พอพรีมกดรับสาย เสียงของคำถามจากอีกฝ่ายก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ทันที
(ถึงบ้านแล้วเหรอ)
“ถึงแล้วค่ะ”
(พี่เพิ่งประชุมเสร็จ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปรับ)
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธีร์คะ พรีมมีเรื่องจะขอ”
(อืม พูดมาสิ)
“พี่ธีร์จะว่าอะไรไหมคะถ้าคืนนี้พรีมจะขอออกไปเที่ยวกับเพื่อน” ขณะที่เอ่ยก็มองหน้ายิ้มๆ กับเพื่อนรัก พลางลุ้นไปด้วยกันว่าจะได้รับคำตอบเช่นไรกลับมา
(เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย)
“ทั้งสองค่ะ”
(อืม)
“อืมนี่คือให้พรีมไปใช่ไหมคะ” พรีมถามต่ออย่างไม่ค่อยไม่มั่นใจ
(อืม แค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกันที่บ้าน)
“ค่ะ”
พรีมกดวางสาย เสียงกรี๊ดเบาๆ ของเพื่อนสาวก็ดังขึ้นอยู่ข้างๆ อย่างคนดีอกดีใจจนออกนอกหน้า
“จะดีใจอะไรขนาดนั้น”
“ก็ดีใจแทนแกไง ฉันก็นึกว่าพี่ธีร์จะไม่ให้ไปแล้วซะอีก นี่ยังดีนะที่ยังให้แกได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”
“เขาก็เป็นแค่คู่หมั้นไหมแก คงไม่ถึงกับควบคุมความประพฤติฉันหรอก” พรีมเอ่ยขำๆ
ถ้าถึงขนาดไม่ให้ออกไปไหนเลยก็คงจะเกินไป เราทั้งสองก็แค่หมั้นกันตามที่ผู้ใหญ่ร้องขอก็เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับชีวิตของใครให้ทำตามใจตัวเองได้หรอก
นิวเยียร์นั่งคุยเป็นเพื่อนจนถึงบ่ายสามก็ขอตัวกลับบ้าน ส่วนพรีมก็ส่งข้อความไปบอกเพื่อนชายว่าคืนนี้เธอตกลงจะออกไปเที่ยวด้วยกัน
ห้าโมงเย็นธีร์ก็กลับมาถึงบ้าน เขาขึ้นไปบนห้องเพื่อเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บและถอดเสื้อสูตตัวนอกกับเนกไท ก่อนจะลงมาชั้นล่างของบ้านเพื่อมองหาหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าตอนนี้หายไปไหน
วันนี้พรีมอาสาเป็นลูกมือเข้าไปช่วยแม่บ้านของที่นี่ทำอาหารอยู่ในครัว ถึงเธอจะทำอาหารไม่เก่งแต่ถ้าให้ช่วยหยิบจับ หรือเตรียมวัตถุดิบก็ยังพอทำได้อยู่บ้าง
“พรีม” เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“กลับมาแล้วเหรอคะ พรีมกำลังช่วยป้าสายบัวทำอาหารเย็นให้พี่ธีร์อยู่ค่ะ” พรีมเอ่ยพร้อมกับมือที่ช่วยซอยผักอย่างช้าๆ
“ทำให้พี่” ธีร์ถามกลับ แค่จะออกไปเที่ยวกับเพื่อนถึงกับต้องทำอาหารเอาใจกันเลยหรือ
“ค่ะ พี่ธีร์ไปนั่งรอนะคะ อีกสักพักก็เสร็จแล้ว”
ธีร์หันหลังเดินออกไปตามคำขอของเธอ เวลาผ่านไปเกือบสี่สิบนาทีพรีมก็ออกมาเรียกคนที่นั่งทำงานกับโน้ตบุ๊กคู่ใจในห้องนั่งเล่นไปกินมื้อเย็นด้วยกัน
“นัดเพื่อนไว้กี่โมง”
“สองทุ่มค่ะ”
“เพื่อนที่ชื่อนิวเยียร์น่ะเหรอ แล้วผู้ชายล่ะ ใคร” ธีร์เงยหน้าจากจานข้าวจ้องมองใบหน้าหวานและถามเน้นย้ำตรงคำว่าใคร และรอฟังคำตอบอย่างไม่ละสายตา
“ก็คนที่พี่เห็นเมื่อเช้านั่นแหละค่ะ”
“ไว้ใจได้เหรอ” ธีร์ถามต่อ
“เพื่อนพรีมไว้ใจได้ทุกคนค่ะ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ พรีมไปกับนิวเยียร์ ดื่มเสร็จนิวเยียร์ก็จะมาส่งที่บ้านเหมือนเดิม”
“พี่ไม่ได้ห่วง”
“โอเคค่ะ ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง หวังว่าคงไม่โทรตามกลับบ้านเหมือนพรีมเป็นเด็กๆ นะคะ” พรีมถอนหายใจ นึกว่าถามมาตั้งหลายประโยคจะนึกเป็นห่วงกัน ที่ไหนได้ ถามไปงั้นๆ
“...” ไร้เสียงตอบกลับ เพราะอีกคนก้มหน้ากินข้าวไม่สนใจสิ่งที่เธอพูดเลยสักนิด
เมื่อกินกันอิ่มแล้ว พรีมก็ขึ้นไปอาบน้ำและแต่งตัวด้วยชุดมินิเดรสสายเดี่ยวสีดำ ความยาวกลางหน้าขาแต่แหวกขึ้นสูงเล็กน้อย ก่อนจะออกมานั่งแต่งหน้าที่โต๊ะกระจก
ธีร์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเมื่อเห็นคู่หมั้นสาวออกมาในชุดแบบนั้นก็ดูจะขัดตาเอามากถึงกับลอบถอนหายใจ
“นี่เธอไปเที่ยวหรือไปอ่อยผู้ชาย”
“ไปเที่ยวผับนะคะไม่ได้ไปงานวัด มันก็ต้องมีโชว์บนโชว์ล่างบ้างสิคะพี่ธีร์” พรีมหันไปมองเจ้าของน้ำเสียง ยกยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ใครๆ ก็แต่งตัวแบบนี้กันทั้งนั้น
“จำเป็นต้องโชว์ขนาดนั้นเลยเหรอ” ธีร์มองดูแล้วมันจะดูเผยส่วนบนส่วนล่างมากจนเกินไป ไม่เหมาะกับผู้หญิงที่ออกไปเที่ยวกลางคืนเลยสักนิด
“แล้วถ้าบอกว่าจำเป็นล่ะคะ” พรีมเอ่ยหยอกคนตรงหน้าเพราะอยากรู้ว่าเขาจะตอบกลับมาอย่างไร
“...” อีกคนแค่ทำหน้าเหนื่อยเพราะคร้านจะเถียงกันไปมา จึงถอนหายใจแล้วก้มหน้าทำงานต่อทำทีไม่สนใจ แต่ก็ปรายตามองไปที่เธอเป็นครั้งคราว
ยี่สิบนาทีต่อมาพรีมก็ได้รับข้อความจากเพื่อนรักว่ามาถึงแล้ว และจอดรถรออยู่หน้าบ้าน เธอจึงคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กที่ในนั้นมีแค่กระเป๋าเงิน โทรศัพท์ ก่อนจะออกจากห้องก็หันมาบอกกับเจ้าของบ้านอีกครั้ง
“พรีมไปก่อนนะคะพี่ธีร์”
“...” ธีร์แค่เงยหน้าขึ้นมองและให้ความเงียบกลับไป
พรีมคว้ารองเท้าส้นสูงสีดำที่อยู่ในห้องแต่งตัว แล้วรีบลงไปหานิวเยียร์ที่นั่งรออยู่ในรถ
“กว่าจะลงมาได้นะยัยพรีม” พอพรีมขึ้นไปนั่งบนรถนิวเยียร์ก็หันมาถามเพื่อนทันที พร้อมกับขับรถออกจากบ้านของธีร์ตรงไปสถานที่ที่ได้นัดกันไว้
“ฉันก็รีบมานี่แล้วไงยัยปีเก่า แล้วนี่แกอาบน้ำหอมมาหรือไง”
“หอมใช่ไหมล่ะ”
“หอมจนฉันแสบจมูกไปหมดแล้วเนี่ย” พรีมแกล้งทำคิ้วย่น ยกนิ้วขยี้จมูก มันหอมก็จริง แต่กลิ่นมันแรงไปหน่อย
“แบบนี้แหละเดินไปทางไหนผู้ชายก็ได้กลิ่น” นิวเยียร์ไหวไหล่ใส่เพื่อนอย่างไม่ยี่หระ จะออกบ้านทั้งที่ก็ต้องจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผม รวมทั้งกลิ่นตัวหอมๆ ไว้ล่อผู้ชายในผับ
สองสาวเดินทางไปถึงผับเอ็กซ์เลยเวลาที่ได้นัดหมายกันไว้เล็กน้อย เมื่อเดินเข้าไปด้านในที่มีไฟหลากสีเปล่งแสงวิบวับ ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างพากันออกมาดื่มกันเนืองแน่นเต็มพื้นที่ด้านใน
พรีมและนิวเยียร์พากันมองหาโต๊ะของเพื่อนชายที่มาถึงก่อนหน้า และก็เห็นขุนเขานั่งอยู่ที่โซนด้านใน แต่โต๊ะนั้นมีผู้ชายอีกคนที่พวกเธอไม่รู้จักนั่งอยู่ด้วย
พอเดินไปถึงโต๊ะพรีมก็ย่อตัวลงนั่งที่เก้าอี้ว่างข้างขุนเขา ส่วนนิวเยียร์ก็ไปนั่งข้างหนุ่มหล่ออีกคน
“ไฮ หนุ่มๆ” นิวเยียร์ยกมือขึ้นส่งยิ้มทักทาย
“สวัสดีครับสาวๆ” ชายอีกคนทักทายกลับ พร้อมกับกระตุกยิ้มหล่อมองสองสาวสลับกันไปมา
“นี่ใครเหรอ” ด้วยเพลงที่เสียงดังพรีมโน้มใบหน้าสวยไปถามที่ข้างหูของขุนเขา เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่มานั่งดื่มด้วยคือใคร
“มันชื่อไบร์ท เป็นเพื่อนต่างมหา’ ลัย และก็เป็นน้องชายของเจ้าของผับน่ะ” ขุนเขาโน้มมาพูดที่ข้างหูของพรีม
“ดื่มกันเต็มที่เลยนะครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” เพื่อนใหม่ที่เจอกันวันแรกก็แสดงความมีน้ำใจด้วยการเลี้ยงเหล้า
หล่อแล้วยังใจดีแบบนี้ แถมยังพูดจาด้วยน้ำเสียงหวานหูแบบนี้คงเดาได้ไม่ยากว่าเป็นเสือผู้หญิงอย่างแน่นอน
ธีร์นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน สายตาก็มองไปที่นาฬิกาแทบจะทุกสิบนาที เพราะนี่มันก็จะห้าทุ่มแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ายัยตัวแสบจะกลับเข้าบ้านมา คงไม่ได้พากันไปเมาจนหาทางกลับบ้านไม่ได้ใช่หรือไม่พอคิดได้ดังนั้นก็พับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง เดินไปหยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถเดินออกจากห้อง ธีร์ปลดล็อกประตูผ่านกุญแจรีโมตแล้วเข้าไปนั่งในรถ หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็กจีพีเอสที่เขาแอบติดตั้งแอปพลิเคชันติดตามเอาไว้ในโทรศัพท์ของพรีม ตอนที่เธอกำลังอาบน้ำเมื่อช่วงหัวค่ำจีพีเอสของเธอยังอยู่ที่เดิมนั่นก็คือผับเอ็กซ์ และพอสตาร์ตรถได้เท่านั้น ธีร์ก็เหยียบคันเร่งขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วระยะทางจากบ้านไปผับห่างกันประมาณสิบห้ากิโลเมตร ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีรถหรูก็เคลื่อนเข้าไปจอดที่ลานจอดโล่งกว้างที่เป็นพื้นที่ของผับแห่งนี้ธีร์ปิดหน้าจอมือถือแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงจุดไหนของผับ เขามองฝ่าผู้คนนับร้อยกว่าชีวิต สายตามองหาแต่สาวคู่หมั้นคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่จ้องมองและเอ่ยทักทายตลอดทางที่ก้าวเดินอยู่ด้านใน“พรีม ไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวเรากลับกันเลยก็ได้นะ”
เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงพรีมก็ขยับตัวเบียดจนธีร์แทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้นอน เขาจึงตัดสินใจสอดแขนเข้าไปใต้ลำคอให้คนตัวเล็กนอนหนุนแขนแล้วกอดเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้พรีมดิ้นตัว แล้วขยับตัวดันเธอเข้าไปนอนด้านในอีกนิด ถ้าไม่ทำอย่างนั้นคืนนี้เขาคงไม่ได้นอน และพรีมก็หันหน้าเข้าซุกอกอุ่นแล้วกระชับอ้อมกอดเอาไว้แน่น เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังนอนกอดคนที่บอกว่าห้ามข้ามเขตพื้นที่บนเตียงของเธออยู่ แต่ตอนนี้เธอกำลังเป็นผู้ทำลายกฎนั้นเสียเองพรีมเลื่อนมือเข้าไปในใต้เสื้อของธีร์อย่างซุกซน มือเล็กเลื่อนไปวางบนแผงอกแล้วลูบไปมาก่อนจะวางมือลงที่กล้ามหน้าอกข้างหนึ่งที่มีตุ่มเม็ดเล็กโผล่ขึ้นมา“อุ่นจัง”เดิมทีแค่นอนกอดกันก็แทบจะนอนไม่หลับอยู่แล้ว ยิ่งเธอทำแบบนี้เขาก็พลันรู้สึกขนกายลุกซู่ หายใจหายคอไม่ค่อยถนัด จนต้องรีบเอามือไปกอบกุมมือเล็กผ่านทางด้านนอกของเสื้อแล้วกำมือเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้ทำอะไรมากไปกว่านี้“อยู่นิ่งๆ อย่าทำให้พี่หมดความอดทน” เสียงพร่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับลมหายใจที่ติดขัด“แล้วทำไมต้องทนด้วยล่ะ” พรีมเอ่ยเสียงยานแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ปรือตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองภาพใบหน้าเบลอๆ เธอรู้แค่ว่าผู้ชา
ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นคุมโทนสีขาว เทาและดำ รายล้อมไปด้วยกระจกสีชาดำที่มองเห็นวิวตึกสูงนับหลายสิบชั้น มองเห็นท้องฟ้าสว่างสดใส ช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดด แต่บุคคลภายนอกหรือผู้ที่อยู่ตึกตรงข้ามไม่สามารถมองเข้ามาเห็นภายในห้องได้ และนี่ก็เป็นห้องทำงานของประธานกรรมการบริหารหรือ CEO หนุ่มในวัย 30 ปี ผู้มีใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ในชุดสูตสีเทาเข้ม กำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่มีคอมพิวเตอร์วางอยู่ และกำลังก้มหน้าตรวจเอกสารที่ได้รับจากเลขาส่วนตัวอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะลงมือเซ็นชื่อลงไปแล้วแล้วส่งคืนให้กับเลขาหนุ่มครอบครัวธนามหาเศรษฐ์ เป็นเจ้าของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในเครือ ที เอส กรุ๊ป ที่มีรายได้มากที่สุดในประเทศไทย บริหารงานโดยลูกชายเพียงคนเดียวของบ้านอย่าง ธีร์ อธิวัฒน์ ธนามหาเศรษฐ์ก๊อก ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นอยู่สองครั้ง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยพนักงานสาวผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขานุการที่อยู่หน้าห้อง และหญิงวัยกลางคนที่อยู่ในชุดกระโปรงสูตเรียบหรูดูแพง ถือกระเป๋าใบเล็กแบรนด์ดัง สวมใส่นาฬิกาข้อมือเรือนหรูราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยล้านบาทที่ข้
“พรีม ทางนี้” ทันทีที่หญิงสาวในชุดนักศึกษาก้าวลงจากรถ เพื่อนรักอย่างนิวเยียร์ที่มาถึงก่อน และได้นั่งรออยู่ที่ม้าหินอ่อนที่อยู่ไม่ไกลจากลานจอดรถของมหาวิทยาลัยชื่อดังก็ได้ยกมือขึ้นตะโกนเรียกพรีม ศรัณย์ภัทร หิรัญอัครมนตรี นักศึกษาปี 2 คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน อายุ 20 ปี เจ้าของใบหน้าวีเชฟ สวย เซ็กซี ผมยาวสลวยสีน้ำตาลประกายทอง แม้จะสวมใส่ชุดนักศึกษาที่ไม่รัดรูปมาก แต่ก็พอเห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง และก้อนกลมสองก้อนเด่นชัดชวนสะกดสายตาหนุ่มๆ ให้พากันหันมองทุกครั้งที่เดินผ่าน“เมื่อคืนแกมีเรื่องอะไรจะบอกฉัน” นิวเยียร์ยิงคำถามที่อยากรู้ใส่เพื่อนรักขณะที่ทั้งสองคนกำลังพากันเดินเข้าไปยังอาคารของคณะ เพราะเมื่อคืนที่คุยแชทกันค้างไว้ คือพรีมบอกว่ามีเรื่องจะบอก แต่ขอมาบอกด้วยตัวเองในเช้าวันนี้“ฉันกำลังจะหมั้น”“ฮะ!!!” คำตอบสั้นๆ ถึงกับทำให้นิวเยียร์เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เพื่อนสาวของเธอยังไม่มีแฟน อยู่ ๆ จะมาหมั้นกับใคร“นี่แกแอบซุ่มไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเพื่อนรักอย่างฉันถึงไม่รู้เรื่อง” นิวเยียร์คาดคั้นเอาคำตอบ“แฟนบ้าอะไรล่ะ ก็แค่จะหมั้นเพื่อช่วยบริษัทของฉันก็เท่านั้น” พรีมอธิบายสาเหตุที่
“ฉันล่ะตื่นเต้นแทนแกจังเลยยัยพรีม แต่ดูแกจะชิวมากเลยนะ” นิวเยียร์ที่กำลังช่วยจัดแจงชุดไทยสำหรับใส่ในพิธีหมั้น ก็พูดคุยกับเพื่อนพลางก้มลงมองตรงนั้นทีหันมองตรงนี้ทีเพื่อให้ทุกอย่างออกมาอย่างเพอร์เฟกต์ไร้ที่ติ และพรีมต้องเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงานวันนี้เท่านั้นงานหมั้นถูกจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายชาย หลังจากพิธีหมั้นเสร็จสิ้น พรีมก็ต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของธีร์ตามที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันเอาไว้“มีอะไรให้ตื่นเต้นกัน ทำอย่างกับจะมาหมั้นแทนฉันอย่างนั้นแหละ”“ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบคนแก่ แต่เมื่อกี้ตอนที่ไปเข้าห้องน้ำ ฉันเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้นของแกแล้วนะ”“อืม แล้วไง” พรีมถามกลับอย่างขอไปที“อยากจะบอกว่าหล่อมาก หล่อเวอร์วังยิ่งกว่าในรูปที่ฉันเอาให้แกดูซะอีก หุ่นนี่สูงยาวเข่าดีเหมาะกับการเป็นพ่อพันธ์ชั้นดีเลยอะแก” นิวเยียร์เอ่ยพลางยกยิ้ม แหงนหน้ามองฝ้าเพดานราวกับคนละเมอเพ้อพก“จะหล่อ จะสูง จะยาว ก็เรื่องของแกเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก ก็แค่หมั้นและอยู่ด้วยกันเพราะธุรกิจ”“อยู่ด้วยกันทุกวันมันก็ไม่แน่นะ ไม่แกก็อาจจะเป็นเขาที่เผลอมีใจให้กันก็ได้ ใครจะรู้”“ใครไม่รู้ แต่ฉันรู้ใจตัวเองก็แล้วกัน” พรีมตอ
“ในห้องมีแค่เตียงเดียวและเราต้องนอนด้วยกันใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นพรีมขอพื้นที่ครึ่งนึง แล้วห้ามข้ามเขตกันเด็ดขาด” พรีมเริ่มพูดถึงข้อตกลงที่เธอคิดมาจากบ้านให้ธีร์ฟัง“แล้วตู้เสื้อผ้าพี่จะแบ่งพื้นที่ให้พรีมยังไงคะ เราจะแยกกันคนละตู้ หรือจะให้ใส่ไว้ด้วยกัน”“เธอไปดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ขอจัดแยกให้เป็นระเบียบด้วยนะ”“งั้นถ้าจะใช้ห้องน้ำ ใครตื่นก่อนหรือจะอาบน้ำก่อนก็แล้วแต่สะดวกก็แล้วกันนะคะ พรีมคงจะกำหนดเวลาตายตัวไม่ได้”“อืม”ข้อตกลงคร่าวๆ ที่เธอคิดออกก็คงจะมีประมาณนี้ เพราะชั้นล่างของบ้านก็จะเป็นห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ในส่วนนี้คงไม่จำเป็นต้องขออนุญาต หรือทำข้อตกลงในการใช้พื้นที่ร่วมกัน“แล้วเรื่องการอยู่ด้วยกันล่ะคะ พรีมอยากรู้ว่านานแค่ไหน หรือจะต้องแต่งงานกันอีก” พรีมยังคงอยากรู้ข้อนี้มาก เธออยากรู้กรอบระยะเวลาที่เราต้องอยู่ร่วมกันแบบนี้ แบบคนที่ไม่ได้รักกัน“ตามใจเธอเลย อยากอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ แม่ฉันอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วนี่” ธีร์ตอบราวกับคนตัดพ้อปนกระทบกระทั่งหญิงสาวเหมือนคนไม่มีทางเลือก และถูกมัดมือชกให้ต้องมาหมั้นหมายกัน“ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบากใจ เอาเป็นว่าพ
คืนแรกของการนอนด้วยกัน ต่างคนต่างก็รับรู้ถึงการดิ้นตัวของอีกฝ่ายที่ผลัดเปลี่ยนกันพลิกซ้ายทีขวาทีเพราะข่มตานอนไม่หลับ จนในที่สุดก็ตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากันและจ้องกันในความมืดชั่วขณะของสายตาทั้งสองคู่ที่มองกัน ดวงตาคู่คมก็เหลือบมองดวงตาคู่หวานที่กลมโต ริมฝีปากอวบอิ่มสุขภาพดีที่เคลือบด้วยลิปบาร์มบำรุงริมฝีปาก ธีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคอและหายใจติดขัดให้กับความรู้สึกประหลาดที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คม เลื่อนลงมองจมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากหยักได้รูปคนของตรงหน้า ใจเต้นแรงตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่คนที่นอนร่วมเตียงจะเอ่ยขึ้นมาทำให้เธอได้สติกระพริบตาถี่ ๆ“ถ้านอนไม่หลับ ฉันไปนอนโซฟาก็ได้นะ” ธีร์เอ่ยพลางเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว“มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ธีร์ นอนด้วยกันนี่แหละค่ะ” จะให้เจ้าของห้องไปนอนโซฟาได้อย่างไรกัน ถ้าธีร์ไม่ยอมนอนที่เตียงของตัวเอง เธอก็คงต้องขอระเห็จตัวเองย้ายไปนอนที่โซฟาแทนเมื่อพรีมเอ่ยมาดังนั้น ธีร์จึงเลื่อนผ้าห่มขึ้นไปอยู่ในระดับหน้าอกดังเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นท่านอนหงายวางมือที่หน้าท้องแทน“พี่ก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ”“อืม”“เพราะมี
กินข้าวเสร็จ ธีร์ก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ มีคู่หมั้นก็เหมือนมีเมีย จะขัดใจแม่ของเขาก็ไม่ได้อีก“เลิกเรียนกี่โมง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนที่คนที่นั่งข้างๆ จะเปิดประตูลงจากรถ“ถามทำไมเหรอคะ จะมารับพรีมเหรอ”“พี่เป็นคนมาส่ง เลิกเรียนก็ต้องมารับสิ หรือว่าเธอจะกลับกับใคร”“เปล่าค่ะ นึกว่าพี่จะติดงาน พรีมว่าจะกลับพร้อมนิวเยียร์ แต่ถ้าพี่จะมารับก็ได้ค่ะ เลิกเรียนแล้วจะโทรไปบอกนะคะ”พรีมเอ่ยพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าตีเนียนขอเบอร์คนตรงหน้า ธีร์ขมวดคิ้วเข้มเล็กน้อยแต่ก็ยินยอมบอกเบอร์ของตนไปแต่โดยดีพรีมระบายยิ้มชอบใจรีบกดเบอร์โทรตามที่อีกฝ่ายบอกแล้วบันทึกลงในโทรศัพท์ และทันทีที่เบอร์ถูกบันทึกไลน์ของธีร์ก็เด้งขึ้นมา พรีมจึงรีบกดเพิ่มเพื่อนไปทันที“แอดไลน์ไปแล้วนะคะ ในรูปกับตัวจริงนี่หล่อไม่ต่างกันเลย” เมื่อถือวิสาสะแอดไลน์เขาไป พรีมจึงเอ่ยปากชมคนข้างๆ ไปหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงอ้อนๆส่วนอีกคนเหมือนจะกระตุกยิ้มให้เห็นเล็กน้อยแล้วกลับไปทำหน้านิ่งไม่ได้ต่อว่าอะไร เธอก็จะถือว่าเขาเต็มใจให้ก็แล้วกัน“ไปก่อนนะคะพี่ธีร์”“อืม”พรีมก้าวขาลงจากรถก็โบกมือลาคนที่มาส่ง ก
เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงพรีมก็ขยับตัวเบียดจนธีร์แทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้นอน เขาจึงตัดสินใจสอดแขนเข้าไปใต้ลำคอให้คนตัวเล็กนอนหนุนแขนแล้วกอดเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้พรีมดิ้นตัว แล้วขยับตัวดันเธอเข้าไปนอนด้านในอีกนิด ถ้าไม่ทำอย่างนั้นคืนนี้เขาคงไม่ได้นอน และพรีมก็หันหน้าเข้าซุกอกอุ่นแล้วกระชับอ้อมกอดเอาไว้แน่น เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังนอนกอดคนที่บอกว่าห้ามข้ามเขตพื้นที่บนเตียงของเธออยู่ แต่ตอนนี้เธอกำลังเป็นผู้ทำลายกฎนั้นเสียเองพรีมเลื่อนมือเข้าไปในใต้เสื้อของธีร์อย่างซุกซน มือเล็กเลื่อนไปวางบนแผงอกแล้วลูบไปมาก่อนจะวางมือลงที่กล้ามหน้าอกข้างหนึ่งที่มีตุ่มเม็ดเล็กโผล่ขึ้นมา“อุ่นจัง”เดิมทีแค่นอนกอดกันก็แทบจะนอนไม่หลับอยู่แล้ว ยิ่งเธอทำแบบนี้เขาก็พลันรู้สึกขนกายลุกซู่ หายใจหายคอไม่ค่อยถนัด จนต้องรีบเอามือไปกอบกุมมือเล็กผ่านทางด้านนอกของเสื้อแล้วกำมือเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้ทำอะไรมากไปกว่านี้“อยู่นิ่งๆ อย่าทำให้พี่หมดความอดทน” เสียงพร่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับลมหายใจที่ติดขัด“แล้วทำไมต้องทนด้วยล่ะ” พรีมเอ่ยเสียงยานแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ปรือตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองภาพใบหน้าเบลอๆ เธอรู้แค่ว่าผู้ชา
ธีร์นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน สายตาก็มองไปที่นาฬิกาแทบจะทุกสิบนาที เพราะนี่มันก็จะห้าทุ่มแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ายัยตัวแสบจะกลับเข้าบ้านมา คงไม่ได้พากันไปเมาจนหาทางกลับบ้านไม่ได้ใช่หรือไม่พอคิดได้ดังนั้นก็พับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง เดินไปหยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถเดินออกจากห้อง ธีร์ปลดล็อกประตูผ่านกุญแจรีโมตแล้วเข้าไปนั่งในรถ หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็กจีพีเอสที่เขาแอบติดตั้งแอปพลิเคชันติดตามเอาไว้ในโทรศัพท์ของพรีม ตอนที่เธอกำลังอาบน้ำเมื่อช่วงหัวค่ำจีพีเอสของเธอยังอยู่ที่เดิมนั่นก็คือผับเอ็กซ์ และพอสตาร์ตรถได้เท่านั้น ธีร์ก็เหยียบคันเร่งขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วระยะทางจากบ้านไปผับห่างกันประมาณสิบห้ากิโลเมตร ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีรถหรูก็เคลื่อนเข้าไปจอดที่ลานจอดโล่งกว้างที่เป็นพื้นที่ของผับแห่งนี้ธีร์ปิดหน้าจอมือถือแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงจุดไหนของผับ เขามองฝ่าผู้คนนับร้อยกว่าชีวิต สายตามองหาแต่สาวคู่หมั้นคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่จ้องมองและเอ่ยทักทายตลอดทางที่ก้าวเดินอยู่ด้านใน“พรีม ไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวเรากลับกันเลยก็ได้นะ”
พอพรีมกดรับสาย เสียงของคำถามจากอีกฝ่ายก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ทันที(ถึงบ้านแล้วเหรอ)“ถึงแล้วค่ะ”(พี่เพิ่งประชุมเสร็จ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปรับ)“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธีร์คะ พรีมมีเรื่องจะขอ”(อืม พูดมาสิ)“พี่ธีร์จะว่าอะไรไหมคะถ้าคืนนี้พรีมจะขอออกไปเที่ยวกับเพื่อน” ขณะที่เอ่ยก็มองหน้ายิ้มๆ กับเพื่อนรัก พลางลุ้นไปด้วยกันว่าจะได้รับคำตอบเช่นไรกลับมา(เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย)“ทั้งสองค่ะ”(อืม)“อืมนี่คือให้พรีมไปใช่ไหมคะ” พรีมถามต่ออย่างไม่ค่อยไม่มั่นใจ(อืม แค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกันที่บ้าน)“ค่ะ”พรีมกดวางสาย เสียงกรี๊ดเบาๆ ของเพื่อนสาวก็ดังขึ้นอยู่ข้างๆ อย่างคนดีอกดีใจจนออกนอกหน้า“จะดีใจอะไรขนาดนั้น”“ก็ดีใจแทนแกไง ฉันก็นึกว่าพี่ธีร์จะไม่ให้ไปแล้วซะอีก นี่ยังดีนะที่ยังให้แกได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”“เขาก็เป็นแค่คู่หมั้นไหมแก คงไม่ถึงกับควบคุมความประพฤติฉันหรอก” พรีมเอ่ยขำๆถ้าถึงขนาดไม่ให้ออกไปไหนเลยก็คงจะเกินไป เราทั้งสองก็แค่หมั้นกันตามที่ผู้ใหญ่ร้องขอก็เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับชีวิตของใครให้ทำตามใจตัวเองได้หรอกนิวเยียร์นั่งคุยเป็นเพื่อนจนถึงบ่ายสามก็ขอตัวกลับบ้าน ส่วนพรีมก็ส่งข้อความไ
“รอนานไหมคะพี่ธีร์” พรีมที่เดินตรงเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารก็เห็นหนุ่มคู่หมั้นถือแท็บเล็ตเอาไว้ในมือ ส่งสายจ้องมอง พร้อมกับมืออีกข้างที่ยกแก้วกาแฟที่ยังอุ่นๆ ขึ้นจิบ“ใครว่าพี่รอเธอ” เสียงทุ้มตอบกลับพร้อมกับละสายตาออกจากหน้าจอมองหน้าหญิงสาว“อ้าว ก็นึกว่าจะรอพรีมกินข้าวซะอีก” พรีมเอ่ยพลางเลื่อนจานอาหารเช้ามาไว้ตรงหน้าแล้วจัดการตักเข้าปาก พลางนึกในใจว่าเธอก็อุตส่าห์รีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะกลัวว่าคนที่ลงมาก่อนจะรอนาน แต่ที่ไหนได้ มานั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ ข้าวก็ไม่กินเป็นเพื่อนกินข้าวเช้าเสร็จหนุ่มคู่หมั้นก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยเหมือนเดิม โดยที่บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยของคนทั้งสอง“สรุปวันนี้เลิกเรียนกี่โมงยังไม่ได้ตอบพี่เลยนะ” ก่อนที่เธอจะลงจากรถธีร์ก็รีบถาม เพราะเมื่อเช้าที่เขาถามไปพรีมยังไม่ได้ให้คำตอบ“เลิกเที่ยงค่ะ แต่พรีมขอกินข้าวกับเพื่อนก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะโทรบอก” พรีมคิดว่ากินข้าวกับนิวเยียร์ก่อนค่อยกลับคงจะดีกว่า เพราะไม่แน่ว่าเขาอาจจะติดงานจนลืมเวลาก็ได้“อืม”เมื่อธีร์ตอบรับพรีมก็หันไปเปิดประตูลงจากรถ และเห็นเพื่อนชายที่เรียนด้วยกันกำลังเดินมาทางเธอพอด
“อิ่มมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่พามาเลี้ยง” พรีมเอยขึ้นขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินออกจากภัตตาคาร“กินขนาดนี้ไม่เรียกว่าอิ่มก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ”“พี่หาว่าพรีมกินจุเหรอคะ”พรีมยื่นมือไปจับแขนของธีร์แล้วดึงให้เขาหยุดเดิน ส่วนคนถูกดึงแค่หันมาส่งสายตาดุ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร“มองหน้าพรีมแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”“ปล่อย พี่เดินไม่ได้” ธีร์มองไปยังมือคู่เล็กที่กอบกำข้อมือของเขาเอาไว้แน่น แล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหวาน“อ่อ ก็อยากจับค่ะ แล้วตอนนี้ก็อยากจะกอดแขนคู่หมั้นของพรีมด้วย” พรีมยกยิ้มเอียงหน้าตอบ ก่อนจะดึงแขนของเขาไปกอดแบบอ้อนๆ“นี่เธอ”“อะไรกันคะ คู่หมั้นกอดกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้ เนื้อพี่ไม่ได้หลุดติดมือพรีมสักหน่อยค่ะ”ธีร์ได้แต่ถอนหายใจแล้วก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า โดยที่มียัยตัวแสบเกาะแขนเขาไม่ยอมปล่อยจนเดินไปถึงตัวรถ พรีมจึงละมือออกจากแขนของเขาแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในอย่างคนอารมณ์ดีเมื่อรถหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์หลังเล็กที่เป็นบ้านของธีร์ ทั้งคู่ก็พากันลงจากรถแล้วขึ้นไปบนห้องนอน“พี่จะอาบก่อนหรือให้พรีมอาบก่อนคะ”“ตามใจ” ธีร์ตอบกลับเสียงเรียบ ขณะที่มือ
พรีมมาถึงที เอส กรุ๊ปก็สี่โมงเย็น เธอนั่งดูโทรศัพท์เพื่อรอคนที่ประชุมจนแบตที่เหลืออยู่สี่สิบเปอร์เซ็นหมดลงและจบด้วยระบบที่ปิดเครื่องอัตโนมัติ“พี่ธีร์นะพี่ธีร์ ถ้าจะให้มานั่งรอแบบนี้ทำไมไม่ให้พี่พิรัชย์ไปส่งที่บ้านเลยล่ะ” พรีมถอนหายใจ บ่นพึมพำมันไม่ใช่แค่นั่งรอแป๊บเดียว แต่เธอนั่งรอจนเบื่อ นั่งรอจนแบตโทรศัพท์หมด และไม่รู้ว่าต้องรอไปจนถึงเมื่อไรเพราะเจ้าตัวไม่บอกอะไรกับเธอเลย แค่ให้เลขาของเขาไปรับแล้วเอาเธอมาทิ้งไว้ที่ห้องแห่งนี้หลังจากที่พรีมมาถึงหนึ่งชั่วโมง ธีร์ที่เพิ่งประชุมเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานพร้อมกับเลขาส่วนตัว ระหว่างทางก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในที่ประชุม พอเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าพรีมได้นอนเหยียดขาอยู่บนโซฟา ถ้าเป็นกางเกงเขาคงไม่รู้สึกอะไร แต่นี่เป็นกระโปรงนักศึกษา พอนอนเหยียดขามาทางประตูมันก็เห็นขาขาวที่พ้นกระโปรงตัวสั้นออกมา และไม่แน่ว่าถ้าเธอดิ้นตัวอาจจะเห็นเข้าไปได้ลึกมากกว่านี้“นายไม่ต้องเข้าไป” ธีร์หันไปเอ่ยกับคนที่เดินตามหลัง“ทำไมล่ะครับ” พิรัชย์นึกสงสัย ก่อนจะชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในก็เห็นคู่หมั้นของเจ้านายนอนหลับอยู่จึงเข้าใจในทันที“งั้นผมขอตัวกลับก่อนน
กินข้าวเสร็จ ธีร์ก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ มีคู่หมั้นก็เหมือนมีเมีย จะขัดใจแม่ของเขาก็ไม่ได้อีก“เลิกเรียนกี่โมง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนที่คนที่นั่งข้างๆ จะเปิดประตูลงจากรถ“ถามทำไมเหรอคะ จะมารับพรีมเหรอ”“พี่เป็นคนมาส่ง เลิกเรียนก็ต้องมารับสิ หรือว่าเธอจะกลับกับใคร”“เปล่าค่ะ นึกว่าพี่จะติดงาน พรีมว่าจะกลับพร้อมนิวเยียร์ แต่ถ้าพี่จะมารับก็ได้ค่ะ เลิกเรียนแล้วจะโทรไปบอกนะคะ”พรีมเอ่ยพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าตีเนียนขอเบอร์คนตรงหน้า ธีร์ขมวดคิ้วเข้มเล็กน้อยแต่ก็ยินยอมบอกเบอร์ของตนไปแต่โดยดีพรีมระบายยิ้มชอบใจรีบกดเบอร์โทรตามที่อีกฝ่ายบอกแล้วบันทึกลงในโทรศัพท์ และทันทีที่เบอร์ถูกบันทึกไลน์ของธีร์ก็เด้งขึ้นมา พรีมจึงรีบกดเพิ่มเพื่อนไปทันที“แอดไลน์ไปแล้วนะคะ ในรูปกับตัวจริงนี่หล่อไม่ต่างกันเลย” เมื่อถือวิสาสะแอดไลน์เขาไป พรีมจึงเอ่ยปากชมคนข้างๆ ไปหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงอ้อนๆส่วนอีกคนเหมือนจะกระตุกยิ้มให้เห็นเล็กน้อยแล้วกลับไปทำหน้านิ่งไม่ได้ต่อว่าอะไร เธอก็จะถือว่าเขาเต็มใจให้ก็แล้วกัน“ไปก่อนนะคะพี่ธีร์”“อืม”พรีมก้าวขาลงจากรถก็โบกมือลาคนที่มาส่ง ก
คืนแรกของการนอนด้วยกัน ต่างคนต่างก็รับรู้ถึงการดิ้นตัวของอีกฝ่ายที่ผลัดเปลี่ยนกันพลิกซ้ายทีขวาทีเพราะข่มตานอนไม่หลับ จนในที่สุดก็ตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากันและจ้องกันในความมืดชั่วขณะของสายตาทั้งสองคู่ที่มองกัน ดวงตาคู่คมก็เหลือบมองดวงตาคู่หวานที่กลมโต ริมฝีปากอวบอิ่มสุขภาพดีที่เคลือบด้วยลิปบาร์มบำรุงริมฝีปาก ธีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคอและหายใจติดขัดให้กับความรู้สึกประหลาดที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คม เลื่อนลงมองจมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากหยักได้รูปคนของตรงหน้า ใจเต้นแรงตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่คนที่นอนร่วมเตียงจะเอ่ยขึ้นมาทำให้เธอได้สติกระพริบตาถี่ ๆ“ถ้านอนไม่หลับ ฉันไปนอนโซฟาก็ได้นะ” ธีร์เอ่ยพลางเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว“มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ธีร์ นอนด้วยกันนี่แหละค่ะ” จะให้เจ้าของห้องไปนอนโซฟาได้อย่างไรกัน ถ้าธีร์ไม่ยอมนอนที่เตียงของตัวเอง เธอก็คงต้องขอระเห็จตัวเองย้ายไปนอนที่โซฟาแทนเมื่อพรีมเอ่ยมาดังนั้น ธีร์จึงเลื่อนผ้าห่มขึ้นไปอยู่ในระดับหน้าอกดังเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นท่านอนหงายวางมือที่หน้าท้องแทน“พี่ก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ”“อืม”“เพราะมี
“ในห้องมีแค่เตียงเดียวและเราต้องนอนด้วยกันใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นพรีมขอพื้นที่ครึ่งนึง แล้วห้ามข้ามเขตกันเด็ดขาด” พรีมเริ่มพูดถึงข้อตกลงที่เธอคิดมาจากบ้านให้ธีร์ฟัง“แล้วตู้เสื้อผ้าพี่จะแบ่งพื้นที่ให้พรีมยังไงคะ เราจะแยกกันคนละตู้ หรือจะให้ใส่ไว้ด้วยกัน”“เธอไปดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ขอจัดแยกให้เป็นระเบียบด้วยนะ”“งั้นถ้าจะใช้ห้องน้ำ ใครตื่นก่อนหรือจะอาบน้ำก่อนก็แล้วแต่สะดวกก็แล้วกันนะคะ พรีมคงจะกำหนดเวลาตายตัวไม่ได้”“อืม”ข้อตกลงคร่าวๆ ที่เธอคิดออกก็คงจะมีประมาณนี้ เพราะชั้นล่างของบ้านก็จะเป็นห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ในส่วนนี้คงไม่จำเป็นต้องขออนุญาต หรือทำข้อตกลงในการใช้พื้นที่ร่วมกัน“แล้วเรื่องการอยู่ด้วยกันล่ะคะ พรีมอยากรู้ว่านานแค่ไหน หรือจะต้องแต่งงานกันอีก” พรีมยังคงอยากรู้ข้อนี้มาก เธออยากรู้กรอบระยะเวลาที่เราต้องอยู่ร่วมกันแบบนี้ แบบคนที่ไม่ได้รักกัน“ตามใจเธอเลย อยากอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ แม่ฉันอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วนี่” ธีร์ตอบราวกับคนตัดพ้อปนกระทบกระทั่งหญิงสาวเหมือนคนไม่มีทางเลือก และถูกมัดมือชกให้ต้องมาหมั้นหมายกัน“ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบากใจ เอาเป็นว่าพ