ด้านเจ้าของห้องเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องก็รีบลุกเดินมาเปิดประตูห้องทันทีด้วยคิดว่าเป็นป้าพรที่เพิ่งนำขนมตาลมาให้กลับมาอีก แต่พอเปิดประตูออกกว้างก็เห็นคนที่ตนเองคิดถึงและตั้งใจมาหายืนอยู่หน้าห้อง สาวเจ้าก็โถมกายเข้าโอบกอดเขาแน่นทันที ส่วนคนที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวก็ดิ้นขัดขืนดันเธอออกห่าง “ปล่อยพี่ก่อนไวน์ ปล่อยพี่ก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันไม่ดี” เขาดิ้นและดันเธอออกห่างและเธอก็ยอมปล่อย “ก็ไวน์คิดถึงพี่มาร์ค ทำไมคะ ทำไมไม่รับสายไวน์เลยตั้งแต่กลับมา ไวน์เป็นมะ...อื้อ...” “ไปคุยกันในห้อง”เขายกมือขึ้นปิดปากเธอเมื่อเธอจะพูดสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยินออกมาพร้อมดันเธอเข้าไปในห้องและปิดล็อกประตูเรียบร้อย ก่อนจะปล่อยมือเธอ “ทำไมคะ ก็ไวน์เป็นเมียพี่มาร์ค ยังไงทุกคนก็ต้องรู้” เธอบอกเขาทันทีเมื่อปากเป็นอิสระ “แต่พี่ไม่ได้รักไวน์ และพี่ก็มีแฟนแล้ว เธอเลิกยุ่งกับพี่สักทีได้ไหม” “ไม่มีทาง ไวน์ไม่มีทางเลิกยุ่งกับพี่มาร์ค พี่เป็นของไวน์แล้ว และไวน์ก็เป็นเมียพี่แล้ว พี่ต้องรับผิดชอบ” เธอตอบอย่างคนดื้อดึง หึ! มโนภฤศแค่นยิ้มแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่
“แม่พรไปดูหนูไวน์สิ ส่วนพวกหล่อนตักข้าวให้ฉันได้แล้ว” นางสั่งให้คนสนิทของตนให้ตามหญิงสาวไป พร้อมสั่งให้เด็กรับใช้คนอื่นตักข้าวแทน พรก็รีบทำตามคำสั่งนายท่านของตนทันที “แปลก กับข้าวบนโต๊ะแม่สะอางทำอร่อยทุกอย่าง หอมๆ ทั้งนั้น หนูไวน์บอกว่าเหม็นได้ยังไง” มนัสวินเอ่ยพลางก้มลงไปสูดดมกลิ่นอาหารตรงหน้าตนก็หอมๆ ทั้งนั้น “นั่นสิ แม่ทำเองกับมือเลยนะ ก็ทำเหมือนทุกวัน กลิ่นหอมออกปานนี้ เอ๊ะ! แต่อาการแบบนี้ เหม็นอาหารมันเหมือนคนท้องเลยนะพ่อวิน หรือว่าหนูไวน์ท้อง” เมื่อนึกถึงอาการที่เด็กสาวเป็นแล้วมันชัดเจนเลย อาการแบบนี้แพ้ท้องแน่นอน นางรู้ดี เพราะสมัยตั้งครรภ์มนัสวินก็เหม็นอาหารแบบนี้ ทานอะไรไม่ได้ตั้งสามเดือน “ไม่ใช่หรอกมั้งแม่สะอาง ผมว่าไม่ได้ท้องหรอก หนูไวน์คงเพลียน่ะครับ เดินทางมาตั้งไกลนะครับ อย่าลืมสิ” “ถ้าเพลียไม่เหม็นอาหารหรอกพ่อวิน แม่ว่าหนูไวน์ต้องท้องแน่นอน รีบกินข้าวกันเถอะ กินเสร็จแม่จะให้เด็กชงยาหอมให้หนูไวน์แล้วซักถามหนูไวน์ว่าเป็นอะไรกันแน่ และแม่จะถามด้วยว่าท้องจริงไหม แม่ไม่อยากอยู่กับความสงสัยหรอกนะพ่อวิน” “ครับผม งั้นคุณแม่ทานปลาราดพริกนะครับ”
พลั่ก! ทันทีที่เดินพ้นหัวบันไดเรือนขึ้นมาก็โดนหมัดหนักๆ ของคนเป็นพ่อกระแทกใส่หน้าทันที จนเขาเกือบหงายหลังตกบันได แต่โชคดีที่จับราวบันไดไว้ได้ทัน โอ๊ย! “พ่อมาต่อยผมทำไมเนี่ย ผมพลัดตกบันไดขึ้นมาจะทำยังไง” “ดี ให้มันตายไปไอ้ลูกชั่ว! ไอ้ลูกเวร! กูเคยสั่งเคยสอนให้มึงทำตัวไร้ความรับผิดชอบเหรอไอ้มาร์ค” น้ำเสียงแหบแห้งเปล่งลอดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด “ดะ...เดี๋ยวก่อนนะครับ พ่อโกรธอะไรผม ผมทำอะไรอีกครับ” เขายกมือขึ้นห้ามกำปั้นของคนเป็นพ่อที่ตั้งท่าจะต่อยซ้ำอีกครั้ง “มึงยังไม่รู้อีกเหรอว่ากูต่อยมึงทำไมไอ้มาร์ค มึงคิดให้ดีซิว่าพ่อต่อยมึงทำไมไอ้ลูกหมา! พลั่ก!” แล้วมนัสวินก็กระแทกหมัดไปอีกครั้ง โอ๊ย! “พ่อโกรธอะไรผมเนี่ย แล้วเนี่ยต่อยผมทำไม ผมจะบอกคุณย่า” เขายกคุณย่าขึ้นมาขู่พ่อของตน “เออ! ไปฟ้องเลย ครั้งนี้คุณย่าให้กูจัดการมึงได้ตามใจ พรุ่งนี้ไปจดทะเบียนสมรสกับหนูไวน์ซะ แล้วงานแต่งงานของมึงกับหนูไวน์ กูกับคุณย่าจะจัดให้มึงและหนูไวน์เร็วที่สุด ก่อนที่หลานกูจะเกิด” คำสั่งเฉียบขาดของพ่อทำให้เขาเดือดดาลไม่แพ้กัน “ยัยนั่นบอกเหรอครับว
ปัง! ปัง! ปัง! เสียงทุบประตูหน้าห้องดังขึ้นรัวๆ จนเธอต้องรีบลุกมาเปิดประตูห้อง “สมใจแล้วใช่ไหม ที่ทำให้ฉันจดทะเบียนสมรสกับเธอได้ไวน์” น้ำเสียงห้วนแข็งกระด้างกระแทกใส่หน้าทันทีเมื่อประตูเปิดกว้างออก “หน้าพี่มาร์คไปโดนอะไรมาคะ” เธอไม่ตอบแต่ยื่นมือหมายจะจับแก้มที่แตกช้ำของเขา “เสือก! อย่ามายุ่ง” เขาปัดมือเธอออกแล้วก็พูดต่ออีก... “จำไว้...ให้ตายพี่ก็ไม่รักเธอไวน์ ถึงจะให้พ่อกับคุณย่าบังคับพี่ได้ พี่ก็ไม่เหลียวแลเธอ จำไว้ว่าพี่เกลียดเธอ พี่รักแค่แพรคนเดียว” พูดจบเขาก็เดินไปหน้าห้องตัวเองบิดลูกบิดประตูกระชากแรงๆ เปิดออกทันที ปัง! เสียงกระแทกประตูห้องข้างๆ ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย เธอปิดประตูห้องนอนของตัวเองแล้วเดินไปทิ้ง
มโนภฤศเม้มปากแน่นตลอดการขับรถมายังอำเภอเพื่อจดทะเบียนสมรสตามคำสั่งของพ่อและคุณย่า เขาไม่แม้แต่จะปริปากพูดกับคนที่นั่งมาด้วย และเธอเองก็เงียบไม่พูดไม่จาเช่นกัน จนตอนนี้มานั่งอยู่หน้าเจ้าหน้าที่ที่จะทำการจดทะเบียนสมรสให้เขาและเธอ “สวัสดีครับคุณมาร์ค” เจ้าหน้าที่หนุ่มเอ่ยทักทายเพราะรู้จักชายหนุ่มดี “อือ...หวัดดี” เขาตอบห้วนแล้วมองไปยังคนที่นั่งหน้านิ่งข้างๆ ตนก็ยิ่งหงุดหงิดอารมณ์ “มาทำอะไรวันนี้” “จดทะเบียนสมรส” เขาตอบสั้นๆ ห้วนๆ และคำตอบก็เล่นเอาคนฟังตกใจ เพราะคนที่มาด้วยไม่ใช่แพรไหม แฟนสาวที่คบไปไหนมาไหนด้วยกัน “ครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มตอบรับรู้สั้นๆ พร้อมเตรียมเอกสารทุกอย่างมาให้ทั้งสองได้เซ็นและไม่ลืมบอกชายหนุ่มให้ยิ้ม “ยิ้มหน่อยสิคุณมาร์ค ทำหน้าเหมือนโดนบังคับงั้นแหละ”&
มโนภฤศต้องแบ่งพื้นที่ห้องและเตียงนอนที่ตนเคยนอนกับแฟนสาวให้กับวรนิษฐ์ ตอนนี้หล่อนย้ายมาอยู่ห้องเขาแล้ว และคนที่สั่งก็คือคุณย่านั่นเอง ตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้สามสัปดาห์ ไม่อยากเชื่อว่าหลังจากคืนนั้นไม่นาน แค่เดือนเดียวหล่อนจะตั้งท้องทันที เขาพลาด...พลาดที่ไม่ได้ป้องกันและปล่อยตัวไปกับรสสวาทคืนนั้น “สมใจแล้วสินะ ที่ได้เป็นเมียฉัน แต่ฝันไปเถอะ เธอจะเป็นได้แค่เมียกอดทะเบียนสมรสเท่านั้นแหละ เพราะฉันจะไม่แตะต้องเธอไวน์” เขาบอกเธอเมื่อเธออาบน้ำออกมาจากห้องน้ำ แม้จะเห็นว่าหล่อนไม่ได้สวมชุดชั้นใน เพราะชุดนอนตัวบางนั้นเวลาโดนแสงไฟก็มองทะลุเข้าไปข้างในเห็นเรือนร่างสวยงามที่เคยสัมผัสทาบทับ “ค่ะ สมใจแล้วตอนนี้ และไวน์จะทำให้พี่มาร์ครักไวน์ให้ได้ พี่มาร์คจะต้องไม่รักใครนอกจากไวน์” เธอตอบสวนกลับ หึ! “ไม่มีวันนั้นหรอก เพราะคนเดียวที่ฉันรักคือแพร” เขาตอบกลับอย่างมั่นใจ
อือ มือเล็กปัดมือใหญ่ออกจากไหล่ตัวเองขยับตัวห่างไปอีกไม่ยอมตื่น ด้วยความอ่อนเพลียจากการแพ้ท้องเลยทำให้เธอหลับง่ายเพียงแค่หัวถึงหมอนก็หลับได้แล้วสำหรับว่าที่คุณแม่อย่างวรนิษฐ์ “ไวน์” เขายังคงตามไปแตะหัวไหล่เล็กในความมืดสลัวเขย่าปลุกและขยับตัวไปเบียดแผ่นหนังเธอพร้อมกับสอดมือใหญ่ไปใต้ร่างเธอแล้วยกรั้งเธอเข้าหาตัวเอง “อือ...มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะคะพี่มาร์ค อือ...” เธอแกะมือที่กอดรัดหน้าท้องตัวเองออกแล้วจะขยับตัวห่างอีก แต่เขาก็กอดรั้งเข้าหาอีกพร้อมกับหน้าของเขาเคลื่อนมาเกยหัวไหล่เล็กของเธอพร้อมกัดเม้มติ่งหูของเธอ “อือ...ไม่ได้ เธอจะนอนไม่ได้ ไหนๆ เธอก็เป็นเมียแล้วไม่ใช่เหรอ ขอหน่อยสิ” เขาบอกเสียงซ่านกระเส่าราวกระซิบข้างหูเธอแล้วเริ่มรุกเร้าปลุกเร้าเจ้าหล่อนให้ตื่นมาตอบสนองตนเอง “อ่ะ...อื้อ ไ
“อ่า...แน่นเป็นบ้า ยังแน่นเหมือนครั้งแรกไม่มีเปลี่ยน อูว์...อ่า” พั่บ! พั่บ! พั่บ! ความคับแน่นของภายในสาวทำให้เขาเคลื่อนไหวโยกเร่าบดเอวสอบกระแทกจ้วงลึกหนักหน่วง สองมือใหญ่กอบกุมสองเต้าที่แอ่นเด้งเบียดหน้าอกตัวเอง บีบคลึงขยุ้มขยำหนักหน่วง ปากหนาโน้มลงไปดูดเร่าละเลียยอดอกที่แข็งตึงของสาวน้อยใต้ร่างที่อ่อนคล้อยตามแรงเคลื่อนไหวสวาทของตน “อ่า...ไม่ไหวแล้ว ร้อน...ไวน์ร้อนพี่มาร์ค อือ...” “ชูว์...พี่รู้ว่าไวน์ร้อน พี่เองก็ร้อน ไวน์ตอดรัดพี่แน่นมาก อ่า...เสียวไม่ไหวแล้ว อืม...ไม่ไหวแล้ว ตอดรัดดีเหลือเกิน อืม...” พั่บ! พั่บ! พั่บ!&nbs
“ขอโทษด้วยนะมาร์ค แม่ของแพรท่านก็เป็นแบบนี้แหละ”“ไม่เป็นไรครับ ผมก็หวังว่าท่านจะเห็นใจแพร สงสารแพร ผมกลับแล้วนะแพร ตอนนี้ท่านก็กลับมาแล้ว”“อือ...ขอบใจนะที่ช่วยตลอดมาและช่วยทุกอย่าง”“มาร์คเต็มใจ และเงินถ้าไม่มีก็ไม่ต้องคืนก็ได้ มาร์คช่วยเหลือด้วยใจ”“แต่เงินมันไม่ใช่น้อยๆ นะมาร์ค และมันก็หลายครั้งแล้ว”“งั้นแพรก็ทยอยใช้คืนไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันจนกว่าจะหมด มาร์คไม่เร่งรัดหรอก เพราะมาร์คไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินอยู่แล้ว” เขาบอกเธอก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหยิบแก้วน้ำที่เหลือครึ่งแก้วบนโต๊ะขึ้นมาดื่มหมดแก้วแล้วเดินออกจากคาเฟ่ไปทันที และทันทีที่เขาจากไป แม่ของแพรไหมก็เดินออกมาจากหลังร้าน“ไหนบอกเลิกกันแล้ว ทำไมคุณมาร์คยังมาใช้หนี้ให้แกอีกนังแพร” นางถามทันที“เลิกกันค่ะ แต่เขาใจดีสงสารแพรเลยมาช่วยค่ะ”“นังโง่! ทำไมไม่ปล่อยให้ท้องจับเขาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปฮึ”“แพรทำไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างตอนนี้มาร์คก็มีเมียและลูกแล้ว”“นังลูกโง่! เพราะแกดีแบบนี้ไงถึงได้โดนคนอื่นฉกไปแบบนี้ นังลูกโง่!” พูดจบก็เดินไปยังประตูร้านทันที
เสียงช้อนที่ตักข้าววางกระแทกกับจานทันที“งั้นก็เชิญ กินให้หมดล่ะ”“ค่ะ” แล้วเธอก็หยิบถาดที่หน้าตักเขามาวางไว้ที่หน้าตักตัวเองแล้วตักทานเงียบๆ ไม่พูดอะไรต่ออีก และทานไปหลายคำก็นึกสงสัยรสชาติ มันไม่เหมือนกับคนในบ้านเขาทำให้กินจึงถามขึ้น“ไม่ใช่ฝีมือพี่น้อยและคนอื่น ใครทำคะ หรือว่าพี่มาร์ค”“พี่ทำเอง ไม่อร่อยเหรอ?”“พอกินได้ค่ะ” เธอตอบแล้วก็ตักกินต่อแล้วก็เงยหน้ามองเขาที่จ้องเธอตลอดการกิน“มองอะไรคะ เอาข้าวมาให้แล้วจะไปไหนก็ไปสิคะ”“พี่จะรอเรากินหมดจานและกินยานอนถึงจะไป”ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!วรนิษฐ์ยังไม่ทันได้ตอบกลับก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นจนเขาลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องและออกไปจากห้อง ไม่เดินกลับมาหาเธอ และเธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันหน้าห้องไม่ชัด แต่เสียงนั่นคือเสียงของแฟนเขาที่มาตาม“คนใจร้าย!”เธอยกถาดข้าวผัดไข่ไปวางไว้โต๊ะข้างหัวเตียงและดื่มน้ำกับเดินลงไปหยิบยาบำรุงครรภ์ตัวเองมาทานและยาลดไข้ที่วางใกล้ๆ กันมากินด้วย และเมื่อกินยาเสร็จก็เดินกลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ในลิ
“จะกลับสวีเดนค่ะ สนุกพอแล้วและเบื่อแล้วตอนนี้ ส่วนใบหย่าและงานแต่งงานก็ไม่ต้องห่วงนะคะ ใบหย่าไวน์จะเซ็นให้ค่ะ ส่วนงานแต่งงาน พี่ก็แต่งกับคุณแพรที่รักนักรักหนาเลยค่ะ รักกันมากนักนี่ถึงได้พากันมาอยู่ที่บ้านตอนที่พ่อวินกับคุณย่าไม่อยู่”“อย่ามาทำนิสัยเด็กๆ กับพี่นะไวน์” เขาคว้าข้อมือเล็กพร้อมกระชากร่างเล็กของหล่อนเข้ามาหาตนอุ๊ย!เธอดันมือตัวเองกับหน้าอกของเขาไว้เพื่อไม่ให้ร่างตัวเองบดเบียดไปกับร่างใหญ่ของเขา“ถึงจะหย่าให้ไงคะ และจะกลับสวีเดนด้วย”คำพูดของวรนิษฐ์ทำให้เขารู้สึกใจหายวาบและเจ็บปวดแปลบๆ ขึ้นมาในอก“แล้วลูกล่ะ? เธอจะบอกพ่อกับแม่เธอยังไงถ้าท้องเธอโต แถมเธอก็แพ้ท้องด้วย”“ลูกไม่เห็นมีอะไรนี่คะ เพราะลูกก็อยู่ในท้องไวน์ อีกอย่างเรื่องพ่อกับแม่ของไวน์ พี่มาร์คไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เดี๋ยวไวน์จะอธิบายเอง พี่มาร์คไม่ได้อยากรับผิดชอบเราสองคนอยู่แล้ว เพราะคนที่รักและห่วงใยคือคนที่อยู่ในครัว และก็ปล่อยได้แล้วค่ะ” เธอขืนตัวเองในอ้อมกอดเขา แต่เขากลับรัดแน่นกว่าเดิม“ไม่ปล่อย ตัวก็ยังรุมๆ อยู่ ไปพักเถอะ และห้ามไปไหนทั
ความเจ็บจุกกระแทกอกเมื่อตอนเช้าตั้งใจจะมาทำมื้อเช้าให้ตนและสามีอย่างมโนภฤศ แต่เดินมายังไม่ถึงห้องครัวก็ได้ยินเสียงหัวเราะต่อกระซิกดังลอดออกมาจากห้องครัวข้างหน้าตน เธอเลิกคิ้วสงสัยว่ามันเป็นเสียงใครกัน แต่อีกเสียงพูดที่ได้ยินคือเสียงของมโนภฤศแน่นอน เธอจำได้ เท้าเล็กจึงเร่งสาวเท้าไปยังห้องครัวเพื่อจะไปดูให้เห็นกับตา และพอเดินมาถึงหน้าประตูห้องครัวที่เปิดกว้างอยู่ก็ถึงกับหน้าชา ขาชาก้าวเดินไม่ออก เป็นใบ้ขึ้นมาทันทีเมื่อภาพที่เห็นมันตำตาตำใจของหล่อนเหลือเกิน วรนิษฐ์เม้มปากแน่นแล้วสูดลมหายใจแรงๆ ตั้งสติแล้วเอ่ยถามทั้งสองที่กำลังโอบกอดกันอยู่ในครัวทันที “ทำอะไรกันคะ?” น้ำเสียงเล็กแต่กระแสเสียงของเธอบอกได้ชัดว่าไม่พอใจกับทั้งสองคนที่โอบกอดกันอยู่ มโนภฤศผละออกห่างแพรไหมทันทีเมื่อได้ยินเสียงเล็ก เมื่อกี้แพรไหมเธอจะล้ม เขาเลยรับไว้ก็เท่านั้นเอง นี่คือความจริงที่เขาอธิบายในใจไม่ได้บอกหล่อน “ทำกับข้าว” เขาตอบสั้นๆ “เหรอคะ ปกติตอนเช้าพี่มาร์คจะไปวิ่
หล่อนบิดเร่าครางซ่านสวาทพร้อมกับเอวเล็กที่ถูกยกอุ้มขึ้นลงเป็นจังหวะก็ถูกเอวสอบกระแทกหนักหน่วงขึ้นหาจนกระเด็นกระดอนตามแรงไปเลยทีเดียว เธอชอบให้เขาสอดแทรกในกายแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกว่าเขารักตนเองบ้าง ทำให้รู้สึกว่าเขาเริ่มมีใจให้ตนเองไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องการแบบนี้ “อ่า...พร้อมกันไวน์ พร้อมกัน อ่า...พี่จะพาเราไปให้ถึงฝั่ง อ่า...อืม” แล้วมือใหญ่ก็ยกอุ้มดันเธอขึ้นลงจนสองเต้าอวบหยุ่นเบียดสีไปกับหน้าของเขาและเอวสอบก็เคลื่อนไหวยกเร่าตอบสนองหมุนควงร้อนอยู่ใต้น้ำ ตอนนี้สองร่างเปียกปอนและสายน้ำก็กระเด็นกระเซ็นตลอดการเคลื่อนไหวสวาทของทั้งคู่ “โอว์...ไวน์ อ่า...” เสียงครางกระเส่าเสียวยังคงดังออกมาเป็นระยะพร้อมกับทั้งสองเคลื่อนไหวบดเร่ากันในน้ำ หัวใจของมโนภฤศยากจะฉุดกลับ ตอนนี้มันโดนสาวเจ้าที่แอ่นเด้งเร่าขึ้นหาตอนนี้ตกไปเรียบร้อยแล้ว โดนตกไปแบบไม่รู้ตัว และสำหรับวรนิษฐ์แล้วยิ่งรักและหวงชายหนุ่ม ยิ่งไม่อยากเสียเขาไปให้ผู้หญิงคนไหน&nbs
พอเจอลำธารใสสะอาดน่าเล่น วรนิษฐ์ก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น“ว้าว! น่าเล่นจังเลยค่ะ น้ำใสจัง” เธอเห็นน้ำใสน่าเล่นก็ถอดรองเท้าผ้าใบและถุงเท้ากองไว้ข้างลำธารแล้วลงไปเล่นน้ำทันที ไม่สนใจคนที่ก้มหน้าวิดน้ำใส่หน้าตัวเองข้างลำธาร“ระวังด้วยล่ะ อย่าไปตรงนั้นมันลึก” เขาชี้มือไปทางอีกฝั่งด้วยกลัวเธอจะเล่นไปถึงตรงนั้นด้วยความเป็นห่วง“ไวน์ว่ายน้ำเป็นค่ะ เป็นนักกีฬามหา’ลัยด้วย”“อวดเก่ง” เขาบอกแค่นั้นแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำเงินดำตัวเองออกมาซักกับน้ำในลำธารที่ไหลตลอดเวลา“พี่มาร์คมาเล่นน้ำด้วยกันค่ะ” เธอกวักมือเรียกเขา และมโนภฤศก็มองคนที่กวักมือเรียกตัวเองแล้วก็กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอเวลามันเปียกน้ำมันบางจนเห็นข้างในและมันก็แนบไปกับเนื้อและหน้าอกอวบอูมของหล่อน“ถ้าฉันไม่อยากแค่เล่นน้ำล่ะ” เขาบอกเธอ“ก็เรื่องของพี่สิคะ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ไวน์จะเล่นน้ำ” คนไม่เข้าใจในความหมายเอ่ยตอบแล้วดำลงไปใต้น้ำแหวกว่ายเล่นอย่างสบายใจหึหึมโนภฤศถอดกางเกงยีนส์สีดำขาดเข่าตัวเองวางไว้ที่ข้างล
“ก็ให้คนที่บ้านตำให้กินได้ค่ะ อีกอย่างคนท้องชอบกินอะไรเปรี้ยวๆ แบบนี้ปกติค่ะ” ป้าคนงานเอ่ย“จริงค่ะ เนี่ยเปรี้ยวปากน้ำลายแตกตั้งแต่ได้กลิ่นปลาร้าเลยค่ะ ของไทยเราดีจริงๆ นะคะ ไวน์อยู่สวีเดนไม่ได้กินอาหารแบบนี้เลย พอมาอยู่นี่ได้กินแบบนี้แล้วชอบมากเลยค่ะ” เธอบอกป้าคนงานและตักตำมะยมใส่มะขามคำโตเข้าปาก โดยไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าของไร่ได้เดินมายืนอยู่ด้านหลังของเธอแล้ว“พวกป้าไปทำงานก่อนนะจ๊ะ หนูไวน์กินเถอะ” หนึ่งในป้าคนงานเอ่ย“เหลือเต็มจานเลย กินด้วยกันก่อนสิคะ ไวน์กินไม่หมดหรอกป้า” เธอเรียกให้ทุกคนอยู่กินต่อเป็นเพื่อนตน“พี่เขียดด้วย จะไปไหน มากินด้วยกันก่อนค่ะ” และเขียดเองก็ลุกลงจากแคร่ไปยืนข้างๆ แคร่เช่นกัน“อร่อยไหม?” คนตัวโตโน้มตัวลงไปเอ่ยถามข้างหูเธอจนมือที่ถือช้อนอยู่อ่อนแรงปล่อยช้อนหลุดมือลงจานตำมะยมใส่มะขาม“พะ...พี่มาร์ค ไวน์ไม่ได้อู้งานนะคะ ไวน์แค่พักเที่ยงเอง” เธอหันมาบอกเขาและปลายจมูกก็ชนเข้ากับปลายจมูกโด่งอย่างจังอุ๊ย!“พักเที่ยงแล้วก็ไปทำงานได้แล้ว แล้วเนี่ยกินข้าวกับอะไรตอนเที่ยง” เขาถามเธอเมื่อเห็นว่
พ่อไปต่างจังหวัดไปเยี่ยมเพื่อนที่กำลังเจ็บป่วย บอกจะไปหนึ่งอาทิตย์ ส่วนคุณย่ากับป้าพรคู่หูก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัดหนึ่งอาทิตย์ และที่บ้านก็เงียบเหงาเหลือเกิน ปกติเขาก็ไม่ค่อยสนใจอยู่แล้ว บ้านหลังใหญ่เหลือเพียงเขาและวรนิษฐ์อยู่ด้วยกัน มโนภฤศมองคนที่นอนหลับสนิทบนเตียง เขาอาบน้ำเสร็จออกมาก็เห็นวรนิษฐ์หลับสนิท เป็นแบบนี้ทุกวัน เพราะสองวันแล้วที่หล่อนไปทำงานที่โรงหมักปุ๋ยและช่วยคนงานใส่ปุ๋ย พรวนดินในไร่ด้วย เขาเดินมานั่งบนเตียงแล้วมองไปยังมือเล็กของเธอที่ตอนนี้หมองคล้ำ เขาจึงฉวยโอกาสจับมือเธอแล้วดึงมาดู มือนุ่มนิ่มเต็มไปด้วยแผลพุพองจากการกำด้ามพลั่วและจอบเสียม บางตุ่มพองและแตกไปแล้ว คงเจ็บและแสบมากสินะตอนตุ่มที่มือแตก “อยากอวดดีเอง ช่วยไม่ได้”แล้วเขาก็ปล่อยมือเล็กนั้นกลับไปเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่อยากจะทำแผลให้เธอและถามว่าเจ็บมากไหม แต่เมื่อนึกถึงความรั้นของวรนิษฐ์ก็ทำให้เขาไม่สนใจ “ให้มันรู้ไปว่าเธอจะทนได้นานแค่ไหนกันไวน์ จะอวดดีอวดเก่งทำง
“เขียดครับ เรียกผมว่าเขียดก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียกผมว่าพี่ก็ได้ครับคุณไวน์” ไอ้เขียดบอกเธอเพราะเธอเป็นนาย “ได้ยังไงคะ พี่เขียดดูเหมือนจะอายุเยอะกว่าไวน์ เรียกไวน์เฉยๆ นะคะ ไม่ต้องเรียกคุณเคินหรอกค่ะ คนกันเอง เราคือครอบครัวเดียวกันแล้วนะคะ ต่อไปนี้ไวน์จะมาทำงานที่โรงหมักปุ๋ยทุกวันและจะไปช่วยทำงานที่โรงแพคสตรอว์เบอร์รีอบแห้งด้วยค่ะ” เธอบอกทุกคนให้ปฏิบัติกับตัวเองเหมือนคนกันเอง และยิ่งทำให้ทุกคนเอ็นดูประทับใจในตัวเธอแม้จะเพิ่งเจอกันครั้งแรก “แต่หนูไวน์ท้องอยู่นะ อย่าทำงานหนักมากนะ พวกยกของอะไรให้ไอ้เขียดหรือเรียกพวกป้าๆ กับลุงๆ และพี่คนอื่นได้นะลูก” หนึ่งในป้าคนงานเอ่ยบอกเตือน “ค่ะป้า ขอบคุณนะคะ ถ้าจะยกอะไร หนูจะให้ทุกคนช่วยนะคะ รบกวนสอนงานไวน์ด้วยนะคะ” “ยินดีค่ะ / ยินดีครับ” แล้วทุกคนก็ต่างพากันทำงานต่อ และตรงไหนที่วรนิษฐ์สงสัย เธอจะถามทุกคนทันทีและทุกคนก็พร้อมใจกันจะสอน