ในที่สุดก็ถึงวันเปิดเรียนวันแรก ฉันขอร้องอ้อนวอนสุดชีวิตเพื่อให้เฮียฮ่องเต้มาส่งที่คณะเพราะไม่อย่างนั้นคงได้เดินให้เหนื่อยเพราะฉันไม่มีรถขับพ่อกับแม่ฝากฝังชีวิตฉันไว้กับเฮียเลยนะ คอนโดนี้ก็ไม่ได้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเลยสักนิดเดียว
"ตอนเย็นเฮียว่างมารับไหม"
ฉันหยิบกระเป๋าขึ้นมาแนบอกแล้วถามคนขับแต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับจึงต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
สายตาของเฮียกำลังมองออกไปยังกระจกหน้ารถที่มีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดนักศึกษาแบบเดียวกันกับฉันยืนอยู่กับเพื่อนของเธอ แววตาที่เขามองนั้นทำให้หัวใจของฉันมันบีบตัวแน่นจนจุกแปลกๆ
"เฮีย!"
"หะ...หา! อะไรจะเสียงดังทำไมวะ!" พอโดนเรียกจนตกใจเขาก็ทำท่าทางหงุดหงิดใส่ฉัน แบบนี้บ่งบอกถึงความผิดปกติอย่างแน่นอน ต้องไปสืบสักหน่อยแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับเฮีย
"ก็ชาถามแล้วเฮียไม่ตอบอะ"
"มีอะไร" น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงสายตายังคงมองไปตรงที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นระยะ ฉันจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ก่อนแล้วกันเดี๋ยวไก่ตื่น
"เย็นนี้มารับชาด้วยนะ เลิกห้าโมงเพราะรุ่นพี่นัดรวมรับน้องต่อ"
"หัดหาเพื่อนคบแล้วไปกับเพื่อน เฮียไม่ใช่เบ๊ที่จะมารับใช้เธอได้ทุกเวลา"
"ก็ถ้าเฮียว่างตอนไหนชาก็จะรอมารับก็ได้ ไม่ได้คิดว่าเป็นคนใช้สักหน่อย เราแต่งงานกันแล้วแค่นี้มันยากเย็นนักหรือไง" ทำหน้าที่สามีที่ดีหน่อยก็ไม่ได้
"เรื่องของเธอเถอะ ทีอย่างอื่นล่ะเก่งนัก ลงไปได้แล้วรีบไปเรียน!"
เอะอะก็ขึ้นเสียงใส่ตลอด อย่าให้ถึงที่ฉันต้องขึ้นเสียงบ้างแล้วกันจะเอาให้หัวหด
ฉันลงมาจากรถก็เดินเข้าไปในอาคารเพื่อต่อแถวหน้าลิฟต์รอขึ้นไปยังชั้นเจ็ดของอาคารนี้ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดของคณะบริหาร นักศึกษาส่วนใหญ่จะมาเรียนที่นี่เพราะเป็นอาคารเรียนรวมวิชาพื้นฐานของคณะ ส่วนอาคารของแต่ละสาขาก็จะกระจายอยู่รอบๆ
"ชะนี!!" เสียงของชายใจหญิงคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เดินอ้อนแอ้นเข้ามาใกล้
"ยัยปาล์มมี่ เบาๆหน่อยสิเขามองกันหมดแล้ว" ใครบอกว่าฉันไม่มีเพื่อนกันล่ะ นี่แหละเพื่อนคนแรกของฉันในมหาวิทยาลัย เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนมาลงทะเบียนและไม่รู้อะไรชักพาให้เราทั้งคู่มาถูกตาต้องใจกันแบบนี้
"ขอโทษค่ะ ปาล์มมี่ดีใจที่เจอเพื่อนหน้าลิฟต์พอดีไม่อยากจะเชื่อว่าจะเจอ" น้ำเสียงและกิริยาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสายตาของปาล์มมี่เหลือบไปเจอรุ่นพี่คนหนึ่งที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรยืนอยู่ข้างฉันพอดี
ก็พอๆกับเฮียแหละ แต่สำหรับฉันแล้วเฮียหล่อที่สุดในจักรวาล
รุ่นพี่ยกยิ้มขึ้นเพียงนิดก่อนจะหันกลับไปด้านหน้า มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงอีกข้างถือหนังสือเพียงหนึ่งเล่ม ใบหน้าของเขาหล่อกระชากใจใครหลายคนได้เลยโดยเฉพาะเพื่อนฉันที่มันยืนขั้นกลางอยู่ตรงนี้
"แกมาเรียนยังไงปาล์มมี่ เลิกเรียนขอกลับด้วยคนสิ"
"ฉันก็เดินมาสิยะพักอยู่หอนักศึกษาชายตึกสิบนี่เองแกจะไปกับฉันไหมล่ะ" ให้ตายเถอะฉันคิดว่ามันอยู่หอนอกซะอีก คิดว่าจะขอติดรถไปด้วยสักหน่อย
"คิดยังไงอยู่หอใน"
"เหตุผลเพียงอย่างเดียวของฉันคือผู้ชายค่ะชะนี ลาภปากฉันเลยนะเดินไปทางไหนก็มีแต่ข้าวหลามหนองมน แกรู้ไหมว่าหอพักชายคือสวรรค์ของกระเทย" ยังปาล์มมีหัวเราะชอบใจจนลืมไปว่าตอนนี้เราอยู่ในลิฟต์แล้ว ไม่พอรุ่นพี่หน้าตาดีคนเมื่อกี้นี้ก็ยืนอยู่กับเราด้วย
แถมตอนนี้เขายังแอบมีรอยยิ้มเพราะคงได้ยินสิ่งที่เราพูดคุยกันอยู่
"งั้นแกมีรถใช้หรือเปล่า" ฉันเปลี่ยนเรื่องเลยดีกว่า ปาล์มมีกำลังทำเราดูแย่ในสายตาคนอื่น นี่มันเพิ่งเป็นการเรียนวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัยเลยนะ
"มี มอเตอร์ไซค์นะ ทำไมเหรอ"
"ไปส่งกลับคอนโดหน่อยสิ พอดีฉันไม่มีรถกลับ"
"อยู่คอนโดแต่ไม่มีรถใช้เนี่ยนะยัยใบชา!" ปาล์มมีส่งเสียงดังขึ้นมาประจวบเหมาะกับตอนที่ลิฟต์กำลังเปิดออกพอดี
ติ้ง!
"แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย!"
"ก็แกบอกว่าอยู่คอนโด แต่ไม่มีรถใช้" ยัยเพื่อนสาวสองยังคงสงสัยไม่เลิกฉันจึงต้องอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด
"พอดีฉันมาพักอยู่กับ..." พอพูดมาถึงตรงนี้ฉันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคิดถึงคำพูดของเฮียที่ว่าไม่ให้บอกเรื่องของเรากับใครเด็ดขาด "มาพักกับพี่ ก็เลยกลับไม่ได้เพราะพี่ฉันเลิกเรียนค่ำ"
"ออ สบายมากฉันจะไปรับส่งแกเอง"
"ขอบคุณน้า...คนสวย เธอมันสวยที่สุดในสาขา" ว่าแล้วก็เอาหน้าไปซบกับอฝแขนของปาล์มมีอย่างออดอ้อน ทำไมใจดีอย่างนี้เนี่ยแม่พระมาโปรด
"อย่ามาอ้อน ฉันขนลุก!" ปาล์มมีสะบัดตูดเดินหนีฉันเข้าไปในห้องเรียนที่ตอนนี้มีเพื่อนร่วมสาขาเดียวกันอยู่เต็มห้อง บางคนก็รู้สึกคุ้นตาอยู่แล้วเพราะสองสามวันมานี้รุ่นพี่นัดพวกเรามาทำความรู้จักและทำกิจกรรมร่วมกัน
จนกระทั่งสายตาของฉันไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่กับเพื่อนอีกคนกลางห้อง ใบหน้านั้นฉันจำได้เป็นอย่างดีว่าคือผู้หญิงคนที่เฮียมองตาค้าง
และมันไม่ใช่แค่มองแบบธรรมดา มันมีอะไรซ่อนอยู่ในแววตาของเฮียด้วย
"คนนั้นยัยเพลง ชอบทำตัวเด่นนะฉันว่า" ปาล์มมีสะกิดฉันที่เผลอมองยัยนั่นนานไปหน่อยเพิ่งจะรู้ตัวตอนเพื่อนพูดคำนั้นออกมา "แกก็คิดเหมือนฉันสินะชะนี"
"เขาเด่นอยู่แล้วหรือเปล่า" เราสองคนหมุนตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าห้องเพราะมาสายกว่าเพื่อนเลยเหลือแค่แถวหน้าสุดให้นั่งเท่านั้น
"ในฐานะที่ฉันมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายอยู่ในร่างเดียวกัน ฉันมองออกว่ายัยนั่นน่ะไม่ได้สวยไปกว่าคนอื่นหรอกแค่ทำตัวเหมือนตัวเองสวยน่ะ"อันที่จริงฉันไม่ได้สนใจหรอกว่าผู้หญิงคนนั้นจะสวยหรือไม่สวย ตอนนี้อยากรู้แค่ว่าเฮียคิดยังไงกับผู้หญิงคนนี้
"อย่าไปว่าเขา"
"จะไม่ว่าได้ไง มันว่าฉันก่อน" ปาล์มมี่หันไปมองเพื่อนสาขาที่ชื่อเพลงคนนั้นพอยัยนั่นมองกลับนางก็สะบัดหน้าหันกลับมาทันทีเหมือนเป็นการเปิดสงคราม "ตอนมาลงทะเบียนเรียนฉันแอบได้ยินมันคุยกับเพื่อนว่าไม่ชอบกระเทย บลาๆ แต่สาขานี้ดันมีกระเทยถึงสี่คน"
"พูดแบบนั้นเลยเหรอ" ทำไมต้องไม่ชอบด้วยล่ะไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็เป็นคนเหมือนกันหมด
"ใช่ นางแค่ทำตัวเหมือนนางเอกแต่จิตใจโคตรสกปรก"
ฉันเข้าใจควารู้ของปาล์มมี่เลยคงกวนใจมากที่ได้ยินแบบนั้น ถ้าเป็นฉันก็คงจะญาติดีกับยับเพลงนั่นไม่ได้หรอก
"ปาล์มมี่" แล้วเสียงหวานๆของใครสักคนก็ดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเรา พอหันไปมองถึงรู้ว่าเป็นเพลงกำลังยืนยิ้มหวานให้พวกเราอยู่ "มีอะไรกับเราหรือเปล่า พอดีเห็นเธอทำเหมือนไม่พอใจอะไรเราอยู่เลย"
"..." ปาล์มมี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง "ไม่มีอะไรนี่เพลง เราซื้อหมอนมาให้เลยโดนหมอนกัดคอน่ะ ลองสะบัดหน้าแรงๆดูไม่เกี่ยวกับเธอเลย ทำไมถึงคิดแบบนั้น ฉันงง"
นี่ฉันดูละครเวทีอยู่หรือเปล่าเนี่ย ปาล์มมี่แสดงเก่งมากแต่ยัยเพลงนั่นก็ไม่แพ้เลย
"อ้าวเหรอ ขอโทษนะที่เข้าใจผิด ฉันกลัวจะไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจน่ะ"
"ไม่เลยจะเพลง เธอเข้าใจผิดแล้ว" ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าหน้ากากใครหนากว่ากันแต่ฉันที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ยังไงก็ดูออกว่าปลอมทั้งคู่ เห็นรอยยิ้มของปาล์มมี่ตอนนี้บอกเลยว่าขนลุก จนกระทั่งเพลงกลับไปนั่งที่ตัวเองเพื่อนถึงได้พูดออกมาอย่างหงุดหงิด "นังตอแหล"
EP.7หลังจากเลิกเรียนวิชาสุดท้ายตอนบ่ายสามพวกเราปีหนึ่งบางส่วนก็นั่งรออยู่ใต้ตึกเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง บางส่วนก็กลับหอพักกันแต่ฉันผู้ที่คอนโดอยู่ไกลนั้นต้องนั่งรออยู่ที่นี่โชคดีที่ปาล์มมี่อยู่เป็นเพื่อนพร้อมกับเพื่อนสาวสองอีกคนที่ชื่อทิวลิป เมื่อก่อนก็ชื่อไอ้ทิวเฉยๆแต่ให้เรียกทิวลิปเพื่ออรรถรสเหมือนกับปาล์มมี่ที่จริงแล้วมันชื่อไอ้ปาล์ม นี่เป็นเรื่องเล่าจากปากเพื่อสาวทั้งสองของฉันเอง"แม่นางสตอเบอรี่" ปาล์มมี่ที่หันไปเจอเข้ากับเพลงที่เดินผ่านมาพอดีก็พูดขึ้นมาแต่ยัยนั่นไม่ได้ยินหรอกเพราะอยู่ไกลกันพอสมควร"อือ แกก็คิดเหมือนฉันเหรอบีหนึ่ง" ทิวลิปหันไปมองเพลงอีกคนแล้วเบะปากคว่ำ "วันก่อนฉันไปร้านเครื่องสำอาง เจอนางเข้าพอดีนางพูดลอย ๆเหมือนดูถูกว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อ นังนี่มันคิดว่าตัวเองเป็นใคร""แต่แปลกนะผู้ชายชอบคนแบบนี้ เพราะรุ่นพี่พากันแซวมัน แหม เพื่อนฉันสวยกว่าอีกอย่าให้ดัน" ปาล์มมี่หันมาอวยยศฉันที่นั่งพิจารณาเรื่องของเพลงอยู่ พี่ฮ่องเต้คงจะชอบยัยเพลงนี่แบบไม่ต้องสงสัยหรืออาจจะมีอะไรมากกว่านั้นที่ฉันยังไม่รู้ "เรามาปั้นยัยใบชาเถอะ เอาให้แม่นั่นตกรอบไปเลยค่ะ""จัดไปค่ะกระเทย"แปะ
EP.8วันต่อมาหลังจากเลิกเรียนช่วงเช้าแล้วเพื่อนสาวทั้งสองของฉันก็พามาร้านเสริมสวยที่ฉันแทบจะไม่เข้าเลยในรอบสิบเก้าปี จำได้ว่าครั้งสุดท้ายก็ตอนมัธยมต้นเพราะอยากลองตัดผมสั้นสักครั้งในตอนนั้น"พี่ป่านคนสวยคะ แปลงโฉมให้นางหน่อย เปลี่ยนสีผมด้วย แล้วก็ตัดสั้นขึ้นจากเอวมาอยู่กลางหลังค่ะ" ปาล์มมีเอ่ยปากทักทายช่างอย่างสนิมสนมแล้วสั่งทรงผมให้เสร็จสรรพ ส่วนฉันก็สนใจรูปโปสเตอร์ทรงผมสวยๆภายในร้านที่ดูน่าสนใจไปหมด"อืม อยากได้สีอะไรคุณน้อง""เอาสีของคนอกหักค่ะ" ทิวลิปตอบแทนฉันจนต้องหันขวับไปมองมัน"ฉันไม่ได้อกหักนะ""มันต่างกันตรงไหนชะนี ก็คนที่แกชอบเขาไปชอบแม่นั่นไม่ใช่" ตอกย้ำทำไมกันเนี่ย เรื่องนี้ยังสรุปไม่ได้เลยด้วยซ้ำอีกอย่างไม่ใช่คนที่ฉันชอบ นั่นน่ะสามีฉันเลยต่างหากโถใบชาถ้าพูดให้ใครฟังคงได้กลายเป็นคนที่น่าสงสารมากแน่ๆ แล้วสองคนนี้ก็จะเกลียดเพลงมากขึ้นด้วย"เอาสีไหนก็ได้ค่ะที่เหมาะกับหน้าหนู" ฉันบอกช่างพี่ป่านแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้หนัง"น้องผิวขาวแบบนี้สีไหนก็สวย งั้นเราทำพวกสีสว่างๆดีกว่าเด่นแน่นอน""บลอนด์ทองไปเลยค่ะ" ปาล์มมี่เสนอความคิดเห็น"มะ...ไม่เอา" นั่นมันสว่างเกินไปแล้ว เหมือนเปิ
EP.9หลังจากดูหนังเสร็จเพื่อนสาวทั้งสองก็พากันมาส่งที่คอนโดเพราะตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้วพอมาถึงห้องก็พบว่าเฮียเต้ปักหลักอยู่ที่เดิมแต่ยังอยู่ในชุดเสื้อช็อปวิศวะที่ฉันอยากเห็น เพราะตอนเช้าออกห้องก่อนเลยเพิ่งรู้ว่าเขาใส่ชุดนี้ไปเรียน"..." ฉันแอบย่องผ่านทางด้านหลังเพื่อไม่ให้เขาหันมาสนใจ เพราะทั้งสีผมทั้งหน้าที่แต่งมาแบบนี้ถ้าเฮียเห็นคงตกใจแล้วคิดว่าฉันเป็นบ้าอยู่แน่"ไปไหนมา"เฮือก! เสียงของเฮียดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทุกวันก็ไม่เคยจะสนใจทำไมวันนี้ถึงต้องมาถามด้วยล่ะ "ดูหนังกับเพื่อน" พอตอบคำถามนั้นแล้วฉันก็รีบจ้ำอ้าวไปทางประตูห้องนอน แต่เฮียกลับเรียกไว้อีกรอบ"เดี๋ยว" ผีเข้าเฮียหรือไงวะ จะมาสนใจอะไรกันวันนี้! "ไปทำอะไรมา เปิดเทอมได้สองวันทำตัวซ่าแล้วเหรอ""ซ่าอะไรชาไม่ได้ทำสักหน่อย ก็แค่ทำสีผมเอง""หันหน้ามา" "..." ฉันหันหน้าไปหาเฮียช้าๆพร้อมกับรอยยิ้มจนตาหยี "มีไรเหรอเฮีย""..." ใบหน้าคมคายมองมานิ่งๆ แล้วก็หันหน้ากลับไปมองจอโทรทัศน์แบบเดิม "แม่เธอโทรมาหาเฮียบอกโทรไปแล้วไม่รับ""ออ ชาปิดเสียงน่ะ เดี๋ยวโทรกลับเอง" ว่าแล้วฉันก็กระโดดโลดเต้นเข้ามาในห้องแล้วกระโดดลงเตียงกดโทรหาแม่ทั
EP.10พอกลับขึ้นมาบนห้องได้ฉันก็กระโดดขึ้นโซฟาที่เฮียใช้เป็นที่หลับที่นอนมาตลอดตั้งแต่ฉันมาอยู่ด้วย รีบเปิดอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดทันทีด้วยความตั้งใจครืด~ ครืด~จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเมื่อมีสายเข้าจากเพื่อนสาวอย่างปาล์มมี่ "ว่าไงแม่" สรรพนามใหม่ที่ใช้เรียกเพื่อนผู้กำหนดชีวิตฉัน (แกวันนี้ฉันจะพาไปเปิดหูเปิดตา แต่งตัวสวยๆแล้วลงมารออยู่ล่างคอนโด ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงสองทุ่มไปรับ) มันสั่งฉันยิ่งกว่าแม่อีกนะ"ไปที่แบบไหนจะได้แต่งตัวถูก"(ร้านเหล้า) โอเคตรงตัวดี แต่เดี๋ยว! อายุเรายังไม่ถึงเกณฑ์เข้าได้เลยนะ"จะเข้ายังไง"(ฉันมีวิธีแกไม่ต้องเป็นห่วง แต่งตัวสวยๆให้เหมือนแม่เสือสาววัยยี่สิบกว่าก็พอ) สิ่งที่ยัยปาล์มมี่บอกมาฉันเข้าใจแค่นิดเดียวเท่านั้นแต่จะพยายามเข้าใจแล้วกัน"จะไม่โดนจับแน่นะ"(ชะนีอย่าพูดมาก เตรียมตัวให้พร้อมเดี๋ยวไปรับ)"โอเค"หลังจากตอบรับคำเชิญของเพื่อนฉันก็เก็บหนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดมาไว้ในห้อง อาบน้ำแต่งตัวและแต่งหน้าโดยการเสิร์จหาตัวอย่างจากพวก Youtuber มือใหม่หัดแต่งก็แบบนี้แหละน่า'แต่งหน้าไปเที่ยวกลางคืน'ใช้เวลาเกือบครึ่งช
EP.11"พี่จะพาหนูไปไหน" ตอนนี้รุ่นพี่อุ้มฉันมาจนถึงลานจอดรถข้างร้านเหล้าร้านหนึ่ง ใครหลายคนหันมามองเรากันหมดเพราะสภาพฉันตอนนี้คงเหมือนคนเมามายจนเดินไม่ไหวไอ้เมาก็เมาอยู่หรอกแต่พอกระโดดลงกำแพงมาเจ็บตัวมันก็หายเมาไปเกือบหมด"ไปหาหมอไง" เขาวางฉันลงกับเบาะแล้วตอบคำถามเสียงเรียบ "ทำไม""เออ พอดีมากับเพื่อนเดี๋ยวให้เพื่อนไปส่งก็ได้ค่ะ" ว่าแล้วฉันก็ล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาเพื่อที่จะต่อสายหาเพื่อนสาวสองคนนั้น"เพื่อนเธอขับรถอะไรมา""มอเตอร์ไซค์ค่ะ""โทรบอกเพื่อนว่าไปเจอกันโรงพยาบาลเลย" "...ค่ะ"เขาจะไปส่งฉันเองเลยเหรอ ทำไมเป็นคนดีจังทั้งที่เราเพิ่งจะรู้จักกันแท้ๆ ถ้าเฮียดีได้ครึ่งหนึ่งของพี่นอร์ธก็คงจะดี"กัญชา!" ฉันรีบหันขวับไปมองเสียงของคนที่ตะโกนเรียกขึ้นมาก่อนเห็นใบหน้าบูดบึ้งของเฮียเต้ที่ยืนอยู่ไกลๆ"โอ๊ะ! พี่ชายหนูมารับแล้วค่ะ" ฉันรีบเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงไว้อย่างเดิม ที่บอกว่าพี่ชายเพราะเฮียกำชับไว้ว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องแต่งงานเด็ดขาด"นั่นพี่เธอเหรอ" รุ่นพี่ถามอย่างสงสัยแล้วหันไปมองเฮียเต้ที่ยังยืนมองอย่างหาเรื่อง "ค่ะ เฮีย! ช่วยหน่อยดิ ชาเจ็บเท้าอะ" "..." เฮียเต้ขมวดคิ
EP.12"โอ๊ะๆ นังนั่นมันรู้จักพี่แกด้วยเหรอ" คำพูดของปาล์มมี่ทำฉันต้องรีบหันไปมองและเป็นอย่างที่คิดไว้ คนที่เข้าไปคุยกับเฮียคือยัยเพลง"..." ฉันไม่ได้ตอบคำถามเพื่อนแค่ยืนมองเฮียที่คุยอยู่กับแม่นั่น เขาหันมามองฉันแวบหนึ่งแล้วก็หันกลับไปคุยกับเพลงต่อถึงเฮียจะทำหน้ากระอักกระอ่วนใจแต่ก็เหมือนคนที่เคยคุยและรู้จักกันในระดับหนึ่งอยู่ดี"ดูสายตายัยนั่นที่มองพี่แกสิ แล้วยิ้มแบบนั้นคือคิดว่าตัวเองเป็นนางเองละครเวทีเหรอ""ฉันไปสั่งน้ำนะ"พอเดินไปถึงหน้าเคาน์เตอร์ฉันก็ยืนแทรกกลางระหว่างสองคนนั้นแบบรู้ตัวว่าเสียมารยาทแต่คนมันไม่ชอบใจใครจะทำไม"พี่คะ เอาชามะนาวแก้วนึง""ขอโทษนะใบชา เราคุยกับพี่เขาอยู่" ยัยเพลงหันมาพูดกับฉัน ถ้าให้เดาก็คงไม่รู้ว่าเราทั้งคู่อยู่ในสถานะไหนแล้วเฮียก็คงไม่อยากให้ฉันพูด"เรามาสั่งน้ำ ทำไมไม่ไปคุยที่อื่น" ฉันตอบเสียงเรียบแล้วหันไปมองยับนั่นที่ยืนยิ้มอยู่"พี่ฮ่องเต้ งั้นเราไปนั่งตรงนั้นด้วยกันไหมโต๊ะนั้นว่างพอดี" ยัยเพลงหันไปบอกเฮียแล้วยิ้มให้ฉันหันไปมองเฮียบ้าง เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา เฮียมองตอบแล้วก็เลื่อนสายตาไปมองยัยเพลง "พี่รีบไปเรียนครับ"โอโฮ ร้อยวันพันปีไม่เค
EP.13"เอามาอีก วันนี้ฉันต้องเมา!" "ชะนี แกใจเย็นๆนะ มีอะไรไหนเล่ามาก่อนจะได้ปลอบใจถูก"หลังจากที่ถูกเฮียย่ำยีจิตใจจนป่นปี้และทิ้งให้อยู่คนเดียวในห้อง ฉันก็โทรหาเพื่อนให้ออกมารับเพื่อดื่มให้ลืมเฮีย ฉันจะเลิกรักเขาตั้งแต่วันนี้ เวลานี้ และนับตั้งแต่วินาทีนี้ให้ได้!"แกดื่มไปเยอะแล้วนะชะนี""พวกแกก็พาฉันกลับไง ไม่ได้เหรอ..." เคยไหมที่แสดงออกเป็นคนเข้มแข็งอยู่ตลอด จนไม่กล้าร้องไห้ให้ใครเห็น แม้กระทั่งตอนนี้ที่อยากร้องไห้แทบตายแต่ฉันก็ร้องไม่ได้"ส่งได้แต่แกควรกลับแบบไม่ลำบาก""แค่วันเดียวเองฉันขอเมา รู้ไหมว่าวันนี้ฉันเจออะไรมาบ้าง" ตอนนี้ขอบตาฉันร้อนผ่าวแต่ก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อนห้ามตัวเองไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา"ใครทำอะไรแกเนี่ยชะนี แล้ววันนี้ถ้าตำรวจลงแกจะรอดไหม ฉันไม่ได้ห้ามแกหรอกถ้าอยากเมาแต่แกต้องคิดถึงตัวเองด้วย" ปาล์มมี่พูดเหมือนอยากตำหนิแต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วง "เจ้าของแหวนวงนั้นเหรอที่ทำแกเจ็บ" ทิวลิปปรายตาลงไปมองแหวนสีเงินที่มีเพชรเม็ดเล็กๆฝังอยู่ เจ้าของเหรอ...เขาไม่ใช่เจ้าของมันสักหน่อยและคงไม่อยากเป็นด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความตั้งใจของฉันทั้งหมดแต่สำห
EP.14หลังจากที่ปากเก่งบอกเฮียเต้ไปแบบนั้นฉันก็ยังคงนั่งร้องไห้อยู่บนตักของเขาจนตัวเองเผลอหลับไปเพราะความมึนเมา น่าแปลกที่คนบอกไม่รักกันนั่นไม่ผลักไสฉันออกไปสักที หรือกำลังรู้สึกผิดกับคำพูดตัวเองอยู่กันนะร่างปวกเปียกของฉันถูกอุ้มเข้ามาในห้อง ตอนนี้เองที่ฉันเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง เฮียเต้วางฉันลงกับเตียงนุ่มอย่างเบามือ นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาอ่อนโยนกับฉันบ้าง "เฮียนอนห้องเฮียเถอะ ชาจะไปนอนข้างนอกเอง พรุ่งนี้ชาจะไปหาที่อยู่ใหม่แล้ว" ฉันพยายามยันตัวลุกขึ้นขณะที่เฮียเต้ยังคงนั่งอยู่ตรงขอบเตียงเงียบๆไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดมากอะไรขนาดนั้น"ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ" เขาเอ่ยเสียงเรียบไม่ได้หันมามองกันเลยสักนิด"ชาจะไป อยู่แบบนี้เมื่อไหร่จะทำใจได้ล่ะ" พูดจบฉันก็ขยับมานั่งขอบเตียงข้างๆเฮีย ตอนนี้เลิกร้องไห้ไปแล้วแต่รู้สึกแสบตาเหลือเกินพรุ่งนี้มันคงบวมมากแน่ๆแต่โชคดีที่มันเป็นวันหยุดไม่ต้องอายสายตาชาวบ้าน"..." ได้ยินเสียงถอนหายใจของเฮียดังขึ้นอีกครั้ง เขาเองก็คงลำบากใจอยู่ไม่น้อยเพราะครอบครัวของเราค่อนข้างจะสนิทกัน ถ้าต้องหย่าทั้งที่แต่งงานกันไปไม่ถึงครึ่งปีแบบนี้คงดูไม่ดีแน่เรื่องน
EP.47พอกลับมาถึงห้องเฮียก็ได้รับสายจากแม่ของยัยแตมทันที คงเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงถึงหูแล้วอย่างแน่นอน เฮียเต้วางโทรศัพท์มือถือเครื่องราคาแพงลงกับโต๊ะกินข้าวเลื่อนนิ้วเรียวไปเปิดลำโพงให้ดังจนฉันได้ยินด้วยอีกคน การกระทำของเฮียทำให้ฉันรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย เพราะเหมือนเขาตั้งใจจะเปิดเผยทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาให้ฉันได้รับรู้ด้วยทุกอย่าง ไม่ใช่แค่คำพูดหวานๆเพียงอย่างเดียว"ครับ"(ฮ่องเต้ สะดวกคุยไหมเอ่ย) เสียงของผู้หญิงที่ดูมีอายุพูดขึ้น น้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนคนที่กำลังสงวนท่าทีตัวเองอยู่"มีอะไรหรือเปล่าครับ" เฮียเงยหน้าสบตากับฉันที่เงียบฟังแล้วพิงหลังกับเก้าอี้กอดอกรอฟังยัยป้าคนนั้นพูด(ป้าได้ยินมาว่าน้องโดนทำร้ายร่างกาย แล้วก็โดนเพื่อนต่อว่า)"..." ฉันได้ยินเฮียถอนหายใจออกมาอย่างนึกรำคาญ จากนั้นก็พูดแบบไม่มีช่องว่างให้ป้าคนนั้นได้แทรกเลย "ใช่ครับแตมโดนตบเพราะแตมไปทำร้ายแฟนผมก่อน แฟนผมโดนแตมขังไว้ในห้องน้ำ ถ้าไม่มีใครรู้คงได้อยู่แบบนั้นถึงเช้าแน่ เรื่องนี้ผมเอาไปแจ้งความได้เลยนะครับจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้เพราะภาพจากกล้องคงเห็นทุกอย่าง"(ออ งั้นก็ขอโทษแทนยัยแตมด้วยนะ แล้วเรื่
EP.46หลายสัปดาห์ต่อมาเพราะตอนนี้เป็นช่วงเปิดเทอมภาคเรียนที่สองแล้วทำให้กิจกรรมรับน้องไม่ได้มีเยอะเหมือนในเทอมแรก จะมีแค่บางคณะที่ยังรับน้องยาวมาถึงช่วงต้นเทอมสองอย่างคณะวิศวกรรมศาสตร์คณะของเฮีย"พี่ใบชา!" เสียงของญานินรุ่นน้องต่างคณะที่เป็นแฟนสาวของพี่ทศกัณฐ์ เฮ้ดว้ากของคณะนี้โบกมือเรียกฉันทันทีที่เห็น ตอนนี้ฉันเข้ามาในคณะของเฮียเต้เพราะต้องมารอเฮียจัดกิจกรรมรับน้อง วันนี้มีกิจกรรมสำคัญของคณะเฮียบอกว่าจะเลิกดึกจึงให้ฉันมารอที่นี่กับน้องญานินแทน"พวกเฮียไปรับน้องแล้วเหรอ""ใช่ค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง พี่กินผลไม้ไหม นินซื้อมาเผื่อเยอะเลย" สาวรุ่นน้องยื่นผลไม้มาวางตรงหน้า ฉันจึงยิ้มขอบคุณแล้วนั่งคุยเล่นกับเธอ ตั้งแต่วันที่ไปเที่ยวด้วยกันสองวันเราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นรอจนถึงสามทุ่มพวกเฮียก็ยังไม่เลิก แต่ได้ยินเสียงเอะอะจากกิจกรรมรับน้องตรงลานกิจกรรมหรือที่ทุกคนในมหาวิทยาลัยจะเรียกมันว่าลานเกียร์ของคณะนี้ "ทำไมเลิกช้าขนาดนี้ล่ะ ทีแรกพวกรุ่นพี่บอกว่าสองทุ่มครึ่งไม่ใช่เหรอ" "พี่ทศกัณฐ์บอกว่ามีรุ่นน้องสาขาอุตส่าห์การคนหนึ่งทำตัวมีปัญหาค่ะเลยต้องเพิ่มบททดสอบ"ฉันพยักหน้าเข้าใจแล้วเดิ
EP.45พอมาถึงที่ป่าสนซึ่งเป็นสถานที่ตั้งแคมป์ของพวกเรา ทุกคนก็พากันกางเต็นท์ของตัวเอง จะมีก็แต่คู่เราเนี่ยแหละที่งอนกันอยู่ เฮียมันก็แกล้งเงียบใส่ฉันอยู่ได้ถ้าทำแบบนี้ใครมันจะไปอยากอยู่ด้วยอึดอัดใจจะตายไป"สาวๆ พี่ขอนอนด้วยได้ไหม" ฉันเดินดุ่มๆไปหาสองสาวรุ่นน้องที่กำลังช่วยกันกางเต็นท์อยู่โดยไม่สนใจเฮียที่ทำหน้าขรึมกางเต็นท์อยู่คนเดียว"ได้สิคะพี่ใบชา" น้องใบเฟิร์นตอบแล้วส่งยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร"เป็นอะไรอีกเนี่ย มาคุยกันดีๆ" พอฉันเดินกลับที่กระเป๋าเพื่อที่จะหยิบมันมาที่เต็นท์ของเด็กๆเฮียเต้ก็พูดขึ้นจากด้านหลัง แล้วเข้ามาดึงแขนฉันให้เดินตามไปแต่ฉันก็สะบัดแขนตัวเองออกแล้วจ้องหน้าเฮียกลับด้วยความหงุดหงิด"ชาอยากนอนกับน้อง ๆค่ะ เป็นผู้หญิงเหมือนกัน""..." เฮียถอนหายใจออกมาแล้วเท้าเอวมองฉันนิ่งเหมือนคนกำลังพยายามใจเย็นแล้วน้ำเสียงก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด "ใบชา""..." ฉันเบือนหน้าหนีก่อนจะหยิบกระเป๋าของตัวเองและเอื้อมมือไปหยิบแต่ไม่ทันคนที่มือไวกว่าคว้ากระเป๋าฉันไปถือไว้สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆออกมาเลยแม้แต่น้อย "อะไรของเฮียเนี่ย""จะเอาไปเก็บให้" ว่าแล้วเขาก็เดินไปที่เต็นท์แล้วโย
EP.44พอโดนเฮียดุยัยนั่นก็หน้าซีดยอมไปกับเพื่อนเลย ทีฉันน่ะขนาดใช้กำลังแล้วยังไม่กลัว "ทำแบบนี้จะไม่ไปฟ้องแม่เหรอ""จะฟ้องก็ฟ้องเถอะ เฮียบอกแม่ไปแล้วด้วยว่าเด็กมันก้าวก่ายเกินไป แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแปลว่าเข้าใจ" เฮียทำหน้าขรึมเหมือนกำลังหงุดหงิดอยู่จริงๆ "ช่วงแรก ๆก็พอรับได้นะ เฮียคิดว่าเป็นเด็กปีหนึ่งเลยต้องช่วยเหลือ แต่หลังๆมามันไม่ใช่แล้วไง เพื่อนก็มีแต่ยังมารบกวนเราอีก""ก็เด็กมันชอบไง" ฉันพูดแล้วยิ้มกวนๆส่งให้เฮียเต้ ที่หันมามองกันอย่างไม่ชอบใจ "ไม่หึงหน่อยเหรอ" "หึงทำไม ก็เฮียทำให้ชาไว้ใจแล้วนี่" พูดไปอย่างนั้นแหละทั้งที่แทบจะลงไปตบกับยัยแตมที่หน้าห้องน้ำร้านกาแฟแล้ว ต่อให้ไว้ใจแค่ไหนถ้าผู้หญิงมันให้ท่าก็ต้องจัดการ "แต่เห็นว่าชาไว้ใจเฮียก็อย่าทำให้ผิดหวัง ไม่อย่างนั้นชาจะเอาอีโต้มาฟันของเฮียแล้วสับให้เละ!""โหดจัง เปลี่ยนจากอีโต้เป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม""ไม่คุยด้วยดีกว่า หิวข้าวจะแย่แล้วนะ" ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เข้าทางเฮีย เอะอะหยอดเข้าหาเรื่องบนเตียงตลอด หลังจากเราไปทานข้าวกันเสร็จเฮียก็พากลับคอนโด เพราะต้องอ่านทบทวนเพื่อสอบวันพรุ่งนี้ต่อ ช่วงนี้ฉันเลยถูกหิ้วไปมาอย่า
EP.43หลายวันต่อมาเพราะช่วงนี้เป็นช่วงสอบ ฉันที่เพิ่งกลับมาจึงต้องอยู่ห้องรอเฮียกลับทุกวัน จะมีบางวันที่เพื่อนมันไม่มีสอบก็จะพาฉันมานั่งเล่นร้านกาแฟที่พวกมันไปนั่งอ่านหนังสือด้วย อย่างเช่นวันนี้"แก! นังเด็กนั่นไงที่ไปกับผัวแก" ปาล์มมี่กระซิบตอนที่ฉันกำลังนั่งเล่นมือถืออยู่เงียบๆ มันบุ้ยปากไปทางผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันเคยเห็นผ่านรูปถ่าย เป็นคนที่เฮียบอกว่าแม่ของนางฝากดูแลแต่เฮียก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่เด็กคนนี้ชอบก้าวก่ายชีวิตหลายอย่างและเอาแต่ใจเหมือนลูกคุณหนู"เป็นอะไรยัยแตม" ฉันและเพื่อนต่างเงียบฟังบทสนทนาของโต๊ะนั้นอย่างเสียมารยาท เพราะอยากรู้นิสัยใจคอของยัยนี่ว่าที่จริงแล้วเป็นคนยังไงกันแน่"ผู้ชายไม่รับโทรศัพท์""พี่ฮ่องเต้เหรอ กูได้ข่าวว่าเขามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ" "แล้วไง" ยัยแตมนั่นพูดแล้วแสยะยิ้มนิดหน่อยอย่างหน้าหมั่นไส้ "อยู่ไกลกันขนาดนั้น ไม่เห็นรอดสักคู่"ฉันอยากจะทึ้งหัวยัยนั่นตอนนี้เหลือเกินแต่การอยู่เงียบๆรอเชือดนิ่มๆน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า"พี่เขาไปเรียนปีเดียวไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็กลับมาหรือเปล่า""อืม แต่ฉันว่าตอนนี้พี่ฮ่องเต้ก็คงเริ่มเบื่อๆแล้วหรือเปล่าวะ ผู้ชายยังไงก็คื
EP.42"มาถึงก็จะกินเลยเหรอ" ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างเขินเมื่อพูดคำนั้นออกไป "อืม โทษฐานที่ทำให้ต้องนอนคนเดียวมาหนึ่งปีเต็ม แล้วยังจะมาแกล้งกันวันนี้อีก" เสียงเข้มเอ่ยอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของฉันนิ่ง แต่ฉันแอบเห็นความปรารถนาในแววตาคู่นั้นจนทำให้หัวใจของฉันวูบไหว"งั้นก็..." คำพูดของฉันถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อถูกริมฝีปากหยักปิดปากบางของฉันแบบไม่รีรอ ก่อนจะบดขยี้รุนแรงเอาแต่ใจ ราวกับจะลงโทษที่ฉันหลอกให้เฮียกังวลมาทั้งคืนเรียวลิ้นที่ช่ำชองไล่กวาดเอาความหวานภายในโพรงปากจนฉันแทบหายใจไม่ทัน เมื่อพยายามจะปิดริมฝีปากหนีเพื่อหยุดการกระทำนั้นและเรียกหาอากาศหายใจ กลับถูกฟันคมขบเม้มลงมาที่ริมฝีปากล่างอย่างจงใจ"อื้อ!""คิดถึงมากเลยรู้ไหม" เฮียเต้ยอมขยับริมฝีปากออก ฉันรีบสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วมองค้อนแต่ก็ต้องเม้มปากเข้าหากันอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกระซิบแหบพร่าและนัยน์ตาสีเข้มที่ส่งความปรารถนาร้อนแรงอย่างกับเปลวไฟที่ลุกโชน"ชาก็คิดถึงเฮียค่ะ" ฉันตอบเสียงนุ่มแผ่วเบา ตวัดแขนโอบรอบลำคอแกร่งและส่งสายตาหวานๆให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่เฝ้าคิดถึงมานานแรมปีได้ยินเสียงหัวเราะใ
EP.41หกเดือนต่อมา"แม่อยู่ไหนแล้วคะ มาถึงหรือยัง"(อยู่รอใกล้ๆ ทางออกประตูสองลูก)"อ๊ะ เห็นแล้วค่ะ"ฉันยิ้มกว้างกับตัวเอง ไพล่มือไปด้านหลังเพื่อยัดโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วจึงลากกระเป๋าเดินทางเดินลงมายังชั้นล่างที่พ่อกับแม่ยืนรออยู่เรื่องที่กลับมาไทยวันนี้มีแค่แม่กับพ่อที่รู้เพราะฉันบอกกับคนอื่นว่าจะกลับในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากอยากมาดูอะไรให้เห็นกับตาตัวเองสักหน่อย"พ่อแม่! ชาคิดถึงที่สุดเลย " ฉันรีบโผกอดพ่อกับแม่ด้วยความคิดถึงหลังจากที่พวกเราไม่ได้เจอกับเกือบครึ่งปี เพราะก่อนหน้านี้พวกท่านเคยเดินทางไปเที่ยวหากันที่เยอรมันมาครั้งหนึ่งครั้งนั้นเฮียก็เกือบจะไปด้วยเหมือนกันแต่ดันติดงานใหญ่ของคณะซะก่อนเพราะเป็นช่วงที่กำลังขึ้นปีสามและมีกิจกรรมรับน้องอีกจนแทบไม่มีเวลา"ทำไมถึงแอบมาแบบนี้ล่ะลูก จะไม่ให้ฮ่องเต้รู้หน่อยเหรอ" แม่ถามอย่างไม่เข้าใจตอนที่เรากลับมาถึงบ้าน"มาเซอร์ไพรส์ค่ะ แม่อย่าเพิ่งบอกใครนะ"เป็นเซอร์ไพรส์แบบต้องมีคนตายไปข้าง เพราะก่อนหน้านี้ไอ้เพื่อนรักสองคนของฉันมันส่งรูปที่เฮียพาเด็กปีหนึ่งหน้าตาน่ารักขึ้นรถแล้วยังมีตอนที่พาไปกินข้าวอีกเฉพาะตอนที่เพื่
EP.40หกเดือนต่อมา "แม่อยู่ไหนแล้วคะ มาถึงหรือยัง" (อยู่รอใกล้ๆทางออกประตูสองลูก) "อ๊ะ เห็นแล้วค่ะ" ฉันยิ้มกว้างกับตัวเอง ไพล่มือไปด้านหลังเพื่อยัดโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วจึงลากกระเป๋าเดินทางเดินลงมายังชั้นล่างที่พ่อกับแม่ยืนรออยู่ เรื่องที่กลับมาไทยวันนี้มีแค่แม่กับพ่อที่รู้เพราะฉันบอกกับคนอื่นว่าจะกลับในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากอยากมาดูอะไรให้เห็นกับตาตัวเองสักหน่อย"พ่อแม่! ชาคิดถึงที่สุดเลย " ฉันรีบโผกอดพ่อกับแม่ด้วยความคิดถึงหลังจากที่พวกเราไม่ได้เจอกับเกือบครึ่งปี เพราะก่อนหน้านี้พวกท่านเคยเดินทางไปเที่ยวหากันที่เยอรมันมาครั้งหนึ่งครั้งนั้นเฮียก็เกือบจะไปด้วยเหมือนกันแต่ดันติดงานใหญ่ของคณะซะก่อนเพราะเป็นช่วงที่กำลังขึ้นปีสามและมีกิจกรรมรับน้องอีกจนแทบไม่มีเวลา"ทำไมถึงแอบมาแบบนี้ล่ะลูก จะไม่ให้ฮ่องเต้รู้หน่อยเหรอ" แม่ถามอย่างไม่เข้าใจตอนที่เรากลับมาถึงบ้าน "มาเซอร์ไพรส์ค่ะ แม่อย่าเพิ่งบอกใครนะ" เป็นเซอร์ไพรส์แบบต้องมีคนตายไปข้าง เพราะก่อนหน้านี้ไอ้เพื่อนรักสองคนของฉันมันส่งรูปที่เฮียพาเด็กปีหนึ่งหน้าตาน่ารักขึ้นรถแล้วยังมีตอนที่พาไปกินข้าวอีก เฉพาะตอ
EP.39ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองได้ทำอะไรพลาดไป ตอนที่ผมรอฟังคำอวยพรจากใบชาถึงได้รู้ว่าเธอเองก็คงจะรอฟังคำบอกรักจากผมเช่นกัน หวังว่าตอนนี้ชายังอยากจะได้ยินคำนั้นจากเฮียอยู่นะ ผมตั้งท่าจะโทรไปหาเธอทันที ถึงค่าโทรจะแสนแพงแต่เฮียก็ยอมเสียถ้าได้คุยกับชา นาทีเป็นหมื่นก็ยอมคิดแล้วก็เขินเลย...'ไม่ต้องโทรมานะ ชามาเรียนภาษาเลิกสองทุ่ม'แล้วความสุขที่ส่องสว่างของผมก็ถูกหรี่ไฟลงเมื่อเธอส่งข้อความมาอีกรอบ "โอ้โห่ อารมณ์มึงขึ้นลงยิ่งกว่าหุ้นอีกนะ" รอยยิ้มที่เกิดขึ้นมาบนใบหน้าแบบไม่ได้ตั้งใจของผมต้องหุบลงเมื่อเสียงของไอ้คิวดังขึ้นพร้อมกับข้อความของใบชาHongtae: งั้นอีกสองชั่วโมงเฮียโทรหานะไม่เป็นไร รอได้อยู่แล้ว นี่ก็รอมาตั้งร้อยแปดสิบห้าวันแค่อีกสองชั่วโมงเองที่จะได้ฟังเสียงในรอบสิบวันจะเป็นอะไรไป"กูกลับนะ มึงเคลียบิลจ่ายเลยแล้วบอกกูในไลน์" ว่าแล้วผมก็ยัดโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกงหยิบของขวัญจากเมียขึ้นมาถือไว้อย่างหวงแหน เฮียจะใส่มันทุกวันเลย ถ้ากางเกงบ็อกเซอร์มันมีช่องให้ใส่เข็มขัดเฮียก็จะใส่ตอนนอนด้วย เสียดายที่มันไม่มี"เดี๋ยว" เสียงของไอ้นธีร้องท้วงทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปมองอีกครั้งแ