.
.
หลังจากวันนั้นชุนก็แวะเวียนมาที่บ้านของเธอบ้างเป็นครั้งคราว แต่มาทุกครั้งก็ดูไม่สบอารมณ์เสียเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะโดนบังคับเสียส่วนใหญ่ บ้างก็มากับเฮียตงและซิน บ้างก็มากับเตี่ยและม๊าของเขา จนถึงวันนี้ที่เป็นวันแต่งงานเขาก็ยังคงทำหน้าไม่รับแขกเช่นเดิม ต้นหยกและชุนยืนถ่ายรูปต้อนรับแขกอยู่หน้างาน
ภายในงานเต็มไปด้วยรูปภาพพรีเวดดิ้งที่ดูชื่นมื่นของพวกเขา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ากว่าจะได้แต่ละภาพเล่นกินเวลาไปหลาย เพราะบางครั้งเขาก็ไม่ยอมมาถ่าย บางครั้งก็มาสายจนล่วงเลยเวลาที่จะได้ภาพสวยๆ ตามคอนเซ็ปต์ที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งตั้งใจไว้ งานแต่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายคอยเคี่ยวเข็ญ
ต้นหยกยิ้มรับแขกอย่างอ่อนหวานและใบหน้าที่ดูเต็มไปด้วยความสุข เธอคิดว่าไม่ว่ายังไงเธอจะต้องมีความสุขในวันสำคัญในชีวิตของเธอ ระหว่างที่ยืนถ่ายรูปกับแขกในงานนั้น สายตาคมของชุนก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวในชุดสีขาวเหมือนชุดเจ้าสาวเดินเชิดเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มมอบให้ชายหนุ่มตรงหน้า ชุนอึ้งค้างก่อนจะรีบเดินตรงปรี่เข้าไปหาหญิงสาวสุดเซ็กซี่นั้น
“เส้นฟาง ไหนพี่ว่าจะไม่มาไงคะ?”
ต้นหยกหันไปส่งแขกเข้างานก่อนจะหันไปมองทั้งคู่ที่ดูสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษอย่างไม่สบายใจ เส้นฟางปรายตามองต้นหยกก่อนจะหันไปจัดแจงโบว์ตรงคอให้ชุนอย่างแนบชิด ก่อนที่เส้นฟางจะดึงแขนของชุนเดินเข้าไปหาต้นหยกด้วยรอยยิ้มหวานใสซื่อ
“ฟางอยากถ่ายรูปด้วย มาถ่ายรูปด้วยกันเถอะค่ะ”
“ฮะ? ...แน่ใจหรอคะ?”
“ค่ะ...ฟางมาแสดงความยินดีด้วยทั้งที จะไม่ให้ร่วมเฟรมด้วยเลยหรอคะ?”
“อืม...ก็ได้ครับ”
ชุนตอบอย่างตามใจหญิงสาวตรงหน้าก่อนที่เส้นฟางจะดึงชุนมาตรงกลางและเธอยืนข้างขวา ต้นหยกยืนข้างซ้าย ก่อนจะหันไปทางช่างภาพ เส้นฟางคว้าแขนของชุนแล้วควงแขนของเขาพร้อมกับโน้มศีรษะไปทางเจ้าบ่าวแล้วยิ้มแป้นเพื่อถ่ายรูป ต้นหยกมองที่แขนของคนทั้งคู่อย่างไม่พอใจนัก ก่อนจะหันไปมองกล้องพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ
หลังจากถ่ายภาพไปได้สองภาพ เฮียตงและซินที่เดินออกมาตามคู่บ่าวสาวก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์ของทั้งสามคน เฮียตงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างเส้นฟางและชุนทันที
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฟางก็มาร่วมแสดงความยินดีกับ...แฟน...ของฟางไงคะ”
“น้องเส้นฟาง ที่นี่ไม่ใช่กองละครนะคะ”
“พี่ซินก็พูดอะไรอย่างนั้นคะ เส้นฟางมาแสดงความยินดีจริงๆ ...ถึงแม้จะโดนแย่งแฟนไปก็เถอะ”
เส้นฟางพูดพร้อมกับหันไปมองทางต้นหยกด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรแต่คำพูดคำจากลับไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ต้นหยกยืนกำมือแน่นจ้องมองหญิงสาวตอบ แต่กลับไม่พูดอะไรเลย เธอผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ก่อนจะทำสีหน้าให้ปกติที่สุด ซินที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้นหยกก็ลูบบ่าปลอบเธอเบาๆ
“อ้าว...แฟนหรอ? ตอนไอ้ชุนถามยังไม่เห็นจะตอบได้ว่าเป็นอะไรกัน ตอนมันขอแต่งงานก็ปฏิเสธเองไม่ใช่?”
“พี่ตงจะไปรู้อะไรคะ? ฟางกับพี่ชุนอยู่ด้วยกัน...ถีงไหนต่อไหนแล้ว ถึงไม่บอกสถานะเราก็รู้กันอยู่แล้วค่ะ”
“พอเถอะนะเส้นฟาง พี่ขอ”
ชุนพูดพร้อมกับหันไปมองเส้นฟางเพื่อขอร้องไม่ให้เธอเถียงกับเฮียตงไปมากกว่านี้ ถึงเขาจะไม่รู้ว่าทำไมทางบ้านถึงไม่ชอบเส้นฟางก็ตาม แต่เขาเห็นว่าเธอเป็นคนที่ผ่านความยากลำบากมาด้วยตัวเอง เขาจึงเชื่อว่าเธอเป็นคนดีและไม่ใช่คนอย่างที่ทุกคนในบ้านคิดแน่นอน
“ฟางแค่อธิบายค่ะ ว่าที่ฟางไม่แต่งงานกับพี่ชุนเพราะฟางยังไม่พร้อม ไหนจะฐานะ ไหนจะเงิน ฟางแค่ตั้งตัวให้สมกับพี่ก่อนถึงยังไม่ตกลง แต่ไม่คิดว่าที่บ้านพี่จะทำถึงขนาดนี้”
แปะๆๆ
“ว้าว...น่าทึ่ง สร้างเรื่องได้ดี ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าชุนจะแต่งงานก็ไม่เห็นเสนอหน้ามาคัดค้านแสดงความรักที่มีให้กันเลยนี่ เอ...หรือจะรู้ว่าถ้าชุนไม่แต่งจะไม่ได้มรดกกันนะ”
เฮียตงปรบมือสองสามทีก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแดกดันแฟนสาวกำมะลอของน้องชาย ชุนเห็นอย่างนั้นถึงห้ามพี่ชายตัวเองไว้ด้วยการเอาตัวมาขวางสายตาเหยียดหยามของเฮียตง ต้นหยกที่นิ่งเงียบอยู่นานก็เดินไปห้ามสองหนุ่มไว้ทันที
“พอเถอะค่ะ...งานจะเริ่มแล้ว เราเข้างานกันเถอะ.....เชิญด้านในค่ะคุณเส้นฟาง”
ต้นหยกพูดพร้อมกับหันไปเชิญเส้นฟางด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะเดินนำเข้าไปก่อนตามด้วยซิน เฮียตงปรายตามองเส้นฟางเล็กน้อยก่อนจะเดินตามคนทั้งคู่เข้างานไป ชุนหันไปหาเส้นฟางที่ทำหน้าเศร้าน้ำตาคลอ ก่อนจะประคองเธอเข้างานเช่นกัน
งานดำเนินไปอย่างราบรื่นรวมถึงการจดทะเบียนสมรสในงานอย่างที่ทุกคนคาดหวัง แต่สายตาของชุนยังคงมองไปทางเส้นฟางตลอด ไม่ได้หันไปมองเจ้าสาวของตนเลย จนเวลาล่วงเลยมาถึงส่งเข้าเรือนหอที่เหลือแต่ครอบครัว เรือนหอของเขาเตี่ยเป็นคนหาซื้อให้ อยู่ไม่ไกลจากบ้านใหญ่ของตระกูลธนกุลนัก เป็นบ้านหลังใหญ่สองชั้นที่เชื่อมบ้านหลังเล็กข้างๆ อีกสองหลัง เหมือนเรือนแยก
ที่เตี่ยซื้อเรือนหอแบบนี้ให้เพราะหวังจะให้มีลูกเต็มบ้าน หลานๆ จะได้มีบ้านอยู่เมื่อโตขึ้นจะได้ไม่ต้องแยกไปไหนไกล ส่วนพ่อแม่ก็จะได้อยู่ตัวบ้านหลังใหญ่นี้
“ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองนะ ฮ่าๆๆ”
เตี่ยพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะร่า ตบบ่าลูกชายของตนอย่างปลื้มปีติ เพราะเขามีลูกเยอะไม่ได้ร่างกายภรรยาไม่ค่อยแข็งแรงและเขาเองก็แก่มากแล้วจึงมีมาแค่สองคนคือเฮียตงและชุนเท่านั้น
“เอ็นดูน้องให้มากๆ นะลูก ปกป้อง ดูแลน้องนะ เราเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วนะอาชุน”
“....ครับม๊า”
“ม๊าฝากต้นหยกด้วยนะอาชุน”
“ครับ....”
“ถือไม้เท้ายอดพองกระบองยอดเพชรนะ”
“อย่ารังแกน้องนะไอ้เสือ”
“ต้นหยกเป็นคนสวยมากนะชุน”
ทุกคนต่างอวยพรให้ทั้งคู่ก่อนเข้าหอ แม่ของต้นหยกอดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเดินเข้าไปกอดลูกสาวที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆ ชุน พร้อมกับลูบศีรษะลูกสาวสุดที่รักอย่างอ่อนโยน
“ใจเย็นๆ ให้มาก หนักแน่นให้มาก เข้าใจให้มาก อย่างอแงงี่เง่าเอาแต่ใจกับพี่เขานะต้นหยก...รักกันให้มากๆ นะลูก มีอะไรให้อภัยกัน หนักนิดเบาหน่อยอย่าทิ้งกันนะลูก ให้อยู่คู่กันเหมือนกิ่งทองกับต้นหยก ยั่งยืนยาวนาน”
“ค่ะม๊า...”
ต้นหยกตอบรับทั้งน้ำตาก่อนที่ทุกคนจะเดินออกจากห้องไป แต่เตี่ยก็ยังหันไปมองทั้งคู่ที่นั่งอยู่ปลายเตียงแล้วยิ้มแป้นจนชุนเริ่มรู้สึกแปลกๆ
“เข้าหอคืนแรก...ห้ามออกจากห้อง!”
“ฮะ?! อะไรนะเตี่ย เดี๋ยวๆ ...เดี๋ยวก่อน...”
ชุนรีบวิ่งไปที่ประตูแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ผู้เป็นพ่อปิดประตูพร้อมกับล็อกกลอนจากด้านนอก ไม่ว่าชุนจะพยายามผลักประตูเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ต้นหยกมองดูชุนที่หัวเสียอยู่หน้าประตูก่อนจะถอดเครื่องประดับออกอย่างนิ่งเฉย ชุนหันกลับไปมองภรรยาของตนพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“ดูสบายใจไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยนะ...อยากได้ฉันจนตัวสั่นเลยหรือไง?”
“เฮ้อ...หยกจะนอนพื้น”
“นี่เธอหาว่าฉันไม่เป็นสุภาพบุรุษว่างั้น”
“แล้วแต่เฮียจะคิด วันนี้หยกเหนื่อยแล้ว ไม่อยากเถียงเฮียด้วย”
ต้นหยกพูดจบก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที วันนี้เธอเหนื่อยจริงๆ ทั้งเรื่องงานทั้งเรื่องแฟนของชุนอีก ชุนมองดูต้นหยกที่เมินเฉยต่อเขาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเพื่อรอเธออาบน้ำเสร็จ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงต้นหยกพึ่งจะออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนกระโปรงยาวพร้อมกับมีเสื้อคลุมที่มัดไว้อย่างดี ชุนมองหญิงสาวที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอางก็ดูสวยไม่หยอก ปากอิ่มสีแดงสดนั้นไม่ใช่ลิปสติกเหมือนที่เขาคิดไว้ ชุนละสายตาจากต้นหยกเมื่อทั้งสองสบตากัน ก่อนที่เขาจะเดินตรงปรี่เข้าห้องน้ำไป
หลังจากที่ชุนอาบน้ำเรียบร้อยแล้วเดินออกมาก็เห็นต้นหยกจัดปูที่นอนตรงพื้น เหลือหมอนเพียงหนึ่งใบกับผ้าห่มหนาบนเตียงกว้าง ส่วนเธอมีแค่ผ้าห่มผืนบางๆ เท่านั้น ชุนหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินไปนอนบนเตียงอย่างสบายใจแล้วหันไปทางภรรยาสาวที่กำลังก้มกราบพระอยู่แล้วล้มตัวนอนลงโดยไม่ร้องขอนอนบนเตียงสักคำ ถ้าเธอเอ่ยสักนิดเขาคงจะยอมนอนพื้นแทน
“ไม่นอนบนเตียงจริงหรอ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“หรือกลัวฉัน?”
“ยังไม่เคยหรอ?”
“เฮียหมายถึงอะไรล่ะ?”
“นอนกับผู้ชาย”
“...........”
“หึ...ไม่ตอบ”
“ค่ะ”
“ค่ะ นี่หมายความว่าไง?”
“หยกง่วงแล้ว ฝันดีค่ะเฮีย”
ต้นหยกตอบแบบไม่ใส่ใจหนักก่อนจะตัดบทไปเสียดื้อๆ ทิ้งให้ชุนนอนคิดถึงคำตอบของเธอที่ยังคาใจไม่หาย ก่อนจะสะบัดความคิดของตนออกไป เพราะยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว เขาไม่ได้คิดจะมีสัมพันธ์ใดๆ กับเธอ แค่แต่งๆ ไปแล้วใช้ชีวิตเหมือนเดิม รอวันหย่าเพียงเท่านั้น ชุนพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ ในหัวคิดถึงแต่ต้นหยกที่นอนอยู่ที่พื้นมันเลยรู้สึกขัดใจเขา ก่อนที่เขาจะลุกพรวดขึ้นมาชะโงกหน้ามองภรรยาสาวที่หลับตาพริ้ม
ชุนจึงลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ ต้นหยกที่นอนอยู่ก่อนจะช้อนร่างของเธออุ้มขึ้นมาในท่าเจ้าหญิง ต้นหยกที่พยายามบังคับให้ตัวเองหลับก็ลืมตาตื่นขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับเกร็งตัวแข็งมองชุน
“ฮะ..เฮียจะทำอะไร?”
.
.
.
..“ไปนอนด้วยกันบนเตียงนี่แหละ”“ไม่ต้อง หยกนอนได้”“แต่ฉันนอนไม่ได้”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหยก”“มันไม่สบายใจ”“ไม่เป็นไรจริงๆ เฮีย หยกอยากนอนพื้นจริงๆ”ต้นหยกพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกจนชุนถึงกับเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งมองหญิงสาวที่ก้มหน้าไม่มองเขา แถมยังเกร็งตัวในอ้อมแขนเขาขนาดนี้ ชุนยกยิ้มก่อนจะวางร่างเธอลงบนเตียงแล้วคร่อมทับทันทีไม่ปล่อยให้เธอลุกหนีไปได้“ทำไม? ....กลัวฉันทำอะไร...เธองั้นหรอ?”ชุนมองต้นหยกพร้อมกับเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบก่อนจะมองไปทั่วเรือนร่างของเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ต้นหยกเบื่อนหน้าไปทางอื่นแต่แขนเรียวยังยกเกร็งพร้อมกับผลักอกแกร่งของเขา สีหน้าของเธอดูกังวลไม่น้อยนั่นยิ่งทำให้ชุนได้ใจไปกันใหญ่“ฉันแต่งมาแพง ก็ต้องคุ้มกับที่แต่งมาหน่อยสิ”มือหนาเลื่อนไปลูบไล้ใบหน้าอย่างแผ่วเบาก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจ
..ต้นหยกและอาลี่ช่วยกันเตรียมอาหารเช้าเพราะรู้ว่ายังไงชุนก็ต้องลงมาทานข้าวแล้วไปทำงาน ภรรยาสาวจัดโต๊ะอาหารและเตรียมกาแฟสำหรับผู้เป็นสามี ไม่ว่าเขาจะแสดงท่าทีต่อเธออย่างไร แต่เขาก็คือสามีที่เธอคิดจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ถึงชุนไม่ได้คิดเหมือนกันกับเธอก็ตาม ภรรยาสาวแอบหวังว่าสักวันเขาจะเห็นความรักของเธอที่มีต่อเขาบ้าง และนั่นอาจจะทำให้สามีเปลี่ยนใจเรื่องหย่าร้างชุนเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับพันเนคไทป์ให้ตนเองอย่างเร่งรีบ เพราะเขามีประชุมตอนเช้ากลัวว่าจะไปไม่ทันการณ์ต้นหยกที่หันไปเห็นก็รีบเข้าไปหาสามีหวังจะช่วยเขาผูกเนคไทป์ให้เรียบร้อย ชุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับจ้องมองภรรยาสาวอย่างสงสัย แต่ต้นหยกไม่ได้พูดอะไรและเอื้อมมือไปผูกเนคไทป์แทนชายหนุ่มหลุบตามองใบหน้าสวยที่ใกล้เข้าจนรู้สึกถึงลมหายใจโดยไม่คัดค้านการกระทำของเธอ กลิ่นกายหอมของภรรยาสาวโชยมาแตะที่ปลายจมูกจนเผลอเคลิ้มอยู่นาน ต้นหยกเงยหน้ามองชุนเล็กน้อยอย่างเขินๆ เพราะเธอผูกเนคไทป์ให้เขาเสร็จเรียบร้อยนานแล้ว แต่ผู้เป็นสามีกลับเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่วางตา"เอ่อ...เฮียชุน”
..ชุนและเส้นฟางที่แต่งตัวสวยเด่นดูแล้วเหมือนชุดคู่กันกับชุนราวกับคู่รักเดินควงแขนกันเข้าบ้านหลังใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเรือนหอก็เห็นต้นหยกนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ภรรยาสาวหันไปด้วยรอยยิ้มเมื่อรู้สึกว่าผู้เป็นสามีมารับเธอแล้ว ก่อนที่รอยยิ้มจะหุบลงทันทีที่เห็นชุนกับเส้นฟางเดินควงคู่กันมาอย่างไม่เกรงใจเธอสักน้อยแววตาที่ดีใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แม้สีหน้าของเธอจะดูเรียบนิ่งแต่ภายในใจกลับเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ สามีที่เธอตั้งใจแต่งงานด้วยความรักกลับควงหญิงอื่นต่อหน้าต่อตาเธอ อาลี่ที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ไกลจากต้นหยกนัก ลอบมองใบหน้าของผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดใจ“เป็นง้อยหรือไง ถึงกับต้องฟ้องเตี่ยสั่งให้ฉันมารับ”ชุนมาถึงก็พูดจาเหน็บแนม โดยไม่ให้เกียรติเธอเลย ทั้งที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่คนในบ้านอย่างเส้นฟาง ถึงเส้นฟางจะเป็นคนรักของเขาแต่ก็ไม่ใช่คนที่เธอรู้จักหรือสนิทสนมด้วย และอีกอย่างเธอคือภรรยาของเขาอย่างถูกต้อง ต้นหยกเลือกที่จะเงียบและไม่โต้ตอบใดๆ“อุ้ย...ไม่ยักกะรู้ว่าพอ
..“อาชุน!!”ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลธนกุลหรือเตี่ยเฟย เถ้าแก่เฟย ผู้เป็นพ่อได้เดินเข้าไปหาลูกชายคนเล็กของตระกูลอย่างอาชุน หรือชุน ที่ควงแขนหญิงสาวที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเข้างานมา สร้างความไม่พอใจให้กับเตี่ยเฟยเป็นอย่างมาก เพราะการที่เขาทำแบบนี้เหมือนไม่ให้เกียรติตระกูลเจริญกุลที่เป็นพันธมิตรกันมานานเลยแม้แต่น้อยชุนและผู้เป็นพ่อยืนประจันหน้ากันโดยที่ลูกชายไม่ได้สะทกสะท้านหรือมีใบหน้าสลดแต่อย่างใด ชุนยิ้มร้ายก่อนทำท่าแนะนำหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่เตี่ยเฟยยกมือห้ามเสียก่อน มีหรือที่ชุนจะยอมฟัง“นี่เส้นฟางเป็น.....”“........”สายตาของเตี่ยเฟยมองลูกชายตนเป็นเชิงดุ ชุนเห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเกิดความกังวลแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เขาก็ดูออก ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างผู้ชนะ“หึ...เป็นเพื่อนผมครับเตี่ย”“........”เตี่ยเฟยยังคงเงียบไม่ตอบพร้อมกับมองเส้นฟางที่ทำสีหน้
..ชุนแทบไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเส้นฟาง ถึงมันจะเป็นความคิดที่ดีแต่สำหรับเขาไม่ค่อยถูกใจนัก เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรเพื่อใส่ร้ายคนอื่นอย่างนั้น ถ้าจะทำก็ทำตรงๆ ไม่ใช่การใส่ร้าย และอีกอย่างยังไงต้นหยกก็เป็นภรรยาแต่งของเขา การจัดฉากใส่ร้ายภรรยาของตัวเองแบบนั้นไม่ใช่ลูกผู้ชายเสียเท่าไหร่“พี่ชุนว่าไงคะ?”“ไม่...ไม่ใช่ทางพี่”ชุนพูดจบก็เดินไปยังที่ที่ต้นหยกและฮ่องเต้ยืนอยู่โดยทิ้งเส้นฟางอ้าปากค้างและมองตามอยู่อย่างนั้น เส้นฟางไม่พอใจที่ชุนปฏิเสธแผนของเธอ จึงไม่ได้เดินตามไปแต่อย่างใด ชุนเดินไปถึงก็กล่าวทักทายแขกระดับวีไอพีพร้อมกับโอบเอวบางของต้นหยกเป็นเชิงแสดงความเป็นเจ้าของตัวจริง ต้นหยกมองไปที่มือหนาของเขาที่จับเอวเธอก่อนจะหันไปมองใบหน้าหล่อของชุนอย่างงุนงง ต้นหยกพยายามปัดมือของเขาออกแต่ชุนกลับไม่ยอมปล่อยและยังดึงเธอเข้ามาชิดตัวเองเบาๆ“คุณชุนโชคดีนะครับ ที่ได้คุณต้นหยกมาเป็นภรรยา เธอเก่งมากๆ เลย จนผมแทบจะอดใจร่วมหุ้นด้วยไม่ไหวเลยล่ะครับ”&ldqu
..“หึ...เงินสินะ...งั้นเอากับฉันสิ ได้มากกว่าสินสอดนั่นเยอะ! ไหนๆ ก็เอาตัวแลกอยู่แล้วนี่”“เฮียจะทำอะไร...เฮียชุน!!”ชุนผลักต้นหยกล้มลงไปนอนราบกับโซฟา ก่อนจะตามไปคร่อมทับร่างอรชรของต้นหยก มือเล็กที่ผลักดันอกแกร่งให้ออกห่างกลับถูกมือทั้งสองข้างของเขาล็อกไว้แน่น ต้นหยกเบิกตากว้างตัวของเธอสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้เฮียชุนที่เธอเคยรู้จักกลับไม่ใช่คนเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาช่างน่ากลัวเหลือเกินใบหน้าโน้มเข้าใกล้เรื่อยๆ ต้นหยกเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้เขาจาบจ้วงเธอไปมากกว่านี้ ชุนเห็นท่าทางของต้นหยกแบบนั้นก็ยกยิ้มก่อนจะก้มลงไปยังซอกคอขาวพร้อมกับใช้ปลายจมูกโด่งๆ ของเขาเกลี่ยซอกคอนั้นไปมาเหมือนหยอกเล่น ยิ่งเข้าใกล้เธอมากเท่าไหร่ตัวเขาเองที่จะอดใจไม่ไหวกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ลอยมาแตะปลายจมูกทำให้เขาแทบคลั่ง แต่เพราะร่างกายของเธอสั่นสะท้านเพราะความกลัวและเสียงสะอื้นที่เธอพยายามกลั้นไว้ มันทำให้เขาได้สติ“หึ....”“หยกขอร้อง...อย่าทำอะไรหยกเลยนะ”
..ต้นหยกหันไปพูดกับชุนด้วยแววตาเจ็บปวด แต่ก็เพียงครู่เดียวก่อนจะหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อแม้จะช้าก็ตาม แต่เธอจะไม่ร้องขอให้เขาช่วยเธออีกเด็ดขาด ตัดกันให้จบๆ ไป ไม่ต้องเหลือสักเศษเสี้ยวความรู้สึก ชุนเห็นอย่างนั้นก็รู้หงุดหงิดจึงเดินเข้าไปช้อนตัวของเธออุ้มขึ้นอีกครั้ง“เฮียจะทำอะไร? ปล่อย”“อย่าเล่นตัว”ชุนพูดแค่นั้นก็อุ้มเธอลงไปยังรถที่จอดอยู่โดยมีเส้นฟางยืนรออยู่ก่อนแล้ว เส้นฟางเห็นชุนอุ้มต้นหยกลงมาก็เกิดความไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงทำหน้ามุ่ย เส้นฟางเปิดประตูข้างหลังให้ชุนมองเส้นฟางครู่หนึ่งเพราะเขาตั้งใจจะให้ต้นหยกนั่งข้างหน้าข้างๆ เขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร พาต้นหยกไปนั่งข้างหลังอย่างที่เส้นฟางต้องการเท่านั้นเส้นฟางยิ้มอย่างพอใจก่อนจะพาตัวเองไปนั่งข้างคนขับ รถแล่นออกไปจากคฤหาสน์หรู และตรงดิ่งไปยังบ้านของพวกเขาที่ไม่ไกลนัก เพราะชุนตั้งใจว่าจะพาต้นหยกไปส่งแล้วไปนอนคอนโดกับเส้นฟาง เมื่อรถแล่นมาถึงบ้านหลังใหญ่ชุนก็จอดรถก่อนจะรีบลงจากรถเพื่อไปพยุงต้นหยกเส้นฟางไวกว่าเห
..ชุนอุ้มต้นหยกมานั่งลงบนเตียง มือเล็กของเธอพยายามปิดบังส่วนหน้าอกและต้นขาทั้งสองข้างอย่างเคอะเขิน วันนี้เขาอุ้มเธอหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้บรรยากาศกลับเริ่มกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเสียอย่างนั้น แม้กระทั่งสายตาที่ลอบมองเธอก็ดูไม่ปกติ มันแตกต่างจากทุกครั้งที่เขามักจะมองเธอด้วยแววตาแข็งกร้าวดุดันชายหนุ่มจับข้อเท้าที่บวมแดงของหญิงสาวก่อนจะบรรจงทายาและพันผ้าไว้อย่างดี เขายังเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่เงยหน้ามองต้นหยกที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย เพราะเธอมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวปิดคลุมร่างไว้เท่านั้น ถึงเขาจะดูใจร้ายหรือโหดร้ายไปบ้าง แต่สิ่งที่เขาไม่เคยทำคือขืนใจถ้าผู้หญิงไม่ยอม และส่วนใหญ่จะยอมเขาทั้งนั้น“ขอบคุณค่ะ”“อืม...ฉันให้เวลา 10นาทีแต่งตัวซะ ฉันจะออกไปรอข้างนอก”“........”“ถ้ายังแต่งตัวไม่เสร็จ ฉันก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”“หมายความว่าไง?”“ความอดทนของคนทุกคนมีขีดจำกัด”ชุนพูดจบก็เดินออกจากห้องอีกครั้งโดยไม่
..เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด!!!“อ๊า อ๊า อื้อ”สะโพกพลิ้วสวนกระแทกหนักหน่วงและรุนแรงขึ้นจนเตียงโยกไปมา เสียงครางของเขาและเธอสลับกับเสียงของเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดตามด้วยเสียงกระทบของเนื้อหน้าขาและบั้นท้ายงอนงาม บทเพลงรักที่ยาวนานจนเกิดเสียงฉ่ำแฉะอยู่กึ่งกลางของทั้งสองร่างที่เชื่อมต่อกันไม่มีหลุด แม้ว่าจะโยกเข้าออกจนสุดก็ไม่อาจจะทำให้ทั้งสองร่างหลุดออกจากกันความเสียวซ่านเริ่มรุนแรงทวีคูณถาโถมเข้ามาหาคนทั้งสอง มือหนาบีบคลึงเต้าตึงไม่พัก ส่วนมืออีกข้างเอื้อมไปจับที่หัวเตียงยึดรั้งตัวไว้ก่อนจะเร่งสะโพกพลิ้วกระแทกเข้าสุดอย่างรุนแรงและถี่ยิบ ต้นหยกกำหมอนไว้แน่นเพื่อระบายความเสียวและจุกช่องท้องไปหมด“อ๊า อ๊า อ๊า...อ๊ะ อ๊ะ!!”“ฮื่มมมม...อา”สะโพกรัวซอยถี่ยิบคิ้วเข้มขมวดชนกันแน่น ยิ่งกระแทกเข้าออกยิ่งทำให้รู้สึกเสียวซ่านจนตัวเกร็ง ความหนักหน่วงของแรงกระแทกไม่ได้แผ่วลงเลย คนใต้ร่างร้องครางเหมือนใจจะขาด ก่อนที่ทั้งสองร่างจะกระดุกเกร็งปลดปล่อยความเสียวกระสันพ
..หลังจากที่ต้นหยกออกไปส่งเฮียตงและซินกลับมา เธอก็เดินมาหาชุนแล้วทำท่าหยิบกระเป๋าของตน ชุนนอนคะแคงเท้าศีรษะอย่างงงๆ ว่าต้นหยกจะไปไหน“จะไปไหนหรอคะ?”“หยกว่าจะไปหาอะไรมาให้ทานน่ะค่ะ แล้วว่าจะกลับเลย”“ได้ไง...ไม่อยู่เฝ้าหรอ?”ชุนพูดพร้อมกับหน้าน่าสงสาร ต้นหยกมองสีหน้าของเขาก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ที่ชุนเข้าใจผิด แต่ว่าเธออยากจะแกล้งคนตรงหน้าเสียหน่อย เพราะเธอเองก็โดนเขาแกล้งมาเยอะ เห็นทีจะต้องเอาคืนบ้างแล้ว“เฝ้าทำไมคะ? ก็เห็นบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่บอกหมอให้ทำแผลดูโอเว่อร์เท่านั้น พรุ่งนี้หยกต้องไปทำงานไม่มีเวลามาเยี่ยมนะคะ อาจจะมาเย็น”“สามีเป็นขนาดนี้ไม่อยู่ดูแลหน่อยหรอ...งานน่ะหยกไม่ทำก็ได้นะ เฮียเลี้ยงได้ เฮียดูแลหยกได้”“ดูแลตัวเองไปก่อนนะคะ หายดีค่อยมาดูแลหยกเนอะ”“โธ่..หยก”ชุนเอื้อมมือไปจับแขนเธอเขย่าเบาๆ พร้อมกับทำหน้าออดอ้อนน่าสงสารสุดฤทธิ์ ต้นหยกอดที่จะหัวเราะออ
..“เอ่อ...ยะ...หยก...ใจเย็นๆ ก่อน”ต้นหยกเดินเข้าไปใกล้ชุนพร้อมกับหน้าเขาด้วยสายตานิ่งเรียบ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจจนชุนถึงกับหุบยิ้มแทบจะทันที เพราะตอนแรกเธอคิดมากมายว่าจะดูแลยังไงต้องศึกษาอะไรบ้างเพื่อให้เขากลับมาเดิน เธอวางแผนทุกอย่างไว้ในหัว แต่กลับมารู้ความจริงแบบนี้ ชุนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กแต่ต้นหยกกลับหันหลังแล้วเดินไปในทันที“ต้นหยก! โอ๊ยยย!!!”“คนไข้! อย่าพึ่งลุกสิครับ”ชุนรีบลุกขึ้นอย่างลืมตัวก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพร้อมร้องลั่น มือเอื้อมไปจับที่ข้างลำตัว เพราะมันตรึงแผลที่อยู่ด้านหลัง ต้นหยกตอนแรกที่ไม่คิดจะหันกลับพลางคิดว่าเขาคงลองใจเธออีก แต่พอได้ยินเสียงบุรุษพยาบาลเธอก็รีบหันกลับไปมองแล้ววิ่งเข้าไปหาชุนทันที ต้นหยกพยุงเขาลุกขึ้นจากพื้นโดยมีบุรุษพยาบาลช่วยอีกแรงเพี๊ยะ!!“โอ๊ย! หยกตีเฮียทำไมเนี่ย”“อยากดื้อทำไมล่ะคะ คนบ้านี่! ลองใจอะไรก็ไม่รู้...คนเขาเป็นห่วงนะ&rdquo
..ต้นหยกและชุนเดินออกมาจากลิฟท์ของบริษัทก่อนจะเดินไปยังลานจอดรถโดยที่ชุนไม่แม้แต่จะยอมปล่อยมือที่จับมือต้นหยกไว้เลย ต้นหยกเองก็เขินไม่น้อย คำพูดที่เขาบอกรักยังคงก้องอยู่ในหัวเด่นชัด ใครจะไม่ใจอ่อนไหว การกระทำตลอดเกือบหนึ่งเดือนเต็มที่เขาตามตื้อตามง้อและทำหลายๆ เพื่อเธอโดยไม่บ่นสักคำ แต่...มันจะดีแค่ช่วงแรกรักหรือเปล่านะ ต้นหยกเองก็แอบกังวลเช่นกัน คงต้องดูกันไปอีกยาว นั่นหมายความว่าเธอจะลองให้โอกาสเขาอีกสักครั้งนั่นเอง“ไปหาอะไรกินกันไหมคะ? เพราะเมื่อกี้กินบะหมี่ไปนิดเดียวเองไม่ใช่หรอ?”“ก็เพราะใครล่ะคะ”“เฮียก็หิวเหมือนกันนะคะ”“ไม่เหมือนกันสักหน่อย”ต้นหยกหันไปทำหน้าดุแต่ใบหน้าของเธอกลับแดงเรื่อด้วยความเขิน นึกว่าตัวเองจะตายเสียแล้ว นี่สินะที่เขาบอกว่าอย่าปล่อยให้สามีหิวมากๆ ชุนมองต้นหยกแล้วหัวเราะออกมา อย่างน้อยเธอก็ยอมใจอ่อนแล้วทั้งสองเดินไปพลางหยอกล้อกันโดยไม่ได้สนใจรอบๆ ตัวเลย เหมือนโลกทั้งใบมีแต่พวกเขาจนลืมสังเกตหญิงสาวที่เดินตามหลังพวกเขามาติด
..“เส้นฟาง...เธอมาทำอะไรที่นี่?”“ฟางคิดถึงพี่ชุนมากๆ เลยค่ะ”เส้นฟางเดินเข้าไปกอดชุนแน่น ชุนตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของเธอ เพราะตั้งแต่เธอออกจากบ้านไป เส้นฟางไม่เคยติดต่อกลับมาหาเขาเลยสักครั้ง แล้วอยู่ๆ เธอก็โผล่มา คงไม่ใช่เพราะคิดถึงจริงๆ หรอก แต่คงจะเป็นเพราะเงินที่เขาให้ไปก่อนออกจากบ้านหมดแล้วเป็นแน่“คุณเส้นฟาง ปล่อยผม”“ทำไมถึงพูดห่างเหินแบบนั้นล่ะคะ พี่ชุนไม่รักฟางแล้วจริงๆ หรอคะ?”ชุนพูดพร้อมกับพยายามดันตัวของเส้นฟางออกด้วยมือข้างที่เหลืออยู่ แต่เส้นฟางกอดเขาแน่นไม่ยอมเป็นปล่อย จนเขาต้องออกแรงผลักเธออย่างแรงจนเซล้มไปกับพื้น เส้นฟางหันไปมองหน้าชุนพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ ชุนเห็นอย่างนั้นก็ทำท่าว่าจะเข้าไปช่วยแต่ก็ชะงัก ถ้าเขาใจดีเธอคงไม่คิดจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่ ชุนจึงตัดสินใจเลือกที่จะเดินผ่านเธอไปอย่างเงียบๆ“พี่ชุน!! ทำไมถึงได้ใจร้ายกับฟางแบบนี้!!”ชุนหยุดชะงักครู่หนึ่งแต่ไม่หันกลั
..หลังจากที่ทานอาหารกันเรียบร้อย ทุกคนก็ต่างแยกย้ายไปอาบน้ำและเข้าห้องนอนของตัวเอง ชุนเอนตัวลงนอนบนโซฟาหลังจากอาบน้ำเสร็จ และแน่นอนว่าโซฟามันไม่ได้นอนสบายอย่างที่คิดเลย แต่เขาก็ต้องอดทนให้ได้ และคิดว่าเดี๋ยวก็คงจะชินไปเอง ไฟในบ้านถูกปิดจนมิดสนิท ชุนนอนเอาแขนก่ายหน้าผากพลางคิดวิธีง้อต้นหยก ก่อนที่เขาจะหลับตาลงเพื่อพักสายตาเสียหน่อยผ่านไปได้พักหนึ่ง เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาก็ดังขึ้นและเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ชุนที่หลับตาอยู่นิ่งไม่ขยับรอฟังเสียงฝีเท้านั้นอย่างเงียบๆ ไม่นานเสียงนั้นก็หยุดลงข้างๆ ที่เขานอน ก่อนจะรู้สึกถึงบางอย่างที่สัมผัสร่างกาย ผ้าห่มที่เขาร่นไว้ตรงขาได้เลื่อนขึ้นมาบนตัวเขาจนถึงอก ชุนยกยิ้มก่อนจะคว้าข้อมือเล็กที่จับผ้าห่มอยู่นั้นกระชากลงมาเข้าหาตน“อ๊ะ!!! เฮียชุน!! ยังไม่หลับทำไมต้องแกล้งหลับด้วย”“ถ้าไม่แกล้งหลับจะรู้หรอว่ามีคนจะลักหลับเฮีย”“บ้า! ปล่อยนะคะ!”ชุนยังคงกอดต้นหยกที่เซล้มลงมาบนตัวเขาไว้แน่น ถึงแม้จะมืดแต่เขาจำกลิ่นตัวของเธอได้ดี ต้นหยกดิ้นขลุกขลักอยู
..“อ้าว...แล้วทำไมมึงไม่พูดล่ะ”“ก็บอกแล้วไง ว่าพูดไม่ออก...มันยากนะเว้ยเฮีย”ชุนหันไปพูดกับเฮียตงหลังจากที่มาปรึกษาเรื่องทั้งหมด เขาสิงสถิตอยู่ที่นี่เป็นชั่วโมง เพื่อขอวิธีบอกรักง่ายๆ แต่กลับโดนเฮียตงถามย้ำอยู่อย่างนั้นจนถึงตอนนี้“ก็กูถึงถามเป็นรอบที่ล้านอยู่นี่ไงว่าทำไมไม่พูด แค่พูดมันยากตรงไหน?”“ผมก็ตอบรอบที่ล้านไปแล้วไงเฮีย ปรึกษาได้เรื่องไหมล่ะวันนี้”“ติดตรงไหน? ไหนมึงลองบอกกูดิ”“ติดตรงปากนี่แหละ อีกอย่างต้นหยกก็ไม่คิดจะฟัง หนีผมอย่างเดียว”“มึงก็พูดออกไปเลยสิวะ จะฟังไม่ฟังก็เรื่องของเขา”“ก็บอกอยู่นี่ไงว่าพูดไม่ออก”“พี่น้องคู่นี้จะทะเลาะกันอีกนานไหมล่ะเนี่ย หือ?”ซินเดินเข้ามาพร้อมกับจานขนมและชา ก่อนจะวางของว่างนั้นแล้วนั่งลงข้างๆ เฮียตง ชุนทิ้งตัวเอนหลังพร้อมกับหยิบขนมเข้าปากอย่างเซ็งๆ ซินส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดขึ้น&ldq
..หลังจากที่ชุนได้ฟังฟังเฮียตงเทศนามหาชาติแล้วก็รีบขับรถตรงดิ่งมายังบ้านของตน ก่อนจะรีบร้อนวิ่งเข้าไปในบ้าน ในใจภาวนาว่าต้นหยกจะยังไม่ออกไป อาลี่เห็นชุนกลับเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปรับพร้อมกับทำหน้าเศร้า“นายหญิงล่ะ?”“ไปแล้วค่ะ ไปพร้อมกับถิง”“แล้วทำไมไม่ห้ามไว้ล่า”“ลี่ถามแล้วค่ะ แต่คุณหยกบอกว่าจะแวะมาเยี่ยมบ่อยๆ ฮึกๆ”อาลี่พูดพร้อมกับปาดน้ำตาและร้องไห้กระซิกๆ ชุนมองไปทั่วบ้านด้วยความหงุดหงิดก่อนจะรีบเดินออกจากบ้านแล้วขึ้นรถที่จอดไว้พร้อมกับขับออกไปอย่างรวดเร็ว เขาต้องไปในที่ที่ต้นหยกอยู่ ไม่ว่าเธอจะออกมาเจอหน้าเขาหรือไม่ก็ตามชุนขับรถตรงมายังบ้านป๊ากับม๊าของต้นหยก ก่อนจะจอดรถแล้วรีบเดินเข้าบ้านไป ก็เห็นว่าป๊ากับม๊านั่งทำสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่ห้องรับแขก แต่กลับไม่เห็นต้นหยกนั่งอยู่ด้วย ชุนจึงเดินเข้าไปหาทั้งสองคน ป๊าเฉินกับม๊าซิ่วเงยหน้าขึ้นมองชุนด้วยความตกใจเล็กน้อย ชุนมองทั้งสองก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วยกมือไหว้ด้วยสายตาที่ดูเศร้าสร้อย 
..“ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกับพ่อ”เจินอึ้งนิ่งค้างเมื่อชัยพูดขึ้น ในใจรู้สึกหวั่นอยู่ไม่น้อยแต่ก็คิดหาทางออกไม่ได้ ทำได้แต่ยืนนิ่ง ก่อนจะรีบคว้าแขนของผู้เป็นพ่อพร้อมกับมองด้วยสายตาร้องขอ ชัยเบือนหน้าหนีไม่กล้ามองหน้าลูกสาวของตนเพราะกลัวจะใจอ่อนอีก“ฉันจะออกค่าใช้จ่ายที่ต้องตรวจให้ ตรวจให้ครบทุกตารางนิ้วทุกโปรแกรม”ชุนพูดเสียงนิ่งเรียบและหนักแน่น ก่อนจะหยิบเช็กเงินสดที่เตรียมไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของตนออกมา ยื่นให้ลูกน้องของตน ชัยก้มมองตัวเลขบนเช็กก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายตน“ทำไมมันมากขนาดนี้ล่ะครับ? ผมไม่กล้ารับไว้หรอกคุณชุน แค่นี้ผมก็รู้สึก...”“ให้ค่าเสียเวลา...และค่าเลี้ยงดูลูกของมึง กูอยากให้มึงเลี้ยงดูมันให้ดี ไม่ให้ไปทำเรื่องแบบนี้อีก”“เจินไม่ไปนะคะคุณชุน เจินขอโทษ...อย่าไล่เจินออกไปจากบ้านนี้เลยนะคะ เจินจะไม่ทำอีกแล้ว”เจินแทบจะคุกเข่าตรงหน้าชุน พร้อมกับขอร้อ