“มึงคงจะได้ข่าวเรื่องท่าเรือที่เป็นข่าว” เดนีนพยักหน้าน้อยๆแต้มยิ้มที่มุมปากตามสไลต์ของเจ้าตัวแต่เดนีสมองว่าเป็นรอยยิ้มที่น่าเสยหมัดใส่สักเปรี้ยง
“ขัดขาเรื่องผลประโยชน์ความจริงมีคนตายด้วยแหละแต่เงินหนามากพอที่จะอุดปากสื่อไม่ให้เล็ดลอดออกไป” เดนีสแสยะยิ้ม
“ใคร”
“ไม่ใกล้ไม่ไกลเห็นว่าเป็นไม้เบื่อไม้เบากันมานานเกี่ยวโยงถึงทางฝั่งอีสาน”
“พ่อเลี้ยงดนัย?”
“อือเป็นลูกพี่ลูกน้องฝั่งนั้นทำตู้คอนเทนเนอร์ส่งไปยังต่างประเทศแต่ลูกค้าตัวดีดันยัดทองคำใส่พระพุทธรูปหลายตันงานนี้ผีขายหน้าชัดๆหลุดมือหรืออะไรนี่แหละพระพุทธรูปที่ถูกยัดไส้ด้วยทองคำแท่งเลยโป๊ะแตก” เขาทึ่งข่าววงในจากปากแฝดน้องไม่น้อยนี่สินะที่ว่าโลกธุรกิจต้องหูตากว้างไกลรู้เขารู้เราเมื่อก่อนเขาไม่สนใจใคร่รู้ข่าวพวกนี้มาก่อนเลย
“ว่าแต่อยากจะรู้ไปทำไม” เดนีนถามพลางจิบแชมเปญในมืออึกใหญ่ดับกระหายอีกอย่างเขาไม่ค่อยได้เห็นสีหน้าจริงจังและแววตาขึงขังเอาจริงเอาจังของแฝดพี่แบบนี้มาก่อน
“เพราะเหยียบตีนนายน้อยดารากรจริงๆนั่นแหละ”
“แต่ข่าวก็ตลกดีว่าแต่…ไม่เห็นหนีบเอามาด้วย” เดนีสเลิกคิ้วแม้ว่าในข่าวจะไม่ได้ระบุโต้งๆว่าเป็นใครแต่แฝดน้องที่อยู่ห่างไกลร่วมร้อยกว่ากิโลเมตรสามารถเดาได้ว่าใครนี่ก็น่าสงสัยอยู่ไม่น้อยเดนีสหรี่ตาจับผิด
“มีอะไรที่มึงไม่รู้บ้าง”
“มีสิเยอะด้วย”
“แสนรู้”
“ขอบคุณที่ชม” เดนีนค้อมหัวให้ด้วยมาดกวนๆเหมือนว่าหากเดนีสไม่ไล่เตะอีกฝ่ายจะไม่ยอมเลิกราแต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ขันมาล้อเล่นกับมัน
“กูจะทำกฐินสามัคคีให้สตุลยามึงจะร่วมหรือเปล่า”
“ฮ่าๆเรื่องสนุกแบบนี้ไม่ร่วมก็เสียดายแย่” สองพี่น้องชนสันหมัดใส่กันก่อนจะเดินกอดคอกันไปหาเดนิมอีกมุมหนึ่งของสวน
“เดนีสดูโตขึ้นนะคะ” ลลดาหันมาพูดคุยกับสามีที่นั่งอยู่ร่วมวงกับญาติพี่น้องคนอื่นกระซิบกระซาบกันเพราะว่าเสียงดนตรีที่บรรเลงกลบเสียงพวกเขาเกือบหมด
“อืม”
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะวันนี้คุณก็คุยกับลูกเสียนานสองนานฉันนึกว่าคุณจะเรียกตานีสไปด่าซะอีก”
ท่านเจ้าสัวโอบเอวภรรยาพลางถอนหายใจ
“การทำธุรกิจไม่ง่ายลูกก็อยู่ในช่วงที่หกล้มคลุกคลานเลยเข้ามาปรึกษาหารือเรื่องบริหารน่ะ”
“คราวก่อนก็ใจหายใจคว่ำดีที่มีวินตรา”
“ใช่”
“เด็กคนนั้นเก่งจริงๆนะคะจัดการตานีสเสียอยู่หมัดไม่เหมือนเลขาคนก่อนหน้าฉันสังเกตมาพักหลังๆตานีสดูเปลี่ยนไปดูเอาจริงเอาจังกับชีวิตมากขึ้นเหมือนว่าชีวิตมีเป้าหมายไม่เอ้อระเหยลอยชายเหมือนเมื่อก่อนทำให้ลูกเราตื่นตีห้าได้นี่แสดงว่าไม่ธรรมดา” ลลดากล่าวขบขัน
“วินตราเป็นคนเก่งแต่ว่าปูมหลังครอบครัวค่อนข้างหดหู่และน่าสงสารไม่น้อย” ลลดาลูบแขนสามีตัวเอง
“แล้วยังไงคะเด็กคนนี้ทำให้ดาเห็นและเข้าใจที่ว่า ‘คนเราเลือกเกิดไม่ได้และเลือกที่จะเป็นได้’ อดีตแก้ไขอะไรไม่ได้แต่ปัจจุบันต่างหากที่สำคัญเห็นคุณว่าพ่อเลี้ยงดนัยเอ่ยชมใหญ่”
“ใช่แล้วคุณจะรังเกียจเด็กคนนี้หรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ” ลลดาส่ายหน้าก่อนจะเงยหน้าสบตากับสามี
“คุณอย่าบอกนะว่า…” ลลดากวาดสายตาไปทั่วลานหน้าบ้านที่จัดงานเลี้ยงก็ไม่เห็นเงาลูกชายคนโตของตัวเอง
“ไปแล้ว”
“ไปไหนคะ?” ท่านเจ้าสัวไม่ตอบก่อนจะยกชาร้อนขึ้นมาจิบ
วินตรางัวเงียเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูในห้องนอนแม้จะเบาแต่วินตราที่นอนไม่ค่อยจะหลับอยู่แล้วลุกขึ้นพลางขยี้ตามองเห็นอีกฝ่ายที่ยิ้มแป้นก่อนจะเดินมานั่งข้างเตียง
“โทษทีทำนายตื่น” ประคองวินตราลงนอนเหมือนเดิมจุมพิตที่หน้าผากเบาๆก่อนจะผละเข้าห้องน้ำไป
ไอ้บ้า! เข้ามาไม่ให้สุ้มเสียงแถมยังมาจุ๊บคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งตัวใครจะนอนต่อได้กันได้แต่ก่นด่าอีกฝ่ายในใจเงียบๆเมื่ออาบน้ำเสร็จเดนีสก็ซุกตัวในผ้าห่มผืนใหญ่ทำตัวเป็นเตาอุ่นร้อนให้ความอบอุ่นกับแมวน้อยแสนขี้เกียจแถมยังขี้หนาวของเขายิ่งได้ฟังเรื่องราวที่อีกฝ่ายประสบมาก็อยากจะทำดีและทะนุถนอมให้มากกว่านี้
“นึกว่าจะนอนค้างที่บ้านใหญ่”
“คิดถึงคนแถวนี้”
“แถวไหนล่ะ”
“วินตรา” เดนีสเรียกชื่ออีกฝ่ายพร้อมกับบีบแก้มแรงๆอย่างมันเขี้ยวแถมยังหอมหลายฟอดใหญ่
“อย่าปีนเกลียว” วินตราเอ่ยขณะที่นอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นเดนีสถูใต้จมูกตัวแรงๆก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“อย่าพึ่งนอน”
“อะไร” วินตราตอบเสียงห้วน “นี่มันกี่โมงกี่ยามละ” วินตราลุกจากที่นอนด้วยใบหน้าบูดบึ้งก่อนจะเห็นสร้อยคอที่มีจี้ตกลงห้อยอยู่กลางอากาศ
“สุขสันต์วันเกิด” วินตราหน้าไม่เปลี่ยนแต่แววตามีความวูบไหวจนต้องผินหน้าไปอีกทางเพื่อสะกดกั้นอารมณ์บางอย่างที่ปะทุอยู่ในอก
“ทำไมไม่ชอบเหรอ” วินตราส่ายหน้า
“ที่มาอยู่ด้วยก็เพราะฉันอยากจะเป็นคนแรกที่อวยพรวันเกิดให้นายหันหลังมาสิฉันสวมให้” วินตรายังนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้หันหลังให้แพขนตาที่กำลังสั่นระริกนั้นจนเข้ามันกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ให้น้ำตาแห่งความอ่อนแอนั้นไหลออกมา
วินตราเคยถามคำถามประโยคหนึ่งกับตัวเองเสมอ“เขาเกิดมาทำไมเกิดมาเพื่ออะไร?” หรือเกิดมาเพื่อประสบกับโชคร้ายแล้วก็ตายไปอย่างนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าความสุขในชีวิตคืออะไรเขาไม่เคยเข้าใจความรักความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวพ่อแม่ที่ให้กำเนิดกลับกลายเป็นฝันร้ายทุบตีเขาตั้งแต่จำความได้เป็นเด็กที่หิวโหยจนไส้กิ่วหลับตาก็มีแต่ความหวาดระแวงไม่รู้ว่าพ่อขี้เมาที่เป็นผีพนันจะกลับมาเฆี่ยนตีเขาเพื่อระบายโทสะอีกเมื่อไหร่ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มตามวัยไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขจำต้องกล้ำกลืนฝืนทนไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาพ่อเคยพูดว่า ‘รอยยิ้มของเขาเป็นรอยยิ้มหยัน’ เขาแค่เพียงอยากยิ้มอยากพูดคุยหัวเราะด้วยกันเหมือนอย่างครอบครัวอื่นทั้งๆที่ความจริงเป็นรอยยิ้มที่ซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ในนั้นมากมาย เขากลับยิ้มให้พ่อตอนที่เขาเสียพนันผลสุดท้ายก็ถูกตบจนเลือดกบปากพ่อไม่เคยโอบกอดเขาไม่เคยเลี้ยงดูอุ้มชูดีเท่าไหร่แล้วที่ต้นกล้าอย่างเขาไม่เหี่ยวเฉาตายไปเสียก่อนแต่กลับกลายเป็นต้นไม้ที่เนื้อในเป็นโพรงอาศัยรากแก้วค้ำยันเฮือกสุดท้ายหากวันใดพายุคะนองซัดถาโถมเข้ามาต้นไม้แห่งความหวังต้นนี้คงจะล้มครืนและแห้งตายในที่สุดแต่คนตรงหน้ากลับค
หลังจากหยุดยาวปีใหม่ ท่านประธานที่ไม่รู้ไปกินยาโด๊ปมาจากไหนก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เหมือนเป็นคนละคนจนเลขาหน้าห้องอย่างปรียานุชรู้สึกได้ รวมไปถึงการประชุมบอร์ดบริหารล่าสุดที่ท่านประธานเสนอโครงการจัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาก็ผ่านมติเห็นชอบอย่างฉลุย อีกทั้งบอร์ดบริหารก็ไม่ได้ด่ากราดสาดน้ำลายใส่ท่านประธานเหมือนอย่างแต่ก่อน คำพูดคำจาของท่านประธานก็ฉะฉานมีลูกล่อลูกชน เหมือนมีร่างอวตารของคุณเลขาอยู่ในนั้นหนึ่งส่วน สีหน้าราบเรียบจนคนเดาอารมณ์ไม่ออกทำให้หลายคนเกร็งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว การบริหารปีที่ 3 เหมือนว่าจะราบเรียบและมีอุดมการณ์เป็นของตัวเอง ซักถามไล่เลียงจนหัวหน้าแผนกต่าง ๆ ไม่กล้าทำงานผิดพลาด อีกทั้งยังมุ่งมั่นตั้งใจทำงานตามท่านประธานไปด้วย จากชื่อเสียงฉาวโฉ่ในคราเรียกเปลี่ยนไปได้รับความชื่นชมอย่างช้าๆเดนีสไม่รีบร้อนการเติบโตของเขาต้องอาศัยเวลาและประสบการณ์รวมไปถึงบารมีที่ผู้คนต่างใช้การยอมรับและนับถือต้องซ่อนคมไว้ในฝักไม่เปิดเผยจุดอ่อนให้ศัตรูได้รู้ง่ายๆเหมือนเมื่อก่อนและช่วงนี้เขาก็ติดต่อกับพ่อเลี้ยงดนัยขยายอิทธิพลทางธุรกิจจากฝั่งอีสานค่อยๆตีตื้นมาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลอย่างช้าๆเริ่ม
ทั้งๆที่เพิ่งจะได้รับคำชมเยินยอจากคณะผู้บริหารอาวุโสมาแท้ๆอยากจะให้มาเห็นตอนนี้นัก“วินตรา” อีกฝ่ายเรียกเขาเสียงยานคราง “ไม่ได้การแช่ออนเซนก็มีข้อปฏิบัติเหมือนกันยิ่งดื่มเหล้าคอพับแบบนี้ไม่ได้” เพราะว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะช่วยเร่งการไหลเวียนเลือดไม่เหมาะกับการแช่ในน้ำร้อนบางรายอาจเกิดเลือดออกในสมองและยิ่งเมาคอพับแบบนี้เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุกับน้ำร้อนในบ่อได้เช่นกันบ่อส่วนตัวขนาดใหญ่ที่สามารถลงไปแช่เหยียดขาพร้อมกันได้สองคนแบบนี้ยิ่งอันตรายเมื่อเห็นสีหน้าไม่ยินยอมของคุณเลขาเดนีสก็หางลู่คอตก“ใจร้าย” ก่อนจะเดินโซซัดโซเซนอนคว่ำกับเตียงกว้างกรนเสียงดังสนั่นวินตราเดินออกมาหลังจากจัดแจงน้ำร้อนเสร็จเขาเดินมาคลุมผ้าให้ท่านประธานที่หน้าแดงก่ำหลังจากดื่มสาเกแทนเขาไม่รู้กี่แก้วมุมปากยกยิ้มก่อนจะจิ้มที่แก้มของคนเมายังไม่ทันเก็บมือเดนีสที่แกล้งหลับก็ดึงอีกฝ่ายอย่างแรงจนล้มลงบนเตียงกว้างตวัดแขนให้อีกฝ่ายนอนราบอยู่ด้านล่างเขาวินตราตาโตฝ่ามือยันหน้าอกร้อนเบาๆ “ใจร้ายไหนล่ะของขวัญของฉัน” เดนีสแบมือทวงของขวัญเหมือนเด็ก “มะไม่ใช่ตอนนี้” “แต่ฉันจะเอาตอนนี้” ใบหน้ายังโน้มเข้ามาใกล้อีกต่างหากสายตาที่
ดารากรที่สามีอย่างก้องกิจฟ้องหย่าก็เอาแต่โทษคนอื่นทำตัวสำมะเลเทเมามากกว่าเดิมอีกฝ่ายปาร์ตี้แทบจะทุกวันการงานไม่เป็นอันทำและหลงผิดเรื่อยๆจากการชักนำของเพื่อนฝูงจากที่เคยสุขภาพกายดีตอนนี้กลับทรุดโทรมไม่น้อยไม่ว่าจะเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และฤทธิ์ของยาเสพติดหน้าตาของผู้ชายที่กกกอดกับเขาอยู่ตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะถอดแบบก้องกิจออกมาทุกกระเบียดนิ้วก็ว่าได้ยกเว้นแต่สายตาสองคู่นี้ที่ยามกกกอดเขาแฝงไว้ด้วยความเคลือบแคลงบางอย่างร่างกายสั่นสะเทือนไปตามแรงเคลื่อนไหวของส่วนล่างที่ตอกเช้าตอกเย็นอยู่อย่างนี้ปากก็พร่ำเรียกชื่ออีกฝ่ายไม่หยุด ‘ก้องพี่ก้อง’ เมามายเคลิบเคลิ้มจมจ่อมกับห้วงความปรารถนาของตัวเองโดยที่ไม่รู้วันรู้คืนก่อนจะเจอกับก้องคนนี้เขาก็คลอเคลียกับผู้ชายอีก 4-5 คนก่อนหน้าอยู่แล้วเพราะหัวใจที่แตกสลายจึงทำให้คุณชายดารากรปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยให้ความต้องการของร่างกายนำทางก่อนจะมีฝ่ามือคู่หนึ่งดึงเขาขึ้นมาจากกลุ่มคนเหล่านั้นมอมเมาด้วยรสจูบไวน์ชั้นดีและยากล่อมประสาทชั้นยอดลุ่มหลงเมามายตกอยู่ในห้วงกามอารมณ์โดยไม่คำนึงว่าตัวเองจะท้องไส้เลยสักนิดคอนโดลับที่ดารากรซื้อเอาไว้เสพสุขภายในห้องมีทั้งเครื
ดารากรเองก็ได้นอนคุกสองคืนเป็นฝันร้ายของเด็กหนุ่มเลยก็ว่าได้เมื่อก่อนมีเรื่องอะไรพ่อก็จะใช้เงินจัดการปัญหาให้เขาตลอดตามล้างตามเช็ดให้แต่ทว่าคราวนี้กลับผิดคาดดารากรไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันผิดมหันต์ไม่มีใครเคยบอกคอยสอนว่าไม่ดีคนรอบข้างมีแต่เออออและเห็นดีเห็นงามน้ำตานองหน้าใบหน้าขาวใสหมดจดตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาไม่ใช่น้ำตาของความสำนึกผิดดีชั่วแต่อย่างไรแต่เป็นน้ำตาของความอัปยศอดสูที่ต้องนอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่มีแม้แต่ที่นอนหมอนมุ้งให้นี่ต่างหาก เอกภพต้องใช้วงเงินประกันและหลักประกันอย่างที่ดินมูลค่าสูงลิ่วเพื่อแสดงให้เห็นว่าจะไม่หลบหนีออกนอกประเทศระหว่างนี้ แต่ใครจะสนกันล่ะ! เขาติดต่อกับเพื่อนฝูงอีกฟากของประเทศเพื่อนบ้านให้แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันดารากรจะปลอดภัยและหลบไปอยู่ต่างประเทศระยะหนึ่งดึงเชิงคดีจนกว่าจะหมดอายุความนั่นคือความคิดของคนเป็นพ่ออย่างเอกภพ แต่งานนี้อีกฝั่งเตรียมตัวมาดีดีเกินกว่าที่เจ้าพ่ออย่างเอกภพคิดไม่ถึงโดยไม่รู้ตัวเลยว่าทนายความที่ว่าจ้างมีชนักติดหลังที่รอวันชำระแค้นอยู่เหมือนกันลงล็อกพอดีเหมือนจับวางเจ้าภาพกฐินยิ้มกริ่ม…หน
ว่ากันว่าพ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูกที่ลูกจะยึดถือและปฏิบัติตามไม่น่าเชื่อว่าดารากรเองจะเดินตามรอยเท้าตามเขาไปยังโลกสีเทาใบนั้นโลกที่คนเป็นพ่ออย่างเขาไม่เคยคิดจะให้ลูกชายเฉียดกรายเข้าไปใกล้“ดารากร” เอกภพเอ่ยชื่อจริงลูกชายก่อนจะหันหน้าหนีขบคิดเรื่องราวหาทางรอดต่างๆให้กับลูกชายแต่เมื่อมาถึงบ้านโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังไม่ขาดสายขนต้องปลีกตัวออกไปพูดคุยในห้องทำงานดารากรกลับมาอยู่บ้านใหญ่ด้วยความรู้สึกไม่ชินเขาออกไปอยู่บ้านอีกหลังหลังจากแต่งงานกับก้องกิจแต่ชีวิตคู่ที่คาดหวังว่าจะหวานหอมและเป็นสุขกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ ภายในห้องนอนของเขายังเหมือนเดิมแต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่ดารากรคนเดิมที่ไม่ประสีประสาหรืออ่อนต่อโลกอีกต่อไปหากก้องกิจไม่เจอวินตราอีกฝ่ายคงไม่คิดที่จะฟ้องหย่ากับเขาใช่หรือไม่อาการทุรนทุรายลงแดงจากการขาดยาทำให้ดารากรต้องดึงทึ้งเส้นผมตัวเองอย่างแรงมือสั่นใจสั่นหงุดหงิดอยากยามากกว่าเดิมแม้จะพากลับมาที่บ้านใหญ่แต่ก็เหมือนถูกคุมขังดารากรไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนไม่ให้ใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดรวมไปถึงเรื่องยาเขาตบประตูอย่างแรงตะโกนคอแทบแตก“พ่อพ่อขอยาให้กรพ่อ! ได้ยินไหมใครอยู่ข้
วันเสาร์สนามกอล์ฟที่ท่านประธานเคยถูกผู้ใหญ่ให้นัดมาดูตัว ตอนนี้เป้าหมายของเขาเปลี่ยนไป วินตราเองก็จัดแจงให้ท่านประธานทุกอย่างเหมือนเดิม อีกฝ่ายเดินตัวปลิวขึ้นไปนั่งบนรถกอล์ฟที่เด็กขับมารับ เพราะวันนี้ท่านประธานอยากจะเล่นแบบออกรอบกอล์ฟ (Golf Round) เป็นการตีกอล์ฟโดยเริ่มจากหลุมแรกและเล่นต่อเนื่องไปจนถึงรอบสุดท้าย 18 หลุม ซึ่งเป็นจำนวนหลุมมาตรฐานสำหรับการแข่งขัน และเล่นกอล์ฟในรูปแบบปกติ วินตราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจประธานพวกนี้เหมือนกันว่าทำไมชอบมาพูดคุยธุรกิจสำคัญกันในที่แบบนี้ อีกอย่างก็ไม่ได้มีแต่พวกกลุ่มประธานไหนจะมีคนนอกอย่างแคดดี้ (ผู้ช่วยนักกอล์ฟ) ที่ต้องยืนดูแลตลอดการเล่น วินตราสีหน้ายังคงเฉยชาเช่นเดิมอีกอย่างสนามในวันนี้ก็แออัดยิ่งเล่น 18 หลุมระยะเวลาในการเล่นอาจจะมากกว่า 4-5 ชั่วโมงขึ้นไปด้วยซ้ำ เดนีสสวมชุดเสื้อยืดมีปกสีฟ้ากางเกงขายาวสีกรมสำหรับสวมใส่ตีกอล์ฟโดยเฉพาะวินตราเองก็เช่นกันเพียงแต่สีเสื้อที่โดดเด่นสะดุดตาจนมองเห็นได้จากที่ไกลๆกับกางเกงขาสั้นสีขาวของแบรนด์ Bad Birdie ที่ท่านประธานยัดเยียดซื้อให้เพื่อกาลนี้โดยเฉพาะ แม้จะสวมหมวกแก๊ปป้องกันแสงแดดแต่ออร่าของ (New Male) ของว
ระหว่างอยู่ในรถเดนีสทำทีพูดคุยจ้อเรื่องปาร์ตี้ทั้งที่ความจริงแตกต่างจากกระทำลิบลับเขากกกอดวินตราโดยที่อีกฝ่ายนั่งตักของเขาขาพาดเอียงไปกับเบาะจุมพิตที่หน้าผากที่ชื้นเหงื่อนั้นเบาๆใช้ผ้าใช้หน้าซับเหงื่อให้อย่างทะนุถนอมการมาเจอครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญรถตู้คันนี้ถูกดักฟังมาตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อนแล้วหอกข้างแคร่ตัวนี้ยังต้องเก็บไว้ใช้ประโยชน์บอดีการ์ดที่ขับรถประกบหน้าประกบหลังดูแลเหมือนเดิมเดนีสเองก็เว้นระยะให้คุณเลขาอย่างเช่นเคยยกเว้นที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองที่คอนโดส่วนตัวของเขาที่นี่คนนอกไม่สามารถปะปนเข้ามาได้เลยอีกอย่างเดนีสและเดนีนมือห้องที่ถือไว้ในมืออยู่คนละสามห้องไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาพักที่ห้องไหนกันแน่และสองฝาแฝดก็สลับกันถือห้องตั้งแต่แรก วินตราที่ปิดปากเงียบไม่ยอมพูดยอมจากลับมาถึงห้องก็เข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็วถอดเสื้อผ้าดึงทึ้งอย่างสะเปะสะปะก่อนจะเปิดที่เย็นเยียบจากฝักบัวให้ไหลผ่านตั้งแต่หัวจรดเท้ายืนเท้ากับกำแพงอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานให้น้ำเย็นเยียบพวกนี้ชะล้างมลทินรวมไปถึงภาพจำเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับเขาในห้องทำงานที่เรียกได้ว่าเป็นห้องเชือดกำแพงกลที่เหมือนจะเป็นชั้นวางหนังส
“ถอยไปเลยไป” “ด่าฉันด้วยสายตาอีกแล้ว” วินตรารีบคลุมสาบเสื้อชุดคลุมของตัวเองรัดสายคาดเอวอย่างแน่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคืองในกระจกเดนีสก็หอมกระหม่อมคุณเขาซ้ำๆอยู่นั่นไม่สนใจสายตาที่อยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆของคุณเลขาในกระจกสักนิดวินตราหวานไปทั้งตัวเหมือนช็อกโกแลตที่ข้างนอกแข็งขึ้นเป็นรูปต่างๆได้แต่พอวางอยู่ในอุ้งมือหรือในโพรงปากก็ละลายออกมาหวานละมุนกลิ่นโกโก้ชั้นดีตีขึ้นในโพรงจมูกจนอยากจะอมไว้ในปากทั้งวันไม่อยากให้ใครได้เห็นได้กลิ่นวินตราเป็นของเขาของเขาคนเดียวเท่านั้นสภาพท่านประธานในตอนนี้เหมือนอยากจะอมหัวเขาเหมือนหมาโกลเด้นที่ออดอ้อนออเซาะเจ้าของไม่รู้จักเบื่อนี่นะเหรอ…ข้าวใหม่ปลามันที่หลายคนพูดถึงแต่วินตราก็ยังเป็นวินตราคนเดิมเขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายคนในกระจกเป็นคนแรกและคนเดียวที่วินตราค่อยๆแง้มประตูที่ปิดตายเอาไว้ให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงความไม่สมประดีของตัวเองแผลใจไหนจะขยะที่ซุกซ่อนไว้ในใจรวมไปถึงในห้องคอนโดของตัวเองผู้ชายคนนี้ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวจนมันแผ่มาถึงคนนอกอย่างเขาได้ง่ายๆวินตราคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่เพราะเขากลัวว่า
“รเร็วกว่านี้” เดนีสยันแขนแต่เอวก็เคลื่อนไหวเนิบช้าแต่ออกสุดตอกจนสุดเช่นกันวินตราแหงนหน้าเมื่อส่วนล่างถูกบดขยี้บี้ซ้ำๆจนสุดโคนจนรู้สึกถึงเส้นขนหยาบแข็งๆกระทบแก้มก้น“เรียกที่รักก่อนสิ” เดนีสซุกที่ซอกคอวินตราพร้อมกับขมเม้มเบาๆก่อนจะงับติ่งหูขาวนั้นดูดดึงจนวินตราครางไม่เป็นภาษาจะหนีไปไหนก็ไม่ได้เดนีสยกยิ้มมุมปาก ‘ติ่งหู’ เป็นอีกจุดที่ไวต่อสัมผัสของคุณเลขาคนสวยวินตราเม้มปากแน่นจนเอื้อมมือไปกำผมของไอ้ประธานเฮงซวยที่ทำตัวขบถแม้กระทั่งจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้“อึก” เดนีสหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระชาก“แม่งนี่นายเล่นกระชากหัวผัวตัวเองเลยเหรอฉันก็ปรนเปรออยู่นี่ไงที่รัก…อย่าใจร้อน” แถมยังแลบเลียริมฝีปากอย่างมาดร้ายเขาสะบัดหัวจากการกอบกุมจัดท่าขาสองข้างพาดบ่าวินตราตอนนี้ตัวจะม้วนกลับหลังอยู่แล้ว “เอาล่ะทำใจดีๆฉันจะแทงไปจนถึงแกนโลกเลยล่ะ” “อะไอ้!” เดนีสเหมือนนั่งยองแทงซ้ำๆดั่งปากว่าจุดกระสันถูกแทงซ้ำๆอย่างนั้นวินตรากัดปากตัวเองอย่างแรงความเสียวตีรื้นขึ้นมาอีกระลอก “มะไม่ไหว” วินตราส่ายหน้าสะบัดไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นส่งทั้งตัวเองและวินตราไปถึงฝั่งฝันอย่างรวดเร็
หรือไม่…อาจไม่เคยเดินสวนทางกันด้วยซ้ำไปเมื่อเห็นวินตราไม่ตอบเดนีสเลยพูดต่ออีกอย่างเขาไม่เชื่อคำสัญญาของวินตราสักเท่าไหร่คุณเลขาของเขาน่ะใจร้ายได้เสมอ“สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่า”“นายเอาจริง?” วินตราถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อถืออีกฝ่ายสักเท่าไหร่ตลอดกาลมีจริงๆเหรอแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก “อือฉันเอาจริงและจริงจังถ้านายกล้าทิ้งฉัน…ฉันจะออกตามหานายสุดล่าฟ้าเขียวจะทิ้งทุกสิ่งไปตามหานายไหนๆฉันก็เป็นคุณชายหัวขบถอยู่แล้ว” วินตราดึงแก้มเขาอย่างแรง“ท่านประธานเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”“แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” วินตราไม่ตอบได้แต่จ้องมองไปยังนัยน์ตานั้นมองภาพใบหน้าตัวเองที่ฉายชัดอยู่ในนัยน์ตาสองคู่นี้“ต้องคิดด้วยเหรอ” เดนีสเย้าแหย่ วินตรายกหัวจุมพิตข้างริมฝีปากนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไงแต่…กับนายมันพิเศษกว่าคนอื่นและสองมือนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดมันทั้งอบอุ่นและปลอดภัยอ้อมอกนี้ก็เช่นกัน” เดนีสมองวินตราอึ้งๆก่อนจะยิ้มโค้งจนตาหยี“นายรักฉันแหละฉันดูออกมาตั้งนานแล้ว” ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งครั้งนี้วินตราโอนอ่อนผ่อนตามเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้ชักนำแ
“ฉันปวดไหล่” “นายจ่ายไหวเหรอฉันคิดค่าบริการแพงนะ”“จะเท่าไหร่กันเชียวอย่าลืมฉันถือแบล็กการ์ด”“ฮ่าๆ” เดนีสหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมจุมพิตที่แผ่นหลังขาวเนียนนั้นหนึ่งทีเบาๆ “แสบจริงๆใครไม่รู้คงคิดว่านายเป็นเมียฉัน” “ฝันไปเถอะ” “ใจร้าย” นิ้วมือลงน้ำหนักนวดโดยผ่อนแรงลากขึ้นลงเดนีสชอบนวดสปาน้ำมันเขาจึงรู้วิธีการนวดมาบ้าง วินตรานอนใบหน้าข้างหนึ่งแนบที่ท่อนแขนจ้องมองเงาในกระจกที่คุณชายหัวขบถตั้งใจนวดแผ่นหลังให้เขาอย่างมุ่งมั่นวินตรายกยิ้มที่มุมปากบางครั้งท่านประธานของเขาก็ซื่อบื้อของแท้…“สบายหรือเปล่า”“อือ” “ฉันจะบอกให้ไม่มีใครกล้าใช้ฉันนอกจากนาย…วินตราเพราะฉะนั้นเป็นแฟนฉันได้แล้ว”“ไม่”“นี่ฉันจริงจังนะ”“ไม่” เดนีสพลิกร่างวินตราให้นอนหงายโดยที่เขาคร่อมทับเค้นเอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายหัวคิ้วขมวดจนเป็นปม“ทำไมเป็นแฟนฉันไม่ดีตรงไหน”“ทุกตรง” “หา…อย่างฉันเนี่ยนะไม่ดีฉันดีมากเลยขอบอก” โอ้อวดตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่ง“แล้ว” เดนีสก้มหน้าต่ำกระซิบเสียงแหบต่ำข้างหูคุณเลขา“ฉันก็รักนายอย่างสุดหัวใจ” พร้อมจุมพิตไหล่เปลือยเปล่านั้นแผ่วเบา เดนีสพยายามจ้องหน้าคุณเลขาไม่หลุบตามองต่ำไปมากกว่าน
“นี่ลองชิมดูเป็นไวน์ตัวใหม่ของ ONLY U แอลฯเพียง 6% น้องชายฉันคิดค้นและปรับปรุงมาตลอดจนได้ไวน์รสชาตินี้ออกมาดื่มง่ายลองสิ” วินตรารับไวน์มาจิบอย่างว่าง่ายตอนนี้เขาไม่ได้กินยารักษาสภาพจิตใจแล้วพร้อมกับเข้าตรวจร่างกายชุดใหญ่ตามคำสั่งของท่านประธานวินตราเป็น (New Male) ที่สามารถตั้งครรภ์ได้ก็จริงแต่เพราะปัญหาทางใจที่รุมเร้ามาตลอดเขาเลยมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนเรียกได้ว่าฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่มดลูกเลยไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่เหมือนคนเป็นหมันแต่ในอนาคตก็ไม่แน่เรื่องราวภายในของคนเรานั้นซับซ้อนวินตราและเดนีสต่างก็นั่งฟังหมออธิบายรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเดนีสเองก็เข้าตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีด้วยเช่นกัน แม้จะมีแอลกอฮอล์ผสมเพียง 6% แต่ดื่มเองไปเกือบขวดวินตราเองก็มึนๆเหมือนกันนานเท่าไหร่แล้วที่เขาทำตัวอยู่ในกรอบไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้แตะต้องของพวกนี้อีกทั้งยังกินยาต่อเนื่องมาหลายปีทำให้ไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้ได้บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องการรสชาติที่หลากหลายการพบเจอผู้คนเดิมๆงานเดิมๆก็ทำให้ชีวิตซ้ำซากจำเจอยู่เหมือนกัน โลกของเขาที่คับแคบก็เริ่มเปิดกว้างขึ้นมาเมื่อได้เจอกับเดนีสเด
“นายโกหก” น้ำเสียงแผ่วเบาจนสัมผัสถึงของเหลวอุ่นๆที่หยดตรงลาดไหล่ของตัวเองเพราะเดนีสรู้จักวินตราเกินไปต่างหากหากเขายอมปล่อยมือตอนนี้อีกฝ่ายคงหลุดลอยไปไกลอาจไกลเสียจนเขาไม่มีทางตามอีกฝ่ายพบวินตรายังคงเป็นวินตราที่เข้มแข็งโดดเดี่ยวจนถึงขั้นใจดำที่จะหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็นแต่ทว่าเดนีสเองไม่สามารถปล่อยวินตราไปได้ แล้วเขาก็เป็นลูกคนรวยหัวกรวยหัวขบถที่อยากได้อะไรต้องได้ยังไงต้องมีคุณเลขามือทองคนนี้คอยกำราบ! สองแขนของวินตรายกโอบกอดกลับไปเช่นกัน ต่างคนต่างร้องไห้เงียบ ๆ ลูบหลังปลอบประโลมกันอยู่อย่างนั้น“ไปกับฉันที่หนึ่งสิ” เดนีสพูดพลางสูดจมูกไปด้วยเขาไม่อายเลยสักนิดที่จะร้องไห้ออดอ้อนต่อหน้าวินตราวินตราไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นอันว่าตกลงเดนีสยกยิ้มมาดร้ายที่มุมปากคิดจะหนีไปจากเขางั้นเหรอ…ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกวินตรา!เดนีนสบถอย่างหัวเสียเมื่อคุณนิติพลรายงานเรื่องประธานตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ขอลาต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ที่บริษัทก็ผ่านช่วงวิกฤตมาได้พร้อมกับกำจัดเห็บไรไปได้หลายตัวแถมยังดำเนินการภายใต้แฝดน้องอย่างเดนีนที่แสร้งตีหน้าขรึมเป็นเดนีสแฝดพี่เพราะความเป็นแฝดที่เหมือนกันจนแทบจะโคลนกัน
“ผมว่าจะขอลาออกครับ” ท่านเจ้าสัวเอนพนักพิงเก้าอี้จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ก้มหน้าเอ่ยบอกความต้องการ“แล้วเดนีสล่ะ” วินตราเม้มปากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “วินตราฉันเห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งอดีตก็คืออดีตฉันยอมรับที่ความสามารถของเธอมากกว่าเรื่องอื่นเป็นรอง” “ผมทราบครับ”“วันไหนที่เธอเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่ได้เสมอ” “ครับ” วินตรายกมือไหว้ท่านเจ้าสัวอย่างนอบน้อมตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านท่านเจ้าสัวตลอดตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขาเองก็ควรจะมีชีวิตของตัวเองสักที ตอนนั้นที่เขาหนีกบดานเอาชีวิตรอดจากสาสินก็นึกถึงท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกตอนแรกก็กล้าๆกลัวเพราะหลักฐานที่มีนอกจากจะไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้แล้วหลักฐานพวกนี้อาจจะเป็นเถ้าถ่านในกองไฟก็เป็นได้แต่แล้ววินตราก็ไม่ผิดหวังนึกถึงคำถามนั้นที่ท่านเจ้าสัวได้ให้ไว้กับตัวเอง“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ลำบากใจแต่วันไหนที่เธอเข้มแข็งและสามารถหยัดยืนเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ได้เมื่อไหร่ขอเพียงเธอเอ่ยปากฉันจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ” ตอนนั้นวินตรายังคิดไม่ตกอย่างที่เคยบอกเหตุการณ์เหล่านั้นกัดกินใจเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนวินตราเด็
การออกมาปรากฏตัวและให้สัมภาษณ์สื่อของวินตราในฐานะเหยื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอย่างมหาศาลเด็กทุนที่ลังเลที่เคยตกเป็นเหยื่อไม่กล้าเปิดเผยตัวและผู้คนที่ถูกคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ทำงานสถานศึกษาต่างก็ตบเท้าเข้ามาให้ปากคำอย่างไม่ขาดสาย ต่างก็แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านโลกออนไลน์สร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้ในสังคมเป็นอย่างมากอย่าอายจนลืมที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่มีใครควรถูกคุกคามทางเพศ!วินตรายืนอยู่ตรงหน้าช่องบรรจุอัฐของวัดแห่งหนึ่งย่านปริมณฑลก่อนตายจินตะได้พูดว่าอยากจะบวชสักครั้งก่อนตายแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึกวินตราจึงตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองก้อนใหญ่ออกมาซื้อสถานที่จัดเก็บอิฐเอาไว้ตามปรารถนาสุดท้ายของจินตะตอนนั้นวินตราเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีปีหนึ่งคนหนึ่งไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีการจัดเก็บอัฐิไว้ 4 รูปแบบด้วยกันคือ1.) ช่องจัดเก็บอิฐตามกำแพงวัด2.) จัดเก็บตามเสาไฟของวัด3.) จัดเก็บตามอาคารศาลาหรือกุฏิซึ่งจะเตรียมช่องจัดเก็บอัฐิไว้บนขื่อหรือหน้าประตูตามความเหมาะสมของสถานที่4.) ห้องไว้สำหรับจัดเก็บอัฐิโดยเฉพาะซึ่งสถานที่จะเป็นที่จัดเก
ก้องการุณย์ลั่นไกโดยที่ไม่ต้องคิดเมื่อเจนจัดหันปลายกระบอกปืนมายังผู้บริสุทธิ์ที่ด้านล่างแม้จะเล็งที่ข้อมือข้างที่ถือปืนแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจนจัดจะถนัดยิงปืนทั้งสองข้างอีกฝ่ายตะเกียกตะกายพลิกร่างกายอย่างรวดเร็วจ่อปากกระบอกปืนที่ขมับของตัวเองคนอย่างเจนจัดไม่มีทางจนตรอกหากจะตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือตัวเองเท่านั้น…ปัง! แต่ทว่าสวรรค์คงมีตาไม่อยากให้คนชั่วได้ตายง่ายๆแม้ว่าจะเล็งที่ขมับของตัวเองแต่ก็พลาดเฉียดไปเท่านั้นงานนี้เจนจัดได้นอนทรมานติดเตียงยาวนานพอที่จะลิ้มรสความทุกข์และบาปกรรมที่ได้ทำลงไปอย่างเต็มที่แม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้อยู่ฟังเสียงผู้คนก่นด่าสาปแช่งและประณามจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ศิราณีเองก็ร่ำไห้ปานจะขาดใจเธอไม่ได้ร้องไห้ให้กับไอ้สามีเฮงซวยนั้นแต่ร้องไห้ให้กับความขี้ขลาดของตัวเองหากเธอกล้ายืนหยัดและเชื่อในคำพูดของลูกชายตั้งแต่เนิ่นๆเรื่องราวคงไม่บานปลายจนมาถึงขั้นนี้ไอ้เจนจัดทำลูกคนอื่นไม่พอยังทำลูกตัวเองด้วยสารเลว! แม้จะไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศแต่การลูบคลำก็ทำให้ลูกชายและลูกสาวมีแผลใจและรังเกียจพ่อตัวเองหมามันยังไม่คิดอกุศลกับลูกตัวเองศิราณีปิดหน้าร่ำไห้กับพื้นอย่าง