"ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร" คิ้วหนาของพลตรีนายแพทย์วันเวย์ถึงกับขมวดเข้าแทบจะชิดกัน
"ผมว่าจะรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยแนะนำเธอให้พ่อกับแม่รู้จัก แต่ในเมื่อคุณพ่อไม่หยุดผมก็ขอแนะนำเธอวันนี้เลยแล้วกัน"
"เรย์ ลูกหมายความว่ายังไง" แม่พอจะเดาความหมายของลูกออกแล้ว แต่อยากจะถามเพื่อความแน่ใจ และในขณะที่ถามสายตาของนางมองไปที่ผู้เป็นสามี เพราะกลัวว่าพ่อจะโมโหให้ลูกก่อน
"ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ ผมจะไม่แต่งงานกับใคร"
"???" เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน และหนึ่งในนั้นรวมผู้หญิงที่เขากำลังพูดถึงอยู่ด้วย
"พ่อไม่เชื่อ" ท่านผ่านโลกมาก็มาก ทำไมจะไม่สังเกตผู้หญิงคนนี้ตอนที่เข้ามาในลิฟต์ เพราะเธอไม่ได้กดชั้นไหนเลย นั่นแสดงว่าเธอต้องขึ้นมาที่ชั้นเดียวกับท่าน และท่านก็เริ่มสแกนว่าเธอคนนี้มีธุระอะไรที่ต้องขึ้นมาถึงชั้นผู้บริหาร ซึ่งท่าทางของเธอไม่ได้บ่งบอกเลยว่าสนิทสนมหรือคุ้นเคยกับชั้นนี้
"ผมก็ไม่ได้ขอให้พ่อเชื่อนี่"
"เอาเป็นว่านัดคืนนี้ของเรายังคงเป็นเวลาเดิม"
"พ่อ?" ชายหนุ่มรีบเดินตามพ่อกับแม่ออกไป ไม่คิดว่าท่านจะพูดทิ้งท้ายแล้วก็เดินออกไปแบบนี้
"เดี๋ยวแม่จะคุยกับพ่อเอง" ขณะที่พูดกับลูกชายสายตานางยังมองเข้าไปดูผู้หญิงที่อยู่ในห้องของลูก
"ฝากด้วยนะครับแม่ และก็บอกพ่อด้วยว่าผมไม่ไป" ที่จริงเขาก็พูดให้พ่อได้ยินนั่นแหละแต่แค่ฝากแม่ไป
พอประตูลิฟต์ปิดลงนายแพทย์เซอร์เวย์ก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง
"จะยืนอยู่อีกนานไหม"
"คะ? เออ..ค่ะ " หญิงสาวคิดว่าเขาไล่ให้ออกจากห้องพอนึกได้ก็เดินมาที่ประตู
"นั่นคุณจะไปไหน"
"คุณไม่ได้ไล่ฉันเหรอคะ"
"กลับมานั่งนี่"
"ค่ะ" หญิงสาวร่างระหงรีบสาวเท้าเดินกลับมา
"บอกรายละเอียดเกี่ยวกับผู้บริจาคมา"
"รายละเอียดเกี่ยวกับผู้บริจาคหรือคะ?" เธอกำลังสับสน เขาต้องคุยเรื่องเมื่อสักครู่ก่อนไม่ใช่เหรอ แต่เข้าเรื่องนี้ก็ดีเหมือนกัน "คนที่อวัยวะเข้ากับแม่ฉันได้ เป็นคนบ้านใกล้กันค่ะ"
"คนบ้านใกล้ แต่ไม่ใช่ญาติ?"
"ค่ะ" ถ้าเป็นญาติเธอคงไม่วุ่นวายขนาดนี้
"คุณช่วยให้ข้อมูลผมมากกว่านี้หน่อยได้ไหม ผมไม่มีเวลามาสอบถามคุณทีละประโยคนะ"
"คุณหมอจะช่วยทำการผ่าตัดให้แม่ฉันเหรอคะ"
"ใช่"
"จริงเหรอคะคุณหมอ"
"อย่าเพิ่งดีใจ คุณคงรู้ของฟรีไม่มีในโลก"
"ฉันยินดีช่วยคุณหมอเต็มที่ค่ะ คุณหมอต้องการให้ฉันช่วยอะไรบอกมาได้เลยค่ะ"
"เรื่องนั้นผมต้องบอกแน่" ขณะที่พูดสายตาคมเพ่งเล็งสำรวจใบหน้าของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับสำรวจทรวดทรงองค์เอวของเธอ
หญิงสาวเริ่มประหม่าเมื่อถูกจ้องมองนานเข้า แต่เธอก็ยังคงยืนให้เขามอง
"พรุ่งนี้คุณไปทำเรื่องที่ฝ่ายการเงิน"
"ทำเรื่องที่ฝ่ายการเงินเหรอคะ?"
"ผมต้องได้เปิดห้องผ่าตัดใหญ่"
"เออ.."
"มีอะไรอีก" สีหน้าเธอบ่งบอกมากว่ามีปัญหาเรื่องเงินอีก
"คุณหมอก็รู้ว่าอวัยวะนี้คือฉันต้องใช้เงินจ่ายคนที่บริจาค"
"อย่าบอกนะว่าคุณไม่มีเงินพอค่าผ่าตัด?"
"ฉันยินดีจะหามาให้คุณหมอค่ะ แต่ขอให้คุณหมอช่วยแม่ฉันก่อนได้ไหมคะ" เธอได้เงินจากการขายบ้านก็จริง แต่ถ้าเงินไม่มากขนาดนั้นใครจะขายอวัยวะให้เธอล่ะ
"นี่โรงพยาบาลเอกชนนะคุณไม่ใช่สถานสงเคราะห์"
"ฉันยินดีช่วยคุณหมอทุกเรื่องจริงๆ นะคะ แม้แต่ชีวิตของฉันถ้าคุณหมอต้องการฉันก็ให้ได้"
"ผมไม่เชื่อลมปากของคนหรอก" เพราะมันเป็นแค่ลมที่พ่นออกมาจากปาก
"คุณหมอจะให้ฉันเซ็นเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ก็ได้ค่ะ เอกสารนั้นแล้วแต่คุณหมอจะร่างมันขึ้นมา ขอแค่อย่างเดียว คุณหมอยอมผ่าตัดให้แม่ฉัน"
"ยอมเซ็นทุกอย่างแน่นะ"
"ค่ะ"
"แม่คะ แม่สู้ไปกับอายอีกสักยกนะคะ ตอนนี้อายทำสำเร็จแล้ว" มือเรียวเอื้อมไปกุมมือของแม่ที่นอนหายใจได้เพราะเครื่องช่วย ถ้าภายใน 3 วันแม่ของเธอไม่ได้รับการผ่าตัด ท่านอาจจะไม่ฟื้นกลับมาอีกเลย01 : 00 น. ห้องผ่าตัดใหญ่เริ่มมีความเคลื่อนไหว ทุกอย่างนายแพทย์เซอร์เวย์ต้องได้จัดการแบบเงียบๆ แม้แต่หน้าห้องผ่าตัดก็ไม่มีสัญญาณบอกว่าตอนนี้กำลังใช้ห้องนั้นอยู่ รวมถึงญาติไม่ให้เข้ามายืนรอใกล้เธอก็เลยต้องได้มารอที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา เพราะแม่ของเธอถูกทำเรื่องย้ายออกจากโรงพยาบาลนี้ไปแล้ว ซึ่งนั่นหมายถึงหลังผ่าตัดเขาต้องได้หาที่อยู่ใหม่ให้แม่เธอพักฟื้นเช้าวันต่อมา.."คุณเข้ามาอยู่ในห้องคุณหมอได้ยังไง""เออ.." เธอผิดเองที่แอบเปิดประตูแง้มออกมาดู จนเลขานุการมองเห็นสิ่งผิดปกติ แล้วรีบมาเช็คห้องของท่านประธานโรงพยาบาลดู "คุณหมอให้ฉันมารออยู่ที่นี่ค่ะ""คุณหมอเนี่ยนะ?" ยิ่งไม่น่าเชื่อถือไปกันใหญ่ หมอเซอร์เวย์ไม่เคยให้ใครเข้ามายุ่งย่ามในห้องทำงาน"คุณหมอยังไม่ขึ้นมาหรือคะ" หญิงสาวก็เลยแกล้งใช้โอกาสนี้ถามหาเขา"คุณเป็นญาติคนไข้ไม่ใช่เหรอคะ" แจนยังคงสอบถามต่อ เพราะเคยเห็นเธอมาป้วนเปี้ยนแถวนี้"เออ..ใช่ค่ะ"
ห้องบ้าอะไรไม่มีโซฟาให้นั่งเลย.. หญิงสาวทำได้แค่คิดอยู่ในใจ เธอลากเก้าอี้ที่มีอยู่ตัวเดียวมานั่งมุมหน้าต่างห้องนายแพทย์เซอร์เวย์นอกจากชั้นวางหนังสือ เตียงที่ใช้นอนพักผ่อนและโต๊ะทำงานแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรนอกจากเก้าอี้อีกตัวที่เธอลากไปนั่ง เพราะห้องของเขาไม่เคยรับแขก ถ้าจะรับแขกก็ใช้อีกห้องหนึ่ง"??" นี่อะไรกัน ..เขานั่งทำอะไรอยู่ที่โต๊ะทำงานครู่หนึ่ง แล้วก็เดินไปนอนลงที่เตียงโดยไม่ได้พูดอะไรกับเธอเลยเมื่อคืนนี้เขาไม่ได้นอนเลยเพราะอยู่ในห้องผ่าตัดทั้งคืน คิดว่าจะเคลียร์งานที่ค้างไว้แต่ทนความง่วงไม่ไหวตกลงเขาจะเอายังไงกับเรากันแน่ จะถามก็ไม่กล้า เมื่อคืนนี้ตอนเขาบอกให้ขึ้นมารออยู่บนห้องเธอก็ขึ้นมา ข้าวก็ยังไม่ได้กินแถมน้ำก็ยังไม่ได้อาบสองชั่วโมงผ่านไป..พอเห็นว่าเขาขยับตัวเธอก็มีรอยยิ้มขึ้นมา อยากจะขอลงไปข้างล่าง แต่เขาก็ทำแค่ขยับแล้วก็นอนหันหลังให้อ๊อยยหิว เป็นห่วงแม่ก็ห่วง และตอนนี้ต้องได้มาห่วงท้องตัวเองอีกอีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไป.."คุณหมอคะ" ตายเป็นตายสิ ถ้าอยู่แบบนี้เธอก็จะตายเหมือนกัน"มีอะไร"ตื่นแล้วเหรอ? หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าไปชะโงกหน้ามอง เพราะได้ยินเสียงเขาตอบรับแต่ไม่เห
"ฉันบอกไว้อย่างหนึ่ง""คะ?" หญิงสาวตกใจในขณะที่กำลังเช็คร่างกายอยู่เสียงเขาก็พูดขึ้นมา"เวลาฉันพักผ่อนห้ามกวน" เพราะเวลาของเขามีค่ามาก กว่าจะหาเวลามานอนเอาแรงได้ พอตื่นต้องได้เข้าห้องผ่าตัดเคสต่อไปใครอยากจะกวนเขา เราไม่ได้กวนสักหน่อย ..หญิงสาวค่อยๆ เอนกายลงนอน แต่พอนึกได้เขาตื่นก็ดีจะได้คุยด้วย ก็เลยลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง"คุณจะไม่ให้ฉันออกจากห้องนี้ไม่ได้นะ""ทำไม ในข้อตกลงก็เขียนไว้ชัดแล้วนี่""ก็ฉันไม่รู้นี่ว่าคุณจะขังฉันขนาดนี้""ใครขังคุณ""แบบนี้แหละที่เขาเรียกขัง""บอกว่าเวลานอนอย่ากวน"อะไรของเขา จะไม่ให้ออกไปพบโลกภายนอกเลยหรือไง ..คนตัวเล็กก็เลยค่อยๆ เอนตัวลงนอนที่เดิมผ่านไปสักครู่เสียงหายใจของเขาก็สม่ำเสมอ ..คนอะไรจะหลับง่ายขนาดนี้"อุ๊ย" ขณะที่เธอมองจ้องอยู่ดวงตาของอีกฝ่ายก็ลืมขึ้น "ฉันไม่ได้กวนคุณนะ"เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ลุกจากที่นอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปพออาบน้ำเสร็จชายหนุ่มก็เดินมาที่ตู้เสื้อผ้า เลือกชุดใส่"คุณจะไปไหน"นายแพทย์เซอร์เวย์ไม่ได้ตอบอีกนั่นแหละ เพียงแค่เขามองมาเธอก็รีบหุบปากแล้วพอเขาออกจากห้องไปเพียงไม่นาน แม่บ้านก็เอาอาหารมาให้และวันนี้แม่บ้านมองสำรวจร
"คุณหมอนอนเถอะค่ะฉันไม่กวนก็ได้" หญิงสาวที่นอนชิดผนังห้องรีบพาตัวเองออกมาจากเตียงก่อน แค่เห็นสายตาก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่ประเภทที่ชอบผู้ชายด้วยกันจะออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ ในห้องนี้ก็มีแค่เก้าอี้ตัวเดียวที่จะลากมานั่งริมหน้าต่าง เพื่อปล่อยให้เขาได้นอนพักผ่อนไปชั้นล่างของโรงพยาบาล.."ตอนนี้ใกล้ค่ำมากแล้ว ลูกคงกำลังพักผ่อนอยู่แน่เลยคุณ""วันนี้ยังไงผมก็ต้องลากมันกลับไปนอนที่บ้านให้ได้" ผู้เป็นพ่อโทรมาเช็คที่โรงพยาบาลแล้วว่าลูกชายมีผ่าตัดไหม"วันนี้พากลับไปได้ วันหลังลูกก็มาค้างโรงพยาบาลอีกอยู่ดี งานของลูกอยู่ที่นี่นี่คะ""คุณอย่าเข้าข้างมันนักเลยได้ไหม ถ้ามันยุ่งยากมากนัก เดี๋ยวผมจะหาผู้บริหารโรงพยาบาลคนใหม่"แพทย์หญิงอมรรัตน์เหลือจะทนแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องได้ตามสามีขึ้นไป เพราะกลัวว่าจะมีปากเสียงกับลูกเดี๋ยวลูกก็เตลิดไปทางอื่นแกร็ก! แกร็ก!!"คุณก็เคาะประตูสิคะ" ตอนนี้ชั้นบนไม่มีใครอยู่แล้วจะขอกุญแจสำรองก็ไม่ได้แกร็ก.. ชายหนุ่มเดินมาเปิดประตู โดยให้เธอไปนั่งรออยู่บนเตียง"ต่อไปนี้กลับไปนอนที่บ้าน""คุณพ่อก็รู้ว่าผมไม่อยากไปเสียเวลาอยู่บนรถ" เวลาที่รถติดเขานอนพักผ่อนจะไม่ดีกว่าเหรอ ก็เลยไม่
แกร็ก! ขณะที่เซอร์เวย์เปิดประตูห้องน้ำ ประตูหน้าห้องก็ถูกเปิดเข้ามาเช่นกัน ชายหนุ่มไม่ได้มองเข้าไปในห้องน้ำแต่มองกลับมาด้านหลังของตัวเอง"คุณหมอ? คุณหมอกลับมาแล้วเหรอคะ" ใบหน้างามเปลี่ยนสีขึ้นมาทันตาเห็น รอมาทั้งวัน แต่พอแอบออกไปข้างนอก เขากลับขึ้นมาตอนที่เธอออกไปเนี่ยนะ"ผมบอกแล้วว่าไม่ใช่ลมปากของคน นี่ขนาดให้เซ็นเป็นลายลักษณ์อักษรยังทำตามไม่ได้เลย""ฉันขอโทษค่ะ ก็ฉันไม่มีเบอร์โทรของคุณ..""คำขอโทษของคนที่ไม่รับผิดชอบคำพูดของตัวเองผมไม่รับ"คำอธิบายที่เธอกำลังจะอธิบายให้เขาฟังถูกกลืนกลับลงไปที่เดิม ถึงแม้พูดไปเขาคงไม่รับฟัง"คุณหมอจะไปไหนคะ" หญิงสาวตกใจเมื่อเห็นเขาเดินฉุนเฉียวมาที่ประตูแต่ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ มือหนากระชากประตูออกแล้วก็เดินหายไปกับความมืด"ก็ฉันหิวนี่ คุณรู้ไหมว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรทั้งวันเลย" เธอได้แต่พูดกับตัวเองพร้อมกับยกขนมปังในมือขึ้นมามองดู อุตส่าห์คิดว่าตัวเองรีบที่สุดแล้วสายๆ ของวันต่อมา..เขาออกไปตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับขึ้นมาเลย แถมขนมปังที่ซื้อมาเมื่อคืนก็หมดไปแล้ว ไม่ใช่แค่ขนมปังหมดสิ..น้ำดื่มก็หมดเหมือนกัน ไม่น่าไปทำปากดีกับคนของเขาเลย เธอจะต้องหิวตายอยู่
ได้ยินคำถามของเขาแล้วเธอถึงกับเงียบไป จะให้เธอบอกว่ายังไงล่ะ เขาสมควรที่ต้องหาคำตอบเองไม่ใช่เหรอ แต่ถึงแม้เธอเป็นคนบอกแล้วเขาจะเชื่อเหรอหญิงสาวก็เลยเงียบไป..และเขาก็เงียบเช่นกันในใจก็คิดว่าเขาจะค้นหาความจริงไหม หรือว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไป ..คำถามประโยคหลังมีน้ำหนักมากกว่า แต่คิดว่าคนฉลาดแบบเขาต้องรู้แล้วล่ะว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร ระหว่างเธอกับพ่อ เขาคงจะเลือกครอบครัวอยู่แล้วหญิงสาวคิดถึงเรื่องวันที่พ่อของเขามาตราหน้าเธอว่าเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย พ่อของเขาตะคอกแม่แค่เล็กน้อย เขาก็รีบรับหน้าแทน แต่สำหรับเธอ ทั้งถูกดูถูกและเหยียดหยาม เขาไม่แม้แต่จะปกป้องสักนิดดวงตากลมที่เจือปนไปด้วยม่านน้ำตา ค่อยๆ หลับลงแบบช้าๆ โชคดีเท่าไรแล้วที่เขาไม่ปล่อยให้เธอตาย ยังมีน้ำใจเอาน้ำเกลือมาใส่ให้ชายหนุ่มอาบน้ำออกมาก็ไปนั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน แล้วก็เอนตัวยาวโดยการเอาขาขึ้นพาดโต๊ะไว้แล้วหลับไปในท่านั้นเช้าวันต่อมา.."นี่เป็นนามบัตรของผม ถ้ามีอะไรก็โทรไป..ใช้โทรศัพท์ในห้องนี้ได้เลย" ก่อนออกจากห้อง เซอร์เวย์ได้เอานามบัตรจากลิ้นชักออกมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน ถ้าเธอค้นดูก็จะเห็น แต่นี่เธอคงไม่อยากละลาบละล้วง "อีก
ก๊อก ก๊อก "ว่าไงคะคุณหมอ" สุพัตราเคาะประตูห้องทั้งที่ประตูไม่ได้ปิดไว้เลย แต่แค่ส่งสัญญาณให้คนที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานมองดูว่ามีคนเข้ามา"ว่างหรือไงครับ ถึงได้สละเวลามาหาผมได้เนี่ย""คุณหมอก็พูดไป จำไม่ได้เหรอคะถึงเวลานัดของเราแล้ว"ชายหนุ่มรีบมองไปดูประตูห้อง มันยังคงเปิดอยู่ เขาก็เลยลุกเดินไปที่ประตู แต่ก่อนจะปิดมันไว้ เซอร์เวย์ได้สั่งพยาบาลที่อยู่หน้าห้องไม่ให้ใครเข้ามากวน"ผมยังไม่มีเวลาเลย ช่วงนี้งานรัดตัวไปหมด""งานรัดตัวหรือว่าอะไรรัดตัวกันแน่คะ ก่อนที่จะมาหาคุณฉันขึ้นไปบนห้องมาแล้ว""ไม่มีอะไรหรอก""หมายความว่ายังไงคะ""มันเป็นเหตุสุดวิสัยนิดหน่อย""แต่เธอก็สวยดีนะ คุณไม่มีอะไรเลยเหรอ""ไม่มี""ชุดที่เธอใส่ไม่ยั่วสายตาคุณเลยเหรอ" เรามารู้จักสุพัตรากันบ้าง แพทย์หญิงสุพัตราเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลที่นี่ และสุพัตราก็เป็นแพทย์เกี่ยวกับด้านจิตเวชชายหนุ่มตอบไปโดยการส่ายหน้า เขามีนัดคุยกับสุพัตราทุกเดือน และเวลาคุยกันสุพัตราจะมาหาเซอร์เวย์ที่ห้องทำงานชั้นบน เพราะสิ่งที่ทั้งสองคุยกันมันเป็นความลับขั้นสูงสุดของนายแพทย์เซอร์เวย์ เขาจะให้ใครล่วงรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าไม่งั้นต้องมีผลกับงานที่
เย็นวันเดียวกันนั้น..เซอร์เวย์แทบจะทำงานไม่รู้เรื่อง วันนี้เขาก็เลยไม่รับเคสผ่าตัดด่วน ปล่อยให้หมอคนอื่นรับผิดชอบไป ทำอะไรก็ไม่เป็นอันจะทำชายหนุ่มก็เลยกลับขึ้นมาที่ชั้นบนแกร็ก.."คุณทำอะไร""ฉันไม่รู้ว่าคุณหมอจะขึ้นมาเร็วขนาดนี้ ขอโทษค่ะ" หญิงสาวที่อยู่ในผ้าเช็ดตัวเพราะเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ รีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าสายตาคมมองตามไป..ร่างกายของเขาเริ่มร้อนวูบวาบ เมื่อคิดว่าจะลองทำอะไรกับเรือนร่างของเธอดูเท้าแกร่งเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังเอื้อมมือขึ้นไปปลดเสื้อออกจากไม้แขวน"อุ๊ยคุณหมอ" หญิงสาวตกใจ อยู่ดีๆ มือของเขาก็ยื่นมาแกะผ้าเช็ดตัวออก แต่เธอคว้ามันไว้ได้ทันใบหน้าคมโน้มลงไปซอกคออีกฝ่ายจากทางด้านหลัง แล้วสูดดม"คุณหมอ คุณจะทำอะไร""อยู่นิ่งๆ"หญิงสาวที่ไม่เคยถูกชายใดสัมผัสร่างกายแบบใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆ ตามคำสั่งของเขาริมฝีปากหนาพรมจูบลงมาจนถึงแผ่นหลัง มือของเขาแนบไว้ที่หน้าอก ในใจหญิงสาวคิดไว้แล้วว่าวันนี้ต้องตกเป็นของเขาแน่ เรื่องนี้มันก็อยู่ในลายลักษณ์อักษรที่เธอได้เซ็นลงไป ที่จริงเขาเขียนขึ้นมาโดยที่ไม่คิดว่าจะแตะต้องตัวเธอหรอก แต่อะไรมันก็ไ
"วันนี้เดี๋ยวแม่จะพาเข้าโรงพยาบาลนะ""ไปทำไมครับ" ที่จริงคนเป็นแม่ไม่ได้คุยกับลูกชายหรอก นางคุยกับลูกสะใภ้ แต่คนที่ถามก็คือลูกชายที่ร่วมรับประทานอาหารกันอยู่"แม่ให้เมียเราฝากท้องกับแม่ ต้องได้เข้าไปทำเอกสารที่โรงพยาบาลด้วย" ที่นางต้องดูแลเองเพราะเป็นห่วงหลาน เรื่องอย่างว่าของลูกชายคนเล็กยิ่งเหลือเฟืออยู่"แล้วผมล่ะ""เราก็อยู่บ้านเป็นเพื่อนพ่อ""ไม่เอาผมจะไปด้วย""ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนพ่อหรอกไปด้วยกันนั่นแหละ" คนเป็นพ่อก็เลยช่วยพูดกับให้ลูกชายอีกแรง[โรงพยาบาล]"รันเวย์" ขณะที่ทั้งสามกำลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาลก็ได้ยินเสียงนี้ดังมาจากประตูฝั่งทางออกที่อยู่ใกล้กัน"มาทำอะไรที่โรงพยาบาล" พอเห็นว่าเป็นใครรันเวย์ก็เลยหยุดคุยด้วย"คุณแม่ไม่สบาย" ขณะที่พูดสายตาของเธอมองดูหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ รันเวย์"แม่เราเอง""สวัสดีค่ะคุณแม่""สวัสดีจ้า หนูเป็นใครเหรอ" แพทย์หญิงอมรรัตน์อดไม่ได้ที่จะถาม เพราะเรื่องผู้หญิงลูกชายไม่ใช่ย่อย"คนนี้สโรชาครับแม่ เป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อครับ""เรียกโรสก็ได้ค่ะ โรสเคยรู้จักกับรันเวย์ตั้งแต่สมัยเด็กแล้วค่ะ""อ้าวเหรอจ๊ะ เป็นเพื่อนกันนี่เอง ส่วนคนนี้เมียเจ้าร
หลายนาทีแล้วที่แพทย์หญิงอมรรัตน์กอดปลอบลูกสะใภ้คนเล็ก ตั้งแต่ได้ยินที่ท่านพูด รัญณาก็ร้องไห้ไม่หยุดจนสามีเป็นห่วงที่เธอร้องไห้เพราะสงสารลูกที่ต้องมารับรู้เรื่องอะไรแบบนี้ตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง เด็กคงจะได้ยินความคิดของแม่ ที่คิดว่าถ้าไปจากที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ไหน กลับไปบ้านก็ไม่ได้ หนีออกมาแบบนี้ถ้ากลับไปต้องถูกพ่อตีแน่ แต่ถ้าไม่กลับบ้านแล้วเธอจะไปที่ไหนได้ เพื่อนฝูงก็ไม่มี"ไม่ร้องนะลูก เราจะกลับไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน""ค่ะ" ความคิดที่อยากจะหนีไปให้ไกล มันได้หายไปจนหมดสิ้น เพราะถ้าแม่ยังมีความคิดแบบนั้นอยู่ลูกก็ต้องรับรู้ได้หลายวันต่อมา.."หาปู่" ยิ่งเห็นว่าคุณปู่ไม่สบาย ปลาบปลื้มก็ยิ่งอยากเข้าไปหา ผู้ใหญ่อาจจะคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่อง แต่จริงๆ แล้วพวกเขารู้ และเป็นห่วงคนที่พวกเขาผูกพันด้วย"ไม่ได้ครับ" ปิ่นมุกตำหนิลูกชาย เพราะปลาบปลื้มเล่นไม่รู้เรื่องกลัวไปถูกแผลของคุณปู่เข้า"ไม่เป็นไรหรอก มาให้ปู่ชื่นใจหน่อยเร็ว" ถึงวันนี้อาการของท่านก็ดีขึ้นมาก จนลุกมาทำกายภาพบำบัดได้แล้ว แต่ก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล"ปู่"ถึงแม้ท่านจะอุ้มหลานยังไม่ได้แต่ก็กอดและหอมแก้มได้ หลายคนที่อยู่ในห้องนั้น
"ที่พ่อพูดมาหมายความว่ายังไงครับ" รันเวย์ถามแม่และพี่ชาย เพราะตอนนี้พ่อหลับไปแล้ว"แม่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน" สายตาของผู้เป็นแม่มองไปดูลูกชายคนโต เพราะตอนนั้นเซอร์เวย์อยู่กับพ่อ"ก็เรื่องเด็กผู้หญิง ที่ท่านพูดก่อนหน้านั้นล่ะครับ""พ่อเราก็เลยคิดเป็นตุเป็นตะงั้นเหรอ""แต่ผมว่าไปตรวจไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนี่ครับแม่" ถ้าคนที่พูดไม่ใช่พ่อหรือไม่ใช่คนในครอบครัว เขาคงจะบอกว่างมงาย แต่นี่พ่อซึ่งเป็นระดับอาจารย์หมอที่ทุกคนนับถือ ท่านคงรู้อะไรมาแน่"คงไม่ใช่หรอกค่ะ เพราะคุณรันให้ฉันกินยาคุม" หญิงสาวแค่อยากจะยืนยัน ว่ามันเป็นไปได้ยาก"เราให้เมียกินยาคุมเหรอ""จะรีบมีไปทำไมล่ะครับ ผมก็อายุแค่นี้เอง" เขาพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิดเธอต้องทำสีหน้ายังไงเหรอ น้อยใจ ไม่พอใจ แต่เธอมีสิทธิ์อะไรไปทำกิริยาแบบนั้น หญิงสาวก็เลยทำได้แค่ยืนอยู่เฉยๆ เพื่อรอเวลา..เวลาผ่านไป..ตอนนี้ทุกคนออกมารออยู่ด้านนอก แต่ก็หาอะไรทานรองท้องกันไว้เรียบร้อยแล้ว"แม่จะให้พี่เราย้ายพ่อไปไว้ในห้องพักฟื้นเย็นนี้" นางเห็นว่าลูกชายและลูกสะใภ้แถมยังมีหลานเล็ก ไม่ยอมไปพักในห้องที่เตรียมไว้ให้ เพราะทุกคนยังคงเฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียู ก็เลยคิดว่าย้
"คุณพี่คะ คุณพี่"เซอร์เวย์ที่นั่งเอนหลับพักเอาแรง พอได้ยินแม่ส่งเสียงเรียกพ่อก็รีบตื่นขึ้นมา"คุณพ่อรู้สึกตัวแล้วหรือครับ" ตั้งแต่พ่อประสบอุบัติเหตุ เขาก็ปล่อยมือจากงานทุกอย่างให้ลูกน้องเป็นคนทำ เพื่อที่จะได้ดูแลพ่อแบบใกล้ชิด จนไม่มีเวลาพักผ่อน แต่โชคดีที่ยังมีแม่ช่วยอีกแรง"เมื่อสักครู่แม่เห็นนิ้วของพ่อขยับ" ชายหนุ่มก็เลยรีบเข้าไปเช็คชีพจรของพ่อดู"คุณพ่อครับ คุณพ่อ" ชีพจรของท่านปกติมาก เหมือนว่าท่านแค่ไม่อยากจะลืมตา"หนู.." เสียงนี้ดังออกมาจากปากของท่านเบามาก แทบจะไม่ได้ยิน แต่ก็พอจับใจความได้ "หนู""หนูไหนคะคุณพี่ คุณพี่ตื่นสิ" สามียิ่งออกไปแต่สนามไดร์ฟกอล์ฟ ..หรือว่าจะมีอีหนูที่นั่น"คุณพ่อตื่นสิครับ" พอทั้งสองปลุกยังไงท่านไม่ยอมตื่น ก็เลยให้พยาบาลไปเรียกคนที่อยู่ด้านหน้าเข้ามา"คุณพ่อรู้สึกตัวแล้วเหรอครับ" นอร์เวย์รีบตรงเข้าไปหาพ่อ"เมื่อสักครู่ท่านละเมอ" ขณะที่เซอร์เวย์พูดก็แอบมองไปดูหน้าแม่ เพราะประโยคที่พ่อละเมอล่อแหลมมาก"ถ้างั้นแสดงว่าคุณพ่อฟื้นแล้วใช่ไหมครับ""หนู" ประโยคนี้ออกจากปากคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงอีกครั้ง ทุกคนแปลกใจยิ่งนักแทนที่จะละเมอชื่อลูกไม่งั้นก็ชื่อเมี
พอรู้ว่าลูกชายคนกลางไม่ได้พาลูกสะใภ้และหลานมาด้วย คุณย่าก็เลยให้คนขับรถไปรับมาจากสระบุรี"ปลื้มครับ" ผู้เป็นย่าเอื้อมมือไปเมื่อเห็นว่าหลานชายวิ่งเข้ามาหา"ปลาบปลื้มเบาๆ หน่อยสิลูก เดี๋ยวคุณย่าก็ล้มหรอก" ปิ่นมุกตำหนิลูกชายเบาๆ แต่ก็ไม่ทันหรอกเพราะตอนนี้วิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของคุณย่าแล้ว "คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ" เธอก็เลยเดินเข้าไปหาสามีที่ยืนอยู่หน้าห้องไอซียู"ยังไม่รู้สึกตัวเลย""ท่านพ้นขีดอันตรายแล้วไม่ใช่เหรอ" ปิ่นมุกเอื้อมไปกุมมือสามีไว้เพื่อให้กำลังใจทางโรงพยาบาลได้จัดหาโซฟามาให้ทุกคนได้นั่งรออยู่หน้าห้องแบบสบายหน่อยจนถึงช่วงเย็นของอีกวัน.."กลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมา" แพทย์หญิงบอกลูกชายให้พาเมียกลับบ้าน เพราะนั่งเฝ้ากันมาข้ามวันข้ามคืนแล้ว"รัญจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ค่ะ""พวกเราก็จะอยู่รอจนกว่าคุณพ่อจะฟื้นค่ะ" ท่านดีกับพวกเธอขนาดนี้จะทิ้งท่านไว้แบบนี้ได้ยังไง"ขอบใจทุกคนมากนะ" เราใช้อะไรซื้อเราก็ได้อย่างนั้นกลับมา เหมือนดังแพทย์หญิงอมรรัตน์ ใช้ใจซื้อก็ได้ใจจากลูกสะใภ้กลับมา21 : 09 น."เดี๋ยวผมพาขึ้นไปนอน" นายแพทย์หนุ่มออกมาจากห้องของพ่อ ก็เห็นว่าภรรยาเอนตัวพิงกับโซฟา"ฉันอยากจ
"พ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับพี่" ดูจากสภาพรถแล้วมันทำให้เขาใจไม่ดีเอามากๆ"ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่จะช่วยพ่อให้ได้""พี่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง""ตอนนี้พ่อยังไม่พ้นขีดอันตราย พี่กำลังจะโทรไปหาแม่" ที่เขาออกมาจากห้องผ่าตัดเพราะอยากโทรไปบอกแม่และน้องๆ ให้มาที่โรงพยาบาล"ผมอุตส่าห์เชื่อใจพี่ รอพี่อยู่ตรงนี้ ทำไมพี่พูดแบบนี้ รีบกลับเข้าไปช่วยพ่อสิ!" รันเวย์เริ่มใช้อารมณ์คุยกับพี่ชาย"แต่พี่.." นายแพทย์หนุ่มไม่เคยกดดันในการผ่าตัดมากขนาดนี้มาก่อน เพราะคนที่เขากำลังผ่าตัดอยู่คือบุพการี"เรื่องแม่กับพี่เวย์ เดี๋ยวผมจะจัดการเอง พี่กลับเข้าไปในห้องผ่าตัดช่วยพ่อให้ได้"เซอร์เวย์ไม่เคยเห็นน้ำตาน้องชาย มาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว แต่วันนี้รันเวย์ถึงกับมีน้ำตา เป็นใครก็ต้องมีอาการแบบนี้กันทั้งนั้น แต่เขาเป็นหมอจะอ่อนแอไม่ได้ ผู้เป็นพี่ชายก็เลยรีบกลับเข้าไปในห้องผ่าตัดเพล้ง!! โทรศัพท์ในมือแพทย์หญิงอมรรัตน์ร่วงกระทบพื้นอย่างแรงเมื่อได้รับข่าวร้ายจากลูกชาย"เกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่" รัญณาก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เพราะเห็นว่าเป็นเบอร์สามีที่โทรมา ก็เลยอยากรู้ว่าเขาโทรมาทำไม"เราไปโรงพยาบาลกัน""ใครเป็นอะไรคะ" ดูจากอากา
"อื้อ คุณรัน" ถ้าถามต้องรอคำตอบสิว่าเธออยากจะขึ้นไหม แต่นี้ถามยังไม่จบเลยด้วยซ้ำก็ดันตัวเธอให้ขึ้นมาอยู่ด้านบนแล้ว "โอ๊ย เจ็บนะคะ เบาๆ หน่อยสิ""ถ้างั้นคุณก็ใส่เข้าไปเองสิ" คนที่นอนอยู่ด้านล่างพยายามจับของตัวเองเพื่อส่งเข้าไปในร่างกายอีกฝ่ายหญิงสาวรอบกลืนน้ำลายก่อนที่จะทำตาม ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่ต้องการ เธอก็ต้องการไม่ต่างกัน"ซี๊ดด อ้าา ไม่ต้องกลัวผมเจ็บ นั่งทับลงมาเลย" เห็นว่าเธอพยุงร่างของตัวเองไว้ไม่กล้านั่งลงมาเต็มแรงหญิงสาวก็เลยค่อยๆ ให้มันกลืนหายเข้าไปในร่างกาย ถึงแม้เธอจะไม่เคยมาก่อน แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ เพราะเพื่อนหลายคนมีแต่เกเรทั้งนั้น ยังจำได้เลยครั้งหนึ่ง เพื่อนยังหลอกให้เธอไปเพื่อจะมีเซ็กส์กับแฟนของตัวเอง โชคดีที่เธอหนีออกมาได้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมารัญณาก็เลิกคบกับเพื่อนกลุ่มนี้ไปเลย"เคยเห็นคนขี่ม้าไหม ทำแบบนั้นแหละ" มือหนาเอื้อมไปจับสะโพกงามเพื่อช่วยเธออีกแรง"อ๊อยย จุก" จังหวะที่ทิ้งน้ำหนักลงมา เจ้าของท่อนเอ็นนั้นเด้งสะโพกขึ้นมารับ มันก็เลยเข้าไปเกือบจะสุดลำ"เดี๋ยวก็เสียว นั่งทับลงมาเต็มแรงเลย" ชายหนุ่มเห็นว่าเธอเก็บแรงไว้ไม่ทิ้งตัวลงมาทั้งหมดอีก ตอนที่
"ใครเป็นอะไร" แพทย์หญิงผู้เป็นแม่ ยังไม่ได้ยินเสียงเลยด้วยซ้ำ แต่เห็นลูกชายคนเล็กวิ่งเข้าไปก็เลยเดินตามมาดู"เปล่าค่ะไม่ได้เป็นอะไร" หญิงสาวรีบซ่อนมือไว้ด้านหลัง ที่จริงเธอร้องโอ๊ยออกมาเพียงแค่เบาๆ เพราะตกใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีใครได้ยิน"เอามือมาดู""ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไง""แล้วจะซ่อนมือทำไม" คนที่วิ่งเข้ามาก่อนเพื่อน เอื้อมมือไปคว้ามือของเธอที่ซ่อนอยู่ออกมา "แดงเลย""ฉันว่าจะยกหม้อลงมาวาง แต่ไม่คิดว่ามันจะร้อนขนาดนี้นี่""แม่เพิ่งปิดแก๊สเอง" ขนาดคนทำยังไม่แตะเลย เพราะคิดว่ามันต้องร้อนแน่"แล้วอีกข้างล่ะ" ถ้าเธอยกมันต้องใช้มือสองข้างแน่ เขาก็เลยยื่นไปจับอีกข้างหนึ่งมาดู "ตามออกมา""คุณโกรธให้ฉันทำไม""ทำอะไรซุ่มซ่าม""มีอะไรเหรอ""ก็มือไปโดนหม้อร้อนๆ น่ะสิครับ" รันเวย์ตอบพี่ชายไป"ที่รถมีที่ทำแผลเดี๋ยวพี่ไปเอามาทำให้""ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ" เธอจะตกใจอะไรก่อนดี เกิดมาไม่เคยมีใครเป็นห่วงขนาดนี้ ตกบันไดบ้านแท้ๆ พ่อยังไม่ถามเลยว่าเจ็บไหม"เดี๋ยวผมทำเองครับ"เซอร์เวย์ก็เลยปล่อยให้น้องชายเป็นคนทำแผลเอง แต่เขาก็ยืนบอกอยู่ว่าต้องใช้ยาตัวไหนทาก่อนจากที่นึกอิจฉาพี่สะใภ้ ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะดูเขา
"บ้านใครครับแม่""บ้านแม่เช่าไว้เอง" ดีนะที่ยังไม่คืนบ้านหลังนี้ไป สองครั้งแล้วสินะที่ออกจากบ้านมาเพราะสามี ครั้งนี้หวังว่าเขาคงจะคิดได้นะ นางก็เหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ที่ไม่อยากจะให้ครอบครัวแตกแยก แต่ถ้าเจอสามีที่เอาแต่ใจแบบนั้นใครจะทนฝืนอยู่ต่อไปล่ะ"รัญขอโทษนะคะ" นอกจากคำนี้เธอไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว"แม่บอกแล้วไงว่าหนูไม่ผิด พ่อเจ้ารันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่พี่ชายทั้งสองแล้ว""คะ?""เจอทุกคน" รันเวย์พูดเสริมแม่ขึ้นมารัญณาก็เลยคิดว่าสองคนนั้นเจออะไร เพราะดูพี่สะใภ้ของเขาเป็นผู้ดีมาก แต่มองดูตัวเองสิ สมควรแล้วที่ท่านจะไม่ชอบ"อย่าคิดมากเลยลูก อยู่แบบนี้ก็อบอุ่นดีนะ" บั้นปลายชีวิตนางอยากจะอยู่แบบสงบเลี้ยงหลานๆ แต่เพราะสามีหน้าใหญ่ถือยศถือศักดิ์ ก็เลยไม่มีความสุขกันสักที"เข้าบ้านกัน" ว่าแล้วมือหนาก็เอื้อมไปจูงมือเธอให้เดินตามหญิงสาวมองมือนั้นแบบอบอุ่น ทำไมเขากล้าพาเธอออกจากบ้านหลังใหญ่ ในเมื่อเขาไม่ได้คิดพิศวาสอะไรในตัวเธอเลย ..ความคิดที่อยากจะไปให้ไกล ตอนนี้มันหายไปไหนไม่รู้ เพราะเธอเริ่มรู้สึกดีกับเขามากขึ้นเดินเข้ามายังไม่ได้นั่งเลยด้วยซ้ำก็ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอด"เดี๋ยวแม่ออกไปด