.
.
“สวัสดีครับม๊า”
ชุนยกมือไหว้แม่ของต้นหยกที่เดินลงมาจากชั้นบนพร้อมลูกสาว ชุนปรายตามองต้นหยกเล็กน้อยก่อนจะหันไปยิ้มให้แม่ของเธอแทน แต่กลับทำหน้าบึ้งตึงใส่หญิงสาว
“มาไวเหมือนกันนะเรา”
“ครับ”
“ม๊าฝากดูแลน้องด้วยนะ น้องพึ่งกลับมาจากประเทศจีนจำที่จำทางไม่ค่อยได้หรอก”
“...ครับ”
“ไปๆ ไปกันได้แล้ว”
ชุนและต้นหยกพยักหน้าก่อนจะหันไปยกมือไหว้ลาผู้เป็นแม่แล้วเดินออกไปพร้อมกัน ที่ชุนเรียกแม่ของต้นหยกว่าม๊าก็เพราะว่าเขาเรียกแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ จึงเรียกติดปากมาจนโต ทั้งสองเดินไปที่รถของชุน แต่ชุนกลับเดินไปขึ้นรถทางคนขับทันทีไม่ได้เปิดประตูให้เธอแต่อย่างใด ต้นหยกมองตามชายหนุ่มก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูเองแล้วนั่งเงียบๆ เรียบร้อย
รถแล่นออกไปโดยไม่มีคำพูดใดเลย ต้นหยกก็เอาแต่มองไปนอกหน้าต่างเพราะเธอรู้ว่าเขาไม่ได้อยากคุยกับเธอเท่าไหร่นัก ไหนจะสีหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่เจอเธออีก บรรยากาศภายในรถอึดอัดไปน้อย แต่ต้นหยกเองก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้วจึงไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร แต่ที่ดูอึดอัดจนหงุดหงิดน่าจะเป็นคนที่ขับรถอยู่เสียมากกว่า
“พูดไม่เป็นหรือไง?”
“เฮียคงไม่อยากคุยกับหยกเท่าไหร่หรอกค่ะ”
“รู้ตัวก็ดี”
“........”
ต้นหยกตอบทั้งๆ ที่ไม่หันไปมองหน้าเขา เธอมองออกไปข้างนอกอย่างตื่นตาตื่นใจเพราะตั้งแต่เธอกลับมาเธอยังไม่เคยออกไปไหนเลย อยู่แต่บ้านเท่านั้น ชุนหันไปมองใบหน้าของหญิงสาวที่ดูตื่นเต้นดีใจครู่หนึ่งก่อนจะเผลอยิ้มออกมาและปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งเหมือนเดิม
“ทำเหมือนไม่เคยมา”
“ไม่เคยออกบ้านเลยค่ะ ตั้งแต่กลับมาจากจีน”
“งั้นหรอ...ไปจีนตั้งหลายปีแล้วอยู่ๆ กลับมาไทย แฟนที่นู่นไม่คิดถึงแย่หรอ?”
“เอ่อ....”
ต้นหยกหันไปมองชุนครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองข้างนอกรถเช่นเดิม เพื่อซ่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตนไม่ให้คนข้างๆ ได้เห็น ภายในใจคิดว่าเขาหลอกถามหรือเปล่าว่าเธอมีแฟนไหม
“ฉัน...ไม่มีแฟนค่ะ”
“หืม? ... มิน่าล่ะ ถึงได้กลับมาแต่งงาน”
“........”
ต้นหยกเงียบไปไม่ตอบอะไรกับคำพูดที่ชายหนุ่มพูดขึ้น เธอทำหน้าสลดลงเล็กน้อยเพราะที่เขาถามไม่หมายความว่าเขาสนใจในเรื่องของเธอ แต่ถามเพื่อจะหาเรื่องเสียมากกว่า
“แล้วเฮียล่ะ...ทำไมถึงยอมแต่งงานด้วย”
“พูดได้สักที...มรดกไง”
“แค่นั้นหรอคะ? แล้วแฟนเฮียไม่ว่าหรอ?”
“ฉันคุยกับคนของฉันแล้ว ฉันจะแต่งงานเพื่อมรดกและหย่ากับเธอในหนึ่งปี แต่...ยกเว้นว่าเธอจะขอหย่ากับฉันก่อนครบหนึ่งปี”
“.......”
ต้นหยกมองใบหน้าของชุนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจจะหย่ากับเธอ แต่ที่สำคัญคือเขามีคนรักอยู่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเสียใจพร้อมกับรู้สึกผิดเพราะเธอไม่รู้มาก่อน หลังจากบทสนทนานั้นจบลงก็ไม่มีใครพูดอะไรต่ออีกเลย จนมาถึงร้านที่แม่ของชุนนัดช่างไว้ให้
ชุนเดินลงจากรถและเดินดุ่มๆ เข้าไปในร้านโดยไม่สนใจต้นหยกเลยแม้แต่น้อย ต้นหยกลงจากรถและมองตามหลังเขาที่เข้าไปคุยกับช่างและนั่งลงรอตรงโซฟา เธอถึงเดินเข้าไปทีหลัง
“คุณผู้ชายลองชุดเลยไหมคะ?”
หลังจากช่างวัดตัวเขาเรียบร้อยแล้วก็หันไปถาม แต่ชุนกลับทำหน้าไม่ได้สนใจก่อนจะนั่งลงโซฟาที่เดิม ช่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อ
“ไม่ต้อง ชุดไหนก็ได้”
“เอ่อ...ค่ะๆ”
ต้นหยกที่ยืนวัดตัวอยู่ข้างๆ มองหน้าเขาอย่างเศร้าสร้อย ความเสียใจเพิ่มพูนเข้ามา งานแต่งงานนี้มีแค่เธอที่ตั้งตารอที่จะทำตามสัญญาตอนเด็ก แต่เขากลับลืมไปแล้วทุกสิ่ง แถมยังทำเหมือนงานนี้ไม่ได้สำคัญหรือมีความหมายกับเขาเลยแม้แต่น้อย งานแต่งงานที่สำคัญที่สุดในชีวิตและยังเป็นความฝันสูงสุดของผู้หญิงทุกคนรวมถึงเธอด้วยเช่นกัน แต่กลับต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่ได้เต็มใจจะแต่งกับเธอ
“คุณผู้หญิงเชิญทางนี้ค่ะ”
“....ค่ะ”
หลังจากวัดตัวเสร็จพนักงานก็เชิญเธอเข้าไปยังห้องลองชุด ต้นหยกตอบรับก่อนจะเดินตามพนักงานไป พนักงานหยิบชุดมาให้ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปลองชุดในห้องลอง แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของพนักงานหน้าห้องลอง คำพูดเหล่านั้นทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แต่มันก็จริงอย่างที่พนักงานว่า
“เธอ...เห็นผู้ชายคนนั้นไหม หล่อนะ แต่ไม่ให้เกียรติว่าที่ภรรยาเลย”
“เออนั่นสิ...งานแต่งนะคะ ไม่ใช่งานวัด ให้ความสำคัญหน่อยสิ”
“ถ้าเป็นฉันนะ ฉันยกเลิกงานแต่งไปแล้ว ไม่มาทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้หรอก หล่อซะเปล่า”
“เป็นฉัน ฉันก็ไม่เอาทำพันธ์ุจ้า สงสารชีจริงๆ สวยมากเลยนะ ไม่น่าเลือกผิด”
ต้นหยกเปิดม่านออกมาพร้อมกับใส่ชุดแต่งงานรัดรูปเป็นเกาะอกกระโปรงยาวลากพื้นแต่แหวกถึงต้นขา พนักงานตกใจสะดุ้งโหยงก่อนจะยิ้มแห้งๆ ให้กับหญิงสาว ต้นหยกยิ้มหวานตอบแต่ไม่ได้พูดอะไร
“สวยมากเลยค่ะ ดูเข้ากับคุณผู้หญิงมากเลย ทรวดทรงองค์เอวเด่นชัด คุณผู้ชายต้องตะลึงแน่ๆ”
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณผู้หญิงจะเดินไปให้คุณผู้ชายดูก่อนไหมคะ ดิฉันจะได้เลือกชุดที่คู่กันให้คุณผู้ชายด้วย”
“เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้มั้งคะ”
“ไปเถอะค่ะ”
พนักงานสาวสองเดินเข้าๆ ไปจับมือประคองต้นหยกโดยที่มีพนักงานอีกคนเดินตามหลังจัดปลายกระโปรงที่ลากพื้น ต้นหยกเดินออกมาก็เห็นว่าชุนไม่ได้สนใจมองเลย เขาเอาแต่ก้มมองโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น
“เอ่อ...คุณผู้ชาย ชุดเจ้าสาวชุดนี้เป็นยังไงคะ”
ก็เป็นพนักงานสาวสองอีกนั่นแหละที่เรียกชายหนุ่มที่นั่งดูโทรศัพท์อยู่ให้เงยหน้าขึ้นมอง ชุนละสายตาจากโทรศัพท์ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียกแต่ก็ทำเอาเขานิ่งค้าง ชุดที่เห็นเนื้อหนังมังสาที่ขาวเนียนพร้อมกับกระโปรงแหวกสูงเกือบถึงต้นขาสวย เขามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ
“อืม...ก็ดี...”
“งั้นเอาชุดนี้เลยไหมคะ?”
“เปลี่ยน...มันโป๊ไป”
“คะ? แบบนี้ก็ปกตินะคะ ใครๆ เขาก็...”
“ฉันบอกว่าเปลี่ยน”
“ค่ะๆ ได้ค่ะ”
ชุนพูดเสียงเรียบก่อนจะกระแอมเบาๆ ต้นหยกยิ้มเล็กน้อยที่เขายังห่วงเธออยู่บ้าง ก่อนที่พนักงานคนเดิมจะพาเธอไปเปลี่ยนชุดใหม่อีกชุด คราวนี้เป็นชุดแขนยาวซีทรูรัดรูปกระโปรงยาวลากพื้นแหวกขึ้นเลยเข่านิดหน่อยพอเดินได้ พร้อมกับมงกุฎเล็กๆ ทรงเจ้าหญิง ชุนก็ยังมองค้างดังเดิมคราวนี้เธอดูสวยสง่าเรียบร้อยนิดๆ เหมาะกับบุคลิกของเธอจนดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล
“ชุดนี้”
“ได้ค่ะ งานจัดวันที่9นะคะ ทางเราจะเตรียมไว้อย่างดี”
“เสร็จแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ คุณผู้ชาย”
พนักงานพูดตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนที่ชุนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่รถโดยไม่รอต้นหยกที่ต้องกลับไปเปลี่ยนชุดก่อน พอเปลี่ยนชุดเสร็จเธอก็รีบเดินออกมาจากร้าน แต่ก็เห็นว่ารถของชุนแล่นผ่านหน้าไปเสียแล้ว ต้นหยกมองค้างแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร เธอทำหน้าเศร้าเล็กน้อยก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อหาวินมอเตอร์ไซค์หรือป้ายรถเมย์ ก่อนจะเดินไปตามทางที่เธอมองเห็นป้ายรถเมย์อยู่ไกลๆ
ชุนที่ตอนแรกตั้งใจจะทิ้งให้เธอกลับเองคนเดียว เพราะต้องการให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ใจดี และเธออาจจะต้องการยกเลิกงานแต่งหรือหย่ากับเขาภายในเดือนสองเดือนหลังแต่งงาน แต่คำพูดของเตี่ยกลับดังก้องเข้ามาในหูเสียอย่างนั้น
“บ้าเอ๊ย!”
ชายหนุ่มหักพวงมาลัยเลี้ยวกลับไปที่ร้านอีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นต้นหยกเสียแล้ว ก่อนจะขับไปตามทางที่คิดว่าเธอน่าจะเดินไปเพื่อหารถกลับ ก่อนจะเห็นต้นหยกยืนคอตกอยู่หน้าป้ายรถเมย์ เขาจึงเลี้ยวรถเข้าไปจอดตรงหน้าของเธอแล้วลดกระจกลง
“ขึ้นรถ”
“........”
ต้นหยกไม่ได้พูดตอบรับอะไร แต่ก็ยอมขึ้นรถแต่โดยดีพร้อมกับนั่งเงียบๆ ชุนหันไปมองต้นหยกที่นั่งนิ่งก่อนจะโน้มตัวเข้าไปหาเธอ ต้นหยกตกใจจนนั่งชิดติดกับเบาะพร้อมกับมองหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ใกล้แค่ลมหายใจ กลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ จากตัวของเธอทำให้เขาหันไปมองเธอค้างใบหน้าของเขาเลื่อนเข้าไปใกล้เธอเรื่อยห่างไว้แค่ปลายจมูก ก่อนมือจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้หญิงสาว แล้วขับรถออกไปทันที
ภายในรถไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวในหัวของชุนยังคงติดตรึงใจกับกลิ่นหอมของเธอ ส่วนต้นหยกกลับใจเต้นรัวไม่หยุดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ก่อนที่ชุนจะหันไปหาเธอแล้วพูดขึ้น
“โกรธหรอที่ทิ้งไว้”
“คะ? ไม่โกรธหรอกค่ะ เฮียอาจจะมีธุระสำคัญ...ม๊าเคยบอกว่าต้องใจเย็นให้มากๆ”
“..........”
ชุนเผลอมองหญิงสาวที่เชื่อฟังผู้เป็นแม่อย่างเอ็นดู เธอดูรักพ่อและแม่ของเธอมากจนเขาอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้ เขาแอบรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ปล่อยเธอไว้แบบนั้นหรืออาจจะเป็นแค่มารยาของเธอกันแน่ เขาก็ไม่แน่ใจนัก
“เฮียจะไปไหนหรอคะ? ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่”
“ฉันหิว”
ต้นหยกมองดูทางรอบๆ ที่เปลี่ยนไปจึงถามขึ้นอย่างตื่นตระหนก ก่อนที่ชุนจะหันไปมองหน้าเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หญิงสาวหันไปมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ เพราะตอนแรกเหมือนว่าเขาจะรีบ แต่ตอนนี้กลับไม่รีบแล้วซะอย่างนั้น แต่ต้นหยกก็ไม่ได้คิดถามอะไรต่อ
.
.
.
..หลังจากวันนั้นชุนก็แวะเวียนมาที่บ้านของเธอบ้างเป็นครั้งคราว แต่มาทุกครั้งก็ดูไม่สบอารมณ์เสียเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะโดนบังคับเสียส่วนใหญ่ บ้างก็มากับเฮียตงและซิน บ้างก็มากับเตี่ยและม๊าของเขา จนถึงวันนี้ที่เป็นวันแต่งงานเขาก็ยังคงทำหน้าไม่รับแขกเช่นเดิม ต้นหยกและชุนยืนถ่ายรูปต้อนรับแขกอยู่หน้างานภายในงานเต็มไปด้วยรูปภาพพรีเวดดิ้งที่ดูชื่นมื่นของพวกเขา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ากว่าจะได้แต่ละภาพเล่นกินเวลาไปหลาย เพราะบางครั้งเขาก็ไม่ยอมมาถ่าย บางครั้งก็มาสายจนล่วงเลยเวลาที่จะได้ภาพสวยๆ ตามคอนเซ็ปต์ที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งตั้งใจไว้ งานแต่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายคอยเคี่ยวเข็ญต้นหยกยิ้มรับแขกอย่างอ่อนหวานและใบหน้าที่ดูเต็มไปด้วยความสุข เธอคิดว่าไม่ว่ายังไงเธอจะต้องมีความสุขในวันสำคัญในชีวิตของเธอ ระหว่างที่ยืนถ่ายรูปกับแขกในงานนั้น สายตาคมของชุนก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวในชุดสีขาวเหมือนชุดเจ้าสาวเดินเชิดเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มมอบให้ชายหนุ่มตรงหน้า ชุนอึ้งค้างก่อนจะรีบเดินตรงปรี่เข้าไปหาหญิงสาวสุดเซ็กซี่นั้น“เส้นฟาง ไหนพ
..“ไปนอนด้วยกันบนเตียงนี่แหละ”“ไม่ต้อง หยกนอนได้”“แต่ฉันนอนไม่ได้”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหยก”“มันไม่สบายใจ”“ไม่เป็นไรจริงๆ เฮีย หยกอยากนอนพื้นจริงๆ”ต้นหยกพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกจนชุนถึงกับเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งมองหญิงสาวที่ก้มหน้าไม่มองเขา แถมยังเกร็งตัวในอ้อมแขนเขาขนาดนี้ ชุนยกยิ้มก่อนจะวางร่างเธอลงบนเตียงแล้วคร่อมทับทันทีไม่ปล่อยให้เธอลุกหนีไปได้“ทำไม? ....กลัวฉันทำอะไร...เธองั้นหรอ?”ชุนมองต้นหยกพร้อมกับเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบก่อนจะมองไปทั่วเรือนร่างของเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ต้นหยกเบื่อนหน้าไปทางอื่นแต่แขนเรียวยังยกเกร็งพร้อมกับผลักอกแกร่งของเขา สีหน้าของเธอดูกังวลไม่น้อยนั่นยิ่งทำให้ชุนได้ใจไปกันใหญ่“ฉันแต่งมาแพง ก็ต้องคุ้มกับที่แต่งมาหน่อยสิ”มือหนาเลื่อนไปลูบไล้ใบหน้าอย่างแผ่วเบาก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจ
..ต้นหยกและอาลี่ช่วยกันเตรียมอาหารเช้าเพราะรู้ว่ายังไงชุนก็ต้องลงมาทานข้าวแล้วไปทำงาน ภรรยาสาวจัดโต๊ะอาหารและเตรียมกาแฟสำหรับผู้เป็นสามี ไม่ว่าเขาจะแสดงท่าทีต่อเธออย่างไร แต่เขาก็คือสามีที่เธอคิดจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ถึงชุนไม่ได้คิดเหมือนกันกับเธอก็ตาม ภรรยาสาวแอบหวังว่าสักวันเขาจะเห็นความรักของเธอที่มีต่อเขาบ้าง และนั่นอาจจะทำให้สามีเปลี่ยนใจเรื่องหย่าร้างชุนเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับพันเนคไทป์ให้ตนเองอย่างเร่งรีบ เพราะเขามีประชุมตอนเช้ากลัวว่าจะไปไม่ทันการณ์ต้นหยกที่หันไปเห็นก็รีบเข้าไปหาสามีหวังจะช่วยเขาผูกเนคไทป์ให้เรียบร้อย ชุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับจ้องมองภรรยาสาวอย่างสงสัย แต่ต้นหยกไม่ได้พูดอะไรและเอื้อมมือไปผูกเนคไทป์แทนชายหนุ่มหลุบตามองใบหน้าสวยที่ใกล้เข้าจนรู้สึกถึงลมหายใจโดยไม่คัดค้านการกระทำของเธอ กลิ่นกายหอมของภรรยาสาวโชยมาแตะที่ปลายจมูกจนเผลอเคลิ้มอยู่นาน ต้นหยกเงยหน้ามองชุนเล็กน้อยอย่างเขินๆ เพราะเธอผูกเนคไทป์ให้เขาเสร็จเรียบร้อยนานแล้ว แต่ผู้เป็นสามีกลับเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่วางตา"เอ่อ...เฮียชุน”
..ชุนและเส้นฟางที่แต่งตัวสวยเด่นดูแล้วเหมือนชุดคู่กันกับชุนราวกับคู่รักเดินควงแขนกันเข้าบ้านหลังใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเรือนหอก็เห็นต้นหยกนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ภรรยาสาวหันไปด้วยรอยยิ้มเมื่อรู้สึกว่าผู้เป็นสามีมารับเธอแล้ว ก่อนที่รอยยิ้มจะหุบลงทันทีที่เห็นชุนกับเส้นฟางเดินควงคู่กันมาอย่างไม่เกรงใจเธอสักน้อยแววตาที่ดีใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แม้สีหน้าของเธอจะดูเรียบนิ่งแต่ภายในใจกลับเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ สามีที่เธอตั้งใจแต่งงานด้วยความรักกลับควงหญิงอื่นต่อหน้าต่อตาเธอ อาลี่ที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ไกลจากต้นหยกนัก ลอบมองใบหน้าของผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดใจ“เป็นง้อยหรือไง ถึงกับต้องฟ้องเตี่ยสั่งให้ฉันมารับ”ชุนมาถึงก็พูดจาเหน็บแนม โดยไม่ให้เกียรติเธอเลย ทั้งที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่คนในบ้านอย่างเส้นฟาง ถึงเส้นฟางจะเป็นคนรักของเขาแต่ก็ไม่ใช่คนที่เธอรู้จักหรือสนิทสนมด้วย และอีกอย่างเธอคือภรรยาของเขาอย่างถูกต้อง ต้นหยกเลือกที่จะเงียบและไม่โต้ตอบใดๆ“อุ้ย...ไม่ยักกะรู้ว่าพอ
..“อาชุน!!”ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลธนกุลหรือเตี่ยเฟย เถ้าแก่เฟย ผู้เป็นพ่อได้เดินเข้าไปหาลูกชายคนเล็กของตระกูลอย่างอาชุน หรือชุน ที่ควงแขนหญิงสาวที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเข้างานมา สร้างความไม่พอใจให้กับเตี่ยเฟยเป็นอย่างมาก เพราะการที่เขาทำแบบนี้เหมือนไม่ให้เกียรติตระกูลเจริญกุลที่เป็นพันธมิตรกันมานานเลยแม้แต่น้อยชุนและผู้เป็นพ่อยืนประจันหน้ากันโดยที่ลูกชายไม่ได้สะทกสะท้านหรือมีใบหน้าสลดแต่อย่างใด ชุนยิ้มร้ายก่อนทำท่าแนะนำหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่เตี่ยเฟยยกมือห้ามเสียก่อน มีหรือที่ชุนจะยอมฟัง“นี่เส้นฟางเป็น.....”“........”สายตาของเตี่ยเฟยมองลูกชายตนเป็นเชิงดุ ชุนเห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเกิดความกังวลแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เขาก็ดูออก ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างผู้ชนะ“หึ...เป็นเพื่อนผมครับเตี่ย”“........”เตี่ยเฟยยังคงเงียบไม่ตอบพร้อมกับมองเส้นฟางที่ทำสีหน้
..ชุนแทบไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเส้นฟาง ถึงมันจะเป็นความคิดที่ดีแต่สำหรับเขาไม่ค่อยถูกใจนัก เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรเพื่อใส่ร้ายคนอื่นอย่างนั้น ถ้าจะทำก็ทำตรงๆ ไม่ใช่การใส่ร้าย และอีกอย่างยังไงต้นหยกก็เป็นภรรยาแต่งของเขา การจัดฉากใส่ร้ายภรรยาของตัวเองแบบนั้นไม่ใช่ลูกผู้ชายเสียเท่าไหร่“พี่ชุนว่าไงคะ?”“ไม่...ไม่ใช่ทางพี่”ชุนพูดจบก็เดินไปยังที่ที่ต้นหยกและฮ่องเต้ยืนอยู่โดยทิ้งเส้นฟางอ้าปากค้างและมองตามอยู่อย่างนั้น เส้นฟางไม่พอใจที่ชุนปฏิเสธแผนของเธอ จึงไม่ได้เดินตามไปแต่อย่างใด ชุนเดินไปถึงก็กล่าวทักทายแขกระดับวีไอพีพร้อมกับโอบเอวบางของต้นหยกเป็นเชิงแสดงความเป็นเจ้าของตัวจริง ต้นหยกมองไปที่มือหนาของเขาที่จับเอวเธอก่อนจะหันไปมองใบหน้าหล่อของชุนอย่างงุนงง ต้นหยกพยายามปัดมือของเขาออกแต่ชุนกลับไม่ยอมปล่อยและยังดึงเธอเข้ามาชิดตัวเองเบาๆ“คุณชุนโชคดีนะครับ ที่ได้คุณต้นหยกมาเป็นภรรยา เธอเก่งมากๆ เลย จนผมแทบจะอดใจร่วมหุ้นด้วยไม่ไหวเลยล่ะครับ”&ldqu
..“หึ...เงินสินะ...งั้นเอากับฉันสิ ได้มากกว่าสินสอดนั่นเยอะ! ไหนๆ ก็เอาตัวแลกอยู่แล้วนี่”“เฮียจะทำอะไร...เฮียชุน!!”ชุนผลักต้นหยกล้มลงไปนอนราบกับโซฟา ก่อนจะตามไปคร่อมทับร่างอรชรของต้นหยก มือเล็กที่ผลักดันอกแกร่งให้ออกห่างกลับถูกมือทั้งสองข้างของเขาล็อกไว้แน่น ต้นหยกเบิกตากว้างตัวของเธอสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้เฮียชุนที่เธอเคยรู้จักกลับไม่ใช่คนเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาช่างน่ากลัวเหลือเกินใบหน้าโน้มเข้าใกล้เรื่อยๆ ต้นหยกเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้เขาจาบจ้วงเธอไปมากกว่านี้ ชุนเห็นท่าทางของต้นหยกแบบนั้นก็ยกยิ้มก่อนจะก้มลงไปยังซอกคอขาวพร้อมกับใช้ปลายจมูกโด่งๆ ของเขาเกลี่ยซอกคอนั้นไปมาเหมือนหยอกเล่น ยิ่งเข้าใกล้เธอมากเท่าไหร่ตัวเขาเองที่จะอดใจไม่ไหวกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ลอยมาแตะปลายจมูกทำให้เขาแทบคลั่ง แต่เพราะร่างกายของเธอสั่นสะท้านเพราะความกลัวและเสียงสะอื้นที่เธอพยายามกลั้นไว้ มันทำให้เขาได้สติ“หึ....”“หยกขอร้อง...อย่าทำอะไรหยกเลยนะ”
..ต้นหยกหันไปพูดกับชุนด้วยแววตาเจ็บปวด แต่ก็เพียงครู่เดียวก่อนจะหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อแม้จะช้าก็ตาม แต่เธอจะไม่ร้องขอให้เขาช่วยเธออีกเด็ดขาด ตัดกันให้จบๆ ไป ไม่ต้องเหลือสักเศษเสี้ยวความรู้สึก ชุนเห็นอย่างนั้นก็รู้หงุดหงิดจึงเดินเข้าไปช้อนตัวของเธออุ้มขึ้นอีกครั้ง“เฮียจะทำอะไร? ปล่อย”“อย่าเล่นตัว”ชุนพูดแค่นั้นก็อุ้มเธอลงไปยังรถที่จอดอยู่โดยมีเส้นฟางยืนรออยู่ก่อนแล้ว เส้นฟางเห็นชุนอุ้มต้นหยกลงมาก็เกิดความไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงทำหน้ามุ่ย เส้นฟางเปิดประตูข้างหลังให้ชุนมองเส้นฟางครู่หนึ่งเพราะเขาตั้งใจจะให้ต้นหยกนั่งข้างหน้าข้างๆ เขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร พาต้นหยกไปนั่งข้างหลังอย่างที่เส้นฟางต้องการเท่านั้นเส้นฟางยิ้มอย่างพอใจก่อนจะพาตัวเองไปนั่งข้างคนขับ รถแล่นออกไปจากคฤหาสน์หรู และตรงดิ่งไปยังบ้านของพวกเขาที่ไม่ไกลนัก เพราะชุนตั้งใจว่าจะพาต้นหยกไปส่งแล้วไปนอนคอนโดกับเส้นฟาง เมื่อรถแล่นมาถึงบ้านหลังใหญ่ชุนก็จอดรถก่อนจะรีบลงจากรถเพื่อไปพยุงต้นหยกเส้นฟางไวกว่าเห
..เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด!!!“อ๊า อ๊า อื้อ”สะโพกพลิ้วสวนกระแทกหนักหน่วงและรุนแรงขึ้นจนเตียงโยกไปมา เสียงครางของเขาและเธอสลับกับเสียงของเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดตามด้วยเสียงกระทบของเนื้อหน้าขาและบั้นท้ายงอนงาม บทเพลงรักที่ยาวนานจนเกิดเสียงฉ่ำแฉะอยู่กึ่งกลางของทั้งสองร่างที่เชื่อมต่อกันไม่มีหลุด แม้ว่าจะโยกเข้าออกจนสุดก็ไม่อาจจะทำให้ทั้งสองร่างหลุดออกจากกันความเสียวซ่านเริ่มรุนแรงทวีคูณถาโถมเข้ามาหาคนทั้งสอง มือหนาบีบคลึงเต้าตึงไม่พัก ส่วนมืออีกข้างเอื้อมไปจับที่หัวเตียงยึดรั้งตัวไว้ก่อนจะเร่งสะโพกพลิ้วกระแทกเข้าสุดอย่างรุนแรงและถี่ยิบ ต้นหยกกำหมอนไว้แน่นเพื่อระบายความเสียวและจุกช่องท้องไปหมด“อ๊า อ๊า อ๊า...อ๊ะ อ๊ะ!!”“ฮื่มมมม...อา”สะโพกรัวซอยถี่ยิบคิ้วเข้มขมวดชนกันแน่น ยิ่งกระแทกเข้าออกยิ่งทำให้รู้สึกเสียวซ่านจนตัวเกร็ง ความหนักหน่วงของแรงกระแทกไม่ได้แผ่วลงเลย คนใต้ร่างร้องครางเหมือนใจจะขาด ก่อนที่ทั้งสองร่างจะกระดุกเกร็งปลดปล่อยความเสียวกระสันพ
..หลังจากที่ต้นหยกออกไปส่งเฮียตงและซินกลับมา เธอก็เดินมาหาชุนแล้วทำท่าหยิบกระเป๋าของตน ชุนนอนคะแคงเท้าศีรษะอย่างงงๆ ว่าต้นหยกจะไปไหน“จะไปไหนหรอคะ?”“หยกว่าจะไปหาอะไรมาให้ทานน่ะค่ะ แล้วว่าจะกลับเลย”“ได้ไง...ไม่อยู่เฝ้าหรอ?”ชุนพูดพร้อมกับหน้าน่าสงสาร ต้นหยกมองสีหน้าของเขาก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ที่ชุนเข้าใจผิด แต่ว่าเธออยากจะแกล้งคนตรงหน้าเสียหน่อย เพราะเธอเองก็โดนเขาแกล้งมาเยอะ เห็นทีจะต้องเอาคืนบ้างแล้ว“เฝ้าทำไมคะ? ก็เห็นบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่บอกหมอให้ทำแผลดูโอเว่อร์เท่านั้น พรุ่งนี้หยกต้องไปทำงานไม่มีเวลามาเยี่ยมนะคะ อาจจะมาเย็น”“สามีเป็นขนาดนี้ไม่อยู่ดูแลหน่อยหรอ...งานน่ะหยกไม่ทำก็ได้นะ เฮียเลี้ยงได้ เฮียดูแลหยกได้”“ดูแลตัวเองไปก่อนนะคะ หายดีค่อยมาดูแลหยกเนอะ”“โธ่..หยก”ชุนเอื้อมมือไปจับแขนเธอเขย่าเบาๆ พร้อมกับทำหน้าออดอ้อนน่าสงสารสุดฤทธิ์ ต้นหยกอดที่จะหัวเราะออ
..“เอ่อ...ยะ...หยก...ใจเย็นๆ ก่อน”ต้นหยกเดินเข้าไปใกล้ชุนพร้อมกับหน้าเขาด้วยสายตานิ่งเรียบ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจจนชุนถึงกับหุบยิ้มแทบจะทันที เพราะตอนแรกเธอคิดมากมายว่าจะดูแลยังไงต้องศึกษาอะไรบ้างเพื่อให้เขากลับมาเดิน เธอวางแผนทุกอย่างไว้ในหัว แต่กลับมารู้ความจริงแบบนี้ ชุนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กแต่ต้นหยกกลับหันหลังแล้วเดินไปในทันที“ต้นหยก! โอ๊ยยย!!!”“คนไข้! อย่าพึ่งลุกสิครับ”ชุนรีบลุกขึ้นอย่างลืมตัวก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพร้อมร้องลั่น มือเอื้อมไปจับที่ข้างลำตัว เพราะมันตรึงแผลที่อยู่ด้านหลัง ต้นหยกตอนแรกที่ไม่คิดจะหันกลับพลางคิดว่าเขาคงลองใจเธออีก แต่พอได้ยินเสียงบุรุษพยาบาลเธอก็รีบหันกลับไปมองแล้ววิ่งเข้าไปหาชุนทันที ต้นหยกพยุงเขาลุกขึ้นจากพื้นโดยมีบุรุษพยาบาลช่วยอีกแรงเพี๊ยะ!!“โอ๊ย! หยกตีเฮียทำไมเนี่ย”“อยากดื้อทำไมล่ะคะ คนบ้านี่! ลองใจอะไรก็ไม่รู้...คนเขาเป็นห่วงนะ&rdquo
..ต้นหยกและชุนเดินออกมาจากลิฟท์ของบริษัทก่อนจะเดินไปยังลานจอดรถโดยที่ชุนไม่แม้แต่จะยอมปล่อยมือที่จับมือต้นหยกไว้เลย ต้นหยกเองก็เขินไม่น้อย คำพูดที่เขาบอกรักยังคงก้องอยู่ในหัวเด่นชัด ใครจะไม่ใจอ่อนไหว การกระทำตลอดเกือบหนึ่งเดือนเต็มที่เขาตามตื้อตามง้อและทำหลายๆ เพื่อเธอโดยไม่บ่นสักคำ แต่...มันจะดีแค่ช่วงแรกรักหรือเปล่านะ ต้นหยกเองก็แอบกังวลเช่นกัน คงต้องดูกันไปอีกยาว นั่นหมายความว่าเธอจะลองให้โอกาสเขาอีกสักครั้งนั่นเอง“ไปหาอะไรกินกันไหมคะ? เพราะเมื่อกี้กินบะหมี่ไปนิดเดียวเองไม่ใช่หรอ?”“ก็เพราะใครล่ะคะ”“เฮียก็หิวเหมือนกันนะคะ”“ไม่เหมือนกันสักหน่อย”ต้นหยกหันไปทำหน้าดุแต่ใบหน้าของเธอกลับแดงเรื่อด้วยความเขิน นึกว่าตัวเองจะตายเสียแล้ว นี่สินะที่เขาบอกว่าอย่าปล่อยให้สามีหิวมากๆ ชุนมองต้นหยกแล้วหัวเราะออกมา อย่างน้อยเธอก็ยอมใจอ่อนแล้วทั้งสองเดินไปพลางหยอกล้อกันโดยไม่ได้สนใจรอบๆ ตัวเลย เหมือนโลกทั้งใบมีแต่พวกเขาจนลืมสังเกตหญิงสาวที่เดินตามหลังพวกเขามาติด
..“เส้นฟาง...เธอมาทำอะไรที่นี่?”“ฟางคิดถึงพี่ชุนมากๆ เลยค่ะ”เส้นฟางเดินเข้าไปกอดชุนแน่น ชุนตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของเธอ เพราะตั้งแต่เธอออกจากบ้านไป เส้นฟางไม่เคยติดต่อกลับมาหาเขาเลยสักครั้ง แล้วอยู่ๆ เธอก็โผล่มา คงไม่ใช่เพราะคิดถึงจริงๆ หรอก แต่คงจะเป็นเพราะเงินที่เขาให้ไปก่อนออกจากบ้านหมดแล้วเป็นแน่“คุณเส้นฟาง ปล่อยผม”“ทำไมถึงพูดห่างเหินแบบนั้นล่ะคะ พี่ชุนไม่รักฟางแล้วจริงๆ หรอคะ?”ชุนพูดพร้อมกับพยายามดันตัวของเส้นฟางออกด้วยมือข้างที่เหลืออยู่ แต่เส้นฟางกอดเขาแน่นไม่ยอมเป็นปล่อย จนเขาต้องออกแรงผลักเธออย่างแรงจนเซล้มไปกับพื้น เส้นฟางหันไปมองหน้าชุนพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ ชุนเห็นอย่างนั้นก็ทำท่าว่าจะเข้าไปช่วยแต่ก็ชะงัก ถ้าเขาใจดีเธอคงไม่คิดจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่ ชุนจึงตัดสินใจเลือกที่จะเดินผ่านเธอไปอย่างเงียบๆ“พี่ชุน!! ทำไมถึงได้ใจร้ายกับฟางแบบนี้!!”ชุนหยุดชะงักครู่หนึ่งแต่ไม่หันกลั
..หลังจากที่ทานอาหารกันเรียบร้อย ทุกคนก็ต่างแยกย้ายไปอาบน้ำและเข้าห้องนอนของตัวเอง ชุนเอนตัวลงนอนบนโซฟาหลังจากอาบน้ำเสร็จ และแน่นอนว่าโซฟามันไม่ได้นอนสบายอย่างที่คิดเลย แต่เขาก็ต้องอดทนให้ได้ และคิดว่าเดี๋ยวก็คงจะชินไปเอง ไฟในบ้านถูกปิดจนมิดสนิท ชุนนอนเอาแขนก่ายหน้าผากพลางคิดวิธีง้อต้นหยก ก่อนที่เขาจะหลับตาลงเพื่อพักสายตาเสียหน่อยผ่านไปได้พักหนึ่ง เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาก็ดังขึ้นและเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ชุนที่หลับตาอยู่นิ่งไม่ขยับรอฟังเสียงฝีเท้านั้นอย่างเงียบๆ ไม่นานเสียงนั้นก็หยุดลงข้างๆ ที่เขานอน ก่อนจะรู้สึกถึงบางอย่างที่สัมผัสร่างกาย ผ้าห่มที่เขาร่นไว้ตรงขาได้เลื่อนขึ้นมาบนตัวเขาจนถึงอก ชุนยกยิ้มก่อนจะคว้าข้อมือเล็กที่จับผ้าห่มอยู่นั้นกระชากลงมาเข้าหาตน“อ๊ะ!!! เฮียชุน!! ยังไม่หลับทำไมต้องแกล้งหลับด้วย”“ถ้าไม่แกล้งหลับจะรู้หรอว่ามีคนจะลักหลับเฮีย”“บ้า! ปล่อยนะคะ!”ชุนยังคงกอดต้นหยกที่เซล้มลงมาบนตัวเขาไว้แน่น ถึงแม้จะมืดแต่เขาจำกลิ่นตัวของเธอได้ดี ต้นหยกดิ้นขลุกขลักอยู
..“อ้าว...แล้วทำไมมึงไม่พูดล่ะ”“ก็บอกแล้วไง ว่าพูดไม่ออก...มันยากนะเว้ยเฮีย”ชุนหันไปพูดกับเฮียตงหลังจากที่มาปรึกษาเรื่องทั้งหมด เขาสิงสถิตอยู่ที่นี่เป็นชั่วโมง เพื่อขอวิธีบอกรักง่ายๆ แต่กลับโดนเฮียตงถามย้ำอยู่อย่างนั้นจนถึงตอนนี้“ก็กูถึงถามเป็นรอบที่ล้านอยู่นี่ไงว่าทำไมไม่พูด แค่พูดมันยากตรงไหน?”“ผมก็ตอบรอบที่ล้านไปแล้วไงเฮีย ปรึกษาได้เรื่องไหมล่ะวันนี้”“ติดตรงไหน? ไหนมึงลองบอกกูดิ”“ติดตรงปากนี่แหละ อีกอย่างต้นหยกก็ไม่คิดจะฟัง หนีผมอย่างเดียว”“มึงก็พูดออกไปเลยสิวะ จะฟังไม่ฟังก็เรื่องของเขา”“ก็บอกอยู่นี่ไงว่าพูดไม่ออก”“พี่น้องคู่นี้จะทะเลาะกันอีกนานไหมล่ะเนี่ย หือ?”ซินเดินเข้ามาพร้อมกับจานขนมและชา ก่อนจะวางของว่างนั้นแล้วนั่งลงข้างๆ เฮียตง ชุนทิ้งตัวเอนหลังพร้อมกับหยิบขนมเข้าปากอย่างเซ็งๆ ซินส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดขึ้น&ldq
..หลังจากที่ชุนได้ฟังฟังเฮียตงเทศนามหาชาติแล้วก็รีบขับรถตรงดิ่งมายังบ้านของตน ก่อนจะรีบร้อนวิ่งเข้าไปในบ้าน ในใจภาวนาว่าต้นหยกจะยังไม่ออกไป อาลี่เห็นชุนกลับเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปรับพร้อมกับทำหน้าเศร้า“นายหญิงล่ะ?”“ไปแล้วค่ะ ไปพร้อมกับถิง”“แล้วทำไมไม่ห้ามไว้ล่า”“ลี่ถามแล้วค่ะ แต่คุณหยกบอกว่าจะแวะมาเยี่ยมบ่อยๆ ฮึกๆ”อาลี่พูดพร้อมกับปาดน้ำตาและร้องไห้กระซิกๆ ชุนมองไปทั่วบ้านด้วยความหงุดหงิดก่อนจะรีบเดินออกจากบ้านแล้วขึ้นรถที่จอดไว้พร้อมกับขับออกไปอย่างรวดเร็ว เขาต้องไปในที่ที่ต้นหยกอยู่ ไม่ว่าเธอจะออกมาเจอหน้าเขาหรือไม่ก็ตามชุนขับรถตรงมายังบ้านป๊ากับม๊าของต้นหยก ก่อนจะจอดรถแล้วรีบเดินเข้าบ้านไป ก็เห็นว่าป๊ากับม๊านั่งทำสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่ห้องรับแขก แต่กลับไม่เห็นต้นหยกนั่งอยู่ด้วย ชุนจึงเดินเข้าไปหาทั้งสองคน ป๊าเฉินกับม๊าซิ่วเงยหน้าขึ้นมองชุนด้วยความตกใจเล็กน้อย ชุนมองทั้งสองก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วยกมือไหว้ด้วยสายตาที่ดูเศร้าสร้อย 
..“ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกับพ่อ”เจินอึ้งนิ่งค้างเมื่อชัยพูดขึ้น ในใจรู้สึกหวั่นอยู่ไม่น้อยแต่ก็คิดหาทางออกไม่ได้ ทำได้แต่ยืนนิ่ง ก่อนจะรีบคว้าแขนของผู้เป็นพ่อพร้อมกับมองด้วยสายตาร้องขอ ชัยเบือนหน้าหนีไม่กล้ามองหน้าลูกสาวของตนเพราะกลัวจะใจอ่อนอีก“ฉันจะออกค่าใช้จ่ายที่ต้องตรวจให้ ตรวจให้ครบทุกตารางนิ้วทุกโปรแกรม”ชุนพูดเสียงนิ่งเรียบและหนักแน่น ก่อนจะหยิบเช็กเงินสดที่เตรียมไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของตนออกมา ยื่นให้ลูกน้องของตน ชัยก้มมองตัวเลขบนเช็กก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายตน“ทำไมมันมากขนาดนี้ล่ะครับ? ผมไม่กล้ารับไว้หรอกคุณชุน แค่นี้ผมก็รู้สึก...”“ให้ค่าเสียเวลา...และค่าเลี้ยงดูลูกของมึง กูอยากให้มึงเลี้ยงดูมันให้ดี ไม่ให้ไปทำเรื่องแบบนี้อีก”“เจินไม่ไปนะคะคุณชุน เจินขอโทษ...อย่าไล่เจินออกไปจากบ้านนี้เลยนะคะ เจินจะไม่ทำอีกแล้ว”เจินแทบจะคุกเข่าตรงหน้าชุน พร้อมกับขอร้อ