.
.
ต้นหยกและอาลี่ช่วยกันเตรียมอาหารเช้าเพราะรู้ว่ายังไงชุนก็ต้องลงมาทานข้าวแล้วไปทำงาน ภรรยาสาวจัดโต๊ะอาหารและเตรียมกาแฟสำหรับผู้เป็นสามี ไม่ว่าเขาจะแสดงท่าทีต่อเธออย่างไร แต่เขาก็คือสามีที่เธอคิดจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ถึงชุนไม่ได้คิดเหมือนกันกับเธอก็ตาม ภรรยาสาวแอบหวังว่าสักวันเขาจะเห็นความรักของเธอที่มีต่อเขาบ้าง และนั่นอาจจะทำให้สามีเปลี่ยนใจเรื่องหย่าร้าง
ชุนเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับพันเนคไทป์ให้ตนเองอย่างเร่งรีบ เพราะเขามีประชุมตอนเช้ากลัวว่าจะไปไม่ทันการณ์ ต้นหยกที่หันไปเห็นก็รีบเข้าไปหาสามีหวังจะช่วยเขาผูกเนคไทป์ให้เรียบร้อย ชุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับจ้องมองภรรยาสาวอย่างสงสัย แต่ต้นหยกไม่ได้พูดอะไรและเอื้อมมือไปผูกเนคไทป์แทน
ชายหนุ่มหลุบตามองใบหน้าสวยที่ใกล้เข้าจนรู้สึกถึงลมหายใจโดยไม่คัดค้านการกระทำของเธอ กลิ่นกายหอมของภรรยาสาวโชยมาแตะที่ปลายจมูกจนเผลอเคลิ้มอยู่นาน ต้นหยกเงยหน้ามองชุนเล็กน้อยอย่างเขินๆ เพราะเธอผูกเนคไทป์ให้เขาเสร็จเรียบร้อยนานแล้ว แต่ผู้เป็นสามีกลับเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่วางตา
"เอ่อ...เฮียชุน”
“...อืม....”
ชุนได้สติก็รีบขานรับก่อนจะเฉสายตามองไปทางอื่นแก้เก้อ เขามองไปยังโต๊ะอาหารที่เธอจัดเตรียมไว้ให้และหลุบตามองต้นหยกที่ยืนยิ้มบางๆ ให้เขา ชายหนุ่มยังคงทำสีหน้าเรียบนิ่ง เขาไม่ชอบใจเลยที่เธอพยายามจะเอาใจเขาเหมือนคาดหวังบางอย่าง
“ฉันไม่กิน...ทีหลังไม่ต้องเตรียมให้ฉัน”
“เฮียชุน...”
“เย็นนี้มีงานเลี้ยงรวมบริษัทของสองตระกูลอย่างที่เธอตั้งใจอยากให้เป็น เตรียมตัวให้พร้อมอย่าให้ฉันขายหน้า”
“...ค่ะ”
“รู้สึกยังไงล่ะ...งานที่เธอรอคอย...หึ...ร่วมหุ้นตระกูลธนกุลที่มีทรัพย์สินหมื่นล้านได้ง่ายๆ โดยลูกสาวคนเดียวของตระกูลเจริญกุลเอาตัวเข้าแลก”
“เฮียชุน! จะว่าก็ว่าหยกคนเดียวเถอะค่ะ อย่าว่าถึงตระกูลของหยกเลย ยังไงเฮียก็ยังนับถือป๊ากับม๊าของหยกใช่ไหมล่ะคะ?”
“ใช่! จริงสินะ! ถึงตระกูลดี อบรมลูกดี แต่ลูกสาวไม่ดีก็อยู่ที่ตัวลูกสาวไม่ใช่ตระกูล...ว้าว...เธอก็ดูฉลาดนะเนี่ย”
“...ไปทำงานเถอะค่ะ สายแล้ว”
ต้นหยกตัดบทกับสามีหนุ่มที่หาเรื่องเธอตั้งแต่เช้าตรู่ หญิงสาวพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธเคืองกับคำพูดไม่ดีของเขาที่มีต่อเธอ ชุนเห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มพร้อมกับหัวเราะในลำคออย่างชอบใจที่ท่าทีของภรรยาสาวเปลี่ยนไป ดูไม่ใจเย็นเหมือนก่อนหน้า และเขายังมองว่าเธอเริ่มเผยธาตุแท้ของตนเองขึ้นมาแล้ว
“ทีหลังก็อย่าแสร้งทำเป็นดีเหมือนนางเอกในละคร...มันน่ารำคาญ”
“.......”
ชุนพูดจบก็เดินออกจากบ้านไปทิ้งให้ต้นหยกยืนเสียใจกับคำพูดของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าสามีอย่างเขา ความเสียใจเริ่มเกาะกุมเข้าในใจลึกลงไปเรื่อยๆ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็มองว่าเธอเอาตัวแลกเงินและอำนาจอยู่ดี
“ไม่เป็นไรนะคะนายหญิง...”
“อือ...ไม่ต้องห่วงหรอกอาลี่”
“ถึงลี่จะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณผู้ชายถึงทำท่ารังเกียจคุณหนูแบบนั้น แต่ลี่เชื่อว่าสักวันคุณผู้ชายจะมองเห็นในสิ่งที่นายหญิงทำค่ะ”
หลังจากที่อาลี่ยยืนมองสถานการณ์อยู่นานก็พูดปลอบใขเจ้านายตนพร้อมกับกุมมือต้นหยกไว้แน่นอย่างเห็นใจ ต้นหยกเองก็หันมายิ้มบางๆ ให้สาวใช้คนสนิทและพยักหน้า อาลี่มองเห็นว่าที่สิ่งที่ต้นหยกทำให้ชุนนั้นเธอทำไปด้วยความรักจริงๆ แต่ชุนกลับคิดเป็นอื่นเสียอย่างนั้น
“อ้อ...อาลี่ ช่วงบ่ายไปเดินห้างกัน”
“ได้สิคะ ตั้งแต่ลี่มาทำงานอยู่ในตระกูลธนกุล ลี่ยังไม่เคยออกไปไหนเลยค่ะนายหญิง”
“เรียกหยกเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องเรียกนายหญิงหรอก”
“งั้นเรียกคุณหยกดีกว่าค่ะ เพราะยังไงลี่ก็อายุน้อยกว่า”
ต้นหยกยิ้มและพยักหน้าให้สาวใช้ อาลี่ยิ่งแสดงสีหน้าดีใจที่จะได้ออกไปข้างนอกเหมือนเด็กที่แม่อนุญาตให้ออกไปเล่น อาลี่ประคองนายหญิงของตนไปนั่งที่โต๊ะทานข้าว พร้อมกับตักข้าวต้มให้เธอทาน
อาลี่มองดูต้นหยกแล้วยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เพราะตอนแรกเธอคิดว่าเตี่ยเฟยส่งเธอมาดูแลนายหญิงของชุนแล้วนายหญิงจะเป็นคนนิสัยไม่ดีเสียอีก แต่ตอนนี้กลับโล่งใจที่ต้นหยกเป็นคนน่ารักและรักบริวารของตน แถมยังใจดีมากๆ อีกด้วย ไม่ได้ถือตัวอย่างที่คิดไว้เลย
หลังทานข้าวเสร็จสองสาวนายบ่าวก็ช่วยกันเก็บจานชามและทำงานบ้าน แม้อาลี่จะห้ามปรามนายหญิงของตนแต่ต้นหยกกลับพูดว่าช่วยๆ กันจะได้เสร็จไวไว และไม่ฟังเสียงปรามของสาวใช้เลย ก่อนที่ทั้งสองจะออกไปเลือกชุดตอนบ่ายอย่างสนุกสนาน แถมต้นหยกยังซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอางให้อาลี่อีกด้วย
ทั้งสองสาวเดินเล่นเพลินจนเวลาล่วงเลยมาเกือบจะเย็น ก่อนที่ทั้งสองจะพากันกลับบ้านเพื่อไปเตรียมตัวไปงานเลี้ยงรวมบริษัทของสองตระกูล โดยมีอาลี่คอยช่วยแต่งตัวให้
16:30 คอนโดของเส้นฟาง
ภายในคอนโดหรูที่ถูกตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงและดูทันสมัย ชายหนุ่มนั่งจิบไวน์ไปพร้อมกับคิดอะไรไปพลาง โดยมีหญิงสาวใบหน้าสวยและดูอ่อนหวานไร้เดียงสา แต่รูปร่างของเธอกลับดูอวบอึ๋มเซ็กซี่ไม่หยอกเลยคอยคลอเคลียเขาอยู่อย่างออดอ้อน
“พี่ชุนคะ? วันนี้ก็จะไม่ใส่ใจฟางสักหน่อยหรอคะ?”
“พี่ก็ใส่ใจอยู่นี่ไงคะ ถึงได้มาอยู่ที่นี่”
“เดี๋ยวพี่ชุนก็ทิ้งให้ฟางอยู่คนเดียวอยู่ดี...”
“พี่บอกแล้วว่าให้ฟางไปด้วยไงคะ”
“ไปดีไหมน้า...”
ชุนหันมายิ้มพร้อมกับจับปลายคางมนเชิดขึ้นให้มองหน้าเขา ซึ่งเส้นฟางที่เห็นอย่างนั้นก็ถึงกลับปฏิเสธสายตาคมนั้นได้เลย หญิงสาวหลบสายตาของชายหนุ่มเหมือนหยั่งเชิง ชุนเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นท่าทีเหมือนลองใจเขาว่าจะเข้าหาเธอหรือไม่
“ไม่อยากไปหรอคะ?”
“ไปในฐานะอะไรล่ะคะ? เมียลับๆ หรือเมียน้อย”
“โธ่...โอ๋ๆ นะคะ พี่มีเส้นฟางคนเดียวทั้งใจเลยนะ”
“พิสูจน์สิคะ...ตั้งแต่แต่งงานพี่ชุนไม่แตะต้องฟางเลยด้วยซ้ำ ขนาดคืนแรกที่เข้าหออุตส่าห์มาหาฟางยังแค่นอนกอดเลย”
เส้นฟางพูดด้วย้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจพร้อมกับยู่หน้ามือกอดอกแล้วหันไปทางอื่น มีหรือที่ชุนจะไม่ง้อเธอ เขาจับไหล่เพรียวทั้งสองข้างให้หันมาทางตน ก่อนจะจ้องมองเข้าไปนัยน์ตาของหญิงสาว
“คิดถึงพี่หรอคะ?”
“คิดถึงสิคะ คิดถึงจะแย่”
ชุนพร้อมอย่างพอใจก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เมื่อเส้นฟางเห็นว่าเขายอมจำนนต่อคำหลอกล่อของเธอก็เกี่ยวแขนเรียวที่คอหนาของชุนทันที ใบหน้าสวยเชิดขึ้นรอรับสัมผัสที่เขากำลังจะมอบให้อย่างเต็มใจ
ครืดดดด ครืดดดด
ไม่ทันที่จะได้ลิ้มรสจูบหวานที่รอคอยก็มีเสียงสั่นของโทรศัพท์ชุนดังขึ้น ชายหนุ่มผงะตัวออกเล็กน้อยพร้อมกับมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างขัดใจ ถ้าเป็นสายอื่นเขาจะรีบปิดโทรศัพท์แล้วสานต่อสิ่งที่ค้างไว้ แต่ทว่าปลายสายกลับเป็นผู้ที่มีสิทธิ์เซ็นมรดกและยึดกิจการของเขา เส้นฟางมองหน้าจอนั้นพร้อมกับกลอกตามองบนอย่างไม่พอใจ แล้วยอมผงะตัวเองจากชุนเพื่อให้เขาได้รับโทรศัพท์
“ครับ เตี่ย”
ชุนรีบรับสายก่อนจะเดินออกไปคุยริมระเบียง เส้นฟางมองตามหลังชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก แต่ถ้าเขาไม่รับโทรศัพท์มันอาจจะทำให้เรื่องบานปลายจนทำให้ชุนถูกตัดจากกองมรดกได้ เธอจึงยอมอดกลั้นนั่งจิบไวน์รอเพื่อไม่ให้เป็นผลเสีย
(ลื้ออยู่ไหน ไอ้ลูกไม่รักดี)
“เตี่ยมีอะไรหรือเปล่า ผมมาธุระข้างนอก”
(ธุระของลื้อคือไปขลุกอยู่กับชู้น่ะเหรอ...เสร็จงานแทนที่จะกลับบ้านทำหน้าที่สามี)
“เตี่ยพูดธุระของเตี่ยมาเลยดีกว่า ผมไม่อยากฟัง และอีกอย่างเส้นฟางไม่ใช่ชู้ เธอเป็นแฟนผมอยู่ก่อนแล้ว”
(ไม่ชู้ยังไง ลื้อแต่งงานแล้วก็ต้องถอยห่างยอมแพ้ไปสิ ไม่ใช่ยังมาถ่างขาให้ลื้ออยู่แบบนี้ ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขาเลือกทำ)
“แล้วผู้หญิงดีๆ ที่ไหนยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อเงินอย่างลูกสะใภ้เตี่ยบ้าง?”
(ไอ้ลูกเวร! ทำไมลื้อมันโง่อย่างนี้ มีตาไม่แววเสียชาติเกิดชายชาตรีจริงๆ)
“ถ้าเตี่ยแค่โทรมาด่า งั้นผมวางนะ”
(ถ้าวางลื้อก็ไม่ต้องมาเรียกอั๊วว่าเตี่ย! กลับบ้านไปรับอาหยกมางานเลี้ยงเดี๋ยวนี้! ถ้าอั๊วโทรไปถามอาหยกอีกทีแล้วลื้อยังไม่ถึงบ้านเห็นดีกับอั๊วแน่!)
ชุนขมวดคิ้วแน่นอีกครั้งเมื่อได้ยินที่พ่อของตนพูดเหมือนกับว่าต้นหยกเป็นคนบอกว่าเขายังไม่เข้าบ้าน ภายในใจก็นึกคาดโทษต้นหยกทันทีด้วยความรู้สึกรำคาญ และยังคิดว่าเธอช่างฟ้องและจุ้นจ้านเรื่องของเขา
“อ๋อ...ที่เตี่ยรู้เพราะลูกสะใภ้เตี่ยโทรไปฟ้องนี่เอง หึ.....”
(ไอหย๋า...ซีซั้วต่าน่า...ลื้อใช้อะไรคิดวะ อาหยกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลื้อเสร็จงานแล้ว ถ้าอั๊วไม่โทรไปอาหยกอีจะรู้ไหม?)
“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนลูกสะใภ้สุดที่รักหรอก”
(ยังไงก็ต้องไปรับอาหยกมางานพร้อมกัน นี่คือคำสั่ง)
“หึ...ได้...ได้เลยครับเตี่ย”
(ดีๆ พูดให้มันง่ายอย่างนี้ซีวะ)
พูดจบปลายสายก็ตัดสายไป ชุนเหม่อมองออกอย่างไม่มีจุดหมายด้วยสายตามาดร้ายพร้อมกับความคิดที่จะเอาคืนต้นหยกโดยไม่สนใจคำพูดของเตี่ยที่บอกว่าต้นหยกไม่รู้เรื่องด้วย ไม่ว่ายังไงเขาก็จะโยนความผิดทั้งหมดที่ทำให้ชีวิตของเขาเกิดความวุ่นวายขึ้นให้กับเธออยู่ดี
เส้นฟางที่นั่งรออยู่ก็เห็นว่าชายหนุ่มเดินออกมาคุยโทรศัพท์นานแล้วจึงเดินออกไปหา ก็เห็นเขายืนเหม่ออยู่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง เธอจึงเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มจากด้านหลังอย่างแนบแน่น ชุนหันไปหาเส้นฟางก่อนจะยิ้มบางๆ ให้เธอ แล้วจับไหล่เพรียวทั้งสองข้างแน่น ก่อนจะโน้มตัวลงไปมองใบหน้าของหญิงสาวชัดๆ สายตาคมดูดุดันกว่าปกติที่เธอเคยเห็น
“ไปแต่งตัว...แล้วไปกับพี่”
“คะ? ...ตอนนี้เลยหรอคะ?”
.
.
.
..ชุนและเส้นฟางที่แต่งตัวสวยเด่นดูแล้วเหมือนชุดคู่กันกับชุนราวกับคู่รักเดินควงแขนกันเข้าบ้านหลังใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเรือนหอก็เห็นต้นหยกนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ภรรยาสาวหันไปด้วยรอยยิ้มเมื่อรู้สึกว่าผู้เป็นสามีมารับเธอแล้ว ก่อนที่รอยยิ้มจะหุบลงทันทีที่เห็นชุนกับเส้นฟางเดินควงคู่กันมาอย่างไม่เกรงใจเธอสักน้อยแววตาที่ดีใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แม้สีหน้าของเธอจะดูเรียบนิ่งแต่ภายในใจกลับเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ สามีที่เธอตั้งใจแต่งงานด้วยความรักกลับควงหญิงอื่นต่อหน้าต่อตาเธอ อาลี่ที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ไกลจากต้นหยกนัก ลอบมองใบหน้าของผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดใจ“เป็นง้อยหรือไง ถึงกับต้องฟ้องเตี่ยสั่งให้ฉันมารับ”ชุนมาถึงก็พูดจาเหน็บแนม โดยไม่ให้เกียรติเธอเลย ทั้งที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่คนในบ้านอย่างเส้นฟาง ถึงเส้นฟางจะเป็นคนรักของเขาแต่ก็ไม่ใช่คนที่เธอรู้จักหรือสนิทสนมด้วย และอีกอย่างเธอคือภรรยาของเขาอย่างถูกต้อง ต้นหยกเลือกที่จะเงียบและไม่โต้ตอบใดๆ“อุ้ย...ไม่ยักกะรู้ว่าพอ
..“อาชุน!!”ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลธนกุลหรือเตี่ยเฟย เถ้าแก่เฟย ผู้เป็นพ่อได้เดินเข้าไปหาลูกชายคนเล็กของตระกูลอย่างอาชุน หรือชุน ที่ควงแขนหญิงสาวที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเข้างานมา สร้างความไม่พอใจให้กับเตี่ยเฟยเป็นอย่างมาก เพราะการที่เขาทำแบบนี้เหมือนไม่ให้เกียรติตระกูลเจริญกุลที่เป็นพันธมิตรกันมานานเลยแม้แต่น้อยชุนและผู้เป็นพ่อยืนประจันหน้ากันโดยที่ลูกชายไม่ได้สะทกสะท้านหรือมีใบหน้าสลดแต่อย่างใด ชุนยิ้มร้ายก่อนทำท่าแนะนำหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่เตี่ยเฟยยกมือห้ามเสียก่อน มีหรือที่ชุนจะยอมฟัง“นี่เส้นฟางเป็น.....”“........”สายตาของเตี่ยเฟยมองลูกชายตนเป็นเชิงดุ ชุนเห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเกิดความกังวลแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เขาก็ดูออก ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างผู้ชนะ“หึ...เป็นเพื่อนผมครับเตี่ย”“........”เตี่ยเฟยยังคงเงียบไม่ตอบพร้อมกับมองเส้นฟางที่ทำสีหน้
..ชุนแทบไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเส้นฟาง ถึงมันจะเป็นความคิดที่ดีแต่สำหรับเขาไม่ค่อยถูกใจนัก เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรเพื่อใส่ร้ายคนอื่นอย่างนั้น ถ้าจะทำก็ทำตรงๆ ไม่ใช่การใส่ร้าย และอีกอย่างยังไงต้นหยกก็เป็นภรรยาแต่งของเขา การจัดฉากใส่ร้ายภรรยาของตัวเองแบบนั้นไม่ใช่ลูกผู้ชายเสียเท่าไหร่“พี่ชุนว่าไงคะ?”“ไม่...ไม่ใช่ทางพี่”ชุนพูดจบก็เดินไปยังที่ที่ต้นหยกและฮ่องเต้ยืนอยู่โดยทิ้งเส้นฟางอ้าปากค้างและมองตามอยู่อย่างนั้น เส้นฟางไม่พอใจที่ชุนปฏิเสธแผนของเธอ จึงไม่ได้เดินตามไปแต่อย่างใด ชุนเดินไปถึงก็กล่าวทักทายแขกระดับวีไอพีพร้อมกับโอบเอวบางของต้นหยกเป็นเชิงแสดงความเป็นเจ้าของตัวจริง ต้นหยกมองไปที่มือหนาของเขาที่จับเอวเธอก่อนจะหันไปมองใบหน้าหล่อของชุนอย่างงุนงง ต้นหยกพยายามปัดมือของเขาออกแต่ชุนกลับไม่ยอมปล่อยและยังดึงเธอเข้ามาชิดตัวเองเบาๆ“คุณชุนโชคดีนะครับ ที่ได้คุณต้นหยกมาเป็นภรรยา เธอเก่งมากๆ เลย จนผมแทบจะอดใจร่วมหุ้นด้วยไม่ไหวเลยล่ะครับ”&ldqu
..“หึ...เงินสินะ...งั้นเอากับฉันสิ ได้มากกว่าสินสอดนั่นเยอะ! ไหนๆ ก็เอาตัวแลกอยู่แล้วนี่”“เฮียจะทำอะไร...เฮียชุน!!”ชุนผลักต้นหยกล้มลงไปนอนราบกับโซฟา ก่อนจะตามไปคร่อมทับร่างอรชรของต้นหยก มือเล็กที่ผลักดันอกแกร่งให้ออกห่างกลับถูกมือทั้งสองข้างของเขาล็อกไว้แน่น ต้นหยกเบิกตากว้างตัวของเธอสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้เฮียชุนที่เธอเคยรู้จักกลับไม่ใช่คนเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาช่างน่ากลัวเหลือเกินใบหน้าโน้มเข้าใกล้เรื่อยๆ ต้นหยกเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้เขาจาบจ้วงเธอไปมากกว่านี้ ชุนเห็นท่าทางของต้นหยกแบบนั้นก็ยกยิ้มก่อนจะก้มลงไปยังซอกคอขาวพร้อมกับใช้ปลายจมูกโด่งๆ ของเขาเกลี่ยซอกคอนั้นไปมาเหมือนหยอกเล่น ยิ่งเข้าใกล้เธอมากเท่าไหร่ตัวเขาเองที่จะอดใจไม่ไหวกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ลอยมาแตะปลายจมูกทำให้เขาแทบคลั่ง แต่เพราะร่างกายของเธอสั่นสะท้านเพราะความกลัวและเสียงสะอื้นที่เธอพยายามกลั้นไว้ มันทำให้เขาได้สติ“หึ....”“หยกขอร้อง...อย่าทำอะไรหยกเลยนะ”
..ต้นหยกหันไปพูดกับชุนด้วยแววตาเจ็บปวด แต่ก็เพียงครู่เดียวก่อนจะหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อแม้จะช้าก็ตาม แต่เธอจะไม่ร้องขอให้เขาช่วยเธออีกเด็ดขาด ตัดกันให้จบๆ ไป ไม่ต้องเหลือสักเศษเสี้ยวความรู้สึก ชุนเห็นอย่างนั้นก็รู้หงุดหงิดจึงเดินเข้าไปช้อนตัวของเธออุ้มขึ้นอีกครั้ง“เฮียจะทำอะไร? ปล่อย”“อย่าเล่นตัว”ชุนพูดแค่นั้นก็อุ้มเธอลงไปยังรถที่จอดอยู่โดยมีเส้นฟางยืนรออยู่ก่อนแล้ว เส้นฟางเห็นชุนอุ้มต้นหยกลงมาก็เกิดความไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงทำหน้ามุ่ย เส้นฟางเปิดประตูข้างหลังให้ชุนมองเส้นฟางครู่หนึ่งเพราะเขาตั้งใจจะให้ต้นหยกนั่งข้างหน้าข้างๆ เขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร พาต้นหยกไปนั่งข้างหลังอย่างที่เส้นฟางต้องการเท่านั้นเส้นฟางยิ้มอย่างพอใจก่อนจะพาตัวเองไปนั่งข้างคนขับ รถแล่นออกไปจากคฤหาสน์หรู และตรงดิ่งไปยังบ้านของพวกเขาที่ไม่ไกลนัก เพราะชุนตั้งใจว่าจะพาต้นหยกไปส่งแล้วไปนอนคอนโดกับเส้นฟาง เมื่อรถแล่นมาถึงบ้านหลังใหญ่ชุนก็จอดรถก่อนจะรีบลงจากรถเพื่อไปพยุงต้นหยกเส้นฟางไวกว่าเห
..ชุนอุ้มต้นหยกมานั่งลงบนเตียง มือเล็กของเธอพยายามปิดบังส่วนหน้าอกและต้นขาทั้งสองข้างอย่างเคอะเขิน วันนี้เขาอุ้มเธอหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้บรรยากาศกลับเริ่มกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเสียอย่างนั้น แม้กระทั่งสายตาที่ลอบมองเธอก็ดูไม่ปกติ มันแตกต่างจากทุกครั้งที่เขามักจะมองเธอด้วยแววตาแข็งกร้าวดุดันชายหนุ่มจับข้อเท้าที่บวมแดงของหญิงสาวก่อนจะบรรจงทายาและพันผ้าไว้อย่างดี เขายังเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่เงยหน้ามองต้นหยกที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย เพราะเธอมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวปิดคลุมร่างไว้เท่านั้น ถึงเขาจะดูใจร้ายหรือโหดร้ายไปบ้าง แต่สิ่งที่เขาไม่เคยทำคือขืนใจถ้าผู้หญิงไม่ยอม และส่วนใหญ่จะยอมเขาทั้งนั้น“ขอบคุณค่ะ”“อืม...ฉันให้เวลา 10นาทีแต่งตัวซะ ฉันจะออกไปรอข้างนอก”“........”“ถ้ายังแต่งตัวไม่เสร็จ ฉันก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”“หมายความว่าไง?”“ความอดทนของคนทุกคนมีขีดจำกัด”ชุนพูดจบก็เดินออกจากห้องอีกครั้งโดยไม่
..รถแล่นมาจอดยังบริษัทในที่จอดรถของผู้บริหาร ไม่ทันที่ชุนจะได้ดับเครื่องดีต้นหยกก็เปิดประตูลงจากรถทันทีไม่รีรอ พร้อมกับสาวเท้าเข้าไปข้างในตัวตึกโดยไม่พูดกับชุนสักคำ ชายหนุ่มทำได้แค่มองตามหลังเธอไปเท่านั้น ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าบริษัทตามเธอไปต้นหยกเดินเข้าไปยังหน้าห้องทำงานของเฮียตง เพราะระหว่างทางเธอได้โทรนัดเขาไว้แล้วว่าจะเข้ามาทำงานในบริษัท ฮ่องเต้ที่ยืนอยู่ก่อนหน้าก็รีบเดินเข้ามาทักทายเธอทันที“สวัสดีครับคุณต้นหยก”“สวัสดีค่ะ...คุณก็มาหรอคะ?”“ครับ เถ้าแก่เฟยให้ผมเข้ามาเป็นเลขาของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่อช่วยงานน่ะครับ”“อ๋อ ค่ะ”“เชิญข้างในครับ เถ้าแก่กับคุณตงรออยู่”ฮ่องเต้พูดพร้อมกับผายมือไปยังหน้าห้องเพื่อเชิญให้เธอเข้าไปทั้งคู่มองกันแล้วยิ้มให้กันตามปกติ แต่คนที่ดูยืนล้วงกระเป๋ามองทั้งคู่อยู่ข้างหลังกับรู้สึกไม่ชอบใจนัก ยิ่งได้ยินว่าฮ่องเต้จะมาเป็นเลขาของภรรยาสาวก็ยิ่งหงุดหงิด ทั้งที่เตี่ยเฟยก็รู้ว่าเขาพึ่งมีประเด็นกับฮ่องเ
..“ผมชอบคุณต้นหยกครับ”เสียงสายลมพัดผ่านแทรกกลางระหว่างยคนทั้งคู่ ต้นหยกไม่ได้ตอบรับความรู้สึกนั้นแต่อย่างใด เพราะตอนแรกเธอคิดว่าที่ฮ่องเต้ทำไปเพราะแค่ไม่ชอบชุน แค่อยากจะยั่วโมโหชุนเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาสารภาพกับเธอแบบนั้น ในหัวคงยังสับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งไม่เข้าใจ และไม่รู้ว่าตอนไหนที่เขาจะมีความรู้สึกให้เธอ เพราะเธอแค่เจอเขาเพียงสองครั้ง แถมยังไม่ได้พูดอะไรกันมากมายนัก“คะ? ...คุณฮ่องเต้...มั่นใจหรอคะ? อาจจะแค่ชื่นชม...”“มั่นใจครับ...เพราะผม...ชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้ว”ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะที่เขาพูดนั้นเรื่องจริง ความจริงเขาแอบสืบเรื่องเธอมาก่อนแล้วตั้งแต่ที่เตี่ยเฟยป่าวประกาศไปทั่วบริษัทว่าชุนจะแต่งงานกับลูกสาวคนเดียวของเถ้าแก่เฉิน จึงไม่แปลกที่เขาจะอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร เพราะฮ่องเต้คิดว่าเป็นหญิงสาวที่เขาพาเข้าบริษัทบ่อยๆ อย่างเส้นฟาง แต่กลับกลายเป็นลูกเพื่อนสนิทมิตรสหายของเตี่ยเฟยซะอย่างนั้นตั้งแต
..ไม่พูดเปล่า ชุนอุ้มต้นหยกขึ้นมาจากน้ำทั้งที่อะไรๆ ยังคงอยู่ที่เดิม ก่อนจะพาร่างของเธอไปวางตรงขอบอ่างที่ติดกำแพงทันที ชุนยกยิ้มร้ายเมื่อเห็นสีหน้าของต้นหยกที่แดงเรื่อขึ้นมา เมื่อเห็นรอยเชื่อมระหว่างเขาและเธอ...“เดี๋ยวก่อนสิคะ...อื้อ..”“เมื่อเฮียบอกเดี๋ยว หยกยังไม่ฟังเลย”“ก็...อ๊ะ! อ๊ะ!”ชุนไม่ฟังเสียงค้านของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าภรรยา ไม่สิ...ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขาอย่างเต็มตัวแล้ว เอวสอบโยกย้ายส่ายสะโพกเข้าออกตามใจ จนคนข้างใต้ถึงกับครางหวานไม่เป็นภาษา คำร้องห้ามถูกกลืนเข้าไปอีกครั้งเมื่อความกระสันซ่านเข้ามาแทนที่ เอวสอบพลิ้วไหวเข้าออกอย่างหนักหน่วงเนิบนาบเหมือนจงใจแกล้งเธอให้ทรมานเล่นชุนยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อต้นหยกเอื้อมมือเล็กไปจับที่สะโพกของเขาเหมือนเธอต้องการ แต่เขายังคงแกล้งกระแทกเข้าสุดออกสุดจนร่างบางเกร็งไปหมด การทำแบบนั้นทำให้เขาถึงกับขบกรามแน่นเพราะแรงตอดรัดจากช่วงล่างมันเพิ่มขึ้น“ฮืมมม...อย่ารัดเฮียแน่นนักสิคะ คนสวย...อา..”
..หลังจากที่เช็คอินด้านล่างเรียบร้อยทั้งสองเดินขึ้นมายังห้องพักที่สะอาดสะอ้านหรูหราไม่เบา แต่ติดตรงที่ห้องน้ำดันเป็นกระจกนี่สิ ต้นหยกมองห้องน้ำด้วยความช็อค...ไม่ใช่ไม่เคยเห็น.. แต่ไม่คิดว่าชุนจะเลือกห้องแบบนี้ ต้นหยกมองชุนตาปริบๆ และยังคงยืนอยู่ตรงทางเข้าเช่นเดิม ชุนนั่งลงบนเตียงก่อนจะหันไปมองต้นหยกที่ทำหน้าเหลอหลา เขายกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับตบเตียงข้างๆ ตนและมองไปทางต้นหยก“อะ...อะไรคะ?”“มานี่สิ”“เอ่อ....”ต้นหยกส่ายหน้ารัวๆ ก่อนจะเฉมองไปทางอื่น กลัวว่าเขาจะทำอะไรเหมือนเมื่อคืน แค่คิดก็ผวาและเธอยังปวดเอวอยู่เลย ที่เธอไม่ยอมไปตามที่เขาเรียกเพราะสายตาของเขาเจ้าเล่ห์เกินกว่าจะไว้ใจได้“กลัวอะไร? เราก็เคย...”“เฮียไม่ต้องพูดถึงได้ไหมคะ”“ทำไม? ก็เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้อง”“แต่หยกไม่ได้สมยอม”“แต่เธอยอมแต่งงานกับฉัน นั่นก็ถือว่ายอมแล้ว”ต้นหยกพูด
..สองร่างนอนแนบเนื้อเปลือยเปล่ากอดกันยันเช้า ชุนยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่องด้วยความเหนื่อยอ่อนหมดแรง แต่ต้นหยกก็ยังคงตื่นแต่เช้าเหมือนเช่นเคย เธอปล่อยสายน้ำไหลผ่านชะล้างร่างกายของตนด้วยความรู้สึกที่ตีกันวุ่นอยู่ในหัว เธอเสียใจที่เขาบังคับหักหาญน้ำใจเธอโดยที่เธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจไปกับเขาแต่อีกใจก็คิดว่ามันก็ถูกต้องแล้วเพราะเป็นหน้าที่ของผู้เป็นภรรยาควรที่จะกระทำ แต่ถึงอย่างนั้น...ใจก็ยังคงบอบช้ำอยู่ดี เมื่อคิดว่าชุนก็ไม่ได้รักเธอ เขาทำไปเพื่อสนองอารมณ์ของเขาเท่านั้น นั่นเจ็บยิ่งกว่า...ต้นหยกแต่งตัวตามปกติพยายามจะบอกตัวเองให้ฮึดสู้เข้าไว้ แม้จะมองรอยรักที่แดงช้ำอยู่ทั่วร่างก็ตามที ต้นหยกรีบใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดกว่าทุกวัน รอยไหนที่มันโผล่พ้นเสื้อผ้าก็จะใช้เครื่องสำอางปกปิดให้มันเบาบางลง แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะมันแดงช้ำจนไม่สามารถปกปิดมิดได้ ก่อนเธอจะเดินออกไปใส่บาตรกับอาลี่เหมือนเช่นทุกวัน“คุณหยกคะ? ...พระท่านมาแล้วค่ะ”“อ๋อ..จ้ะ”อาลี่เรียกต้นหยกที่ยืนเหม่ออยู่ก่อนที่
..“ใครก็ๆ ได้ช่วยด้วยค่ะ!!!”เสียงของเส้นฟางตะโกนดังลั่งตัวบ้านหลังจากที่กลิ้งลงบันไดไปนั่งพับเพียบกับพื้น ต้นหยกที่กำลังเดินลงมามองดูอยู่เงียบๆ ก่อนที่พวกลูกน้องและเจินจะวิ่งเข้ามา แต่เจินกลับไม่ได้เข้าไปช่วยแต่อย่างใด ยืนกอดอกมองเส้นฟางนิ่ง มีเพียงลูกน้องของชุนเท่านั้นที่ช่วยอุ้มไปนั่งที่โซฟาห้องรับแขกของบ้าน ต้นหยกส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินเอากล่องเครื่องมือปฐมพยาบาลไปยังบ้านเล็ก“เกิดอะไรขึ้น?”“เฮียไปดูเองเลยค่ะ”ชุนที่กำลังจะวิ่งไปที่บ้านใหญ่หยุดถามต้นหยกที่เดินสวนทางมา แต่ต้นหยกก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากนักเพราะไม่รู้จะพูดบอกยังไงดี กลัวจะโดนหาว่าเธอใส่ร้ายจึงบอกให้ชุนไปดูด้วยตาของตัวเอง ชุนขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ถามต่อ เขารีบเดินเข้าไป บ้านใหญ่ทันที ต้นหยกเองก็ไม่ได้สนใจเดินเข้าบ้านเล็กไปเช่นกัน“คุณหยกคะ เด็กคนนั้นฟื้นแล้วค่ะ”“อือ...ขอบใจนะ”อาลี่เดินออกจากห้องมาพอดีเพื่อที่จะไปเอ
..“น้องชื่ออะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”“หนูชื่อถิงค่ะ พ่อกับแม่ขายหนูให้กับเสี่ยพงษ์ ฮึกๆ ...มัน...ฮือๆ”หลังจากขึ้นรถมาได้ต้นหยกที่ย้ายไปนั่งข้างๆ เด็กสาวด้านหลังก็ได้ถามขึ้น ก่อนที่เด็กสาวจะตอบพร้อมน้ำตา ต้นหยกมองเด็กสาวด้วยความสงสาร ถึงแม้เธอจะพูดออกมาไม่หมดแต่ต้นหยกก็พอจะรู้ น้ำตาเอ่อคลอดวงตาสวยของต้นหยกเมื่อมองดูเด็กที่น่าจะอายุไม่เกินสิบแปดต้องมาเจออะไรแบบนี้“ไอ้เสี่ยพงษ์อีกแล้วหรอ?”“เฮียรู้จักหรอคะ?”“อืม...มันเปิดบ่อนและปล่อยเงินกู้นอกระบบ...”“แล้วทำไมเฮียถึงได้รู้ เฮียไม่ได้เกี่ยวข้องใช่ไหมคะ?”ต้นหยกถามพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง ชุนมองเห็นผ่านกระจกรถก่อนจะยกยิ้ม ในใจแอบดีใจพิลึกที่เธอดูเป็นห่วงเป็นใยเขาขนาดนี้“ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับมัน...แต่มีลูกน้องของฉันไปเอี่ยว พอฉันช่วยใช้หนี้ให้ลูกน้องคนนั้นเลยฝากเจินให้ฉันดูแล จนกว่าจะปลอดภัยถึงจะมารับกลับ”“เ
..“กินหรูแล้วดียังไงหรอคะ? ก็กินได้แค่พออิ่มอยู่ดี อีกอย่างสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุด้วย แค่ก๋วยเตี๋ยวถ้วยเดียวยังกินไม่หมดเลยด้วยซ้ำ”ชุนยกยิ้มกับคำตอบของต้นหยก ทั้งที่เธอเองก็มีเงินไม่น้อยแต่กลับเลือกกินอยู่อย่างง่ายๆ จนน่าแปลกใจ แต่เขากลับรู้สึกถูกใจในคำตอบนั้น เพราะสิ่งที่เธอพูดนั้นไม่ผิดเลยสักคำ ก่อนที่เขาจะนึกย้อนไปถึงเส้นฟางที่ทุกครั้งที่เธอจะกินอะไรสักมื้อมักจะหมดไปเป็นหมื่นๆ ต่อมื้อ แถมยังเหลืออาหารไว้เสียเต็มโต๊ะเพราะทานได้แค่นิดเดียว“ร้านข้างหน้าก็ได้ค่ะ หมี่เกี๊ยวร้านนี้อร่อย”“เอาจริง? ...”ถึงชุนจะถามออกไปอย่างนั้นก็ยอมตีไฟเลี้ยวจอดหน้าร้านหมี่เกี๊ยวข้างทางที่มีผู้คนมากมายมานั่งทาน ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆ มัธยมบ้าง มหาลัยบ้างและคนทำงานออฟฟิศใกล้ๆ เมื่อจอดรถเรียบร้อยต้นหยกก็ลงจากรถอย่างกระตือรือร้น แต่ชุนกลับมองร้านตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น สภาพร้านที่ดูเก่าแก่กับชายชราใส่ผ้ากันเปื้อนที่แถมมากับเครื่องดื่มและมีผ้าขาวพาดคอเพื่อเช็ดเหงื่อ&ldq
..ชุนและต้นหยกมาถึงบริษัทและเดินเข้ามาพร้อมกัน ฮ่องเต้มองทั้งสองที่เดินคุยกันมาถึงยังหน้าห้องทำงานก็รู้สึกไม่ค่อยชอบภาพนั้นเสียเท่าไหร่ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาเป็นแค่แอบรักข้างเดียวเท่านั้น ฮ่องเต้เลือกที่จะเดินเข้าไปทักทายทั้งคู่แทน“สวัสดีครับ คุณหยก...คุณชุน”“สวัสดีค่ะคุณฮ่องเต้”“เฮ้อ...ไม่ค่อยชอบบรรยากาศเลยแฮะ...เสียอารมณ์หมด”ชุนพูดขึ้นลอยๆ ซ้ำยังๆ ไม่หันไปมองหน้าฮ่องเต้เสียอีกแค่ปรายตามองเท่านั้น ฮ่องเต้ยิ้มบางๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจยิ้มนักก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้ต้นหยกแทน และเธอก็ยิ้มตอบตามมารยาท“เชิญครับคุณหยก วันนี้ผมจะสอนงานให้”“ขอบคุณนะคะ”ฮ่องเต้ผายมือไปทางห้องทำงานของเธอ ก่อนที่ต้นหยกจะเตรียมเข้าห้องไป แต่ชุนกลับคว้าแขนของเธอไว้เสียก่อน ต้นหยกหันไปมองชุนด้วยใบหน้าสงสัยเช่นเดียวกับฮ่องเต้ แต่ชุนก็ไม่ยอมพูดอะไรอยู่ดีกลับจับแขนเธอเอาไว้เฉยๆ อย่างนั้น“เฮียชุนมีอะไรหรื
..“ต้นหยกอยู่ไหม?”“อยู่ค่ะ...แต่คุณชุนปล่อยไว้แบบนั้นจะดีหรอคะ?”ชุนหันมองตามสายตาของอาลี่ก็ยังเห็นทั้งสองคนยังคงกัดกันไม่ปล่อย เขาหันกลับมาหาอาลี่อีกครั้งด้วยสีหน้าที่ดูหงุดหงิดมากเป็นพิเศษพร้อมกับสั่งเสียงแข็ง“ห้ามให้ใครเข้ามาบ้านเล็กแม้แต่คนเดียว”“ค่ะ...แต่ลี่คนเดียวคงจะต้านไม่ไหวแน่ๆ”“ไปบอกลูกน้องฉันที่ยืนอยู่ที่รถว่ามาเฝ้าที่นี่ ฉันจะจ่ายค่าล่วงเวลาให้”“ได้ค่ะ”อาลี่รับคำสั่งก่อนจะรีบเดินไปบอกลูกน้องของชุนที่กำลังจะขึ้นรถกลับและพวกเขาก็พยักหน้าแล้วเดินมายืนเฝ้าตรงทางเชื่อมบ้านใหญ่กับบ้านเล็ก ชุนเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาต้นหยกทันที เมื่อเขาเดินเข้ามาก็เห็ว่าต้นหยกกำลังนั่งนิ่งมองเหม่อออกไปยังสระบัวโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเขามา“ต้นหยก”ต้นหยกได้ยินเสียงของชุนก็หันกลับไปมองเขาก่อนจะลุกขึ้นอย่างระวังตัว แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ สายตาที่มองชุนน
..C.H Pubชุนจอดรถในที่ที่จอดรถสำหรับเจ้าของผับ ก่อนจะให้ทิปเด็กรับรถหนึ่งแบงค์เทาแล้วก้าวขายาวๆ ของตนเข้าไปด้านใน ตลอดทางต่างมีพนักงานที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการกล่าวทักทายเขา ชุนเพียงพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปในห้องทำงานของตน ก็พบว่ามีลูกน้องคนสนิทที่อายุมากกว่าเขารออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับลูกน้องหนุ่มอีกคนที่เขาให้ดูแลที่นี่แทนเวลาเขาไม่อยู่หรือไปดูงานที่อื่นชุนปรายตามองลูกน้องวัยกลางคนนั้นก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งพร้อมกับนั่งไขว่ห้างและมองชายตรงหน้าที่ดูร้อนรนจนสังเกตได้“รอบนี้ติดหนี้ที่ไหนล่ะ?”“ขอโทษครับคุณชุนที่ผมต้องคอยให้คุณชุนช่วย”“ถ้าสำนึกก็เลิกเล่นการพนันสิ”“ผมเลิกแล้วครับ เงินที่ให้ผมใช้หนี้ก่อนหน้านั้นผมก็เอาไปใช้หนี้จนหมดแล้ว”“แล้ว?”“แต่ไอ้เสี่ยพงษ์มันเหลี่ยม บอกว่าจ่ายแต่ต้นไม่ได้จ่ายดอก...”“เท่าไหร่?”“สามล้านครับ”