านเนื้อความในจดหมายนั้นมีเพียงแค่สองบรรทัดเท่านั้น"เลื่อนวันสังหารเจเนวีไปก่อน พยายามจับตาดูนางเอาไว้ เสด็จพ่อของข้าต้องการให้เจ้าแต่งงานกับนาง..หากไม่อยากแต่งก็จงรีบเร่งหาสตรีที่เหมาะสมเพื่อหมั้นหมายซะ"เมื่ออ่านจดหมายฉบับนี้จบมันทำให้ไอแซ็คหัวเราะออกมาเสียงดัง เรื่องการแต่งงานเขาไม่เคยคิดอยู่แล้วว่ามันจะมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง มารดาของเขาหนีตามชายชู้ไป ส่วนท่านพ่อก็แต่งงานกับคนในราชว
ทันทีที่ท่านแกรนด์ดยุคเดินเข้ามาในห้องนี้ บรรยากาศรอบๆ ห้องก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แววตาที่เคยอ่อนโยนของท่านหญิงเซียร่าแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่เย็นชาราวกับราชินีหิมะ นางไม่มองหน้าของบุตรชายของสามีผู้ล่วงลับเลยด้วยซ้ำ“เรื่องนั้นข้าไม่ไว้ใจเจ้า..บอกตามตรงว่าเจนนี่นั้นคือหลานสาวที่ข้ารักมากที่สุด ข้าต้องการให้นางปลอดภัยตลอดระยะเวลาที่นางอยู่ที่นี่ ที่โรแลนด์”สตรีที่พรากบิดาของเขาไป แล้วยังจะหาทางมาพรากตำแหน่งที่มันควรจะเป็นของเขาไปอีกด้วย..สตรีผู้นี้แต่ไหนแต่ไรก็ร้ายกาจอยู่เสมอ เป็นแม่เลี้ยงที่ไม่คิดชายตาแลเขาเลยแม้แต่น้อย..“ท่านแม่ ทำไมท่านกล่าวเช่นนั้นเล่า ลูกไม่คิดทำร้ายองค์หญิงอยู่แล้วนะครับ ลูกขอเอาเกียรติของแกรนด์ดยุคเป็นเดิมพันได้เลยว่านางจะอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยและ..สุขสม..อ่า..มีความสุขแน่ๆ”ไม่มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าที่เคร่งขรึมของท่านหญิงเซียร่า เธอเมินคำกล่าวของไอแซ็คอย่างสิ้นเชิง“เรื่องนั้นข้าบอกแล้วว่าไม่ขอรบกวน เพราะข้ามีผู้ที่ไว้ใจได้พอจะดูแลเจนนี่ของข้าแล้ว”อันที่จริงหากตกลงกันไม่ได้ ส่งเธอกลับไปที่พระราชสวังก่อนก็ได้นะ เจเนวีไม่ค่อยชินกับบรรยากาศที่หนักอึ้งเช่นนี
“ข้ารู้ว่าที่ท่านมาที่นี่เพราะท่านป้าไหว้วานมาใช่ไหมคะ ข้าไม่ได้อยากจะรบกวนท่านคาดินันสักเท่าไหร่..”อีริคก้มหน้าลงเล็กน้อย เขาไม่ชอบองค์หญิงก็จริงแต่หน้าที่คือหน้าที่“กระหม่อมขอฝากตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ จากนี้ไปจนกว่าท่านหญิงเซียร่าจะกลับมา กระหม่อมจะดูแลองค์หญิงเอง”เธอไม่อยากยอมรับเท่าไหร่แต่..ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นตานั่นมัน..ดูดีชะมัดเลยแม่เจ้าโว้ย!! ตาเธออาจจะบอดได้คือคนเรามีไทป์ที่ไม่เหมือนกัน และเธอชอบผู้ชายที่มีใบหน้าค่อนไปทางหวานมากกว่า ไม่ใช่ว่าท่านแกรนด์ดยุคไม่หล่อ เขาดูดีมากเสียจนสตรีที่พบเจอจะต้องชายตามองอย่างแน่นอน แต่เขา..โหดและผีเข้าผีออกไปหน่อยแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับท่านคาดินันที่สวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องนี่ เขาดูสูงส่งและ..อ่อนโยนมากทีเดียว“อ่า..เช่นนั้นข้าก็ขอฝากตัวด้วยนะคะท่านคาดินัน”เธอส่งยิ้มให้เขาและมันคือรอยยิ้มที่งดงามจนชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกเคลิบเคลิ้มแต่ไม่ใช่กับเขาแน่ๆ เรื่องสตรีเขามั่นใจว่าตนเองกดข่มความรู้สึกเอาไว้ได้เป็นอย่างดี และไม่มีวันที่จะตกหลุมรักใบหน้าสวยๆ นั่นเป็นแน่“กระหม่อมขอตัวนำกระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ หากองค์หญิงมีพระประสงค์จะเรีย
โหดร้ายมากเหลือเกิน ใครกันนะที่ทำให้งานเทศกาลแสนสุขเช่นนี้ เจิ่งนองไปด้วยเสียงร้องไห้และกลิ่นคาวเลือด เสียงระเบิดที่ถูกจุดขึ้นมาพร้อมกับเสียงของดอกไม้ไฟ..คนสารเลวแบบไหนถึงคิดเรื่องต่ำช้าเช่นนั้นได้กันนะหัวใจของฉันสั่นไหวด้วยความรู้สึกกลัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในร่างของเจเนวี คนที่ดีกับฉันมากที่สุดคือมีนา แล้วถ้าหากว่านางเป็นอะไรไป..ฉันจะทำยังไงดีดวงตาของเจเนวีคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำตา มือที่สั่นไหวทั้งสองข้างกำลังกอบกุมมือกันเอาไว้ราวกับเธอกำลังตั้งมั่นในการภาวนา“ตู้ม!!”เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง และมันดังขึ้นใกล้ๆ จุดที่ฉันยืนอยู่มากกว่าที่คิด ในระหว่างที่ความคิดมากมายกำลังเข้าถาโถมว่าจะวิ่งหนีหรือว่านั่งลงเพื่อหลบดี อยู่ๆ ก็มีมือมาดึงรั้งให้ฉันวิ่งตามเขาไปหยดน้ำอุ่นๆ เอ่อล้นในดวงตา คืนนี้ทำไมถึงเป็นค่ำคืนที่โหดร้ายมากขนาดนั้นกันนะ แล้วนี่ฉันกำลังวิ่งตามใครมา..“อะ..เอ่อ ปล่อยฉันก่อนดีไหมคะ”เราวิ่งมาไกลมากพอสมควรจนตอนนี้แทบมองไม่เห็นบรรยากาศที่แสนวุ่นวายของงานแล้ว เธอนั่งลงด้วยความรู้สึกเหนื่อยหอบ ในยามนี้อยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาไม่ออกเพราะมันทั้งเหนื่อยและรู้สึกเห
ชายคนแรกยกมือขึ้นมาเท้าต้นไม้เอาไว้ เขาก้มหน้าลงเพื่อมองหน้าของสตรีผู้หนึ่งซึ่งกำลังนั่งอยู่ริมฝีปากของเขาแสยะยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะชักดาบออกมาจากเอว“เดี๋ยวก่อนสหาย..ดูสตรีผู้นี้สิ นางดูราวกับสตรีเสียสติที่ชาวบ้านกล่าวถึงเลย..”ชายคนที่สองกล่าวออกมาพร้อมกับย่นจมูก เขาได้กลิ่นหอมได้อย่างไรกันนะในเมื่อสตรีผู้นี้นั้นเหม็นกลิ่นสาบโคลนแบบสุดๆ ผมของนางยุ่งเหยิงและมันฟูขึ้นจนมองไม่เห็นว่าเรือนผมของนางนั้นเป็นสีอะไรกันแน่ ใบหน้าดำคล้ำเต็มไปด้วยเศษดินโคลนที่เปื้อนอยู่ ส่วนชุดก็อยู่ในสภาพที่ไม่ดีเท่าไหร่นักเขากลอกตามองบนด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เพราะคราแรกเขาคิดว่าจะได้พบเจอสาวงามที่ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินได้ในค่ำคืนที่เหนื่อยล้าแต่นี่อะไรกัน? ดันมาพบเจอสตรีเสียสติที่เหม็นสาบแต่ดินโคลน..“จิ๊!น่าหงุดหงิดเป็นบ้า”เขาสบถออกมาอย่างหยาบคายก่อนจะถ่มน้ำลายลงพื้นแล้วเก็บดาบเข้าไปในฝัก เจเนวีรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ว่าเธอก็ต้องแกล้งหลับต่อไปเพื่อไม่ให้เผยพิรุธออกมา กลิ่นสาบโคลนพวกนั้นมันรุนแรงมากพอที่จะทำให้คนสารเลวพวกนี้คิดว่าเธอเป็นหญิงเสียสติ อีกทั้งขอบคุณแสงจันทร์ในวันนี้ด้วยที่มันไม่ได้สว่างมากจน
ฉันนั่งกอดเข่าตัวเองในขณะที่ท่านอีริคกำลังแหงนใบหน้าขึ้นไปมองด้านบนด้วยความหวัง เขาหวังว่าเบรเดนจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเรา จากนั้นเขาก็น่าจะออกตามหา แต่ทว่าเรานั้นในหลุมนี่มานานสองนานก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครโผล่มาช่วยสักคนเลย อากาศในยามราตรีเริ่มเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนมือของฉันมันขยับแทบไม่ได้อีรีคจัดการทำแผลที่ถูกยิงของเขาอย่างลวกๆ เพื่อไม่ให้เลือดมันไหลไปมากกว่านั้น เขาเบนสายตาไปมองหน้าขององค์หญิง พระองค์อยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก ใบหน้าและเส้นผมแปดเปื้อนไปด้วยโคลนตม“พระองค์เจ็บตรงไหนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ โจรถ่อยทั้งสองคนนั่น ทำร้ายจนพระองค์มีสภาพเช่นนี้เลยงั้นหรือ”เธอยกมือขึ้นมาลูบต้นคอ พลางหัวเราะอย่างเขินๆ“อ่า มันไม่ได้เจ็บอะไรเลยค่ะ แล้วมีนาปลอดภัยดีใช่หรือไม่ ท่านอีริคถึงได้มาที่นี่พร้อมกับเบรเดน”คืนนี้มันช่างยาวนานมากไปแล้ว มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เธอวิ่งหนีความตายมาพบเจอกับเรื่องเสี่ยงอันตรายอีกหน มัน..น่าตกใจและการทำใจยอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้นมานั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย“พ่ะย่ะค่ะ..สาวใช้ของพระองค์ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และองครักษ
ไอแซ็คกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องนอนที่ว่างเปล่าของเจเนวี เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียงนอนของเธอเจเนวี เจ้ากล้าดีอย่างไร กล้าดีอย่างไร กล้าดีอย่างไร!! ทั้งที่เขาบอกเอาไว้แล้วว่าเขาจะมาหาเธอในคืนนี้ แล้วนี่เธอหายหัวไปไหนกันนะ!!คอยดูเถอะหากเธอกลับมาเขาจะจัดการสั่งสอนเธอให้เข็ดเลยคอยดูไอแซ็คค่อยๆ หลับตาลง เขาตั้งใจว่าจะพักสายตาเป็นการชั่วคราวเพื่อที่จะรอคอยเจเนวีกลับมา แต่ทว่าเขาก็สะดุ้งตื่นเนื่องจากได้ยินเสียงดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นเขาพาตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเดินไปยังหน้าต่าง ก่อนจะมองดูดอกไม้ไฟดอกแล้วดอกเล่าที่อวดโฉมความสวยงามอยู่บนท้องฟ้าอ่า..เธอคงจะหนีไปเที่ยวที่งานเทศกาลสินะ เจเนวีดูเหมือนจะมีนิสัยเด็กน้อยมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ซะอีก ที่แท้เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะหนีเขา แต่เป็นเพราะว่าเธอแอบไปเที่ยวที่งานเทศกาลต่างหาก..ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมในใจของไอแซ็คมันถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย“ตู้ม! ตู้ม!!”สิ่งที่ทำให้หางคิ้วของเขากระตุกคือเสียงที่มันไม่ใช่เสียงของดอกไม้ไฟ และแสงสีที่ปะทุออกมามันไม่ได้ส่องแสงออกมาจากท้องฟ้า แต่แสงสีเหลืองแดงมันส่องแสงออกมาจากกลางงานเทศกาลต่างหากระ
เบรเดนกำลังผูกผ้าโพกหัวให้กับเจเนวี และนี่คือปัญหาเพราะว่าเขาทำมันได้ยากเย็นมากยิ่งนัก สาเหตุหลักๆ มันมาจากสายตาของเธอที่กำลังจ้องมองหน้าเขาไม่ละสายตาเลย“อย่ามองกันแบบนั้นสิครับ..”ใบหน้าที่แดงระเรื่อของเขามันน่ารักชะมัดเลย ไม่ว่าเราจะอยู่กันกี่ปีแต่ความเขินอายของเขาก็ทำให้เธออดแกล้งไม่ได้ทุกทีเลย“อันที่จริงท่านเจนนี่รออยู่ที่นี่ก็ได้นะครับ วันนี้แดดแรงยิ่งนัก ข้าจะไปขุดหัวมันมาให้ท่านเอง”“ข้าไม่อยากรออยู่เฉยๆ นี่คะ ให้ข้าไปด้วยเถอะนะ เห็นแบบนี้แต่ข้าก็ขุดหัวมันเก่งมากเลยนะ ไม่เชื่อถามมีนาได้เลย”มีนาลาออกจากการเป็นสาวใช้ของท่านแกรนด์ดัชเชสมาสร้างครอบครัวอยู่ที่ชนบท..และเบรเดนพาเธอมาเยี่ยมมีนาทุกปีเลย“ให้ท่านหญิงได้ทำด้วยเถิดเบรเดน แต่ไหนแต่ไหนท่านล้วนแล้วแต่ชื่นชอบการลงมือทำด้วยตัวเองทั้งนั้น”เบรเดนรู้ดีว่าเขาไม่สามารถขัดใจสตรีผู้นี้ได้หรอก“เช่นนั้นตามข้ามาครับ..ต้องรับปากก่อนนะครับว่าหากท่านทนแดดไม่ไหวหรือมีอาการเวียนหัวท่านจะต้องบอกข้าในทันที”“เห็นแบบนี้ข้าแข็งแรงมากกว่าที่เจ้าคิดนะ ไม่อย่างนั้นในปีแรกที่แต่งงานข้าคงจะตายไปแล้ว..”เธอกระซิบบอกเขาด้วยใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ
เจเนวีกำลังนั่งเท้าคางเพื่อมองดูพิธีอะไรสักอย่างที่แม่หมอกำลังทำกับป้ายหลุมศพของท่านอีเรน ส่วนท่านอีริค..เขากำลังตั้งอกตั้งใจมองดูการทำพิธีของแม่หมอมากทีเดียวหรือว่าเขาจะหันมาเอาดีทางด้านการทำนายและการทำพิธีอะไรพวกนั้นกันนะ“พิธีในปีนี้เสร็จแล้วค่ะ..ปีหน้าเราพบเจอกันใหม่นะคะท่านแกรนด์ดัชเชส”อีริคจ่ายเงินให้กับแม่หมอพวกนั้น ส่วนเจเนวีเธอลุกขึ้นแล้วบิดขี้เกียจเพื่อยืดเส้นยืดสาย“วันนี้รอบๆ วิหารมีงานเทศกาลนะคะท่านแกรนด์ดัชเชส หากว่าท่านไม่รีบกลับลองไปเดินเที่ยวดูได้นะคะ”เจเนวีส่งยิ้มให้กับแม่หมอ“ขอบคุณนะคะ ข้าจะลองไปเดินดูสักหน่อย”งานเทศกาลอย่างนั้นหรือ น่าตื่นเต้นชะมัดเลย“คิดอะไรซนๆ อีกรึเปล่าครับ..ที่รัก”คำว่าที่รักที่ถูกเรียกออกมาจากริมฝีปากของท่านอีริคไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งก็ชวนให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งสิน่า..เธอจิ้มปลายนิ้วลงบนกรอบแว่นตาของเขา“แล้วจะตีข้ารึเปล่าคะ หากว่าข้าซนน่ะ”อีริคอมยิ้ม เขากระซิบที่ข้างหูของเจเนวีเบาๆ“ตีแน่ๆ ครับ..รับรองได้เลยว่าท่านจะต้องถูกตีที่ก้นแน่ๆ”ความหวานละมุนโอบล้อมรอบตัวเธอเอาไว้ เพียงแค่เขามองสบตามาก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าโลกทั้งใบหยุดหมุน
ในชีวิตของเรานั้นจะมีสักกี่คนที่ทำให้เรารู้สึกอยากจะเป็นคนดี แน่นอนว่าในชีวิตของไอแซ็คเขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยนึกอยากที่จะเป็นคนดีขึ้นในสายตาของผู้อื่น..จนเขาได้มาพูดคุยและทำความรู้จักกับเจเนวีภายนอกนั้นไม่ต้องอธิบายสิ่งใดเพิ่มเติมเลยเพราะว่าเธองดงามชนิดที่ว่าแทบจะละสายตาออกไปจากใบหน้านั้นไม่ได้เลย เป็นความสวยที่เจิดจรัสราวกับดวงดาวที่ค้างอยู่บนฟ้า แต่ทว่าข่าวลือเกี่ยวกับองค์หญิงผู้นั้นไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก นางมีดีแค่ความงามและชอบเริงรักกับบุรุษมากหน้าหลายตา..อีกทั้งจีซัสสั่งให้เขาสังหารนาง..แล้วโยนความผิดให้กับแม่เลี้ยงของเขาว่านี่คือการกระทำที่เป็นการทวงคืนอำนาจของอดีตองค์หญิง คราแรกเขาตั้งใจว่าจะทำเช่นนั้นจะสังหารเจเนวีด้วยมือคู่นี้ จัดการนางให้ย่อยยับและสิ้นซาก แต่บังเอิญว่าวันนั้นกลับมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับเราเธอเอายาแปลกๆ ให้เขาทานและนั่นทำให้ส่วนลับของเขาตั้งโด่ขึ้นมาไม่ยอมล้มเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ นั่นคือเรื่องยุ่งยากมากจริงๆ ในความคิดของไอแซ็ค เขาก่นด่าชื่อของเจเนวีออกมาวันละหลายๆ ครั้งเลยทีเดียวแต่เรื่องราวมันเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเขาและเธอใกล้ชิดกันมากยิ
ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปจากเดิมนิดหน่อย..ไม่สิไม่นิดหน่อยเพราะว่ามันเปลี่ยนไปจากเดิมมากทีเดียวข้อแรกหลังจากที่ฉันแต่งงานอย่างเรียบง่ายภายในคฤหาสน์โรแลนด์ที่มีแค่คนรู้จักและคนที่สนิทเท่านั้นที่มาร่วมงาน ท่านอีริคยังคงเป็นคาดินันอยู่เพราะแบบนั้นท่านจึงทำพิธีแต่งงานให้ฉันและท่านไอแซ็คด้วยตัวเองท่านป้ายังคงร้องไห้และก่นด่าท่านไอแซ็คไม่หยุด บ่นว่าท่านไอแซ็คนั้นไม่เหมาะสมกับฉันเลยสักนิดเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ท่านยินดีอย่างที่สุดก็หนีไม้พ้นที่ฉันเข้าไปเป็นลูกสะใภ้ของท่านป้า จากหลานเดินทางเข้าสู่การเป็นลูกสะใภ้ ความสัมพันธ์ในครอบครัวของเราก็ยุ่งเหยิงเหมือนสายไฟฟ้าเหมือนกันนะเนี่ยเรื่องภายในระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ลืมไปได้เลยจ้าเพราะว่ามันไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นมาแน่ๆ ท่านป้าเลี้ยงเจเนวีมาเองกับมือและรักเจเนวีเป็นที่สุด เพราะแบบนั้นไม่มีทางที่ท่านป้าจะด่าหรือว่าฉันเลย แต่ท่านกลับบ่นท่านไอแซ็คแทน..หลังจากที่ฉันแต่งงานท่านอีริคก็ยื่นเรื่องลาออกจากการเป็นคาดินันต่อวิหาร และเขาได้รับการยินยอมอย่างง่ายดาย นั่นทำให้ตอนนี้ท่านอีริคคือผู้ช่วยของท่านไอแซ็คไปโดยปริยาย เนื่องจากธุรกิจของตระกูลโรแลน
เพราะเรื่องหลังจากนี้ไม่มีอะไรต้องให้คิดเยอะอยู่แล้ว เช่นนั้นหากระหว่างทางฉันแวะเล็กน้อยเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศระหว่างทางก็คงจะไม่นับว่าเป็นอะไรหรอกใช่ไหมบนรถม้าสั่นคลอนเล็กน้อยเมื่อเจเนวีลุกขึ้นมานั่งบนตักของอีริค เธอฝังริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากของเขาอย่างลืมตัว แน่นอนว่าอีริคเองก็จูบตอบด้วยความเร่าร้อนเช่นเดียวราวกับว่าเขารอคอยจุมพิตนี้มาทั้งชีวิต เขาดูดดึงเรียวลิ้นเล็กๆ นั้นอย่างแรง เราจูบกันเนิ่นนานจนเกิดเสียงดังฉ่ำแฉะไปทั่วรถม้า เธอร้องครางในลำคอเมื่อมือของเขาเลิกกระโปรงของเธอขึ้นมาอีริคในวันนี้ดูร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเพราะว่าเราไม่ต้องคำนึงถึงอะไรทั้งนั้น..จากนี้ไปเราแค่คิดถึงความต้องการของตัวเองแค่เท่านั้นก็พอ เรื่องหลังจากนั้นไม่ต้องมาคอยวิตกกังวลใดๆ ทั้งสิ้นเขาใช้นิ้วจับแหวกกางเกงซับในของเธอไปไว้ที่ด้านข้างเพื่อให้นิ้วมือของเขาได้ลูบไล้กับกลีบดอกไม้ที่ฉ่ำแย้มนั้นโดยตรง เจเนวีเธอก็ไม่ยอมแพ้เธอจู่โจมเข้าที่กลางลำตัวของเขาอย่างอุกอาจ ปลายนิ้วกำลังเล่นสนุกอยู่กับความโค้งมนตรงส่วนปลายก่อนที่เธอจะเริ่มรูดรั้งมันขึ้นมาเพื่อปลุกสัญชาตญาณดิบเถื่อนในใจของเขาขึ้นมาเขาจดจ้องดวงตาคู่นั้
อีริคเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อเขาพบเจอท่านข้าหลวงที่เดินทางมาที่วิหารด้วยความเร่งรีบ“องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งให้จัดเตรียมจอกศักดิ์สิทธิ์และให้คาดินันระดับสูงไปทำพิธีหลั่งเลือดด้วย..เก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับแล้วเร่งรีบตามมาเถิด”อีริครีบเดินเข้าไปหาท่านคาดินันลำดับที่หนึ่ง“ให้ข้าช่วยนะครับ ท่านคาดินันไปเตรียมตัวเถิด ส่วนข้าจะไปจัดเตรียมของให้เอง”จะมีเรื่องใดอีกเล่าที่ต้องใช้วิธีการหลั่งเลือดใส่จอกศักดิ์สิทธิ์ หากมิใช่การเทียบเคียงสายเลือด พิธีนี่คือพิธีที่มีตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งจักรวรรดิ เพราะองค์จักรพรรดิองค์แรกมีความสัมพันธ์กับสตรีมากมาย นั่นทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มาแอบอ้างว่าตนเองคือองค์หญิงและองค์ชาย เรื่องนี้ทำให้เมืองหลวงปั่นป่วนมากทีเดียว ท่านคาดินันระดับสูงในช่วงเวลานั้นจึงเดินทางเพื่อตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเพื่อหาข้อพิสูจน์ว่าผู้ใดที่กันแน่ที่มีสายเลือดขององค์จักรพรรดิจริงๆหากเป็นสายเลือดเดียวกัน เลือดที่หลั่งรินลงในจอกศักดิ์จะหลอมรวมเป็นหนึ่ง แต่ทว่าหากมิใช่สายเลือดเดียวกัน เลือดจะแยกตัวและไม่ทำให้น้ำในจอกเปลี่ยนเป็นสีแดง..หากอีริคคาดเดาไม่ผิด นี่
“ต้องคุยให้รู้เรื่องและเผยให้เห็นถึงความจริงใจนะคะ ข้ารู้ว่าท่านไอแซ็คทำได้และ..ข้ารู้ว่าทุกคำที่ท่านกล่าวออกมากับท่านป้ามันจะเป็นความจริงที่ออกมาจากหัวใจของท่าน..”ก่อนจากลากัน เจเนวีเน้นย้ำกับเขาอีกครั้ง..ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อใจเขาแต่ว่าเธออยากให้เขา..แสดงความจริงใจออกมาให้มากที่สุด เพราะปกติแล้วเขาไม่ได้แสดงออกทางสีหน้ามากมายเท่าไหร่นักเขายืนอยู่ด้านหน้าคฤหาสน์โรแลนด์เพื่อรอคอยต้อนรับท่านแม่เซียร่าที่กำลังเดินทางกลับมา ใช้เวลาไม่นานขบวนรถม้าของท่านแม่ก็เคลื่อนตัวเข้ามาภายในคฤหาสน์ แน่นอนว่าการที่เขามายืนรอต้อนรับท่านแม่เช่นนี้มันอาจจะดูแปลกตามากทีเดียว“ลมอันใด หอบเอาแกรนด์ดยุคมายืนรอข้าถึงด้านหน้าคฤหาสน์อย่างนั้นหรือ?”เขาเขียนจดหมายไปถามไถ่หมายกำหนดการเดินทางเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้นว่าจะเดินทางกลับเมื่อไหร่และจะถึงเวลาไหน ไอแซ็คคิดว่ากับเรื่องสำคัญเขาไม่ควรเขียนผ่านทางจดหมายแต่ควรจะพูดคุยต่อหน้ามากกว่า“เราเข้าไปคุยกันที่ด้านในเถอะครับ..ข้ามีเรื่องมากมายจะพูดคุยกับท่านแม่อยู่พอดี”ดวงตาของหญิงชราอ่อนลงเล็กน้อย เธอเองก็รู้สึกเหนื่อยกับการทำสงครามในคฤหาสน์โรแลนด์แห่งนี้แล้วเหมือนกัน
สายลมเย็นในช่วงปลายฤดูร้อนกำลังพัดผ่านร่างกายของเธอไป เจเนวียืนอยู่ที่ด้านหน้าพระราชวัง รถม้าของท่านแม่กำลังเคลื่อนตัวออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆจนสุดสายตา..บางทีคนเราก็แค่ต้องการความกล้าหาญสักหน่อยเพื่อที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับความกลัวของตัวเอง“ท่านแม่ใจร้ายไปหน่อยที่ไม่บอกว่าท่านจะออกเดินทางวันนี้”จารีอัลเดินเข้ามายืนข้างๆ เจเนวี“วิวที่ด้านหน้าพระราชวังเป็นแบบนี้เองนะเพคะ มันช่างสวยงามและ..เหงานิดหน่อย โชคดีที่ข้ากำลังจะเดินทางออกไปจากที่นี่แล้ว ไม่อย่างนั้นหากต้องทนดูวิวเหงาๆ เช่นนี้ต่อไป ข้าคงจะขาดใจตายแน่ๆ”จารีอัลมองหน้าน้องสาวที่กำลังหัวเราะออกมาทั้งๆ ที่ในใจของนางไม่ได้นึกขำเลย“ไปเจอเสด็จพ่อหน่อยสิ..พระองค์ทรงอาการไม่ดีเลย”“อ่า..ให้ข้าไปมิใช่ว่าอาการของพระองค์จะทรุดหนักมากกว่าเดิมอีกอย่างนั้นหรือเพคะ พระองค์ทรงไม่ชอบหน้าข้าอยู่แล้วนี่”จารีอัลส่ายหน้าเบาๆ“ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอก..บางทีในยามนี้พระองค์อาจจะกำลังต้องการเจอเจ้ามากที่สุดก็ได้ ไหนๆ เจ้าก็จะออกจากพระราชวังอยู่แล้วนี่..ไปล่ำลาพระองค์อย่างเป็นทางการเถิด”ที่เสด็จพี่กล่าวมาก็ถูกต้อง..เธอกำลังจะออกเดินทางจากพระราชวังแล้วใ
มากาเร็ตปรายสายตาไปมองหน้าของไอแซ็คด้วยแววตาที่สั่นไหว..นางไม่อยากตัดสินคนเพียงภายนอก เพราะแบบนั้นนางจะไม่ตีตราว่าไอแซ็คคือคนไม่ดีเหมือนกับพ่อของเขา“มีนา..นำทะเบียนสมรสมาสิ ข้าจะเป็นพยานให้การแต่งงานในครั้งนี้เอง”แน่นอนว่าเมื่ออดีตองค์จักรพรรดินีกล่าวออกมาเช่นนั้น ทั้งเจเนวีและไอแซ็คต่างมองหน้ากันไปมา เจเนวีไม่คิดว่าเสด็จแม่จะยินยอมให้เราแต่งงานกันง่ายดายถึงเพียงนั้น“ลังเลอันใดอยู่..เจ้าทั้งสองยังไม่อยากแต่งงานกันหรืออย่างไร”“ตะ..แต่งครับ ข้าจะแต่งงานกับเจนนี่อย่างแน่นอน”มากาเร็ตจุดยิ้มที่มุมปากด้วยความพึงพอใจ“เช่นนั้นก็ลงนามสิแกรนด์ดยุค ข้าจะส่งทะเบียนสมรสนี้ไปที่วิหารเพื่อประกาศเรื่องการแต่งงานของเจ้าทั้งสองเอง”อีริคมองหน้าขององค์หญิงเจเนวี รอยยิ้มของเขามันค่อยๆ แย้มบานออกมาด้วยความยินดี“ให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะต้องเดินทางกลับไปที่วิหารอยู่แล้ว รับรองได้เลยว่ากระหม่อมจะเป็นผู้รับรองใบทะเบียนสมรสนี้ด้วยตัวเอง”เขาคือคาดินันคนหนึ่ง เขามีสิทธิ์อย่างชอบธรรมในการลงนามเพื่อรับรองใบทะเบียนสมรสของชนชั้นสูงมากาเร็ตพยักหน้า“หวังอย่างยิ่งว่าเจ้าคงจะไม่น้อยใจใช