Beranda / โรแมนติก / เพลิงรักเพลิงแค้น / 2 ไม่มียาขนานใดจะทำให้มันทุเลาลงไปได้เลย

Share

2 ไม่มียาขนานใดจะทำให้มันทุเลาลงไปได้เลย

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-06 15:42:15

“ไหนว่างานยุ่ง”

“อยู่ๆ หัวก็มึนตื้อเฉยๆ สงสัยจะเพราะอีตาอัมพุนั่นแหละ...ตะกี้วีก็เจอที่หน้าห้อง ท่าทางแกขวางโลกดีนะ...อย่างนี้แหละมันน่าจะทำให้หัวปั่นซะเลย”

“จะทำอะไร”

“อ้าว...” หล่อนร้องเสียงแหลม ตาพราวระยับ “คนไม่ชอบหน้ากัน เขาทำยังไงต่อกันล่ะคะ”

“ทุกทีเห็นวีเป็นคนมีมิตรจิตกับคนมาใหม่”

“กับคนนี้เห็นจะต้องยกเว้นกระมังคะ วีเพิ่งเชื่อเดี๋ยวนี้เองแหละว่าทำไมที่บางคนเขาถึงพูดว่า ถ้าหากไม่ชอบหน้าก็ไม่ต้องไปหาเหตุผล ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ พอเห็นหน้าแล้วก็ไม่ชอบเลย”

“เขาหล่อนะ” สุนิสาแกล้งท้วง

อุรวีทำหน้าเบ้

“หล่อก็หล่อซิ”

“ทุกทีเห็นว่าเป็นหนุ่มหล่อ เธอก็เนื้อเต้นแล้ว”

“เก็บหมอนี่ไว้เถอะค่ะ วีไม่อยากจะยุ่งด้วย...แต่จะให้อยู่เฉยๆ ก็คงจะไม่ยอมเหมือนกัน ขอให้ได้ทำให้หัวปั่นก่อนเถอะ...”

“อย่าลืมนะว่าเขาเป็นคนมีฝีมือ...อย่าทำให้เขาอยู่ไม่ได้ ดูเหมือนว่าจะต้องจ่ายแพงมาก ถึงได้ตัวเขามา”

อุรวีเบะปากออกนิดๆ

“เงินน่ะ คุณสา...ถ้าใจถึงซะอย่าง ทุ่มเข้าไป หน้าไหนมันก็สยบทั้งนั้น จะเอาดีเลิศกว่าหมอนี่ก็คงจะมี แล้วกะแค่ช่างถ่ายรูป...มือแน่มาจากไหนกันเชียว มีอีกถมเถไป”

“ไปถามลูกสาวท่านประธานใหญ่แล้วกัน”

“ต๊าย...เส้นของหนูอ้นเขาหรือคะนี่...มิน่าเล่า...หล่อล่ำออกปานนี้ แล้วเป็นตุ๊กตายางดิ้นได้ที่หนูอ้นเขาชอบสะสมหรือเปล่าล่ะคะ”

น้ำเสียงของหล่อนไม่มีสะดุ้งสะเทือนสักนิด สุนิสาทำหน้าประหลาด กึ่งบึ้งกึ่งยิ้ม แต่ก็พยายามจะเอ่ยกำราบอุรวีอยู่เหมือนกัน

“พูดแบบนี้ใครได้ยินเข้าเอาไปบอกจะเดือดร้อน”

“หนูอ้นน่ะเหรอ” หล่อนเหยียดริมฝีปากออกเล็กน้อย “ให้เขาไปอวดเก่งกับคนอื่นๆ ดีกว่า อย่ามาอวดกับวี...”

นัยน์ตาของหล่อนมีประกายบางอย่างที่ทำให้สุนิสาไม่สู้จะสบายใจสักเท่าไหร่

“ไม่บอกไม่รู้นะคะเนี่ย” เสียงของอุรวียังหวานเจี๊ยบ “เส้นดีๆ ก็คงอยู่สบาย วีชักไม่เชื่อเรื่องฝีมือแล้วละว่าหมอนี่มีจริง หนูอ้นเขาคงจะดึงเข้ามาไว้ใกล้ตัว แต่คุณสาว่าเขาไม่เหลียวแลผู้หญิง หนูอ้นเขาไม่คลั่งไปแล้วหรือคะเนี่ย”

“ใครจะไปกล้าถามเขา แต่อัมพุเขาไม่ได้เป็นแค่ช่างภาพนะ เขายังมีฝีมืออีกหลายด้าน ที่แน่ๆ เขาจะมาช่วยงานเรื่องหนังสือด้วย...”

นัยน์ตาของอุรวีขยายกว้างขึ้น

“หนังสือใหม่ที่บริษัทวางโครงการว่าจะออกน่ะหรือคะ”

“ก็มีเล่มเดียวนั่นแหละ คุณอ้นเธอเอามารอท่าตำแหน่งบอกอฝ่ายศิลป์...”

“ก้าวเข้ามาไม่พอ ยังมีขั้นตอนเรียนลัดอีกด้วย”

แล้วอุรวีก็ทอดถอนใจ พร้อมกับยกไหล่เล็กน้อย

“มันเรื่องของพวกเขานี่นะ เราไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย เขาจะเสี่ยงให้เงินทุนของเขาฉิบหายวายวอด เราก็ไม่ได้ไปเสียกับเขาด้วย เงินเราก็ยังอยู่ในกระเป๋าเรา จริงไหม คุณสา”

แต่สุนิสาก็รู้ด้วยความใกล้ชิดว่า อุรวีกำลังเก็บเอาเรื่องนี้ไปคิดอย่างหนัก โดยไม่ปริปากเอ่ยออกมา แล้วยังทำเหมือนไม่แยแสอีกด้วย

“ดี...วีจะได้ช่วยประสานงาให้งานไปสวยๆ”

“ประสานงานนะ ไม่ใช่ประสานงา”

“วีถนัดอย่างหลังมากกว่า”

หล่อนบอกยิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เต็มที่ หล่อนเดินออกไปจากห้อง ท่าเดินของหล่อนตามสบาย และก็ทำให้หล่อนตกเป็นเป้าสายตาของบุรุษวัยร่วมหกสิบ ที่กำลังจะเดินออกไปที่ลิฟต์ส่วนตัวด้านใน ที่ใช้กันเฉพาะพนักงานระดับสูง

แววตาหลังแว่นสายตาของเขา มีรอยยิ้มเหมือนเอื้อเอ็นดูกับท่วงท่าการเดินเร็วๆ นั้น ดูแต่ไกล...อุรวีเป็นผู้หญิงตัวเล็กแบบบาง แต่หล่อนคล่องแคล่วปราดเปรียว ดูแล้วเพลิดเพลินไปหมด เขามองดูหล่อนนิ่งๆ อยู่เป็นนาน ก่อนจะตัดสินใจตะโกนเรียก

“วี...”

หล่อนชะงักกึก แม้จะไม่ได้หันมาในทันที แต่หล่อนก็จดจำเสียงนี้ได้แม่นยำเสมอ ทั้งที่ใจส่วนลึกๆ บอกว่าเป็นการจดจำที่แฝงเอาไว้ด้วยความรู้สึกเคืองแค้นแสนสาหัสก็ตามที

อย่างช้าๆ ที่หล่อนหันกลับมา แต่ไม่ได้เดินมาหา คงมองมานิ่งๆ ท่าทีของหล่อนเหมือนจะถามเขาเสียด้วยซ้ำว่า เขามีธุระกับหล่อนหรือไม่

“มานี่หน่อยเถอะ”

ริมฝีปากบางๆ นั่น เม้มเข้าหากัน แล้วเขาก็มองเห็นว่าหล่อนเดินลากขาเข้ามาหาอย่างเสียไม่ได้

สองมือของหลอนซุกอยู่ในกระเป๋ากระโปรง...เพราะอุรวีตัวเล็ก หล่อนยังสวมกระโปรงผ้ายีนแบบเอี๊ยมได้อย่างไม่น่าเกลียด ผมซอยไล่ๆ กันไปทั้งหัวยาวประบ่า แล้วหน้าตาที่ปราศจากเครื่องสำอางก็ทำให้หล่อนดูเยาว์วัย

“มาตามบัญชาแล้วไงคะ”

หล่อนมองดูเขาด้วยแววตาที่เรียกได้ว่าว่างเปล่า ที่ชวนให้เขาใจหาย ลำคอตีบตันขึ้นมาเสียเฉยๆ

“สบายดีหรือ ลูก”

เขาถามเสียงพร่าๆ แต่อุรวีกลับหัวเราะ แถมยังพูดใส่หน้าเขาด้วยน้ำเสียงเหมือนขบขันอย่างยิ่ง

“ไม่สบายหรือคะ ถึงถามชอบกล”

หล่อนเป็นอย่างนี้เสมอ คือมักจะละเว้นสรรพนามตัวเขาเอาไว้เฉยๆ พูดกับเขาลอยๆ ตลอดจนพยายามกันตัวเองออกเป็นคนนอก ทั้งที่แท้หล่อนก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง

“พ่อสบายดี...งานของวีเป็นไงบ้าง”

“ดีค่ะ กำลังไปได้สวย...”

“เจออ้นบ้างไหม”

“ไม่เจอค่ะ”

“อ้นเขาเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ เขาไปตามเพื่อนมาทำงานกับเราด้วยคนนึง อัมพุน่ะ วีเจอเขาหรือยัง”

หล่อนเหยียดยิ้มเล็กน้อย ผงกหัวรับอยู่หงึกๆ

“อัมพุเป็นคนเก่งมาก”

“คงอย่างนั้นมังคะ อ้นถึงไปขุดแคะเขามาจากอังกฤษ เป็นของนอก ไม่ได้เมดอินไทยแลนด์ หยั่งงี้เหมือนจะมีอุปาทานเชียวว่า มีกลิ่นขนมปังนมเนยอบอวล หนังสือเล่มใหม่ของบริษัทคงจะรสนิยมฝาหรั่งดีเลยนะคะ คงจะได้ไต่บันไดไปไฮคลาสอย่างที่อ้นหวังเอาไว้”

“งานหนังสือนั่นน่ะ พ่อต้องฝากวีด้วย”

แล้วเขาก็รู้ตัวว่าพูดผิดไปอีกแล้ว เพราะอุรวีทำตาวับๆ ก่อนจะตอบด้วยเสียงอ่อนหวาน แต่มันค้านกับท่าทีของหล่อน

“อุ๊ย! อย่าเลยค่ะ วีน่ะรสนิยมบ้านนอกคอกนา อาจจะทำให้หนังสือตกต่ำ ไม่ติดตลาด งานวีก็มีมากแล้ว ขืนไปรับงานเพิ่ม ดีไม่ดีงานเก่าก็ไม่ได้ดี จะโดนพิจารณาไล่ออกเสียเปล่าๆ วีไม่กล้าเสี่ยงค่ะ”

คำพูดนั่นทำให้นายอาร์มถึงกับสะอึก แม้สีหน้าของอุรวีจะยังเป็นปกติ แล้วยิ้มเยื้อนเหมือนหล่อนกำลังสงบเสงี่ยมเจียมตัว แต่เขาก็รู้ว่าหล่อนกำลังแดกดันเขาเข้าให้อย่างไม่ลดละ

ดูแววตาหล่อนก่อนเถิด มันกำลังท้าทายเขาชัดๆ หากเขาแปลไม่ผิด

...จะพูดหยั่งงี้แหละ แล้วจะทำไม...

เขาทำอะไรหล่อนไม่เคยได้ อุรวีเป็นเหมือนต้นไม้ที่เขาปล่อยทิ้งขว้างให้เติบโตเองตามยถากรรม แต่หล่อนกลับเป็นไม้แกร่งที่ยืนหยัด แล้วมีรูปทรงสวยงามในสายตาของเขา แม้กิ่งก้านบางกิ่งจะเกะกะไปบ้าง แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะไป “ตัด” หรือ “ริด” ให้เข้ารูปเข้าทรงยิ่งขึ้น

นายอาร์มมีสำนึกลึกๆ ที่เต็มไปด้วยความอับอายอยู่เหมือนกันว่า เขาทอดทิ้งอุรวี เขาไม่กล้าทวงสิทธิ์ของเขาจนออกนอกหน้า เพราะยามร้าย อุรวีก็ร้ายเหลือแสน

บางทีที่หล่อนทำกระด้างกระเดื่อง ท้าทายเขา ก็ทำเป็นมองไม่เห็นเสีย เหมือนอย่างเดี๋ยวนี้นี่แหละ

เขายื่นมือออกไปข้างหน้า วางลงบนบ่าเล็กๆ ที่ยืดตรง อุรวีไม่ได้ขยับหลบ หล่อนยังยืนปักหลักเฉย ปลายขาแยกออกจากกันเล็กน้อย

“ใครจะกล้าไล่พนักงานที่มีความสามารถในหน้าที่การงาน แล้วก็ยังได้รางวัลดีเด่นว่ามนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศเล่า”

เขาหยอกเย้าหล่อน พยายามจะเล่นหัวคลุกคลีกับหล่อน และอุรวีไม่ยอมคล้อยตามด้วย

“คงจะมีมังคะ มีแน่ คนที่อยากให้วีออกไปพ้นๆ น่ะ ขอโทษนะคะ งานเยอะ ขอให้ได้ไปทำตัวเป็นพนักงานที่มีความสามารถก่อน”

หล่อนเบี่ยงไหล่ออก มือที่วางอยู่บนไหล่จึงเลื่อนตกลง

“คุณยายเป็นไงบ้าง...”

นั่นทำให้อุรวีชะงัก ก่อนจะหัวเราะ

“ยังแข็งแรงดีค่ะ”

หล่อนหันหลังให้กับเขาเสียทันที แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงพูดต่อไปของหล่อน เสียงแหลมที่กรีดลึกลงไปในหัวใจของเขา ตอกย้ำให้เขาสำนึกผิด แล้วร้อนรุ่ม กระวนกระวาย

“เช้าๆ ก็ยังลุกมาใส่บาตรได้ตามปกติ คุณยายท่านว่าไม่ได้บุญก็ช่างเถอะ เพราะตอนกรวดน้ำ ท่านขอแต่ว่าให้พบกันชาตินี้ชาติเดียว เกิดชาติอื่นภพอื่น ก็ขออย่าให้เจอมารผจญเหมือนชาตินี้เลย”

หล่อนเดินไปแล้ว ทั้งหมดที่หล่อนเปรียบเปรยว่าเป็น ‘มาร ’ ทำไมจะไม่รู้ ว่าอุรวีหมายถึงเขา นั่นทำให้เขากะปลกกะเปลี้ยไปเป็นอ้นมาก

ยืนคอตกอยู่ตรงนั้นอีกพักใหญ่ แล้วอุรวีก็มองเห็นก่อนจะลับไปจากทางเดินนั้น เพราะหล่อนหันกลับมา แต่สีหน้าและแววตาของหล่อนชาเย็น...ใต้ความเบิกบานแจ่มใสนั่น อุรวีมี ‘ปม’ ในชีวิตมากมายไปหมด แตะต้องลงไปตรงไหน ก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ไม่ยากเลย

ทุกสิ่งทุกอย่างยังเป็นแผลสด หล่อนยังเยียวยารักษาแผลไม่ได้ ไม่มียาขนานใดจะทำให้มันทุเลาลงไปได้เลย

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เพลิงรักเพลิงแค้น   3 ไม่เคยเปิดเผยฐานะที่้แท่้จริง

    “ไม่สบายหรือคะ”น้ำเสียงอ่อนหวานเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยนั้น ทำให้เขาปรือเปลือกตาขึ้นมอง แล้วก็เห็นดวงหน้ากลมอิ่มเปล่งปลั่งแบบคนที่มีความสุขสมบูรณ์กับชีวิตเต็มเปี่ยม มืออูมหนาไปด้วยเนื้อแตะอังที่หน้าผากของเขา“ตัวไม่ร้อนนี่คะ ทำไมท่าทางเหมือนหมดอาลัย...”คุณนพมาศนั่งลง ทำให้เขาพลอยขยับตัวขึ้นมานั่งให้ดูดีขึ้น ยกมือลูบหน้าตัวเองไล่เรื่อยลงมาจากหน้าผากจนกระทั่งถึงปลายคาง ก่อนจะลดมือลง“รู้สึกเพลียๆ”“เรื่องงานอีกซิคะ”“วันนี้ผมเจอยายวี...”“อ้อ...”เธอพึมพำเบาๆ รับรู้เงียบๆคุณนพมาศไม่เคยแสดงท่าทีปราศจากความเป็นมิตรกับลูกเลี้ยง แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็ไม่อาจจะทำตัวเป็นเสมือนแม่ของอุรวีได้สนิทใจ เพราะตั้งแต่เยาว์วัยแล้วที่อุรวีมีท่าทางเฉยชาแบบคนแปลกหน้ามาตลอด“ไปที่บริษัทนั่นเอง...”คุณอาร์มมีกิจการค้าอยู่หลายแห่ง เขาสร้างตัวเป็นปึกแผ่นได้ในช่วงชีวิตเดียว และกิจการหนึ่งที่คุณนพมาศพยายามลืมๆ ว่าไม่มีก็คือบริษัทออกแบบนั่น เพราะอุรวีทำงานที่นั่น เธอสดับตรับฟังความสามารถของอุรวีทีไรก็ยอกแปลบอยู่ในอก เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับอันธิกา แต่อุรวีได้เรื่องได้ราวมากกว่าอันธิกาไม่ได้เป็นโล้เป

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-06
  • เพลิงรักเพลิงแค้น   4 แม่ลูกซ้ำรอยกันคิอชอบผัวเขา

    “ผู้ชายมีอดีตไม่สะอาดนัก ไม่ไหวล่ะค่ะ ขี้เกียจเอามาให้คนเขาพูดถึงลับหลัง เรื่องของนายคนนี้ดิฉันได้ยินมาหนาหูนัก สารพัดเลยที่ฟังแทบไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง...”“แต่ยายอ้นไม่ใช่คนโง่”“ค่ะ แกไม่โง่ แต่แกไม่ค่อยระมัดระวังตัวเอง คบหากับผู้ชายคนไหน แกก็วางความสนิทสนมลงไปหมด คนไม่เข้าใจก็นึกว่าแกเป็นสาวเปรี้ยวจี๊ด เล่นง่าย ทำให้ชื่อเสียงของแกพลอยเหม็นเน่า ราคาตกหมด”“ถ้าตัวแกไม่เสื่อมเสียซะอย่างก็ช่างเถอะ ผมไม่ถือสาเรื่องที่แกเป็นสาวเปรี้ยว...ดีกว่ามีลูกสาวหงิมๆ นะ ผมไม่ชอบคนหงิมๆ ซึมๆ ชอบอย่างที่คล่องแคล่วปรู๊ดปร๊าดมากกว่า”“แต่นายอัมพุก็มีเมียแล้วไม่ใช่หรือคะ”“ถ้าเมียมี แล้วทำไมเมียไม่มาด้วย”“คุณก็...พูดเป็นเล่นไปได้ ดิฉันก็หนักใจนะคะ ไม่อยากให้ยายอ้นไปยุ่งเกี่ยวกับผัวใคร...” เธอสะดุดไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงปร่าๆ“กลัวจะมีคนพูดกันได้ว่าแม่ลูกซ้ำรอยกัน คือชอบผัวเขา...”คุณอาร์มดึงร่างของภรรยาเข้ามาใกล้ สวมกอดเธอเอาไว้หลวมๆ ในวงแขน“ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรนี่นา คุณเป็นเมียเดียวของผม...มีทะเบียนสมรสถูกต้อง แล้วเรื่องอ้น...ผมไม่เชื่อว่าแกจะทำอะไรร้ายๆ แบบนั้น ถ้าอัมพุมีเมียเป็นต

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-06
  • เพลิงรักเพลิงแค้น   5 อิ่มกับคำหวาน

    “พูดมีเลศนัย”“ผมได้กลับเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ตำแหน่งที่โรงแรม...”อานิกออกชื่อโรงแรมใหญ่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่งให้อุรวีทำตาโต แล้วหล่อนก็มีกิริยายินดีจนเห็นได้ชัด“ดีซิ ที่นั่นมีห้องอาหารที่อาหารอร่อยเยอะ”“เป็นงั้นไป ผมนึกว่าเพราะผมได้เข้ากรุงเทพฯ เสียอีก ที่ทำให้วีดีใจ”เขาตัดพ้อ แล้วหลังจากนั้นระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ ก็เป็นการคุยกันเรื่องสารทุกข์สุกดิบต่างๆ แต่ก่อนจะได้อิ่มกับอาหาร อุรวีได้อิ่มกับคำหวานจากปากของอานิก จนหัวใจของหล่อนพลอยเบิกบานไปหมด“ไปดิ้นต่อหน่อยดีไหม...จะได้ขยับแข้งขยับขา...ไม่อ้วนดีด้วย”“ขอโทรฯ กลับบ้านก่อนนะ...เดี๋ยวคุณยายกับคุณป้าจะเป็นห่วง”อานิกขอตัวไปเข้าห้องน้ำเมื่ออุรวีแยกไปโทรศัพท์ หล่อนแจ้งข่าวให้คุณยายได้รู้ก่อนว่าจะไปไหน แล้วจะกลับบ้านเวลาประมาณเท่าใด เผื่อว่าท่านจะได้ไม่ห่วง พอวางโทรศัพท์ลงหันกลับมา...ก็เกือบจะชนกับผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางเหมือนจะใช้โทรศัพท์ด้วยเหมือนกัน“ขอโทษครับ”ได้ยินน้ำเสียงของเขา แต่ยังมองไม่เห็นหน้า อุรวีได้แต่อุทานอยู่ในใจว่า ผู้ชายคนนี้สูงจัง จนต้องแหงนหน้าขึ้นมอง แล้วพอเห็นดวงหน้านั้น หล่อนก็ไม่ได้แสดงความประหลาดใจ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-06
  • เพลิงรักเพลิงแค้น   1 อุรวี

    โทรศัพท์กรีดเสียงระรัวขึ้น ในท่ามกลางความเงียบ เสียงนั่นก็ทำให้ถึงกับสะดุ้งได้เหมือนกัน อุรวีเอื้อมมือแหวกๆ กองกระดาษและกองผ้าที่สุมอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าออกไป คว้ากระบอกโทรศัพท์ขึ้นมาวางแนบไว้กับซอกคอ กรอกเสียงลงไป มือก็ร่างแบบเสื้อต่ออย่างขะมักเขม้น“ค่ะ...วีพูดค่ะ”เสียงปลายสายอู้อี้จนเกือบจะไม่ได้ยิน “ไม่ได้ยินเลยค่ะ” หล่อนบอกไป “ค่ะ ได้ยินแล้ว...อ้าว...นิก หรอกรึ...ถึงว่าซิเสียงคุ้นๆ”หล่อนหัวเราะออกมา วางดินสอลง เอนหลังพิงกับพนัก...“ลงมากรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าไงนะ กินข้าวเย็นนี้เหรอ ได้ซิ ได้...แต่ต้องเย็นๆ มากหน่อยนะ...งานยุ่ง นี่ก็งานเต็มโต๊ะเลย จะมารับไหม...จะให้ไปเองเหรอ ที่ไหน...จ้ะ...จ้ะ...”หล่อนรับรู้ในที่นัดหมายแล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อไปเรื่อยๆ นี่เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงเท่านั้นเอง“วี...”ประตูห้องเปิดเข้ามา แล้วเจ้าของเสียงก็เดินเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉง เป็นหญิงสาวใหญ่ อายุสี่สิบเศษๆ แต่ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ“เห็นช่างภาพคนใหม่ของเราหรือยัง เขาเพิ่งมารับงานถ่ายแบบคราวนี้เอง โอ้โฮ...พี่งี้เห็นแล้วน้ำลายจะหกซะให้ได้ หล่อเฟี้ยวเลย พวกสาวๆ กำลังกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่...”อุร

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-06

Bab terbaru

  • เพลิงรักเพลิงแค้น   5 อิ่มกับคำหวาน

    “พูดมีเลศนัย”“ผมได้กลับเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ตำแหน่งที่โรงแรม...”อานิกออกชื่อโรงแรมใหญ่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่งให้อุรวีทำตาโต แล้วหล่อนก็มีกิริยายินดีจนเห็นได้ชัด“ดีซิ ที่นั่นมีห้องอาหารที่อาหารอร่อยเยอะ”“เป็นงั้นไป ผมนึกว่าเพราะผมได้เข้ากรุงเทพฯ เสียอีก ที่ทำให้วีดีใจ”เขาตัดพ้อ แล้วหลังจากนั้นระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ ก็เป็นการคุยกันเรื่องสารทุกข์สุกดิบต่างๆ แต่ก่อนจะได้อิ่มกับอาหาร อุรวีได้อิ่มกับคำหวานจากปากของอานิก จนหัวใจของหล่อนพลอยเบิกบานไปหมด“ไปดิ้นต่อหน่อยดีไหม...จะได้ขยับแข้งขยับขา...ไม่อ้วนดีด้วย”“ขอโทรฯ กลับบ้านก่อนนะ...เดี๋ยวคุณยายกับคุณป้าจะเป็นห่วง”อานิกขอตัวไปเข้าห้องน้ำเมื่ออุรวีแยกไปโทรศัพท์ หล่อนแจ้งข่าวให้คุณยายได้รู้ก่อนว่าจะไปไหน แล้วจะกลับบ้านเวลาประมาณเท่าใด เผื่อว่าท่านจะได้ไม่ห่วง พอวางโทรศัพท์ลงหันกลับมา...ก็เกือบจะชนกับผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางเหมือนจะใช้โทรศัพท์ด้วยเหมือนกัน“ขอโทษครับ”ได้ยินน้ำเสียงของเขา แต่ยังมองไม่เห็นหน้า อุรวีได้แต่อุทานอยู่ในใจว่า ผู้ชายคนนี้สูงจัง จนต้องแหงนหน้าขึ้นมอง แล้วพอเห็นดวงหน้านั้น หล่อนก็ไม่ได้แสดงความประหลาดใจ

  • เพลิงรักเพลิงแค้น   4 แม่ลูกซ้ำรอยกันคิอชอบผัวเขา

    “ผู้ชายมีอดีตไม่สะอาดนัก ไม่ไหวล่ะค่ะ ขี้เกียจเอามาให้คนเขาพูดถึงลับหลัง เรื่องของนายคนนี้ดิฉันได้ยินมาหนาหูนัก สารพัดเลยที่ฟังแทบไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง...”“แต่ยายอ้นไม่ใช่คนโง่”“ค่ะ แกไม่โง่ แต่แกไม่ค่อยระมัดระวังตัวเอง คบหากับผู้ชายคนไหน แกก็วางความสนิทสนมลงไปหมด คนไม่เข้าใจก็นึกว่าแกเป็นสาวเปรี้ยวจี๊ด เล่นง่าย ทำให้ชื่อเสียงของแกพลอยเหม็นเน่า ราคาตกหมด”“ถ้าตัวแกไม่เสื่อมเสียซะอย่างก็ช่างเถอะ ผมไม่ถือสาเรื่องที่แกเป็นสาวเปรี้ยว...ดีกว่ามีลูกสาวหงิมๆ นะ ผมไม่ชอบคนหงิมๆ ซึมๆ ชอบอย่างที่คล่องแคล่วปรู๊ดปร๊าดมากกว่า”“แต่นายอัมพุก็มีเมียแล้วไม่ใช่หรือคะ”“ถ้าเมียมี แล้วทำไมเมียไม่มาด้วย”“คุณก็...พูดเป็นเล่นไปได้ ดิฉันก็หนักใจนะคะ ไม่อยากให้ยายอ้นไปยุ่งเกี่ยวกับผัวใคร...” เธอสะดุดไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงปร่าๆ“กลัวจะมีคนพูดกันได้ว่าแม่ลูกซ้ำรอยกัน คือชอบผัวเขา...”คุณอาร์มดึงร่างของภรรยาเข้ามาใกล้ สวมกอดเธอเอาไว้หลวมๆ ในวงแขน“ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรนี่นา คุณเป็นเมียเดียวของผม...มีทะเบียนสมรสถูกต้อง แล้วเรื่องอ้น...ผมไม่เชื่อว่าแกจะทำอะไรร้ายๆ แบบนั้น ถ้าอัมพุมีเมียเป็นต

  • เพลิงรักเพลิงแค้น   3 ไม่เคยเปิดเผยฐานะที่้แท่้จริง

    “ไม่สบายหรือคะ”น้ำเสียงอ่อนหวานเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยนั้น ทำให้เขาปรือเปลือกตาขึ้นมอง แล้วก็เห็นดวงหน้ากลมอิ่มเปล่งปลั่งแบบคนที่มีความสุขสมบูรณ์กับชีวิตเต็มเปี่ยม มืออูมหนาไปด้วยเนื้อแตะอังที่หน้าผากของเขา“ตัวไม่ร้อนนี่คะ ทำไมท่าทางเหมือนหมดอาลัย...”คุณนพมาศนั่งลง ทำให้เขาพลอยขยับตัวขึ้นมานั่งให้ดูดีขึ้น ยกมือลูบหน้าตัวเองไล่เรื่อยลงมาจากหน้าผากจนกระทั่งถึงปลายคาง ก่อนจะลดมือลง“รู้สึกเพลียๆ”“เรื่องงานอีกซิคะ”“วันนี้ผมเจอยายวี...”“อ้อ...”เธอพึมพำเบาๆ รับรู้เงียบๆคุณนพมาศไม่เคยแสดงท่าทีปราศจากความเป็นมิตรกับลูกเลี้ยง แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็ไม่อาจจะทำตัวเป็นเสมือนแม่ของอุรวีได้สนิทใจ เพราะตั้งแต่เยาว์วัยแล้วที่อุรวีมีท่าทางเฉยชาแบบคนแปลกหน้ามาตลอด“ไปที่บริษัทนั่นเอง...”คุณอาร์มมีกิจการค้าอยู่หลายแห่ง เขาสร้างตัวเป็นปึกแผ่นได้ในช่วงชีวิตเดียว และกิจการหนึ่งที่คุณนพมาศพยายามลืมๆ ว่าไม่มีก็คือบริษัทออกแบบนั่น เพราะอุรวีทำงานที่นั่น เธอสดับตรับฟังความสามารถของอุรวีทีไรก็ยอกแปลบอยู่ในอก เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับอันธิกา แต่อุรวีได้เรื่องได้ราวมากกว่าอันธิกาไม่ได้เป็นโล้เป

  • เพลิงรักเพลิงแค้น   2 ไม่มียาขนานใดจะทำให้มันทุเลาลงไปได้เลย

    “ไหนว่างานยุ่ง”“อยู่ๆ หัวก็มึนตื้อเฉยๆ สงสัยจะเพราะอีตาอัมพุนั่นแหละ...ตะกี้วีก็เจอที่หน้าห้อง ท่าทางแกขวางโลกดีนะ...อย่างนี้แหละมันน่าจะทำให้หัวปั่นซะเลย”“จะทำอะไร”“อ้าว...” หล่อนร้องเสียงแหลม ตาพราวระยับ “คนไม่ชอบหน้ากัน เขาทำยังไงต่อกันล่ะคะ”“ทุกทีเห็นวีเป็นคนมีมิตรจิตกับคนมาใหม่”“กับคนนี้เห็นจะต้องยกเว้นกระมังคะ วีเพิ่งเชื่อเดี๋ยวนี้เองแหละว่าทำไมที่บางคนเขาถึงพูดว่า ถ้าหากไม่ชอบหน้าก็ไม่ต้องไปหาเหตุผล ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ พอเห็นหน้าแล้วก็ไม่ชอบเลย”“เขาหล่อนะ” สุนิสาแกล้งท้วงอุรวีทำหน้าเบ้“หล่อก็หล่อซิ”“ทุกทีเห็นว่าเป็นหนุ่มหล่อ เธอก็เนื้อเต้นแล้ว”“เก็บหมอนี่ไว้เถอะค่ะ วีไม่อยากจะยุ่งด้วย...แต่จะให้อยู่เฉยๆ ก็คงจะไม่ยอมเหมือนกัน ขอให้ได้ทำให้หัวปั่นก่อนเถอะ...”“อย่าลืมนะว่าเขาเป็นคนมีฝีมือ...อย่าทำให้เขาอยู่ไม่ได้ ดูเหมือนว่าจะต้องจ่ายแพงมาก ถึงได้ตัวเขามา”อุรวีเบะปากออกนิดๆ“เงินน่ะ คุณสา...ถ้าใจถึงซะอย่าง ทุ่มเข้าไป หน้าไหนมันก็สยบทั้งนั้น จะเอาดีเลิศกว่าหมอนี่ก็คงจะมี แล้วกะแค่ช่างถ่ายรูป...มือแน่มาจากไหนกันเชียว มีอีกถมเถไป”“ไปถามลูกสาวท่านประธานใหญ่แล้วกัน”“ต๊าย...

  • เพลิงรักเพลิงแค้น   1 อุรวี

    โทรศัพท์กรีดเสียงระรัวขึ้น ในท่ามกลางความเงียบ เสียงนั่นก็ทำให้ถึงกับสะดุ้งได้เหมือนกัน อุรวีเอื้อมมือแหวกๆ กองกระดาษและกองผ้าที่สุมอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าออกไป คว้ากระบอกโทรศัพท์ขึ้นมาวางแนบไว้กับซอกคอ กรอกเสียงลงไป มือก็ร่างแบบเสื้อต่ออย่างขะมักเขม้น“ค่ะ...วีพูดค่ะ”เสียงปลายสายอู้อี้จนเกือบจะไม่ได้ยิน “ไม่ได้ยินเลยค่ะ” หล่อนบอกไป “ค่ะ ได้ยินแล้ว...อ้าว...นิก หรอกรึ...ถึงว่าซิเสียงคุ้นๆ”หล่อนหัวเราะออกมา วางดินสอลง เอนหลังพิงกับพนัก...“ลงมากรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าไงนะ กินข้าวเย็นนี้เหรอ ได้ซิ ได้...แต่ต้องเย็นๆ มากหน่อยนะ...งานยุ่ง นี่ก็งานเต็มโต๊ะเลย จะมารับไหม...จะให้ไปเองเหรอ ที่ไหน...จ้ะ...จ้ะ...”หล่อนรับรู้ในที่นัดหมายแล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อไปเรื่อยๆ นี่เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงเท่านั้นเอง“วี...”ประตูห้องเปิดเข้ามา แล้วเจ้าของเสียงก็เดินเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉง เป็นหญิงสาวใหญ่ อายุสี่สิบเศษๆ แต่ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ“เห็นช่างภาพคนใหม่ของเราหรือยัง เขาเพิ่งมารับงานถ่ายแบบคราวนี้เอง โอ้โฮ...พี่งี้เห็นแล้วน้ำลายจะหกซะให้ได้ หล่อเฟี้ยวเลย พวกสาวๆ กำลังกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่...”อุร

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status