“เชิญครับ”
หนึ่งในนั้นเปิดประตูให้ หญิงสาวยังยืนนิ่งอยู่อีกไม่ถึงนาทีและตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้อง บานประตูถูกปิดลงและชายทั้งสองก็ไม่ได้ตามเข้ามา ในห้องนั้นเป็นห้องพักแบบสวีทหรูหราและมีขนาดใหญ่โตโอ่โถงมาก นุชนารีกวาดสายตาไปทั่วห้องพักเลิศหรูกระทั่งไปหยุดที่ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขก และเมื่อเขาเห็นว่าใครเข้ามาก็เปลี่ยนท่าเป็นนั่งหลังตรงและประสานมือไว้ด้านหน้า
“สวัสดี...คุณรีส เบคเลอร์”
เสียงทักทายที่ดังขึ้นนั้นทุ้มกังวานแต่หนักหน่วง หญิงสาวมองไปรอบห้องอีกครั้งก็ไม่เห็นว่ามีใคร มีเพียงเธอและ ใครคนนั้น ที่ไม่แน่ใจเลยว่าเขามีจุดประสงค์อันใดถึงได้มาขอพบเธอที่นี่ ร่างแน่งน้อยก้าวเข้าไปหยุดที่ชุดเก้าอี้รับแขกที่ซึ่งร่างสูงใหญ่ของชายอเมริกันผิวสีแทนจัดภายใต้ชุดสูทสีนิลนั่งอยู่ และเมื่อเข้าไปใกล้เธอจึงได้เห็นใบหน้าคร้ามเข้มนั้นชัด ๆ เขาเป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าหน้าตาดีมาก หล่อเหลาถึงขั้นที่ทำให้เธอนึกถึงเหล่านายแบบโลก
รูปร่างนั้นสูงสง่าแม้ขณะนั่งก็ประมาณได้ว่าเขาน่าจะสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเลยทีเดียว นุชนาถเผลอจ้องหน้าคมคายที่สันกรามแกร่งรกด้วยขนเคราสั้นและจมูกโด่งยาวรับกับริมฝีปากหยักหนาโดยไม่รู้ตัว โครงหน้าใต้กรอบเรือนผมสีบรูเน็ตนั้นคมเข้มดิบดัน และเธอก็เผลอจ้องนัยน์ตาสีน้ำตาลหม่นทรงอำนาจคู่นั้นกระทั่งเขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“นั่งสิ...คุณรีส เบคเลอร์”
“เอ้อ...คุณคือ...”
“เมมฟิส...ผมชื่อเมมฟิส แคเมอรอน”
ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงฟังดูเหมือนราบเรียบขณะโน้มตัวไปหยิบแก้วไวน์บนโต๊ะขึ้นมาจิบเบา ๆ โดยไม่ได้มองสีหน้าของอีกฝ่ายว่าเปลี่ยนไปแทบจะในทันทีที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามนั้น นุชนาถนิ่งอึ้งและยืนนิ่งงัน
เธอเอามือประสานกันไว้เบื้องหน้าและมองบุรุษร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มทว่าเยือกเย็นที่วางแก้วไวน์ลงพร้อมทั้งเหลือบมองเธออีกครั้ง นุชนาถจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มเหยียดขึ้นแว่บหนึ่ง หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอที่เริ่มแห้งผาก เธอจ้องมองเขาเหมือนเป็นสิ่งแปลกประหลาดที่สุดในโลก
“ว่าไงล่ะ...ทำไมไม่นั่ง”
เขาถามอีกหนแต่เสียงนั้นหน่วงมากกว่าเดิม นุชนาถเม้มปากเข้าหากันแน่นก่อนตอบ
“ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับดิฉันหรือคะ คุณ...แคเมอรอน”
นุชนาถพูดไม่ค่อยเต็มเสียงนักโดยเฉพาะนามสกุลของเขาที่กระตุกความรู้สึกของเธออย่างรุนแรง เมมฟิสประสานมือไว้เช่นเดิมและจ้องหน้าเธอนิ่ง
“มิสิ...คุณรีส เบคเลอร์ ไม่อย่างนั้นแล้วผมคงไม่เสียเวลามาหาคุณถึงที่นี่”
“ฉันมีเวลาให้คุณไม่มากนักหรอกนะคะ เพราะฉันมีธุระด่วนต้องรีบไปงานเลี้ยง นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้วด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นคุณควรจะนั่งลงเพื่อที่จะฟังธุระของผม...ซึ่งมันสำคัญมากสำหรับคุณ”
เสียงเขาหน่วงเหมือนหัวใจของหญิงสาวที่กำลังหนักอึ้งด้วยความอึดอัดราวกับบรรยากาศรอบตัวกำลังบีบรัดตัวเธอให้เล็กลง
เมมฟิส แคเมอรอน
ชื่อนี้เธอไม่เคยรู้จักแต่นามสกุลของเขาเป็นนามที่ฝังอยู่ในหุบความนึกคิดของนุชนาถตลอดเวลา ความหวั่นหวาดบางอย่างกำลังครอบงำตัวเธอโดยไม่มีเหตุผล หญิงสาวรู้สึกถึงความยุ่งยากครั้งใหญ่ที่กำลังก่อตัวอยู่ข้างหน้า เธอแทบไม่อยากสบนัยน์ตาประกายกล้าคู่นั้นที่กำลังพรายแสง ร่างแน่งน้อยค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ทุกวินาทีเหมือนเดินไปอย่างเชื่องช้ากับความรู้สึกที่กำลังขมวดแน่นในช่องท้องของหญิงสาว และท่าทีประหม่านั้นก็อยู่ในสายตาของบุรุษที่นั่งตรงหน้าตลอดเวลา
เมมฟิส แคเมอรอนหลับตาลงชั่วครู่ก่อนลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยประกายนัยน์ตาวับวาวที่มีน้ำรื้นขึ้นมาเล็กน้อยก่อนมันจะเหือดหายไปในดวงตาสีเข้ม ทุกสรรพเสียงราวถูกกลืนหายเข้าไปในห้วงสำนึกที่เต็มไปด้วยความอัดอั้นและภาพแห่งความทรงจำมากมายที่ฝังอยู่ใต้จิตสำนึกแห่งความเคียดแค้น เขาเพิ่งเดินทางกลับมายังอเมริกาบ้านเกิดอีกครั้งหลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนานหลายปี กลับมาเพื่อจัดงานศพให้น้องสาวเพียงคนเดียว
ไมลี่ แคเมอรอน
เธอจากไปอย่างกะทันหันด้วยสาเหตุการตายที่เขาเองก็คาดไม่ถึง นั่นคือเธอฆ่าตัวตาย...เจ้าของยูเรเชีย แอร์ไลน์ สายการบินยักษ์ใหญ่ระดับนานาชาติต้องบินกลับมาจากฝรั่งเศส ประเทศที่เขาพำนักอยู่นานหลายปีเมื่อได้รับข่าวร้ายเมื่อกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา เมมฟิสคิดว่านั่นเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตและพยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหกหากเขากลับต้องพบความจริงอันเจ็บปวดเมื่อกลับมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อที่จะรับรู้ว่าไมลี่ได้จากเขาไปแล้วจริงๆ
เธอเป็นน้องสาวคนเดียวของเขาที่รั้งตำแหน่งรองผู้อำนวยการใหญ่ในบอร์ดสายการบินของบริษัท แม้จะอยู่ห่างไกลกันด้วยเหตุผลที่เขาทุ่มเทให้กับงานและเดินทางไปทั่วโลกตลอดเวลาโดยมีที่พักเกือบถาวรอยู่ในประเทศฝรั่งเศสหากเขากับน้องสาวก็จะติดต่อและพูดคุยกันเสมอ ซึ่งก่อนหน้านั้นแทบไม่มีเค้าลางใดเลยว่าไมลี่จะคิดสั้นและเขารู้เพียงว่าไมลี่กำลังปลูกต้นรักกับดาราหนุ่มชื่อดังที่มีกิตติศัพท์เรื่องความเป็นเพลย์บอย จนงานศพผ่านพ้นไปและเขาได้รับรู้เรื่องราวในภายหลังว่าเหตุใดไมลี่จึงคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งชนวนเหตุสำคัญอยู่ตรงหน้าเขานี่แล้วนี่นะหรือคือ รีส เบคเลอร์ดาราสาวผู้เป็นดวงดาวที่กำลังจรัสแสงในโลกมายา...เมมฟิสจับจ้องดวงหน้ารูปไข่งดงามนั้น ใบหน้าสวยหวานและดวงตากลมโตเป็นประกายภายใต้เมคอัพบางเบาแต่ดึงดูดจับจิต รูปร่างของเธอเล็กและบอบบางมากด้วยเชื้อสายของชาวเอเชีย และเธอก็อาจรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังอยู่ภายใต้ชุดราตรีเกาะอกที่มันดึงดูดสายตาคมเข้มคู่นั้นให้จับจ้องเนื้อนวลตั้งแต่ใบหน้าลงมาถึงไหปลาร้าและไหล่เปลือยจรดเรียวแขนกลมกลึงราวลำเทียนสำหรับเขาแล้วไม่อาจปฏิเสธว่า รีส เบคเลอร์ เป็นดาราสาวที่สวยมากเกินกว่าที่เขาคาดเดาไ
“คุณรู้ทุกอย่างว่าพวกเขารักกันแต่ก็ยังหน้าด้านเข้าไปเป็นมือที่สามทำให้ความรักของคนอื่นแตกแยก!”“เมมฟิส”นุชนาถอุทานออกมาเสียงแหบแห้งขณะมองชายหนุ่มเขวี้ยงเศษแก้วในมือลงบนพื้นและไม่มีท่าทียี่หระต่อบาดแผลที่เลือดกำลังหยดไหลจนแดงเถือกถึงข้อมือ นัยน์ตาของเขาวับวาวและขึ้งเครียด ร่างเล็กบางที่นั่งตรงข้ามเริ่มสั่นและจุกในอกจนพูดอะไรแทบไม่ออกขณะกำมือทั้งสองไว้บนตักแน่นเธอหายใจติดขัดเพราะความตื่นเต้นและตกใจอย่างมากต่อการกระทำของผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อนแต่มีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับคนอีกคนที่ชื่อนั้นยังติดลึกในความทรงจำของหญิงสาว เมมฟิสสำแดงอารมณ์โกรธออกมาอย่างไม่ปิดเร้น ใบหน้าของเขาเป็นสีเข้มจัด ชายหนุ่มยิ้มหยันใส่ความเจ็บปวดของเธอที่ต้องตกเป็นจำเลยทั้งที่ไม่ตั้งใจอย่างเลือดเย็น ร่างสูงลุกขึ้นยืนและจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง“หึ!...ทำไม...ทนฟังไม่ได้รึยังไงเวลาที่คนอื่นพูดความจริง พวกนักแสดงอย่างพวกคุณน่ะมันอยู่แต่ในโลกของความลุ่มหลง ใส่หน้ากากเข้าหากันจนไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมันแหลกเหลวซักแค่ไหน”“มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะคะ”“แล้วมันเป็นยังไง! คุณอยากจะบอกผมอย่างนั้
“โอเค...เสร็จแล้วนะจ๊ะที่รัก รีส เบคเลอร์ นางฟ้าของฉัน เธอพร้อมสำหรับงานพรมแดงคืนนี้แล้วนะจ๊ะ แม่นางฟ้าแสนสวย” หนุ่มหน้าสวยในชุดเสื้อคอระบายสวมกางเกงยีนส์สีซีดจีบปากจีบคอพูดขณะค่อย ๆ ไล้ปลายฝีแปรงขนาดใหญ่ไปบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ฉาบด้วยเมคอัพบางเบาอวดผิวงดงามเปล่งปลั่งของหญิงสาวชาวเอเชียวัยยี่สิบในชุดราตรีเกาะอกยาวกรุยกรายสีงาช้าง นุชนาถนั่งจ้องมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกที่งดงามดั่งภาพฝันจากฝีมือการแต่งหน้าของ สวีทเลิฟ เมคอัพอาร์ทิสชายหัวใจหญิงชาวอเมริกันชื่อดังซึ่งเธอรู้จักกับเขามานานแล้ว หญิงสาวเลิกริมฝีปากอิ่มฉ่ำด้วยลิปกลอสเป็นรอยยิ้มจาง “เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ สวีทตี้” เธอเรียกเขาด้วยสรรพนามบอกความสนิทสนม สวีทเลิฟจ้องมองหญิงสาวเลือดเอเชียใบหน้าเรียวรูปไข่ ตากลมโตและจมูกเล็กรั้นใต้กรอบเรือนผมทำสีเทาหม่นขับผิวข่าวผ่องให้เจิดจรัสอีกครั้งและพยักหน้า “เธอสวยแล้วรีสจ๋า...ทีนี้มาคอยดูกันสิว่า ใครจะแจ้งเกิดบนพรมแดงคืนนี้ถ้าไม่ใช่เธอ แม่ดาราเลือดใหม่ไฟกระพริบวิบวับจรัสแสงแข่งกับดวงดาว” “ฉันคงขี้เหร่ที่สุดแน่ ๆ ถ้าไม่ได้คุณช่วยคืนนี้
อนิจจาที่ความหวังดีของเขากลับเป็นหอกแหลมกลับมาทิ่มแทงตัวเธอ นุชนาถคิดถึงคืนนั้นที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอถูกคนของไมลี่พาไปยังห้องพักหรูหราพร้อมกับแคโรไลน์ ผู้จัดการส่วนตัว เธอพยายามจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจแต่ผู้บริหารสาวของบอร์ดสายการบินไม่ยอมฟัง ต่อมาเธอถึงได้รู้ข่าวว่านีลยุติความสัมพันธ์กับแฟนสาว เธออยากอธิบายให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใจเพื่อทั้งสองจะกลับไปคืนดีกันใหม่แต่การณ์กลับกลายเป็นไมลี่ทะเลาะกับนีลอย่างรุนแรงและประชดความรักด้วยการฆ่าตัวตายหลังจากที่นุชนาถไปพบเธอคืนนั้น หญิงสาวระบายลมหายใจพร้อมลืมตาขึ้นและกล่าวออกมาด้วยเสียงอันเบา “ฉันไม่ได้แย่งใครนะคะสวีทตี้” “ฉันรู้ที่รัก...เธอไม่ผิด...เธอไม่...” “ขอโทษนะคะสวีทเลิฟ” เสียงหนึ่งที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้บทสนทนาระหว่างคนทั้งสองภายในห้องแต่งตัวของโรงแรมหรูย่านใจกลางกรุงลอสแองเจลิสต้องหยุดชะงัก สวีทเลิฟหันไปมองสต๊าฟสาวสวยผู้ช่วยของเขาแล้วถามขึ้น “อะไรน่ะเบล...นี่หล่อนเข้ามาขัดจังหวะการคุยของฉันนะรู้มั้ย” “โอเคค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วย แต่พอดีว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องเข