.
.
ชุนและเส้นฟางที่แต่งตัวสวยเด่นดูแล้วเหมือนชุดคู่กันกับชุนราวกับคู่รักเดินควงแขนกันเข้าบ้านหลังใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเรือนหอก็เห็นต้นหยกนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ภรรยาสาวหันไปด้วยรอยยิ้มเมื่อรู้สึกว่าผู้เป็นสามีมารับเธอแล้ว ก่อนที่รอยยิ้มจะหุบลงทันทีที่เห็นชุนกับเส้นฟางเดินควงคู่กันมาอย่างไม่เกรงใจเธอสักน้อย
แววตาที่ดีใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แม้สีหน้าของเธอจะดูเรียบนิ่งแต่ภายในใจกลับเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ สามีที่เธอตั้งใจแต่งงานด้วยความรักกลับควงหญิงอื่นต่อหน้าต่อตาเธอ อาลี่ที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ไกลจากต้นหยกนัก ลอบมองใบหน้าของผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดใจ
“เป็นง้อยหรือไง ถึงกับต้องฟ้องเตี่ยสั่งให้ฉันมารับ”
ชุนมาถึงก็พูดจาเหน็บแนม โดยไม่ให้เกียรติเธอเลย ทั้งที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่คนในบ้านอย่างเส้นฟาง ถึงเส้นฟางจะเป็นคนรักของเขาแต่ก็ไม่ใช่คนที่เธอรู้จักหรือสนิทสนมด้วย และอีกอย่างเธอคือภรรยาของเขาอย่างถูกต้อง ต้นหยกเลือกที่จะเงียบและไม่โต้ตอบใดๆ
“อุ้ย...ไม่ยักกะรู้ว่าพอแต่งงานแล้วจะทำเป็นใบ้ได้ด้วยนะคะ พี่ชุนถามพี่ต้นหยกก็ตอบเสียหน่อยก็ได้นี่คะ เพื่อไม่ให้เสียหน้าคนรับใช้ เดี๋ยวเขาจะว่าพี่หยกเอาได้ว่าไม่เคารพพี่ชุน”
“ฉันก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกันว่าเรื่องของคนในบ้านฉัน จะเป็นเรื่องของคนอื่นด้วย”
“ต้นหยก! พูดอะไรให้เกียรติเส้นฟางด้วย”
“ในฐานะอะไรหรอคะ? แขกของเฮียหรือว่าฐานะอะไรที่ภรรยาของเฮียต้องให้เกียรติ”
“นี่เธอไม่รู้จริงๆ หรอว่าฉันอยู่ในสถานะอะไร?”
ต้นหยกไม่ตอบที่เส้นฟางพูด แต่เธอกลับจ้องมองชุนด้วยแววตาที่เจ็บปวด ชุนเองก็ไม่ได้คิดจะปกป้องเธอเลยแม้แต่น้อย กลับปล่อยให้ชู้นอกบ้านมาเหยียดหยามเธอถึงในบ้าน เขาไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด
“ไม่เป็นไรค่ะเฮีย เดี๋ยวหยกไปงานเอง”
ต้นหยกผ่อนหายใจเพื่อระงับอารมณ์ที่ตีกันวุ่น ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ และเสียเกียรติ ก่อนจะเอ่ยตัดปัญหากับเรื่องการไปงานเลี้ยง โดยการที่เธอจะไปเอง ชุนเองก็แปลกใจไม่น้อยที่เธอยอมง่ายๆ เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะโวยวายลั่นกว่านี้ แต่ในใจเขากลับรู้สึกไม่พอใจอีกด้วยที่เธอเลือกที่จะงานเองแบบนั้น
“เธออยากให้เตี่ยด่าฉันอีกหรือไง?”
“แค่คำด่า...คงไม่ทำให้เฮียเจ็บหรอกค่ะ...การกระทำมากกว่าที่ทำให้เจ็บ”
ต้นหยกพูดตัดพ้อผู้เป็นสามีก่อนจะก้าวเท้าฉับๆ ไปยังลานจอดรถเพื่อที่จะขับรถไปเอง ชุนเห็นต้นหยกที่ยืนกรานจะไปงานเองก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ไปกว่าเดิม จึงเดินตามเธอออกไปโดยทิ้งให้เส้นฟางยืนงงและทำหน้าไม่พอใจอยู่อย่างนั้น เส้นฟางเห็นว่าทั้งคู่เดินออกไปก็คิดจะเดินออกไปขัดขวางแต่อาลี่กลับเดินเข้ามาขวางทางเธอเสียก่อน
“หลบไปนะ!! นังคนใช้!”
“ไม่ค่ะ! ให้ผัวเมียเขาได้คุยกันก่อน อย่าพึ่งไปสาระแนเลยค่ะ!”
“นังบ้านี่! แกว่าฉันหรอ!”
“ก็คุยกันอยู่สองคน จะให้ลี่ไปว่าผีกงเต๊กที่ไหนคะ?”
“กรี๊ดดดด!! แกลามปามว่าฉันเป็นผีจีนหรอ! เดี๋ยวก็ตบให้หายลามปามซะหรอก!”
“เอาสิคะ อีลี่สู้ตายล่ะคราวนี้! ไม่ใช่คนให้ค่าจ้างเสียหน่อย”
อาลี่พูดพร้อมกับถกแขนเสื้อขึ้นอย่างเตรียมพร้อม ทำให้เส้นฟางหน้าเหวอไปไม่น้อย ถ้าเกิดตบกับเด็กรับใช้ตอนนี้ชุนอาจจะมองเธอเปลี่ยนไปก็ได้ เธอจึงเลือกที่จะยืนหงุดหงิดร้อนรนอยู่กับที่แทน
อีกด้านหนึ่ง
“ต้นหยก!”
“..........”
“นี่! ต้นหยก!! หยุดเดี๋ยวนี้!”
ชุนกึ่งเดินกึ่งวิ่งพร้อมเรียกภรรยาสาวที่ไม่สนใจนเขาจนเดินมาถึงรถ ต้นหยกเตรียมจะขึ้นรถแต่ก็ถูกชุนกระชากแขนของเธอเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวหันมาหน้ามาประจันหน้ากับเขาตามแรงกระชาก เบ้าตาสวยอาบไปด้วยน้ำตาเต็มสองเบ้า ชุนมองนิ่งค้างจนลืมพูดสิ่งที่อยากจะพูดไปเสียหมด ตั้งแต่แต่งงานมาเขายังไม่เคยเห็นน้ำตาของเธอเลยสักครั้งไม่ว่าเขาจะต่อว่าเธอแรงแค่ไหน เธอก็ทำแค่พยายามใจเย็นและยอมมาตลอด
“เอ่อ....”
“ว่าไงคะ? มีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“...แล้วทำไมต้องบีบน้ำตากับเรื่องแค่นี้?”
“เรื่องไหนหรอคะที่ว่าแค่นี้?”
“ก็เรื่องไปงานเลี้ยง....”
“เรื่องนั้นหยกไม่ติด เฮียไม่ได้มารับหยกก็ไปเองได้ แค่โทรมาบอก หยกไม่ได้เสียใจเลยถ้าต้องไปเอง เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“แล้วร้องไห้ทำไม?”
“ตั้งแต่แต่งงานมาหยกไม่เคยยุ่งเรื่องของเฮียหรือแม้แต่จะถามอะไรเฮียเลย...นั่นคือหยกเคารพเฮียที่เป็นสามี”
ต้นหยกพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับกลั้นลูกสะอื้น ดวงตาแดงก่ำเคล้าคลอไปด้วยน้ำตาอย่างห้ามไม่อยู่ แม้แต่เธอจะร้องไห้เธอยังกลัวว่าเขาจะมองว่าน่ารำคาญเลยด้วยซ้ำ ชุนขมวดคิ้วมองภรรยาสาวอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ต้นหยกจึงเลือกที่จะไม่อธิบายต่อ เพราะอธิบายไปก็เท่านั้น เธอจึงแกะมือชุนที่เกาะกุมเธอไว้ออกเบาๆ พร้อมกับเตรียมจะเนรเทศตัวเองออกจากสายตาของเขา
“ถ้าฉันมีคนอื่นแล้วรับไม่ได้ก็หย่าสิ”
ต้นหยกหันไปมองต้นเสียงที่อยู่ๆ พูดขึ้นมาอย่างไม่สำนึก เธอเม้มปากแน่นพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลรินลงมาอีกระลอก พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
“ค่ะ...แล้วหยกจะเอามันเก็บไปคิดและปรึกษาป๊าม๊า เพราะยังไงเราก็ไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรกันมากกว่าทะเบียนสมรส”
ชุนชะงักไปเล็กน้อยที่การเจรจากับเธอมันช่างง่ายดายนัก แต่ก็ไม่ทันได้หายข้องใจต้นหยกก็ขึ้นรถและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ชุนมองตามรถคันหรูจนลับตา แม้จะได้ยินว่าเธอจะคิดเรื่องหย่าแต่เขากลับไม่หายหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย
“โธ่เว้ย! เป็นบ้าอะไรของกูวะ!”
ชุนสบถและก่นด่าตัวเองพร้อมกับเตะก้อนหินเล็กที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อระบายความหงุดหงิด เขาไม่ได้มีอะไรกับเธอเสียหน่อย และเขาไม่ใช่เจ้าของของเธออย่างแท้จริง ทำไมถึงต้องรู้สึกเหมือนไม่อยากหย่าทั้งที่เขาเองเป็นคนที่คัดค้านการแต่งงานและต้องการจะหย่าเอง ภายในหัวปวดจี๊ดขึ้นมาเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้แต่นึกไม่ออก เขาเหมือนหลงลืมอะไรบางอย่างไป...
ชุนสะบัดศีรษะไปมาและบอกตัวเองว่าเลิกคิดก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าเพื่อระงับอารมณ์แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อไปตามเส้นฟางให้ไปงานเลี้ยง เมื่อเขาเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าไปในบ้านก็เห็นเส้นฟางนั่งไขว่ห้างรออยู่ตรงโซฟารับแขกก่อนที่เธอจะหันมามองเขา
“พี่ชุน ทำไมคุยกันนานจังคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ”
ชุนพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปจับมือของเส้นฟางและพากันไปที่รถ การกระทำของชุนนั้นได้อยู่ในสายตาของอาลี่ที่ยืนเฝ้าเส้นฟางในตอนแรกเพื่อไม่ให้ไปกวนเจ้านายของตน ก่อนที่อาลี่จะส่ายหัวไปมาเมื่อมองคนทั้งคู่เดินลับตาไป
“คุณผู้ชายไม่น่าโง่นะ หรือโดนทำของใส่?”
อาลี่พูดพร้อมกับทำท่าครุ่นคิดก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอต้องโทรรายงานเตี่ยเฟยเกี่ยวกับเรื่องภายในบ้านให้รับรู้ตลอดเวลา อาลี่นึกขึ้นได้ดังนั้นจึงรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์แล้วโทรหาเตี่ยเฟยทันที
งานเลี้ยงรวมบริษัท
งานเลี้ยงใหญ่จัดในโรงแรมระดับหกดาวอย่างหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม หรืออาหารล้วนแต่เป็นอาหารชั้นเลิศและหน้าตาอาหารสวยงามสมระดับ ทุกอย่างทุกพิธีการจัดขึ้นมาอย่างสมเกียรติของตระกูลแม่งานทั้งสอง แขกเหรื่อในงานมากมายล้วนแต่คุณมีฐานะทั้งนั้น หรือไม่ก็เป็นผู้บริหารของบริษัทที่จะได้รับเชิญมา รวมถึงสื่อสำนักข่าวต่างๆ ก็มาร่วมสัมภาษณ์และถ่ายทอดบรรยากาศในงานอย่างล้นหลาม
ต้นหยกเดินเข้ามาในงานอย่างสง่าผ่าเผยในชุดราตรีรัดรูปทันสมัยไม่โป๊เปลือยแหวกเว้ามากจนเกินงาม ชุดเดรสซีทรูแขนยาวทรงยาวสวยของเธอแหวกสูงขึ้นมาถึงต้นขาไม่มากนักเวลาเดิน เครื่องประดับเพชรพลอยสมฐานะพร้อมกระเป๋าใบจิ๋วที่ถืออยู่ดีเข้ากันและดูดีมีสง่าราศีไปหมด
ไหนจะกิริยามารยาทท่าทางการเดินเหมือนอย่างนางพญาที่ทำให้ชายหนุ่ม ชายใดในงานต่างพากันมองจ้องเธอเป็นตาเดียว เธอเดินผ่านไปใกล้ใครกลิ่นกายหอมอ่อนๆ อวบอลเหมือนดอกไม้ที่อยากจะดอมดมอีกก็ลอยไปแตะจมูกทั้งชายและหญิงจนเผลอเคลิ้มมองตามเหลียวหลังกันเป็นแถบ ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเพียงเล็กน้อยกลับดูสวยเด่นกว่าใครในงาน
“นี่สินะ ที่เขาเรียกว่างามราวกับหยกจักรพรรดิ”
หลายกลุ่มผู้บริหารและแขกเหรื่อคนมีฐานะต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมกับมองต้นหยกอย่างชื่นชม ถ้าไม่ติดว่าต้นหยกแต่งงานแล้วพวกเขาคงไม่วายพาลูกชายไปสู่ขอเธอเป็นแน่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลเจริญกุลถึงส่งเธอไปเรียนต่อที่ประเทศจีนแล้วหายหน้าหายตาไปเสียนาน
ต้นหยกเดินเข้าไปหาครอบครัวของตนและสามีพร้อมกับยกมือไหว้อย่างสวยงามและสวมกอดผู้เป็นแม่อย่างคิดถึง ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับครอบครัวของสามีอย่างตระกูลธนกุลที่ยืนรวมตัวกับครอบครัวของตนอยู่ไม่ไกลจากเวทีนัก
“วันนี้ต้นหยกก็สวยสง่าเหมือนเดิมเลยนะ”
“เฮียตงก็ชมเกินไป เดี๋ยวซินก็เขม่นเอาหรอกค่ะ”
“ไม่เลยๆ เพราะต้นหยกสวยจริงๆ”
“ซินก็สวยกว่าเดิมอีก สงสัยเฮียตงเลี้ยงดี”
ต้นหยกพูดแซวเพื่อนสาวที่เป็นภรรยาของเฮียตงลูกชายคนโตของตระกูลธนกุลด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่ทั้งสามคนคุยกันป๊าม๊าและเตี่ยเฟยม๊าเพ่ยแม่ของเฮียตงและชุนมองไปยังประตูทางเข้าเหมือนมองหาอะไรสักอย่างก่อนม๊าเพ่ยจะหันไปถามต้นหยกอย่างสงสัยเมื่อไม่เห็นลูกชายคนเล็กหรือสามีของต้นหยก
“อาหยกไม่ได้มาพร้อมอาชุนหรอลูก”
“เฮอะ...ลูกชายตัวดีของลื้อกำลังจะสร้างน่ะสิ”
เตี่ยเฟยพูดพร้อมชักสีหน้าแล้วหันไปทางม๊าเพ่ยแล้วส่ายหัว ก่อนที่ทุกคนจะได้ถามอะไรต่อ ชุนและเส้นฟางเดินควงแขนกันเข้ามางานมาท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อในงานที่ต่างพากันตกใจไม่น้อยกับภาพที่เห็น แต่เส้นฟางก็ไม่ได้แคร์สายตาใครเชิดหน้าเดินเคียงข้างชุนอย่างเปิดเผย แต่คนที่ทนดูไม่ได้น่าจะเป็นเตี่ยเฟยกับเฮียตงเสียมากกว่า
“อาชุน!!”
.
.
..“อาชุน!!”ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลธนกุลหรือเตี่ยเฟย เถ้าแก่เฟย ผู้เป็นพ่อได้เดินเข้าไปหาลูกชายคนเล็กของตระกูลอย่างอาชุน หรือชุน ที่ควงแขนหญิงสาวที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเข้างานมา สร้างความไม่พอใจให้กับเตี่ยเฟยเป็นอย่างมาก เพราะการที่เขาทำแบบนี้เหมือนไม่ให้เกียรติตระกูลเจริญกุลที่เป็นพันธมิตรกันมานานเลยแม้แต่น้อยชุนและผู้เป็นพ่อยืนประจันหน้ากันโดยที่ลูกชายไม่ได้สะทกสะท้านหรือมีใบหน้าสลดแต่อย่างใด ชุนยิ้มร้ายก่อนทำท่าแนะนำหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่เตี่ยเฟยยกมือห้ามเสียก่อน มีหรือที่ชุนจะยอมฟัง“นี่เส้นฟางเป็น.....”“........”สายตาของเตี่ยเฟยมองลูกชายตนเป็นเชิงดุ ชุนเห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเกิดความกังวลแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เขาก็ดูออก ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างผู้ชนะ“หึ...เป็นเพื่อนผมครับเตี่ย”“........”เตี่ยเฟยยังคงเงียบไม่ตอบพร้อมกับมองเส้นฟางที่ทำสีหน้
..ชุนแทบไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเส้นฟาง ถึงมันจะเป็นความคิดที่ดีแต่สำหรับเขาไม่ค่อยถูกใจนัก เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรเพื่อใส่ร้ายคนอื่นอย่างนั้น ถ้าจะทำก็ทำตรงๆ ไม่ใช่การใส่ร้าย และอีกอย่างยังไงต้นหยกก็เป็นภรรยาแต่งของเขา การจัดฉากใส่ร้ายภรรยาของตัวเองแบบนั้นไม่ใช่ลูกผู้ชายเสียเท่าไหร่“พี่ชุนว่าไงคะ?”“ไม่...ไม่ใช่ทางพี่”ชุนพูดจบก็เดินไปยังที่ที่ต้นหยกและฮ่องเต้ยืนอยู่โดยทิ้งเส้นฟางอ้าปากค้างและมองตามอยู่อย่างนั้น เส้นฟางไม่พอใจที่ชุนปฏิเสธแผนของเธอ จึงไม่ได้เดินตามไปแต่อย่างใด ชุนเดินไปถึงก็กล่าวทักทายแขกระดับวีไอพีพร้อมกับโอบเอวบางของต้นหยกเป็นเชิงแสดงความเป็นเจ้าของตัวจริง ต้นหยกมองไปที่มือหนาของเขาที่จับเอวเธอก่อนจะหันไปมองใบหน้าหล่อของชุนอย่างงุนงง ต้นหยกพยายามปัดมือของเขาออกแต่ชุนกลับไม่ยอมปล่อยและยังดึงเธอเข้ามาชิดตัวเองเบาๆ“คุณชุนโชคดีนะครับ ที่ได้คุณต้นหยกมาเป็นภรรยา เธอเก่งมากๆ เลย จนผมแทบจะอดใจร่วมหุ้นด้วยไม่ไหวเลยล่ะครับ”&ldqu
..“หึ...เงินสินะ...งั้นเอากับฉันสิ ได้มากกว่าสินสอดนั่นเยอะ! ไหนๆ ก็เอาตัวแลกอยู่แล้วนี่”“เฮียจะทำอะไร...เฮียชุน!!”ชุนผลักต้นหยกล้มลงไปนอนราบกับโซฟา ก่อนจะตามไปคร่อมทับร่างอรชรของต้นหยก มือเล็กที่ผลักดันอกแกร่งให้ออกห่างกลับถูกมือทั้งสองข้างของเขาล็อกไว้แน่น ต้นหยกเบิกตากว้างตัวของเธอสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้เฮียชุนที่เธอเคยรู้จักกลับไม่ใช่คนเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาช่างน่ากลัวเหลือเกินใบหน้าโน้มเข้าใกล้เรื่อยๆ ต้นหยกเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้เขาจาบจ้วงเธอไปมากกว่านี้ ชุนเห็นท่าทางของต้นหยกแบบนั้นก็ยกยิ้มก่อนจะก้มลงไปยังซอกคอขาวพร้อมกับใช้ปลายจมูกโด่งๆ ของเขาเกลี่ยซอกคอนั้นไปมาเหมือนหยอกเล่น ยิ่งเข้าใกล้เธอมากเท่าไหร่ตัวเขาเองที่จะอดใจไม่ไหวกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ลอยมาแตะปลายจมูกทำให้เขาแทบคลั่ง แต่เพราะร่างกายของเธอสั่นสะท้านเพราะความกลัวและเสียงสะอื้นที่เธอพยายามกลั้นไว้ มันทำให้เขาได้สติ“หึ....”“หยกขอร้อง...อย่าทำอะไรหยกเลยนะ”
..ต้นหยกหันไปพูดกับชุนด้วยแววตาเจ็บปวด แต่ก็เพียงครู่เดียวก่อนจะหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อแม้จะช้าก็ตาม แต่เธอจะไม่ร้องขอให้เขาช่วยเธออีกเด็ดขาด ตัดกันให้จบๆ ไป ไม่ต้องเหลือสักเศษเสี้ยวความรู้สึก ชุนเห็นอย่างนั้นก็รู้หงุดหงิดจึงเดินเข้าไปช้อนตัวของเธออุ้มขึ้นอีกครั้ง“เฮียจะทำอะไร? ปล่อย”“อย่าเล่นตัว”ชุนพูดแค่นั้นก็อุ้มเธอลงไปยังรถที่จอดอยู่โดยมีเส้นฟางยืนรออยู่ก่อนแล้ว เส้นฟางเห็นชุนอุ้มต้นหยกลงมาก็เกิดความไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงทำหน้ามุ่ย เส้นฟางเปิดประตูข้างหลังให้ชุนมองเส้นฟางครู่หนึ่งเพราะเขาตั้งใจจะให้ต้นหยกนั่งข้างหน้าข้างๆ เขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร พาต้นหยกไปนั่งข้างหลังอย่างที่เส้นฟางต้องการเท่านั้นเส้นฟางยิ้มอย่างพอใจก่อนจะพาตัวเองไปนั่งข้างคนขับ รถแล่นออกไปจากคฤหาสน์หรู และตรงดิ่งไปยังบ้านของพวกเขาที่ไม่ไกลนัก เพราะชุนตั้งใจว่าจะพาต้นหยกไปส่งแล้วไปนอนคอนโดกับเส้นฟาง เมื่อรถแล่นมาถึงบ้านหลังใหญ่ชุนก็จอดรถก่อนจะรีบลงจากรถเพื่อไปพยุงต้นหยกเส้นฟางไวกว่าเห
..ชุนอุ้มต้นหยกมานั่งลงบนเตียง มือเล็กของเธอพยายามปิดบังส่วนหน้าอกและต้นขาทั้งสองข้างอย่างเคอะเขิน วันนี้เขาอุ้มเธอหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้บรรยากาศกลับเริ่มกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเสียอย่างนั้น แม้กระทั่งสายตาที่ลอบมองเธอก็ดูไม่ปกติ มันแตกต่างจากทุกครั้งที่เขามักจะมองเธอด้วยแววตาแข็งกร้าวดุดันชายหนุ่มจับข้อเท้าที่บวมแดงของหญิงสาวก่อนจะบรรจงทายาและพันผ้าไว้อย่างดี เขายังเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่เงยหน้ามองต้นหยกที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย เพราะเธอมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวปิดคลุมร่างไว้เท่านั้น ถึงเขาจะดูใจร้ายหรือโหดร้ายไปบ้าง แต่สิ่งที่เขาไม่เคยทำคือขืนใจถ้าผู้หญิงไม่ยอม และส่วนใหญ่จะยอมเขาทั้งนั้น“ขอบคุณค่ะ”“อืม...ฉันให้เวลา 10นาทีแต่งตัวซะ ฉันจะออกไปรอข้างนอก”“........”“ถ้ายังแต่งตัวไม่เสร็จ ฉันก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”“หมายความว่าไง?”“ความอดทนของคนทุกคนมีขีดจำกัด”ชุนพูดจบก็เดินออกจากห้องอีกครั้งโดยไม่
..รถแล่นมาจอดยังบริษัทในที่จอดรถของผู้บริหาร ไม่ทันที่ชุนจะได้ดับเครื่องดีต้นหยกก็เปิดประตูลงจากรถทันทีไม่รีรอ พร้อมกับสาวเท้าเข้าไปข้างในตัวตึกโดยไม่พูดกับชุนสักคำ ชายหนุ่มทำได้แค่มองตามหลังเธอไปเท่านั้น ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าบริษัทตามเธอไปต้นหยกเดินเข้าไปยังหน้าห้องทำงานของเฮียตง เพราะระหว่างทางเธอได้โทรนัดเขาไว้แล้วว่าจะเข้ามาทำงานในบริษัท ฮ่องเต้ที่ยืนอยู่ก่อนหน้าก็รีบเดินเข้ามาทักทายเธอทันที“สวัสดีครับคุณต้นหยก”“สวัสดีค่ะ...คุณก็มาหรอคะ?”“ครับ เถ้าแก่เฟยให้ผมเข้ามาเป็นเลขาของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่อช่วยงานน่ะครับ”“อ๋อ ค่ะ”“เชิญข้างในครับ เถ้าแก่กับคุณตงรออยู่”ฮ่องเต้พูดพร้อมกับผายมือไปยังหน้าห้องเพื่อเชิญให้เธอเข้าไปทั้งคู่มองกันแล้วยิ้มให้กันตามปกติ แต่คนที่ดูยืนล้วงกระเป๋ามองทั้งคู่อยู่ข้างหลังกับรู้สึกไม่ชอบใจนัก ยิ่งได้ยินว่าฮ่องเต้จะมาเป็นเลขาของภรรยาสาวก็ยิ่งหงุดหงิด ทั้งที่เตี่ยเฟยก็รู้ว่าเขาพึ่งมีประเด็นกับฮ่องเ
..“ผมชอบคุณต้นหยกครับ”เสียงสายลมพัดผ่านแทรกกลางระหว่างยคนทั้งคู่ ต้นหยกไม่ได้ตอบรับความรู้สึกนั้นแต่อย่างใด เพราะตอนแรกเธอคิดว่าที่ฮ่องเต้ทำไปเพราะแค่ไม่ชอบชุน แค่อยากจะยั่วโมโหชุนเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาสารภาพกับเธอแบบนั้น ในหัวคงยังสับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งไม่เข้าใจ และไม่รู้ว่าตอนไหนที่เขาจะมีความรู้สึกให้เธอ เพราะเธอแค่เจอเขาเพียงสองครั้ง แถมยังไม่ได้พูดอะไรกันมากมายนัก“คะ? ...คุณฮ่องเต้...มั่นใจหรอคะ? อาจจะแค่ชื่นชม...”“มั่นใจครับ...เพราะผม...ชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้ว”ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะที่เขาพูดนั้นเรื่องจริง ความจริงเขาแอบสืบเรื่องเธอมาก่อนแล้วตั้งแต่ที่เตี่ยเฟยป่าวประกาศไปทั่วบริษัทว่าชุนจะแต่งงานกับลูกสาวคนเดียวของเถ้าแก่เฉิน จึงไม่แปลกที่เขาจะอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร เพราะฮ่องเต้คิดว่าเป็นหญิงสาวที่เขาพาเข้าบริษัทบ่อยๆ อย่างเส้นฟาง แต่กลับกลายเป็นลูกเพื่อนสนิทมิตรสหายของเตี่ยเฟยซะอย่างนั้นตั้งแต
..C.H Pubชุนจอดรถในที่ที่จอดรถสำหรับเจ้าของผับ ก่อนจะให้ทิปเด็กรับรถหนึ่งแบงค์เทาแล้วก้าวขายาวๆ ของตนเข้าไปด้านใน ตลอดทางต่างมีพนักงานที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการกล่าวทักทายเขา ชุนเพียงพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปในห้องทำงานของตน ก็พบว่ามีลูกน้องคนสนิทที่อายุมากกว่าเขารออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับลูกน้องหนุ่มอีกคนที่เขาให้ดูแลที่นี่แทนเวลาเขาไม่อยู่หรือไปดูงานที่อื่นชุนปรายตามองลูกน้องวัยกลางคนนั้นก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งพร้อมกับนั่งไขว่ห้างและมองชายตรงหน้าที่ดูร้อนรนจนสังเกตได้“รอบนี้ติดหนี้ที่ไหนล่ะ?”“ขอโทษครับคุณชุนที่ผมต้องคอยให้คุณชุนช่วย”“ถ้าสำนึกก็เลิกเล่นการพนันสิ”“ผมเลิกแล้วครับ เงินที่ให้ผมใช้หนี้ก่อนหน้านั้นผมก็เอาไปใช้หนี้จนหมดแล้ว”“แล้ว?”“แต่ไอ้เสี่ยพงษ์มันเหลี่ยม บอกว่าจ่ายแต่ต้นไม่ได้จ่ายดอก...”“เท่าไหร่?”“สามล้านครับ”
..เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด!!!“อ๊า อ๊า อื้อ”สะโพกพลิ้วสวนกระแทกหนักหน่วงและรุนแรงขึ้นจนเตียงโยกไปมา เสียงครางของเขาและเธอสลับกับเสียงของเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดตามด้วยเสียงกระทบของเนื้อหน้าขาและบั้นท้ายงอนงาม บทเพลงรักที่ยาวนานจนเกิดเสียงฉ่ำแฉะอยู่กึ่งกลางของทั้งสองร่างที่เชื่อมต่อกันไม่มีหลุด แม้ว่าจะโยกเข้าออกจนสุดก็ไม่อาจจะทำให้ทั้งสองร่างหลุดออกจากกันความเสียวซ่านเริ่มรุนแรงทวีคูณถาโถมเข้ามาหาคนทั้งสอง มือหนาบีบคลึงเต้าตึงไม่พัก ส่วนมืออีกข้างเอื้อมไปจับที่หัวเตียงยึดรั้งตัวไว้ก่อนจะเร่งสะโพกพลิ้วกระแทกเข้าสุดอย่างรุนแรงและถี่ยิบ ต้นหยกกำหมอนไว้แน่นเพื่อระบายความเสียวและจุกช่องท้องไปหมด“อ๊า อ๊า อ๊า...อ๊ะ อ๊ะ!!”“ฮื่มมมม...อา”สะโพกรัวซอยถี่ยิบคิ้วเข้มขมวดชนกันแน่น ยิ่งกระแทกเข้าออกยิ่งทำให้รู้สึกเสียวซ่านจนตัวเกร็ง ความหนักหน่วงของแรงกระแทกไม่ได้แผ่วลงเลย คนใต้ร่างร้องครางเหมือนใจจะขาด ก่อนที่ทั้งสองร่างจะกระดุกเกร็งปลดปล่อยความเสียวกระสันพ
..หลังจากที่ต้นหยกออกไปส่งเฮียตงและซินกลับมา เธอก็เดินมาหาชุนแล้วทำท่าหยิบกระเป๋าของตน ชุนนอนคะแคงเท้าศีรษะอย่างงงๆ ว่าต้นหยกจะไปไหน“จะไปไหนหรอคะ?”“หยกว่าจะไปหาอะไรมาให้ทานน่ะค่ะ แล้วว่าจะกลับเลย”“ได้ไง...ไม่อยู่เฝ้าหรอ?”ชุนพูดพร้อมกับหน้าน่าสงสาร ต้นหยกมองสีหน้าของเขาก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ที่ชุนเข้าใจผิด แต่ว่าเธออยากจะแกล้งคนตรงหน้าเสียหน่อย เพราะเธอเองก็โดนเขาแกล้งมาเยอะ เห็นทีจะต้องเอาคืนบ้างแล้ว“เฝ้าทำไมคะ? ก็เห็นบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่บอกหมอให้ทำแผลดูโอเว่อร์เท่านั้น พรุ่งนี้หยกต้องไปทำงานไม่มีเวลามาเยี่ยมนะคะ อาจจะมาเย็น”“สามีเป็นขนาดนี้ไม่อยู่ดูแลหน่อยหรอ...งานน่ะหยกไม่ทำก็ได้นะ เฮียเลี้ยงได้ เฮียดูแลหยกได้”“ดูแลตัวเองไปก่อนนะคะ หายดีค่อยมาดูแลหยกเนอะ”“โธ่..หยก”ชุนเอื้อมมือไปจับแขนเธอเขย่าเบาๆ พร้อมกับทำหน้าออดอ้อนน่าสงสารสุดฤทธิ์ ต้นหยกอดที่จะหัวเราะออ
..“เอ่อ...ยะ...หยก...ใจเย็นๆ ก่อน”ต้นหยกเดินเข้าไปใกล้ชุนพร้อมกับหน้าเขาด้วยสายตานิ่งเรียบ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจจนชุนถึงกับหุบยิ้มแทบจะทันที เพราะตอนแรกเธอคิดมากมายว่าจะดูแลยังไงต้องศึกษาอะไรบ้างเพื่อให้เขากลับมาเดิน เธอวางแผนทุกอย่างไว้ในหัว แต่กลับมารู้ความจริงแบบนี้ ชุนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กแต่ต้นหยกกลับหันหลังแล้วเดินไปในทันที“ต้นหยก! โอ๊ยยย!!!”“คนไข้! อย่าพึ่งลุกสิครับ”ชุนรีบลุกขึ้นอย่างลืมตัวก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพร้อมร้องลั่น มือเอื้อมไปจับที่ข้างลำตัว เพราะมันตรึงแผลที่อยู่ด้านหลัง ต้นหยกตอนแรกที่ไม่คิดจะหันกลับพลางคิดว่าเขาคงลองใจเธออีก แต่พอได้ยินเสียงบุรุษพยาบาลเธอก็รีบหันกลับไปมองแล้ววิ่งเข้าไปหาชุนทันที ต้นหยกพยุงเขาลุกขึ้นจากพื้นโดยมีบุรุษพยาบาลช่วยอีกแรงเพี๊ยะ!!“โอ๊ย! หยกตีเฮียทำไมเนี่ย”“อยากดื้อทำไมล่ะคะ คนบ้านี่! ลองใจอะไรก็ไม่รู้...คนเขาเป็นห่วงนะ&rdquo
..ต้นหยกและชุนเดินออกมาจากลิฟท์ของบริษัทก่อนจะเดินไปยังลานจอดรถโดยที่ชุนไม่แม้แต่จะยอมปล่อยมือที่จับมือต้นหยกไว้เลย ต้นหยกเองก็เขินไม่น้อย คำพูดที่เขาบอกรักยังคงก้องอยู่ในหัวเด่นชัด ใครจะไม่ใจอ่อนไหว การกระทำตลอดเกือบหนึ่งเดือนเต็มที่เขาตามตื้อตามง้อและทำหลายๆ เพื่อเธอโดยไม่บ่นสักคำ แต่...มันจะดีแค่ช่วงแรกรักหรือเปล่านะ ต้นหยกเองก็แอบกังวลเช่นกัน คงต้องดูกันไปอีกยาว นั่นหมายความว่าเธอจะลองให้โอกาสเขาอีกสักครั้งนั่นเอง“ไปหาอะไรกินกันไหมคะ? เพราะเมื่อกี้กินบะหมี่ไปนิดเดียวเองไม่ใช่หรอ?”“ก็เพราะใครล่ะคะ”“เฮียก็หิวเหมือนกันนะคะ”“ไม่เหมือนกันสักหน่อย”ต้นหยกหันไปทำหน้าดุแต่ใบหน้าของเธอกลับแดงเรื่อด้วยความเขิน นึกว่าตัวเองจะตายเสียแล้ว นี่สินะที่เขาบอกว่าอย่าปล่อยให้สามีหิวมากๆ ชุนมองต้นหยกแล้วหัวเราะออกมา อย่างน้อยเธอก็ยอมใจอ่อนแล้วทั้งสองเดินไปพลางหยอกล้อกันโดยไม่ได้สนใจรอบๆ ตัวเลย เหมือนโลกทั้งใบมีแต่พวกเขาจนลืมสังเกตหญิงสาวที่เดินตามหลังพวกเขามาติด
..“เส้นฟาง...เธอมาทำอะไรที่นี่?”“ฟางคิดถึงพี่ชุนมากๆ เลยค่ะ”เส้นฟางเดินเข้าไปกอดชุนแน่น ชุนตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของเธอ เพราะตั้งแต่เธอออกจากบ้านไป เส้นฟางไม่เคยติดต่อกลับมาหาเขาเลยสักครั้ง แล้วอยู่ๆ เธอก็โผล่มา คงไม่ใช่เพราะคิดถึงจริงๆ หรอก แต่คงจะเป็นเพราะเงินที่เขาให้ไปก่อนออกจากบ้านหมดแล้วเป็นแน่“คุณเส้นฟาง ปล่อยผม”“ทำไมถึงพูดห่างเหินแบบนั้นล่ะคะ พี่ชุนไม่รักฟางแล้วจริงๆ หรอคะ?”ชุนพูดพร้อมกับพยายามดันตัวของเส้นฟางออกด้วยมือข้างที่เหลืออยู่ แต่เส้นฟางกอดเขาแน่นไม่ยอมเป็นปล่อย จนเขาต้องออกแรงผลักเธออย่างแรงจนเซล้มไปกับพื้น เส้นฟางหันไปมองหน้าชุนพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ ชุนเห็นอย่างนั้นก็ทำท่าว่าจะเข้าไปช่วยแต่ก็ชะงัก ถ้าเขาใจดีเธอคงไม่คิดจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่ ชุนจึงตัดสินใจเลือกที่จะเดินผ่านเธอไปอย่างเงียบๆ“พี่ชุน!! ทำไมถึงได้ใจร้ายกับฟางแบบนี้!!”ชุนหยุดชะงักครู่หนึ่งแต่ไม่หันกลั
..หลังจากที่ทานอาหารกันเรียบร้อย ทุกคนก็ต่างแยกย้ายไปอาบน้ำและเข้าห้องนอนของตัวเอง ชุนเอนตัวลงนอนบนโซฟาหลังจากอาบน้ำเสร็จ และแน่นอนว่าโซฟามันไม่ได้นอนสบายอย่างที่คิดเลย แต่เขาก็ต้องอดทนให้ได้ และคิดว่าเดี๋ยวก็คงจะชินไปเอง ไฟในบ้านถูกปิดจนมิดสนิท ชุนนอนเอาแขนก่ายหน้าผากพลางคิดวิธีง้อต้นหยก ก่อนที่เขาจะหลับตาลงเพื่อพักสายตาเสียหน่อยผ่านไปได้พักหนึ่ง เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาก็ดังขึ้นและเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ชุนที่หลับตาอยู่นิ่งไม่ขยับรอฟังเสียงฝีเท้านั้นอย่างเงียบๆ ไม่นานเสียงนั้นก็หยุดลงข้างๆ ที่เขานอน ก่อนจะรู้สึกถึงบางอย่างที่สัมผัสร่างกาย ผ้าห่มที่เขาร่นไว้ตรงขาได้เลื่อนขึ้นมาบนตัวเขาจนถึงอก ชุนยกยิ้มก่อนจะคว้าข้อมือเล็กที่จับผ้าห่มอยู่นั้นกระชากลงมาเข้าหาตน“อ๊ะ!!! เฮียชุน!! ยังไม่หลับทำไมต้องแกล้งหลับด้วย”“ถ้าไม่แกล้งหลับจะรู้หรอว่ามีคนจะลักหลับเฮีย”“บ้า! ปล่อยนะคะ!”ชุนยังคงกอดต้นหยกที่เซล้มลงมาบนตัวเขาไว้แน่น ถึงแม้จะมืดแต่เขาจำกลิ่นตัวของเธอได้ดี ต้นหยกดิ้นขลุกขลักอยู
..“อ้าว...แล้วทำไมมึงไม่พูดล่ะ”“ก็บอกแล้วไง ว่าพูดไม่ออก...มันยากนะเว้ยเฮีย”ชุนหันไปพูดกับเฮียตงหลังจากที่มาปรึกษาเรื่องทั้งหมด เขาสิงสถิตอยู่ที่นี่เป็นชั่วโมง เพื่อขอวิธีบอกรักง่ายๆ แต่กลับโดนเฮียตงถามย้ำอยู่อย่างนั้นจนถึงตอนนี้“ก็กูถึงถามเป็นรอบที่ล้านอยู่นี่ไงว่าทำไมไม่พูด แค่พูดมันยากตรงไหน?”“ผมก็ตอบรอบที่ล้านไปแล้วไงเฮีย ปรึกษาได้เรื่องไหมล่ะวันนี้”“ติดตรงไหน? ไหนมึงลองบอกกูดิ”“ติดตรงปากนี่แหละ อีกอย่างต้นหยกก็ไม่คิดจะฟัง หนีผมอย่างเดียว”“มึงก็พูดออกไปเลยสิวะ จะฟังไม่ฟังก็เรื่องของเขา”“ก็บอกอยู่นี่ไงว่าพูดไม่ออก”“พี่น้องคู่นี้จะทะเลาะกันอีกนานไหมล่ะเนี่ย หือ?”ซินเดินเข้ามาพร้อมกับจานขนมและชา ก่อนจะวางของว่างนั้นแล้วนั่งลงข้างๆ เฮียตง ชุนทิ้งตัวเอนหลังพร้อมกับหยิบขนมเข้าปากอย่างเซ็งๆ ซินส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดขึ้น&ldq
..หลังจากที่ชุนได้ฟังฟังเฮียตงเทศนามหาชาติแล้วก็รีบขับรถตรงดิ่งมายังบ้านของตน ก่อนจะรีบร้อนวิ่งเข้าไปในบ้าน ในใจภาวนาว่าต้นหยกจะยังไม่ออกไป อาลี่เห็นชุนกลับเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปรับพร้อมกับทำหน้าเศร้า“นายหญิงล่ะ?”“ไปแล้วค่ะ ไปพร้อมกับถิง”“แล้วทำไมไม่ห้ามไว้ล่า”“ลี่ถามแล้วค่ะ แต่คุณหยกบอกว่าจะแวะมาเยี่ยมบ่อยๆ ฮึกๆ”อาลี่พูดพร้อมกับปาดน้ำตาและร้องไห้กระซิกๆ ชุนมองไปทั่วบ้านด้วยความหงุดหงิดก่อนจะรีบเดินออกจากบ้านแล้วขึ้นรถที่จอดไว้พร้อมกับขับออกไปอย่างรวดเร็ว เขาต้องไปในที่ที่ต้นหยกอยู่ ไม่ว่าเธอจะออกมาเจอหน้าเขาหรือไม่ก็ตามชุนขับรถตรงมายังบ้านป๊ากับม๊าของต้นหยก ก่อนจะจอดรถแล้วรีบเดินเข้าบ้านไป ก็เห็นว่าป๊ากับม๊านั่งทำสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่ห้องรับแขก แต่กลับไม่เห็นต้นหยกนั่งอยู่ด้วย ชุนจึงเดินเข้าไปหาทั้งสองคน ป๊าเฉินกับม๊าซิ่วเงยหน้าขึ้นมองชุนด้วยความตกใจเล็กน้อย ชุนมองทั้งสองก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วยกมือไหว้ด้วยสายตาที่ดูเศร้าสร้อย 
..“ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกับพ่อ”เจินอึ้งนิ่งค้างเมื่อชัยพูดขึ้น ในใจรู้สึกหวั่นอยู่ไม่น้อยแต่ก็คิดหาทางออกไม่ได้ ทำได้แต่ยืนนิ่ง ก่อนจะรีบคว้าแขนของผู้เป็นพ่อพร้อมกับมองด้วยสายตาร้องขอ ชัยเบือนหน้าหนีไม่กล้ามองหน้าลูกสาวของตนเพราะกลัวจะใจอ่อนอีก“ฉันจะออกค่าใช้จ่ายที่ต้องตรวจให้ ตรวจให้ครบทุกตารางนิ้วทุกโปรแกรม”ชุนพูดเสียงนิ่งเรียบและหนักแน่น ก่อนจะหยิบเช็กเงินสดที่เตรียมไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของตนออกมา ยื่นให้ลูกน้องของตน ชัยก้มมองตัวเลขบนเช็กก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายตน“ทำไมมันมากขนาดนี้ล่ะครับ? ผมไม่กล้ารับไว้หรอกคุณชุน แค่นี้ผมก็รู้สึก...”“ให้ค่าเสียเวลา...และค่าเลี้ยงดูลูกของมึง กูอยากให้มึงเลี้ยงดูมันให้ดี ไม่ให้ไปทำเรื่องแบบนี้อีก”“เจินไม่ไปนะคะคุณชุน เจินขอโทษ...อย่าไล่เจินออกไปจากบ้านนี้เลยนะคะ เจินจะไม่ทำอีกแล้ว”เจินแทบจะคุกเข่าตรงหน้าชุน พร้อมกับขอร้อ