“ดีล่ะที่นายมาถึง ยังดีกว่าไม่มา”
“เอ ไม่มาได้ยังไงโทชินาดะ บอกมาก็ต้องมาสิ คนอย่างฉันนัดคำไหนเป็นคำนั้น”
โทชินาดะดูเหมือนจะสัมผัสความรู้สึกและตัวตนเพื่อนคนเดิมเมื่อครั้งเรียนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างดี
ปางภูเป็นคนที่พูดจริงทำจริง อารมณ์มุทะลุบ้าง ไม่ชอบทำอะไรค้างคา
“นายก็ยังเป็นปางภู คนเดิม”
“กับแฟนสาวของนายล่ะ”
โทชินาดะรับรู้ว่าปางภูมีแฟนสาว
แล้วตั้งแต่เรียนอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ ก่อนจะจบและจากกันมา เพราะมีอะไรนั้น ปางภูไม่ค่อยที่จะปิดบังเพื่อนรักชาวอาทิตย์อุทัย
เช่นเดียวกับโทชินาดะเช่นกัน ทั้งคู่จึงคบกันได้สนิทใจและเปิดเผย
“เธออยู่ที่ต่างประเทศ ทำงานอยู่ แล้วฉันกับเธอ ก็ห่างกันสักพักหนึ่งแล้ว”
“อ้อ เหรอ เพราะทีแรกนึกว่านายแต่งงานแล้ว”
โทชินาดะพยักหน้ารับ
หลังจากได้ยินฟังอารมณ์เศร้าจากน้ำเสียงที่เรียบเป็นปกติ
“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกโทชินาดะ เคยบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเราจะแต่งงานกับใคร คงต้องโทร.ไปบอกนายก่อน นายอยากจะมาร่วมงานแต่งของเราไม่ใช่หรือ”
ปางภูก็พูดเผื่ออนาคต เพราะยังไม่มีวี่แววบังเกิด งานเขียนที่ค่อนหนักซึ่งเขารับผิดชอบ มันก็รัดตัวพอสมควร กับพอๆกับงานธุรกิจส่วนตัว
ที่เขาต้องการทำให้ออกมาดีที่สุด ทั้งสองอย่าง เพราะคิดว่าเรื่องแค่นี้ น่าจะไม่พ้นหนึ่งสมองสองมือเขาได้
ปางภูมักจะคิดอย่างนี้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่มนุษย์อย่างเขาจะกระทำไม่ได้
ถ้าหากปรารถนา นอกเว้นเสียจากมันสุดวิสัยซึ่งมนุษย์จะกระทำได้ เช่นคว้าดาวเดือนมาเป็นของตนเอง
“แล้วนายล่ะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดี”
หนุ่มผิวขาวจากแดนอาทิตย์อุทัยยิ้มใส ด้วยทรงผมตั้งเท่แบบทันสมัย ผ่านการย้อมสีทองดูมีเสน่ห์ไม่น้อย
“ฉันกับมิชิโกะจะแต่งงานปลายปีนี้ ที่ทาคางาวะ กลางกรุงโตเกียว ต้นฤดูหิมะตก อย่าลืมล่ะ นายต้องไปงานของฉันให้ได้”
เมื่อเพื่อนบอกข่าวดี
เขาก็ดีใจแทนเพื่อนด้วย
“ดีใจอย่างมากว่ะ ในที่สุดข่าวดี ของนายเกิดขึ้นก่อนฉันอีก
โทชินาดะ ไม่ลืมแน่ ฉันจะรีบบึ่งไปเลย เมื่อถึงเวลาในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว ที่สนิทสนมคบหากันมานาน”
โทชินาดะยิ้มให้อีกครั้งก่อนเอ่ย
“ไปครั้งนี้ นายอย่าลืมจูงมือสาวไทยคนสวย ว่าที่แฟนนายไปร่วมงานด้วยนะ เพื่อนๆหลายคนก็อยากจะอวยพรอยากพบเจอนายด้วย”
ปางภูพยักหน้า
ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ตระเตรียมงานสะสางเรื่องยุ่ง ไว้ล่วงหน้า
ส่วนต้นฉบับคงจะพกโน๊ตบุ๊คเครื่องโปรด เดินทางไปด้วย
ไม่แน่ล่ะดินแดนสุขสงบของดอกเบญจมาศและชาวอาทิตย์อุทัย คงทำให้เขาเพริดตะลึงกับฉากนิยายเรื่องใหม่
ที่เขาแอบสรรสร้าง ฉากเล็กฉากใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นสักครั้ง และเมื่อมีโอกาสเที่ยว คงอยู่นานเป็นอาทิตย์ สองอาทิตย์
อีกอย่างเกาะฮอนชู กับฮอกไกโดทางตอนใต้ของประเทศเห็นว่าสวยงามตามคำร่ำลือก็อยากจะไปเยือน
แต่เขาจะไปหาคู่รักหรือแฟนสาวจากที่ไหน
ตามคำบัญชาของเพื่อน เขาก็นึกไม่ออก
ภามิญาอยู่ไกลจากเขา เกินกว่าที่จะเรียกร้อง
ขอร้องให้เธอเดินทางกลับมา เพื่อร่วมงานวันแต่งเพื่อนรักคนนี้พร้อมกับเขา
มันคงจะเป็นเรื่องยาก เพราะภามิญามักปฏิเสธเสมอว่า ไม่ว่าง
ปางภูก็เหนื่อยหน่าย การที่ภามิญาจางหายเหมือนหลุดลอยผ่านจากความรู้สึก
เขาก็มีความคิดความรู้สึกเช่นเดิม
คือไม่ได้มีความรู้สึกอย่างที่กระวนกระวาย อาวรณ์ห่วงหามีบ้าง แต่มันก็ไม่ได้มากมาย เหมือนคราวแรกที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ
อีกอย่าง คนอย่างเขา เวลาเหงาเงียบไม่ค่อยมีเท่าไหร่
เพราะเอาเวลาไปทุ่มเท ใส่นิยายจนหมด นี่คือความรัก
ปางภูบอกออกมาจากหัวใจส่วนลึกของตนเอง ระหว่างงานเขียนที่ตนเองรัก กับคนรักมันมีค่าเท่ากัน
ในความคิดเขา สุดแท้แต่ว่าฝ่ายคนรัก
จะทำให้เขาอนาทร หรือสนใจหล่อนมากเพียงไร
เขาพบพานเพื่อนมากมาย ที่เป็นตัวละครของตนเอง มีความสุขกับคนเหล่านั้น ที่ลิขิตรังสรรค์ผ่านปลายหมึกของตนเอง
แบบนี้ล่ะที่เขาอนาทร และดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าตัวตัวของมนุษย์ที่มีจิตวิญญาณ
เพราะอย่างน้อยตัวละครของเขา มันดิ้นหนีไปจากเขาไม่ได้ ถูกกักขังอยู่ในโลกจินตนาการ ที่พร่ำเพ้อ ถึงกี่ครั้ง กี่รอบไม่มีวันจบ และวันจาง
และอีกอย่าง มันไม่มีวันทรยศ และคิดคดเหมือนใจคน
ที่มีเลือดเนื้อได้ เขาคิดว่าตัวละครพวกนี้ มีความบริสุทธิ์ พร้อมที่เขาจะทุ่มเทรักคนเหล่านี้
ด้วยหัวใจรักที่เต็มเปี่ยม
ถึงเขาทุ่มเทแรงใจเป็นร้อย เขาก็ไม่เคยได้รับความผิดหวังเสียใจกลับมา
“เรื่องงานเขียนของนายเป็นอย่างไรบ้าง”
เขาส่งข่าวคราวเกี่ยวกับงานเขียนของตนเอง ให้เพื่อนคนนี้ทราบอยู่ตลอดเวลา
โทชินาดะจึงถาม
“ก็เรื่อยๆ เขียนด้วยใจสนุก ตอนนี้ออกมาห้าเล่มแล้ว “
“โอ้โฮ เก่งจัง แบบนี้ระดับเบสเซลเลอร์แล้วนะ”
เพื่อนหนุ่มนักเขียนยิ้มตอบเบา
“โน่นใครกันนะ ผู้หญิงชาวไทยทั้งสองคนนั้นสวยน่ารักจริง หน้าหวานกิริยาก็งดงาม นายรู้จักเคยเห็นหน้าหรือเปล่า ป้าง”
โทชินาดะเรียกชื่อเล่น ที่ปางภูเคยแนะนำให้เรียกและออกเสียงให้ฟัง
ยิ้มให้เพื่อนนิดหนึ่งก็ใช้สายตาสำรวจพุ่งตรงไปยังสาวที่กำลังก้าวพาร่างระหงในชุดเครื่องแบบยูนิฟอร์มของพนักงานก้าวเข้ามาภายในอาคารซึ่งเป็นโรงแรมกึ่งคอนโด
หลังจากที่โทชินาดะชี้มือพร้อมบุ้ยใบ้ให้มอง
สาวสวยที่เดินเคียงคู่กัน สาวหนึ่งค่อนข้างเตี้ย แต่อีกสาวที่ดูสูง ถ้าเทียบกันไล่เลี่ยกับเขา ระหงหน้าหวาน กำลังสนใจกับกองเอกสารที่ช่วยกันขนยกจากข้างใน
พร้อมด้วยพนักงานชายอีกสองคน มีเสียงพูดสนทนาที่ดังเล็ดลอดผ่าน ใกล้เข้ามาให้เขาได้ยิน
และพอจับน้ำเสียงได้ยินบ้าง
“นายสนใจหรือยังไง”
เขาส่ายหน้าปฏิเสธ
แต่คิ้วเข้มดกดำของหนุ่มหล่อต่างแดนเงยขึ้น หรี่สายตามองเพื่อน
“ใช่ ฉันรู้สึกชอบ สาวไทยหุ่นเตี้ยคนนั้น เธอมีหุ่นเหมือนมิชิโกะแฟนฉันไม่มีผิดเลย แต่ถึงยังไงมิชิโกะยังน่ารักกว่า”
ท้ายสุดอดให้ความสำคัญแก่แฟนสาวผู้มาก่อนไม่ได้
ชื่นชมเป็นอาหารหวานทางสายตาเท่านั้น
รู้สึกชื่นชอบสาวไทย แต่ความเป็นจริงก็เป็นได้แค่นั้นเพราะคนไทยกับคนญี่ปุ่น มีประเพณีวิถีชีวิต ความเป็นอยู่สังคมแวดล้อม ที่สำคัญขนบธรรมเนียมประเพณีต่างกัน เป็นอย่างมาก กลัวว่าความแตกต่างทางฐานะจะทำให้ไปด้วยกันไม่รอด หลายคู่หลายคนทีเดียวที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่หรือรุ่นน้าและลุงที่โทชินาดะให้ความสนิทสนมคุ้นเคย ท่านเหล่านั้นเคยแต่งงานกับสาวไทย แต่ใช่ว่าจะมีพลัดพรากแตกแยกไปหมดคู่ คู่รักหนุ่มญี่ปุ่นสาวไทยที่ครองรักครองเรือนจนแก่เฒ่าและตายจากกันก็มากมี ในประเทศญี่ปุ่นที่มีประชากรคนไทยปะปนนอกจากทำงานเป็นแม่บ้าน ยังมีสาวเสิร์ฟสาวขายบริการ พนักงานบริษัท โดยเฉพาะเครือข่ายสำนักงานใหญ่ในญี่ปุ่นมักจะส่งลูกจ้างคนงานไทยเข้ามาเรียนรู้งานครั้งละสิบยี่สิบคน แต่ละบริษัท ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงลิบลิ่ว“ส่วนฉันชอบสาวไทยรูปร่างผอม บางเพรียวคนนั้นมากกว่า เพิ่งได้เห็นว่า มีผู้หญิงหน้าตาดีๆแบบนี้อยู่แถวนี้ด้วย ชักอยากจะรู้จักแล้วสิ ขอเบอร์โทร.ดีไหม?”สองหนุ่มต่างภาษาสนทนากันเรื่องหุ่นและสรีระของสองสาวตรงหน้าด้วยความสนุกปากเป็นอาหารตาของทั้งคู่แต่นึกไปในสายตาของปางภู ก็บังเกิดความสนใจในตัว
เขาปกติเป็นคนขี้อาย แต่ความที่เป็นนักเขียนจึงค่อนข้างกล้าพูดมากกว่าเดิม ไม่ใช่อะไรหรอก พลังข้างในมันมีมากกว่าเดิม ถ้าหากเขาไม่เป็นนักเขียน คงเงียบกริบอึกอักไม่มีเล่ห์ทางคำพูด หรือคลังคำพูดประสานักเขียนที่มีทั้งจินตนาการ ความเพ้อฝันและสำนวนคำพูด ที่คนปกติธรรมดาไม่มีกันอย่างน้อยก็ทราบว่า หล่อนทำงานอยู่ที่บริษัทแถวชิดลม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนี้ โทชินาดะพลอยตื่นเต้นกับสาวไทยสองนางด้วย เขาเป็นหนุ่มญี่ปุ่นเคยพบพานผู้หญิงมามากพอสมควรหากแต่เป็นในแบบญี่ปุ่นด้วยกัน สังคมและวัฒนธรรมเดียวกัน การได้พบสาวต่างชาติและต่างวัฒนธรรมก็ปลุกใจให้เกิดอารมณ์หวือหวาประมาณว่าเหมือนครั้งแรกที่ได้เจอ เหมือนมีมนต์สะกด เพราะสองสาวนั้นน่ารัก แม้จะต่างความสวยกัน โทชินาดะไม่สามารถสื่อภาษาออกมาตรงได้ เลยได้อาศัยไหว้วานปางภูเป็นล่ามแปลเรื่องทุกอย่างให้ จนเข้าใจปรุโปร่ง เพราะแม้ว่าเขาจะเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษออกมาแบบสำนวนการออกเสียงแบบชาวญี่ปุ่น ก็ไม่ทราบว่าหล่อนจะจับใจความได้หรือเปล่า ขณะเดียวกันก็แนะนำเพื่อนที่ใช้โปรแกรมบางอย่างของโน๊ตบุ๊ค รุ่นสัมผัสนี้ไม่เป็น จนกระทั่งปางภูเข้าใจทุกอย่างเพราะถ้าเกิดมีปัญหานั้นใน
“สีต้องไปทำงานค่ะ”ในคอนโดรังรัก หลังจากที่สวรรค์สีตื่นหล่อนเงยหน้ามองธีรคาม ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาเช่นกัน เขาไม่ได้กลับบ้าน เป็นเพราะหล่อนไม่อยากให้เขาไปด้วยอยากให้อยู่ค้างกับหล่อน แต่งกายเสร็จแล้วด้วยใบหน้าที่เข้ม“งั้นผัวก็ต้องกลับเหมือนกัน ไม่รู้จะเป็นไงบ้างป่านนี้ ที่บ้านของคุณ” “ ไม่มีใครจะมาคิดถึงฉัน ห่วงฉันหรอก บ้านนั้น เอ้อวันนี้ตอนเย็น ฉันไม่ได้แวะไปหา คงเข้าใจนะสวรรค์สี”ธีรคามพูดหล่อนพยักหน้า เข้าใจอะไรง่าย สำหรับธีรคาม หล่อนจะเข้าใจเสมอ นั่นเพราะรักเขาท่วมหัวใจ ถึงเขาไม่แยแสหล่อน บ้างเลยก็ตาม เป็นรักของโสเภณี ที่วาดหวังว่าเขาจะเหลือบแล หันมาดูแลหล่อนบ้าง“แล้วเงินล่ะ”“ค่ะ ค่าแท็กซี่ของคุณ สีแคะกระปุกออมสินไว้ให้แล้ว สามร้อยคงพอนะคะ นี่สีเองคงต้องไปยืมนังแป๊ดเหมือนเคย ได้มาซักสี่ซ้าห้าร้อยก็ยังดี ได้ข่าวว่าเมื่อคืนนี้ เสี่ยเงินหนาออฟมันไปค้างคืนนี่”หล่อนคงจะหวังเงินได้จากเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน มีคำพูดหลุดจากปากธีรคามนิดหนึ่งว่า“ขอบใจ”เพียงแค่นี้หล่อนก็ดีใจนัก บอกอีกว่า“ถ้าหิว มีมาม่าค่ะ คุณยังไม่กลับ รองท้องไปก่อนเถอะ สีตั้งกระติกน้ำร้อนเอาไว้ ก่อนไป อย่าลืม
ธีรคามกระหยิ่มยิ้ม สาวสวยไม่รู้หรอกว่าเขาจะพาหล่อนไปไหนคุณสนมนาถพยักหน้าและยิ้มอย่างเข้าใจ เมื่อใบฟางก้าวอ้อมมานั่งข้างเบาะคนขับ ธีรคามก็สตาร์ทรถทันที เขาออกตัวแรงมาก และแล่นออกจากบ้านรวดเร็ว จนใบฟางรู้สึกแปลกใจ เหมือนธีรคามเร่งถอยหนีบางสิ่งบางอย่าง หรือว่าเขาจงใจล้อเล่น ล้อเล่นแบบนี้รู้สึกอันตราย“ทำไมหรือจ้ะ น้องฟางไม่ดีใจหรือที่จะออกมากับพี่ ดูทำหน้าเข้าสิ”ใบฟางแค่ชำเลืองเขาผ่านสายตาเท่านั้น ไม่ได้บ่นตำหนิ แต่พี่ธีรคามก็ออกตัวเหมือนคนร้อนรน ทวนคำพูดของเขาอีกครั้งตอบ“ทำไมพี่ธี คิดอย่างนั้นล่ะคะ เหมือนคนร้อนตัวจังเลย”ใบฟางพูดให้เห็นขำมากกว่าจะเอ่ยจริงจัง ทำให้หนุ่มคนขับอารมณ์กระฟัดกระเฟียดขึ้นมาทันที เหมือนใบฟางจี้จุดในใจของเขา เพราะความจริงหาทางจัดการกับสาวสวยอย่างไรดี ซึ่งความจริงเขาอยากจะรวบหัวรวบหางหล่อนด้วยซ้ำ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น จึงต้องใช้ไม้อ่อน สวมหน้ากากสุภาพบุรุษที่ตรงกับความรู้สึกแท้ในใจของตนเอง ฉุกใจคิด ใบฟางมีความรู้สึกว่าคำพูดของธีรคามเอ่ยแปลก ไม่เหมือนน้ำเสียงที่ใช้กับมารดาหล่อน“พี่ธีอยากได้อะไรหรือคะ ถึงได้ชวนฟางไปห้างด้วย”“อ้าว แล้วฟางไม่อย
ก็ไม่ได้ใส่ใจในอารมณ์ แต่ก็ขอบคุณมันนิดหนึ่งที่หวังดีต่อหล่อนรู้สึกไม่พอใจทุกครั้ง ที่ธีรคามนอกใจหล่อน ปากของเขาบอกเสมอว่า รักหล่อนทุกเมื่อเชื่อวัน รักหล่อนบนเตียงนอนน่ะสิ เมื่อกามราคะสิงสู่ เวลาที่หล่อนและเขาต้องมาปลดปล่อยอารมณ์ให้แก่กันและกัน เขาดูจะชอบ รสชาติสวาทที่หล่อนป้อนปรุงบำเรอให้จนเอมอิ่มทุกครั้งแต่ นี่เขาก็ยังดิ้นรนไปมีคนอื่น ให้หล่อนระแคะระคายหูอีกเรื่องนี้ไม่อยากทะเลาะกับเขาหรอก ปล่อยเขาบ้าง เพราะไม่อยากสูญเสียเขาฟ้าเบื้องนอก เมื่อออกพ้นจากเขตบ้านในรถคันหรู ที่ชายหนุ่มตั้งใจตะลอนไปเรื่อย มันไม่มีปลายทางอย่างแน่นอน จนว่าเขาตั้งใจจะหยุด ที่ไหนสักแห่งถึงจะหยุด อารมณ์ดีขึ้น ไม่หงุดหงิด รัศมีของแสงจันทร์นวลผ่องยะเยือกอาบไล้ผ่านหมู่ตึกและอาคารสำนักงาน ประชันกับแสงไฟสีฉูดฉาดของสถานบันเทิงยามราตรี รู้สึกหายเครีย แต่ก็มีเรื่องปวดสมองอีก เมื่อโทร.ดังขึ้นเขาสบถออกมาทันที ธีรคามจอมเจ้าเล่ห์นี่เองเหมือนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง น้ำเสียงที่โทร.ทักทายเหมือนเย้าสนุก บอกกำลังอารมณ์ดีเต็มขั้น แต่เขาอารมณ์เสีย และจะเสียมากกว่านี้ ถ้าจะคุยกับหมอนี่นาน“นายโทร.มาทำไมไม่ทราบ ฉันไม
ถ้าเป็นแบบสวรรค์สี ผู้หญิงกร้านกล้าเจนจัดแบบนั้น เอาไปไกลๆเขาเลย เขาไม่ใช่พวกคลำไม่เป็นหางเป็นใช้ได้อย่างธีรคามอย่างน้อยเรื่องนี้ เขาต้องสะอาดและคัดเลือก ไม่บ่อยครั้งนักที่เขาอยากจะปลดเปลื้อง แลกความเป็นหนุ่มแน่นของตนเองกับสาวสวยที่ไหนแลกร่างกายกันด้วยเซ็กซ์ นอกจากคราวก่อน ก็หลายปีมาแล้ว สองสามครั้ง ช่วงนั้นเขายังมีภามิญาอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วล่ะพันธะหัวใจของหล่อนกับเขามันขาดผึงไปทันที ตั้งแต่ที่ทราบข่าวว่า หัวใจของหล่อนไปอยู่กับคนอื่นเลยเตลิดไปไกลต่อไกล เพราะสังคมแบบนั้นก็เอื้ออำนวยให้ผู้ชายผู้หญิงมีเซ็กซ์กันง่าย วัฒนธรรมมันเปิดอิสระเสรีเรื่องแบบนี้ผู้ชายผู้หญิงเขาเห็นกันเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกินข้าวไปเที่ยวเฮอะ เขาจะมานั่งตอกย้ำตัวเองไปทำไม แค่นี้มันเจ็บปวดไม่เพียงพอหรือไง เขากระอักเลือดไม่พอล่ะสิ ถึงดิ้นรนหาเรื่องที่จะทำให้ตัวเองน้ำตาไหลออกมาคำว่าบาดเจ็บจากการอกหัก มันก็มีพิษสงร้ายแรงจนเขาต้องจัดการระบายหาทางออกให้ตัวเองในบางสิ่งบางอย่าง เพราะห่างร้างไปนาน เหมือนปลุกอารมณ์อีกครั้งในเมื่อธีรคามบอก ผู้หญิงที่เป็นชิ้นเนื้อสด จะนอนคอยเขาที่โรงแรมประจำ ซึ่งมันไปใช้
แต่สำหรับธีรคาม ถ้าให้เขาคาดหน้าหมอนี่ไว้ ห่ามมุทะลุและมักจะโอ้อวดตัวเอง คงไม่พ้นแพ้เช่นเดิม“ส่วนเงิน ฉันจ่ายครั้งเดียวนะ ไม่ต้องทวงซ้ำ”“ขอบคุณครับเสี่ย แค่นี้ก็เป็นบุญของผม”ฮึ นายธีรคามพินอบพิเทาเอาอกเอาใจและเคารพเขาเหมือนเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน แต่ปางภูไม่สนใจหรอก เขาไม่สลักใส่ใจในเรื่องนี้“เอาล่ะ พูดถึงเงื่อนไขต่อนะ เสี่ย ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่ผมรักอย่างมาก หมายหวังด้วยว่าอยากจะแต่งงานกับเธอ”เขาแปลกใจที่ธีรคามพูดอย่างนี้ถึงกับยับยั้งชั่งใจตนเอง พร้อมชะงักนี่หมอนี่ คิดจะเล่นตลก หรือไม่ซื่อกับเขาหรือเปล่า อย่างที่บอกคนอย่างธีรคามไว้ใจยากแต่คนอย่างปางภู พร้อมที่จะหว่านเล่ห์เหลี่ยมรอก่อนเพราะรู้อยู่แล้ว ธีรคามแพ้เขาทุกประตู เงินไงที่มันต้องการ ขนาดยกมือกราบกรานเขา มันก็ทำได้ ยังจะพูดด้วยว่า ผู้หญิงคนที่มันคิดจะขายตัว ให้กับเขา นี่ มันจะเอาเป็นเป็นเมียบ้าที่สุด ผู้หญิงคนนี้ก็โง่สิ้นดี ที่ถูกเจ้าธีรคามหลอกลวงความรักแล้วมันยังมีแก่ใจต้องการของเหลือเดนเพื่อรอวันเอากลับคืน ด้วยการหาเงินจำนวนหนึ่งมาชำระ เพราะเขาจ่ายเงินไปแล้ว เขาย่อมต้องการผลประโยชน์ที่ตัวเองควรจะไ
เขายอมซูฮกให้เลยกับพวกคอทองแดง ผู้หญิงก็เป็นอย่างนี้ด้วยหรือเปล่า หรือว่าเป็นอาชีพลำไพ่พิเศษ ของหนุ่มสาวถังแตกสมัยนี้ด้วยการจับยัดเยียดตัวเองเป็นสินค้า พลีกายอยู่กับกองกาม คงปางภูจงชังรังเกียจนัก และเขาอยากจะเล่นด้วย ด้วยความสนุกและสะใจในอารมณ์วางหล่อนไว้บนเตียงนุ่มแล้วพิจารณาชั่วครู่ด้วยความเสียดาย ก่อนหักใจเดินออกไป ปิดประตูล็อกกลอนสนิท ปางภูออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพที่เนื้อตัวเปียกชื้นเส้นผมเปียกลู่ นุ่งผ้าขนหนูเดินผ่านเตียงกว้าง ไม่ได้หันมองจ้องสาวสวย ที่ทราบดีว่า ธีรคามจัดส่งตัวหล่อนมาไว้บนเตียงนานพอสมควร เนื่องจากพื้นที่ของห้องนี้กว้าง ก่อนจะทรุดกายนั่งลงขอบเตียง ชำเลืองมองสาวสวยที่นอนคว่ำ ดูจากลักษณะหุ่นของหล่อนแล้วดูสมส่วนแบบ เอวบางร่างน้อย เป็นที่พึงพอใจแก่ปางภู สินค้าที่ธีรคามจัดให้นับว่าไม่เลว หมอนี่เข้าใจความต้องการรสนิยมของเขามากทีเดียวปางภูจะเริ่มทำอะไรก่อนอับดับแรก ทำให้สาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้าเขา นี่ตื่นขึ้นก่อน เพราะเขาอยากนอนกับผู้หญิงที่มีเลือดเนื้อหัวใจไม่ใช่ท่อนไม้ เขาไม่ได้กระหายในเรื่องนี้มานานแล้ว จู่มันก็ตงิดมีความต้องการขึ้นมา ธีรคามเป็นคนจุดข้อเส
ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบฟาง”หล่อนเข้าใจเขาพูดถูก หล่อนก็ตอบแทนความรักของเขาด้วย“ต่อไปไม่มีแล้วล่ะ เมียขายฝาก สมญาที่ใช้เป็นคำพูดเล่นๆขำๆเพื่อล้อเลียนคุณ มีแต่ตำแหน่งเดียวคือเมียแต่งนายปางภู คุณจะสนใจตำแหน่งนี้ชั่วชีวิตหรือเปล่าล่ะ”คารมของพ่อหนุ่มนักเขียนทำเอาหล่อนต้องยอมรับล่ะ มิน่าถึงร้อยเรียงเขียนหนังสือได้หลากหลายยาวนาน “สนใจสิคะ”หล่อนพยักหน้า “ไม่งั้นฉันคงไม่ตัดสินใจยอมคุณหรอก” เขากลั้วยิ้มดวงตาพราวอีกครั้งกับคำตอบนี้ พึงพอใจเช่นเดิม เพราะขุมสมองมีแต่ความเพริดแพร้วทางปัญญา ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบ
คารมของนักเขียนหนุ่มผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้น หญิงสาวยิ้มพราวระยับที่ดวงตาของหล่อนขึ้นบ้าง หวงนี่อาจจะแปลกว่าหึง หล่อนยิ้ม“นั่นยิ้มอะไร ขำหรือว่าไม่พอใจ”“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ฟางรู้สึกว่า พอได้สามีมาหนึ่งคน เขาก็บ่นเสียเก่ง” เขาหันมาทางสาวสวยผู้เป็นภรรยา ขยับใบหน้ามาใกล้ “นี่มาหาว่าเราบ่น ประเดี๋ยวเหอะ จะจูบให้ตายตาอ้อมกอดเลย”ชายหนุ่มบ่นเสียงไม่จริงจังนัก หมั่นไส้ผู้เป็นภรรยามากกว่า “แนะ ไม่กลัว ใช่ไหม? เดี๋ยวเอาจริงนะ”เขาขู่หล่อน พลอยทำให้ใบฟางต้องหลับตาปี๋ลง ก่อนที่ใบหน้าขาวๆของดวงหน้าคมคายจะโน้นแตะชิดใกล้ริมฝีปากประกบบดขยี้ลงไปแทรกความหวานเจือปนละลายอยู่ในช่องปาก จนสาวสวยรับรู้ถึงสัมผัสที่หวานซ่านลิ้น “นี่เริ่มบทลงโทษแล้ว โทษฐานที่มีเมียขี้บ่น แถมปากเก่งอีกต่างหาก เอ้อ เป็นเมียขายฝากเสียด้วย”หญิงสาวยังข้องใจในคำนี้ ความหมายแบบเขานี่คืออะไร จึงส่งสายตาอึดอัด หงุดหงิดทวงถามเมื่อเขาละถอนจากริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นจ้องหล่อน เพราะรู้ว่าหล่อนจะถาม หล่อนไม่ชอบใจสักนิดกับคำทีเขาใช่เรียกหล่อน“อีกแล้ว เมียขายฝาก ฉันไม่รู้ว่าความหมายมันคืออะไรกันแน่ มันเริ่มต้นมาตั้งแต่พี่ธีรคา
“ยังไม่แน่ใจค่ะ เมล ตอนนี้ฉันอยากอยู่เมืองไทยไปก่อน คงทำงานไปสักพัก ถ้าลืมเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างได้ ฉันก็อาจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับใครก็ได้ ที่เขารักจริง และรักความเป็นตัวฉัน รวมทั้งเขาไม่แคร์อดีตต่างๆของฉันด้วย”“ขอให้คุณโชคดีนะฮันนี่”“ขอบคุณคะ เมล คุณก็เช่นกัน รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”หล่อนโบกมือให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาและคณะจะเดินจากไปในช่องผู้โดยสารขาออก แล้วหล่อนหันมายิ้มให้กับตัวเอง นี่คืออิสรเสรีที่หล่อนต้องการ จึงถอนใจออกมายาวนานด้วยมีความสุข หล่อนต้องการตัด และเยื่อใยอาวรณ์จากเขา หล่อนจะต้องทำให้ได้ เมลมีดีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างเช่นกัน แต่สิ่งที่หล่อนยอมรับไม่ได้คือ เขาจะเอาทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อย่างที่เรียกว่า เสือไบ โฮโมเซกช่วล แบบนี้หล่อนไม่ต้องการ ไม่ต้องการเสียน้ำตาทนอยู่กับผู้ชายประเภทนี้ เพราะนั่นหมายความว่า เขาทำให้ชีวิตของหล่อน เหมือนตกนรกทั้งเป็นนึกว่าจะยืดเยื้อ หรือคาราคาซังเสียอีก ขอบคุณที่เขาเลือกให้ของขวัญนี้ให้แก่หล่อน ตามที่หล่อนร้องขอปรารถนามานานต่อไป ชั่วชีวิตนี้ หล่อนจะไม่สนใจ ผู้ชายที่ชื่อเมล นี้อย่างเด็ดขาด ว่าเขาจะเป็นตายร้าย
จะไม่ช๊อคใจไปใหญ่หรือ ที่ตลอดมานั้น อ่านหนังสือของคนกันเองทั้งนั้น คนกันเองที่ขยับเข้ามาเป็นคนในบ้านและเป็นคนในเรือนใจของหล่อนเข้าทุกขณะ“นี่สิของแท้ของชัวร์ นิยายที่ผ่านการรวมเล่มแล้วของผม มีประมาณ เกือบสิบเรื่องด้วยกัน ซ่อนอยู่อีกมุมหนึ่ง โดยเฉพาะ และถ้าอยากจะไปร่วมงานวันสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมษาที่จะถึงเร็วๆนี้ ไปกับผมสิ คุณจะได้รู้ว่าแฟนคลับผมตรึมแค่ไหน ที่เรียกร้องอยากจะให้ผมมา..แล้วก็ต้องแจกลายเซ็นต์ด้วย”เขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ ไม่น่าเชื่อ ด้วยบุคลิกที่อ่อนโยนและสุภาพปนกับอารมณ์ร้ายเกรี้ยวกราด ไม่นึกว่าเขาจะมีอีกภาคหนึ่ง ของผู้ชายที่เขียนหนังสือขาย เป็นนักเขียนที่ถือว่า ได้รับความนิยมมากคนหนึ่งในปัจจุบัน ในยุคที่นักเขียนไทย ผุดตัวเองขึ้นมาราวกับดอกเห็นกลางฤดูฝน“ไม่เชื่อ คงต้องเชื่อแล้วละคะ นี่ถ้ายัยเงิน น้องสาวของฟางรู้เรื่อง ตายเลยล่ะคงทั้งอึ้งทั้งทึ่ง ไม่งั้นก็เกือบช๊อคไปหลายสิบตลบแน่นอน”“ถึงขนาดนั้นเลยหรือ”“ใช่ค่ะ ถึงขนาดนั้นแน่นอน เพราะน้องสาวของฉัน ติดงานของคุณมาก”เขาเพิ่งทราบ“นี่คุณทำอย่างนี้ทุกวัน หลังขดหลังแข็งมากไหมคะ”เขายิ้มอีกครั้ง“งา
เขาเอ่ยคำนี้ จนหล่อนหน้าแดงไปเลย สีระเรื่ออ่อนที่พวงแก้ม แต่ก็เข้าใจความหมายเมื่อเขาพร้อมที่จะให้สัญญาปากแบบสุภาพบุรุษอีกครั้ง “งั้น ฟางจะยอมไว้เนื้อเชื่อใจอีกสักครั้ง ทั้งที่ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่”“อ้าวทำไมล่ะ กลัวผมจะเปลี่ยนใจ ทำมิดีมิร้ายกับคุณหรือไง นี่ฟังนะจ้ะคนเดียว เรื่องทำมิดีมิร้าย ผมก็คิดเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่เวลานี้ แต่ต่อไปล่ะ ผมคงมีเวลาทำมิดีมิร้ายกับคุณอย่างสุดสวาทอย่างว่า ได้นานครั้งล่ะ ตอนที่เราแต่งงานกันเสร็จแล้ว นั่นล่ะ มีเวลาทั้งชีวิตของผมเลย”ฟังคำพูดที่เขาเอ่ย หล่อนก็รู้สึกเบาใจ ปางภูหัวเราะเสียงใส“แล้วฉายาเจ้าพ่อบ่อนหรือเสี่ยที่พี่ธีรคามเรียกใช้ ให้สมญาชื่อคุณล่ะคะ”“นั่นผมลืมแล้ว ผมจะไม่เข้าแล้ว ตัดขาดจากมันตลอดชีวิต ในเมื่อผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนี่ ผมมีคุณ ผมมีครอบครัว มีคนที่เอาใจใส่น่ารักอย่างนี้ ผมจะเตลิดหนีหายไปไหนได้อีกล่ะฟางจ๋า”ในเมื่อเขาจะมีครอบครัวแล้ว นั่นมันคือภาพอดีต เมื่อครั้งที่ยังใช้ชีวิตโสดอิสระได้เต็มที่ และเมื่อพ้นจากวัยนั้นพ้นผ่านแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็คิดว่ามันเป็นเกมชั่วครั้งชั่วคราวที่ผ่านทางชีวิตของเขาเขาไม่ได้ติดหนึบติดหน
หญิงสาวยิ้มให้พยักหน้าและเพิ่งเข้าใจ “คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่ตอนนั้นทำอะไรก็คิดจะปิดบังคุณ”เสียงนุ่มทุ้มดังอีก เป็นกังวาน แต่ก็รู้สึกชุ่มชโลมในหัวใจของหล่อนอย่างประหลาด“เคยคิดจะโกรธเหมือนกันคะ แต่ก็ดีที่คุณเพิ่งอธิบายออกมา ฉันเลยนึกโกรธคุณไม่ลงแล้ว”เขาหันมายิ้มอ่อนๆสบตาของหล่อน“ก็ต้องบอก เพราะเราก็เหมือนคนคนเดียวกันแล้ว จากนี้มีอะไรก็ต้องร่วมรับผิดชอบกัน”หล่อนนิ่งฟังคำพูด ชอบฟังคำพูดที่มีหลักการในการวางแผน และให้กำลังใจ สร้างความปลาบปลื้ม แก่ใจของหล่อนอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวยอมรับว่าหล่อนเริ่มจะหลงรักผู้ชายคนนี้เสียแล้ว ไม่รักก็คงไม่ได้หรอก ลึกแต่ไม่ลับในความรู้สึกของหล่อน ขอเก็บเอาไว้รู้เพียงคนเดียว จึงหันทางเขาอีกครั้งยิ้มและสบตาให้ หล่อนนึกถึงเรื่องอื่นได้ อย่างเพิร์ล หรือภามิญาที่ไม่รู้ว่า ทั้งคู่คืบหน้าไปมากแค่ไหน จวบกับมีเรื่องราวอื่นที่เป็นเรื่องสะเทือนใจ ประดังเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าไม่ขาด จากสึนามิ ฝนก็ท่วมถล่มทางภาคใต้ แผ่นดินไหวทางประเทศพม่าหรือเมียนมาร์กับทางภาคเหนือของไทย วิบากกรรมของประเทศและชาวโลกถูกซัดมาอย่างไม่หยุดหย่อน คงต้องพึ่งพาความดีงาม ศีลธรรม บุญกุศลท
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงระส่ำขวัญเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดจึงถูกพับแปลนงานอย่างน่าเสียดาย ไว้รอเหตุการณ์ทุกอย่างสงบอีกครั้ง เขาถึงจะเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน คงต้องเป็นหลังจากที่งานแต่งของเพื่อนรักที่เมืองไทยเสร็จสิ้น“ขอบใจนายมากที่เป็นห่วง ฉันเป็นตัวแทนของประเทศที่รับความหวังดีนี้จากนาย”“ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนไทย เมืองที่ได้ชื่อว่าใจบุญ และสยามเมืองยิ้ม ที่ไหนเกิดความทุกข์เดือดร้อนสาหัส พวกเราทนดูดายไม่ได้หรอก ยิ่งญี่ปุ่นก็ให้ความพึ่งพิงพึ่งพาช่วยเหลือประเทศไทยเรามาก่อน ไม่ว่าทางด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยีต่างๆ สายสัมพันธ์เรายาวนาน เราจึงเห็นใจกันและกัน ถือว่าประเทศไทยตอบแทนน้ำใจประเทศญี่ปุ่น มันเป็นการกตัญญูรู้คุณที่สองประเทศมีไว้ให้กัน”คนฟังรู้สึกตื่นตันใจ และนึกในใจเขาเองก็ถือว่าโชคดีที่มีเพื่อนสนิทเป็นคนไทยอย่างปางภู“ทำใจให้ดีเถอะนะ เข้มแข็งเอาไว้ คิดเสียว่า เบื้องหลังฝันร้าย จะกลายเป็นดี ในอนาคต”โทชินาดะพยักหน้ารับกับเพื่อน ใบฟางรับรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกับคนไทยทั่วประเทศ เพราะหล่อนติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวที่เกิดอย่างรุนแรงของประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อนึกถึงเพ
แต่ที่น่าแปลกใจคือ ศราณัฐกลับพูดเรื่องนี้ไม่ออก เหมือนปากของเขาถูกอุดเอาไว้นิ่งเช่นกัน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หรืออาจเพราะว่า เขากับหล่อนนั้น ห่างหายจากกันไปนาน แทบไม่ได้รับการติดต่อจนกระทั่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งแต่เขามีความรู้สึกว่า ใบฟางห่างเหินเมินเฉยต่อเขาเป็นอย่างมาก เอ หรือจะเป็นเช่นที่มารดาเอ่ยกล่าวว่าเปรยๆบอกเขาไว้ว่า ใบฟางมีแฟนแล้วที่มาเทียวรับเทียวส่งหล่อนบ่อย เรื่องนี้เป็นการยืนยันด้วยสายตาของมารดา ทีแรกเขาก็ไม่ได้เชื่อหรอก แต่มาเห็นสายตาและปฏิกิริยาของใบฟางที่มีต่อเขาแล้ว ชายหนุ่มต้องแอบบอกกับตัวเอง เขาคงมิแคล้วต้องซดน้ำใบบัวบกแทนข้าวมื้อนี้เสียแล้วและนี่คือความอึดอัด เมื่อถึงที่หมายใบฟางขอลง เขาเองก็จอดให้หล่อนลงอย่างง่ายดาย พร้อมกับยิ้มให้ และโบกมือเมื่อหล่อนเอ่ย “ฟางขอบใจพี่ศรามากนะคะ รบกวนเท่านี้ล่ะ ขอให้โชคดีค่ะ”ชายหนุ่มโทร.หาโทชินาดะแต่เช้าหลุดประโยคออกมา “โทชิ ฉันจะแต่งงานกับใบฟาง”ทำเอาเพื่อนอึ้งกับคำนี้ เงียบไปครู่จึงย้อนกลับไปถามทวน “นายว่าอะไรนะป้าง จะแต่งงานแล้วหรือ”“ใช่ ว่าที่เจ้าสาวของฉัน ใบฟางไงล่ะ คนที่เราได้พบเจอเป็นครั้งแรกพร้อมกับ
คุณสนมนาถเงยหน้าขึ้นสบตาสามีอย่างเข้าใจ ท่านเอ่ยอีกครั้งเบือนหน้าหันกลับมาเสียงเคร่ง“แล้วต่อไปจะเอาอย่างไร”“ผมจะจัดการสู่ขอน้องฟางให้ถูกต้องตามประเพณีครับ ส่วนฤกษ์ คุณแม่ของผมท่านกำลังหาอยู่ถึงเรื่องนี้.งมา แล้วคุยกันถึงเรื่องนี้.ง เอ้อ ฟางจะแต่งงานกับ คุณปางภูค่ะ"ตอบล่ะเงมาอย่างไร เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น หล่อนอึ้งตลอด แต่อย่างทีบอกลึกนั้นในใจภูมิใจอย่างมาก ที่คำสารภาพของเขาแบบลุมอเลือกอย่างน้องชายแกเอก่อนนะครับ.. น่าจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้ครับ”ปางภูชี้แจงเสียงนุ่มคมชัดฉะฉานและทุ้มเรียบ คุณสนมนาถยื่นผ้าเช็ดหน้าให้บุตรสาว ยิ้มชื่นมื่นนั้นบ่งบอกว่าลูกสาวรับรู้และเห็นดีเห็นงามด้วย“ในเมื่อจะมาเอ่ยขอลูกสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ประเพณีของไทยเราสุภาพบุรุษไม่ควรทำอะไรลับๆล่อๆ กินในที่ลับแล้วมาไขในที่แจ้งสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก้่ได้ว่าอะไร ก้เห็นดีเห็นงามด้วยน้าให้บุตรสาวมื่อเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มและลูกสาวสลับกัน ถ้าทำถูกต้องตามประเพณีทางนี้ก็ยอมรับ.. เพราะลูกสาวของฉัน เห็นว่าเขาคงจะเข้าข้างเธอ และเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างมาก เอาล่ะ เมื่อเข้าใจกันแล้ว ฉันก็ยอม