พรีมมาถึงที เอส กรุ๊ปก็สี่โมงเย็น เธอนั่งดูโทรศัพท์เพื่อรอคนที่ประชุมจนแบตที่เหลืออยู่สี่สิบเปอร์เซ็นหมดลงและจบด้วยระบบที่ปิดเครื่องอัตโนมัติ
“พี่ธีร์นะพี่ธีร์ ถ้าจะให้มานั่งรอแบบนี้ทำไมไม่ให้พี่พิรัชย์ไปส่งที่บ้านเลยล่ะ” พรีมถอนหายใจ บ่นพึมพำ
มันไม่ใช่แค่นั่งรอแป๊บเดียว แต่เธอนั่งรอจนเบื่อ นั่งรอจนแบตโทรศัพท์หมด และไม่รู้ว่าต้องรอไปจนถึงเมื่อไรเพราะเจ้าตัวไม่บอกอะไรกับเธอเลย แค่ให้เลขาของเขาไปรับแล้วเอาเธอมาทิ้งไว้ที่ห้องแห่งนี้
หลังจากที่พรีมมาถึงหนึ่งชั่วโมง ธีร์ที่เพิ่งประชุมเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานพร้อมกับเลขาส่วนตัว ระหว่างทางก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในที่ประชุม พอเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าพรีมได้นอนเหยียดขาอยู่บนโซฟา ถ้าเป็นกางเกงเขาคงไม่รู้สึกอะไร แต่นี่เป็นกระโปรงนักศึกษา พอนอนเหยียดขามาทางประตูมันก็เห็นขาขาวที่พ้นกระโปรงตัวสั้นออกมา และไม่แน่ว่าถ้าเธอดิ้นตัวอาจจะเห็นเข้าไปได้ลึกมากกว่านี้
“นายไม่ต้องเข้าไป” ธีร์หันไปเอ่ยกับคนที่เดินตามหลัง
“ทำไมล่ะครับ” พิรัชย์นึกสงสัย ก่อนจะชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในก็เห็นคู่หมั้นของเจ้านายนอนหลับอยู่จึงเข้าใจในทันที
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“อืม”
ธีร์รีบปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อเร่งสะสางงานให้แล้วเสร็จ และในสามสิบนาทีต่อมาแฟ้มเอกสารตรงหน้าก็ได้ถูกพับเก็บแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบ ก่อนจะลุกไปหาคนตัวเล็กที่ปล่อยให้รอจนเผลอหลับ
“พรีม พี่เสร็จแล้ว” ธีร์ยกตัวลงนั่งชันเขาข้างหนึ่งแล้วเอ่ยเรียกคนที่นอนอยู่
“อือ” พรีมสะลึมสะลือส่งเสียงในลำคอในขณะที่ดวงตายังคงปิดอยู่
“พรีม ค่ำแล้วกลับบ้านกันเถอะ”
ธีร์ยื่นมือไปเขย่าแขนของคนตัวเล็กเบาๆ หมายจะปลุกให้ตื่น แต่ก็ถูกคนที่นอนอยู่ดึงแขนของเขาเข้าไปกอดแล้วพลิกตัวหันหน้าเข้าหาพนักโซฟา ทำเอาคนที่นั่งอยู่ถลาลงไปนอนพาดกลางลำตัวของหญิงสาว ใบหน้าของทั้งสองแทบจะแนบชิดกัน ดีที่ธีร์ใช้มืออีกข้างพยุงตัวเอาไว้
“พรีม” ธีร์เอ่ยเรียกอีกครั้ง
“อืม พี่ธีร์ ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“เสร็จแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”
พอได้ยินคำว่ากลับบ้านพรีมก็ปรือตาตื่นขึ้นมา แล้วก็พบว่าหนุ่มคู่หมั้นกำลังจะนอนทาบทับอยู่บนตัวของเธอ ทำให้ดวงตาคู่หวานเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“พี่ธีร์จะทำอะไรคะ”
“ปะ เปล่า พี่ไม่ได้จะทำอะไร” พรีมมองใบหน้าหล่อ มองสายตาคู่คมที่ตอบเสร็จก็หลบสายตา แต่ไม่ยอมที่จะออกไปจากตัวของเธอสักที
“แต่พี่กำลังนอนทับพรีมอยู่นะคะ”
“พี่ไม่ได้จะนอนทับเธอ แต่เธอกอดแขนพี่ไว้อยู่” ธีร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงประหม่าเล็กน้อย เพราะเขาอยู่ในท่าเท้าแขนข้างเดียวเป็นเวลานานหลายนาที เพื่อไม่ให้ล้มลงนอนทับคนที่นอนอยู่ด้านล่างจนล้าแขนไปหมดแล้ว
พรีมรีบมองแขนของตัวเองที่เกี่ยวแขนของธีร์เข้ามากอดเอาไว้แน่นราวกับว่ามันเป็นหมอนข้างคู่ใจ ก็เบิกตาโพลงกว้างรีบปล่อยแขนของเขาให้เป็นอิสระ แล้วรีบขอโทษขอโพยด้วยใบหน้าที่เจือไปด้วยสีเลือดฝาด
“ขอโทษค่ะ”
ธีร์รีบดันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คนตัวเล็กก็รีบลุกขึ้นนั่งจัดแจงเสื้อให้เรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่
“ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ”
“อื้ม กลับกันเถอะ”
“พาไปเลี้ยงข้าวหน่อยสิคะ โทษฐานที่ปล่อยให้พรีมนั่งรอตั้งนานจนหลับ” พรีมเอ่ยขอด้วยสีหน้าแง่งอน แต่ก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ออกมา
“รีบลุกขึ้นสิ” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ แต่ก็ไม่ได้รับปากแล้วก็หันหลังเดินออกไป
“รอด้วยสิคะ” พรีมรีบลุกขึ้นแล้วเดินตาม แต่ประโยคหลังเธอบ่นพึมพำ “คนอะไรหล่อแต่แล้งน้ำใจ”
รถหรูเคลื่อนตัวออกจากบริษัท ระหว่างทางภายในรถกลับเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยของคนทั้งสอง จนรถขับไปจอดที่ภัตตาคารระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง
“เมื่อกี้ไม่เห็นตอบก็นึกว่าจะไม่พามากินข้าวซะแล้ว” พรีมมองผ่านกระจกทอดสายตามองไปยังอาคารที่อยู่ตรงหน้า แล้วหันไปเอ่ยกับคนที่นั่งข้างกัน
“พี่ไม่ได้เป็นคนแล้งน้ำใจ รีบลงจากรถได้แล้ว ไม่หิวเหรอ” ธีร์เอ่ยจบก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเปิดประตูลงจากรถ พรีมเองก็เช่นเดียวกัน
“รอด้วยสิคะ นึกว่าตัวสูงแล้วจะก้าวขายาวๆ ของพี่ยังไงก็ได้เหรอ” พรีมที่สับขาเดินตามหลังแต่ก็ตามไม่ทันจึงได้หยุดเดิน
“มัวยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ” ธีร์เห็นว่ามีเด็กงอแงจึงได้หยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง
“คนขี้บ่น” พรีมบ่นพึมพำรีบเดินเข้าไปหา
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในภัตตาคารแล้วเลือกนั่งโต๊ะสำหรับคนสองคน พรีมรีบหยิบเมนูอาหารขึ้นมาแล้วยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์ ในเวลาที่หิวมากแบบนี้จึงได้สั่งอาหารออกไปหลายอย่าง จนคนที่พามาถึงกับรีบปิดเมนูเพราะคิดว่าที่หญิงสาวสั่งมานั้นคนสองคนจะกินกันหมดหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร
ถึงเวลาที่พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ ดวงตาของหญิงสาวก็เปล่งประกายมองอาหารแต่ละจานที่วางอยู่เต็มโต๊ะเกือบสิบเมนูไม่วางตา หลังจากนั้นก็ตักไปวางในจานข้าวแล้วตักเข้าปาก ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
“อร่อยไหม”
“อร่อยมากค่ะ พี่ธีร์ไม่กินเหรอคะ” พรีมเห็นว่าธีร์เอาแต่มองเธอเคี้ยวอาหารในปากอย่างเอร็ดอร่อยจึงได้ถามกลับ
“อื้ม กิน” ธีร์รีบละสายตาออกจากผู้หญิงตรงหน้า แล้วตักอาหารไปวางในจานของตน
เขาเผลอมองเวลาที่พรีมตักอาหารเข้าปากคำโตแล้วเคี้ยวจนแก้มป่องก็ดูน่ารักราวกับเด็กไปอีกแบบ และไม่คิดว่าคนตัวเล็กๆ แบบนี้จะกินจุมาก
“หิวมากเหรอ”
“มากค่ะ ก็นั่งรอพี่ตั้งนานจะไม่ให้หิวได้ยังไงล่ะคะ”
“นั่งหรือนอนรอกันแน่”
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ ยังไงก็ได้รอพี่เหมือนกัน ขอบคุณนะคะที่พามาเลี้ยงข้าว และขอโทษที่ว่าพี่แล้งน้ำใจ” พรีมยกยิ้มขอบคุณปนกับความรู้สึกผิด เมื่อกี้เขาต้องได้ยินที่เธอบ่นแน่ๆ
“อื้ม” ธีร์ตอบรับในลำคอเสียงเบา
ยังไงคืนนี้เขาก็ตั้งใจพาเธอมากินมื้อค่ำที่ภัตตาคารแห่งนี้อยู่แล้ว เพราะผู้เป็นแม่คะยั้นคะยอให้พาเธอมาให้ได้ แล้วร้านนี้ก็ยังเป็นร้านโปรดที่แม่ของเขาชอบ
แต่พอได้เห็นคนตัวเล็กชื่นชอบในรสชาติอาหารของร้านนี้มาก แถมยังกินได้เยอะกว่าอยู่ที่บ้าน เขาก็พลอยเผลอยิ้มและกินข้าวได้เยอะตามไปด้วย
“อิ่มมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่พามาเลี้ยง” พรีมเอยขึ้นขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินออกจากภัตตาคาร“กินขนาดนี้ไม่เรียกว่าอิ่มก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ”“พี่หาว่าพรีมกินจุเหรอคะ”พรีมยื่นมือไปจับแขนของธีร์แล้วดึงให้เขาหยุดเดิน ส่วนคนถูกดึงแค่หันมาส่งสายตาดุ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร“มองหน้าพรีมแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”“ปล่อย พี่เดินไม่ได้” ธีร์มองไปยังมือคู่เล็กที่กอบกำข้อมือของเขาเอาไว้แน่น แล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหวาน“อ่อ ก็อยากจับค่ะ แล้วตอนนี้ก็อยากจะกอดแขนคู่หมั้นของพรีมด้วย” พรีมยกยิ้มเอียงหน้าตอบ ก่อนจะดึงแขนของเขาไปกอดแบบอ้อนๆ“นี่เธอ”“อะไรกันคะ คู่หมั้นกอดกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้ เนื้อพี่ไม่ได้หลุดติดมือพรีมสักหน่อยค่ะ”ธีร์ได้แต่ถอนหายใจแล้วก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า โดยที่มียัยตัวแสบเกาะแขนเขาไม่ยอมปล่อยจนเดินไปถึงตัวรถ พรีมจึงละมือออกจากแขนของเขาแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในอย่างคนอารมณ์ดีเมื่อรถหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์หลังเล็กที่เป็นบ้านของธีร์ ทั้งคู่ก็พากันลงจากรถแล้วขึ้นไปบนห้องนอน“พี่จะอาบก่อนหรือให้พรีมอาบก่อนคะ”“ตามใจ” ธีร์ตอบกลับเสียงเรียบ ขณะที่มือ
“รอนานไหมคะพี่ธีร์” พรีมที่เดินตรงเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารก็เห็นหนุ่มคู่หมั้นถือแท็บเล็ตเอาไว้ในมือ ส่งสายจ้องมอง พร้อมกับมืออีกข้างที่ยกแก้วกาแฟที่ยังอุ่นๆ ขึ้นจิบ“ใครว่าพี่รอเธอ” เสียงทุ้มตอบกลับพร้อมกับละสายตาออกจากหน้าจอมองหน้าหญิงสาว“อ้าว ก็นึกว่าจะรอพรีมกินข้าวซะอีก” พรีมเอ่ยพลางเลื่อนจานอาหารเช้ามาไว้ตรงหน้าแล้วจัดการตักเข้าปาก พลางนึกในใจว่าเธอก็อุตส่าห์รีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะกลัวว่าคนที่ลงมาก่อนจะรอนาน แต่ที่ไหนได้ มานั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ ข้าวก็ไม่กินเป็นเพื่อนกินข้าวเช้าเสร็จหนุ่มคู่หมั้นก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยเหมือนเดิม โดยที่บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยของคนทั้งสอง“สรุปวันนี้เลิกเรียนกี่โมงยังไม่ได้ตอบพี่เลยนะ” ก่อนที่เธอจะลงจากรถธีร์ก็รีบถาม เพราะเมื่อเช้าที่เขาถามไปพรีมยังไม่ได้ให้คำตอบ“เลิกเที่ยงค่ะ แต่พรีมขอกินข้าวกับเพื่อนก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะโทรบอก” พรีมคิดว่ากินข้าวกับนิวเยียร์ก่อนค่อยกลับคงจะดีกว่า เพราะไม่แน่ว่าเขาอาจจะติดงานจนลืมเวลาก็ได้“อืม”เมื่อธีร์ตอบรับพรีมก็หันไปเปิดประตูลงจากรถ และเห็นเพื่อนชายที่เรียนด้วยกันกำลังเดินมาทางเธอพอด
พอพรีมกดรับสาย เสียงของคำถามจากอีกฝ่ายก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ทันที(ถึงบ้านแล้วเหรอ)“ถึงแล้วค่ะ”(พี่เพิ่งประชุมเสร็จ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปรับ)“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธีร์คะ พรีมมีเรื่องจะขอ”(อืม พูดมาสิ)“พี่ธีร์จะว่าอะไรไหมคะถ้าคืนนี้พรีมจะขอออกไปเที่ยวกับเพื่อน” ขณะที่เอ่ยก็มองหน้ายิ้มๆ กับเพื่อนรัก พลางลุ้นไปด้วยกันว่าจะได้รับคำตอบเช่นไรกลับมา(เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย)“ทั้งสองค่ะ”(อืม)“อืมนี่คือให้พรีมไปใช่ไหมคะ” พรีมถามต่ออย่างไม่ค่อยไม่มั่นใจ(อืม แค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกันที่บ้าน)“ค่ะ”พรีมกดวางสาย เสียงกรี๊ดเบาๆ ของเพื่อนสาวก็ดังขึ้นอยู่ข้างๆ อย่างคนดีอกดีใจจนออกนอกหน้า“จะดีใจอะไรขนาดนั้น”“ก็ดีใจแทนแกไง ฉันก็นึกว่าพี่ธีร์จะไม่ให้ไปแล้วซะอีก นี่ยังดีนะที่ยังให้แกได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”“เขาก็เป็นแค่คู่หมั้นไหมแก คงไม่ถึงกับควบคุมความประพฤติฉันหรอก” พรีมเอ่ยขำๆถ้าถึงขนาดไม่ให้ออกไปไหนเลยก็คงจะเกินไป เราทั้งสองก็แค่หมั้นกันตามที่ผู้ใหญ่ร้องขอก็เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับชีวิตของใครให้ทำตามใจตัวเองได้หรอกนิวเยียร์นั่งคุยเป็นเพื่อนจนถึงบ่ายสามก็ขอตัวกลับบ้าน ส่วนพรีมก็ส่งข้อความไ
ธีร์นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน สายตาก็มองไปที่นาฬิกาแทบจะทุกสิบนาที เพราะนี่มันก็จะห้าทุ่มแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ายัยตัวแสบจะกลับเข้าบ้านมา คงไม่ได้พากันไปเมาจนหาทางกลับบ้านไม่ได้ใช่หรือไม่พอคิดได้ดังนั้นก็พับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง เดินไปหยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถเดินออกจากห้อง ธีร์ปลดล็อกประตูผ่านกุญแจรีโมตแล้วเข้าไปนั่งในรถ หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็กจีพีเอสที่เขาแอบติดตั้งแอปพลิเคชันติดตามเอาไว้ในโทรศัพท์ของพรีม ตอนที่เธอกำลังอาบน้ำเมื่อช่วงหัวค่ำจีพีเอสของเธอยังอยู่ที่เดิมนั่นก็คือผับเอ็กซ์ และพอสตาร์ตรถได้เท่านั้น ธีร์ก็เหยียบคันเร่งขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วระยะทางจากบ้านไปผับห่างกันประมาณสิบห้ากิโลเมตร ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีรถหรูก็เคลื่อนเข้าไปจอดที่ลานจอดโล่งกว้างที่เป็นพื้นที่ของผับแห่งนี้ธีร์ปิดหน้าจอมือถือแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงจุดไหนของผับ เขามองฝ่าผู้คนนับร้อยกว่าชีวิต สายตามองหาแต่สาวคู่หมั้นคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่จ้องมองและเอ่ยทักทายตลอดทางที่ก้าวเดินอยู่ด้านใน“พรีม ไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวเรากลับกันเลยก็ได้นะ”
เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงพรีมก็ขยับตัวเบียดจนธีร์แทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้นอน เขาจึงตัดสินใจสอดแขนเข้าไปใต้ลำคอให้คนตัวเล็กนอนหนุนแขนแล้วกอดเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้พรีมดิ้นตัว แล้วขยับตัวดันเธอเข้าไปนอนด้านในอีกนิด ถ้าไม่ทำอย่างนั้นคืนนี้เขาคงไม่ได้นอน และพรีมก็หันหน้าเข้าซุกอกอุ่นแล้วกระชับอ้อมกอดเอาไว้แน่น เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังนอนกอดคนที่บอกว่าห้ามข้ามเขตพื้นที่บนเตียงของเธออยู่ แต่ตอนนี้เธอกำลังเป็นผู้ทำลายกฎนั้นเสียเองพรีมเลื่อนมือเข้าไปในใต้เสื้อของธีร์อย่างซุกซน มือเล็กเลื่อนไปวางบนแผงอกแล้วลูบไปมาก่อนจะวางมือลงที่กล้ามหน้าอกข้างหนึ่งที่มีตุ่มเม็ดเล็กโผล่ขึ้นมา“อุ่นจัง”เดิมทีแค่นอนกอดกันก็แทบจะนอนไม่หลับอยู่แล้ว ยิ่งเธอทำแบบนี้เขาก็พลันรู้สึกขนกายลุกซู่ หายใจหายคอไม่ค่อยถนัด จนต้องรีบเอามือไปกอบกุมมือเล็กผ่านทางด้านนอกของเสื้อแล้วกำมือเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้ทำอะไรมากไปกว่านี้“อยู่นิ่งๆ อย่าทำให้พี่หมดความอดทน” เสียงพร่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับลมหายใจที่ติดขัด“แล้วทำไมต้องทนด้วยล่ะ” พรีมเอ่ยเสียงยานแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ปรือตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองภาพใบหน้าเบลอๆ เธอรู้แค่ว่าผู้ชา
“จะทำอะไรคะ” พรีมใช้ข้อศอกดันตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองดูสิ่งแปลกปลอมที่ไม่เคยเห็นหรือสัมผัสกำลังถูไถน้องสาวของเธออยู่“นอนลง แล้วอย่าเกร็ง” เสียงพร่าเอ่ยออกคำสั่ง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่ายก็กดปลายหัวบานของเจ้ามังกรขนาดหกสิบที่ปากทางร่องรักแล้วออกแรงกดเข้าไปอย่างช้าๆ“อื้อ… เจ็บ” พรีมปิดเปลือกตาแน่นสนิท มือเล็กกำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ พลันหุบขาที่เริ่มสั่นเข้าหากัน“เชื่อพี่นะคนดี ถ้าไม่อยากเจ็บก็อย่าเกร็ง” ธีร์เอ่ยกับคนตัวเล็กขณะที่ปลายหัวของเขาหลุดออกมา“พรีมกลัว”“ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะไม่ทำให้พรีมเจ็บ” ธีร์บอกกับเธอด้วยความอดทน เขารู้สึกปวดหนึบไปทั่วทั้งลำท่อน แต่จะเร่งรีบส่งเจ้ามังกรของเขาเข้าไปก็ไม่ได้ เพราะร่องของเธอนั่นแคบจนเกินไป แม้จะเล้าโลมมาแล้วก็ยังเข้าไปได้ยากอยู่ดีพรีมยอมเชื่อฟังปลดปล่อยความรู้สึกกลัวให้กลายเป็นอยากรู้อยากลองแล้วปล่อยให้ชายหนุ่มกระทำอย่างตามใจ ธีร์ถ่างขาของเธออ้าออกกว้าง จับแก่นกายของเขาชักรูดเข้าออกสองสามครั้งแล้วกดจ่อที่ปากทางรัก แล้วดันสะโพกส่งปลายหัวบานเข้าไปด้านในก็รู้สึกว่าร่องรักของเธอกำลังต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่ทะลวงเข้าไป“พรีม อย่
ธีร์จับเอวของพรีมยกขึ้นแล้วกดลงเป็นจังหวะเบาๆ เมื่อพรีมทำได้คล่องก็ปล่อยให้เธอจัดการกับแก่นกายของเขาด้วยตัวเองพรีมปรับท่านั่งยอง ๆ ควบขย่มลำท่อนขนาดใหญ่ สองเต้าอวบเด้งกระเพื่อมสั่นไหว ธีร์ใช้สองมือเท้ากับพื้นที่นอนเอนหลังเล็กน้อย ปล่อยให้หญิงสาวจัดการโยกสะโพกขึ้นลงได้ตามอำเภอใจ“อา… พรีม แรงอีก” ธีร์เชิดหน้าเปล่งเสียงครางและร้องขอด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพรีมยกสองแขนกอดรอบคอ ยกสะโพกขึ้นสุดลงสุดจนได้ยินเสียงก้นกระทบกับหน้าขา สองร่างอ้าปากร้องครวญครางอย่างไม่มีใครยอมใคร“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อืม…”ธีร์ส่งมือมาบีบขย้ำเต้าอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือ แล้วอ้าปากครอบครองเม็ดสีหวานดูดเลียและรัวลิ้นสะกิดจนอีกคนรู้สึกสยิวขนกายลุกซู่ จากนั้นก็จับคนตัวเล็กหันหลังให้กันโดยที่จุดที่เชื่อมต่อกันด้านล่างยังไม่หลุดออกธีร์กดจูบแผ่นหลังไปทั่วบริเวณ สองมือก็บีบเคล้นเต้าอวบจนล้นไปตามง่ามมือพรีมใช้สองมือจับหน้าแข้งของธีร์แล้วยกสะโพกมนตอกกระแทกลำท่อนแข็งแรงจนขาเริ่มสั่น ชายหนุ่มจึงดันตัวลุกขึ้นหลังเหยียดตรง ชันเขาบนที่นอน ให้หญิงสาวนอนโน้มตัวไปด้านหน้าแล้วเท้าแขนกับพื้นที่นอน แอ่นสะโพกขึ้นรับกับแรงกระแทกจากเขาแทนธีร์เด้งเอ
พรีมฝืนตัวเองลุกขึ้นยืนแม้จะเจ็บส่วนนั้นมากแต่ก็ไม่ถึงกับเดินไม่ไหว จากนั้นก็พาตัวเองไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ร่องรอยความสุขอันวาบหวามยังปรากฏชัดอยู่บนเนื้อตัวของเธอ และดีที่มันอยู่ใต้ร่มผ้า พอสวมใส่เสื้อผ้าก็มองไม่เห็นรอยจ้ำเหล่านั้นแล้วพรีมเดินออกจากห้องแต่งตัวมายืนที่ข้างเตียง หันไปมองบนเตียงที่เรานอนด้วยกัน หันมองถาดอาหารที่มียาวางอยู่ด้วย แล้วหยิบถาดนั้นไปวางที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเธอคิดว่าธีร์คงกลัวพลาดถึงได้ซื้อยาคุมฉุกเฉินมาให้เธอกิน ในเมื่อคิดได้เช่นนั้นพรีมก็เริ่มตักข้าวต้มที่เย็นชืดเข้าปากจนพล่องลงไปครึ่งถ้วย แล้วนำยาที่ธีร์ซื้อมาให้กินพร้อมกับน้ำ และรอเวลาอีกสิบสองชั่วโมงก็กินอีกเม็ดที่เหลือเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาไม่อยากมีลูกกับเธอ และเธอเองก็ไม่อยากจะเอาเรื่องนี้ไปผูกมัดชีวิตใคร เพราะถึงอย่างไรเธอก็มีเวลาอยู่กับเขาเพียงแค่สองปีเท่านั้นธีร์กลับจากที่ทำงานก็พบว่าพรีมกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง เขาจึงเข้าไปนั่งทำงานที่โต๊ะเพราะไม่อยากปลุกคนที่หลับอยู่ รอเธอตื่นค่อยพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนพรีมสะดุ้งตื่นอย่างสะลึมสะลือ มือเล็กควานหาโทรศัพท์ที่
ธีร์วางหญิงสาวลงอย่างเบามือ พรีมก็ส่งสายตาคู่หวานมองหน้าคนที่กำลังถอดชุดคลุมอาบน้ำของตนเองออกแล้วขึ้นมานอนทาบทับบนตัวของเธออย่างเย้ายวนธีร์ส่งริมฝีปากบดจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างเร้าร้อน มือหนาดึงรั้งสายชุดคลุม พรีมก็ดึงแขนของเธอออกโดยยังนอนทับชุดนั้นอยู่ริมฝีปากหยักถอนจูบออกแล้วเลื่อนลงไปงับเม็ดสีหวานที่แข็งชูชันบนยอดอกทั้งสองข้าง ละเลงปลายลิ้นสะกิดระรัว และดูดเลียสลับข้างกันไปมา มือหนาก็บีบขย้ำอกอวบเต็มไม้เต็มมือเจ้ามังกรที่ผ่านศึกในห้องน้ำไปแล้วสองรอบเริ่มจะแข็งขึ้นมาอีกครั้ง เขาจึงส่งมือไปจับท่อนเอ็นแล้วถูไถขึ้นลงที่กลีบกุหลาบน้ำที่มีน้ำสีใสไหลเยิ้มออกมา จากนั้นก็กดจ่อที่ปากทางร่องรักกดเอวสอบส่งตัวตนเข้าไปจนมิดลำธีร์กระแทกน้องชายขนาดใหญ่เข้าใส่ร่องรักของเมียสาวถี่รัว พรีมอยากเปลี่ยนบรรยากาศทั้งที เขาก็จะไม่ทำให้ผิดหวัง อยากจะได้กี่น้ำ หรืออยากจะจัดจนฟ้าสางก็จะตามใจ เพราะไหน ๆ พรุ่งนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ซึ่งธีร์ไม่ได้เข้าไปทำงานที่บริษัทอยู่แล้วเสียงครวญครางประสานกันดังลั่นห้องที่ถูกก่อสร้างและเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี สองร่างผลัดเปลี่ยนกันจัดบทรักให้กับอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อ
หลังจากงานรับปริญญาพรีมและเพื่อนๆ ในคณะก็นัดกันไปกินเลี้ยงส่งท้ายชีวิตนักศึกษา ต่อไปทุกคนต้องเดินหน้าหางานทำและบางคนก็กลับไปช่วยธุรกิจครอบครัว ไม่ต่างจากพรีมที่เธอเลือกไปช่วยงานที่โรงพิมพ์ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวของเธอนับจากวันที่ธีร์คุกเข่าขอแต่งงาน อมรภัคและพิมลพรรณผู้เป็นแม่ของทั้งสองฝ่ายก็ได้พากันไปดูฤกษ์แต่งงานเอาไว้ และฤกษ์ที่เหมาะสมทั้งเวลาและพรีมก็เรียนจบพอดีก็คืออีกสองเดือนข้างหน้า“ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ เรียนก็จบแล้วและกำลังจะได้แต่งงานมีสามี แต่แกดูฉันสิยังเหี่ยวเฉาอยู่เลย” ระหว่างที่นั่งดื่มและเมาท์มอยกันในกลุ่มเพื่อน นิวเยียร์ก็หันมาคุยกับเพื่อนรักที่หลังจากนี้อาจจะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนตอนเรียน“ก็แกมัวแต่เล่นตัวไม่ยอมคบใครสักที กะจะรอให้ขึ้นคานก่อนหรือไง”“ไม่ได้เล่นตัว แต่มันยังไม่เจอคนที่ถูกใจนี่นา” นิวเยียร์เอ่ยพลางถอนลมหายใจ ยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำเมาจรดริมฝีปากแล้วกระดกลงคอไปหลายอึกพรีมได้แต่ส่ายหัวและหลุดขำเบาๆ ให้เพื่อน ใช่ว่านิวเยียร์จะไม่มีคนคุย แต่คุยเยอะจนเหมือนเป็นเพื่อนคุยแก้เหงาเสียมากกว่า คุยทุกคืน มือไม่ได้จับ แก้มไม่ได้หอม และก็ไม่ยอมคบใครจริงจัง หรือว่ามีคนท
วันนี้พรีมไม่มีเรียนเพราะเป็นวันเสาร์ ธีร์ใช้เวลาครึ่งวันเช้าในการเคลียร์งานที่บ้าน และพาเธอออกไปเดตในตอนเย็นรถหรูเคลื่อนตัวออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปยังร้านสเต๊กเฮาส์สุดหรูในโรงแรมชื่อดังที่ได้โทรจองเอาไว้พรีมควงแขนของธีร์เดินเข้าไปในร้านอาหาร เข้าไปนั่งที่โต๊ะริมกระจกมองเห็นวิวตึกสูงและแสงไฟในเมืองกรุง พอเข้าไปนั่งก็มีพนักงานของร้านเข้ามารับเมนูอาหาร ธีร์เลือกสั่งเป็นเซตโรแมนติกดินเนอร์ ทั้งสองคนนั่งกินสเต๊กเนื้อนุ่ม ท่ามกลางแสงเทียนที่ตั้งวางอยู่บนโต๊ะ และมองบรรยากาศรอบนอกในยามค่ำคืน“เข้าใจเลือกร้านนะคะ” พรีมระบายรอยยิ้มหวานพร้อมกับเอ่ยปากชม เพราะร้านนี้มันเหมาะกับการพาคู่รักมานั่งเดต และเธอก็ชอบบรรยากาศของที่นี่มาก“จะเอาใจเมียทั้งทีก็ต้องเลือกให้ดีที่สุดสิครับ” ระหว่างที่เคลียร์งานที่บ้าน ธีร์ได้ใช้เวลาในช่วงเช้าเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อมองหาร้านอาหารที่เหมาะกับคู่รัก และเขาก็ถูกใจกับร้านแห่งนี้เป็นอย่างมากจึงได้โทรจองโต๊ะเอาไว้“สเต๊กถูกใจไหมครับ” ธีร์เอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม สำหรับเขามื้อนี้ถือเป็นมื้อที่แสนพิเศษ เพราะตั้งแต่เคลียร์เรื่องอลิซได้ ทั้งคู่ก็เพิ่งจะมีโอกาสได้มาดิ
เช้าวันทำงาน วันนี้พรีมมีเรียนตอนสิบโมง เช้านี้เลยไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานของธีร์ เหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นตอนเย็นของวันศุกร์ ดีที่วันหยุดทั้งสองวันไม่ได้เจอหน้าตัวต้นเรื่อง ไม่อย่างนั้นพรีมคงจะได้ต่อปากต่อคำกับอลิซอีกเป็นแน่ก๊อก ก๊อกธีร์และพรีมเพิ่งมาถึงได้ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น“เข้ามา”“มีคนมาขอพบครับ ตอนนี้นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้” พิรัชย์เข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะและรายงานเจ้านาย“ใครครับ”“เห็นว่าชื่อไมเคิลครับ เป็นสามีของคุณอลิซ” หลังจากรายงานเจ้านายเสร็จพิรัชย์ก็เดินออกจากห้องไป“ไปกับพี่นะ” ธีร์ลุกออกจากโต๊ะเดินไปหาพรีมที่โซฟา แล้วพากันลงไปที่ล็อบบี้ที่อยู่ด้านหน้าของแผนกประชาสัมพันธ์“สวัสดีครับคุณไมเคิล ผมธีร์ ซีอีโอของที เอส กรุ๊ป” พอเข้าไปถึงธีร์ก็ยื่นมือออกไปทักทาย และพูดกับอีกฝ่ายเป็นภาษาอังกฤษ“สวัสดีครับ ผมไมเคิล”พอทักทายกันเสร็จ ธีร์และพรีมก็นั่งลงที่โซฟา หญิงสาวเลือกที่จะนั่งฟังอยู่เงียบๆ ปล่อยให้คนทั้งสองพูดคุยธุระกัน“คุณไมเคิลมาขอพบผมด้วยเรื่องอะไรหรือครับ” ธีร์เอ่ยถามกับอีกฝ่าย เบื้องต้นพิรัชย์บอกเขาแล้วว่าไมเคิลคือสามีของอลิซ คงจะเป็นคนที่หนีไปแต่งงานด้วย แต่ที่เ
ตั้งแต่ออกจากลิฟต์จนกระทั่งกลับถึงบ้าน พรีมก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา ถามคำก็ตอบคำ พอถึงเวลากินข้าวเธอยังคงมานั่งกินด้วยกันเหมือนเดิม แต่แทบจะไม่มองหน้ากันเลยทั้งสองคนผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปอาบน้ำ พรีมอาบเป็นคนแรกก็ขึ้นมานอนเล่นโทรศัพท์บนเตียง พอธีร์อาบน้ำเสร็จก็เห็นคนตัวเล็กนอนหันหลังให้ทางฝั่งที่เขานอน ซึ่งต่างจากทุกครั้งที่เธอมักจะรอเขาขึ้นมาบนเตียงก่อน แล้วแทรกตัวเข้ามานอนหนุนแขนซบใบหน้าเข้ากับแผงอกคืนนี้ธีร์ไม่ได้นั่งทำงานที่โต๊ะเหมือนทุกคืน พออาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมานอนที่ของเขาเพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจ จะปล่อยให้เมียโกรธนานแบบนี้ไม่ได้“โกรธกันขนาดนั้นเลยเหรอ”“ลองเห็นพรีมไปจูบกับผู้ชายคนอื่นดูไหมคะ” พรีมตอบกลับเสียงแข็ง เป็นใครจะไม่โกรธบ้างถ้าเจอแบบเธอ“พรีม” ธีร์เอ็ดเสียงเบา ถ้าเขาเห็นแบบนั้นคงทนดูไม่ได้แน่ๆ“เรียกทำไมคะ ทีตัวเองทำได้ พรีมแค่เปรียบเทียบแค่นี้รับไม่ได้แล้วเหรอคะ”ธีร์ขมวดคิ้วมองแผ่นหลังของหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะพลิกตัวของเธอให้หันหน้ามาหากัน แล้วขยับขึ้นไปนอนคร่อมอยู่ด้านบน“ปล่อยพรีมนะคะ” พรีมส่งสายตาแง่งอนและดิ้นตัวอยู่ใต้ร่าง“ไม่ปล่อย” เอ่ยจบก็ก้มลงมาจูบที่ริมฝีปาก
ช่วงที่อลิซยังต้องเข้าบริษัท ธีร์มักก็จะขอให้พรีมไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานของเขาในเวลาที่เธอไม่มีเรียน ส่วนอลิซก็ยังหอบงานมานั่งทำร่วมโต๊ะกับธีร์ทุกวันโดยไม่สนใจว่าคู่หมั้นของเขาจะนั่งอยู่ด้วยหรือไม่ระหว่างที่นั่งทำงานจนใกล้จะสามโมง ธีร์ก็ได้รับข้อความที่ถูกส่งมาจากพรีม……….Noo’ Preme : เย็นนี้พรีมขอกลับกับนิวเยียร์นะคะThee : จะพากันไปไหนNoo’ Preme : ไปดูหนังค่ะThee : จะให้พี่รอที่นี่หรือว่าจะไปที่กลับบ้านเลยNoo’ Preme : ไปเจอกันที่บ้านเลยก็ได้ค่ะThee : ครับNoo’ Preme : สติ๊กเกอร์ส่งจูบ……….“บอกพี่ธีร์แล้วเหรอ” นิวเยียร์ที่เห็นเพื่อนปิดหน้าจอมือถือก็ได้ถามขึ้นวันนี้พวกเธอมีนัดไปดูหนังที่ห้างสรรพสินค้า เป็นเรื่องที่เพิ่งจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ นิวเยียร์จึงชวนพรีมไปดูเป็นเพื่อน“อื้ม”“งั้นไปกันเถอะ”สองสาวพากันไปขึ้นรถของนิวเยียร์ที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยแล้วมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้า พากันไปซื้อตั๋วเรื่องที่อยากดูแล้วเข้าไปนั่งประจำที่ตลอดหนึ่งชั่วโมงกว่าที่อยู่ในห้องฉายภาพยนตร์ที่มีแอร์เย็นเฉียบ พรีมและนิวเยียร์ก็พากันหัวเราะชอบใจให้กับความสนุกของภาพยนตร์แนวโรแมนติก
“ไปทำงานกับพี่ไหม” ธีร์เอ่ยปากชวน ไหน ๆ วันนี้พรีมก็มีเรียนบ่าย ครึ่งวันเช้าก็ไปอยู่ด้วยกันเลย เขาจะได้ไม่ลำบากใจเวลาที่อลิซหาโอกาสเข้ามาหาในห้องทำงาน“จะดีเหรอคะที่จะให้ไปนั่งเฝ้าพี่ทำงาน” พรีมแสร้งถามทั้ง ๆ ที่ในใจก็รู้สึกดีที่เขาชวนไปอยู่ด้วย“ดีสิครับ” ธีร์ส่งยิ้มยกมือไปลูบผมของพรีมอย่างเบามือ เขารู้ว่าพรีมแอบกังวลกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยกินข้าวเสร็จพรีมก็รีบขึ้นห้องเพื่อไปเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษา และเดินทางไปที่บริษัทพร้อมกับธีร์ เธอนั่งเล่นมือถืออยู่ตรงโซฟาเพราะไม่มีอะไรทำ ส่วนธีร์ก็นั่งทำงานที่โต๊ะของเขาจนเวลาเกือบเที่ยง“ธีร์คะ อลิซจะมา…” อลิซพรวดพราดเปิดประตูเข้ามา กะจะชวนชายหนุ่มไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน เธออุตส่าห์ลงทุนไม่อยู่กินข้าวที่โรงแรมเพื่อมาชวนเขาโดยเฉพาะ แต่ก็ต้องหยุดชะงักคำพูดเหล่านั้นเพราะเห็นพรีมนั่งอยู่ในห้องด้วย“สวัสดีค่ะคุณอลิซ” พรีมส่งยิ้มและยกมือขึ้นทักทาย“สวัสดี”“คุณอลิซมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” ธีร์เอ่ยถามด้วยถ้อยคำที่เป็นทางการสำหรับการคุยงานกัน“ไม่มีค่ะ อลิซเห็นว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว เลยจะมาชวนคุณไปกินข้าว”“ชวนแค่พี่ธีร์เหรอคะ” พรีมรีบพูดแทรกขึ้น พร้อ
แต่แล้วจู่ ๆ ประตูฝั่งคนขับก็ได้ถูกเปิดออก ทำเอาคนที่นั่งด้านในถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ“เดินไม่ไหวเดี๋ยวฉันพาขึ้นไปเองค่ะ” พรีมเอ่ยกับคนที่จ้องหน้าของเธอตาค้างก่อนที่ธีร์จะยินยอมขับรถไปส่งอลิซ พรีมได้กระซิบบอกให้เขากดโทรออกมาหาเธอเพื่อที่จะได้รู้ว่าอีกฝ่ายพูดคุยอะไรกับเขาบ้าง และพรีมยังบอกด้วยว่าเธอจะนั่งรถไปกับพิรัชย์และขับตามหลังรถของธีร์จนถึงโรงแรมแห่งนี้“เธอมาได้ยังไง” อลิซขมวดคิ้วถามอย่างไม่ค่อยพอใจ เธอนึกว่าจะได้อยู่กับธีร์ตามลำพังจะได้ปรับความเข้าใจกัน“ก็ขับรถตามมาน่ะสิคะ คิดว่าฉันจะปล่อยให้คู่หมั้นของตัวเองมากับคุณตามลำพังเหรอ” พรีมเอ่ยพลางยื่นมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยที่คาดกลางลำตัวของอลิซออก แล้วจับข้อมือของสาวลูกครึ่งออกแรงดึงเพื่อให้เธอลงจากรถ“ปล่อย ฉันเดินเองได้” อลิซสะบัดแขนออก มองพรีมด้วยดวงตาแข็งกร้าว“เมื่อกี้ยังอ้อนพี่ธีร์บอกว่าเดินไม่ไหวอยู่เลย พวกเราก็เลยเป็นห่วงถึงได้ตามมาส่งคุณถึงที่นี่” พรีมคลี่ยิ้มเอ่ยกับอีกคนที่ยังมีสติดีแต่แสร้งทำเป็นเมาเพื่ออ้อนคนรักของเธอ“เมื่อกี้ฉันเมา แต่พอได้นั่งพักในรถก็ดีขึ้นมากแล้ว”“ฮ่าฮ่า สงสัยคุณคงชอบกินผลไม้สินะคะ โดยเฉพาะสต
สามชั่วโมงผ่านไป ทุกคนต่างก็พากันกินอิ่มหนำสำราญทั้งอาหารและเครื่องดื่มมึนเมา บางส่วนก็พากันขอตัวกลับไปพักผ่อนอลิซที่ออกอาการหน้าแดงก็หาเรื่องเก่าๆ สมัยเรียนด้วยกันมาชวนธีร์คุยไม่หยุด แม้ว่าเขาจะถามคำตอบคำอลิซก็ไม่ลดละความพยายามที่จะตีสนิทกันเหมือนเก่าพรีมเริ่มรำคาญแต่ก็ไม่อยากจะโวยวายอะไร ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาเพื่อนสาวเพื่อระบายอารมณ์……….Noo’ Preme : ฉันอยากกรี๊ดดดดดNewyear : เป็นอะไรของแก ไหนบอกพี่ธีร์จะพาไปกินข้าวกับคนในบริษัทไง หรือว่าทะเลาะกันNoo’ Preme : ยังไม่ได้ทะเลาะNewyear : แล้วแกจะกรี๊ดทำไม……….พรีมไม่ได้ตอบกลับข้อความ เธอลืมไปว่านิวเยียร์ยังไม่รู้ว่าแฟนเก่าของธีร์กลับมาแล้ว ถ้าบอกไปตอนนี้มีหวังนิวเยียร์ได้ส่งข้อความหรือไม่ก็โทรมาซักไซ้ยืดยาวแน่ เธอจึงปิดหน้าจอโทรศัพท์ หันไปมองอลิซที่ชวนคนรักของเธอชนแก้ว และส่งสายตาหวานมาให้เขา“พี่ธีร์คะ พรีมขอไปเข้าห้องน้ำนะคะ”“ให้พี่ไปส่งไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ”พรีมเดินมาเข้าห้องน้ำ พอทำธุระเสร็จและกำลังล้างมือ อลิซก็เดินเข้ามายืนที่หน้ากระจกบานใหญ่และเข้ามาล้างมือเช่นเดียวกัน“คบกับธีร์มานานแล