ที่หล่อนไม่รู้สึกชอบใจสักนิด ถ้าใครยัดเยียดคำพูดที่ไม่ดีใส่หูหล่อน พลอยทำให้เจ้าของร้านนึกกระหยิ่มยิ้มขำอยู่ในใจ ในความเด็ดเดี่ยวของหญิงสาวร่างบางระหงที่ดูสวยคนนี้อย่างอึ้งและแกมทึ่งที่หล่อนช่างหาทางออกได้ดี แบบไม่กลัวใคร และปัณนชาได้มองเห็นความชาญฉลาด และเป็นตัวเองอยู่ลึกๆของพนักงานสาวคนใหม่คนนี้ ร่างสูงเพรียวของวิภัสมาถึงเขาก็รีบเข้าไปทักคุณปัณนชาแล้วเอ่ยขอตัวกับหล่อน พร้อมผายมือเปิดประตูให้มณีรัชดาขึ้นไปนั่งหล่อนจำเป็นต้องทำตามเขา เพราะนึกหวั่นกับสายตาหลายคู่ที่มองจ้องมายังภาพนี้ มณีรัชดาไม่อยากให้ใครมองจ้องหล่อนด้วยสายตาที่น่าเกลียด วิภัสออกรถทันทีหญิงสาวชำเลืองมองดูเขาแวบหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูเหมือนจะซ่อนความนิ่งและดูขรึมแย้มยิ้มออกมาเพียงน้อย เขาคิดอะไรของเขากัน มณีรัชดาอยากจะคิดตามเหมือนกันแววตาที่ดูแปลกและรู้สึกอ่านยากเพราะเขาเงียบ หากแต่ใบหน้าที่คมคายดูหล่อเหลาและเกลี้ยงเกลา ก็ไม่ผิดหรอกที่เธอชม แต่บางครั้งบางคราวแววตานั้นก็กระด้างขึ้นมา ชวนตกใจ หล่อนไม่คาดคิดสักนิด ว่าเขาเป็นอะไรของเขา แต่ก็ไม่พยายามจะคิดให้หนักหัว
“ก็ดีค่ะ”เขาหยิบแผ่นซีดีมาเปิดเพลงที่ค่อนข้างไปในทางโรแมนติกจังหวะแผ่วพลิ้วไพเราะด้วยเนื้อหาของเพลงสากล ซึ่งหล่อนก็ชอบฟัง right here waiting กับ sorry seem to be the hardes wold เพลงเก๋ากึ๊กแต่คงความโรแมนติกด้านภาษาและอรรถรสของริชาร์ดมาร์ค กับเอลตันจอห์น ถึงเสียทีนั่งรถจนเมื่อย ก็จบเพลงพอดี หลังจากที่มือของเขาเอื้อมปิดอีกครั้ง และมณีรัชดานึกถึงความโรแมนติกที่บังเกิดขึ้น และในหัวใจของหล่อนก็โรแมนติกจริงๆเช่นกันตามบทเพลงที่ฟังและเคลิบเคลิ้มอ่อนไหว กระทั่งได้ฟังจนจบ กระทั่งเผลอร้องคลอฮัมไปตามเสียงเพลงเช่นเดียวกับเขา มีความรู้สึกว่า เขานั้นชอบสิ่งเดียวกับหล่อนเลยล่ะ จากนั้นเมื่อก้าวเข้าไปในร้านมณีรัชดาทรุดนั่งลงพร้อมกับเขา ก่อนที่จะสั่งอาหารสังเกตดูเหมือนว่า เขาจะคุ้นและเคยชินเป็นอย่างมาก คงมาบ่อยครั้ง ดูจากพนักงานเสิร์ฟที่ห้อมล้อมเรียกเขาอย่างสนิทสนมแต่สำหรับมณีรัชดา การมาที่นี่คือครั้งแรกของหล่อน หากว่าวิภัสไม่ทวงบุญคุณต่อหล่อน และจ้างให้มณีรัชดาก็ไม่มาด้วยหรอก นี่หล่อนก็ยังนึกถึงเขา เป็นคนแปลกหน้าดั่งเดิม เป็นเพราะหล่อนนั้นยินยอมรับ
เพราะเขาต้องการให้หล่อนตกหลุมพรางเหลี่ยมเล่ห์ที่เขาพยายามแสดงออกมาให้แนบเนียนที่สุด แต่สิ่งที่บอกเขาในยามนี้ มณีรัชดานั้นไม่ใช่คนโง่สักนิด และคงจะยากที่หล่อนจะทิ้งปล่อยวางหรือยอมไว้ใจใครง่ายดังนั้นเขาจึงควรจะเริ่มต้นสานความสัมพันธ์ตรงนี้ก่อน ก็เพื่อที่หล่อนจะได้ไว้วางใจเขาไง และไม่ตะขิดตะขวงใจเขา หรือเหมือนว่าหล่อนมากับเขาแบบความรู้สึกที่ฝืนใจไปหน่อย ครั้นเมื่ออาหารมาถึงแล้ว ฝ่ายจอมภูหรือวิภัสเขาจึงพยายามเอาใจใส่หล่อน ด้วยการตักอาหารใส่จานให้แบบเทกแคร์ หากมณีรัชดาก็รู้สึกแปลกใจ เพราะไม่เคยมีใครนั้นมาเอาอกเอาใจกับหล่อนถึงขนาดนี้เลยจึงรู้สึกเขิน แม้แต่ภูวพลก็ไม่ถึงขนาดนี้ แต่ชายหนุ่มคนนี้นั้นดูเหมือนเขามีความกล้าอย่างทีเดียว และเขาตักต้มยำที่มีเนื้อกุ้งล้วนส่งให้หล่อน และต่อมาก็ตักปูอบวุ้นเส้นพร้อมแกะเนื้อปูให้หล่อนทาน จนมณีรัชดารู้สึกอึ้ง ไม่เคยมีผู้ชายคนไหน ทำให้หล่อนถึงขนาดนี้ทำให้หล่อนรู้สึกหวั่นไหวข้างในเหมือนกันเพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาเท่านั้น พร้อมด้วยกันนั้น เขาถือวิสาสะคุยด้วยและสรรหาเรื่องมาคุยเรื่อยเปื่อยที่คิดว่าตรงใจของหล่อนมากที่สุด
เขาหรี่ดวงตาคมมองหล่อนรู้สึกขวางหล่อนเต็มประดาในใจนี่มณีรัชดาคิดจะสั่งเขางั้นหรือหล่อนถึงได้คิดจะชี้แนะอย่างนี้ และอีกอย่างเขาก็บอกกับตัวเองไว้ว่า ต้องหนีบเอาความเป็นสุภาพบุรุษเอาไว้มากที่สุด แล้วจากนั้นด้านความร้ายกาจกระโจนเถื่อนเหี้ยมเกรียมใส่ ก็คอยนำมาใช้ เมื่อถึงเวลาสมควรของมัน เพราะผู้หญิงอย่างหล่อน เขาคิดว่ามันคงไม่มีดีอะไรไปกว่ากับการที่หวังคิดร่ำรวยทางลัดและคิดมักง่ายเหมือนคนอื่นๆที่มองเห็นเงินแล้วตาโต ต้องการอะไรก็คงไม่มีทางขัดขืนได้ เพราะผู้หญิงอย่างหล่อนลึกๆแล้วก็น่าจะบูชาเงินเป็นพระเจ้าไม่ต่างไปจากคนอื่น “โถ ทำไมคุณใจร้ายกับผมเหลือเกินคุณณี” เขาตัดพ้ออีกครั้ง เลยทำให้มณีรัชดาชะงักอีกครั้ง กับน้ำเสียงนุ่มสุภาพน่าฟังหากว่าหล่อนกำลังถามใจตัวเองว่า นี่หล่อนทำผิดอีกแล้วหรือกับการที่คิดปฏิเสธเขาแล้วทำไมหล่อนต้องตอบรับเขาด้วยละ มณีรัชดา เอ นี่ เขามีอิทธิพลใดเหนือใจหล่อนยังงั้นหรือดังนั้นจึงกลับไม่มีคำตอบในใจของหล่อน หากแต่ความรู้สึกของหล่อนนั้นก็มีบ้างที่แกว่งไกวไหววูบไปตามอารมณ์เช่นกัน ยอมรับว่ามณีรัชดานั้น ยอมที่จะหวนเก็บตัวเ
“คงไม่ต้องหรอกค่ะคุณวิภัส ขอบใจที่กรุณามาส่ง นี่ก็ถึงบ้านของณีแล้ว แค่เดินไปแป๊บอีกอย่างณี ขอตัว เพราะมีธุระเข้าร้านสะดวกซื้อ” หญิงสาวบอกเหตุผล แม้จะรู้สึกขัดใจต่อความรู้สึกของวิภัสบ้าง เพราะค่ำคืนและค่อนข้างจะดึกในยามนี้ หล่อนเป็นผู้หญิงเดินคนเดียวมันอันตราย แม้จะมีดวงไฟรอบถนนสาดเป็นทางยาวก็ดี แต่ค่อนข้างจะไม่มีใครเดินผ่านเลย จึงดูเปลี่ยวในความคิดของวิภัส แต่หญิงสาวก็ดื้อเหลือเกินและวิภัสแอบเหยียดริมฝีปากในความมืดอีกอย่างเคย เมื่อลงมาส่งหล่อน และยืนอยู่ใกล้พร้อมกับกวาดตามองสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในละแวกนี้ เขาอยากจะรั้งหรือยื้อหล่อนให้ไปที่ไหนต่อด้วยกันแต่มณีรัชดาไม่ใช่คนที่กล่อมง่าย หล่อนรั้นและเด็ดเดี่ยว เขากลัวจะต้องผิดหวัง จึงได้ปล่อยเลยตามเลยและให้ตามใจของหล่อนไปก่อน สักระยะ ถ้าอะไรเข้าที่เข้าทาง สนิทสนมกับหล่อนมากเพียงพอเขาจะให้หล่อนตามใจเขาบ้าง และเขาจะได้จัดการในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาและคิดในใจเอาไว้ว่า คนอย่างมณีรัชดาหนีไม่พ้นเงื้อมมือเขาแน่ ฮึ ทำเป็นเก่งไปเหอะ อวดดีและปากดีนัก ในวันนั้นเขาอยากจะรู้นักว่า หล่อนจะรู้สึกอย่างไรกันหนอ เพราะต
หล่อนนึกแล้วไม่ผิดว่าน้าสาวของหล่อนจะต้องถามด้วยประโยคอย่างนี้ ซอกแซกซึ่งทำให้มณีรัชดารู้สึกเก้อ และกระอักกระอ่วนในสีหน้าไม่น้อย และอึดอัด เพราะไม่อยากจะตอบออกมาสักเท่าไหร่ที่ผู้เป็นน้า ตีความหมายไปแบบนั้น หล่อนจะไม่พยายามนำพาเก็บอะไรคิดด้วยซ้ำ แต่คนเป็นน้าก็ทำให้หล่อนต้องย้อนคิดอีกครั้งแล้วหล่อนก็เบือนไปทางอื่น พร้อมกับส่ายหน้า “ไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอกค่ะ และเขาไม่ใช่คนพิเศษสำหรับณี” หล่อนเน้นคำพูดนี้ “และสำหรับณี ก็ไม่ได้คิด ด้วยฐานะเขาคงจะแตกต่างจากเราแน่คะ เพราะเขาเป็นนักธุรกิจที่ดูเหมือนจะมีบริษัทใหญ่โต เป็นปึกแผ่นของตัวเอง” หล่อนพยายามตอบอย่างเจียมตัวมากที่สุดไม่ให้น้าสาวพยายามคิดว่าหล่อนจะคิดไปไกลนอกกว่านั้น คืออาจเอื้อมหรือใฝ่ทะเยอทะทาน เพราะว่ามณีรัชดาชอบความก้าวหน้า ที่จะใฝ่ทะยานและก้าวหน้าแน่แต่คงไม่ใช่วิธีแบบนี้ อาบน้ำอีกครั้ง ร่างกายรู้สึกปลอดโปร่งแต่มณีรัชดากลับมานั่งนึกถึงภาพ ที่ชวนประทับใจในวันนี้อีกครั้งถ้าจะให้คาดเดา ทำให้ทราบว่าคุณวิภัสกำลังจีบหล่อน แค่นี้ก็ทำให้ความคิดของมณีรัชดาสะดุดลงจีบหล่อนหรือ.. นี่คงเป็นเพ
เพราะคิดแล้วว่ามณีรัชดานั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงในการตกเป็นเหยื่อของเขาพ้น เพราะว่าเขาจงใจคิดและทำเช่นนั้นจอมภูกำลังจะเตรียมตัวเพื่อไปทำงานที่บริษัทแต่เช้า หลังจากแต่งกายเสร็จ ด้วยเสื้อเชิ้ตหรูที่รีดเรียบสีเทา พร้อมกับผูกไทสีแดงตัดขาวหิ้วกระเป๋าถือสีดำ กำลังเดินตรงมา พร้อมกับมองเห็นน้องชายตรงหน้า “แกออกไปไหนแต่เช้าพล” คำทักของคนที่เป็นพี่ชายแต่น้องชายกลับไม่แยแส นอกจากไม่ฟังยังมีอาการเชิดหยิ่ง หันมามองคนเป็นพี่ด้วยหางตาดูแคลน จอมภูเงยหน้ามองรู้สึกงง นับวันน้องชายมองเขาเหมือนเป็นกิ้งกือไส้เดือนไปแล้ว จึงไม่อยากเอาเรื่อง และปล่อยตัวปล่อยวางไปเนื่องจากประเมินท่าทีแล้ว หากเขาจะพูดอะไรออกไป คงจะห้ามหรือรั้งน้องชายคนนี้ให้ทำตามไม่ได้เพราะภูวพลต้องทำอะไรตรงกันข้าม ถ้าหนักไปกว่านี้ มวยสองพี่น้องก็เกิดขึ้น และกลับสร้างความหนักใจให้แก่มารดาไปอีกครั้งและท่านจะเครียด ถ้าลูกชายทั้งคู่ลงเอยด้วยวางมวยชกต่อยท้าตี ห้าวันถัดมาวันนี้ หากแต่มณีรัชดามองเห็นคนตัวสูงดักหล่อนไม่เข้าใจหน้าตาที่ขวางๆ มาดกวนของเขา จนต้องเอ่ย “คุณวิภัส”แบบไม่มีต้นสายปลายเหตุหลังจากที่เขามาตีห
มณีรัชดาเริ่มอายผู้มาใช้บริการ ภูวพลทำอะไรก็ไม่รู้เขาทำให้เธอพลอยถูกมองจ้องหน้าด้วย และมณีรัชดารู้สึกกระอักกระอ่วนใจ จนต้องกระซิบบอกเขา “ถ้าทางแบ๊งค์ ไม่อนุมัติจริง ก็กลับกันเถอะคุณพล ณีต้องทำงานตอนบ่ายนะคะ” มณีรัชดาพยายามเตือนเขาครู่หนึ่งภูวพลจึงได้สติ เขาหันมายิ้มกับหล่อน “เอาล่ะ คราวนี้ผมรู้แล้ว อะไรจะเกิดก็ช่างมัน” มณีรัชดาได้ยินเขาเอ่ยรู้สึกตกใจเสียงของภูวพลขวางเหมือนคนรั้นที่จะเอาชนะ แต่มณีรัชดามอง และคิดตามด้วยความรู้สึกหวาดกังวล “คุณคิดอะไรคะ ที่บอกว่า จะเกิดก็ช่างมัน” มณีรัชดาถามไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรต่อไป “เรื่องเงินในธนาคารสิครับ เงินของผมนี่ ถ้าไม่อยากให้เบิกก็ถอนออกมาทั้งหมด ให้เกลี้ยง ปิดบัญชีให้มันรู้แล้วรู้รอดเลย” มณีรัชดาตกใจ เพราะหล่อนไม่คิดว่าภูวพลจะใจร้อนขนาดนี้แต่สิทธิ์ของเขา มันไม่ใช่เงินของหล่อน เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เลยทำให้มณีรัชดาเงียบเขาเอ่ยถามหล่อน เหมือนขอความเห็น “จริงมั๊ยณี” “ณีไม่รู้ค่ะ” มณีรัชดาตอบเขาเสียงของหล่อนหวาด เพราะไม่ใช่เงินของหล่อน หล่