.
.
หลังจากที่ทานอาหารกันเรียบร้อย ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับ มีเพียงชุนและเฮียตงกับภรรยาที่ยังคงนั่งอยู่ตามคำสั่งของเตี่ยว่าให้อยู่คุยกับต้นหยกก่อนดึกๆ ค่อยกลับ ส่วนป๊ากับม๊าของต้นหยกก็ขอตัวขึ้นห้องก่อน ปล่อยให้ทั้งสี่คนนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขกเหมือนจงใจ ชุนนั่งไขว่ห้างพิงพนักโซฟาเล่นโทรศัพท์โดยไม่สนใจหญิงสาวที่นั่งข้างๆ เขาเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้ย! ชุน! ไม่คุยกับน้องหน่อยหรอวะ? ไม่เจอกันมาตั้งนาน”
“ก็แค่ไม่ได้เจอ ไม่ได้ป่วยใกล้ตายสักหน่อย จะรีบคุยทำไม”
“ไอ้นี่ ปากแกนี่ไม่น่าหาเมียได้นะชาตินี้”
“หึ...ทำไมจะหาไม่ได้ ก็มีคนแถวนี้ ยอมถวายตัวแลกกับสมบัติของตระกูลเราอยู่นี่ไง ตราบใดที่มีเงินหาไม่ยากหรอกเมีย”
ป้าบ!!
เฮียตงอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นไปตบศีรษะน้องชายตัวดีที่พูดจาไม่ให้เกียรติหญิงสาวที่นั่งข้างๆ เอาเสียเลย ต้นหยกที่ตอนแรกดีที่จะได้คุยกันก็นั่งเงียบ เธอพึ่งรู้ว่าความคิดของชุนที่มีต่อเธอเป็นแบบไหน เขาไม่เคยรู้เลยว่าที่เธอยอมเพราะอะไร แม้เธอจะตั้งใจว่าต่อให้ชุนไม่เหลืออะไรเธอก็จะอยู่กับเขาไม่ทิ้งเขาไปไหนแน่นอนก็ตาม
“โอ้ย! เจ็บนะเฮีย โห...ฟาดมาซะเต็มแรง”
“เจ็บสิดี จะได้มีสติ”
“ชุนก็พูดแรงไปนะพี่ว่า”
“นี่พี่ซินก็เข้าข้างเฮียหรอเนี่ย”
ซินยิ้มบางๆ แต่สายตาดุจ้องมองน้องชายพร้อมกับส่ายหัว ก่อนที่เฮียตงจะกลับไปนั่งที่เดิมแล้วหันไปทางต้นหยกที่นั่งเงียบอยู่นานอย่างเป็นห่วง
“อย่าถือสาหมาในปากมันเลยนะหยก”
“นั่นสิ อาชุนโตมาก็นิสัยเปลี่ยนนิดหน่อยน่ะ”
เฮียตงและซินพยายามพูดปลอบใจน้องสาว ต้นหยกยิ้มเจื่อนๆ แล้วพยักหน้าแค่นั้นก่อนจะลอบมองชุนที่นั่งนิ่งเงียบไม่มีคำขอโทษใดๆ และไม่สนใจความรู้สึกของเธอว่าเสียใจแค่ไหนกับคำพูดไม่แยแสของเขา
“พูดกับน้องหน่อยสิอาชุน”
“จะให้พูดอะไร? แล้วทำไมเธอไม่พูดล่ะ อยู่ๆ เกิดเป็นใบ้ขึ้นมาหรือไง”
“เอ่อ...เฮียชุน...”
“อะไร”
ซินที่บอกให้ชุนพูดคุยกับต้นหยก แต่เขาก็ไม่วายปากเสียใส่พร้อมกับปรายตาคมมองเธออย่างไม่พอใจนัก และไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยถามอะไรเขาก็ตอบรับเสียงเข้มใส่เสียอย่างนั้น เธอจึงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อ
“เฮียชุนเป็นยังไงบ้าง ไม่เจอกันนานเลย....”
“ก็ยังเห็นอยู่นี่ ยังไม่ตาย”
“เอ๊ะ!...ไอ้น้องเวร”
“ก็มันเป็นคำถามที่ไม่น่าถาม”
“แล้วมึงจะให้น้องถามอะไร น้องแค่อยากรู้ว่าที่ผ่านมามึงเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ตอบไปแล้วไง”
เฮียตงถึงกับส่ายหน้ากับความดื้อดึงของผู้เป็นน้อง ซินถึงกับถอนหายใจพลางคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้ต้นหยกจะต้องเจออะไรบ้าง เพราะดูท่าทางของชุนแล้วไม่น่าจะยอมรับง่ายๆ แน่ ขนาดเจอกันตรงๆ เขายังไม่คิดจะหวั่นไหวเสียบ้างเลย ต้นหยกก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรทั้งรูปร่างหน้าตากิริยามารยาท แต่ชุนกลับมองข้ามไปซะอย่างนั้น ไม่รู้ว่าหลงอะไรเส้นฟางหนักหนา
“สรุปจะคุยกับน้องไหม?”
“ไม่รู้จะคุยอะไร ไม่มีเรื่องคุย”
“ดี งั้นก็นั่งเงียบๆ มันอย่างนี้แหละ ไม่ดึกไม่กลับ ถึงกลับไปเตี่ยได้โมโหโวยวายแน่ๆ”
“ผมไม่อยู่นั่งโง่ๆ แบบนี้หรอกนะ มีที่ต้องไป”
“อย่าบอกนะ....”
“ใช่”
“ไอ้ชุนเอ๊ย...มึงจะแต่งงานแล้วนะ ห่างได้ห่าง...”
“ไม่...ผมไม่ได้เต็มใจแต่งงาน”
“ไอ้ชุน!! ทำไมพูดออกมาต่อหน้าต้นหยกแบบนั้นวะ”
“เฮียตงใจเย็นๆ ก่อน”
เรื่องมันเริ่มรุนแรงขึ้นจนซินถึงกับต้องร้องห้ามเมื่อเฮียตงลุกขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น เพราะครั้งนี้ชุนหักหน้าต้นหยกเกินไป เฮียตงคิดว่าอย่างน้อยน่าจะเห็นแก่ที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็ก รักษาน้ำใจหน่อยก็ดี เพราะยังไงก็ต้องแต่งงานอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะเฮียตง หยกไม่ถือ...คิดซะว่าเฮียชุนระบายความในใจ หยกก็จะได้รู้ด้วยว่าเฮียชุนคิดยังไง”
“โธ่...หยก”
“หึ...เพราะเธอนั่นแหละที่ทำให้พี่น้องทะเลาะกัน ไม่ต้องมาทำเป็นนางเอกใสซื่อ”
“เพราะตัวแกเองนั่นแหละไอ้ชุน ไม่ต้องไปโทษน้องมันเลย”
“ผมขี้เกียจเถียงเฮียแล้ว แค่ถามก็ไปได้ใช่ไหม? ได้!”
ชุนหันทั้งตัวไปทางต้นหยกและจ้องมองเธอเขม็งพร้อมกับยื่นใบหน้าหล่อๆ นั้นเข้าไปใกล้ๆ ต้นหยกถอยออกเล็กน้อย เพราะความใกล้เกินไปทำให้แก้มเนียนขึ้นสีแดงเรื่อด้วยความเขิน ยังไงคนตรงหน้าก็เป็นคนที่เธอรักมาตลอดไม่เปลี่ยน
“งั้นตอบมา...ทำไมเธอถึงตกลงแต่งงานกับฉัน เธอต้องการอะไร สมบัติ หรือเงินช่วยครอบครัว เท่าไหร่ว่ามาฉันจะจ่ายให้”
“เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ..”
สีหน้าของต้นหยกที่เคอะเขินตอนแรกเปลี่ยนไปเป็นอึดอัดกับคำถามของชุน และเขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ โดยไม่สนสายตาของเฮียตงและซินเลย เฮียตงเห็นอย่างนั้นจึงลุกขึ้นพร้อมซินและเดินเข้าไปแยกชุนออกมาทันที
“ป่ะ กลับ...กูว่าไม่เวิร์คล่ะ กลับๆ”
“ผมยังไม่ได้คำตอบ”
“ไม่ต้องอยากได้คำตอบ มึงไม่อยากคุยอยู่แล้วไม่ใช่? ไป..กลับ”
ไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบเฮียตงก็ทั้งลากทั้งดึงน้องชายของตนกลับ แต่ชุนก็ยังไม่วายจ้องมองเธอทั้งที่ยังโดนลากออกจากบ้านอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อทั้งสามคนเดินออกไปจนลับตา หญิงสาวที่นั่งอยู่ถึงกับถอนหายใจอย่างนึกโล่งอก อะไรที่ทำให้เขาคิดแบบนั้นกันนะ มีอะไรที่เธอยังไม่รู้เกี่ยวกับครอบครัวหรือเปล่า ต้นหยกได้แต่คิดแล้วสงสัยอยู่อย่างนั้น
เช้าวันต่อมา
ก๊อกๆ
“ค่ะ ห้องไม่ได้ล็อกค่ะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ผู้เป็นแม่จะเดินเข้าห้องมาด้วยรอยยิ้มหวาน ต้นหยกหันไปมองแม่ของตนก่อนจะหันไปแต่งตัวต่อเหมือนปกติในชุดทำงานเรียบง่ายเหมือนเช่นทุกวัน ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะเข้ามาช่วยม้วนมวยผมและมัดให้
“วันนี้ไปลองชุดแต่งงานนะลูก”
“ฮะ? วันนี้เลยหรอคะ?”
“ใช่จ้ะ อาเพ่ยม๊าของอาชุนโทรบอกที่ร้านลองชุดไว้แล้ว”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวม๊าส่งที่อยู่ร้านมาให้หยกด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องลำบากหรอกลูก เดี๋ยวอาชุนมารับ”
“...เขาจะยอมมาหรอคะม๊า”
“มาสิ อาชุนโทรมาบอกม๊าแล้ว”
“อ๋อ...ค่ะ”
ต้นหยกแปลกใจไม่น้อยที่ได้ยินว่าเขาโทรมาหาผู้เป็นแม่ของตนแล้วบอกว่าจะมารับไปลองชุดแต่งงานด้วยกัน ทั้งที่เมื่อคืนเขายังมีท่าทีเหมือนจะล้มงานแต่งอยู่เลย ต้นหยกเก็บความสงสัยไว้ในใจก่อนจะเก็บของเตรียมกระเป๋าและพาแม่ลงไปรอข้างล่างโดยไม่ได้พูดอะไรหรือบอกแม่ของตนเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืน
เหตุการณ์ก่อนหน้า
ชายหนุ่มในชุดสูทราคาแพงดูดีมีระดับขับรถบีเอ็มคันหรู มือข้างหนึ่งควงพวงมาลัยอีกข้างจับกล่องของขวัญขึ้นมามองก่อนจะยกยิ้มเมื่อนึกถึงเจ้าของกล่องของขวัญนี้ที่เขาตั้งใจจะซื้อไปมอบให้ พร้อมกับเหยียบคันเร่งมิดไมล์เพื่อจะได้เจอแฟนสาวให้ไวที่สุด
ครืดดดดด...
ชุนปรายตามองหน้าจอโทรศัพท์เล็กน้อยก่อนจะกดรับสายผ่านหน้าจอรถพร้อมกับน้ำเสียงที่ดูอารมณ์ดี ไม่ว่าใครจะโทรมาตอนนี้เขาอารมณ์ดีด้วยหมด
“ครับเตี่ย”
(ไอ้ลูกเวร แกอยู่ไหน?)
“ขับรถอยู่ เตี่ยมีอะไรหรือเปล่า”
(เออดี! ขับตรงไปบ้านเจริญกุลเลยนะ พาอาหยกไปลองชุดแต่งงาน)
เอี๊ยดดด!!
คำพูดของผู้เป็นพ่อทำเอาเขาเหยียบเบรกแทบจะทันทีทันใด จากอารมณ์ดีตอนนี้สีหน้าไปเหมือนกิ้งก่า คิ้วเข้มขมวดชนกันแน่นเป็นปม ประโยคคำสั่งเมื่อครู่ทำเอาเขาหัวเสีย
“อะไรนะ?! ตอนนี้เนี่ยนะ รีบไปไหนอีกตั้งเดือนหน้า”
(เดือนหน้าก็จริง แต่เป็นต้นเดือน)
“ฮะ?! ทำไมต้องไปรับ ไม่ได้เป็นง้อยก็ขับรถไปเองสิ”
(นี่คือคำสั่ง! ม๊าแกโทรนัดไว้แล้ว ถ้าไม่ไปเดี๋ยวนี้หรือแกเล่นลิ้น ก็อย่าหวังจะได้มรดกสักแดงเดียว ฉันจะยึดบัตรแกให้หมด ยึดคอนโด ยึดธุรกิจที่แกสร้างมา ยึด! ยึด! ยึด!)
ปลายสายพูดจบก็วางสายทันทีโดยที่ชุนไม่ได้อ้าปากโต้ตอบใดๆ คำว่ายึดธุรกิจของเขายังก้องอยู่ในหู ที่เขากลัวที่สุดคือสิ่งนี้ เพราะเตี่ยสามารถดิสเครดิตของเขาได้ เท่ากับเขาจะทำธุรกิจอะไรก็ไม่ได้ นอกจากจะไปเป็นพ่อค้าขายข้าวแกงตามข้างทาง ชุนตบพวงมาลัยอย่างหัวเสีย ไม่เข้าใจว่าทำไมเตี่ยถึงได้ใจร้ายกับเขาขนาดนั้น
รถบีเอ็มคันหรูวนรถกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับเหยียบคันเร่งมิดไมล์ด้วยอารมณ์หงุดหงิด เส้นทางที่จะไปเปลี่ยนไปทันที ชุนยกโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาพร้อมกับกดโทรหารายชื่อที่คุ้นเคยทันที
“เส้นฟาง พี่ไม่ได้ไปหาแล้วนะคะ พอดีมีธุระด่วน”
.
.
.
..“สวัสดีครับม๊า”ชุนยกมือไหว้แม่ของต้นหยกที่เดินลงมาจากชั้นบนพร้อมลูกสาว ชุนปรายตามองต้นหยกเล็กน้อยก่อนจะหันไปยิ้มให้แม่ของเธอแทน แต่กลับทำหน้าบึ้งตึงใส่หญิงสาว“มาไวเหมือนกันนะเรา”“ครับ”“ม๊าฝากดูแลน้องด้วยนะ น้องพึ่งกลับมาจากประเทศจีนจำที่จำทางไม่ค่อยได้หรอก”“...ครับ”“ไปๆ ไปกันได้แล้ว”ชุนและต้นหยกพยักหน้าก่อนจะหันไปยกมือไหว้ลาผู้เป็นแม่แล้วเดินออกไปพร้อมกัน ที่ชุนเรียกแม่ของต้นหยกว่าม๊าก็เพราะว่าเขาเรียกแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ จึงเรียกติดปากมาจนโต ทั้งสองเดินไปที่รถของชุน แต่ชุนกลับเดินไปขึ้นรถทางคนขับทันทีไม่ได้เปิดประตูให้เธอแต่อย่างใด ต้นหยกมองตามชายหนุ่มก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูเองแล้วนั่งเงียบๆ เรียบร้อยรถแล่นออกไปโดยไม่มีคำพูดใดเลย ต้นหยกก็เอาแต่มองไปนอกหน้าต่างเพราะเธอรู้ว่าเขาไม่ได้อยากคุยกับเธอเท่าไหร่นัก ไหนจะสีหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่เจอเธออีก บรรยากาศภายในรถอึดอัดไปน้อย แต่ต้
..หลังจากวันนั้นชุนก็แวะเวียนมาที่บ้านของเธอบ้างเป็นครั้งคราว แต่มาทุกครั้งก็ดูไม่สบอารมณ์เสียเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะโดนบังคับเสียส่วนใหญ่ บ้างก็มากับเฮียตงและซิน บ้างก็มากับเตี่ยและม๊าของเขา จนถึงวันนี้ที่เป็นวันแต่งงานเขาก็ยังคงทำหน้าไม่รับแขกเช่นเดิม ต้นหยกและชุนยืนถ่ายรูปต้อนรับแขกอยู่หน้างานภายในงานเต็มไปด้วยรูปภาพพรีเวดดิ้งที่ดูชื่นมื่นของพวกเขา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ากว่าจะได้แต่ละภาพเล่นกินเวลาไปหลาย เพราะบางครั้งเขาก็ไม่ยอมมาถ่าย บางครั้งก็มาสายจนล่วงเลยเวลาที่จะได้ภาพสวยๆ ตามคอนเซ็ปต์ที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งตั้งใจไว้ งานแต่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายคอยเคี่ยวเข็ญต้นหยกยิ้มรับแขกอย่างอ่อนหวานและใบหน้าที่ดูเต็มไปด้วยความสุข เธอคิดว่าไม่ว่ายังไงเธอจะต้องมีความสุขในวันสำคัญในชีวิตของเธอ ระหว่างที่ยืนถ่ายรูปกับแขกในงานนั้น สายตาคมของชุนก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวในชุดสีขาวเหมือนชุดเจ้าสาวเดินเชิดเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มมอบให้ชายหนุ่มตรงหน้า ชุนอึ้งค้างก่อนจะรีบเดินตรงปรี่เข้าไปหาหญิงสาวสุดเซ็กซี่นั้น“เส้นฟาง ไหนพ
..“ไปนอนด้วยกันบนเตียงนี่แหละ”“ไม่ต้อง หยกนอนได้”“แต่ฉันนอนไม่ได้”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหยก”“มันไม่สบายใจ”“ไม่เป็นไรจริงๆ เฮีย หยกอยากนอนพื้นจริงๆ”ต้นหยกพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกจนชุนถึงกับเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งมองหญิงสาวที่ก้มหน้าไม่มองเขา แถมยังเกร็งตัวในอ้อมแขนเขาขนาดนี้ ชุนยกยิ้มก่อนจะวางร่างเธอลงบนเตียงแล้วคร่อมทับทันทีไม่ปล่อยให้เธอลุกหนีไปได้“ทำไม? ....กลัวฉันทำอะไร...เธองั้นหรอ?”ชุนมองต้นหยกพร้อมกับเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบก่อนจะมองไปทั่วเรือนร่างของเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ต้นหยกเบื่อนหน้าไปทางอื่นแต่แขนเรียวยังยกเกร็งพร้อมกับผลักอกแกร่งของเขา สีหน้าของเธอดูกังวลไม่น้อยนั่นยิ่งทำให้ชุนได้ใจไปกันใหญ่“ฉันแต่งมาแพง ก็ต้องคุ้มกับที่แต่งมาหน่อยสิ”มือหนาเลื่อนไปลูบไล้ใบหน้าอย่างแผ่วเบาก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจ
..ต้นหยกและอาลี่ช่วยกันเตรียมอาหารเช้าเพราะรู้ว่ายังไงชุนก็ต้องลงมาทานข้าวแล้วไปทำงาน ภรรยาสาวจัดโต๊ะอาหารและเตรียมกาแฟสำหรับผู้เป็นสามี ไม่ว่าเขาจะแสดงท่าทีต่อเธออย่างไร แต่เขาก็คือสามีที่เธอคิดจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ถึงชุนไม่ได้คิดเหมือนกันกับเธอก็ตาม ภรรยาสาวแอบหวังว่าสักวันเขาจะเห็นความรักของเธอที่มีต่อเขาบ้าง และนั่นอาจจะทำให้สามีเปลี่ยนใจเรื่องหย่าร้างชุนเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับพันเนคไทป์ให้ตนเองอย่างเร่งรีบ เพราะเขามีประชุมตอนเช้ากลัวว่าจะไปไม่ทันการณ์ต้นหยกที่หันไปเห็นก็รีบเข้าไปหาสามีหวังจะช่วยเขาผูกเนคไทป์ให้เรียบร้อย ชุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับจ้องมองภรรยาสาวอย่างสงสัย แต่ต้นหยกไม่ได้พูดอะไรและเอื้อมมือไปผูกเนคไทป์แทนชายหนุ่มหลุบตามองใบหน้าสวยที่ใกล้เข้าจนรู้สึกถึงลมหายใจโดยไม่คัดค้านการกระทำของเธอ กลิ่นกายหอมของภรรยาสาวโชยมาแตะที่ปลายจมูกจนเผลอเคลิ้มอยู่นาน ต้นหยกเงยหน้ามองชุนเล็กน้อยอย่างเขินๆ เพราะเธอผูกเนคไทป์ให้เขาเสร็จเรียบร้อยนานแล้ว แต่ผู้เป็นสามีกลับเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่วางตา"เอ่อ...เฮียชุน”
..ชุนและเส้นฟางที่แต่งตัวสวยเด่นดูแล้วเหมือนชุดคู่กันกับชุนราวกับคู่รักเดินควงแขนกันเข้าบ้านหลังใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเรือนหอก็เห็นต้นหยกนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ภรรยาสาวหันไปด้วยรอยยิ้มเมื่อรู้สึกว่าผู้เป็นสามีมารับเธอแล้ว ก่อนที่รอยยิ้มจะหุบลงทันทีที่เห็นชุนกับเส้นฟางเดินควงคู่กันมาอย่างไม่เกรงใจเธอสักน้อยแววตาที่ดีใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แม้สีหน้าของเธอจะดูเรียบนิ่งแต่ภายในใจกลับเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ สามีที่เธอตั้งใจแต่งงานด้วยความรักกลับควงหญิงอื่นต่อหน้าต่อตาเธอ อาลี่ที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ไกลจากต้นหยกนัก ลอบมองใบหน้าของผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดใจ“เป็นง้อยหรือไง ถึงกับต้องฟ้องเตี่ยสั่งให้ฉันมารับ”ชุนมาถึงก็พูดจาเหน็บแนม โดยไม่ให้เกียรติเธอเลย ทั้งที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่คนในบ้านอย่างเส้นฟาง ถึงเส้นฟางจะเป็นคนรักของเขาแต่ก็ไม่ใช่คนที่เธอรู้จักหรือสนิทสนมด้วย และอีกอย่างเธอคือภรรยาของเขาอย่างถูกต้อง ต้นหยกเลือกที่จะเงียบและไม่โต้ตอบใดๆ“อุ้ย...ไม่ยักกะรู้ว่าพอ
..“อาชุน!!”ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลธนกุลหรือเตี่ยเฟย เถ้าแก่เฟย ผู้เป็นพ่อได้เดินเข้าไปหาลูกชายคนเล็กของตระกูลอย่างอาชุน หรือชุน ที่ควงแขนหญิงสาวที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเข้างานมา สร้างความไม่พอใจให้กับเตี่ยเฟยเป็นอย่างมาก เพราะการที่เขาทำแบบนี้เหมือนไม่ให้เกียรติตระกูลเจริญกุลที่เป็นพันธมิตรกันมานานเลยแม้แต่น้อยชุนและผู้เป็นพ่อยืนประจันหน้ากันโดยที่ลูกชายไม่ได้สะทกสะท้านหรือมีใบหน้าสลดแต่อย่างใด ชุนยิ้มร้ายก่อนทำท่าแนะนำหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่เตี่ยเฟยยกมือห้ามเสียก่อน มีหรือที่ชุนจะยอมฟัง“นี่เส้นฟางเป็น.....”“........”สายตาของเตี่ยเฟยมองลูกชายตนเป็นเชิงดุ ชุนเห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเกิดความกังวลแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เขาก็ดูออก ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างผู้ชนะ“หึ...เป็นเพื่อนผมครับเตี่ย”“........”เตี่ยเฟยยังคงเงียบไม่ตอบพร้อมกับมองเส้นฟางที่ทำสีหน้
..ชุนแทบไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเส้นฟาง ถึงมันจะเป็นความคิดที่ดีแต่สำหรับเขาไม่ค่อยถูกใจนัก เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรเพื่อใส่ร้ายคนอื่นอย่างนั้น ถ้าจะทำก็ทำตรงๆ ไม่ใช่การใส่ร้าย และอีกอย่างยังไงต้นหยกก็เป็นภรรยาแต่งของเขา การจัดฉากใส่ร้ายภรรยาของตัวเองแบบนั้นไม่ใช่ลูกผู้ชายเสียเท่าไหร่“พี่ชุนว่าไงคะ?”“ไม่...ไม่ใช่ทางพี่”ชุนพูดจบก็เดินไปยังที่ที่ต้นหยกและฮ่องเต้ยืนอยู่โดยทิ้งเส้นฟางอ้าปากค้างและมองตามอยู่อย่างนั้น เส้นฟางไม่พอใจที่ชุนปฏิเสธแผนของเธอ จึงไม่ได้เดินตามไปแต่อย่างใด ชุนเดินไปถึงก็กล่าวทักทายแขกระดับวีไอพีพร้อมกับโอบเอวบางของต้นหยกเป็นเชิงแสดงความเป็นเจ้าของตัวจริง ต้นหยกมองไปที่มือหนาของเขาที่จับเอวเธอก่อนจะหันไปมองใบหน้าหล่อของชุนอย่างงุนงง ต้นหยกพยายามปัดมือของเขาออกแต่ชุนกลับไม่ยอมปล่อยและยังดึงเธอเข้ามาชิดตัวเองเบาๆ“คุณชุนโชคดีนะครับ ที่ได้คุณต้นหยกมาเป็นภรรยา เธอเก่งมากๆ เลย จนผมแทบจะอดใจร่วมหุ้นด้วยไม่ไหวเลยล่ะครับ”&ldqu
..“หึ...เงินสินะ...งั้นเอากับฉันสิ ได้มากกว่าสินสอดนั่นเยอะ! ไหนๆ ก็เอาตัวแลกอยู่แล้วนี่”“เฮียจะทำอะไร...เฮียชุน!!”ชุนผลักต้นหยกล้มลงไปนอนราบกับโซฟา ก่อนจะตามไปคร่อมทับร่างอรชรของต้นหยก มือเล็กที่ผลักดันอกแกร่งให้ออกห่างกลับถูกมือทั้งสองข้างของเขาล็อกไว้แน่น ต้นหยกเบิกตากว้างตัวของเธอสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้เฮียชุนที่เธอเคยรู้จักกลับไม่ใช่คนเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาช่างน่ากลัวเหลือเกินใบหน้าโน้มเข้าใกล้เรื่อยๆ ต้นหยกเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้เขาจาบจ้วงเธอไปมากกว่านี้ ชุนเห็นท่าทางของต้นหยกแบบนั้นก็ยกยิ้มก่อนจะก้มลงไปยังซอกคอขาวพร้อมกับใช้ปลายจมูกโด่งๆ ของเขาเกลี่ยซอกคอนั้นไปมาเหมือนหยอกเล่น ยิ่งเข้าใกล้เธอมากเท่าไหร่ตัวเขาเองที่จะอดใจไม่ไหวกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ลอยมาแตะปลายจมูกทำให้เขาแทบคลั่ง แต่เพราะร่างกายของเธอสั่นสะท้านเพราะความกลัวและเสียงสะอื้นที่เธอพยายามกลั้นไว้ มันทำให้เขาได้สติ“หึ....”“หยกขอร้อง...อย่าทำอะไรหยกเลยนะ”
..ไม่พูดเปล่า ชุนอุ้มต้นหยกขึ้นมาจากน้ำทั้งที่อะไรๆ ยังคงอยู่ที่เดิม ก่อนจะพาร่างของเธอไปวางตรงขอบอ่างที่ติดกำแพงทันที ชุนยกยิ้มร้ายเมื่อเห็นสีหน้าของต้นหยกที่แดงเรื่อขึ้นมา เมื่อเห็นรอยเชื่อมระหว่างเขาและเธอ...“เดี๋ยวก่อนสิคะ...อื้อ..”“เมื่อเฮียบอกเดี๋ยว หยกยังไม่ฟังเลย”“ก็...อ๊ะ! อ๊ะ!”ชุนไม่ฟังเสียงค้านของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าภรรยา ไม่สิ...ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขาอย่างเต็มตัวแล้ว เอวสอบโยกย้ายส่ายสะโพกเข้าออกตามใจ จนคนข้างใต้ถึงกับครางหวานไม่เป็นภาษา คำร้องห้ามถูกกลืนเข้าไปอีกครั้งเมื่อความกระสันซ่านเข้ามาแทนที่ เอวสอบพลิ้วไหวเข้าออกอย่างหนักหน่วงเนิบนาบเหมือนจงใจแกล้งเธอให้ทรมานเล่นชุนยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อต้นหยกเอื้อมมือเล็กไปจับที่สะโพกของเขาเหมือนเธอต้องการ แต่เขายังคงแกล้งกระแทกเข้าสุดออกสุดจนร่างบางเกร็งไปหมด การทำแบบนั้นทำให้เขาถึงกับขบกรามแน่นเพราะแรงตอดรัดจากช่วงล่างมันเพิ่มขึ้น“ฮืมมม...อย่ารัดเฮียแน่นนักสิคะ คนสวย...อา..”
..หลังจากที่เช็คอินด้านล่างเรียบร้อยทั้งสองเดินขึ้นมายังห้องพักที่สะอาดสะอ้านหรูหราไม่เบา แต่ติดตรงที่ห้องน้ำดันเป็นกระจกนี่สิ ต้นหยกมองห้องน้ำด้วยความช็อค...ไม่ใช่ไม่เคยเห็น.. แต่ไม่คิดว่าชุนจะเลือกห้องแบบนี้ ต้นหยกมองชุนตาปริบๆ และยังคงยืนอยู่ตรงทางเข้าเช่นเดิม ชุนนั่งลงบนเตียงก่อนจะหันไปมองต้นหยกที่ทำหน้าเหลอหลา เขายกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับตบเตียงข้างๆ ตนและมองไปทางต้นหยก“อะ...อะไรคะ?”“มานี่สิ”“เอ่อ....”ต้นหยกส่ายหน้ารัวๆ ก่อนจะเฉมองไปทางอื่น กลัวว่าเขาจะทำอะไรเหมือนเมื่อคืน แค่คิดก็ผวาและเธอยังปวดเอวอยู่เลย ที่เธอไม่ยอมไปตามที่เขาเรียกเพราะสายตาของเขาเจ้าเล่ห์เกินกว่าจะไว้ใจได้“กลัวอะไร? เราก็เคย...”“เฮียไม่ต้องพูดถึงได้ไหมคะ”“ทำไม? ก็เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้อง”“แต่หยกไม่ได้สมยอม”“แต่เธอยอมแต่งงานกับฉัน นั่นก็ถือว่ายอมแล้ว”ต้นหยกพูด
..สองร่างนอนแนบเนื้อเปลือยเปล่ากอดกันยันเช้า ชุนยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่องด้วยความเหนื่อยอ่อนหมดแรง แต่ต้นหยกก็ยังคงตื่นแต่เช้าเหมือนเช่นเคย เธอปล่อยสายน้ำไหลผ่านชะล้างร่างกายของตนด้วยความรู้สึกที่ตีกันวุ่นอยู่ในหัว เธอเสียใจที่เขาบังคับหักหาญน้ำใจเธอโดยที่เธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจไปกับเขาแต่อีกใจก็คิดว่ามันก็ถูกต้องแล้วเพราะเป็นหน้าที่ของผู้เป็นภรรยาควรที่จะกระทำ แต่ถึงอย่างนั้น...ใจก็ยังคงบอบช้ำอยู่ดี เมื่อคิดว่าชุนก็ไม่ได้รักเธอ เขาทำไปเพื่อสนองอารมณ์ของเขาเท่านั้น นั่นเจ็บยิ่งกว่า...ต้นหยกแต่งตัวตามปกติพยายามจะบอกตัวเองให้ฮึดสู้เข้าไว้ แม้จะมองรอยรักที่แดงช้ำอยู่ทั่วร่างก็ตามที ต้นหยกรีบใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดกว่าทุกวัน รอยไหนที่มันโผล่พ้นเสื้อผ้าก็จะใช้เครื่องสำอางปกปิดให้มันเบาบางลง แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะมันแดงช้ำจนไม่สามารถปกปิดมิดได้ ก่อนเธอจะเดินออกไปใส่บาตรกับอาลี่เหมือนเช่นทุกวัน“คุณหยกคะ? ...พระท่านมาแล้วค่ะ”“อ๋อ..จ้ะ”อาลี่เรียกต้นหยกที่ยืนเหม่ออยู่ก่อนที่
..“ใครก็ๆ ได้ช่วยด้วยค่ะ!!!”เสียงของเส้นฟางตะโกนดังลั่งตัวบ้านหลังจากที่กลิ้งลงบันไดไปนั่งพับเพียบกับพื้น ต้นหยกที่กำลังเดินลงมามองดูอยู่เงียบๆ ก่อนที่พวกลูกน้องและเจินจะวิ่งเข้ามา แต่เจินกลับไม่ได้เข้าไปช่วยแต่อย่างใด ยืนกอดอกมองเส้นฟางนิ่ง มีเพียงลูกน้องของชุนเท่านั้นที่ช่วยอุ้มไปนั่งที่โซฟาห้องรับแขกของบ้าน ต้นหยกส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินเอากล่องเครื่องมือปฐมพยาบาลไปยังบ้านเล็ก“เกิดอะไรขึ้น?”“เฮียไปดูเองเลยค่ะ”ชุนที่กำลังจะวิ่งไปที่บ้านใหญ่หยุดถามต้นหยกที่เดินสวนทางมา แต่ต้นหยกก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากนักเพราะไม่รู้จะพูดบอกยังไงดี กลัวจะโดนหาว่าเธอใส่ร้ายจึงบอกให้ชุนไปดูด้วยตาของตัวเอง ชุนขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ถามต่อ เขารีบเดินเข้าไป บ้านใหญ่ทันที ต้นหยกเองก็ไม่ได้สนใจเดินเข้าบ้านเล็กไปเช่นกัน“คุณหยกคะ เด็กคนนั้นฟื้นแล้วค่ะ”“อือ...ขอบใจนะ”อาลี่เดินออกจากห้องมาพอดีเพื่อที่จะไปเอ
..“น้องชื่ออะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”“หนูชื่อถิงค่ะ พ่อกับแม่ขายหนูให้กับเสี่ยพงษ์ ฮึกๆ ...มัน...ฮือๆ”หลังจากขึ้นรถมาได้ต้นหยกที่ย้ายไปนั่งข้างๆ เด็กสาวด้านหลังก็ได้ถามขึ้น ก่อนที่เด็กสาวจะตอบพร้อมน้ำตา ต้นหยกมองเด็กสาวด้วยความสงสาร ถึงแม้เธอจะพูดออกมาไม่หมดแต่ต้นหยกก็พอจะรู้ น้ำตาเอ่อคลอดวงตาสวยของต้นหยกเมื่อมองดูเด็กที่น่าจะอายุไม่เกินสิบแปดต้องมาเจออะไรแบบนี้“ไอ้เสี่ยพงษ์อีกแล้วหรอ?”“เฮียรู้จักหรอคะ?”“อืม...มันเปิดบ่อนและปล่อยเงินกู้นอกระบบ...”“แล้วทำไมเฮียถึงได้รู้ เฮียไม่ได้เกี่ยวข้องใช่ไหมคะ?”ต้นหยกถามพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง ชุนมองเห็นผ่านกระจกรถก่อนจะยกยิ้ม ในใจแอบดีใจพิลึกที่เธอดูเป็นห่วงเป็นใยเขาขนาดนี้“ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับมัน...แต่มีลูกน้องของฉันไปเอี่ยว พอฉันช่วยใช้หนี้ให้ลูกน้องคนนั้นเลยฝากเจินให้ฉันดูแล จนกว่าจะปลอดภัยถึงจะมารับกลับ”“เ
..“กินหรูแล้วดียังไงหรอคะ? ก็กินได้แค่พออิ่มอยู่ดี อีกอย่างสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุด้วย แค่ก๋วยเตี๋ยวถ้วยเดียวยังกินไม่หมดเลยด้วยซ้ำ”ชุนยกยิ้มกับคำตอบของต้นหยก ทั้งที่เธอเองก็มีเงินไม่น้อยแต่กลับเลือกกินอยู่อย่างง่ายๆ จนน่าแปลกใจ แต่เขากลับรู้สึกถูกใจในคำตอบนั้น เพราะสิ่งที่เธอพูดนั้นไม่ผิดเลยสักคำ ก่อนที่เขาจะนึกย้อนไปถึงเส้นฟางที่ทุกครั้งที่เธอจะกินอะไรสักมื้อมักจะหมดไปเป็นหมื่นๆ ต่อมื้อ แถมยังเหลืออาหารไว้เสียเต็มโต๊ะเพราะทานได้แค่นิดเดียว“ร้านข้างหน้าก็ได้ค่ะ หมี่เกี๊ยวร้านนี้อร่อย”“เอาจริง? ...”ถึงชุนจะถามออกไปอย่างนั้นก็ยอมตีไฟเลี้ยวจอดหน้าร้านหมี่เกี๊ยวข้างทางที่มีผู้คนมากมายมานั่งทาน ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆ มัธยมบ้าง มหาลัยบ้างและคนทำงานออฟฟิศใกล้ๆ เมื่อจอดรถเรียบร้อยต้นหยกก็ลงจากรถอย่างกระตือรือร้น แต่ชุนกลับมองร้านตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น สภาพร้านที่ดูเก่าแก่กับชายชราใส่ผ้ากันเปื้อนที่แถมมากับเครื่องดื่มและมีผ้าขาวพาดคอเพื่อเช็ดเหงื่อ&ldq
..ชุนและต้นหยกมาถึงบริษัทและเดินเข้ามาพร้อมกัน ฮ่องเต้มองทั้งสองที่เดินคุยกันมาถึงยังหน้าห้องทำงานก็รู้สึกไม่ค่อยชอบภาพนั้นเสียเท่าไหร่ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาเป็นแค่แอบรักข้างเดียวเท่านั้น ฮ่องเต้เลือกที่จะเดินเข้าไปทักทายทั้งคู่แทน“สวัสดีครับ คุณหยก...คุณชุน”“สวัสดีค่ะคุณฮ่องเต้”“เฮ้อ...ไม่ค่อยชอบบรรยากาศเลยแฮะ...เสียอารมณ์หมด”ชุนพูดขึ้นลอยๆ ซ้ำยังๆ ไม่หันไปมองหน้าฮ่องเต้เสียอีกแค่ปรายตามองเท่านั้น ฮ่องเต้ยิ้มบางๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจยิ้มนักก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้ต้นหยกแทน และเธอก็ยิ้มตอบตามมารยาท“เชิญครับคุณหยก วันนี้ผมจะสอนงานให้”“ขอบคุณนะคะ”ฮ่องเต้ผายมือไปทางห้องทำงานของเธอ ก่อนที่ต้นหยกจะเตรียมเข้าห้องไป แต่ชุนกลับคว้าแขนของเธอไว้เสียก่อน ต้นหยกหันไปมองชุนด้วยใบหน้าสงสัยเช่นเดียวกับฮ่องเต้ แต่ชุนก็ไม่ยอมพูดอะไรอยู่ดีกลับจับแขนเธอเอาไว้เฉยๆ อย่างนั้น“เฮียชุนมีอะไรหรื
..“ต้นหยกอยู่ไหม?”“อยู่ค่ะ...แต่คุณชุนปล่อยไว้แบบนั้นจะดีหรอคะ?”ชุนหันมองตามสายตาของอาลี่ก็ยังเห็นทั้งสองคนยังคงกัดกันไม่ปล่อย เขาหันกลับมาหาอาลี่อีกครั้งด้วยสีหน้าที่ดูหงุดหงิดมากเป็นพิเศษพร้อมกับสั่งเสียงแข็ง“ห้ามให้ใครเข้ามาบ้านเล็กแม้แต่คนเดียว”“ค่ะ...แต่ลี่คนเดียวคงจะต้านไม่ไหวแน่ๆ”“ไปบอกลูกน้องฉันที่ยืนอยู่ที่รถว่ามาเฝ้าที่นี่ ฉันจะจ่ายค่าล่วงเวลาให้”“ได้ค่ะ”อาลี่รับคำสั่งก่อนจะรีบเดินไปบอกลูกน้องของชุนที่กำลังจะขึ้นรถกลับและพวกเขาก็พยักหน้าแล้วเดินมายืนเฝ้าตรงทางเชื่อมบ้านใหญ่กับบ้านเล็ก ชุนเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาต้นหยกทันที เมื่อเขาเดินเข้ามาก็เห็ว่าต้นหยกกำลังนั่งนิ่งมองเหม่อออกไปยังสระบัวโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเขามา“ต้นหยก”ต้นหยกได้ยินเสียงของชุนก็หันกลับไปมองเขาก่อนจะลุกขึ้นอย่างระวังตัว แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ สายตาที่มองชุนน
..C.H Pubชุนจอดรถในที่ที่จอดรถสำหรับเจ้าของผับ ก่อนจะให้ทิปเด็กรับรถหนึ่งแบงค์เทาแล้วก้าวขายาวๆ ของตนเข้าไปด้านใน ตลอดทางต่างมีพนักงานที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการกล่าวทักทายเขา ชุนเพียงพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปในห้องทำงานของตน ก็พบว่ามีลูกน้องคนสนิทที่อายุมากกว่าเขารออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับลูกน้องหนุ่มอีกคนที่เขาให้ดูแลที่นี่แทนเวลาเขาไม่อยู่หรือไปดูงานที่อื่นชุนปรายตามองลูกน้องวัยกลางคนนั้นก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งพร้อมกับนั่งไขว่ห้างและมองชายตรงหน้าที่ดูร้อนรนจนสังเกตได้“รอบนี้ติดหนี้ที่ไหนล่ะ?”“ขอโทษครับคุณชุนที่ผมต้องคอยให้คุณชุนช่วย”“ถ้าสำนึกก็เลิกเล่นการพนันสิ”“ผมเลิกแล้วครับ เงินที่ให้ผมใช้หนี้ก่อนหน้านั้นผมก็เอาไปใช้หนี้จนหมดแล้ว”“แล้ว?”“แต่ไอ้เสี่ยพงษ์มันเหลี่ยม บอกว่าจ่ายแต่ต้นไม่ได้จ่ายดอก...”“เท่าไหร่?”“สามล้านครับ”