เช้าวันนี้สายป่านตื่นมาหุงหาอาหารและใส่บาตรในตอนเช้าเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้แม่เหมือนกับทุก ๆ วัน หลังจากนั้นก็เข้าไปเก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน เธอได้ยินเสียงรถยนต์ของพ่อแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
“กลับมาได้สักทีสินะ หายไปตั้งหลายวัน” เธอคิดอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก จากนั้นก็ได้ยินเสียงพ่อเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับเสียงพูดคุยกับใครบางคนดังแว่วมา “พ่อมากับใคร?”เธอจึงเดินออกไปดูต้นเสียงนั้น
“พี่เวชแน่ใจนะคะว่าจะให้วิมาอยู่กับพี่ที่นี่ได้ ลูกสาวพี่จะยอมเหรอ” วิไลรัมภาเอ่ยถามหลังจากเดินตามหลังนายปิยะเวช ที่กำลังถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตของเธอเข้าไปในบ้าน
“ที่นี่มันบ้านพี่นะ พี่มีสิทธิ์จะให้ใครอยู่หรือไม่ให้ใครอยู่ก็ได้” นายปิยะเวชตอบเสียงหนักแน่น ทำให้วิไลรัมภายิ้มอย่างพอใจ
“ทีนี้แหละ.. จะได้เห็นคนอกแตกตายกันบ้าง หึหึ” เธอนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ นั่นไง... ยัยตัวร้ายเดินมานั่นแล้ว..
สายป่านเดินออกมา เธอมองด้วยความไม่พอใจทันทีที่เห็นพ่อพาวิไลรัมภาเข้ามาที่บ้าน เมื่อเห็นกระเป๋าสัมภาระเยอะแยะแบบนี้เธอก็พอจะเดาเหตุการณ์ได้
“พ่อ .. นี่มันอะไรกันคะ พาผู้หญิงคนนี้เข้ามาในบ้านเราทำไม” เธอเอ่ยกับบิดาเสียงแข็ง แสดงความไม่พอใจอย่างเต็มเปี่ยม
“ไม่เอาน่าป่าน แม่เขาก็ตายไปแล้ว วิเขาก็มีสิทธิ์ที่จะมาอยู่ที่นี่ได้ เพราะเขาก็เป็นเมียของพ่อ ป่านก็น่าจะรู้ดี” นายปิยะเวชบอกกับลูกสาวที่ยืนจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง
“แต่แม่เพิ่งจะเสียไปได้ไม่กี่อาทิตย์เองนะพ่อ” สายป่านพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลออกมา
“พ่อจะให้วิอยู่ที่นี่ บ้านเราก็ใหญ่โตกว้างขวาง แกก็อยู่ในส่วนของแก เขาก็อยู่ในส่วนของเขา พ่อไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาตรงไหน อย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่นะป่าน” พ่อดุเธอเสียงเขียว ทำให้ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเยาะเย้ย และเบะปากใส่สายป่าน
“ก็ได้ แล้วแต่พ่อเลย ในชีวิตนี้แค่มีผู้หญิงคนนี้อยู่กับพ่อ พ่อก็คงพอใจแล้ว ไม่ว่าจะไม่มีแม่ หรือไม่มีหนู พ่อก็คงจะไม่สนใจหรอก ต่างคนต่างอยู่ อย่ามาล้ำเส้นหนูก็แล้วกัน” สายป่านพูดจบก็เดินกลับเข้าห้องไป
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สายป่านก็ไม่เคยอยู่แบบสงบอีกเลย เพราะอีกฝ่ายชอบทำตัววุ่นวายเจ้ากี้เจ้าการในบ้าน เสมือนเป็นเจ้าของบ้านซะเอง ส่วนเธอก็พยายามหลีกเลี่ยง ต่างคนต่างอยู่ ถึงแม้บางทีจะมีถกเถียงกันบ้าง แต่สายป่านก็พยายามไม่ยุ่ง เพราะอยากมีปัญหาอะไร
วันหนึ่ง ในขณะที่เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่นเพลิน ๆ อยู่ ก็ได้กลิ่นเหมือนผ้าไหม้ เธอจึงเดินออกไปหาที่มาของกลิ่นนั้น มันมาจากดงกล้วยที่หลังบ้าน มีกลุ่มควันขนาดย่อม ๆ กำลังไหม้อะไรอยู่สักอย่าง สายป่านเดินเข้าไปดู ด้วยคุ้น ๆ กับกองสิ่งของนั้น ... เสื้อผ้า !! .. นั่นเสื้อผ้าของแม่นี่ .. ใครเป็นคนเอามาเผา แล้วสายป่านก็นึกออกในทันที ..เธอกัดริมฝีปากแน่นๆ อีวิไลรัมภา
เท้าเร็วเท่าความคิด เธอรีบเดินเข้าไปในบ้าน เห็นตัวคนก่อเหตุกำลังนั่งไขว่ห้างดูทีวีอย่างสบายใจอยู่ เมื่อหล่อนเห็นสายป่าน ก็ปรายหางตามองแค่เพียงนิดหน่อย แล้วก็ทำเป็นไม่สนใจ
“แกเอาเสื้อผ้าแม่ฉันไปเผาทำไม แกมีสิทธิ์อะไร .. ห๊า!! ” สายป่านตะคอกเสียงดัง อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนพลางเชิดหน้า
“ก็เสื้อผ้าคนตาย จะเก็บเอาไว้ทำไมให้เป็นเสนียดล่ะ เผาๆ ไปซะให้หมดน่ะดีแล้ว นี่ยังไม่หมดเลยนะ ยังเหลืออีกตู้นึง ฉันว่ากำลังจะไปเอามาเผาอยู่พอดี” วิไลรัมภาพูดจบก็เดินนวยนาดเข้าไปในห้องนอนของนางสายสุนีย์ เธอหยิบเอาเสื้อผ้าที่พับอยู่ในตู้ออกมาแล้วโยนออกมานอกห้อง แล้วเอาเท้าเขี่ย ๆ ให้มากองรวมกัน เพื่อที่จะเอาไปเผา
เท่านั้นเอง .. ฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง สายป่านหมดความอดทนอีกต่อไป เธอถลาเขาไปลากวิไลรัมภาออกมาจากห้องของ ฝ่ามือหนัก ๆของเธอตบเข้าที่หน้าของอีกฝ่ายดังฉาดใหญ่ เท่านั้นยังไม่สาแกใจ เธอทั้งต่อย ทั้งเตะ และกระทืบร่างนั้นจนล้มลงไปกองกับพื้น โต๊ะเก้าอี้ล้มเสียงดังสนั่น สายป่านตรงเข้าไปนั่งคร่อมร่างที่ล้มกลิ้งนั้นแล้วตบ ซ้าย ขวา เข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายรัวๆ จนหล่อนร้องวี๊ดว๊ายเสียงดัง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะป่าน แกเป็นบ้าอะไร ไปตบวิเขาทำไมเนี่ย!! ” นายปิยเวชที่ได้ยินเสียงดังโครมครามเลยเดินเข้ามาดู เห็นบุตรสาวนั่งคร่อมเมียของตนและตบซ้ำ ๆ แบบไม่ยั้ง เขารีบจับสายป่านแยกออกจากวิไลรัมภาทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”นายปิยะเวชตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห เมื่อเห็นหน้าตาของเมียเด็กของตนปูดบวม ปากแตก และมีเลือดซึมออกมา ผมเผ้ายุ่งเหยิง นั่งกุมท้องตัวเอง เพราะจุกที่โดนทั้งเข่าทั้งศอกของสายป่านไม่ยั้ง
“มันเอาเสื้อผ้าแม่ไปเผาหมดตู้เลย มันมีสิทธิ์อะไรมาวุ่นวายในห้องแม่ มาเผาของของแม่” สายป่านพูดไปร้องไห้ไปด้วยความโมโห
“ก็หนูเห็นว่าเป็นของคนตายน่ะพี่ ไม่ควรเอาไว้ในบ้าน ก็เลยเอาไปเผาทิ้ง ไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้ลูกสาวพี่จะทำกับวิขนาดนี้ ถ้าพี่ไม่อยู่ มันไม่ฆ่าวิตายไปเลยเหรอ” วิไลรัมภากอดสามี ร้องไห้สะอึกสะอื้น ... ตอแหลจริงๆ
“คนที่ไม่ควรเอาไว้ในบ้านคือแกนั่นแหละ เป็นแค่คนอาศัย แต่ยุ่งวุ่นวายไม่หยุด บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ต่างคนต่างอยู่ อย่ามาล้ำเส้นกัน ถ้าทำไม่ได้แกก็ไม่ต้องอยู่ ออกไปจากบ้านนี้เลย” สายป่านตะโกนไล่วิไลรัมภาทันที
“แกนั่นแหละออกจากบ้านฉันไปเลย” นายปิยะเวชกล่าวเสียงดังด้วยความโมโห
“อะ .. อะไรนะพ่อ?? นี่พ่อถึงขนาดไล่หนูออกจากบ้านเลยเหรอ พ่อเลือกมัน แต่ไม่เลือกลูกของตัวเองงั้นเหรอคะ” สายป่านพูดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอไม่คิดว่าคำพูดนี้จะออกจากปากของคนเป็นพ่อ
“พ่อรู้มั้ยที่แม่ต้องตายเพราะพ่อนั่นแหละ พ่อนอกใจแม่ไปมีเมียน้อยทำให้แม่เสียใจจนป่วยตายไง คนอย่างพ่อสักวันเวรกรรมต้องตามทัน ระวังเมียน้อยพ่อจะทำเหมือนที่พ่อทำกับแม่ก็แล้วกัน ” สายป่านตะโกนว่าพ่อด้วยความปวดร้าว
“เพี๊ยะ” เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่น สายป่านหน้าชา หูอื้อเพราะแรงตบ เธอหยุดร้องไห้ จ้องหน้าพ่อด้วยแววตาแข็งกร้าว แล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเองทันที
Write Talk : สายป่านมือตบ จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้แม่เลี้ยงตัวเองซะเยินไปเลย ส่วนคนเป็นพ่อนั้นนนน...
เห้อ.. สงสารสายป่านจริง ๆ เลยค่ะ
สายป่านเดินเข้ามาในห้อง เธอนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียง เวลานี้เธอคิดถึงแม่ที่สุด สายป่านลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่หลังตู้ลงมา เก็บเสื้อผ้าและสิ่งของที่จำเป็นใส่กระเป๋า เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่าต้องทนอยู่ที่นี่ เพราะวันนี้พ่อทำให้เธอเห็นแล้วว่า ระหว่างเมียของเขากับลูกอย่างเธอ พ่อเลือกเมียของเขาอย่างไม่ต้องสงสัยสายป่านเดินลากกระเป๋าออกมาจากห้องนอน เห็นพ่อกำลังทำแผลให้กับนังมารร้ายอยู่ เธอก็เดินผ่านไปโดยไม่คิดจะหันกลับไปมอง“สายป่าน ..แกจะไปไหน” เสียงพ่อตะโกนถามเธอเสียงดัง แต่เธอไม่สนใจอีกแล้ว เธอถือกระเป๋าแล้วเดินออกจากบ้านทันที หูยังได้ยินเสียงตะโกนของพ่อไล่หลังมาอีก“เออ..ไปเลย อวดดีนักนะ ถ้าแกคิดว่าไปรอดก็ไปเลย แล้วไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีกล่ะ” สายป่านน้ำตาไหล ปวดร้าวกับคำพูดของพ่อเหลือเกินเธอเดินไปที่บ้านอากิตติศักดิ์ เพื่อไปหากิตติยศ เขาตกใจมากเมื่อรับรู้เรื่องราวจากปากของน้องสาว ใบหน้าของเธอบวมแดงเพราะโดนตบ เขาเอามือลูบหน้าเรียวเล็กนั้นน้ำตาคลอ“ป่าน แล้วป่านจะไปไหน เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวมันอันตรายนะ อยู่กับพี่ที่บ้านนี้ก็ได้ อย่าไปเลย” กิตติยศพยายามร
ชีวิตการเป็นนักศึกษาเทอมแรกของสายป่านผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เธอเริ่มคุ้นเคยกับชีวิตในกรุงเทพบ้างแล้ว เริ่มรู้จักเส้นทางและสถานที่ต่าง ๆ มากขึ้น จนตอนนี้สายป่านคิดว่าเธอน่าจะพร้อมแล้ว ที่จะหางานพิเศษทำเสียที โดยเธอเลือกสมัครงานที่คาเฟ่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากหอพักมากนัก โดยเลือกทำในช่วงห้าโมงเย็นจนถึงสามทุ่ม เจ้าของร้านชื่อพี่ลูกปัด เธอเป็นสาวสวยที่ใจดีมาก สายป่านจึงทำงานอย่างมีความสุข วันหนึ่งเธอได้เจอกับลูกค้าคนหนึ่ง ซึ่งเป็นสาวสองแสนสวย เธอเข้ามาดื่มกาแฟ และทานขนมในร้าน พอมีจังหวะที่ลูกค้าซาลงเพราะร้านใกล้จะปิดแล้ว สาวสองแสนสวยก็เรียกเธอเข้าไปพูดคุยด้วยอย่างมีไมตรี“สวัสดีค่ะน้อง พี่ชื่อพี่ปุ๊กกี้นะคะ น้องเป็นนักศึกษามาทำงานพิเศษเหรอคะ ขยันจังเลย เรียนอยู่ไหนคะเนี่ย” ปุ๊กกี้ยิ้มให้ร่างบางตรงหน้า สายตาจ้องมองอย่างพินิจพิจารณา ... “สวย ..หุ่นดี ผิวพรรณก็ดี ลุคหวานอมเปรี้ยว ดูมีเสน่ห์มากๆ” เธอคิดในใจ“อ้อ..สวัสดีค่ะ หนูชื่อสายป่านค่ะ เรียนอยู่มหาลัย BB คณะบริหารธุรกิจ ปี1ค่ะพี่” เธอตอบรับพลางยิ้มให้อีกฝ่ายจนตาหยี ดูน่ารักมาก ปุ๊กกี้รู้สึกถูกชะตากับคนตัวเล็กขึ้นมาทันทีหลังจากวันนั้นเป็นต้นมาพี
@สนามบิน ผู้โดยสารขาเข้าชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าหล่อเหลา สวมแว่นกันแดดสีดำ เดินลากกระเป๋าเข้ามาบริเวณสนามบิน เขาสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนสนิท ที่รับปากกับเขาเมื่ออาทิตย์ก่อนว่าจะมารับที่สนามบิน เขาเดินเข้ามาได้สักพักก็สะดุดตาชายหนุ่มรูปร่างสูง 190 ซม.ที่ยืนนิ่งอยู่ เขาจึงรีบเดินไปหาทันที สองหนุ่มทักทายกัน เซดริกตบไหล่เพื่อนรักของเขา พลางพากันเดินออกไปยังลานจอดรถ ครู่เดียวรถสปอร์ตหรูก็พุ่งทะยานออกจากสนามบิน มุ่งหน้าสู่โรงแรมหรูระดับห้าดาวกลางกรุง“ทำไมมึงไม่มาเครื่องบินส่วนตัววะ” เซดริกเอ่ยถามเพื่อนรักขณะใช้คีย์การ์ดเปิดห้องหรูชั้นบนสุดของโรงแรม ซึ่งเขาจะใช้สำหรับรับรองบุคคลในครอบครัว หรือคนสนิทเท่านั้น ซึ่งจะมีห้องลักษณะแบบนี้ไว้หลายห้อง ในชั้นบนสุดของทุกโรงแรม เผื่อเวลาเขาไปดูงาน หรือสำหรับญาติเข้าพัก“ไม่อ่ะ กูขี้เกียจวุ่นวาย แบบนี้สบายกว่า”แอลตันตอบกลับเซดริก ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับรู้ เพราะเพื่อนของเขาคนนี้เป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่เรื่องมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร“เออ มึงมาช่วงนี้ก็ดีแล้ว เดี๋ยวสัปดาห์หน้าโรงแรม M จะเปิดใหม่พอดี กูจะให้มึงเป็นเลขาช่วยงานกู” เซดริกบอกกับเพื
หลังจากที่สายป่านเริ่มรับงานเอ็นฯ ได้สักพัก เธอก็ค่อย ๆ ปรับตัวได้ โดยแรกเริ่มเธอก็จะไปกับรุ่นพี่ก่อน เพราะพวกรุ่นพี่จะคอยดูแลให้ เวลาทำงานก็คอยเตือนและดูแลความปลอดภัยให้ด้วย อย่างงานไหนต้องดื่มก็ช่วยบอกลูกค้าว่าน้องยังเป็นนักศึกษาอยู่ ขอดื่มเล็กน้อยตามมารยาท ซึ่งลูกค้าของพวกเธอส่วนมากจะเป็นลูกค้าดีมีมารยาทด้วยกันทั้งนั้น สายป่านจึงไม่เคยพบปัญหาเลยสักครั้ง เย็นวันหนึ่งหลังจากเลิกเรียนแล้ว สายป่านก็กลับมาที่ห้องตามปกติ เพราะวันนี้เธอไม่ได้รับงาน ส่วนมากเธอจะเลือกรับงานที่ไม่เสี่ยงมาก ไม่ดึก แล้วก็ไม่ดื่ม เพราะจะต้องมาเรียนในวันถัดไป ถ้างานไหนไปได้เธอก็จะไป แต่ถ้าไม่ได้ เธอก็จะให้พี่ ๆ เขาไปกันแทน ส่วนเรื่องการแต่งตัวที่ต้องเซ็กซี่เปิดนั่นโชว์นี่ก็ต้องมีบ้าง “เห้อ... เหนื่อยชะมัดเลย” สายป่านวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะหนังสือ แล้วโดดขึ้นไปนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน กะเอาไว้ว่าจะนอนเล่นสักพักแล้วค่อยไปอาบน้ำ แต่เธอก็เผลอหลับไปจนได้ มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา เธอควานหามันสักพักก็เจอ หลังจากเห็นชื่อโชว์หน้าจอ เธอก็กดรับสายทันที “ฮาโหยววว ส
สายป่านจะดื่มต่ออีก แต่กิตติยศไม่ให้ดื่มแล้ว เพราะกลัวว่าเธอจะเมามากไปกว่านี้“ป่าน!! พอแล้วๆ เธอเมาแล้วเนี่ย เดี๋ยวก็ได้อ้วกบนรถพี่เหมือนเมื่อคราวก่อนอีก พี่ไม่ไหวนะ..บอกเลย” กิตติยศทำหน้าดุใส่น้องสาว เพราะยัยสายป่วนเมาทีไรเป็นต้องอ้วกทุกที เธอยิ้มตาหยีให้พี่ชาย พลางลุกขึ้นยืน เซ ๆ นิดหน่อย“เคๆๆ พอก็ได้ ..งั้นพี่เช็คบิลแล้วไปรอที่รถเลยละกัน ป่านไปเข้าห้องน้ำแป๊บ แล้วเดี๋ยวตามไป” คนตัวเล็กบอกเสียงอู้อี้ ยืนโงนเงน“ไหวป่าววะเนี่ย .. ให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ย” กิตติยศถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วง“โอ้ยย .. ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ยศ ป่านไหวน่า ไปละ ๆ ปวดฉี่” กิตติยศเรียกพนักงานเพื่อเช็คบิล ส่วนสายป่านเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางเดินเธอต้องเดินผ่านโต๊ะของโจเซฟด้วยพอดี“สวัสดีครับน้องป่าน” โจเซฟเอ่ยทักคนตัวเล็ก“อ้อ .. สวัสดีค่ะพี่โจเซฟ”เธอตอบกลับชายหนุ่มตรงหน้า พลางส่งยิ้มหวานให้กับทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะนั้น ส่วนแอลตันมองเธอตาไม่กระพริบ เขารีบปล่อยแขนที่โอบกอดสองสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ลงอย่างอัตโนมัติ .. โอ้โห!! เห็นไกลๆ ว่าสวยแล้ว นี่เห็นใกล้ๆ ยิ่งสวยหนักกว่าเดิมอีก“วันนี้มาทำง
หลังจากร่างบางเดินโซเซมาถึงลานจอดรถ กิตติยศก็เปิดประตูให้น้องสาว สายป่านก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม บางคราวก็เงียบ บางคราวก็หัวเราะ ทำเอากิตติยศถึงกับงง“ป่าน แกเป็นไรเนี่ย เมามากจนเพี้ยนหรือไง หัวเราะอะไรนักหนา” ชายหนุ่มมองหน้าน้องสาวพลางส่ายหน้า“ก็คนมันอารมณ์ดีงัยพี่ ฮ่าๆๆ อุ๊บ..เอิ๊กกก” สายป่านหัวเราะพร้อมกับเรอเสียงดัง ทำให้กิตติยศถึงกับสะดุ้ง“เฮ้ย!!! ป่าน นี่แกจะอ้วกอีกไหมวะเนี่ย” กิตติยศหน้าตาเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที“โอ้ยย .. ไม่อ้วกหรอกพี่ยศ ป่านอ้วกไปเรียบร้อยก่อนขึ้นรถแล้วแหละ ฮ่าๆๆๆ” เธอหัวเราะร่า .. ยังขำหน้าอีตาคนบ้ากามนั่นไม่หายเลย สมน้ำหน้า ด้านแอลตัน หลังจากเจอฤทธิ์ของยัยสายป่วนเข้าให้ ก็รีบเดินไปยังห้อง VIP ที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที เขาถอดเสื้อผ้าราคาแพงนั้นออกจนหมด แล้วรีบโทรหาเซดริกที่ทานอาหารอยู่ชั้นล่าง “เฮ้ยมึง .. กูอยู่ห้อง VIP 009 มึงบอกให้ไอ้โจเซฟขึ้นมาหากูเดี๋ยวนี้ ด่วนเลยนะ” แอลตันบอกกับเซดริกทันทีหลังเขารับสาย “แล้วมึงขึ้นไปทำอะไรของมึงวะ แล้วสาวๆ สองคนนี่จะให้ทำยังงัย” เซดริกถามแอลตันพลางส่ายหัวให้กับความเอาแต่ใจของเ
สายป่านขับรถไปยังผับหรูตามที่ได้นัดหมายกันใน Line ของโมเดลลิ่ง งานนี้เป็นงานสังสรรค์แบบธรรมดา โดยมีลูกค้าชายเป็นนักธุรกิจสามคน และต้องการเด็กเอ็นฯทั้งหมดสามคนเช่นกัน“สงสัยจะเป็นลูกค้าเก่าที่เคยดูแลกันมาก่อนแน่ ๆ เลย ถึงได้รีเควสเรามา ก็ดีเหมือนกัน ลูกค้าเก่าจะได้ไม่มีปัญหาอะไรเยอะ”สายป่านบอกกับตัวเอง ขาคู่เรียวสวยก้าวลงจากรถ เธอ Line หาเพื่อนร่วมงานทั้งสองคน โดยสองสาวแจ้งว่ารออยู่ที่บริเวณประตูทางเข้าของผับแล้ว สายป่านจึงเดินออกไปเพื่อไปที่จุดนัดพบ ระหว่างที่เธอกำลังจะก้าวไปข้างหน้า รถสปอร์ตหรูที่จอดห่างออกไปข้างหน้านั้นดูสะดุดตาเธอมาก เธอหยุดเพ่งมองในขณะที่ประตูรถหรูนั้นเปิดออก ร่างสูงสง่าของหนุ่มหล่อชาวฝรั่งเศสคนนั้น เธอจำเขาได้ดี ชายหนุ่มที่เธอฝากอ้วกไว้ให้เขาเมื่อสองวันก่อนนั่นแหละ ร่างบางรีบเดินหลบไปยังรถที่จอดอยู่ตรงหน้าเพื่อบังสายตาจากชายหนุ่มคนนั้นทันที“โอ้ยย ... วันนี้วันอะไรวะเนี่ยไอ้ป่านเอ้ย .. ดันเจอโจทก์ซะได้ ซวยจริงเชียว” เธอบ่นพึมพำ และค่อย ๆ ชะเง้อดู เห็นร่างสูงเดินเข้าไปในผับ เธอรออยู่สักครู่จึงเดินตามเข้าไป หลังจากเจอกับเพื่อนร่วมงานแล้ว ทั้งหมดก็พากันขึ้นไปยังชั้น
ร่างแกร่งอุ้มคนตัวเล็กวางลงบนเตียงนุ่ม ก่อนที่จะขึ้นคร่อมร่างบาง แล้วประกบจูบริมฝีปากอวบอิ่มนั้นอีกครั้งอย่างหลงไหล ฝ่ามือหนาลูบไล้ผิวเนียนและซุกไซร้ไปทั่วซอกคอหอมกรุ่น คนใต้ร่างไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะจูบตอบกลับมาแบบเงอะงะ แต่แอลตันก็ไม่ถือสา ถึงแม้จะงงว่าผู้หญิงทำงานแบบนี้น่าจะมีประสบการณ์มากกว่านี้ แต่กับสายป่านดูเธอด้อยประสบการณ์มากๆแอลตันลูบไล้มาจนถึงสองเต้าเต็มตึงคู่งาม เขาค่อยๆคลึงเคล้นเบาๆ มันช่างใหญ่เต็มไม้เต็มมือถูกใจเขาจริงๆ จังหวะนั้นร่างเล็กก็พลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายอยู่ด้านบนร่างแกร่งแทน เธอสัมผัสได้ถึงมังกรยักษ์ของแอลตันที่กำลังขยายใหญ่จนตุงอยู่บริเวณขาอ่อนของเธอ เธอยิ้มหวานให้เขา พร้อมกับก้มหน้าลงจุ๊บไปยังคางที่เขียวครึ้มของแอลตัน ใบหน้าหล่อยิ้มออกมาอย่างพอใจคนตัวเล็กเอื้อมมือเรียวมาถอดเนคไทล์ของชายหนุ่มพลางยิ้มยั่วยวนจนแอลตันถึงกับครางฮือ อดใจไม่ไหวกับความเซ็กซี่ของสาวสวยตรงหน้า เขาทำท่าจะลุกขึ้นและจัดการร่างเล็กนั้นด้วยตัวของเขาเอง แต่เจ้าหล่อนกลับโน้มตัวลงมาทาบทับร่างแกร่งของเขาแล้วกระซิบเบาๆ ที่ใบหู"ใจเย็นๆ สิคะ เดี๋
16 ปีผ่านไป@มาร์ตินกรุ๊ป ประเทศไทยก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนที่จะถูกเปิดออกโดยหญิงสาวลูกครึ่งหน้าตาสะสวย เธอก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูลง ร่างสูงหุ่นดีในชุดนักศึกษาเดินตรงเข้ามาหาชายหนุ่มรูปหล่อที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน"เฮียฟาขาาาาา" เสียงหวานของเธอเอ่ยเรียกชายหนุ่มพร้อมกับทิ้งสะโพกลงนั่งตักแกร่งของเขาทันที"แอลลี่ เฮียบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ ตอนนี้เธอโตเป็นสาวอายุยี่สิบสองแล้ว ไม่ใช่เด็กสองขวบเหมือนเมื่อก่อนนี้นะ" ฟาเบียนบอกแอลลี่พร้อมกับจับเอวคอดให้ลุกขึ้นจากตักแกร่ง"เฮียฟาดุอีกแล้ว แอลลี่น้อยใจนะคะ" หญิงสาวลุกขึ้นยืนทำหน้ายู่ใส่ชายหนุ่ม"เฮียไม่ได้ดุแอลลี่นะ แต่มันไม่เหมาะจริงๆ" ฟาเบียนถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แอลลี่ติดเขาแจตั้งแต่ตอนเป็นเด็กจนตอนนี้เธอเป็นสาวอายุยี่สิบสองปี ส่วนเขาอายุจะยี่สิบห้าปีแล้ว แต่เธอก็ยังติดเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน"แหม!!! เด็กมันยั่วขนาดนี้ เฮียก็น่าจะสงเคราะห์สักหน่อย จะได้สมใจ" เสียงฟาบริซเอ่ยขึ้นหลังจากที่เมื่อสักครู่เขาคุยงานกับพี่ชายและขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่พอออกมาก็เห็นคู่ปรับตลอดกาลอย่างแอลลี่ กำลังออดอ้อนพี่ชายของ
สามปีต่อมา ณ.คฤหาสน์แอลตันวันนี้เป็นวันเกิดอายุครบสามขวบของน้องไอด้า ลูกสาวคนที่สองของแด๊ดแอลตันกับมัมป่าน ทั้งสองครอบครัวจึงตกลงกันไว้ว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดพร้อมกับเป็นวันรวมญาติของทั้งสองครอบครัวไปด้วยกันเลย เพราะนานๆ ทีจึงจะมีโอกาสได้พบเจอกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาสักที โดยงานนี้คุณปู่ปิแอร์บินมาจากฝรั่งเศส คุณตาเวทย์ และคุณลุงกิตติยศของน้องไอด้าก็ได้มาร่วมงานด้วยส่วนครอบครัวมาร์ติน นอกจากแด๊ดเซดริกกับมัมรินทร์แล้วก็ยังมี คุณปู่โนแอลคุณย่ามาริสา พร้อมกับเออเนสและปฏิญญาที่พาน้องเอเรสลูกชายวัยขวบครึ่ง บินมาจากฝรั่งเศสด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนคุณยายวิมาลา คุณยายปทุมมาศ และน้าปริญ ก็เดินทางมาร่วมงานนี้ด้วยครบทุกคนสายป่านเลือกจัดงานที่บริเวณสวนหย่อมขนาดใหญ่ด้านหลังของคฤหาสน์ เพราะเด็กๆ จะได้วิ่งเล่นกันได้โดยไม่อึดอัด ส่วนอาหารถูกสั่งมาจากโรงแรมทั้งหมดเพื่อความสะดวกสบาย เพราะตอนนี้สายป่านตั้งท้องลูกคนที่สาม อายุครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว โดยท้องนี้แด๊ดแอลตันได้ลูกชายสมใจ ซึ่งทำให้มัมป่านพลอยโล่งอกโล่งใจไปด้วย เพราะไม่อย่างนั้นเธออาจจะต้องรับหน้าที่เป็นแม่พันธุ์ให้สามีจนกว่าจะได้ลูกชาย นับว่า
3 ปีต่อมาณ.คฤหาสน์มาร์ติน "หิวกันมั้ยคะเด็กๆ มาเร็ว มาทานขนมกับน้ำหวานกันก่อนลูก" เสียงมัมรินทร์เรียกลูกๆ ทั้งสามคนของเธอเอง พร้อมกับอุ้มน้องแอลลิต้าหรือน้องแอลลี่วัยสองขวบครึ่ง ลูกสาวของแด๊ดแอลตันกับมัมสายป่าน เข้ามาทานขนมกับพี่ๆวันนี้เป็นวันนัดตรวจครรภ์ของสายป่าน อีกไม่ถึงสองเดือนสายป่านก็จะครบกำหนดคลอดลูกคนที่สองแล้ว แอลตันจึงพาสายป่านไปหาหมอ มัมรินทร์กับแด๊ดเซดริกจึงต้องรับหน้าที่เลี้ยงหลานสาวตัวน้อยให้ในทุกครั้งที่คุณหมอนัดตรวจครรภ์ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะน้องแอลลี่เลี้ยงง่ายมากๆแด๊ดเซดริกเดินจูงมือน้องเซลีนวัยสามขวบครึ่ง มาที่โต๊ะยาว ที่มีทั้งขนมและน้ำหวานคอยท่าอยู่ โดยมีเด็กชายฟาเบียนวัยห้าขวบและเด็กชายฟาบริซ วัยสี่ขวบ กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังมาติดๆ"หาเฮียฟา"เสียงน้องแอลลี่พูดอ้อแอ้พร้อมกับขยับมือไหวๆ จะลงจากอ้อมกอดไปหาฟาเบียนเสียให้ได้ จนมาลารินทร์ต้องรีบวางน้องแอลลี่ลง เด็กน้อยจึงรีบเดินเข้าไปหาฟาเบียนหรือ "เฮียฟา" ของเธอทันทีฟาเบียนอุ้มน้องแอลลี่ขึ้นนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับจุ๊บพวงแก้มยุ้ยนั้นอย่างรักใคร่"มาๆ ขอพี่หอมแก้มบ้าง" ฟาบริซเดินเข้าไปหาเด็กสาวตัวกลมแต่เธอกลับดิ้
สองเดือนต่อมา สายป่านกับแอลตันมาที่เวดดิ้งสตูดิโอตั้งแต่เก้าโมงเช้า เพราะวันนี้มีนัดลองชุดแต่งงานเพื่อใช้ สำหรับวันแต่งงานที่ถูกกำหนดไว้ในเดือนหน้า และนัดลองชุดที่จะต้องใช้ในการใส่ถ่ายพรีเวดดิ้งที่จะเริ่มถ่ายในอีกสามวันข้างหน้าด้วย ซึ่งทั้งสองคนเลือกถ่ายรูปนอกสถานที่ทั้งหมดสามที่ ซึ่งสายป่านเป็นคนเลือกธีมและสถานที่เองทั้งหมดโดยแอลตันนั้นก็ตามใจเมียรักของเขาทุกอย่างสายป่านเลือกธีมแรกเป็นเจ้าหญิงแอเรียลกับเจ้าชายอีริคโดยเธอลือกใช้โลเคชั่นชายทะเลที่รีสอร์ตสวยของมิกกี้ที่เกาะสีชัง ส่วนธีมที่สองเป็นธีมหนุ่มสาวล้านนาโดยเลือกใช้โลเคชั่นสวนดอกไม้สวยที่เชียงใหม่ และธีมสุดท้ายคือธีมของหนุ่มสาวชาวสวนที่ใช้โลเคชั่นที่ปางไม้ของเธอและสวนผลไม้ของกิตติยศกว่าจะลองชุดเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาเกือบบ่ายโมง สายป่านชวนแอลตันแวะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อหาซื้อของสดเข้าบ้าน เพราะวันนี้ครอบครัวเธอมีนัดทานอาหารเย็นกับครอบครัวของมาลารินทร์ที่คฤหาสน์แอลตัน หลังจากที่ซื้อของเสร็จแล้วทั้งสองหนุ่มสาวก็เดินทางกลับคฤหาสน์แอลตันทันทีสายป่านจัดเตรียมของเข้าครัวเพื่อเตรียมไว้สำหรับอาหารเย็นของพวกเธอและหลานๆ ส่วนแอลตันไม
แอลตันคลายอ้อมกอดออกจากแฟนสาว แล้วใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าของสายป่าน เขากุมมือของเธอไว้บนตัก"พี่มีของขวัญแต่งงานให้หนูด้วยนะ" แอลตันบอกกับสายป่าน"ของขวัญแต่งงาน? เรายังไม่ได้แต่งงานเลย มีของขวัญให้แล้วเหรอคะคุณสามีสายเปย์" สายป่านเอ่ยแซว"ของขวัญแต่งงานล่วงหน้าไงครับ" แอลตันตอบยิ้มๆ"ตัวเล็กว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นยังงัยบ้างครับ""สวยมากเลยค่ะ""แล้วชอบไหมล่ะ""ก็ชอบค่ะ""พี่ดีใจที่ตัวเล็กชอบนะ ถ้าอย่างนั้นเราย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่กันเลยไหม?" สายป่านทำหน้างง เมื่อได้ยินคำถามนี้จากเขา"หมายความว่ายังงัยคะพี่แอล""ก็หมายความว่าคฤหาสน์นี้เป็นของเราไง พี่ตั้งใจสร้างไว้ใกล้กับคฤหาสน์มาร์ติน หนูกับน้องรินทร์จะได้อยู่ใกล้ๆ กัน แล้วพี่ก็ตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอของเราด้วยครับ""พี่แอลพูดจริงเหรอคะ" สายป่านถามพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอีกครั้ง"จริงสิครับ ความจริงพี่อยากขอหนูแต่งงานนานแล้ว แต่อยากหาที่อยู่ให้มั่นคงก่อน เพราะพี่เพิ่งบินมาอยู่ไทยได้ไม่กี่ปี ก่อนมีหนูพี่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องที่อยู่มากนัก แต่พอเราจะแต่งงาน จะมีลูกก็ต้องเตรียมพร้อมล่วงหน้าสักหน่อย พี่ขอโทษนะครับที่ขอแต่งงานช้าไป ทำให้ห
@คฤหาสน์มาร์ติน แอลตันลงจากรถหรูแล้วเดินเข้ามายังคฤหาสน์ เขาเดินตรงมายังห้องอาหารทันที เพราะรู้ดีว่าเวลานี้เป็นเวลาอาหารเช้าของที่นี่"แด๊ดแอวววค้าบบบ" เสียงฟาบริซร้องตะโกนอย่างดังพลางวิ่งเตาะแตะมาหาแอลตันทันที ใบหน้าของเด็กน้อยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แอลตันอุ้มร่างเล็กของหลานชายแล้วหอมแก้มตุ่ยฟอดใหญ่ เขาอุ้มฟาบริซเดินไปยังโต๊ะอาหารที่ทุกคนกำลังนั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา"อ้าว..ไอ้แอล มาๆ กินข้าวด้วยกัน" เซดริกเอ่ยชวนเพื่อนรัก แอลตันนั่งลงทานข้าวต้มและป้อนข้าวต้มให้หนูน้อยฟาบริซที่นั่งอยู่บนตัก จนฟาบริซกับฟาเบียนทานอาหารเสร็จแล้ว พี่เลี้ยงก็พาเด็กๆ ไปห้องนั่งเล่น เพื่อให้พวกผู้ใหญ่ได้คุยกันโดยสะดวก"วันนี้เป็นวันหยุด มึงมีอะไรด่วนถึงได้มาแต่เช้าวะ""กูมาดูบ้านกูไง เมื่อไรจะตกแต่งเสร็จวะ มึงเร่งให้กูรึยัง" แอลตันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง"กูเร่งให้มึงแล้ว ทางช่างเขาก็บอกอยู่ว่าไม่เกินสองอาทิตย์ คฤหาสน์มึงอย่างใหญ่เลยนะ แถมเฟอร์นิเจอร์ก็นำเข้าเกือบทั้งหมดอีก มึงจะไม่ให้เวลาเขาหน่อยรึไง"เซดริกตอบเพื่อนพลางส่ายหัวให้กับความใจร้อนของแอลตัน เพราะอยู่ๆ เมื่อกลางปีที่ผ่านมาแอลตันมาขอซื้อที่ดิ
"พี่แอลคะ ไหนล่ะคะแขกอีกคนนึง ใครเหรอคะป่านยังไม่เห็นมีใครมาเลย" สายป่านเอ่ยถามแฟนหนุ่ม แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบอะไร มีแค่เพียงรอยยิ้มที่ส่งมาให้เธอเท่านั้น ตึก ตึก ตึกสายป่านละสายตาจากแอลตันทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนที่เดินเข้ามา คนตัวเล็กอ้าปากค้าง เพ่งมองชายวัยห้าสิบต้นๆ ที่ดูภูมิฐาน กำลังเดินตรงมาที่โต๊ะ สายป่านลุกขึ้นยืนทันที"พ่อ" คนตัวเล็กเรียกชื่อชายผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาใสไหลรินลงมาเปียกแก้มนวลทั้งสองข้าง"สายป่าน ... สายป่านลูกพ่อ" นายปิยะเวชเอ่ยปากเรียกลูกสาวคนเดียวของเขาที่ไม่ได้พบเจอกันเลยตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาสองพ่อลูกโผเข้าหากัน สายป่านกอดผู้เป็นพ่อแล้วซบหน้าลงร้องไห้สะอึกสะอื้น ปิยะเวชลูบศรีษะทุยเล็กนั้นอย่างเอ็นดู"พ่อขอโทษป่านนะลูก พ่อผิดเองที่หลงมัวเมา เห็นคนอื่นดีกว่าลูกของตัวเอง"ปิยะเวชบอกกับลูกสาวคนเดียวในอ้อมกอด ตั้งแต่วันที่สายป่านออกจากบ้านไป เขาเองก็รู้สึกผิดที่ทำให้ลูกต้องเสียใจ เขาพยายามตามหาลูกสาวแต่ก็ไม่รู้ข่าวคราว จนเขาล้มป่วยลง กิตติยศจึงได้บอกกับเขาว่าสายป่านเดินทางมาเรียนที่กรุงเทพ เธอปลอดภัยและสุขสบายดี จนทำให้เขาคลายความเป
3 ปี ผ่านไป@ มหาวิทยาลัย BB วันนี้เป็นวันรับปริญญาบัตรของบัณฑิตใหม่ สายป่านสวมชุดครุยดูมีสง่า ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ในขณะที่มีเพื่อนๆ มาร่วมแสดงความยินดีกับสายป่านและเจษนิพิฐที่จบพร้อมกันเซดริกกับมาลารินทร์ พาหนูน้อยฟาเบียนลูกชายวัยสองขวบครึ่ง และน้องฟาบริซอายุขวบครึ่งซึ่งกำลังน่ารักน่าชังทั้งคู่มาร่วมแสดงความยินดีด้วย"ยินดีด้วยนะป่าน ในที่สุดแกก็เรียนจบสมที่ตั้งใจไว้แล้ว ฉันดีใจกับแกจริงๆ นะ" มาลารินทร์โอบกอดสายป่านด้วยความดีใจที่เพื่อนรักของเธอส่งตัวเองเรียนจนจบได้สำเร็จ"นี่เป็นของขวัญรับปริญญาจากฉันกับพี่เซดริกนะ" มาลารินทร์ส่งกล่องของขวัญขนาดเท่าฝ่ามือที่ถูกห่อหุ้มอย่างดีให้กับสายป่าน"ขอบใจมากนะรินทร์" สายป่านยิ้มให้กับเพื่อนรัก แล้วส่งกล่องของขวัญให้แอลตันเก็บไว้"ส่วนนี่ของขวัญของเจ จากเรากับพี่เซดริกนะ" มาลารินทร์ส่งกล่องของขวัญให้กับเจษนิพิฐ เขารับมาพร้อมกับกล่าวขอบใจมาลารินทร์"มาๆๆ มาถ่ายรูปกันเถอะ" สายป่านเอ่ยเรียกทุกคนมาถ่ายรูปร่วมกัน"ยินดีด้วยนะครับสายป่าน" เสียงทุ้มน่าฟังที่คุ้นหูดังขึ้นทำให้สายป่านรีบหันไปตามเสียงทันที"มิกกี้ ป่านดีใจจังเลยที่คุณมา ขอบคุ
คู่รักทั้งสองคู่อยู่พักผ่อนที่โรงแรม JC อีกเกือบหนึ่งสัปดาห์ เพื่อให้มาลารินทร์ได้พักฟื้นร่างกายให้แข็งแรงอีกสักหน่อย เมื่อครบกำหนดของการพักผ่อนแล้วจึงได้เดินทางกลับกรุงเทพ สายป่านเองก็ต้องกลับไปเตรียมตัวเรียนต่อเพราะอีกไม่กี่วันมหาลัยก็จะเปิดเทอมแล้ว@ เพนท์เฮาส์แอลตัน "พี่แอลให้ป่านมาที่นี่ทำไมคะ ป่านอยากจะกลับหอพัก อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว" สายป่านเอ่ยถามแอลตันที่นั่งหน้างอเป็นม้าหมากรุกอยู่ที่โซฟา"อีกตั้งสิบกว่าวันกว่าจะเปิดเทอม จะรีบร้อนหนีผัวไปไหน ยังมีเรื่องต้องตกลงกันอีกตั้งเยอะนะยัยตัวเล็ก""จะตกลงอะไรกันอีกล่ะคะ ข้อตกลงเยอะจังนะคะ" สายป่านบ่นกระปอดกระแปด"มานั่งนี่มา" แอลตันตบเบาๆ ที่หน้าตักของตัวเองเพื่อเรียกให้คนรักมานั่ง คนตัวเล็กก็ฟังอย่างว่าง่าย เธอเดินนวยนาดเข้าไปหาเขาแล้วหย่อนสะโพกลงที่ตักแกร่ง ส่วนแขนเรียวสวยคล้องอยู่ที่ลำคอของชายหนุ่ม"ว่ายังงัยคะพ่อรูปหล่อ" สายป่านเอ่ยหยอกเย้า แกล้งมองเขาด้วยสายตาที่ยั่วยวนแล้วก้มลงแนบแก้มถูไปมาเบาๆบริเวณคางสากของเขา"พี่จะให้หนูย้ายออกจากหอพักแล้วมาอยู่ที่เพนท์เฮาส์กับพี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" สายป่านได้ยินถึงกับอ้าปากหวอ"ย