“คุณรู้ทุกอย่างว่าพวกเขารักกันแต่ก็ยังหน้าด้านเข้าไปเป็นมือที่สามทำให้ความรักของคนอื่นแตกแยก!”
“เมมฟิส”
นุชนาถอุทานออกมาเสียงแหบแห้งขณะมองชายหนุ่มเขวี้ยงเศษแก้วในมือลงบนพื้นและไม่มีท่าทียี่หระต่อบาดแผลที่เลือดกำลังหยดไหลจนแดงเถือกถึงข้อมือ นัยน์ตาของเขาวับวาวและขึ้งเครียด ร่างเล็กบางที่นั่งตรงข้ามเริ่มสั่นและจุกในอกจนพูดอะไรแทบไม่ออกขณะกำมือทั้งสองไว้บนตักแน่น
เธอหายใจติดขัดเพราะความตื่นเต้นและตกใจอย่างมากต่อการกระทำของผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อนแต่มีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับคนอีกคนที่ชื่อนั้นยังติดลึกในความทรงจำของหญิงสาว เมมฟิสสำแดงอารมณ์โกรธออกมาอย่างไม่ปิดเร้น ใบหน้าของเขาเป็นสีเข้มจัด ชายหนุ่มยิ้มหยันใส่ความเจ็บปวดของเธอที่ต้องตกเป็นจำเลยทั้งที่ไม่ตั้งใจอย่างเลือดเย็น ร่างสูงลุกขึ้นยืนและจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง
“หึ!...ทำไม...ทนฟังไม่ได้รึยังไงเวลาที่คนอื่นพูดความจริง พวกนักแสดงอย่างพวกคุณน่ะมันอยู่แต่ในโลกของความลุ่มหลง ใส่หน้ากากเข้าหากันจนไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมันแหลกเหลวซักแค่ไหน”
“มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะคะ”
“แล้วมันเป็นยังไง! คุณอยากจะบอกผมอย่างนั้นใช่มั้ยว่าคุณคือผู้บริสุทธิ์ งดงามทั้งที่เบื้องหลังเน่าเฟะและสกปรกยิ่งกว่าอีตัวข้างถนน”
“เมมฟิส!”
หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้างกับคำบริภาษรุนแรงจากบุรุษตรงหน้า นุชนาถสั่นไปทั้งตัว ถึงจะรู้ว่าเมมฟิสยังเข้าใจผิดเรื่องที่น้องสาวของเขาฆ่าตัวตายเพราะเธอเป็นมือที่สามแต่หญิงสาวก็แทบกระอักเมื่อได้ยินคำหยาบร้ายที่หลุดออกมาจากปากของเขา ร่างแน่งน้อยตัดสินใจลุกขึ้นอย่างเหลืออดทั้งไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาที่คอยแต่จะล้นออกมาให้อับอายได้
“ฉันจะไม่พูดกับคนที่ไม่มีเหตุผลอย่างคุณ เรื่องทุกอย่างจบลงแล้วและฉันก็ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง”
“มันยังไม่จบแค่นี้หรอกรีส และผมก็จะไม่มีวันเชื่อน้ำหน้าดาราใจทรามอย่างคุณเป็นอันขาด!”
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด คุณมาที่นี่เพื่อจะพูดแค่นี้ใช่มั้ยคะ ถ้าหมดธุระแล้วฉันก็จะได้กลับไปทำงานของฉันซะที”
“คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น รีส เบคเลอร์!”
คำพูดสุดท้ายนั้นทำให้ร่างบอบบางที่กำลังจะหันหลังให้ต้องหยุดชะงัก เธอจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่แท้แล้วราวกับมีเงาซาตานครอบงำ เมมฟิสเหยียดริมฝีปากออกและสืบเท้าเข้ามาใกล้ นัยน์ตาข้นขุ่นจ้องนุชนาถเหมือนอยากฉีกทึ้งตัวเธอให้หลุดออกเป็นล้านชิ้น ร่างเล็กในชุดราตรีเกาะอกถอยกรูดไปด้านหลังแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือหนาที่เปรอะเปื้อนหยาดเลือดเอื้อมมาคว้าไหล่เปลือยไว้แน่น หญิงสาวปากสั่นระริก
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาบังคับฉัน คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้นได้หรอกนะคะเมมฟิส”
“ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อตอนนี้ชีวิตของคุณเป็นของผมแล้ว”
“ว่ายังไงนะคะ...โอ๊ย!”
เธอร้องเสียงหลงเมื่อมืออีกข้างของเขาตวัดรัดเอวบางแล้วดันร่างน้อยเข้าหาตัวก่อนจะก้มหน้าลงไปหา นุชนาถพยายามดันหน้าอกแกร่งยิ่งกว่าหินศิลาด้วยมือทั้งสองข้างแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทำให้ชายหนุ่มสะทกสะท้านใด ๆ เลย
“คุณต้องไปฝรั่งเศสกับผมคืนนี้!”
“ปล่อยฉันนะเมมฟิส!...คุณบ้าไปแล้ว ฉันจะไปได้ยังไงในเมื่อคืนนี้ฉันต้อง...”
“ชีวิตซูเปอร์สตาร์ของคุณจบลงที่นี่ คืนนี้แล้วรีส เบคเลอร์”
“เมมฟิส...ปล่อยฉัน!”
นุชนาถพยายามส่งเสียงร้องด้วยความตกใจกับความกักขฬะของเมมฟิสที่จู่โจมและคุกคามอย่างไร้เหตุผล ทว่ายิ่งขัดขืนดิ้นรนก็เหมือนยิ่งยุให้เขากอดรัดร่างบอบบางแน่นขึ้นจนเธออึดอัดหายใจแทบไม่ออก
“ทำไมฉันจะต้องไปกับคุณ!...ถ้าไม่ยอมปล่อยฉันจะเรียกผู้จัดการส่วนตัวมาที่นี่ ให้เขาพาตำรวจมาจับคุณข้อหาพยายามบังคับฉัน”
“ก็เอา!...ไปเรียกมาเลย” เขาเค้นเสียงและพ่นลมหายใจร้อนใส่แก้มนวลสีแดงเข้ม “ถ้าไม่อยากให้คุณยายของคุณต้องเดือดร้อนก็เชิญเรียกมาได้เลย!”
คำพูดนั้นทำให้นุชนาถถึงกับตาเบิกกว้าง หญิงสาวนิ่งอึ้งเหมือนอยู่ท่ามกลางพายุหมุนที่โหมกระหน่ำ ยิ่งตกใจใบหน้าสวยก็ยิ่งแดงก่ำมากขึ้นไปอีก
“เมมฟิส...นะ...นี่คุณพูดเรื่องอะไร คุณยายของฉัน...ทำไม”
“ผมก็แค่พา อาเคมิ คุณยายของคุณไปอยู่ในที่ที่เหมาะสมก็เท่านั้น”
“คุณโกหกใช่มั้ย...เมมฟิส...คุณโกหกฉัน คุณทำอย่างนั้นไม่ได้แน่ๆ”
“คนอย่างผมทำได้ทุกอย่างที่อยากทำ ถ้าคุณไม่เชื่อก็มาดูนี่!”
“โอเค...เสร็จแล้วนะจ๊ะที่รัก รีส เบคเลอร์ นางฟ้าของฉัน เธอพร้อมสำหรับงานพรมแดงคืนนี้แล้วนะจ๊ะ แม่นางฟ้าแสนสวย” หนุ่มหน้าสวยในชุดเสื้อคอระบายสวมกางเกงยีนส์สีซีดจีบปากจีบคอพูดขณะค่อย ๆ ไล้ปลายฝีแปรงขนาดใหญ่ไปบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ฉาบด้วยเมคอัพบางเบาอวดผิวงดงามเปล่งปลั่งของหญิงสาวชาวเอเชียวัยยี่สิบในชุดราตรีเกาะอกยาวกรุยกรายสีงาช้าง นุชนาถนั่งจ้องมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกที่งดงามดั่งภาพฝันจากฝีมือการแต่งหน้าของ สวีทเลิฟ เมคอัพอาร์ทิสชายหัวใจหญิงชาวอเมริกันชื่อดังซึ่งเธอรู้จักกับเขามานานแล้ว หญิงสาวเลิกริมฝีปากอิ่มฉ่ำด้วยลิปกลอสเป็นรอยยิ้มจาง “เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ สวีทตี้” เธอเรียกเขาด้วยสรรพนามบอกความสนิทสนม สวีทเลิฟจ้องมองหญิงสาวเลือดเอเชียใบหน้าเรียวรูปไข่ ตากลมโตและจมูกเล็กรั้นใต้กรอบเรือนผมทำสีเทาหม่นขับผิวข่าวผ่องให้เจิดจรัสอีกครั้งและพยักหน้า “เธอสวยแล้วรีสจ๋า...ทีนี้มาคอยดูกันสิว่า ใครจะแจ้งเกิดบนพรมแดงคืนนี้ถ้าไม่ใช่เธอ แม่ดาราเลือดใหม่ไฟกระพริบวิบวับจรัสแสงแข่งกับดวงดาว” “ฉันคงขี้เหร่ที่สุดแน่ ๆ ถ้าไม่ได้คุณช่วยคืนนี้
อนิจจาที่ความหวังดีของเขากลับเป็นหอกแหลมกลับมาทิ่มแทงตัวเธอ นุชนาถคิดถึงคืนนั้นที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอถูกคนของไมลี่พาไปยังห้องพักหรูหราพร้อมกับแคโรไลน์ ผู้จัดการส่วนตัว เธอพยายามจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจแต่ผู้บริหารสาวของบอร์ดสายการบินไม่ยอมฟัง ต่อมาเธอถึงได้รู้ข่าวว่านีลยุติความสัมพันธ์กับแฟนสาว เธออยากอธิบายให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใจเพื่อทั้งสองจะกลับไปคืนดีกันใหม่แต่การณ์กลับกลายเป็นไมลี่ทะเลาะกับนีลอย่างรุนแรงและประชดความรักด้วยการฆ่าตัวตายหลังจากที่นุชนาถไปพบเธอคืนนั้น หญิงสาวระบายลมหายใจพร้อมลืมตาขึ้นและกล่าวออกมาด้วยเสียงอันเบา “ฉันไม่ได้แย่งใครนะคะสวีทตี้” “ฉันรู้ที่รัก...เธอไม่ผิด...เธอไม่...” “ขอโทษนะคะสวีทเลิฟ” เสียงหนึ่งที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้บทสนทนาระหว่างคนทั้งสองภายในห้องแต่งตัวของโรงแรมหรูย่านใจกลางกรุงลอสแองเจลิสต้องหยุดชะงัก สวีทเลิฟหันไปมองสต๊าฟสาวสวยผู้ช่วยของเขาแล้วถามขึ้น “อะไรน่ะเบล...นี่หล่อนเข้ามาขัดจังหวะการคุยของฉันนะรู้มั้ย” “โอเคค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วย แต่พอดีว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องเข
“เชิญครับ”หนึ่งในนั้นเปิดประตูให้ หญิงสาวยังยืนนิ่งอยู่อีกไม่ถึงนาทีและตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้อง บานประตูถูกปิดลงและชายทั้งสองก็ไม่ได้ตามเข้ามา ในห้องนั้นเป็นห้องพักแบบสวีทหรูหราและมีขนาดใหญ่โตโอ่โถงมาก นุชนารีกวาดสายตาไปทั่วห้องพักเลิศหรูกระทั่งไปหยุดที่ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขก และเมื่อเขาเห็นว่าใครเข้ามาก็เปลี่ยนท่าเป็นนั่งหลังตรงและประสานมือไว้ด้านหน้า“สวัสดี...คุณรีส เบคเลอร์”เสียงทักทายที่ดังขึ้นนั้นทุ้มกังวานแต่หนักหน่วง หญิงสาวมองไปรอบห้องอีกครั้งก็ไม่เห็นว่ามีใคร มีเพียงเธอและ ใครคนนั้น ที่ไม่แน่ใจเลยว่าเขามีจุดประสงค์อันใดถึงได้มาขอพบเธอที่นี่ ร่างแน่งน้อยก้าวเข้าไปหยุดที่ชุดเก้าอี้รับแขกที่ซึ่งร่างสูงใหญ่ของชายอเมริกันผิวสีแทนจัดภายใต้ชุดสูทสีนิลนั่งอยู่ และเมื่อเข้าไปใกล้เธอจึงได้เห็นใบหน้าคร้ามเข้มนั้นชัด ๆ เขาเป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าหน้าตาดีมาก หล่อเหลาถึงขั้นที่ทำให้เธอนึกถึงเหล่านายแบบโลกรูปร่างนั้นสูงสง่าแม้ขณะนั่งก็ประมาณได้ว่าเขาน่าจะสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเลยทีเดียว นุชนาถเผลอจ้องหน้าคมคายที่สันกรามแกร่งรกด้วยขนเคราสั้นและจมูกโด่งยาว
เธอเป็นน้องสาวคนเดียวของเขาที่รั้งตำแหน่งรองผู้อำนวยการใหญ่ในบอร์ดสายการบินของบริษัท แม้จะอยู่ห่างไกลกันด้วยเหตุผลที่เขาทุ่มเทให้กับงานและเดินทางไปทั่วโลกตลอดเวลาโดยมีที่พักเกือบถาวรอยู่ในประเทศฝรั่งเศสหากเขากับน้องสาวก็จะติดต่อและพูดคุยกันเสมอ ซึ่งก่อนหน้านั้นแทบไม่มีเค้าลางใดเลยว่าไมลี่จะคิดสั้นและเขารู้เพียงว่าไมลี่กำลังปลูกต้นรักกับดาราหนุ่มชื่อดังที่มีกิตติศัพท์เรื่องความเป็นเพลย์บอย จนงานศพผ่านพ้นไปและเขาได้รับรู้เรื่องราวในภายหลังว่าเหตุใดไมลี่จึงคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งชนวนเหตุสำคัญอยู่ตรงหน้าเขานี่แล้วนี่นะหรือคือ รีส เบคเลอร์ดาราสาวผู้เป็นดวงดาวที่กำลังจรัสแสงในโลกมายา...เมมฟิสจับจ้องดวงหน้ารูปไข่งดงามนั้น ใบหน้าสวยหวานและดวงตากลมโตเป็นประกายภายใต้เมคอัพบางเบาแต่ดึงดูดจับจิต รูปร่างของเธอเล็กและบอบบางมากด้วยเชื้อสายของชาวเอเชีย และเธอก็อาจรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังอยู่ภายใต้ชุดราตรีเกาะอกที่มันดึงดูดสายตาคมเข้มคู่นั้นให้จับจ้องเนื้อนวลตั้งแต่ใบหน้าลงมาถึงไหปลาร้าและไหล่เปลือยจรดเรียวแขนกลมกลึงราวลำเทียนสำหรับเขาแล้วไม่อาจปฏิเสธว่า รีส เบคเลอร์ เป็นดาราสาวที่สวยมากเกินกว่าที่เขาคาดเดาไ