พุดตาลมองตามเด็กที่เพิ่งเดินจากไป ทำไมเด็กคนนี้ถึงใจกล้านัก เป็นใครก็คิดว่าเลือดแม่คงแรง นี่ขนาดมาแค่ลูก..ถ้าคนเป็นแม่มาด้วย..
"คุณกำลังคิดอะไรอยู่"
"เปล่าหรอกค่ะ คุณคิดว่าเรื่องที่เด็กคนนั้นพูดเป็นเรื่องจริงไหมคะ" ที่นางถามสามีแบบนี้ เพราะไม่มีคำไหนเลยที่กองทัพบอกว่าจะแต่งงานกับเธอคนนี้
"ผมก็ไม่รู้หรอก ต้องถามเจ้าตัวเขา" เกษมราษฎร์หมายถึงต้องถามลูกชายดูก่อน "เราเข้าไปในงานกันเถอะ"
ทั้งสองท่านก็เลยพากันมานั่งรวมตัวกับลูกๆ
"ข้างนอกมีอะไรหรือครับแม่" คนที่ถามก็คือรามสูรลูกชายคนโต และเขาก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายคนโตมโนราห์ด้วย
"ก็เรื่องเดิมนั่นแหละลูก ฝ่ายหญิงขอให้จัดงานที่โรงแรมนี้"
"แล้วผู้พันว่ายังไงล่ะครับ" รามสูรหมายถึงผู้พันกองทัพ เพราะทีแรกก็เห็นว่ามาติดพันเมขลา แต่เอาไปเอามาทำไมจะไปแต่งงานกับมโนราห์ ถ้าวันนั้นผู้พันปฏิเสธ มันอาจจะทำให้ฝ่ายหญิงเสียหน้าบ้าง แต่เรื่องแต่งงานจะไม่เกิดขึ้นเลย
"แม่ว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้กันดีกว่า" อย่างที่รู้กันอยู่ว่าพุดตาลเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นางยอมรับว่าเรื่องนี้มองไม่ออกจริงๆ ดูฝ่ายหญิงจะเข้าหาฝ่ายชายตลอด คงไม่แปลกหรอก ถ้าไม่งั้นแม่ของมโนราห์จะแย่งสามีนางไปได้เหรอ
อึก อึก ขณะยืนรอแท็กซี่อยู่หน้าโรงแรม ความหว้าเหว่ ความว่างเปล่า ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาเกาะกินหัวใจดวงน้อยๆ และเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอในแต่ละช่วงวัย..นั่นก็คือน้ำตา
ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่มีเพื่อนแค่ในประเทศนี้ ประเทศที่เธอเกิดและโตมา ก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกัน นอกจากคุยเรื่องเรียน เธอก็ไม่มีเพื่อนสนิทที่จะคุยเรื่องส่วนตัวได้เลย
มโนราห์ก็เลยเป็นคนเก็บกด ถึงได้บอกว่าน้ำตาก็คือเพื่อนที่ดีที่สุด ที่คอยปลอบใจเธอ เวลาเศร้า เวลาคิดถึงใครสักคน แต่ก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร เขามีตัวตนอยู่ไหม แต่ความคิดถึงความโหยหานั้นทำให้เธออยู่มาได้จนทุกวันนี้ มันอาจจะเป็นแค่สิ่งที่เธอมโนขึ้นมา ว่ายังมีใครคนหนึ่งที่ต้องการเธออยู่ มันต้องมีใครสักคนสิที่เกิดมาเพื่อเธอสิ แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน TT
"น้องสาวเป็นอะไรเหรอ ให้พี่ช่วยเช็ดน้ำตาไหม"
หญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาออกเมื่อตัวเองไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
"ฉันรอแท็กซี่ค่ะ"
"พี่มีรถเดี๋ยวพาไปส่ง"
"ไม่ค่ะ"
"อย่าเล่นตัวเลย แฟนคงทิ้งล่ะสิ แต่งตัวสวยขนาดนี้ เดี๋ยวพี่จะปลอบใจเอง"
"ถอยไปนะ"
"พี่ช่วยแก้ขัดได้อยู่นะ"
"ฉันไม่ต้องการ! ถ้าคุณไม่ถอยฉันจะเรียกคนมาช่วย"
ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งวิ่งมาจอด
"มีอะไรหรือเปล่าครับ" เจ้าของรถคันนั้นกำลังจะมาร่วมงานที่โรงแรม แต่มองดูผู้หญิงเหมือนจะกลัวผู้ชายที่กำลังคุยกันอยู่
"ผัวเมียเขาทะเลาะกัน อย่ามายุ่งนะไอ้น้อง"
"เผอิญว่าผมชอบยุ่งเรื่องผัวเมียซะด้วย"
"มึงเป็นใครวะ!"
"ผมเป็นผู้กองครับ"
"ผู้กอง?" ได้ยินแค่นั้นไอ้นักเลงหัวไม้รีบไปไม่รอเลย
"ขอบคุณมากนะคะ" หญิงสาวกล่าวขอบคุณผู้ชายที่เพิ่งจะเปิดประตูลงมาจากรถ
"มันทำอะไรคุณไหม"
"ไม่ได้ทำค่ะ คุณโกหกว่าเป็นผู้กองเหรอคะ"
"เปล่าครับผมเป็นผู้กองจริง"
"คุณเป็นตำรวจหรือคะ"
"ผมเป็นทหาร ผมชื่อฉลามครับ" ว่าแล้วผู้กองฉลาม ก็ยื่นมือไปขอทำความรู้จักกับสาวสวยตรงหน้า "ขอโทษครับ" แต่เห็นเธอมองมือเขาก็รีบชักมันกลับมา เพราะคิดว่าเธอคงไม่ชอบการทักทายแบบนี้
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" หญิงสาวเป็นคนเอื้อมมาจับมือเขาเอง เธอโตมาที่ต่างประเทศ การทักทายทำมากกว่าจับมือกันซะอีก
"คุณมาทำอะไรตรงนี้ครับ"
"มาร่วมงานค่ะ"
"ร่วมงานทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ"
"ฉันกำลังจะกลับ"
"บ้านคุณอยู่ไหน"
"ถามเหมือนจะไปส่งฉันเลยนะคะ"
"เดี๋ยวผมไปส่งก่อน"
"แล้วคุณไม่เข้างานหรือคะ"
"ผมไม่เข้าสักคนงานเขาก็ไม่ล่มหรอกครับ"
"คุณนี่น่าคุยด้วยจังเลยนะคะ"
"จริงหรือครับ"
"คุณทำอะไรคะ?"
"เอานามบัตรให้คุณไง เผื่อวันหลังอยากคุยด้วย" ฉลามพูดพร้อมกับยื่นนามบัตรมาให้กับเธอ
"ขอบคุณมากค่ะ"
"เดี๋ยวผมไปส่ง" ว่าแล้วผู้กองฉลามก็รีบเปิดประตูรถให้
มโนราห์ลองชั่งใจดูอีกสักครั้ง โชคชะตาคงไม่เล่นตลกกับเธอมากไปกว่านี้แล้ว เขาคงเป็นคนดีอยู่บ้างถึงได้มาช่วย
หญิงสาวยอมขึ้นรถกับผู้กองฉลาม ..ทั้งสองนั่งรถและคุยมาด้วยกันสักพักโทรศัพท์ของผู้กองฉลามก็ดังขึ้น
>>{"ครับผู้พัน"}
{"ตอนนี้นายอยู่ไหน"}
>>{"อยู่หน้าโรงแรมครับ แต่ว่าผมกำลังจะ.."}
{"ไม่ต้องเข้าไป..มาหาฉันที่ร้านเดิม"}
>>{"ร้านไหนครับ"}
{"ก็ที่บาร์ไง"} พูดแค่นั้นผู้พันกองทัพก็วางสาย
"ถ้าคุณมีธุระให้ฉันลงตรงนี้ก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันหารถกลับเอง"
"เอาแบบนี้ไหมล่ะครับ ถ้าคุณไม่รีบ..ไปดื่มกับผมก่อน"
"ฉันหรือคะ?"
"ไปไม่นานหรอกครับ ตอนนี้เจ้านายผมรออยู่ที่ร้าน ถ้าไม่รีบแวะไปเดี๋ยวได้สั่งผมจับจิ้งหรีดแถวนั้นแน่"
"มันจะดีหรือคะ" ยอมตามเขามาจนถึงบาร์ แต่ไม่กล้าเข้าไปด้วย"หรือคุณคิดว่าชุดที่ใส่ไม่เหมาะใช่ไหมครับ งั้นผมให้ยืมเสื้อ" ฉลามถอดเสื้อสูทที่สวมใส่อยู่แล้วยื่นให้เธอไว้คลุมไหล่ เพราะชุดที่เธอใส่มาคือชุดเดรสแต่ก็ไม่ได้ยาวเทอะทะ"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ""ถ้าคุณกลัวผม ไม่ต้องกลัวหรอกครับ" ถึงแม้ฉลามจะเป็นคนเจ้าชู้ แต่ถ้าฝ่ายหญิงไม่ยินยอมเขาก็ไม่ทำอะไร"ก็ยังไม่ใช่แบบนั้นอีกล่ะค่ะ กลัวว่าเจ้านายของคุณจะไม่ปลื้มเอาน่ะสิ""ท่านผู้พันน่ะหรือจะไม่ปลื้ม สาวสวยมาด้วยขนาดนี้ขี้คร้านท่านจะตบรางวัลผม" ฉลามพูดทีเล่นทีจริง"ก็ได้ค่ะ แต่ฉันอยู่ไม่นานนะ""ตามนั้นครับเชิญเลยครับคุณผู้หญิง..เออว่าแต่ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย""ฉันชื่อโมนาค่ะ""ชื่อโมนา?""ทำไมคะ""ก็ผมแยกไม่ออกน่ะสิครับ ระหว่างชื่อหรือคนอันไหนจะน่ารักกว่ากัน""คุณผู้กองก็พูดไป" ทั้งสองคุยและหัวเราะขณะที่เดินเข้ามาด้านใน"เชิญนั่งเลยครับคุณโมนาคนสวย" ฉลามพาเธอมาถึงโต๊ะที่เจ้านายนั่งอยู่ แล้วก็ถือวิสาสระเลื่อนเก้าอี้ให้กับโมนาได้นั่งอึก!? กองทัพกำลังยกเหล้าขึ้นดื่ม โดยมีกระต่ายนั่งเคียงข้าง พอเห็นว่าผู้กองฉลามพาใครเข้ามาด้วยเกือบทำให้สำลัก"??" ไม่ใช่
มโนราห์ยอมนั่งรถออกมากับเขา โดยที่ไม่รู้ว่าจะพาไปไหน ผู้ชายคนนี้ถือว่าแปลกหน้ามากสำหรับเธอ และชีวิตของทั้งสองไม่น่าจะมาบรรจบกันได้เลย แต่ในเมื่อแม่ต้องการแบบนั้น ถือว่าทดแทนบุญคุณที่ท่านอุ้มท้องและคลอดเธอมา เพราะถ้าจะให้ทำมากกว่านี้ ก็คงต้องแยกร่างกับวิญญาณออกจากกันเท่านั้นแหละ"เธอจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าฉันจะพาไปไหน""จะพาไปไหนก็พาไปเถอะค่ะ""เธอนี่คงจะไปกับทุกคนง่ายแบบนี้เสมอเลยใช่ไหม"ประโยคนี้มโนราห์ไม่ได้ตอบ เพราะรู้ดีว่ามันเป็นคำพูดที่ดูถูกเธอ แล้วจะตอบเขาไปทำไม หญิงสาวนั่งมองไปด้านหน้า ยิ่งเขาพาไปไกลเท่าไรได้ยิ่งดีเขาใช้เวลาขับรถอยู่นานพอสมควรจนเธอเผลอหลับไป มาตื่นอีกทีเมื่อรถจอดสนิทแล้ว"??" พอตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นคนที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่เมื่อสักครู่ หญิงสาวรีบเปิดประตูลงมาดูคนตัวเล็กมองไปตรงหน้าก็เห็นบ้านหลังหนึ่ง แค่มองตอนกลางคืนก็รู้แล้วว่าบรรยากาศที่นี่ดีมากเห็นไฟในบ้านเปิดเธอก็คิดว่าต้องเป็นเขาแน่ที่อยู่ในนั้น จะปลุกกันหน่อยก็ไม่ได้ก๊อก ก๊อก "ใช่คุณไหมคะที่อยู่ในนั้น" แต่คนที่อยู่ด้านในก็เงียบ มโนราห์ผลักประตูเข้าไปเบาๆ เพื่อดูว่าเขาล็อกไหม แต่พอไม่เห็นว่าล็อกเธอก็เลยเข้าไ
"แกหายไปไหนมา ทำตัวเหลวไหลแบบนี้ผู้ชายที่ไหนเขาจะชอบ""โอ๊ย โมนาเจ็บนะแม่""แล้วนี่ไปเอาชุดใครมาใส่" แค่มองก็รู้แล้วว่ามันเป็นชุดผู้ชาย"ชุดของ..เออ" เธอหยิบชุดในตู้เสื้อผ้าห้องนั้นออกมาเปลี่ยน เพราะถ้าใส่เกาะอกเดินทางคงไม่ปลอดภัยแน่"ใครเขารู้คงว่าแม่ไม่สั่งสอน! อย่าให้เห็นว่าทำตัวเหลวแบบนี้อีก" ถ้าเป็นแต่ก่อนแพรวพราวไม่สนใจหรอกว่าลูกจะกลับบ้านหรือไม่กลับ แต่ตอนนี้กำลังจับใส่ตะกร้าล้างน้ำ เพื่อประเคนให้กับผู้พันกองทัพแพรวพราวเป็นอีกคนที่ไม่คิดว่าลูกจะยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะคิดว่าทุกคนคงไม่แตกต่างจากตัวเอง ยิ่งวันนี้เห็นลูกสาวใส่ชุดผู้ชายมาแล้วด้วย คงไปมั่วสุมกับใครมา แต่เรื่องนั้นแพรวพราวไม่สนใจอยู่แล้ว สนใจแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการมโนราห์แอบน้อยใจ ไม่มีแม้คำถามที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยออกจากปากคนเป็นแม่เลย มีแต่คำที่ดูถูก "ไปเข้าคอร์สเจ้าสาว รู้ไหมว่าคืนพรุ่งนี้ก็เป็นงานแต่งเราแล้ว""คืนพรุ่งนี้หรือคะ?""ใช่..ตอนนี้ทางฝั่งนั้นเริ่มจัดห้องกินเลี้ยงแล้ว""จริงเหรอคะ""แกจะสงสัยอะไรนักหนา ไปทำตัวให้สวยเข้าไว้ ถ้าแกจับผัวไม่อยู่อย่ามาเรียกฉันว่าแม่!""แม่ก็เป็นซะแบบนี้""อย่ามาดราม่าใส่ฉ
มโนราห์พยายามสาวเท้าเดินให้ทันคนร่างสูง ที่เธอเกาะแขนอยู่ มืออีกข้างยกชายกระโปรงขึ้นไม่ให้ปลายรองเท้าส้นสูงเหยียบ รู้ดีว่าถ้าล้มลงไปเขาคงไม่ช่วยแน่ เพราะฉะนั้นเธอต้องระวังตัวเองให้มาก"ฉันเดินไม่ทัน คุณเดินช้าๆ หน่อยได้ไหม""ถ้าเดินไม่ทันก็ปล่อยสิจะเกาะทำไม" เสียงทุ้มต่ำพูดออกมาให้เธอได้ยินเพียงคนเดียวแต่หญิงสาวไม่ปล่อยถ้าเธอปล่อยคงถูกแม่ตำหนิยับแน่ หันซ้ายก็โดนหันขวาก็โดน นี่แหละชีวิตเธอใครมองก็ดูออกว่าเจ้าบ่าวเหมือนไม่เต็มใจแต่งงาน ส่วนทางผู้ใหญ่เจ้าสาวยิ้มระรื่นภูมิใจมากจนออกนอกหน้างานแต่งผ่านล่วงเลยมาจนถึงช่วงสุดท้าย"เรื่องห้องหอแม่ไม่ได้จัดให้นะ เพราะคิดว่า.." ที่นางไม่ได้จัดเพราะคิดว่าแม่ฝ่ายหญิงคงจะอยากให้ใช้บ้านตัวเองเป็นเรือนหอ ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ประสานงานกัน ก็เลยมีปัญหาเรื่องห้องหอ แต่พุดตาลก็มีแผนสำรองไว้แล้ว คือใช้โรงแรม ถ้าไม่งั้นก็ห้องนอนของเจ้าบ่าว"เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้า เดี๋ยวผมจัดการเอง งานแต่งเสร็จแล้วใช่ไหมครับ""เสร็จแล้วจ้า"พอได้ยินว่างานแต่งจบแล้ว กองทัพก็ขยับเนคไทออก เพื่อให้หายใจสะดวก "ตามมา" พูดกับเจ้าสาวหมาดๆ โดยไม่มองหน้าเลยด้วยซ้ำ แถมไม่รอด้
อึก!? คำแรกที่กินเข้าไปกองทัพก็รู้เลย ถ้าไม่ถูกแกล้งก็คงทำกับข้าวไม่เป็น"ไปตักข้าวแล้วก็มากินด้วยกัน""ฉันยังไม่หิวค่ะ""แต่เธอต้องหิว"เห็นสายตาเอาเรื่องของเขามโนราห์ก็เลยต้องได้ทำตาม หญิงสาวไปตักข้าวมาอีกหนึ่งชาม แล้วก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม"ฉันตักเองได้ค่ะ" แต่ไม่ทัน เขาตักอาหารถ้วยที่เธอทำมาวางใส่ชามข้าวให้แล้ว"กินสิ"มโนราห์จำเป็นต้องตักอาหารนั้นใส่ปาก"เคี้ยว!"พอได้ยินคำสั่งเธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะรีบเคี้ยว ..เกิดมายังไม่เคยทานอะไรที่ไม่อร่อยขนาดนี้มาก่อน ขนาดตัวเองเป็นคนทำยังอยากจะคายทิ้ง"รู้ไหมว่าอาหารแต่ละจาน ข้าวแต่ละเม็ด คนที่เขาผลิตมาต้องลำบากแค่ไหน"หญิงสาวส่ายหน้าตอบไป เธอไม่รู้หรอกเพราะเธอไม่เคยต้องมาลำบากเรื่องนี้"ไม่รู้ก็กินให้หมด" มือหนาขยับกับข้าวถ้วยนั้นมาตรงหน้า แล้วบังคับเธอกินฝีมือตัวเองให้หมด อยากแกล้งเขาดีนักก็ต้องโดนซะบ้างขนาดหิวข้าวยังรู้เลยว่าอาหารนี้ไม่อร่อยมาก รู้แบบนี้ทำจืดๆ ไว้ก็ดีมโนราห์นั่งกินอยู่แบบนั้นจนหมด โดยมีเขากอดอกนั่งมอง"ล้างทำความสะอาดให้หมด"ถึงเขาไม่บอกเธอก็ต้องได้ทำอยู่แล้ว หญิงสาวเก็บทุกอย่างมาล้างและทำความสะอาดถ้ามียาแก้ไข้หน่อยค
"เออ..เชิญคุณนายนั่งก่อนดีกว่าไหมครับ" ศิลาคนที่เรียกสาวๆ มาให้กับกองทัพ รีบสะกิดแนนซี่สาวคนนั้นให้ออกมาก่อน"ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณมีเงินให้ฉันยืมสักพันไหมคะ" เห็นว่าสามียังนั่งทำเฉยอยู่ มโนราห์ก็เลยขอยืมกับเพื่อนเขา"มะ..มีครับ" แต่ก่อนที่ศิลาจะล้วงเอากระเป๋าออกมา สายตาได้มองไปดูกองทัพก่อน ว่าเพื่อนอารมณ์ประมาณไหน "เออ..ไม่มีเงินสดติดกระเป๋าเลยครับ""ผมว่าเชิญคุณนายนั่งก่อนดีกว่าไหมครับ" คนที่ชวนอีกคนก็คือผู้พันซันเดย์ ทั้งสามเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนจบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ามาด้วยกันในเมื่อเธอกับเขาไม่ได้คิดอะไรต่อกันอยู่แล้วถ้าจะนั่งด้วยก็คงไม่มีปัญหาอะไร มโนราห์นั่งลงเก้าอี้ยาวตัวที่กองทัพนั่งอยู่กับสาวเอ็นเตอร์เทน ซึ่งตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นขยับออกเล็กน้อยตอนที่ศิลาบอกให้ขยับออกมา"ดื่มหน่อยนะครับคุณนาย""ทำไมต้องเรียกฉันว่าคุณนายด้วยล่ะคะ" มโนราห์ถือว่ายังเด็กมาก และเติบโตที่ต่างประเทศ ก็เลยไม่รู้ธรรมเนียมการเรียกขาน เพราะดูแล้วเธออายุน้อยกว่าพวกเขาเกือบ 10 ปีเลยมั้ง"เออ..แล้วจะให้พวกผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ""ฉันชื่อมโนราห์ค่ะ หรือจะเรียกว่าโมนาก็ได้""มโนราห์? ทศกัณฐ์..อะไรอีกสองคน
ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แม่แท้ๆ มโนราห์ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทนได้ถึงเพียงนี้ไหม แต่เพราะนั่นคือแม่ผู้ให้กำเนิดแว๊บหนึ่งมโนราห์คิดถึงหน้าพ่อขึ้นมา อยากไปหา อยากกอด แต่ก็ไม่อยากแบกปัญหาพวกนี้ไปให้ท่านต้องเป็นทุกข์ใจด้วยอีกหญิงสาวร้องไห้จนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีสายมากแล้ว"อย่าให้ฉันเห็นว่าแกไปดื่มแบบนี้มาอีก" ลงมาข้างล่างก็ยังคงเจอแม่ต่อว่า "แล้วนี่ผู้พันจะมารับตอนไหน"มโนราห์ให้คำตอบแม่ไม่ได้ ถ้าจะบอกว่าเขาคงไม่มารับหรอก ก็คงจะถูกแม่ตีอีก"ฉันถามหูแตกไม่ได้ยินหรือไง""เขาบอกให้โทรไปหาถ้าตื่นแล้วค่ะ" หึ! พูดเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญเลยนะ"ก็โทรไปสิ แล้วโทรศัพท์แกอยู่ไหน""ลืมอยู่ในรถของผู้พันค่ะ""ใช้ของฉันโทรไป" แพรวพราวเอาโทรศัพท์ตัวเองโยนให้กับลูกสาว เธอจะโทรไปได้ยังไงไม่มีเบอร์ของเขา"เบอร์เขาอยู่ในเครื่องโมนาค่ะ""ในเครื่องฉันก็มี""??" มโนราห์แปลกใจทำไมในเครื่องของแม่ถึงมีเบอร์โทรเขา แต่จะให้ถามคงไม่กล้า หญิงสาวก็เลยเลื่อนหาดู>>{"คุณโทรมาทำไม"} ประโยคแรกที่ได้ยินคนปลายสายพูด มโนราห์เอาโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ออกมามองดูใหม่อีกที เพราะเธอใช้เครื่องของแม่ แต่ทำไมเขาพูดเหมือนรู้จ
พอคนตัวเล็กนอนลงได้ที่ เธอก็ขยับกายเข้าไปชิดเขาให้มากที่สุด จังหวะที่ขยับเข้าไปคนที่เธอคิดว่านอนหลับไปแล้ว ก็ได้ลืมตาขึ้นแล้วหันมามองโดยที่ยังนอนหงายอยู่"?" มโนราห์ขยับตัวออกมาแบบอัตโนมัติ ทีแรกคิดว่าจะอ่อย ถ้าตื่นมาเห็นว่าเธอสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เผื่อเขาอยากจะ... แต่แค่เห็นแววตานั้นมันก็ทำให้เธอลืมทุกอย่างไปได้ในพริบตาคิ้วหนาขมวดเข้าหากันแบบรำคาญ คนกำลังจะหลับมากวนอยู่ได้ แล้วกองทัพก็หันหลังให้โดยที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรถ้าเขาตั้งใจฟัง คงได้ยินเสียงเธอถอนหายใจออกมาแบบโล่งใจที่ไม่ถูกตำหนิเช้าวันต่อมา..หญิงสาวตื่นขึ้นมาก็ไม่พบคนที่นอนอยู่ข้างๆ เมื่อคืนนี้แล้ว เราตื่นสายเหรอมโนราห์รีบลุกขึ้นมาจัดการกับร่างกายของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะลงมาข้างล่าง"ย่าว่าคืนพรุ่งนี้จะชวนคุณปู่ไปเล่นด้วย สงสัยจะรู้แน่เลยก็เลยชิงมาเยี่ยมย่าก่อนใช่ไหมครับ" เสียงนี้ดังแว่วเข้ามาเมื่อมโนราห์ลงมาถึงข้างล่าง"อยู่แต่บ้านก็เลยอยากพาแกออกมาเปิดหูเปิดตาค่ะ""แล้วนี่ใครพามาล่ะ""คนขับรถที่บ้านค่ะ""แม่ไม่อยากให้นั่งรถบ่อยๆ ท้องเราก็ยิ่งโตมากแล้ว""คุณรามก็พูดแบบนี้แหละคะ แต่ถ้าคลอดแล้วกลัวไม่ได้ออกจากบ
เหมือนถูกลากมาตบกลางสี่แยกยังไงยังงั้นเลย ที่ได้ยินพวกผู้หญิงพูดถึงสามีตัวเอง"ได้ยินผู้พันบอกว่า วันนี้จะร้องเพลงช่วงเปิดงาน""อ้าว ไม่ร้องตอนปิดงานอีกแล้วเหรอ" เพราะกองทัพเลือกร้องเพลงตอนปิดงานมาหลายปีแล้ว ที่เขาร้องช่วงปิดงานจะได้มีคนอยู่ร่วมงานจนถึงช่วงสุดท้าย"เห็นบอกแบบนั้น""แหมนอกจากให้ติดรถมาแล้ว ยังบอกเรื่องจัดงานอีกนะ" ไม่มีใครไม่รู้ว่ากองทัพแต่งงานและภรรยาก็คลอดลูกเดือนที่แล้ว แต่อย่างที่รู้กันอยู่ว่าคนที่ทำอาชีพนี้ส่วนมากจะเจ้าชู้ มีหลายคนเลยแหละที่มีบ้านเล็กบ้านน้อย ยิ่งระดับลูกชายของคนใหญ่คนโตแล้วด้วย ผู้หญิงพวกนั้นก็เลยอยากไต่เต้าสบายทางลัด ยิ่งถ้าคว้าใจผู้ชายมาได้ถึงกับยอมเลิกกับบ้านใหญ่ก็เคยมีความรู้สึกของมโนราห์ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้ว จนเกิดอาการคัดเต้า โชคดีที่ใส่ที่ซับน้ำนมมาด้วย แต่ถ้ามันไหลเยอะก็คงเอาไม่อยู่เพียงไม่นานเสียงดนตรีก็ดังขึ้น หลายคนที่ร่วมงานต่างก็หันไปที่เวที และหลายคนก็พูดกันว่า ทำไมผู้พันกองทัพถึงได้ร้องเพลงช่วงเปิดเวที เพราะทุกครั้งผู้พันจะร้องตอนปิด ..นั่นแสดงว่าคนในงานยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ผู้หญิงคนนี้คงสำคัญกับเขามากจริงแหละ ถึงได้รู้ว่าเขาจ
"ฉันขอชุดที่รัดกุมหน่อยนะคะ..แต่..เออ..""แต่อะไรคะ" ช่างที่กำลังเลือกแบบชุดให้ถามลูกค้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนไม่กล้าพูด"ขอแบบที่สามารถปั๊มนมให้ลูกได้ด้วย" ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไปหรอก แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอน เธอก็เลยขอชุดแบบนั้นไว้ เพราะถ้าน้ำนมมาต้องรีบปั๊มออก ไม่งั้นคัดเต้าทำให้ปวดมากบางครั้งเกิดการอักเสบเลย"ชุดแบบนั้นทางร้านเราไม่ได้ทำไว้ค่ะ แต่เราคิดว่า ผ้าคลุมไหล่สามารถปกปิดได้"ขณะที่คุยกันไม่มีคนในบ้านอยู่ใกล้เธอก็เลยกล้าพูดพอรู้แล้วว่าลูกค้าต้องการแบบไหนทางร้านก็รีบจัดการให้ ส่วนมโนราห์ก็เริ่มทำการเสริมสวยต่อขณะที่ทำผมอยู่ได้ยินเสียงลูกชายงอแง เธอก็ให้ช่างหยุดก่อน เพื่อไปดูว่าลูกเป็นอะไร แต่พอเห็นว่าลูกอยากเข้าเต้ามโนราห์ก็เลยจัดให้ก่อนจนแกนอนหลับเธอถึงได้กลับมาทำสวยต่อ ชีวิตแม่ลูกอ่อนถ้าใครไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอกบ่ายคล้อยวันเดียวกัน.."พ่อโทรมาบอกว่าให้แม่เข้างานเร็วหน่อย""คุณแม่ก็ไปสิคะ""แม่ว่าจะรอรับเราไปด้วยกัน""ไม่ต้องรอหรอกค่ะ โมนายังไม่รู้เลยว่าจะไปไหม""ถ้างั้นแม่รอเราที่งานนะ" พอแต่งตัวเสร็จพุดตาลก็ให้คนรถพาไป เพราะไม่อยากให้ท่านนายพลต้องกลับมารับอีกเวลาเดียวก
ลืมเลยอีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงวันงาน พอคิดถึงเรื่องเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นเขากับเธอยังไม่ได้รักกัน"หึ.." พอคิดถึงตอนที่กระโปรงเธอขาดก็นึกขำขึ้นมา และตอนที่เธอคิดว่าเขาร้องเพลงให้ผู้หญิงคนอื่น แต่ไม่ใช่เลย ตอนที่ร้องเพลงนั้น เขากลับคิดถึงหน้าเธอต่างหาก"ยิ้มอะไรครับผู้พัน""ยังจะเดินตามมาอีก ไม่ทำงานหรือไง""ทำสิครับ แต่ผู้พันลืมแล้วเหรอว่าที่ทำงานเราไปทางเดียวกัน" ตอนที่เป็นผู้กองอยู่เขาสังกัดหน่วยงานเดียวกับกองทัพ แต่พอเลื่อนขั้นเป็นผู้พัน ฉลามต้องเข้ารับงานใหม่ "แล้วตกลงที่ยิ้ม..ให้สาวที่นั่งรถมาด้วย..หรือคนที่อยู่บ้านครับ""ไอ้ฉลามมึงจะหางานให้กูไปถึงไหนวะ กูก็ต้องคิดถึงเมียกูสิ""ครับคิดถึงเมีย""ไอ้นี่พูดเหมือนไม่เชื่อ"สองวันต่อมา.. วันนี้เริ่มประชุมเรื่องที่จะจัดงานประจำปี ใครรับหน้าที่ส่วนไหนก็ต้องเริ่มจัดการส่วนที่ตัวเองได้รับในแต่ละหมู่เหล่าต้องร่วมแรงร่วมใจ เพราะงานประจำปีไม่ได้จัดขึ้นแค่เป็นงานเลี้ยง แต่เป็นงานที่ทำให้ในหน่วยงานรักและสามัคคีกันที่คฤหาสน์พลเอกเกษมราษฎร์"โมนาไม่รู้ว่าพ่อจะมา" เพราะพ่อเพิ่งมาตอนที่เธอคลอดลูกนี่เอง และวันนี้พ่อก็มาอีกครั้ง"สามีเราไม่บอกเหรอ ว่
"คุณอยากได้อะไรครับ ทำไมไม่เรียกผมเดี๋ยวผมหยิบให้" ฉลามรีบเดินกลับมาที่บ้าน"ฉันเรียกแล้วค่ะ แต่คุณมัวมองสาวๆ พวกนั้นอยู่""อุ๊ย.. เปล่ามองสักหน่อย""ตาฉันไม่ได้บอด""แก้วใจครับ อย่างอนนะ มันไม่ดีต่อ..""คุณไม่อยากให้ฉันงอนก็อย่าทำสิคะ""ผมแค่..""แค่อะไรคะ""แค่มองนิดเดียวเอง""แต่ที่ฉันเห็นไม่นิดแล้วนะ"กูจะถึงกับตายไหมวะ ..ฉลามรีบเดินตามแก้วใจเขาไปในบ้าน ในใจก็แอบหวั่นๆ"อย่าเดินเร็วสิครับเดี๋ยวสะดุดล้ม""ไม่ต้องตามมานะ""ผมสัญญาว่าจะไม่มองผู้หญิงคนอื่นแบบนี้อีกแล้ว"แก้วใจหยุดแล้วก็หันกลับมา แต่ฉลามที่ตามมาด้านหลังเกือบหยุดไม่ทัน"จะหยุดทำไมไม่บอกผมล่ะ""ไม่ต้องมาใกล้ฉันเลยนะ" หญิงสาวผลักสามีให้ออกห่าง "ใช่สิท้องฉันโตขนาดนี้ ก็เลยไม่น่ามองเหมือนผู้หญิงพวกนั้นใช่ไหม""ใครบอกคุณไม่น่ามอง แก้วใจของผมน่ารักที่สุดในโลก""คนปากไม่ตรงกับใจ ฉันจะกลับไปหายาย""ไม่ให้กลับ""ฉันจะกลับไปคลอดลูกกับยาย""ที่นั่นอยู่ห่างไกล เวลาคลอดก็ลำบาก เอาแบบนี้แล้วกันใกล้คลอดผมจะไปรับคุณยายมาอยู่ด้วย""จริงเหรอคะ" จากที่งอนอยู่เมื่อสักครู่ก็มีรอยยิ้มขึ้นมา ฉลามถึงกับหายใจโล่ง ดีนะที่ยังมียาย ไม่งั้นคืนนี้ต้
ญาณินกัดฟันไว้ไม่กล้าส่งเสียงคราง เพราะลูกชายเพิ่งจะนอนลงมือเรียวยื่นลงไปจับศีรษะของคนที่เมามันอยู่กับการใช้ลิ้น แทนที่จะยกศีรษะของเขาขึ้นแต่ดันกดมันลงแบบลืมตัวชายหนุ่มยิ่งได้ใจเพิ่มจังหวะความเร็วของลิ้นอีกระดับหนึ่ง จนสะโพกงามเกร็งกระตุกเขาถึงได้หยุด แล้วค่อยๆ ขยับขึ้นมา เพราะจะปล่อยให้เธอเสร็จก่อนไม่ได้สิ่งแรกที่ศิลาทำเมื่อโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มนั้นคือมองไปดูลูกชาย ว่าเขาหลับหรือยัง แต่พอเห็นลูกยังดิ้นอยู่ เขาก็ค่อยๆ เอนตัวลงอีกฝั่งหนึ่งของเธอแต่ชายหนุ่มไม่ได้ปล่อย เขายังคงลูบคลำเนินอวบนูนของเธอเพื่อไม่ให้อารมณ์อีกฝ่ายหยุดลง"อือ..คุณ.."ศิลาไม่สนใจที่เธอห้าม แถมยังส่ายหน้าบอกเล็กน้อย เพื่อให้เธอรู้ว่าถึงยังไงเขาก็ไม่หยุด รอให้ลูกหลับสนิทก่อนเถอะ จะจัดการเธอให้สมกับความคิดถึง"อื้อ" พอนิ้วนั้นจมหายเข้าไปในร่อง หญิงสาวกลั้นเสียงไว้ไม่ได้อีก แต่เธอก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาแรง "อ่ะ อ่ะ" อารมณ์ของเธอเริ่มควบคุมไม่ได้เมื่อนิ้วนั้นขยับเร็วขึ้น"หือ" ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเมื่อถูกมือเรียวลูบคลำที่เป้ากางเกง ยิ่งเธอเป็นคนรูดซิปเองด้วยแล้วเขายิ่งพอใจมากแต่เธอทำแค่นั้นแล้วก็หยุด เพราะเริ่มรู้ส
วันต่อมา..หลังการประชุมใหญ่จบลงพอออกมาจากห้องประชุม ตำรวจก็มารอรับตัวคนที่ทำผิดกฎหมาย หัวหน้าขบวนการที่ทำผิดกฎหมายในครั้งนี้ก็คือเอกมัย สิ่งที่ทำผิดคือสอดไส้สิ่งผิดกฎหมาย ไปกับสินค้าที่ส่งออก ซึ่งถ้ามีเส้นสายทางด้านนี้การตรวจสอบก็จะไม่เข้มงวด หรือถ้าเจอก็แค่ใช้เงินยัด"คุณคิดเหรอว่า ทำแบบนี้บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบ" ก่อนที่จะถูกนำตัวไป เอกมัยยังหันมาพูดข่มขู่ศักดินามองตามหลังเอกมัยที่ถูกกุมตัวไปแล้ว มันไม่เหมือนสิ่งที่คิดไว้ พอถึงเวลาจริงๆ ทุกอย่างโล่งมาก ไม่หนักอึ้งเหมือนตอนที่แบกไว้กับตัวเลยศักดินาปล่อยให้หน่วยตรวจสอบของรัฐบาลเข้ามาตรวจสอบบริษัท แล้วแต่การพินิจของเจ้าหน้าที่ ถ้าจะสั่งให้ปิดศักดินาก็ยอม เพราะเหนื่อยมากแล้ว"ผมจะช่วยพูดกับคุณพ่อให้อีกแรงครับ" กองทัพเห็นว่าท่านมีท่าทางที่คิดหนัก"อย่าลำบากท่านนายพลอีกเลย ปล่อยไปตามยถากรรมเถอะ""ขอบใจมึงมากนะเพื่อน" ศิลารู้ดีว่าพ่อรักบริษัทนี้มาก "ก็เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนมีไว้ทำไมถ้าไม่ช่วยเพื่อน""ท่านคะ" เสียงนี้ดังแว่วเข้ามาผ่านฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์ศิลาหันไปมองพ่อว่าท่านมีท่าทียังไงเมื่อเจอ ขวัญชนก ซึ่งตอนนี้ท่านได้เซ็นใบหย่า
>>{"เมียพี่ไม่สบายเหรอ""} {"จะว่าไม่สบายก็ไม่เชิงหรอกพี่ พี่สะใภ้กินอะไรไม่ค่อยลง แถมบอกว่าอาหารเหม็น"}>>{"กินอะไรไม่ค่อยลงอาหารเหม็น? เราเอาอาหารค้างคืนมาให้พี่เขากินเหรอ"} {"เปล่าสักหน่อย อาหารเพิ่งจะตักออกมาจากกระทะร้อนๆ"}"เมื่อกี้มึงว่าอะไร ใครเหม็นอาหาร" กองทัพที่นั่งฟังอยู่ว่าศิลากำลังคุยเรื่องอะไร อดที่จะถามไม่ได้"ก็เมียกูน่ะสิ สงสัยจะไม่สบาย" ศิลาก็เลยวางสายไปจากน้องสาวก่อน"อาการเป็นยังไงบอกมาซิ""น้องสาวกูบอกว่ากินข้าวไม่ค่อยลง ตั้งแต่วันก่อนแล้ว" เพราะพวกเขาออกมาจากบ้านก็สามวันเข้าไปแล้ว"อาการแบบนี้เหมือนเมียกูเลย""เมียมึงก็เป็นเหรอ""เป็นสิ เป็นตอนมีตาทัพไท""อะไรนะ?""เมียไอ้ศิลาท้องเหรอ?" ซันเดย์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยกันพูดขึ้นมาบ้าง"กูจะไปรู้กับเมียมันเหรอ กูแค่บอกอาการตอนที่เมียกูท้อง""กูกลับบ้านก่อนได้ไหม" ศิลานั่งไม่ติดที่เลยทีนี้ ถ้าหายตัวกลับตอนนี้ได้เขาคงทำไปแล้ว"มึงจะบ้าเหรอ พรุ่งนี้ประชุมสำคัญ""พวกมึงก็จัดการกันไปเองสิวะ""อ้าวไอ้นี่! นี่บริษัทพ่อมึงนะ"ศิลาหยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปอีกมุมหนึ่ง เพื่อโทรหาเธอ>>{"พ่อครับ"} โทรเข้าเครื่องของแม่ ลูกก็รับอีกอ
"พ่อขอโทษที่ส่งคนตามลูกกับเมียลูก แต่พ่อไม่ได้หวังร้ายเลย""ถึงพ่อไม่ได้หวังร้าย แต่คนที่ถูกตามรู้ไหมว่าเขาหวาดกลัว ผู้หญิงและเด็กแถมยังมีคนแก่ที่พิการ""พ่อคิดถึงหลาน" ศักดินาไม่ปล่อยให้ลูกต่อว่าไปเยอะกว่านี้แล้ว"อะไรนะครับ?""พ่อคิดถึงเทวิน""ผมไม่เชื่อ""ลูกก็รู้ว่าพ่อแสดงความรักออกมาไม่เก่ง""แล้วทำไมหลานถึงบอกว่ากลัวคุณปู่ล่ะ""คงเห็นพ่อขู่แม่แกมั้ง แต่ที่พ่อทำไปเพราะอยากกดดันให้เธอพาแกกลับมาที่บ้าน""พอเถอะศิลา" กองทัพคิดว่าศิลาคงเข้าใจพ่อผิดแล้ว คงเหมือนที่ท่านพูดว่าท่านแสดงความรักออกมาไม่ค่อยเป็น "เรามาหาทางคิดแผนต่อไปกันดีกว่า" นี่แหละที่ทุกคนไม่เข้าไปคุยเรื่องนี้ที่บ้าน เพราะหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง"พ่อต้องขอบใจเราอีกครั้งนะกองทัพ รวมถึงนายด้วย" ศักดินาหันไปหาลูกเขย"ผมหรือครับ" ซันเดย์คิดว่าตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ขอบใจที่ดูแลริศา" นี่แหละอีกเหตุผลหนึ่งที่ท่านอยากให้สาริศาแต่งงานกับเสี่ยเคน เพราะเสี่ยเคนพอมีอำนาจที่จะมาช่วยเรื่องนี้ได้ ตอนนั้นท่านมองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ"ผมปรึกษากับพ่อแล้วครับ ท่านบอกว่าจะช่วยเรื่องนี้""ท่านบอกอย่างนั้นเหรอ" คนที่ถามก็คือศิลา เพราะเขาเริ
ใช้เวลาขับรถอยู่ร่วมสามชั่วโมง ก็ได้มาถึงจุดหมายปลายทาง เพราะถนนช่วงนี้โล่งมาก"พ่อมึงมีญาณทิพย์เหรอวะ" ยังไม่ลงจากรถเลยด้วยซ้ำ ศักดินาก็เดินออกมาต้อนรับลูกและเพื่อนๆ ของลูก"ดูอบอุ่นดีนี่" ศักดินาเอ่ยทักทายคนที่เพิ่งลงมาจากรถ เพราะลูกชายไม่ได้มาแค่คนเดียว"สวัสดีครับ" เพื่อนทั้งสองยกมือไหว้ ถึงยังไงท่านก็เป็นพ่อของเพื่อนรัก แถมยังเป็นพ่อตาของซันเดย์ด้วย"ยินดีต้อนรับ ชวนเพื่อนเข้ามาข้างในสิลูก" ศักดินาเอ่ยพูดด้วยท่าทางสุขุมนุ่มลึกดูไม่มีพิษไม่มีภัยทั้งสามก็เลยเดินตามเข้าไปในบ้าน"น้ำค่ะ" ก้นยังไม่ถึงโซฟาเลยด้วยซ้ำ ขวัญชนกก็ยกน้ำมาบริการแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจน้ำเลย ขวัญชนกก็เลยนั่งลงข้างๆ คนที่เป็นสามี แต่สายตานั้นมองดูหนุ่มๆ ด้วยแววตาหวานหยดย้อย"ผมจะคุยธุระ คุณมีอะไรทำก็ไปทำ" ศักดินาพูดพร้อมกับมองดูคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เล็กน้อย"ท่านคะ""บอกว่าจะคุยธุระไง"ก่อนที่ขวัญชนกจะออกจากห้องนั้น สายตาได้มองไปที่ลูกน้องของท่านแบบรู้กันแค่สองคน"เราตัดสินใจแล้วใช่ไหมว่าจะมารับช่วงต่อจากพ่อ""ผมไม่ชอบงานบริษัท""ถึงไม่ชอบแกก็ต้องได้มารับช่วงต่อ เพราะแกคือลูกชายคนเดียวของฉัน""พ่อก็ยังแข็งแรง