คืนแรกของการนอนด้วยกัน ต่างคนต่างก็รับรู้ถึงการดิ้นตัวของอีกฝ่ายที่ผลัดเปลี่ยนกันพลิกซ้ายทีขวาทีเพราะข่มตานอนไม่หลับ จนในที่สุดก็ตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากันและจ้องกันในความมืด
ชั่วขณะของสายตาทั้งสองคู่ที่มองกัน ดวงตาคู่คมก็เหลือบมองดวงตาคู่หวานที่กลมโต ริมฝีปากอวบอิ่มสุขภาพดีที่เคลือบด้วยลิปบาร์มบำรุงริมฝีปาก ธีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคอและหายใจติดขัดให้กับความรู้สึกประหลาดที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คม เลื่อนลงมองจมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากหยักได้รูปคนของตรงหน้า ใจเต้นแรงตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่คนที่นอนร่วมเตียงจะเอ่ยขึ้นมาทำให้เธอได้สติกระพริบตาถี่ ๆ
“ถ้านอนไม่หลับ ฉันไปนอนโซฟาก็ได้นะ” ธีร์เอ่ยพลางเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว
“มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ธีร์ นอนด้วยกันนี่แหละค่ะ” จะให้เจ้าของห้องไปนอนโซฟาได้อย่างไรกัน ถ้าธีร์ไม่ยอมนอนที่เตียงของตัวเอง เธอก็คงต้องขอระเห็จตัวเองย้ายไปนอนที่โซฟาแทน
เมื่อพรีมเอ่ยมาดังนั้น ธีร์จึงเลื่อนผ้าห่มขึ้นไปอยู่ในระดับหน้าอกดังเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นท่านอนหงายวางมือที่หน้าท้องแทน
“พี่ก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ”
“อืม”
“เพราะมีพรีมนอนด้วยใช่ไหมคะ”
“...” ธีร์ไม่ได้ตอบ แต่กลับคิดในใจว่าเป็นเพราะเธอนั่นแหละ มีผู้หญิงมานอนร่วมเตียงเดียวกันแบบนี้จะให้เขานอนหลับได้อย่างไร
“พรีมก็นอนไม่หลับเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้เป็นเพราะพี่ธีร์หรอกนะคะ พรีมก็แค่ไม่เคยนอนกับใครนอกจากเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน”
“อืม” ธีร์ตอบกลับเสียงเบา ดูเหมือนพรีมจะพูดเป็นนัยว่าเธอไม่เคยนอนกับผู้ชายมาก่อน
“ปกติเป็นคนพูดน้อยเหรอคะ ตั้งแต่งานหมั้นจนมาถึงตอนนี้ พรีมนับคำได้เลยว่าพี่พูดกับพรีมกี่คำ”
“ฉันจะพยายามพูดกับเธอให้มากขึ้นก็แล้วกัน”
“ไม่พูดฉันได้ไหมคะ เรียกแทนตัวเองว่าพี่ได้ไหม” พรีมเอ่ยขอร้องอีกฝ่าย
อายุตั้งสามสิบแต่เรียกตัวเองว่าฉันกับเธอที่เพิ่งจะเป็นสาวอายุยี่สิบเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ฟังดูเหมือนคนรุ่นราวคราวเดียวกันหรือไม่ก็คนไม่ค่อยจะถูกกันอย่างไรอย่างนั้น
“ฉัน…” ธีร์หันมองใบหน้าหวานที่กำลังคลี่ยิ้มจ้องมองมา แม้ว่าในห้องจะมืดแต่ก็ยังพอมีแสงสลัวจากแสงไฟด้านนอกตัวบ้านสาดส่องเข้ามา เขาจึงไม่อาจปฏิเสธเธอได้ลงคอ “อืม”
“อืมอะไรคะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” พรีมแกล้งหยอกอีกฝ่ายทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาหมายถึงอะไร
“ก็เธอบอกให้ฉัน เอ่อ… เรียกแทนตัวเองว่าพี่ไง” น้ำเสียงของธีร์เอ่ยราวกับไม่มั่นใจในตัวเองเล็กน้อย
“แต่เมื่อกี้พี่ยังแทนตัวเองว่าฉันอยู่เลยนะคะ”
“เริ่มดื้อกับพี่แล้วนะพรีม จำไม่ได้เหรอว่าตอนที่คุณแม่ของเธอขึ้นมาส่ง ท่านบอกกับเธอว่ายังไง”
“ไม่ได้ดื้อสักหน่อยค่ะ ก็แค่อยากได้ยินพี่แทนตัวเองว่าพี่ ไม่ใช่ฉัน”
“พี่ก็แทนตัวเองว่าพี่อยู่นี่ไง เซ้าซี้อยู่ได้”
“แค่นี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วย ไม่แกล้งแล้วก็ได้ค่ะ” พรีมเอ่ยพลางพลิกตัวนอนหงายแล้วถอนหายใจ
“พรุ่งนี้มีเรียนรึเปล่า” วันนี้ธีร์ยังไม่มีโอกาสได้ถาม ไหน ๆ ก็นอนไม่หลับกันแล้วก็ถามในเวลานี้เลยแล้วกัน
“มีค่ะ พรีมมีเรียนเก้าโมง”
“งั้นกินข้าวเสร็จก็ไปพร้อมกันเลย”
“พี่จะให้พรีมติดรถไปด้วยเหรอคะ” พรีมถามอย่างสงสัย หรือว่ามีใครบังคับให้ทำแบบนี้กันแน่
“แม่พี่ต้องการให้พี่เป็นคนคอยดูแลเธอ จากนี้เธอก็อยู่ในความดูแลของพี่ก็แล้วกัน แล้วก็อย่าดื้อกับพี่ล่ะ เพราะพี่ไม่ใช่คนใจดีอย่างที่เธอคิด” ธีร์ตอบกลับและไม่ลืมที่จะตบท้ายด้วยคำขู่เล็กน้อยเพื่อให้เธอไม่กล้าที่จะแผงฤทธิ์กับคนอย่างเขา
“นึกว่าจะเต็มใจ ที่แท้ก็โดนคุณแม่พี่บังคับนี่เอง”
“พรีม” เสียงทุ้มแต่ทรงพลังเอ่ยขึ้นในความมืด พรีมถึงกับรีบยกมือขึ้นปิดปากไม่กล้าที่จะเถียงกลับ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเริ่มจะหมดความอดทนแล้วที่ถูกเธอกระเซ้าเย้าแหย่
“ขอโทษค่ะ”
“รีบนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นสาย”
“ค่ะ”
เช้าวันต่อมาธีร์ก็ตื่นขึ้นเป็นคนแรกและพบว่าหญิงสาวที่นอนข้างๆ กัน ลากหมอนข้างพลิกไปกอดแล้วหันหลังให้เขา แต่ยังดีที่เหลือหมอนข้างอีกใบกั้นกลางเอาไว้อยู่
ธีร์รีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน พอออกมาก็พบว่าคนตัวเล็กกำลังปรือตาขึ้นและบิดขี้เกียจอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ว้าย…” พรีมตกใจกับเสียงทุ้มที่เอ่ยทักทายยามเช้า และดันลืมตัวไปเลยว่านี่มันไม่ใช่ห้องนอนของเธอ
“พี่ตื่นแล้วทำไมไม่เรียกพรีมล่ะคะ” ขณะที่ถามเธอก็ยกมือทั้งสองข้างปิดหน้าที่สดเอามากๆ และไม่รู้ว่าเผลอทำตัวหน้าเกลียดให้เขาเห็นหรือเปล่า
“ก็เห็นนอนหลับกอดหมอนข้างที่บอกจะเอาไว้คั่นกลางอย่างสบายใจ เลยไม่ได้เรียก”
“พี่เสร็จแล้วใช่ไหมคะ พรีมจะได้เข้าไปอาบน้ำต่อ”
“อื้ม”
เมื่อได้รับคำตอบพรีมก็รีบขยับตัวลุกออกจากเตียง และวิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัวหยิบเอาเสื้อผ้า และผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำไป
ยี่สิบนาทีต่อมา คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนักศึกษาก็ออกมาจากห้องน้ำ และมานั่งแต่งหน้าหวีผมอยู่หน้ากระจก โดยที่เจ้าของห้องกำลังหนังอ่านหนังสือรออยู่ที่โซฟา
“ถ้าพี่รีบก็ไปก่อนได้นะคะ” พรีมเห็นสายตาคู่คมที่มองเข้ามาในกระจกเป็นระยะอยู่หลายครั้ง ราวกับกดดันให้เธอรีบแต่งหน้าให้ไวกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรือ จนอดใจไม่ได้ที่จะบอกให้เขาไปก่อน
“ไม่เป็นไร พี่รอได้”
“ถ้ารอได้ก็อย่ามองมาบ่อยสิคะ กดดันกันแบบนี้พรีมแต่งหน้าไม่ได้หรอกค่ะ” ก็เล่นมองกันแทบจะทุกสามนาที ห้านาทีแบบนี้ ใครจะกล้าแต่งหน้ากันล่ะ
“ที่จริงไม่เห็นต้องแต่งอะไรให้มากมายเลย แค่นี้ก็ดีแล้ว”
หญิงสาวกระตุกยิ้มหันหน้ามองชายหนุ่มแล้วเอ่ยถาม
“ที่ว่าดีแล้ว พี่หมายถึงพรีมสวยอยู่แล้วใช่ไหมคะ”
“อืม” ธีร์เอ่ยขณะที่ก้มอ่านหนังสือและคงไม่คิดว่าจะถูกหญิงสาวตะล่อมถามเข้าให้แล้ว แต่เมื่อรู้ตัวว่าเผลอตอบอะไรออกไปก็รีบพับหนังสือวางที่โต๊ะหน้าโซฟาแล้วลุกขึ้นยืน
“จะแต่งก็รีบๆ แต่งเถอะ พี่จะลงไปรอข้างล่างก็แล้วกัน” เอ่ยจบก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเดินตรงไปที่ประตู
“แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นงอน ก็แค่ชมว่าพรีมสวยแค่นี้ถึงกับเสียอาการเลยเหรอคะ” พรีมรีบเอ่ยตามหลัง
“พี่หิวข้าว เสร็จแล้วก็รีบตามลงไปล่ะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อน”
“รับทราบค่ะพี่ธีร์สุดหล่อ”
กินข้าวเสร็จ ธีร์ก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ มีคู่หมั้นก็เหมือนมีเมีย จะขัดใจแม่ของเขาก็ไม่ได้อีก“เลิกเรียนกี่โมง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนที่คนที่นั่งข้างๆ จะเปิดประตูลงจากรถ“ถามทำไมเหรอคะ จะมารับพรีมเหรอ”“พี่เป็นคนมาส่ง เลิกเรียนก็ต้องมารับสิ หรือว่าเธอจะกลับกับใคร”“เปล่าค่ะ นึกว่าพี่จะติดงาน พรีมว่าจะกลับพร้อมนิวเยียร์ แต่ถ้าพี่จะมารับก็ได้ค่ะ เลิกเรียนแล้วจะโทรไปบอกนะคะ”พรีมเอ่ยพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าตีเนียนขอเบอร์คนตรงหน้า ธีร์ขมวดคิ้วเข้มเล็กน้อยแต่ก็ยินยอมบอกเบอร์ของตนไปแต่โดยดีพรีมระบายยิ้มชอบใจรีบกดเบอร์โทรตามที่อีกฝ่ายบอกแล้วบันทึกลงในโทรศัพท์ และทันทีที่เบอร์ถูกบันทึกไลน์ของธีร์ก็เด้งขึ้นมา พรีมจึงรีบกดเพิ่มเพื่อนไปทันที“แอดไลน์ไปแล้วนะคะ ในรูปกับตัวจริงนี่หล่อไม่ต่างกันเลย” เมื่อถือวิสาสะแอดไลน์เขาไป พรีมจึงเอ่ยปากชมคนข้างๆ ไปหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงอ้อนๆส่วนอีกคนเหมือนจะกระตุกยิ้มให้เห็นเล็กน้อยแล้วกลับไปทำหน้านิ่งไม่ได้ต่อว่าอะไร เธอก็จะถือว่าเขาเต็มใจให้ก็แล้วกัน“ไปก่อนนะคะพี่ธีร์”“อืม”พรีมก้าวขาลงจากรถก็โบกมือลาคนที่มาส่ง ก
พรีมมาถึงที เอส กรุ๊ปก็สี่โมงเย็น เธอนั่งดูโทรศัพท์เพื่อรอคนที่ประชุมจนแบตที่เหลืออยู่สี่สิบเปอร์เซ็นหมดลงและจบด้วยระบบที่ปิดเครื่องอัตโนมัติ“พี่ธีร์นะพี่ธีร์ ถ้าจะให้มานั่งรอแบบนี้ทำไมไม่ให้พี่พิรัชย์ไปส่งที่บ้านเลยล่ะ” พรีมถอนหายใจ บ่นพึมพำมันไม่ใช่แค่นั่งรอแป๊บเดียว แต่เธอนั่งรอจนเบื่อ นั่งรอจนแบตโทรศัพท์หมด และไม่รู้ว่าต้องรอไปจนถึงเมื่อไรเพราะเจ้าตัวไม่บอกอะไรกับเธอเลย แค่ให้เลขาของเขาไปรับแล้วเอาเธอมาทิ้งไว้ที่ห้องแห่งนี้หลังจากที่พรีมมาถึงหนึ่งชั่วโมง ธีร์ที่เพิ่งประชุมเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานพร้อมกับเลขาส่วนตัว ระหว่างทางก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในที่ประชุม พอเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าพรีมได้นอนเหยียดขาอยู่บนโซฟา ถ้าเป็นกางเกงเขาคงไม่รู้สึกอะไร แต่นี่เป็นกระโปรงนักศึกษา พอนอนเหยียดขามาทางประตูมันก็เห็นขาขาวที่พ้นกระโปรงตัวสั้นออกมา และไม่แน่ว่าถ้าเธอดิ้นตัวอาจจะเห็นเข้าไปได้ลึกมากกว่านี้“นายไม่ต้องเข้าไป” ธีร์หันไปเอ่ยกับคนที่เดินตามหลัง“ทำไมล่ะครับ” พิรัชย์นึกสงสัย ก่อนจะชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในก็เห็นคู่หมั้นของเจ้านายนอนหลับอยู่จึงเข้าใจในทันที“งั้นผมขอตัวกลับก่อนน
“อิ่มมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่พามาเลี้ยง” พรีมเอยขึ้นขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินออกจากภัตตาคาร“กินขนาดนี้ไม่เรียกว่าอิ่มก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ”“พี่หาว่าพรีมกินจุเหรอคะ”พรีมยื่นมือไปจับแขนของธีร์แล้วดึงให้เขาหยุดเดิน ส่วนคนถูกดึงแค่หันมาส่งสายตาดุ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร“มองหน้าพรีมแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”“ปล่อย พี่เดินไม่ได้” ธีร์มองไปยังมือคู่เล็กที่กอบกำข้อมือของเขาเอาไว้แน่น แล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหวาน“อ่อ ก็อยากจับค่ะ แล้วตอนนี้ก็อยากจะกอดแขนคู่หมั้นของพรีมด้วย” พรีมยกยิ้มเอียงหน้าตอบ ก่อนจะดึงแขนของเขาไปกอดแบบอ้อนๆ“นี่เธอ”“อะไรกันคะ คู่หมั้นกอดกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้ เนื้อพี่ไม่ได้หลุดติดมือพรีมสักหน่อยค่ะ”ธีร์ได้แต่ถอนหายใจแล้วก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า โดยที่มียัยตัวแสบเกาะแขนเขาไม่ยอมปล่อยจนเดินไปถึงตัวรถ พรีมจึงละมือออกจากแขนของเขาแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในอย่างคนอารมณ์ดีเมื่อรถหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์หลังเล็กที่เป็นบ้านของธีร์ ทั้งคู่ก็พากันลงจากรถแล้วขึ้นไปบนห้องนอน“พี่จะอาบก่อนหรือให้พรีมอาบก่อนคะ”“ตามใจ” ธีร์ตอบกลับเสียงเรียบ ขณะที่มือ
“รอนานไหมคะพี่ธีร์” พรีมที่เดินตรงเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารก็เห็นหนุ่มคู่หมั้นถือแท็บเล็ตเอาไว้ในมือ ส่งสายจ้องมอง พร้อมกับมืออีกข้างที่ยกแก้วกาแฟที่ยังอุ่นๆ ขึ้นจิบ“ใครว่าพี่รอเธอ” เสียงทุ้มตอบกลับพร้อมกับละสายตาออกจากหน้าจอมองหน้าหญิงสาว“อ้าว ก็นึกว่าจะรอพรีมกินข้าวซะอีก” พรีมเอ่ยพลางเลื่อนจานอาหารเช้ามาไว้ตรงหน้าแล้วจัดการตักเข้าปาก พลางนึกในใจว่าเธอก็อุตส่าห์รีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะกลัวว่าคนที่ลงมาก่อนจะรอนาน แต่ที่ไหนได้ มานั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ ข้าวก็ไม่กินเป็นเพื่อนกินข้าวเช้าเสร็จหนุ่มคู่หมั้นก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยเหมือนเดิม โดยที่บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยของคนทั้งสอง“สรุปวันนี้เลิกเรียนกี่โมงยังไม่ได้ตอบพี่เลยนะ” ก่อนที่เธอจะลงจากรถธีร์ก็รีบถาม เพราะเมื่อเช้าที่เขาถามไปพรีมยังไม่ได้ให้คำตอบ“เลิกเที่ยงค่ะ แต่พรีมขอกินข้าวกับเพื่อนก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะโทรบอก” พรีมคิดว่ากินข้าวกับนิวเยียร์ก่อนค่อยกลับคงจะดีกว่า เพราะไม่แน่ว่าเขาอาจจะติดงานจนลืมเวลาก็ได้“อืม”เมื่อธีร์ตอบรับพรีมก็หันไปเปิดประตูลงจากรถ และเห็นเพื่อนชายที่เรียนด้วยกันกำลังเดินมาทางเธอพอด
พอพรีมกดรับสาย เสียงของคำถามจากอีกฝ่ายก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ทันที(ถึงบ้านแล้วเหรอ)“ถึงแล้วค่ะ”(พี่เพิ่งประชุมเสร็จ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปรับ)“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธีร์คะ พรีมมีเรื่องจะขอ”(อืม พูดมาสิ)“พี่ธีร์จะว่าอะไรไหมคะถ้าคืนนี้พรีมจะขอออกไปเที่ยวกับเพื่อน” ขณะที่เอ่ยก็มองหน้ายิ้มๆ กับเพื่อนรัก พลางลุ้นไปด้วยกันว่าจะได้รับคำตอบเช่นไรกลับมา(เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย)“ทั้งสองค่ะ”(อืม)“อืมนี่คือให้พรีมไปใช่ไหมคะ” พรีมถามต่ออย่างไม่ค่อยไม่มั่นใจ(อืม แค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกันที่บ้าน)“ค่ะ”พรีมกดวางสาย เสียงกรี๊ดเบาๆ ของเพื่อนสาวก็ดังขึ้นอยู่ข้างๆ อย่างคนดีอกดีใจจนออกนอกหน้า“จะดีใจอะไรขนาดนั้น”“ก็ดีใจแทนแกไง ฉันก็นึกว่าพี่ธีร์จะไม่ให้ไปแล้วซะอีก นี่ยังดีนะที่ยังให้แกได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”“เขาก็เป็นแค่คู่หมั้นไหมแก คงไม่ถึงกับควบคุมความประพฤติฉันหรอก” พรีมเอ่ยขำๆถ้าถึงขนาดไม่ให้ออกไปไหนเลยก็คงจะเกินไป เราทั้งสองก็แค่หมั้นกันตามที่ผู้ใหญ่ร้องขอก็เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับชีวิตของใครให้ทำตามใจตัวเองได้หรอกนิวเยียร์นั่งคุยเป็นเพื่อนจนถึงบ่ายสามก็ขอตัวกลับบ้าน ส่วนพรีมก็ส่งข้อความไ
ธีร์นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน สายตาก็มองไปที่นาฬิกาแทบจะทุกสิบนาที เพราะนี่มันก็จะห้าทุ่มแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ายัยตัวแสบจะกลับเข้าบ้านมา คงไม่ได้พากันไปเมาจนหาทางกลับบ้านไม่ได้ใช่หรือไม่พอคิดได้ดังนั้นก็พับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง เดินไปหยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถเดินออกจากห้อง ธีร์ปลดล็อกประตูผ่านกุญแจรีโมตแล้วเข้าไปนั่งในรถ หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็กจีพีเอสที่เขาแอบติดตั้งแอปพลิเคชันติดตามเอาไว้ในโทรศัพท์ของพรีม ตอนที่เธอกำลังอาบน้ำเมื่อช่วงหัวค่ำจีพีเอสของเธอยังอยู่ที่เดิมนั่นก็คือผับเอ็กซ์ และพอสตาร์ตรถได้เท่านั้น ธีร์ก็เหยียบคันเร่งขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วระยะทางจากบ้านไปผับห่างกันประมาณสิบห้ากิโลเมตร ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีรถหรูก็เคลื่อนเข้าไปจอดที่ลานจอดโล่งกว้างที่เป็นพื้นที่ของผับแห่งนี้ธีร์ปิดหน้าจอมือถือแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงจุดไหนของผับ เขามองฝ่าผู้คนนับร้อยกว่าชีวิต สายตามองหาแต่สาวคู่หมั้นคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่จ้องมองและเอ่ยทักทายตลอดทางที่ก้าวเดินอยู่ด้านใน“พรีม ไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวเรากลับกันเลยก็ได้นะ”
เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงพรีมก็ขยับตัวเบียดจนธีร์แทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้นอน เขาจึงตัดสินใจสอดแขนเข้าไปใต้ลำคอให้คนตัวเล็กนอนหนุนแขนแล้วกอดเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้พรีมดิ้นตัว แล้วขยับตัวดันเธอเข้าไปนอนด้านในอีกนิด ถ้าไม่ทำอย่างนั้นคืนนี้เขาคงไม่ได้นอน และพรีมก็หันหน้าเข้าซุกอกอุ่นแล้วกระชับอ้อมกอดเอาไว้แน่น เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังนอนกอดคนที่บอกว่าห้ามข้ามเขตพื้นที่บนเตียงของเธออยู่ แต่ตอนนี้เธอกำลังเป็นผู้ทำลายกฎนั้นเสียเองพรีมเลื่อนมือเข้าไปในใต้เสื้อของธีร์อย่างซุกซน มือเล็กเลื่อนไปวางบนแผงอกแล้วลูบไปมาก่อนจะวางมือลงที่กล้ามหน้าอกข้างหนึ่งที่มีตุ่มเม็ดเล็กโผล่ขึ้นมา“อุ่นจัง”เดิมทีแค่นอนกอดกันก็แทบจะนอนไม่หลับอยู่แล้ว ยิ่งเธอทำแบบนี้เขาก็พลันรู้สึกขนกายลุกซู่ หายใจหายคอไม่ค่อยถนัด จนต้องรีบเอามือไปกอบกุมมือเล็กผ่านทางด้านนอกของเสื้อแล้วกำมือเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้ทำอะไรมากไปกว่านี้“อยู่นิ่งๆ อย่าทำให้พี่หมดความอดทน” เสียงพร่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับลมหายใจที่ติดขัด“แล้วทำไมต้องทนด้วยล่ะ” พรีมเอ่ยเสียงยานแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ปรือตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองภาพใบหน้าเบลอๆ เธอรู้แค่ว่าผู้ชา
ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นคุมโทนสีขาว เทาและดำ รายล้อมไปด้วยกระจกสีชาดำที่มองเห็นวิวตึกสูงนับหลายสิบชั้น มองเห็นท้องฟ้าสว่างสดใส ช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดด แต่บุคคลภายนอกหรือผู้ที่อยู่ตึกตรงข้ามไม่สามารถมองเข้ามาเห็นภายในห้องได้ และนี่ก็เป็นห้องทำงานของประธานกรรมการบริหารหรือ CEO หนุ่มในวัย 30 ปี ผู้มีใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ในชุดสูตสีเทาเข้ม กำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่มีคอมพิวเตอร์วางอยู่ และกำลังก้มหน้าตรวจเอกสารที่ได้รับจากเลขาส่วนตัวอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะลงมือเซ็นชื่อลงไปแล้วแล้วส่งคืนให้กับเลขาหนุ่มครอบครัวธนามหาเศรษฐ์ เป็นเจ้าของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในเครือ ที เอส กรุ๊ป ที่มีรายได้มากที่สุดในประเทศไทย บริหารงานโดยลูกชายเพียงคนเดียวของบ้านอย่าง ธีร์ อธิวัฒน์ ธนามหาเศรษฐ์ก๊อก ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นอยู่สองครั้ง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยพนักงานสาวผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขานุการที่อยู่หน้าห้อง และหญิงวัยกลางคนที่อยู่ในชุดกระโปรงสูตเรียบหรูดูแพง ถือกระเป๋าใบเล็กแบรนด์ดัง สวมใส่นาฬิกาข้อมือเรือนหรูราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยล้านบาทที่ข้
เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงพรีมก็ขยับตัวเบียดจนธีร์แทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้นอน เขาจึงตัดสินใจสอดแขนเข้าไปใต้ลำคอให้คนตัวเล็กนอนหนุนแขนแล้วกอดเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้พรีมดิ้นตัว แล้วขยับตัวดันเธอเข้าไปนอนด้านในอีกนิด ถ้าไม่ทำอย่างนั้นคืนนี้เขาคงไม่ได้นอน และพรีมก็หันหน้าเข้าซุกอกอุ่นแล้วกระชับอ้อมกอดเอาไว้แน่น เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังนอนกอดคนที่บอกว่าห้ามข้ามเขตพื้นที่บนเตียงของเธออยู่ แต่ตอนนี้เธอกำลังเป็นผู้ทำลายกฎนั้นเสียเองพรีมเลื่อนมือเข้าไปในใต้เสื้อของธีร์อย่างซุกซน มือเล็กเลื่อนไปวางบนแผงอกแล้วลูบไปมาก่อนจะวางมือลงที่กล้ามหน้าอกข้างหนึ่งที่มีตุ่มเม็ดเล็กโผล่ขึ้นมา“อุ่นจัง”เดิมทีแค่นอนกอดกันก็แทบจะนอนไม่หลับอยู่แล้ว ยิ่งเธอทำแบบนี้เขาก็พลันรู้สึกขนกายลุกซู่ หายใจหายคอไม่ค่อยถนัด จนต้องรีบเอามือไปกอบกุมมือเล็กผ่านทางด้านนอกของเสื้อแล้วกำมือเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้ทำอะไรมากไปกว่านี้“อยู่นิ่งๆ อย่าทำให้พี่หมดความอดทน” เสียงพร่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับลมหายใจที่ติดขัด“แล้วทำไมต้องทนด้วยล่ะ” พรีมเอ่ยเสียงยานแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ปรือตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองภาพใบหน้าเบลอๆ เธอรู้แค่ว่าผู้ชา
ธีร์นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน สายตาก็มองไปที่นาฬิกาแทบจะทุกสิบนาที เพราะนี่มันก็จะห้าทุ่มแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ายัยตัวแสบจะกลับเข้าบ้านมา คงไม่ได้พากันไปเมาจนหาทางกลับบ้านไม่ได้ใช่หรือไม่พอคิดได้ดังนั้นก็พับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง เดินไปหยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถเดินออกจากห้อง ธีร์ปลดล็อกประตูผ่านกุญแจรีโมตแล้วเข้าไปนั่งในรถ หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็กจีพีเอสที่เขาแอบติดตั้งแอปพลิเคชันติดตามเอาไว้ในโทรศัพท์ของพรีม ตอนที่เธอกำลังอาบน้ำเมื่อช่วงหัวค่ำจีพีเอสของเธอยังอยู่ที่เดิมนั่นก็คือผับเอ็กซ์ และพอสตาร์ตรถได้เท่านั้น ธีร์ก็เหยียบคันเร่งขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วระยะทางจากบ้านไปผับห่างกันประมาณสิบห้ากิโลเมตร ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีรถหรูก็เคลื่อนเข้าไปจอดที่ลานจอดโล่งกว้างที่เป็นพื้นที่ของผับแห่งนี้ธีร์ปิดหน้าจอมือถือแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงจุดไหนของผับ เขามองฝ่าผู้คนนับร้อยกว่าชีวิต สายตามองหาแต่สาวคู่หมั้นคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่จ้องมองและเอ่ยทักทายตลอดทางที่ก้าวเดินอยู่ด้านใน“พรีม ไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวเรากลับกันเลยก็ได้นะ”
พอพรีมกดรับสาย เสียงของคำถามจากอีกฝ่ายก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ทันที(ถึงบ้านแล้วเหรอ)“ถึงแล้วค่ะ”(พี่เพิ่งประชุมเสร็จ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปรับ)“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธีร์คะ พรีมมีเรื่องจะขอ”(อืม พูดมาสิ)“พี่ธีร์จะว่าอะไรไหมคะถ้าคืนนี้พรีมจะขอออกไปเที่ยวกับเพื่อน” ขณะที่เอ่ยก็มองหน้ายิ้มๆ กับเพื่อนรัก พลางลุ้นไปด้วยกันว่าจะได้รับคำตอบเช่นไรกลับมา(เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย)“ทั้งสองค่ะ”(อืม)“อืมนี่คือให้พรีมไปใช่ไหมคะ” พรีมถามต่ออย่างไม่ค่อยไม่มั่นใจ(อืม แค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกันที่บ้าน)“ค่ะ”พรีมกดวางสาย เสียงกรี๊ดเบาๆ ของเพื่อนสาวก็ดังขึ้นอยู่ข้างๆ อย่างคนดีอกดีใจจนออกนอกหน้า“จะดีใจอะไรขนาดนั้น”“ก็ดีใจแทนแกไง ฉันก็นึกว่าพี่ธีร์จะไม่ให้ไปแล้วซะอีก นี่ยังดีนะที่ยังให้แกได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”“เขาก็เป็นแค่คู่หมั้นไหมแก คงไม่ถึงกับควบคุมความประพฤติฉันหรอก” พรีมเอ่ยขำๆถ้าถึงขนาดไม่ให้ออกไปไหนเลยก็คงจะเกินไป เราทั้งสองก็แค่หมั้นกันตามที่ผู้ใหญ่ร้องขอก็เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับชีวิตของใครให้ทำตามใจตัวเองได้หรอกนิวเยียร์นั่งคุยเป็นเพื่อนจนถึงบ่ายสามก็ขอตัวกลับบ้าน ส่วนพรีมก็ส่งข้อความไ
“รอนานไหมคะพี่ธีร์” พรีมที่เดินตรงเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารก็เห็นหนุ่มคู่หมั้นถือแท็บเล็ตเอาไว้ในมือ ส่งสายจ้องมอง พร้อมกับมืออีกข้างที่ยกแก้วกาแฟที่ยังอุ่นๆ ขึ้นจิบ“ใครว่าพี่รอเธอ” เสียงทุ้มตอบกลับพร้อมกับละสายตาออกจากหน้าจอมองหน้าหญิงสาว“อ้าว ก็นึกว่าจะรอพรีมกินข้าวซะอีก” พรีมเอ่ยพลางเลื่อนจานอาหารเช้ามาไว้ตรงหน้าแล้วจัดการตักเข้าปาก พลางนึกในใจว่าเธอก็อุตส่าห์รีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะกลัวว่าคนที่ลงมาก่อนจะรอนาน แต่ที่ไหนได้ มานั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ ข้าวก็ไม่กินเป็นเพื่อนกินข้าวเช้าเสร็จหนุ่มคู่หมั้นก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยเหมือนเดิม โดยที่บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยของคนทั้งสอง“สรุปวันนี้เลิกเรียนกี่โมงยังไม่ได้ตอบพี่เลยนะ” ก่อนที่เธอจะลงจากรถธีร์ก็รีบถาม เพราะเมื่อเช้าที่เขาถามไปพรีมยังไม่ได้ให้คำตอบ“เลิกเที่ยงค่ะ แต่พรีมขอกินข้าวกับเพื่อนก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะโทรบอก” พรีมคิดว่ากินข้าวกับนิวเยียร์ก่อนค่อยกลับคงจะดีกว่า เพราะไม่แน่ว่าเขาอาจจะติดงานจนลืมเวลาก็ได้“อืม”เมื่อธีร์ตอบรับพรีมก็หันไปเปิดประตูลงจากรถ และเห็นเพื่อนชายที่เรียนด้วยกันกำลังเดินมาทางเธอพอด
“อิ่มมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่พามาเลี้ยง” พรีมเอยขึ้นขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินออกจากภัตตาคาร“กินขนาดนี้ไม่เรียกว่าอิ่มก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ”“พี่หาว่าพรีมกินจุเหรอคะ”พรีมยื่นมือไปจับแขนของธีร์แล้วดึงให้เขาหยุดเดิน ส่วนคนถูกดึงแค่หันมาส่งสายตาดุ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร“มองหน้าพรีมแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”“ปล่อย พี่เดินไม่ได้” ธีร์มองไปยังมือคู่เล็กที่กอบกำข้อมือของเขาเอาไว้แน่น แล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหวาน“อ่อ ก็อยากจับค่ะ แล้วตอนนี้ก็อยากจะกอดแขนคู่หมั้นของพรีมด้วย” พรีมยกยิ้มเอียงหน้าตอบ ก่อนจะดึงแขนของเขาไปกอดแบบอ้อนๆ“นี่เธอ”“อะไรกันคะ คู่หมั้นกอดกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้ เนื้อพี่ไม่ได้หลุดติดมือพรีมสักหน่อยค่ะ”ธีร์ได้แต่ถอนหายใจแล้วก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า โดยที่มียัยตัวแสบเกาะแขนเขาไม่ยอมปล่อยจนเดินไปถึงตัวรถ พรีมจึงละมือออกจากแขนของเขาแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในอย่างคนอารมณ์ดีเมื่อรถหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์หลังเล็กที่เป็นบ้านของธีร์ ทั้งคู่ก็พากันลงจากรถแล้วขึ้นไปบนห้องนอน“พี่จะอาบก่อนหรือให้พรีมอาบก่อนคะ”“ตามใจ” ธีร์ตอบกลับเสียงเรียบ ขณะที่มือ
พรีมมาถึงที เอส กรุ๊ปก็สี่โมงเย็น เธอนั่งดูโทรศัพท์เพื่อรอคนที่ประชุมจนแบตที่เหลืออยู่สี่สิบเปอร์เซ็นหมดลงและจบด้วยระบบที่ปิดเครื่องอัตโนมัติ“พี่ธีร์นะพี่ธีร์ ถ้าจะให้มานั่งรอแบบนี้ทำไมไม่ให้พี่พิรัชย์ไปส่งที่บ้านเลยล่ะ” พรีมถอนหายใจ บ่นพึมพำมันไม่ใช่แค่นั่งรอแป๊บเดียว แต่เธอนั่งรอจนเบื่อ นั่งรอจนแบตโทรศัพท์หมด และไม่รู้ว่าต้องรอไปจนถึงเมื่อไรเพราะเจ้าตัวไม่บอกอะไรกับเธอเลย แค่ให้เลขาของเขาไปรับแล้วเอาเธอมาทิ้งไว้ที่ห้องแห่งนี้หลังจากที่พรีมมาถึงหนึ่งชั่วโมง ธีร์ที่เพิ่งประชุมเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานพร้อมกับเลขาส่วนตัว ระหว่างทางก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในที่ประชุม พอเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าพรีมได้นอนเหยียดขาอยู่บนโซฟา ถ้าเป็นกางเกงเขาคงไม่รู้สึกอะไร แต่นี่เป็นกระโปรงนักศึกษา พอนอนเหยียดขามาทางประตูมันก็เห็นขาขาวที่พ้นกระโปรงตัวสั้นออกมา และไม่แน่ว่าถ้าเธอดิ้นตัวอาจจะเห็นเข้าไปได้ลึกมากกว่านี้“นายไม่ต้องเข้าไป” ธีร์หันไปเอ่ยกับคนที่เดินตามหลัง“ทำไมล่ะครับ” พิรัชย์นึกสงสัย ก่อนจะชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในก็เห็นคู่หมั้นของเจ้านายนอนหลับอยู่จึงเข้าใจในทันที“งั้นผมขอตัวกลับก่อนน
กินข้าวเสร็จ ธีร์ก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ มีคู่หมั้นก็เหมือนมีเมีย จะขัดใจแม่ของเขาก็ไม่ได้อีก“เลิกเรียนกี่โมง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนที่คนที่นั่งข้างๆ จะเปิดประตูลงจากรถ“ถามทำไมเหรอคะ จะมารับพรีมเหรอ”“พี่เป็นคนมาส่ง เลิกเรียนก็ต้องมารับสิ หรือว่าเธอจะกลับกับใคร”“เปล่าค่ะ นึกว่าพี่จะติดงาน พรีมว่าจะกลับพร้อมนิวเยียร์ แต่ถ้าพี่จะมารับก็ได้ค่ะ เลิกเรียนแล้วจะโทรไปบอกนะคะ”พรีมเอ่ยพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าตีเนียนขอเบอร์คนตรงหน้า ธีร์ขมวดคิ้วเข้มเล็กน้อยแต่ก็ยินยอมบอกเบอร์ของตนไปแต่โดยดีพรีมระบายยิ้มชอบใจรีบกดเบอร์โทรตามที่อีกฝ่ายบอกแล้วบันทึกลงในโทรศัพท์ และทันทีที่เบอร์ถูกบันทึกไลน์ของธีร์ก็เด้งขึ้นมา พรีมจึงรีบกดเพิ่มเพื่อนไปทันที“แอดไลน์ไปแล้วนะคะ ในรูปกับตัวจริงนี่หล่อไม่ต่างกันเลย” เมื่อถือวิสาสะแอดไลน์เขาไป พรีมจึงเอ่ยปากชมคนข้างๆ ไปหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงอ้อนๆส่วนอีกคนเหมือนจะกระตุกยิ้มให้เห็นเล็กน้อยแล้วกลับไปทำหน้านิ่งไม่ได้ต่อว่าอะไร เธอก็จะถือว่าเขาเต็มใจให้ก็แล้วกัน“ไปก่อนนะคะพี่ธีร์”“อืม”พรีมก้าวขาลงจากรถก็โบกมือลาคนที่มาส่ง ก
คืนแรกของการนอนด้วยกัน ต่างคนต่างก็รับรู้ถึงการดิ้นตัวของอีกฝ่ายที่ผลัดเปลี่ยนกันพลิกซ้ายทีขวาทีเพราะข่มตานอนไม่หลับ จนในที่สุดก็ตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากันและจ้องกันในความมืดชั่วขณะของสายตาทั้งสองคู่ที่มองกัน ดวงตาคู่คมก็เหลือบมองดวงตาคู่หวานที่กลมโต ริมฝีปากอวบอิ่มสุขภาพดีที่เคลือบด้วยลิปบาร์มบำรุงริมฝีปาก ธีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคอและหายใจติดขัดให้กับความรู้สึกประหลาดที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คม เลื่อนลงมองจมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากหยักได้รูปคนของตรงหน้า ใจเต้นแรงตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่คนที่นอนร่วมเตียงจะเอ่ยขึ้นมาทำให้เธอได้สติกระพริบตาถี่ ๆ“ถ้านอนไม่หลับ ฉันไปนอนโซฟาก็ได้นะ” ธีร์เอ่ยพลางเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว“มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ธีร์ นอนด้วยกันนี่แหละค่ะ” จะให้เจ้าของห้องไปนอนโซฟาได้อย่างไรกัน ถ้าธีร์ไม่ยอมนอนที่เตียงของตัวเอง เธอก็คงต้องขอระเห็จตัวเองย้ายไปนอนที่โซฟาแทนเมื่อพรีมเอ่ยมาดังนั้น ธีร์จึงเลื่อนผ้าห่มขึ้นไปอยู่ในระดับหน้าอกดังเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นท่านอนหงายวางมือที่หน้าท้องแทน“พี่ก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ”“อืม”“เพราะมี
“ในห้องมีแค่เตียงเดียวและเราต้องนอนด้วยกันใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นพรีมขอพื้นที่ครึ่งนึง แล้วห้ามข้ามเขตกันเด็ดขาด” พรีมเริ่มพูดถึงข้อตกลงที่เธอคิดมาจากบ้านให้ธีร์ฟัง“แล้วตู้เสื้อผ้าพี่จะแบ่งพื้นที่ให้พรีมยังไงคะ เราจะแยกกันคนละตู้ หรือจะให้ใส่ไว้ด้วยกัน”“เธอไปดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ขอจัดแยกให้เป็นระเบียบด้วยนะ”“งั้นถ้าจะใช้ห้องน้ำ ใครตื่นก่อนหรือจะอาบน้ำก่อนก็แล้วแต่สะดวกก็แล้วกันนะคะ พรีมคงจะกำหนดเวลาตายตัวไม่ได้”“อืม”ข้อตกลงคร่าวๆ ที่เธอคิดออกก็คงจะมีประมาณนี้ เพราะชั้นล่างของบ้านก็จะเป็นห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ในส่วนนี้คงไม่จำเป็นต้องขออนุญาต หรือทำข้อตกลงในการใช้พื้นที่ร่วมกัน“แล้วเรื่องการอยู่ด้วยกันล่ะคะ พรีมอยากรู้ว่านานแค่ไหน หรือจะต้องแต่งงานกันอีก” พรีมยังคงอยากรู้ข้อนี้มาก เธออยากรู้กรอบระยะเวลาที่เราต้องอยู่ร่วมกันแบบนี้ แบบคนที่ไม่ได้รักกัน“ตามใจเธอเลย อยากอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ แม่ฉันอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วนี่” ธีร์ตอบราวกับคนตัดพ้อปนกระทบกระทั่งหญิงสาวเหมือนคนไม่มีทางเลือก และถูกมัดมือชกให้ต้องมาหมั้นหมายกัน“ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบากใจ เอาเป็นว่าพ