เมื่อไปถึงภัตตาคารโรงแรมที่จองไว้ มาดของอีกฝ่ายที่สวมเสื้อลายสก็อต สวมหมวกคาวบอย กางเกงยีน รองเท้าหนังมันปลาบทำให้เดนีสฉุกคิดถึงเรื่องก่อนหน้าที่วินตราเอ่ยเตือนเขาขึ้นมาได้
หากเอารถสปอร์ตคู่ใจมาเหมือนเป็นการข่มอีกฝ่ายมากกว่าจะมาพูดคุยเจรจาเรื่องธุรกิจ
ฝ่ายคู่ค้ากลับมานั่งรอก่อนถึง 30 นาทีด้วยซ้ำหากกรณีนี้ในความคิดของวินตราการมาถึงตรงเวลานัดเป็นเรื่องที่ดีแต่ควรจะเผื่อเหลือเผื่อขาดอย่างน้อย 15 นาทีจึงจะเป็นการดีทำธุระส่วนตัวอะไรให้เรียบร้อยจะได้นั่งเจรจาพูดคุยกันได้สะดวกคุณดนัยหรือพ่อเลี้ยงดนัยยืนขึ้นทันทีที่เห็น ‘เดนีสศศิภักดี’ ปรากฏตัวต่อหน้าเขาทั้งๆที่ก่อนหน้าฝ่ายการตลาดจัดการมาตลอดพ่อเลี้ยงดนัยมีธุระที่กรุงเทพฯพอดีเลยถือโอกาสเข้ามาเจรจาล็อตต่อไปด้วยตัวเองโดยมีผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนนอบน้อมอยู่ด้านหลังน่าจะเป็นเลขาส่วนตัวเช่นกันทั้งสองพูดคุยกันอย่างหอมปากหอมคอ
เมื่อบริกรนำน้ำเปล่ามาเสิร์ฟเดนีสเลยเกริ่น “สั่งอาหารก่อนดีไหมครับค่อยเจรจา” พ่อเลี้ยงดนัยมีสีหน้าลังเลเพราะคนตรงหน้าเป็นคนใหญ่คนโตลูกเจ้าสัวเวลาคงเป็นเงินเป็นทองในความคิดเขาการมาเจอครั้งนี้คงกินเวลาไม่มากแต่กลับผิดคาด
ตั้งแต่เข้ามาในห้องอาหารแบบส่วนตัวคุณเลขานอกจากเอ่ยแนะนำตัวแล้วก็สงบปากสงบคำไม่พูดอะไรออกมาสักแอะเมื่อช่วงเจรจาธุรกิจมาถึง
“ผมชอบหลักการสามประโยชน์ที่ท่านเจ้าสัวได้เล็งเห็นและใช้เป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้คู่ค้าทางธุรกิจชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจผมล่ะนับถือจริงๆอีกทั้งความแข็งแกร่งของบริษัทผมเลยเห็นโอกาสในการเติบโตและเข้ามาจับธุรกิจนี้สุดท้ายก็ไม่ผิดหวังจริงๆ”
เดนีสยิ้มไม่รู้จะพูดอะไรต่อไอ้หลักการสามประโยชน์นั้นคืออะไรมีอะไรบ้างเดี๋ยวนะเหมือนจะอ่านผ่านๆเมื่อกี้อีกทั้งยังเห็นแววตาระยิบระยับของคู่ค้ารุ่นพ่อที่มองเขาเหมือนขุมทรัพย์ทางปัญญานั่นยิ่งทำให้เดนีสกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกล่าวอ้อมแอ้มออกไป
“ทางบริษัทเราก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับที่ได้พาร์ทเนอร์คู่ค้าอย่างคุณดนัย” วินตรายกยิ้มที่มุมปากก้มหน้าจดยิกๆในไอแพดพอเกริ่นชมอย่างหอมปากหอมคอก็มาถึงเรื่องจริงจังอย่างผลิตภัณฑ์ตัวใหม่บลาๆเดนีสเริ่มหูดับทั้งๆที่ฝ่ายการตลาดก็มี
“ท่อพีวีซีสำหรับบ่อบาดาลที่สั่งไปล็อตแรกลูกค้าชื่นชอบกันใหญ่มีความแข็งแรงทางกลและมีความทนทานทานสูงสำคัญเลยคือราคาถูกมากกว่าเจ้าอื่น!”
“ครับ” เดนีสได้แต่ครับ
“อีกอย่างผมสนใจลงทุนกระสอบบรรจุภัณฑ์เพราะทางอีสานเองเป็นเมืองเกษตรกรรมกระสอบยังคงเป็นที่นิยมอย่าหาว่าผมเห็นแก่ได้เลยนะผู้ประกอบการเหมือนกันผมเลยอยากจะปรึกษาสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกสั่งกระสอบมีอะไรบ้าง” แววตาและสีหน้าที่รอคอยคำตอบของพ่อเลี้ยงดนัยทำเอาเดนีสได้แต่อึ้งก้มกี่หัวสมองโล่งไปหมดเพราะตั้งแต่เข้ามานั่งเก้าอี้บริหารก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรพวกนี้ผลิตภัณฑ์ในเครือมีตั้งหลายประเภทใครจะไปจำหมดอีกอย่างเขาก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องจดจำด้วยปรายหางตามองไปยังคุณเลขาที่เอาแต่ก้มหน้าจดจ่อแต่ไอแพด
“เอ่อ…ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรมมอก. ทุกชิ้น” คำตอบแบบกำปั้นทุบดินมากหากคิดเป็นคะแนนเต็ม 10 ได้ 0.5 ให้เพราะค่าปากกาที่เขียนลงไปวินตราคิดในใจอย่างเจ็บแสบ
“อันนั้นผมทราบดีแต่มันก็แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเภททางอีสานก็คงจะเน้นอาหารสัตว์เกษตรกรรมแล้วจะเป็นกระสอบแบบเดียวกันได้ไงในเมื่อใช้งานคนละประเภท” แม้พ่อเลี้ยงจะไม่ได้จี้เอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายแต่สีหน้า…คุณเข้าใจคำถามผมไหม? ทำเอาเดนีสพูดไม่ออก
“…”
“ถ้าอย่างนั้นลองสอบถามคุณวินตราดีกว่าครับรายนี้เข้าใจและเชี่ยวชาญมากกว่าผม”
“คุณวินตรา…เป็นอะไรกับคุณ”
“เอ่อ…เป็นผู้ดูแลผลิตภัณฑ์นี้โดยตรงของบริษัทเลยครับนัดครั้งนี้ผมเอาผู้เชี่ยวชาญมานั่งที่นี่เพื่อตอบทุกข้อสงสัยของคุณดนัยและหวังว่าจะเราทั้งสองจะเป็นพาร์ทเนอร์คู่ค้ากันตลอดไป” วินตราเงยหน้ามองท่านประธานที่กำลังขายหน้าเอาผ้ารอดอย่างขอไปทีแถมโยนเผือกร้อนให้คนอื่นอย่างหน้าตาเฉย
ทางด้านพ่อเลี้ยงดนัยหันมามองวินตราด้วยสีหน้ารอคอยคำตอบอีกอย่างเขาเตรียมเงินอะไรมาพร้อมหมดแล้วเตรียมตัวมาเซ็นสัญญาซื้อขายเสร็จสรรพเพราะชื่อเสียงเรียงนามผลิตภัณฑ์อะไรของบริษัทก็การันตีคุณภาพมาตลอดเป็นทศวรรษแต่พอมาเจอผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงอีกทั้งพ่วงตำแหน่งลูกชายคนโตของท่านเจ้าสัวเริ่มชักไม่แน่ใจ…ลูกไม้จะหล่นไกลต้นเนี่ยนะ!
วินตราแย้มยิ้มและเอ่ยขอโทษขอโพยอีกฝ่ายอย่างเป็นมืออาชีพพร้อมทั้งร่ายรายละเอียดกางแฟ้มผลิตภัณฑ์ชี้ให้เห็นกันจะๆเป็นข้อๆอะไรยังไงได้อย่างไหลลื่นเดนีสลอบมองอีกฝ่ายด้วยความทึ่งระคนแปลกใจรับหน้าที่วันนี้แต่เหมือนทำงานมาแล้วสิบปี!
แถมยังปิดดีลด้วยการขายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มไปด้วยอีกหนึ่งบิลพ่อเลี้ยงดนัยถึงกับยกนิ้วให้
“คุณวินตราเก่งมากเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงจริงๆหากคุณพกสัญญามาด้วยผมจะเซ็นให้เสียเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับอีกอย่างธุรกิจต้องค่อยๆตัดสินใจค่อยๆพิจารณาผมก็หวังว่าบริษัทเราจะเป็นหนึ่งในคู่ค้าธุรกิจที่พ่อเลี้ยงดนัยให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก”
“โอ๊ยพ่อลงพ่อเลี้ยงอะไรกันครับเทียบกับศศิภักดีผมเป็นอะไรได้”
“หากไม่มีพ่อเลี้ยงบริษัทของเราก็คงไม่มั่นคงมาถึงทุกวันนี้ศศิภักดีอยู่ได้เพราะการสนับสนุนเชื่อใจและการให้ความไว้วางใจจากคู่ค้าธุรกิจทุกท่านมากกว่าครับ” วินตรายกมือไหว้อย่างนอบน้อมอีกครั้งพ่อเลี้ยงดนัยเองก็ยกมือรับไหว้ตอบเองเช่นกัน
“เอาเป็นว่าผมตกลงรายละเอียดสัญญาทางคุณร่างมาได้เลยหากมีอะไรค่อยหารือตกลงกันอีกที”
“ได้ครับ”
วินตรายืนค้อมตัวส่งคู่ค้าเสมือนมาเจรจากับอีกฝ่ายเสียเองเขาปรายหางตามองท่านประธานที่ก่อนหน้ายังพูดว่าเสียงแข็ง ‘ไม่คณามือฉันหรอก’ แล้วเป็นไงถามวัวตอบควายชัดๆ
วินตรากระแอมก่อนจะถาม “เหมือนว่าเมื่อครู่จะไม่คณามือท่านประธานเกินไปนะครับ” เดนีสขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“มันหน้าที่นายทั้งนั้น” แถเรียกได้ว่าแถสุดๆ
“อ้อครับ! ก็ไม่คณามือผมจริงๆ”
“…!…”
เต้งเสียงระฆังอีกยกดังขึ้นเป็นครั้งที่สองในหัวสมองของเดนีสวินตราชนะน็อคอีกครั้งแม่ง! ฝากไว้ก่อนเถอะ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปด้วยสถานการณ์มึนตึงระหว่างท่านประธานกับคุณเลขาคนใหม่ที่เหมือนจะไม่กินเส้นกันสุดๆแม้แต่ปรียานุชยังรู้สึกได้สีหน้าของเลขาคนใหม่แม้จะราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดๆแต่สายตาที่ตวัดมองมาแต่ละทีทำเอาหล่อนสะดุ้งหลายครั้งแถมรอยยิ้มที่ส่งมาให้ส่งไปไม่ถึงแววตาขีดเส้นแบ่งระหว่างขอบเขตของเพื่อนร่วมงานอย่างชัดเจนเวลาพักไม่สุงสิงกับใครไม่จับกลุ่มเม้ามอยโฟกัสในหน้าที่การงานของตัวเองและปรียานุชเองก็ได้อิทธิพลการทำงานจากวินตรามาไม่น้อยแม้ว่าอีกฝ่ายจะดูซับซ้อนเลือดเย็นไม่น่าเข้าหาแต่ก็รับมือกับท่านประธานได้อย่างอยู่หมัดทำงานเก่งไม่มีตกบกพร่องไม่รู้ว่าท่านเจ้าสัวไปสรรหามาจากไหนนอกจากสีหน้าและแววตาแล้ววินตราก็ไม่มีอะไรให้ต้องติเตียนเลยจริงๆมีแต่ก็ท่านประธานที่สีหน้าบอกบุญไม่รับทั้งอาทิตย์และแล้ววันปล่อยผีที่เดนีสรอคอยก็มาถึงเขาไม่เคยรอคอยวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้มาก่อนในชีวิตตั้งแต่รับคุณเลขาคนใหม่เข้ามาทำงานชีวิตอันปกติสุขของเขามีอันต้องเปลี่ยนแปลงไปไหนจะต้องหลังขดหลังแข็งอ่านรายงานทั้งกองแทบทุกวันอีกฝ่ายแม่งถามจี้ยังกะเขาอยู่ชั้นประถม! เดนีสหลังเลิกงานก็มางานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนฝูงบ่นอ
“ถ้ามี…มึงโดนหลายตีนกระทืบแน่ไอ้นิช มึงนับดูเลยกี่ตีน” สานิชไม่หยี่ระ“กว่าจะรวมตัวกันง่ายๆเสียเมื่อไหร่มา…ชน! อย่าไปคิดมากกินเหล้าไม่เคล้านารีจะไปสนุกอะไร”“กูขอบายใครจะนัวใครก็รีบไปเปิดห้องเลยอย่ามาทำลามกจกเปรตให้เสียลูกตา” กิตติกรเอ่ยเตือนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“ให้มาชงเหล้าเช็ดปากซับเหงื่อให้แค่นั้น” สานิชไม่ยอมแพ้“มึงเป็นง่อย?”“ก็ดีเหมือนกันเจอของสวยๆงามๆไอ้นีสจะได้อารมณ์ดีขึ้นมามั่ง” อินทราเสริมขึ้นมา“ขอคนไม่เรื่องมากไม่งุ้งงิ้งจีบปากจีบคอพูดเป็นนกหงส์หยกพวกนั้นก็พอ” เดนีสเอ่ยปากในที่สุด “นึกว่าจะต่อต้านที่แท้ก็เข้าร่วม” “หุบปากไอ้กรทำตัวยังกะบวชพระ”“มึงก็รู้บ้านมันเป็นไง” อินทราพูดพลางหัวเราะในลำคอเห็นไอ้กรอย่างนั้นร้อยมาลัยเก่งอย่าบอกใครคุณหญิงย่าท่านสอนเอาไว้เวลาไปเที่ยวบ้านคุณชายกิตติกรไอ้พวกลิงทโมนพวกนี้เหมือนถูกดัดแข้งดัดขาเวลาเดินเวลานั่งต้องเรียบร้อยของว่างก็เป็นสูตรลับชาววังแม้จะเจ้าระเบียบแต่เพราะของคาวหวานสูตรต้นตำรับชาววังแท้ๆไม่ได้หากินง่ายๆพวกเขาที่เห็นแก่กินจึงไปบ่อยๆบางครั้งเห็นไอ้เพื่อนรักนั่งพับเพียบร้อยมาลัยกับคุณหญิงย่าที่ศาลาข้างบึงแม้อยากจะขำแต่ก็กลัวจะถ
วินตราที่กำลังนั่งอ่านรายงานและผลประกอบการต่าง ๆ อยู่ในร้านกาแฟที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เจ้านายตัวดีของเขาพรุ่งนี้มีนัดตีกอล์ฟกับคุณทิณกร ซึ่งพื้นเพที่บ้านทำธุรกิจพลังงาน สองตระกูลนี้มีผลประโยชน์ที่เอื้อกันและผู้ใหญ่ทั้งสองก็ยินดีหากทั้งสองจะลงเอยกัน วินตรานั่งอ่านธุรกิจพลังงานของบ้านเทวะบดินทร์ เผื่อระหว่างทางจะสามารถบรรจุข้อมูลเหล่านี้ลงไปในกลีบสมองของท่านประธานของเขาได้บ้าง นั่งอ่านอยู่นานจนเวลาตี 1 จึงปิดแฟ้มพวกนั้นเก็บในกระเป๋า อ้อ! เขาติดรถเจ้านายมาด้วยล่ะ รถเปิดประทุนปีกนกที่นั่งก็ยาก ลุกก็ยาก เบาะก็ไม่นุ่มสบายไม่สมราคาเลยสักนิดในความคิดของวินตรา เจ้านายตัวดีหนีบเขามาที่นี่เพื่ออะไรวินตรารู้ดี นอกจากอยากจะกลั่นแกล้งแล้วจะทำอะไรได้อีกหัวสมองมีแค่นั้น! ถ้าท่านประธานของเขาใส่ใจการงานเหมือนหาเรื่องเขาป่านนี้คงเจริญรอยตามท่านเจ้าสัวไปนานแล้วไม่ใช่ไม่เป็นโล้เป็นพายอยู่อย่างนี้เฮ้อ! งานเลขาส่วนตัวต่างอะไรจากเบ๊เป็นที่รองมือรองตีนและยังเป็นคนใช้ส่วนตัวดีไม่ดีพ่วงคนขับรถไปอีกตำแหน่งวินตราก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะเดินไปยังทางเข้าคลับแม้จะเป็นคลับ VIP เข้าได้เฉพาะสมาชิกแต่เพราะผ่านการท
“รู้แล้ว! ฉันกำลังจะกลับ” ตาแทบลืมไม่ขึ้นวินตราก็ไม่เซ้าซี้ได้แต่ยืนรออยู่อย่างนั้น“แล้วนายจะยืนรอทำซากอะไร”“ผมติดรถท่านประธานมานี่ครับ”“ฉันไม่ใช่คนขับรถของนายฉันไม่ไปส่งหรอก”“อ้อ…ผมก็ไม่ได้ขอให้ไปส่งนี่ครับ”“แม่ง…นี่นายกวนประสาทฉันงั้นเหรอ”“ท่านประธานอย่าลืมงานของผมคือดูแลท่านประธานจัดแจงตารางชีวิตอีกอย่างผมที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ต้องเป็นฝ่ายขับอยู่แล้วล่ะครับจนกว่าจะส่งท่านประธานกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยถึงจะเลิกงานได้”“อย่าฝันไปเลย…รถฉันราคาเท่าไหร่นายรู้หรือเปล่า”“งั้นก็เรียกแท็กซี่ให้คนทั้งคลับเห็นกันไปเลยว่าสภาพท่านประธานเวลาเมาเป็นยังไง”“นายกล้า!…”“แล้วจะกลับด้วยวิธีไหนล่ะครับหรือจะนอนที่นี่ท่านเจ้าสัวคงไม่ยินดีแน่ๆถ้าได้ยินว่าลูกชายนอนค้างที่คลับแถมนักข่าวอาจตีสีใส่ไข่จนเป็นเรื่องทอร์คออฟเดอะทาวน์ไปทั่วทั้งโซเชียล”“ลูกชายนักธุรกิจใหญ่สลบเหมือนคาอก—”“พอเลยๆตลกนักหรือไง”“ก็แค่คิดเผื่อน่ะครับ”“แต่เหมือนนายอยากจะให้มันเป็นจริงยังไงยังงั้น”“ผมก็แค่หวังดี”“เฮอะฉันเชื่อตายล่ะ” เดนีสกอดอกอย่างหัวเสียแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีที่จอดรถซูเปอร์คาร์จะแยกจอดกับรถทั่วไปเพราะราคาของ
“ไม่ถูกปากเหรอลูก”“เปล่าหรอกครับแฮ้งค์นิดหน่อย”“ไปทำอีท่าไหนคุณเลขาเขาถึงขับรถมาส่งเราถึงที่บ้านล่ะหืมแล้วดูสภาพปกติเราไม่เคยปล่อยตัวให้เมาไม่ได้สติแบบนี้นี่นา”“ก็จริง” สารอาหารตกถึงท้องสมองเลยประมวลผลการทำงานอีกครั้ง ‘โปรดปราน’ เด็กเอนฯคนนั้นป้อนอาหารเครื่องดื่มใส่ปากเขาอย่างเอาอกเอาใจอีกอย่างอยู่กับพวกเพื่อนสนิทไม่คิดว่าตัวเองจะโดนยาเข้าให้“ลูกก็รู้ว่าเดนิมกับตาพัดเขาเกิดอะไรขึ้นปัญหาเก่ายังไม่ทันซาอย่าลืมว่าตัวเรามีมูลค่าหากไม่ใช่วินตราเป็นคนอื่นเขาจะเอาลูกมาส่งอย่างปลอดภัยที่บ้านไหมต่อให้คลับจะมีการรักษาความปลอดภัยขนาดไหนก็ตามหากอีกฝ่ายเป็นนกต่อหรือกุเรื่องสร้างข่าวฉาวขึ้นมาเราเองจะแย่เอาเก้าอี้ผู้บริหารที่พ่อเขาอุตส่าห์วางใส่ในมือลูกจะรักษาไว้ได้ไหม” ลลดาเอ่ยเตือนสติลูกชายอย่างใจเย็นเดนีสขบคิดตามไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่พอเจอสายตาเยาะเย้ยถากถางจากคุณเลขาแล้วสำนึกชั่วดีเมื่อครู่กลับพลันมลายหายไปอย่างรวดเร็ว“ยังพอมีเวลา” เพราะรู้ว่าลูกชายมีนัดตอน 10 โมงเช้าเป็นนัดที่ผู้ใหญ่ตกลงกันเรียบร้อยท่านเจ้าสัวสั่งเสียงเย็น (นั่งลง) เดนีสนั่งตรงข้ามกับทั้งสองคนเป็นสามเหลี่ยมท่านเจ้าสัวนั่งต
สนามกอล์ฟก็เป็นหนึ่งในธุรกิจเครือญาติของศศิภักดี อยู่ห่างจากบ้านใหญ่เพียงสองซอย อยู่ภายในอาณาเขตของบ้านจัดสรรหนึ่งในธุรกิจของที่บ้านอีกเช่นกัน ระหว่างทางที่นั่งรถกอล์ฟวินตราที่ได้มีโอกาสค้างคืนที่บ้านศศิภักดีเพราะดันมาเจอท่านเจ้าสัวกับภรรยากลับจากทริปฮันนีมูนพอดี หลักฐานคาตาที่เห็นลูกชายคนโตเมาไม่ได้สติ วินตราที่ขอตัวกลับแต่ท่านเจ้าสัวออกปากห้ามเสียก่อนเพราะว่าดึกมากแล้ว ให้นอนค้างที่นี่เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องตามก้นท่านประธานเหมือนเงาไปตีกอล์ฟอยู่แล้ว จึงได้เห็นรูปถ่ายครอบครัว และเพิ่งรู้ว่าท่านเจ้าสัวเดรโกมีลูกชายถึง 3 คนคนเล็กแทบจะไม่เคยออกสื่อเลยและไม่มีข่าวคราวใดๆออกมานอกจากล่าสุดเป็นข่าวจาก (วงใน) ว่าตบแต่งกับพิพัฒน์หากแต่งกับคนอื่นสิแปลก! พิพัฒน์กิ่งอมรท่านเจ้าสัวให้ความสำคัญปลุกปั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร “ผมเพิ่งรู้ว่าท่านประธานมีน้องชายด้วย” เดนีสเลิกคิ้วมองคนที่นั่งข้างๆ “ไม่น่าเชื่อว่าใต้เตียงศศิภักดีอย่างนายจะไม่รู้”“ผมไม่รู้จริงๆนี่ครับคุณเดนิมแทบไม่เคยออกสื่อเลย”“แหงล่ะ…เพิ่งกลับจากฝรั่งเศสมาได้ไม่นานแถมยังแต่งงานแล้วด้วย” ประโยคบอกเล่าแต่เจือความไม่พอใจเอาไว้หลายส่วน“น
ทิณกรมาถึงก็นั่งพัก ไม่มีทีท่าจะสนใจการตีกอล์ฟครั้งนี้สักเท่าไหร่“สั่งอาหารและเครื่องดื่มก่อนไหมครับ”“เชิญคุณก่อนเลยครับ”“งั้นกาแฟและเค้กอย่างละหนึ่งก็พอ…คุณเดนีสล่ะครับ”“กาแฟเย็นสักแก้วก็พอแล้วครับ” เมื่อท่านสองคนนั่งลงเริ่มพูดคุยนั่นนี่วินตราก็ปลีกตัวออกไปเพื่อความเป็นส่วนตัวแต่ไม่คิดว่าจะเจอกับ…สองตาเบิกกว้างมือและเท้าเย็นเยียบฝ่ามือชื้นเหงื่อร่างกายทรงตัวแทบไม่ไหวได้แต่แนบลำตัวชิดกับซอกตึกเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมองเห็น“เย็นไว้เย็นไว้” วินตราเป่าปากและพูดเตือนตัวเองก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำข้างในตัวตึกด้านหลัง“สีหน้าดูไม่สดชื่นเลยนะครับ”“อ้อ…ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณต้องมาเห็นผมในสภาพนี้พอดีเมื่อคืนเลี้ยงส่งลูกค้านิดหน่อย”“นั่นสินะผู้บริหารอย่างคุณคงไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไหร่”“แล้วคุณทิณกรทำอะไรอยู่เหรอครับ”“ผมน่ะ…กำลังเรียนรู้งานที่บริษัทของคุณพ่อแต่ดูเหมือนว่าพลังงานไม่ค่อยเหมาะกับผมสักเท่าไหร่”“ฮ่าๆหัวอกเดียวกับผมเลยนะเนี่ย”“เอาตรงๆผมไม่ชอบทำธุรกิจแต่ก็ไม่รู้ว่าชอบอะไรเรียกได้ว่ากำลังหาตัวเองอยู่ละมั้ง”“แล้วคุณอยากทำอะไรล่ะครับ” “ไม่รู้สิแต่ว่าตอนนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไร” เดน
“อะ…นี่นามบัตรของคุณ jeans หนึ่งในพาร์ทเนอร์ของ JeasnsShore บอกว่าพี่เดนีสให้มา” เดนีสยื่นนามบัตรพร้อมกับขยิบตาให้ทิณกรรับมาด้วยความดีใจจนออกนอกหน้าการมาดูตัวในครั้งนี้แตกต่างจากที่คิดไว้ในตอนแรกทีแรกเขากะจะทำตัวหัวอ่อนปวกเปียกน่าเบื่อพูดเรื่อยเปื่อยน่ารำคาญเพราะอยากให้อีกฝ่ายเป็นคนเอ่ยปากในการยุติความสัมพันธ์แต่ครั้งนี้กลับตรงข้ามอย่างน้อยทิณกรพระอาทิตย์ดวงน้อยก็ได้ภูเขาลูกใหญ่ไว้พึ่งพิงพี่ใหญ่เองก็ถูกคลุมถุงชนและมักพูดกับเขาเสมอว่า ‘ชีวิตคู่ไม่ใช่ทนๆอยู่กันไปต่างก็รวดร้าวทั้งทั้งสองฝ่าย’ และเขาควรจะมีโอกาสได้เลือกคู่ชีวิตด้วยตัวเองนกปีกหักอย่างทิณกรที่จำใจอยู่แต่ในกรงทองบัดนี้ท้องฟ้ากับทอประกายแห่งความหวังมาให้โดยไม่ทันได้ตั้งตัวจนอดที่จะน้ำตาซึมออกมาไม่ได้“ซึ้งขนาดนั้นเลย?” “ก็…”“ถูกคลุมถุงชนล่ะสิ” ท่าทีที่กอดอกและฟังอย่างตั้งอกตั้งใจของเดนีสดูยังไงก็เหมือนกำลังดุด่าสั่งสอนทิณกรที่เช็ดน้ำหูน้ำตาป้อยๆในความคิดของวินตราเขาส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อยืนมองจากมุมหนึ่งของตึก ‘ไม่ต่างจากที่คิดไว้ตั้งแต่แรก’ เดนีสศศิภักดีหัวแข็งขนาดนั้นถ้ายอมถูกคลุมถุงชนพระอาทิตย์คงขึ้นทิศตะวันตก “ฉลาดนี่
“ถอยไปเลยไป” “ด่าฉันด้วยสายตาอีกแล้ว” วินตรารีบคลุมสาบเสื้อชุดคลุมของตัวเองรัดสายคาดเอวอย่างแน่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคืองในกระจกเดนีสก็หอมกระหม่อมคุณเขาซ้ำๆอยู่นั่นไม่สนใจสายตาที่อยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆของคุณเลขาในกระจกสักนิดวินตราหวานไปทั้งตัวเหมือนช็อกโกแลตที่ข้างนอกแข็งขึ้นเป็นรูปต่างๆได้แต่พอวางอยู่ในอุ้งมือหรือในโพรงปากก็ละลายออกมาหวานละมุนกลิ่นโกโก้ชั้นดีตีขึ้นในโพรงจมูกจนอยากจะอมไว้ในปากทั้งวันไม่อยากให้ใครได้เห็นได้กลิ่นวินตราเป็นของเขาของเขาคนเดียวเท่านั้นสภาพท่านประธานในตอนนี้เหมือนอยากจะอมหัวเขาเหมือนหมาโกลเด้นที่ออดอ้อนออเซาะเจ้าของไม่รู้จักเบื่อนี่นะเหรอ…ข้าวใหม่ปลามันที่หลายคนพูดถึงแต่วินตราก็ยังเป็นวินตราคนเดิมเขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายคนในกระจกเป็นคนแรกและคนเดียวที่วินตราค่อยๆแง้มประตูที่ปิดตายเอาไว้ให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงความไม่สมประดีของตัวเองแผลใจไหนจะขยะที่ซุกซ่อนไว้ในใจรวมไปถึงในห้องคอนโดของตัวเองผู้ชายคนนี้ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวจนมันแผ่มาถึงคนนอกอย่างเขาได้ง่ายๆวินตราคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่เพราะเขากลัวว่า
“รเร็วกว่านี้” เดนีสยันแขนแต่เอวก็เคลื่อนไหวเนิบช้าแต่ออกสุดตอกจนสุดเช่นกันวินตราแหงนหน้าเมื่อส่วนล่างถูกบดขยี้บี้ซ้ำๆจนสุดโคนจนรู้สึกถึงเส้นขนหยาบแข็งๆกระทบแก้มก้น“เรียกที่รักก่อนสิ” เดนีสซุกที่ซอกคอวินตราพร้อมกับขมเม้มเบาๆก่อนจะงับติ่งหูขาวนั้นดูดดึงจนวินตราครางไม่เป็นภาษาจะหนีไปไหนก็ไม่ได้เดนีสยกยิ้มมุมปาก ‘ติ่งหู’ เป็นอีกจุดที่ไวต่อสัมผัสของคุณเลขาคนสวยวินตราเม้มปากแน่นจนเอื้อมมือไปกำผมของไอ้ประธานเฮงซวยที่ทำตัวขบถแม้กระทั่งจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้“อึก” เดนีสหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระชาก“แม่งนี่นายเล่นกระชากหัวผัวตัวเองเลยเหรอฉันก็ปรนเปรออยู่นี่ไงที่รัก…อย่าใจร้อน” แถมยังแลบเลียริมฝีปากอย่างมาดร้ายเขาสะบัดหัวจากการกอบกุมจัดท่าขาสองข้างพาดบ่าวินตราตอนนี้ตัวจะม้วนกลับหลังอยู่แล้ว “เอาล่ะทำใจดีๆฉันจะแทงไปจนถึงแกนโลกเลยล่ะ” “อะไอ้!” เดนีสเหมือนนั่งยองแทงซ้ำๆดั่งปากว่าจุดกระสันถูกแทงซ้ำๆอย่างนั้นวินตรากัดปากตัวเองอย่างแรงความเสียวตีรื้นขึ้นมาอีกระลอก “มะไม่ไหว” วินตราส่ายหน้าสะบัดไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นส่งทั้งตัวเองและวินตราไปถึงฝั่งฝันอย่างรวดเร็
หรือไม่…อาจไม่เคยเดินสวนทางกันด้วยซ้ำไปเมื่อเห็นวินตราไม่ตอบเดนีสเลยพูดต่ออีกอย่างเขาไม่เชื่อคำสัญญาของวินตราสักเท่าไหร่คุณเลขาของเขาน่ะใจร้ายได้เสมอ“สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่า”“นายเอาจริง?” วินตราถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อถืออีกฝ่ายสักเท่าไหร่ตลอดกาลมีจริงๆเหรอแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก “อือฉันเอาจริงและจริงจังถ้านายกล้าทิ้งฉัน…ฉันจะออกตามหานายสุดล่าฟ้าเขียวจะทิ้งทุกสิ่งไปตามหานายไหนๆฉันก็เป็นคุณชายหัวขบถอยู่แล้ว” วินตราดึงแก้มเขาอย่างแรง“ท่านประธานเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”“แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” วินตราไม่ตอบได้แต่จ้องมองไปยังนัยน์ตานั้นมองภาพใบหน้าตัวเองที่ฉายชัดอยู่ในนัยน์ตาสองคู่นี้“ต้องคิดด้วยเหรอ” เดนีสเย้าแหย่ วินตรายกหัวจุมพิตข้างริมฝีปากนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไงแต่…กับนายมันพิเศษกว่าคนอื่นและสองมือนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดมันทั้งอบอุ่นและปลอดภัยอ้อมอกนี้ก็เช่นกัน” เดนีสมองวินตราอึ้งๆก่อนจะยิ้มโค้งจนตาหยี“นายรักฉันแหละฉันดูออกมาตั้งนานแล้ว” ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งครั้งนี้วินตราโอนอ่อนผ่อนตามเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้ชักนำแ
“ฉันปวดไหล่” “นายจ่ายไหวเหรอฉันคิดค่าบริการแพงนะ”“จะเท่าไหร่กันเชียวอย่าลืมฉันถือแบล็กการ์ด”“ฮ่าๆ” เดนีสหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมจุมพิตที่แผ่นหลังขาวเนียนนั้นหนึ่งทีเบาๆ “แสบจริงๆใครไม่รู้คงคิดว่านายเป็นเมียฉัน” “ฝันไปเถอะ” “ใจร้าย” นิ้วมือลงน้ำหนักนวดโดยผ่อนแรงลากขึ้นลงเดนีสชอบนวดสปาน้ำมันเขาจึงรู้วิธีการนวดมาบ้าง วินตรานอนใบหน้าข้างหนึ่งแนบที่ท่อนแขนจ้องมองเงาในกระจกที่คุณชายหัวขบถตั้งใจนวดแผ่นหลังให้เขาอย่างมุ่งมั่นวินตรายกยิ้มที่มุมปากบางครั้งท่านประธานของเขาก็ซื่อบื้อของแท้…“สบายหรือเปล่า”“อือ” “ฉันจะบอกให้ไม่มีใครกล้าใช้ฉันนอกจากนาย…วินตราเพราะฉะนั้นเป็นแฟนฉันได้แล้ว”“ไม่”“นี่ฉันจริงจังนะ”“ไม่” เดนีสพลิกร่างวินตราให้นอนหงายโดยที่เขาคร่อมทับเค้นเอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายหัวคิ้วขมวดจนเป็นปม“ทำไมเป็นแฟนฉันไม่ดีตรงไหน”“ทุกตรง” “หา…อย่างฉันเนี่ยนะไม่ดีฉันดีมากเลยขอบอก” โอ้อวดตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่ง“แล้ว” เดนีสก้มหน้าต่ำกระซิบเสียงแหบต่ำข้างหูคุณเลขา“ฉันก็รักนายอย่างสุดหัวใจ” พร้อมจุมพิตไหล่เปลือยเปล่านั้นแผ่วเบา เดนีสพยายามจ้องหน้าคุณเลขาไม่หลุบตามองต่ำไปมากกว่าน
“นี่ลองชิมดูเป็นไวน์ตัวใหม่ของ ONLY U แอลฯเพียง 6% น้องชายฉันคิดค้นและปรับปรุงมาตลอดจนได้ไวน์รสชาตินี้ออกมาดื่มง่ายลองสิ” วินตรารับไวน์มาจิบอย่างว่าง่ายตอนนี้เขาไม่ได้กินยารักษาสภาพจิตใจแล้วพร้อมกับเข้าตรวจร่างกายชุดใหญ่ตามคำสั่งของท่านประธานวินตราเป็น (New Male) ที่สามารถตั้งครรภ์ได้ก็จริงแต่เพราะปัญหาทางใจที่รุมเร้ามาตลอดเขาเลยมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนเรียกได้ว่าฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่มดลูกเลยไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่เหมือนคนเป็นหมันแต่ในอนาคตก็ไม่แน่เรื่องราวภายในของคนเรานั้นซับซ้อนวินตราและเดนีสต่างก็นั่งฟังหมออธิบายรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเดนีสเองก็เข้าตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีด้วยเช่นกัน แม้จะมีแอลกอฮอล์ผสมเพียง 6% แต่ดื่มเองไปเกือบขวดวินตราเองก็มึนๆเหมือนกันนานเท่าไหร่แล้วที่เขาทำตัวอยู่ในกรอบไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้แตะต้องของพวกนี้อีกทั้งยังกินยาต่อเนื่องมาหลายปีทำให้ไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้ได้บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องการรสชาติที่หลากหลายการพบเจอผู้คนเดิมๆงานเดิมๆก็ทำให้ชีวิตซ้ำซากจำเจอยู่เหมือนกัน โลกของเขาที่คับแคบก็เริ่มเปิดกว้างขึ้นมาเมื่อได้เจอกับเดนีสเด
“นายโกหก” น้ำเสียงแผ่วเบาจนสัมผัสถึงของเหลวอุ่นๆที่หยดตรงลาดไหล่ของตัวเองเพราะเดนีสรู้จักวินตราเกินไปต่างหากหากเขายอมปล่อยมือตอนนี้อีกฝ่ายคงหลุดลอยไปไกลอาจไกลเสียจนเขาไม่มีทางตามอีกฝ่ายพบวินตรายังคงเป็นวินตราที่เข้มแข็งโดดเดี่ยวจนถึงขั้นใจดำที่จะหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็นแต่ทว่าเดนีสเองไม่สามารถปล่อยวินตราไปได้ แล้วเขาก็เป็นลูกคนรวยหัวกรวยหัวขบถที่อยากได้อะไรต้องได้ยังไงต้องมีคุณเลขามือทองคนนี้คอยกำราบ! สองแขนของวินตรายกโอบกอดกลับไปเช่นกัน ต่างคนต่างร้องไห้เงียบ ๆ ลูบหลังปลอบประโลมกันอยู่อย่างนั้น“ไปกับฉันที่หนึ่งสิ” เดนีสพูดพลางสูดจมูกไปด้วยเขาไม่อายเลยสักนิดที่จะร้องไห้ออดอ้อนต่อหน้าวินตราวินตราไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นอันว่าตกลงเดนีสยกยิ้มมาดร้ายที่มุมปากคิดจะหนีไปจากเขางั้นเหรอ…ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกวินตรา!เดนีนสบถอย่างหัวเสียเมื่อคุณนิติพลรายงานเรื่องประธานตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ขอลาต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ที่บริษัทก็ผ่านช่วงวิกฤตมาได้พร้อมกับกำจัดเห็บไรไปได้หลายตัวแถมยังดำเนินการภายใต้แฝดน้องอย่างเดนีนที่แสร้งตีหน้าขรึมเป็นเดนีสแฝดพี่เพราะความเป็นแฝดที่เหมือนกันจนแทบจะโคลนกัน
“ผมว่าจะขอลาออกครับ” ท่านเจ้าสัวเอนพนักพิงเก้าอี้จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ก้มหน้าเอ่ยบอกความต้องการ“แล้วเดนีสล่ะ” วินตราเม้มปากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “วินตราฉันเห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งอดีตก็คืออดีตฉันยอมรับที่ความสามารถของเธอมากกว่าเรื่องอื่นเป็นรอง” “ผมทราบครับ”“วันไหนที่เธอเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่ได้เสมอ” “ครับ” วินตรายกมือไหว้ท่านเจ้าสัวอย่างนอบน้อมตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านท่านเจ้าสัวตลอดตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขาเองก็ควรจะมีชีวิตของตัวเองสักที ตอนนั้นที่เขาหนีกบดานเอาชีวิตรอดจากสาสินก็นึกถึงท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกตอนแรกก็กล้าๆกลัวเพราะหลักฐานที่มีนอกจากจะไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้แล้วหลักฐานพวกนี้อาจจะเป็นเถ้าถ่านในกองไฟก็เป็นได้แต่แล้ววินตราก็ไม่ผิดหวังนึกถึงคำถามนั้นที่ท่านเจ้าสัวได้ให้ไว้กับตัวเอง“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ลำบากใจแต่วันไหนที่เธอเข้มแข็งและสามารถหยัดยืนเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ได้เมื่อไหร่ขอเพียงเธอเอ่ยปากฉันจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ” ตอนนั้นวินตรายังคิดไม่ตกอย่างที่เคยบอกเหตุการณ์เหล่านั้นกัดกินใจเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนวินตราเด็
การออกมาปรากฏตัวและให้สัมภาษณ์สื่อของวินตราในฐานะเหยื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอย่างมหาศาลเด็กทุนที่ลังเลที่เคยตกเป็นเหยื่อไม่กล้าเปิดเผยตัวและผู้คนที่ถูกคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ทำงานสถานศึกษาต่างก็ตบเท้าเข้ามาให้ปากคำอย่างไม่ขาดสาย ต่างก็แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านโลกออนไลน์สร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้ในสังคมเป็นอย่างมากอย่าอายจนลืมที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่มีใครควรถูกคุกคามทางเพศ!วินตรายืนอยู่ตรงหน้าช่องบรรจุอัฐของวัดแห่งหนึ่งย่านปริมณฑลก่อนตายจินตะได้พูดว่าอยากจะบวชสักครั้งก่อนตายแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึกวินตราจึงตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองก้อนใหญ่ออกมาซื้อสถานที่จัดเก็บอิฐเอาไว้ตามปรารถนาสุดท้ายของจินตะตอนนั้นวินตราเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีปีหนึ่งคนหนึ่งไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีการจัดเก็บอัฐิไว้ 4 รูปแบบด้วยกันคือ1.) ช่องจัดเก็บอิฐตามกำแพงวัด2.) จัดเก็บตามเสาไฟของวัด3.) จัดเก็บตามอาคารศาลาหรือกุฏิซึ่งจะเตรียมช่องจัดเก็บอัฐิไว้บนขื่อหรือหน้าประตูตามความเหมาะสมของสถานที่4.) ห้องไว้สำหรับจัดเก็บอัฐิโดยเฉพาะซึ่งสถานที่จะเป็นที่จัดเก
ก้องการุณย์ลั่นไกโดยที่ไม่ต้องคิดเมื่อเจนจัดหันปลายกระบอกปืนมายังผู้บริสุทธิ์ที่ด้านล่างแม้จะเล็งที่ข้อมือข้างที่ถือปืนแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจนจัดจะถนัดยิงปืนทั้งสองข้างอีกฝ่ายตะเกียกตะกายพลิกร่างกายอย่างรวดเร็วจ่อปากกระบอกปืนที่ขมับของตัวเองคนอย่างเจนจัดไม่มีทางจนตรอกหากจะตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือตัวเองเท่านั้น…ปัง! แต่ทว่าสวรรค์คงมีตาไม่อยากให้คนชั่วได้ตายง่ายๆแม้ว่าจะเล็งที่ขมับของตัวเองแต่ก็พลาดเฉียดไปเท่านั้นงานนี้เจนจัดได้นอนทรมานติดเตียงยาวนานพอที่จะลิ้มรสความทุกข์และบาปกรรมที่ได้ทำลงไปอย่างเต็มที่แม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้อยู่ฟังเสียงผู้คนก่นด่าสาปแช่งและประณามจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ศิราณีเองก็ร่ำไห้ปานจะขาดใจเธอไม่ได้ร้องไห้ให้กับไอ้สามีเฮงซวยนั้นแต่ร้องไห้ให้กับความขี้ขลาดของตัวเองหากเธอกล้ายืนหยัดและเชื่อในคำพูดของลูกชายตั้งแต่เนิ่นๆเรื่องราวคงไม่บานปลายจนมาถึงขั้นนี้ไอ้เจนจัดทำลูกคนอื่นไม่พอยังทำลูกตัวเองด้วยสารเลว! แม้จะไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศแต่การลูบคลำก็ทำให้ลูกชายและลูกสาวมีแผลใจและรังเกียจพ่อตัวเองหมามันยังไม่คิดอกุศลกับลูกตัวเองศิราณีปิดหน้าร่ำไห้กับพื้นอย่าง