อนิจจาที่ความหวังดีของเขากลับเป็นหอกแหลมกลับมาทิ่มแทงตัวเธอ นุชนาถคิดถึงคืนนั้นที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอถูกคนของไมลี่พาไปยังห้องพักหรูหราพร้อมกับแคโรไลน์ ผู้จัดการส่วนตัว เธอพยายามจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจแต่ผู้บริหารสาวของบอร์ดสายการบินไม่ยอมฟัง ต่อมาเธอถึงได้รู้ข่าวว่านีลยุติความสัมพันธ์กับแฟนสาว เธออยากอธิบายให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใจเพื่อทั้งสองจะกลับไปคืนดีกันใหม่แต่การณ์กลับกลายเป็นไมลี่ทะเลาะกับนีลอย่างรุนแรงและประชดความรักด้วยการฆ่าตัวตายหลังจากที่นุชนาถไปพบเธอคืนนั้น หญิงสาวระบายลมหายใจพร้อมลืมตาขึ้นและกล่าวออกมาด้วยเสียงอันเบา
“ฉันไม่ได้แย่งใครนะคะสวีทตี้”
“ฉันรู้ที่รัก...เธอไม่ผิด...เธอไม่...”
“ขอโทษนะคะสวีทเลิฟ”
เสียงหนึ่งที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้บทสนทนาระหว่างคนทั้งสองภายในห้องแต่งตัวของโรงแรมหรูย่านใจกลางกรุงลอสแองเจลิสต้องหยุดชะงัก สวีทเลิฟหันไปมองสต๊าฟสาวสวยผู้ช่วยของเขาแล้วถามขึ้น
“อะไรน่ะเบล...นี่หล่อนเข้ามาขัดจังหวะการคุยของฉันนะรู้มั้ย”
“โอเคค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วย แต่พอดีว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องเข้ามาขัดจังหวะตอนนี้”
“อะไรของหล่อนยะ?”
“มีคนมาขอพบคุณรีสค่ะ”
นุชนารถรีบหันมาและย่นคิ้ว “ใครกันคะมาขอพบฉันตอนนี้ เขาได้แจ้งผู้จัดการส่วนตัวของฉันไว้หรือเปล่าคะ”
“เห็นผู้จัดการของคุณบอกว่าเขาแจ้งเธอไว้แล้วค่ะ”
“เขาเหรอ?...ใครน่ะ...เขาชื่ออะไร?” สวีทเลิฟแทรกขึ้น
“เขาให้บอกคุณรีสว่า...เขาชื่อเมมฟิสค่ะ”
คำตอบนั้นยิ่งทำให้คนฟังงุนงงหนักขึ้นไปอีก นุชนาถเหลือบมองเข็มนานาฬิกาติดผนังที่ใกล้ถึงเวลาเดินทางไปงานเลี้ยงใหญ่ของเหล่าดาราในอีกไม่ถึงชั่วโมง โดยปกติแล้วเวลาเร่งด่วนแบบนี้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอจะไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบ แล้วคนคนนั้นเป็นใครกันถึงทำให้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอยินยอมได้
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนยะ?” สวีทเลิฟที่ทำหน้ายุ่งเป็นฝ่ายถาม
“เขารออยู่ที่ห้องสวีทชั้นเดียวกันนี่ล่ะค่ะ”
“โอเค...หล่อนเอาหน้าบื้อ ๆ ของหล่อนออกไปจากห้องนี้ได้แล้วไป”
“ค่า...สวีทตี้”
สต๊าฟสาวคนสวยรับคำพร้อมกลอกตาไปมาก่อนออกไปจากห้องนั้น นุชนาถลุกจากเก้าอี้ สวีทเลิฟลุกขึ้นตามและทำสีหน้าครุ่นคิด
“หวังว่าคงไม่ใช่พวกมหาเศรษฐีงี่เง่าที่ชอบมาติดต่อดาราสาว ๆ หน้าใหม่ไปรับเลี้ยงหรอกนะ”
“ถ้าใช่ฉันก็แค่ปฏิเสธเท่านั้น”
“รีส...”
สวีทเลิฟเรียกหญิงสาวที่กำลังจะหันหลังเดินไปที่ประตู นุชนารีหยุดชะงักและหันกลับไปมองช่างแต่งหน้าหนุ่ม
“มีอะไรเหรอคะสวีทตี้”
“ฉันแค่อยากบอกว่า...ถ้าคืนนี้เธอได้พบกับ...นีล ที่งานเลี้ยงพรมแดง เธอควรต้องอยู่ห่าง ๆ เขา ไม่อย่างนั้นพวกนักข่าวต้องพากันรุมยำเธอแน่ ๆ”
หญิงสาวยิ้มจาง ๆ ให้กับคำพูดแสดงความหวังดีนั้นแม้ตัวเธอเองจะหวั่นใจในสิ่งที่เขาพูดก็ตาม ร่างบอบบางเดินไปหยุดที่ประตูโดยที่สวีทเลิฟหันกลับไปก้มหน้าก้มตาเก็บอุปกรณ์แต่งหน้าบนโต๊ะเครื่องแป้ง แต่เมื่อนุชนาถก้าวออกมายังห้องด้านนอกก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าภายในห้องที่ก่อนหน้านี้มีเหล่าสไตลิสต์จัดเสื้อผ้าและช่างภาพนั้นบัดนี้ไม่เห็นเงาของคนเหล่านั้น มีก็เพียงแต่บุรุษร่างใหญ่สองคนในชุดสูทสีดำสนิทยืนอยู่ และเมื่อพวกเขาเห็นเธอก้าวออกมาจากห้องแต่งตัว หนึ่งในสองคนก็เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาว
“สวัสดีครับคุณรีส”
ชายร่างใหญ่กล่าวขึ้น นุชนารีเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“เอ้อ...ขอโทษนะคะ พวกคุณเป็นใคร”
“ผมสองคนจะมารับคุณไปพบคุณเมมฟิส”
“รับฉันเหรอคะ?...ฉันกำลังจะออกไปพบเขาพอดี แล้วนี่...ผู้จัดการส่วนตัวของฉันอยู่ที่ไหน”
ดาราสาวเอ่ยถามพลางกวาดสายตาไปรอบห้องขณะเริ่มเกิดความลังเลไม่แน่ใจ ผู้จัดการส่วนตัวของเธอไม่อยู่ มีก็เพียงชายแปลกหน้าสองคนที่ดูไม่น่าไว้วางใจ แต่แล้วชายคนนั้นก็กล่าวขึ้น
“เธอออกไปแล้วครับ...เชิญทางนี้ครับคุณรีส เบคเลอร์”
“ฉันยังไม่ทราบเลยนะคะว่า...คุณเมมฟิส...คนที่มาขอพบฉันเขามีธุระสำคัญอะไร อย่างน้อยฉันควรต้องได้พบผู้จัดการส่วนตัวของฉันก่อนนะคะ”
“เราได้แจ้งให้เธอทราบแล้วครับ...ผมขอรับรอง”
เขาพยายามยืนยัน นุชนาถจ้องหน้าคนพูดชั่วอึดใจก่อนที่เขาและชายอีกคนจะเดินไปเปิดประตูราวกับจะบอกว่าเธอต้องออกไปจากห้องเดี๋ยวนั้น ร่างแน่งน้อยเริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะทุกอย่างดูไม่ปกติหากก็ต้องเดินตามชายทั้งสองไปยังอีกห้องซึ่งอยู่ด้านสุดของโถงทางเดินบนชั้นที่ห้าสิบของโรงแรมดัง และเมื่อไปถึงหญิงสาวจึงหยุดยืนที่หน้าห้องนั้นและหันไปมองชายแปลกหน้าที่พาเธอมา
“เชิญครับ”หนึ่งในนั้นเปิดประตูให้ หญิงสาวยังยืนนิ่งอยู่อีกไม่ถึงนาทีและตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้อง บานประตูถูกปิดลงและชายทั้งสองก็ไม่ได้ตามเข้ามา ในห้องนั้นเป็นห้องพักแบบสวีทหรูหราและมีขนาดใหญ่โตโอ่โถงมาก นุชนารีกวาดสายตาไปทั่วห้องพักเลิศหรูกระทั่งไปหยุดที่ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขก และเมื่อเขาเห็นว่าใครเข้ามาก็เปลี่ยนท่าเป็นนั่งหลังตรงและประสานมือไว้ด้านหน้า“สวัสดี...คุณรีส เบคเลอร์”เสียงทักทายที่ดังขึ้นนั้นทุ้มกังวานแต่หนักหน่วง หญิงสาวมองไปรอบห้องอีกครั้งก็ไม่เห็นว่ามีใคร มีเพียงเธอและ ใครคนนั้น ที่ไม่แน่ใจเลยว่าเขามีจุดประสงค์อันใดถึงได้มาขอพบเธอที่นี่ ร่างแน่งน้อยก้าวเข้าไปหยุดที่ชุดเก้าอี้รับแขกที่ซึ่งร่างสูงใหญ่ของชายอเมริกันผิวสีแทนจัดภายใต้ชุดสูทสีนิลนั่งอยู่ และเมื่อเข้าไปใกล้เธอจึงได้เห็นใบหน้าคร้ามเข้มนั้นชัด ๆ เขาเป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าหน้าตาดีมาก หล่อเหลาถึงขั้นที่ทำให้เธอนึกถึงเหล่านายแบบโลกรูปร่างนั้นสูงสง่าแม้ขณะนั่งก็ประมาณได้ว่าเขาน่าจะสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเลยทีเดียว นุชนาถเผลอจ้องหน้าคมคายที่สันกรามแกร่งรกด้วยขนเคราสั้นและจมูกโด่งยาว
เธอเป็นน้องสาวคนเดียวของเขาที่รั้งตำแหน่งรองผู้อำนวยการใหญ่ในบอร์ดสายการบินของบริษัท แม้จะอยู่ห่างไกลกันด้วยเหตุผลที่เขาทุ่มเทให้กับงานและเดินทางไปทั่วโลกตลอดเวลาโดยมีที่พักเกือบถาวรอยู่ในประเทศฝรั่งเศสหากเขากับน้องสาวก็จะติดต่อและพูดคุยกันเสมอ ซึ่งก่อนหน้านั้นแทบไม่มีเค้าลางใดเลยว่าไมลี่จะคิดสั้นและเขารู้เพียงว่าไมลี่กำลังปลูกต้นรักกับดาราหนุ่มชื่อดังที่มีกิตติศัพท์เรื่องความเป็นเพลย์บอย จนงานศพผ่านพ้นไปและเขาได้รับรู้เรื่องราวในภายหลังว่าเหตุใดไมลี่จึงคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งชนวนเหตุสำคัญอยู่ตรงหน้าเขานี่แล้วนี่นะหรือคือ รีส เบคเลอร์ดาราสาวผู้เป็นดวงดาวที่กำลังจรัสแสงในโลกมายา...เมมฟิสจับจ้องดวงหน้ารูปไข่งดงามนั้น ใบหน้าสวยหวานและดวงตากลมโตเป็นประกายภายใต้เมคอัพบางเบาแต่ดึงดูดจับจิต รูปร่างของเธอเล็กและบอบบางมากด้วยเชื้อสายของชาวเอเชีย และเธอก็อาจรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังอยู่ภายใต้ชุดราตรีเกาะอกที่มันดึงดูดสายตาคมเข้มคู่นั้นให้จับจ้องเนื้อนวลตั้งแต่ใบหน้าลงมาถึงไหปลาร้าและไหล่เปลือยจรดเรียวแขนกลมกลึงราวลำเทียนสำหรับเขาแล้วไม่อาจปฏิเสธว่า รีส เบคเลอร์ เป็นดาราสาวที่สวยมากเกินกว่าที่เขาคาดเดาไ
“คุณรู้ทุกอย่างว่าพวกเขารักกันแต่ก็ยังหน้าด้านเข้าไปเป็นมือที่สามทำให้ความรักของคนอื่นแตกแยก!”“เมมฟิส”นุชนาถอุทานออกมาเสียงแหบแห้งขณะมองชายหนุ่มเขวี้ยงเศษแก้วในมือลงบนพื้นและไม่มีท่าทียี่หระต่อบาดแผลที่เลือดกำลังหยดไหลจนแดงเถือกถึงข้อมือ นัยน์ตาของเขาวับวาวและขึ้งเครียด ร่างเล็กบางที่นั่งตรงข้ามเริ่มสั่นและจุกในอกจนพูดอะไรแทบไม่ออกขณะกำมือทั้งสองไว้บนตักแน่นเธอหายใจติดขัดเพราะความตื่นเต้นและตกใจอย่างมากต่อการกระทำของผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อนแต่มีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับคนอีกคนที่ชื่อนั้นยังติดลึกในความทรงจำของหญิงสาว เมมฟิสสำแดงอารมณ์โกรธออกมาอย่างไม่ปิดเร้น ใบหน้าของเขาเป็นสีเข้มจัด ชายหนุ่มยิ้มหยันใส่ความเจ็บปวดของเธอที่ต้องตกเป็นจำเลยทั้งที่ไม่ตั้งใจอย่างเลือดเย็น ร่างสูงลุกขึ้นยืนและจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง“หึ!...ทำไม...ทนฟังไม่ได้รึยังไงเวลาที่คนอื่นพูดความจริง พวกนักแสดงอย่างพวกคุณน่ะมันอยู่แต่ในโลกของความลุ่มหลง ใส่หน้ากากเข้าหากันจนไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมันแหลกเหลวซักแค่ไหน”“มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะคะ”“แล้วมันเป็นยังไง! คุณอยากจะบอกผมอย่างนั้
“โอเค...เสร็จแล้วนะจ๊ะที่รัก รีส เบคเลอร์ นางฟ้าของฉัน เธอพร้อมสำหรับงานพรมแดงคืนนี้แล้วนะจ๊ะ แม่นางฟ้าแสนสวย” หนุ่มหน้าสวยในชุดเสื้อคอระบายสวมกางเกงยีนส์สีซีดจีบปากจีบคอพูดขณะค่อย ๆ ไล้ปลายฝีแปรงขนาดใหญ่ไปบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ฉาบด้วยเมคอัพบางเบาอวดผิวงดงามเปล่งปลั่งของหญิงสาวชาวเอเชียวัยยี่สิบในชุดราตรีเกาะอกยาวกรุยกรายสีงาช้าง นุชนาถนั่งจ้องมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกที่งดงามดั่งภาพฝันจากฝีมือการแต่งหน้าของ สวีทเลิฟ เมคอัพอาร์ทิสชายหัวใจหญิงชาวอเมริกันชื่อดังซึ่งเธอรู้จักกับเขามานานแล้ว หญิงสาวเลิกริมฝีปากอิ่มฉ่ำด้วยลิปกลอสเป็นรอยยิ้มจาง “เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ สวีทตี้” เธอเรียกเขาด้วยสรรพนามบอกความสนิทสนม สวีทเลิฟจ้องมองหญิงสาวเลือดเอเชียใบหน้าเรียวรูปไข่ ตากลมโตและจมูกเล็กรั้นใต้กรอบเรือนผมทำสีเทาหม่นขับผิวข่าวผ่องให้เจิดจรัสอีกครั้งและพยักหน้า “เธอสวยแล้วรีสจ๋า...ทีนี้มาคอยดูกันสิว่า ใครจะแจ้งเกิดบนพรมแดงคืนนี้ถ้าไม่ใช่เธอ แม่ดาราเลือดใหม่ไฟกระพริบวิบวับจรัสแสงแข่งกับดวงดาว” “ฉันคงขี้เหร่ที่สุดแน่ ๆ ถ้าไม่ได้คุณช่วยคืนนี้