เธอเป็นน้องสาวคนเดียวของเขาที่รั้งตำแหน่งรองผู้อำนวยการใหญ่ในบอร์ดสายการบินของบริษัท แม้จะอยู่ห่างไกลกันด้วยเหตุผลที่เขาทุ่มเทให้กับงานและเดินทางไปทั่วโลกตลอดเวลาโดยมีที่พักเกือบถาวรอยู่ในประเทศฝรั่งเศสหากเขากับน้องสาวก็จะติดต่อและพูดคุยกันเสมอ ซึ่งก่อนหน้านั้นแทบไม่มีเค้าลางใดเลยว่าไมลี่จะคิดสั้นและเขารู้เพียงว่าไมลี่กำลังปลูกต้นรักกับดาราหนุ่มชื่อดังที่มีกิตติศัพท์เรื่องความเป็นเพลย์บอย จนงานศพผ่านพ้นไปและเขาได้รับรู้เรื่องราวในภายหลังว่าเหตุใดไมลี่จึงคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งชนวนเหตุสำคัญอยู่ตรงหน้าเขานี่แล้ว
นี่นะหรือคือ รีส เบคเลอร์
ดาราสาวผู้เป็นดวงดาวที่กำลังจรัสแสงในโลกมายา...เมมฟิสจับจ้องดวงหน้ารูปไข่งดงามนั้น ใบหน้าสวยหวานและดวงตากลมโตเป็นประกายภายใต้เมคอัพบางเบาแต่ดึงดูดจับจิต รูปร่างของเธอเล็กและบอบบางมากด้วยเชื้อสายของชาวเอเชีย และเธอก็อาจรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังอยู่ภายใต้ชุดราตรีเกาะอกที่มันดึงดูดสายตาคมเข้มคู่นั้นให้จับจ้องเนื้อนวลตั้งแต่ใบหน้าลงมาถึงไหปลาร้าและไหล่เปลือยจรดเรียวแขนกลมกลึงราวลำเทียน
สำหรับเขาแล้วไม่อาจปฏิเสธว่า รีส เบคเลอร์ เป็นดาราสาวที่สวยมากเกินกว่าที่เขาคาดเดาไว้ก่อนหน้าจะมาพบตัวจริง แต่มันก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ผู้หญิงพวกนี้จะต้องหน้าตาดี แต่นี่อาจเป็นนาทีสุดท้ายของดวงดาราที่จะถูกกระชากลงมาจากฟ้าสู่หุบเหวที่ลึกที่สุด รอยยิ้มเหยียดจุดขึ้นบนริมฝีปากหยักหนา
“ผมจะไม่อ้อมค้อมกับเรื่องที่จะมาคุยกับคุณในวันนี้ คุณรีส เบคเลอร์...ผมคิดว่าคุณคงไม่เคยรู้จักผม”
“ค่ะ...ฉันไม่เคยรู้จักคุณ”
“ใช่...คุณไม่รู้จักผมหรอก แต่คุณต้องรู้จักไมลี่ แคเมอรอน แน่ๆ!”
น้ำเสียงห้าวหนักที่กระแทกกระทั้นในตอนท้ายทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง นุชนาถมือเย็นเฉียบขณะมองหน้าเขาตรง ๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างแล่นขึ้นมาจุกคอหอยจนทำให้เธอพูดไม่ออก เมมฟิสยังจ้องใบหน้าสวยหวานตลอดเวลาขณะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างเยือกเย็น สันกรามแกร่งนูนขึ้นเป็นสันเพราะแรงขบ ใบหน้าของเขาเคียดขึ้งนัยน์ตาข้นคลั่กเหมือนบ่อโคลน
“เธอเป็นน้องสาวของผม...คุณรู้จักเธอดี เพราะไมลี่พึ่งขึ้นหน้าหนึ่งบนหนังสือแทบลอยด์เมื่อไม่ถึงสัปดาห์มานี้เรื่องที่เธอฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากนีล เทอร์เนอร์ดาราชื่อดังที่แอบคั่วกับดาราสาวหน้าใหม่ที่ชื่อรีส เบคเลอร์!”
เสียงห้าวกระแทกหนักพร้อม ๆ กับเสียงแก้วแตกลั่นในมือหนาที่ขย้ำมันดังเปรี๊ยะ นุชนาถแทบลืมหายใจเมื่อเห็นหยดเลือดไหลลงมาบนข้อมือของเขา เธอรู้ว่าเมมฟิสกำลังคั่งแค้นอย่างหนักต่อการจากไปของน้องสาว และเขาก็คิดว่าเธอคือต้นเหตุของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ร่างแน่งน้อยนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ บุรุษหน้าตาหล่อเหลาที่เธอเห็นคราวแรกได้แปรเปลี่ยนเป็นซาตานไปแล้วหรืออย่างไรและสิ่งที่เธอหวาดหวั่นอย่างที่สุดก็กำลังอุบัติขึ้นในวินาทีที่เธอพยายามข่มความรู้สึกกลัวลงลึกทั้งที่นัยน์ตาทั้งคู่เริ่มฝ้าฟางด้วยรอยน้ำรื้น
บทที่ 2 ฝันที่ดับสลาย
“คุณเมมฟิสคะ...ฉัน...”
“คุณอาจจะมีข้อแก้ตัวมากมายสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผมว่าคุณ...หลีกไม่พ้นสำหรับข้อหามือที่สามที่ทำให้น้องสาวของผมต้องเลือกทางตายเพราะคุณ!”
“หยุดทีเถอะค่ะ”
นุชนาถสวนกลับไปเสียงสั่นทั้งที่กำลังควบคุมตัวเองได้ยากเย็นขึ้นทุกที หญิงสาวจิกปลายเล็บลงบนอุ้งมือตัวเองแต่ก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับความไร้เหตุผลที่คนแปลกหน้ามายัดเยียดข้อหาให้เธอถึงที่นี่
“คุณเมมฟิส...ฉันไม่รู้จักคุณ แต่ฉันก็ไม่ปฏิเสธว่าฉันไม่รู้จักน้องสาวของคุณ ใช่ค่ะ...ฉันรู้จักไมลี่ รู้ว่าเธอเป็นผู้จัดการใหญ่ในสายการบินยูเรเชีย แอร์ไลน์”
“และรู้ว่าน้องสาวของผมคบอยู่กับนีล เทอร์เนอร์...ดาราดังที่กำลังเป็นข่าวตอนนี้ มีคนบอกว่าเห็นคุณไปพบน้องสาวของผมก่อนที่เธอจะฆ่าตัวตายผมถึงได้มาที่นี่เพื่อที่จะรู้ความจริงให้ได้ว่าคุณไปพบและพูดอะไรกับไมลี่”
คำพูดนั้นยิ่งทำให้นุชนาถอึ้งไปอีก ใบหน้าสวยซีดลงกว่าเก่าขณะหญิงสาวลำดับความคิดตัวเองในคืนก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมแสนเศร้า มันดูเหมือนรักสามเส้าทั้งที่ความจริงเธอตั้งใจจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้นทว่าการณ์กลับเป็นว่าทุกอย่างเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เรียวปากอิ่มสวยระริกสั่นเหมือนตัวเธอที่สั่นสะท้านแต่ไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไรเมมฟิสก็ชิงคำรามใส่เธอเสียก่อน
“ผมยิ่งกว่าแน่ใจว่าคุณเป็นต้นเหตุให้น้องสาวผมฆ่าตัวตาย!”
“ไม่นะคะ...ฉันไม่ได้...”
“คุณรู้ทุกอย่างว่าพวกเขารักกันแต่ก็ยังหน้าด้านเข้าไปเป็นมือที่สามทำให้ความรักของคนอื่นแตกแยก!”“เมมฟิส”นุชนาถอุทานออกมาเสียงแหบแห้งขณะมองชายหนุ่มเขวี้ยงเศษแก้วในมือลงบนพื้นและไม่มีท่าทียี่หระต่อบาดแผลที่เลือดกำลังหยดไหลจนแดงเถือกถึงข้อมือ นัยน์ตาของเขาวับวาวและขึ้งเครียด ร่างเล็กบางที่นั่งตรงข้ามเริ่มสั่นและจุกในอกจนพูดอะไรแทบไม่ออกขณะกำมือทั้งสองไว้บนตักแน่นเธอหายใจติดขัดเพราะความตื่นเต้นและตกใจอย่างมากต่อการกระทำของผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อนแต่มีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับคนอีกคนที่ชื่อนั้นยังติดลึกในความทรงจำของหญิงสาว เมมฟิสสำแดงอารมณ์โกรธออกมาอย่างไม่ปิดเร้น ใบหน้าของเขาเป็นสีเข้มจัด ชายหนุ่มยิ้มหยันใส่ความเจ็บปวดของเธอที่ต้องตกเป็นจำเลยทั้งที่ไม่ตั้งใจอย่างเลือดเย็น ร่างสูงลุกขึ้นยืนและจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง“หึ!...ทำไม...ทนฟังไม่ได้รึยังไงเวลาที่คนอื่นพูดความจริง พวกนักแสดงอย่างพวกคุณน่ะมันอยู่แต่ในโลกของความลุ่มหลง ใส่หน้ากากเข้าหากันจนไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมันแหลกเหลวซักแค่ไหน”“มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะคะ”“แล้วมันเป็นยังไง! คุณอยากจะบอกผมอย่างนั้
“โอเค...เสร็จแล้วนะจ๊ะที่รัก รีส เบคเลอร์ นางฟ้าของฉัน เธอพร้อมสำหรับงานพรมแดงคืนนี้แล้วนะจ๊ะ แม่นางฟ้าแสนสวย” หนุ่มหน้าสวยในชุดเสื้อคอระบายสวมกางเกงยีนส์สีซีดจีบปากจีบคอพูดขณะค่อย ๆ ไล้ปลายฝีแปรงขนาดใหญ่ไปบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ฉาบด้วยเมคอัพบางเบาอวดผิวงดงามเปล่งปลั่งของหญิงสาวชาวเอเชียวัยยี่สิบในชุดราตรีเกาะอกยาวกรุยกรายสีงาช้าง นุชนาถนั่งจ้องมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกที่งดงามดั่งภาพฝันจากฝีมือการแต่งหน้าของ สวีทเลิฟ เมคอัพอาร์ทิสชายหัวใจหญิงชาวอเมริกันชื่อดังซึ่งเธอรู้จักกับเขามานานแล้ว หญิงสาวเลิกริมฝีปากอิ่มฉ่ำด้วยลิปกลอสเป็นรอยยิ้มจาง “เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ สวีทตี้” เธอเรียกเขาด้วยสรรพนามบอกความสนิทสนม สวีทเลิฟจ้องมองหญิงสาวเลือดเอเชียใบหน้าเรียวรูปไข่ ตากลมโตและจมูกเล็กรั้นใต้กรอบเรือนผมทำสีเทาหม่นขับผิวข่าวผ่องให้เจิดจรัสอีกครั้งและพยักหน้า “เธอสวยแล้วรีสจ๋า...ทีนี้มาคอยดูกันสิว่า ใครจะแจ้งเกิดบนพรมแดงคืนนี้ถ้าไม่ใช่เธอ แม่ดาราเลือดใหม่ไฟกระพริบวิบวับจรัสแสงแข่งกับดวงดาว” “ฉันคงขี้เหร่ที่สุดแน่ ๆ ถ้าไม่ได้คุณช่วยคืนนี้
อนิจจาที่ความหวังดีของเขากลับเป็นหอกแหลมกลับมาทิ่มแทงตัวเธอ นุชนาถคิดถึงคืนนั้นที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอถูกคนของไมลี่พาไปยังห้องพักหรูหราพร้อมกับแคโรไลน์ ผู้จัดการส่วนตัว เธอพยายามจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจแต่ผู้บริหารสาวของบอร์ดสายการบินไม่ยอมฟัง ต่อมาเธอถึงได้รู้ข่าวว่านีลยุติความสัมพันธ์กับแฟนสาว เธออยากอธิบายให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใจเพื่อทั้งสองจะกลับไปคืนดีกันใหม่แต่การณ์กลับกลายเป็นไมลี่ทะเลาะกับนีลอย่างรุนแรงและประชดความรักด้วยการฆ่าตัวตายหลังจากที่นุชนาถไปพบเธอคืนนั้น หญิงสาวระบายลมหายใจพร้อมลืมตาขึ้นและกล่าวออกมาด้วยเสียงอันเบา “ฉันไม่ได้แย่งใครนะคะสวีทตี้” “ฉันรู้ที่รัก...เธอไม่ผิด...เธอไม่...” “ขอโทษนะคะสวีทเลิฟ” เสียงหนึ่งที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้บทสนทนาระหว่างคนทั้งสองภายในห้องแต่งตัวของโรงแรมหรูย่านใจกลางกรุงลอสแองเจลิสต้องหยุดชะงัก สวีทเลิฟหันไปมองสต๊าฟสาวสวยผู้ช่วยของเขาแล้วถามขึ้น “อะไรน่ะเบล...นี่หล่อนเข้ามาขัดจังหวะการคุยของฉันนะรู้มั้ย” “โอเคค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วย แต่พอดีว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องเข
“เชิญครับ”หนึ่งในนั้นเปิดประตูให้ หญิงสาวยังยืนนิ่งอยู่อีกไม่ถึงนาทีและตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้อง บานประตูถูกปิดลงและชายทั้งสองก็ไม่ได้ตามเข้ามา ในห้องนั้นเป็นห้องพักแบบสวีทหรูหราและมีขนาดใหญ่โตโอ่โถงมาก นุชนารีกวาดสายตาไปทั่วห้องพักเลิศหรูกระทั่งไปหยุดที่ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขก และเมื่อเขาเห็นว่าใครเข้ามาก็เปลี่ยนท่าเป็นนั่งหลังตรงและประสานมือไว้ด้านหน้า“สวัสดี...คุณรีส เบคเลอร์”เสียงทักทายที่ดังขึ้นนั้นทุ้มกังวานแต่หนักหน่วง หญิงสาวมองไปรอบห้องอีกครั้งก็ไม่เห็นว่ามีใคร มีเพียงเธอและ ใครคนนั้น ที่ไม่แน่ใจเลยว่าเขามีจุดประสงค์อันใดถึงได้มาขอพบเธอที่นี่ ร่างแน่งน้อยก้าวเข้าไปหยุดที่ชุดเก้าอี้รับแขกที่ซึ่งร่างสูงใหญ่ของชายอเมริกันผิวสีแทนจัดภายใต้ชุดสูทสีนิลนั่งอยู่ และเมื่อเข้าไปใกล้เธอจึงได้เห็นใบหน้าคร้ามเข้มนั้นชัด ๆ เขาเป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าหน้าตาดีมาก หล่อเหลาถึงขั้นที่ทำให้เธอนึกถึงเหล่านายแบบโลกรูปร่างนั้นสูงสง่าแม้ขณะนั่งก็ประมาณได้ว่าเขาน่าจะสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเลยทีเดียว นุชนาถเผลอจ้องหน้าคมคายที่สันกรามแกร่งรกด้วยขนเคราสั้นและจมูกโด่งยาว