“ลูกชิ้นกลัวว่าถ้าแม่แตมโกรธลุงเจ แล้วลูกชิ้นจะไม่ได้เจอลุงเจอีก” เตชิตาสะดุดลมหายใจตัวเองกับคำพูดซื่อๆ ของลูกรักนี่คือสายสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดใช่ไหม เพียงครั้งแรกที่ได้พบกัน เขาก็ทำให้ลูกชายของเธอเทใจให้ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้แล้ว หญิงสาวดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้แนบอก พร้อมจูบซับที่ศีรษะเบาๆ น้ำตาซึม“แม่ขอโทษ แม่ขอโทษนะลูก”“แม่แตมร้องไห้ทำไมครับ” เด็กน้อยรีบผละออกอย่างงุนงง ก่อนใช้มือเล็กๆ ช่วยเช็ดน้ำตาให้แม่เบาๆ“โอ๋ๆ แม่แตมคนเก่งไม่ร้องนะครับ ลูกชิ้นเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน แม่แตมอย่าร้องนะ โอ๋ๆ” หญิงสาวหลุดยิ้มเมื่อได้ยินคำปลอบอันไร้เดียงสานั้นใช่ว่าเธออยากจะกีดกันพ่อลูก แต่เขาก็บอกเองว่ากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักมาตลอดคนนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นมารขัดขวางความรักของใคร แม้เธอกับลูกไม่มีเขาก็อยู่ได้ อยู่ได้มานานแล้ว จากนี้ไปก็ต้องอยู่ให้ได้เธอยอมเจ็บก็ได้ แต่จะยอมให้ลูกรักเจ็บไม่ได้ แต่เธอควรจัดการเรื่องนี้ยังไงดี...“หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” เสียงตอบรับปลายสายทำให้คิ้วเรียวงามขมวดแน่น มือก็กดโทรออกอีกครั้ง คำตอบก็เป็นเหมือนเดิมจนชักหงุดหงิด“คนบ้า! ห
“ไม่รู้ว่ะ ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน”“เดี๋ยวๆ ไม่แน่ใจอะไรของแกวะ ตกลงไปทำสาวคนไหนท้อง บอกมา วินนี่น่ะเหรอ” คนพูดดักคอทีเล่นทีจริง เพราะเขาเองก็พอรู้เรื่องคนที่เพื่อนรักปักใจมานานเหมือนกัน“เปล่า...ไม่ใช่”“เฮ้ย! ไม่ใช่ยัยวินนี่หวานใจนาย แล้วมันใครกันวะ ฉันรู้จักหรือเปล่า”“เรื่องนั้นฉันยังบอกอะไรมากไม่ได้ เพราะยังไม่มีหลักฐาน เป็นแค่ความสงสัยของฉัน”“วินนี่รู้เรื่องนี้ไหม ก็ไหนคราวก่อนนายบอกว่าจะขอเขาแต่งงานไม่ใช่หรือไง แล้วไหงไปทำสาวคนอื่นท้องแบบนี้วะ ลืมป้องกันงี้” คนเป็นเพื่อนกันย่อมรู้จักนิสัยแต่ไหนแต่ไรมาเจษภัทรไม่ใช่คนเจ้าชู้ เหลวไหล แม้จะมีสาวๆ มาทอดสะพานให้ตั้งแต่สมัยเรียน ด้วยรูปลักษณ์อันหล่อเหลา คุณสมบัติโดดเด่น เรียนเก่ง เป็นนักกีฬา นักดนตรี แถมยังเป็นเดือนมหาวิทยาลัย แต่ทว่าเรื่องความรักนั้น เพื่อนๆ ต่างรู้กันดีว่าอีกฝ่ายมีหวานใจอยู่แล้วคือวินรดา แม้ฝ่ายหญิงจะเคยรักๆ เลิกๆ อยู่หลายหน แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นกลับมารักกันอีกเหมือนเดิม“เรื่องนี้วินนี่ไม่รู้ ฉันเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน”“หมายความว่ายังไงวะ เล่าให้มันชัดๆ หน่อย”“แกจำตอนที่วินนี่บอกเลิกฉัน ไปคบกับรุ่นพี่คณะวิศวะ
“เสียดายว่ะ ถ้าตอนนั้นฉันรู้ว่าแกไม่เอา จะได้จีบมาเป็นแฟนไปแล้ว น่ารักดีออก สเปคเลย”เคร้ง! แก้วในมือถูกปัดล้มลงทันใด ทำให้คนพูดเพลินชะงักกึก มองใบหน้าหล่อเหลาที่บอกบุญไม่รับ“อะไรของแกวะ ทำหน้าแบบนี้ อย่าบอกนะว่าแกหึงน้องเขา”“เปล่า”“ไม่เอาน่า อย่าทำตัวเป็นหมาหวงก้างสิวะ แกก็มีวินนี่อยู่แล้วทั้งคนนี่หว่า”“หมดธุระแล้ว ฉันกลับก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก ถ้าแกจะอยู่ต่อก็ตามใจ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองตอบแทนที่แกมีน้ำใจช่วย ส่วนเรื่องที่ฝากไป ถ้าได้คำตอบยังไง หรือจะนัดเจาะเลือดฉันเมื่อไหร่ ก็โทรมาได้ทุกเมื่อ งั้นฉันกลับก่อนนะ” ภาคภูมิมองตามแผ่นหลังของคนที่ชวนเขาออกมาดื่มแต่กลับชิ่งหนีกลับก่อนอย่างงุนงง เป็นอะไรของมันอีกวะเนี่ยภาคภูมิก้มมองซองพลาสติกใสในมือ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน หรือแม่ของเด็กที่ว่าจะเป็น...“ฮึ่ย...ไม่ใช่หรอกมั้ง”เตชิตามองดูซองจดหมายสีขาวตรงหน้าอย่างใจลอย หลังจากนอนไม่หลับมาทั้งคืน เพราะคิดไม่ตกว่าจะแก้ปัญหาชีวิตยังไงดี งานก็เสียดายอยู่หรอก แต่ปัญหาที่ตามมานี่สิ จริงๆ มันก็มีอยู่ปัญหาเดียวคือเจ้านายคนใหม่นี่แหละเมื่อวานเธอต่อว่าเขาไปแบบนั้น เขาคงโกรธแน่ๆ“โกรธก็โกรธไ
“ผมอยากถามว่าอันนี้คืออะไร...”เจษภัทรจ้องมองใบหน้าหวานที่เผือดซีดของเธออย่างเอาเรื่อง“จดหมายลาออกค่ะ”“ของใคร...”เตชิตาสูดลมหายใจเข้าช้าๆ แล้วเงยหน้าสบสายตาคมกริบเอาเรื่องคู่นั้นกลับไป“ของฉันเองค่ะ”“ขอเหตุผล”“ทุกอย่างระบุในจดหมายแล้วค่ะ...”“ผมไม่ต้องการเหตุผลจอมปลอมพวกนั้น เพราะลูกชิ้นงั้นหรือ...”หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ แต่เธอพยายามข่มใจเอาไว้ไม่ให้ลนลานจนเสียเรื่อง แต่มันก็ยากเต็มทีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายเลือดเย็นตรงหน้า สำหรับเขาอาจจะลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว แต่เธอไม่เคยลืมเรื่องในคืนนั้นได้...“มะ...ไม่ใช่”เจษภัทรถอนหายใจ ดวงตาดุเข้มมองสบตาหญิงสาวตรงหน้านิ่ง“คุณคิดจะหนีอะไร หนีผมหรือความจริงกันแน่”“เปล่าค่ะ...ฉันไม่ได้หนีอะไรทั้งนั้น”“แน่ใจนะว่าไม่ได้หนี”“ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรนี่คะ ทำไมต้องหนีด้วย”“นั่นสิ คุณไม่ได้ทำผิด แล้วทำไมต้องหนีผมด้วย”“นี่คุณ!” หญิงสาวฉุนกึก ตาวาวโรจน์ “สำคัญตัวผิดไปหรือเปล่าคะ”“ผิดหรือถูก ลองพิสูจน์ดูไหมล่ะ”“คะ...คุณจะทำอะไร”เตชิตาถามเสียงสั่น เมื่อสบตาคมกริบราวกับรู้ทันคู่นั้น มันยิ่งทำให้หัวใจไม่รักดีเต้นรัวแรง ใบหน้าหล่อคมคายค่อยๆ โน้มลงมาใก
พอคล้อยหลังคนทั้งสอง เจ้าสิ่งที่เธอสะกดกลั้นไว้ก็ล้นออกมาจากดวงตาทั้งสองก่อนที่จะถูกเจ้าตัวรีบปาดออกคนใจร้าย! ทั้งที่เขามีคนรักอยู่แล้ว ทั้งที่เขาไม่ได้รักเธอเลยซักนิด แต่ก็ยังมาล้อเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้อีก แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือเจ้าหัวใจไม่รักดีของเธอนี่ล่ะที่โง่งมหลงเคลิ้มไปตามเกมส์ของเขาอีกจนได้เมื่อไหร่จะรู้จักเข็ดหลาบกับเขาเสียทีนะ...หลังจากประชุมเช้ากับผู้บริหารเสร็จ รุ้งลาวัณย์ก็เดินกลับมาที่ออฟฟิศเพียงคนเดียว ส่วนเจ้านายตัวร้ายของเธอกลับไม่ได้เข้ามาในออฟฟิศตลอดทั้งวัน ดูเหมือนเขาจะมีนัดต้องออกไปพบลูกค้าข้างนอก ทำให้เตชิตาหายใจคล่องขึ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนถูกคนในออฟฟิศพากันมองมาอย่างไรหลังจากที่เธอเดินออกมาจากห้องเจ้านายในสภาพหน้าซีด และดวงตาแดงๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม ได้แต่สงสัยและคาดเดากันไปเอง‘สงสัยโดนนายดุมาแหงๆ’‘ดอสเขาก็ดูไม่น่าโหดนะ ตั้งแต่มาฉันยังไม่เห็นเขาเสียงดังหรือดุใครเลย’‘คราวซวยน่ะสิ แต่ดูไปก็น่าสงสารนะ น้องก็ดูเรียบร้อยออก โดนนายดุหน้าจ๋อยไปเลย’คนหน้าจ๋อยนั่งทำงานของตัวเองไปเรื่อยๆ สมองยังคงวนเวียนคิดถึงเรื่องลับๆ ในห้องทำงานเมื่อเช้า จึงไม่ได้สนใจใคร จ
“ถ้าคุณไม่มีอะไรจะคุยแล้ว งั้นดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ พอดีมีคนรออยู่”เตชิตายิ้มเย็นชา หันไปคว้ากระเป๋าสะพาย ทำท่าจะผละไป ก่อนที่เธอจะหน้ามืดทนไม่ไหวแล้วหาอะไรเขวี้ยงใส่คนร้ายกาจตรงหน้าให้สาใจ“เดี๋ยว!”หญิงสาวชะงัก ก่อนปรายตามองมืออีกฝ่ายที่คว้าข้อมือเธอไว้อย่างเย็นชา“คุณมีอะไรจะแนะนำอีกเหรอคะ หรือว่ามีผู้ชายดีๆ คนไหนจะแนะนำให้รู้จัก อุ๊ย!” หญิงสาวอุทานอย่างตกใจ เมื่อถูกกระชากเข้าหาอ้อมอกแกร่งที่ตวัดขังเธอไว้อย่างถือสิทธิ์“ทำไมต้องแนะนำคนอื่น ก็ผมนี่ไง ไหนๆ เราก็เคยพลาด...ด้วยกันมาแล้วไม่ใช่หรือ”“ก็บอกแล้วไงคะว่า ฉันจะไม่ยอมพลาดซ้ำ...อุ๊บ!” ยังไม่ทันพูดจบ หญิงสาวก็ต้องผงะเมื่อใบหน้าหล่อเหลาฉกลงมามัดปากเธอไว้ด้วยริมฝีปากของเขาอย่างเผ็ดร้อนปนดุดันริมฝีปากอุ่นร้อนของเขาบดขยี้ลงบนกลีบปากอิ่มสวยราวกับทำโทษที่เธอยั่วโมโหเขา ก่อนที่จะส่งปลายชิวหาเข้าไปกวาดต้อนชิมความหวานของเธอทุกซอกทุกมุม โดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ขัดขืนหรือต่อต้านได้เลยจูบของเขาแสนเอาแต่ใจและเรียกร้อง แต่มันกลับทำให้ไฟในกายเธอลุกโชน ราวกับอีกฝ่ายเป็นไฟ และเธอเป็นน้ำมัน เพียงแค่อยู่ใกล้กันมันก็พร้อมจะลุกไหม้ได้ง่ายๆถ้าปล
“วินนี่ ฟังพี่อธิบายก่อน”“ไม่ฟัง พี่เจปล่อย...”เตชิตาอยากจะหันหลังแล้ววิ่งหนีไปจากฉากตรงหน้า แต่มันก็ทำไม่ได้ สุดท้ายสมองก็สั่งให้ร่างกายทำในสิ่งที่หัวใจไม่อยากทำจนได้“พี่วินนี่คะ”เสียงเรียกนั้นทำให้คนทั้งสองหยุดนิ่ง วินรดาหันไปมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาใกล้อย่างระแวง ริมฝีปากอิ่มสวยเม้มแน่น“เธอ...รู้จักฉันด้วยหรือ”“พี่วินนี่จำแตมไม่ได้แล้วเหรอคะ”“แตม...” วินรดาทวนคำ สีหน้างุนงง“ใช่ค่ะ แตมเอง น้องรหัสของพี่ที่มหาวิทยาลัยไงคะ”วินรดานิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนคลี่ยิ้มออกมาในที่สุด“อ๋อ...พี่จำได้แล้ว”เตชิตาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนสถานการณ์ตึงเครียดจะคลี่คลาย เมื่ออีกฝ่ายมีสีหน้าดีขึ้น ผิดกับตอนพบกันเมื่อครู่“โธ่เอ๊ย! ที่แท้ก็คนกันเองทั้งนั้น พี่ก็หลงนึกว่าถูกแฟนตัวเองนอกใจแล้วสิ นี่ถ้าน้องแตมบอกพี่ช้าไปอีกนิดล่ะก็ มีหวังพี่เจเละแน่ๆ”เตชิตามองมือของรุ่นพี่สาวสวยที่กอดแขนเจษภัทรอย่างสนิทสนม ก่อนบังคับให้ตัวเองฝืนยิ้มออกมาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่ในอกกำลังทุรนทุราย“แล้วเมื่อกี้ที่พี่เห็นตอนแรก พี่เจกำลังรังแกน้องหรือเปล่า บอกพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่จัดการให้ กล้ารังแกน้องรหัสพ
จึงได้แต่สงบปากเสีย พร้อมกับนึกถึงใครบางคนที่ป่านนี้คงกำลังชะเง้อรอเธอกลับบ้าน หญิงสาวแอบก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองนึกอยากให้เวลาผ่านไปไวๆ จะได้รีบกลับไปหาเจ้าลูกชิ้นน้อยๆ ของแม่เสียทีคิดเพลินๆ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเตชิตาก็ดังขึ้น จังหวะนั้นสองหนุ่มสาวตรงหน้ากำลังคุยรำลึกความทรงจำตอนไปเรียนต่อด้วยกันจึงหันมาทางเธอเป็นตาเดียว“ฮั่นแน่ ตายยากจริงแฟนเธอ สงสัยจะโทรมาบอกเปลี่ยนใจมาทานข้าวด้วยกันหรือเปล่า รีบรับสิจ๊ะ”“งั้นแตมขอตัวไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะคะ” เตชิตาบอกโดยทำเป็นมองไม่เห็นดวงตาเขียวปั๊ดของใครบางคนที่แฉลบผ่านมา ก่อนเสคว้าแก้วไวน์แดงขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว“แม่แตมครับ เมื่อไหร่จะกลับบ้าน ลูกชิ้นคิดถึง”เพียงได้ยินเสียงจากปลายสาย ความอึดอัดใจตลอดทั้งวันก็จางหาย หญิงสาวเพิ่งรู้สึกว่ายิ้มออกเป็นครั้งแรกของวันโดยไม่ต้องฝืนยิ้มจนหน้าเกร็งเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าทุกคน“แม่ก็คิดถึงลูกชิ้นครับ อีกเดี๋ยวแม่ก็กลับแล้วลูก”“งั้นลูกชิ้นจะรอแม่แตมกลับบ้าน มาเล่านิทานให้ฟัง”“ได้เลย เดี๋ยวแม่รีบกลับไปเล่าให้ฟังนะครับคนดี งั้นแค่นี้ก่อนนะลูก” เตชิตายิ้มเมื่อคิดถึงใบหน้าของลูกชาย โดยหารู้
“พ่อเจ...” ราวกับหัวใจที่แห้งแล้งได้น้ำชโลม เจษภัทรรู้สึกอุ่นวาบในอก หัวใจพองโต ก่อนอ้าแขนโอบร่างเล็กเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน“ครับคนเก่ง พ่อเจพ่อของลูกชิ้น พ่อขอโทษนะที่ทำงานเสร็จช้า แต่ต่อไปนี้พ่อสัญญาว่าจะไม่ทิ้งลูกกับแม่แตมไปไหนอีกแล้ว พ่อรักลูกนะครับ”เตชิตามองภาพนั้นอย่างตื้นตันใจจนน้ำตาคลอเบ้า ในที่สุดลูกของเธอก็ได้มีพ่อกับเขาเสียที“จริงๆ นะครับ พ่อเจห้ามโกหกนะ”“ไม่โกหกครับ”“เย้! ลูกชิ้นมีพ่อแล้ว ลูกชิ้นรักพ่อเจที่สุดเลย”“เดี๋ยวนะ แล้วแม่ล่ะครับ” หญิงสาวแกล้งแหย่ลูกชายตัวแสบ“ลูกชิ้นรักทั้งพ่อเจ รักทั้งแม่แตม รักมากที่สุดในโลกเลยครับ” เด็กน้อยยิ้มแป้น พลางยื่นหน้าไปหอมแก้มพ่อและแม่อย่างมีความสุขสองปีต่อมา...ร้านก๋วยเตี๋ยวโกวีในวันหยุดมีลูกค้าคึกคักกว่าปกติ เจ้าของร้านแม้จะอายุเกือบหกสิบปีในอีกไม่กี่วัน แต่ดูแข็งแรงกระฉับกระเฉง แต่ที่ทำให้ขายดีเป็นพิเศษนั้นอาจเป็นเพราะวันนี้มีเด็กเสิร์ฟกิตติมศักดิ์มาช่วยงานก็เป็นได้“หมี่เหลืองแห้งโต๊ะสี่ได้แล้ว” พอขาดคำ ร่างสูงใหญ่ของเด็กเสิร์ฟที่ว่าก็เข้ามารับชามก๋วยเตี๋ยวเพื่อไปเสิร์ฟให้ลูกค้าสาวใหญ่ที่นั่งส่งตาหวานให้วิ้งๆ“ดูสามีเธอสิยัย
“ตาภาส”ชื่อนั้นทำให้เจษภัทรหันไปมองตาม พลางคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อได้พบอดีตศัตรูหัวใจ“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมมารับวินนี่ไปทานข้าวครับ” คนพูดหันไปสบตาแขกที่นั่งอยู่ พลางพยักหน้าให้นิดๆ “ไม่พบกันนานนะคุณเจ สบายดีเหรอ”“ครับ” เจษภัทรรับคำ น่าแปลกที่ครั้งนี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรที่เห็นอีกฝ่าย กลับรู้สึกเหมือนโล่งราวยกหินออกอก“ใครไปตามยัยวินนี่มาที บอกว่าพี่ภาสมารับแล้ว” คุณวิมาดากระวีกระวาดต้อนรับแขกผู้มาใหม่ราวกับต้องการให้เห็นว่าเธอไม่ได้แยแสอดีตคนรักของลูกสาวแม้แต่น้อยรอเพียงไม่นานวินรดาก็เดินลงมา หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ภาสกร แต่พอเห็นหันมาเห็นใครอีกคน ยิ้มหวานก็ลบเลือนหาย เหลือเพียงความเย็นชา“คุณมาที่นี่ทำไมอีก”“พี่มาขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ดูท่าคงไม่จำเป็นแล้ว” เจษภัทรยกยิ้ม น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรยามได้เห็นวินรดาเดินไปควงแขนชายหนุ่มอีกคนแสดงความสนิทสนมอย่างออกนอกหน้าผิดกับวินรดาที่หวังจะได้เห็นสีหน้าของผู้พ่ายแพ้เหมือนครั้งอดีตที่เธอเคยบอกเลิกกับเขาเพื่อคบกับภาสกร แต่ทว่าก็ต้องแอบผิดหวังและขัดใจนิดๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำหน้าผิดหวังเสียใจอย่างที่เธอต้องการเห็น ต
นายวีระหายใจฮึดฮัด ร่ำๆ อยากจะเอาเลือดหัวอีกฝ่ายออกให้สมอยาก ยิ่งเห็นลูกสาวสุดที่รักเข้าไปประคองและช่วยซับเลือดให้อีกฝ่าย ก็ยิ่งขัดตาขัดใจ“ยัยตาล พาน้องขึ้นห้องไปก่อน”“พ่อคะ...”เตชิตาร้องเรียกอย่างกลัวใจ ตาแลไปทางชายหนุ่มที่นั่งนิ่งยอมรับความผิด สภาพเขาตอนนี้อาจแค่ปากแตกสะบักสะบอม แต่หากเธอยอมขึ้นห้องไปตามที่พ่อสั่ง ไม่แน่ว่าตอนลงมาอาจพบเขานอนเป็นศพแล้วก็ได้“ถ้าพ่อจะลงโทษพี่เจ งั้นก็ลงโทษแตมด้วยอีกคนเถอะค่ะ หากเรื่องนี้จะมีใครผิด เราสองคนก็คงผิดเท่าๆ กัน หรือไม่แตมก็ผิดมากกว่า”เจษภัทรหันขวับไปมองหญิงสาวที่ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าข้างกายเขาด้วยสายตาห่วงใย“แตม อย่าทำแบบนี้”“พี่เจไม่เคยรู้ว่าแตมท้อง ตอนเกิดเรื่องเขาเคยขอรับผิดชอบแล้ว แต่เป็นหนูที่ปฏิเสธเขา”“แล้วทำไมตอนนั้นลูกไม่บอกพ่อสักคำ”“แตม...” เจษภัทรกดสายตามองหญิงสาวพลางส่ายหน้า ก่อนที่เขาจะหันไปสบตาพ่อของเธอ“เพราะตอนนั้นผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองครับ”ทุกคนมองสองหนุ่มสาว พลางหายใจไม่ทั่วท้อง เกรงว่าระเบิดจะลง“คนโง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองงั้นเหรอ” นายวีระทวนคำเสียงเยาะ “แล้วตอนนี้เกิดฉลาดขึ้นมาแล้วหรือไง”“เปล่าครับ แค่เพิ่งรู้ใจ
เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องไอซียูก็เปิดออก พร้อมกับคุณหมอที่ออกมาแจ้งผลด้วยสีหน้าอิดโรย“คุณหมอคะ ลูกชายฉันเป็นยังไงบ้างคะ” เตชิตาพุ่งไปเป็นคนแรก“เด็กปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่น้องได้เลือดจากคุณพ่อที่มีกรุ๊ปเดียวกัน ไม่งั้นคงแย่ เพราะเลือดกรุ๊ปนี้หายากเสียด้วย” ทุกคนพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก“แล้วตอนนี้พ่อของเด็กเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”“กำลังนอนพักอยู่ในห้องบริจาคเลือดข้างๆ กันครับ เพราะให้เลือดไปเยอะ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ อีกเดี๋ยวก็คงฟื้น”“งั้นฉันขอเข้าไปดูได้ไหมคะ” คุณหมอพยักหน้าอนุญาต แต่ให้เข้าไปได้เพียงคนเดียวภาพคนตัวเล็กนอนเหยียดบนเตียงโดยมีสายน้ำเกลือและเครื่องช่วยชีวิตระโยงระยาง ทำให้คนเป็นแม่ใจแทบสลาย สีหน้าลูกแม้ซีดเผือด แต่เตชิตารู้ว่าลูกรักปลอดภัยแล้ว แม้จะมีบาดแผลตามร่างกายให้เห็น หญิงสาวปาดน้ำตาตัวเองเงียบๆในนาทีแห่งชีวิตที่เกิดขึ้นทำให้เธอรับรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุด“แตม...ลูกเป็นยังไงบ้าง...”เสียงนั้นอ่อนระโหย แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างจริงใจที่สุด เตชิตาหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ในหัวใจมาตลอดนิ่งค้าง มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อถูกเขาดึงตัวเข้าไปกอดแนบอกเสียงห
คุณวิมาดาหันไปถามกับสามี แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าเพราะไม่รู้เช่นกัน“ว่าไงนะ ใครถูกรถชน เด็กที่ไหน...”เสียงซุบซิบเริ่มลามมาทางแถวหน้าอย่างรวดเร็ว และกระเด็นเข้าหูเจ้าภาพบนเวที พนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินแกมวิ่งไปที่ข้างเวทีด้านที่นายชิษณุนั่งพร้อมกระซิบบอก“มีลูกของแขกที่มางานถูกรถชนหน้าโรงแรมค่ะ”“ตายจริง ลูกของแขกคนไหนกัน” คุณวิมาดาที่ได้ยินพลอยตกใจ“เห็นว่าเป็นแขกของคุณชิษณุ เด็กคนนั้นชื่อลูกชิ้นค่ะ!”ชื่อนั้นทำให้เจษภัทรสะดุ้ง ใจหายวาบ“ว่าไงนะ เด็กชื่ออะไรนะ”“ชื่อน้องลูกชิ้นค่ะ”“ลูกชิ้น!”ร่างสูงใหญ่ผุดลุกพรวดพราดขึ้นทันทีจนหญิงสาวที่นั่งพับเพียบข้างๆ พลอยตกใจ หันมาขึงตาใส่“พี่เจจะทำอะไรคะ ใกล้ได้ฤกษ์แล้ว จะไปไหน” วินรดากัดฟันถาม ตามองแขกเหรื่อที่เริ่มมองมาทางเวทีเป็นตาเดียว“ตาเจ ลูกอยู่ทางนี้ก่อน เดี๋ยวพ่อไปดูให้เอง” นายชิษณุที่เห็นท่าไม่ดีรีบอาสา“ไม่ครับพ่อ ผมจะไปดูลูกเอง”“ลูก!” วินรดาเผลอตัวรีบคว้าแขนว่าที่คู่หมั้นหนุ่มไว้ “ลูกใครคะ”“ลูกชิ้น! ลูกชายของพี่!”วินรดาอ้าปากค้าง ส่วนคนบนเวทีพลอยตกอกตกใจกับประโยคนั้น คุณวิมาดาลมแทบใส่“ละ...ลูกชายพี่งั้นเหรอคะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ทุกอย่างตอนนี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือคะ คุณกำลังจะได้สมหวังกับผู้หญิงที่คุณรักมาตลอด ส่วนฉันก็พอใจกับชีวิตตอนนี้แล้ว เราต่างก็มีทางเดินของตัวเอง งั้นอย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายอีกเลยนะคะ ดึกแล้วคุณควรกลับไปพักผ่อน ส่วนฉันก็ควรต้องกลับเหมือนกัน”“แล้วพรุ่งนี้เธอจะไปที่งานหรือเปล่า” อะไรบางอย่างทำให้เขาหลุดปากถามออกไป“ฉันรับปากพี่วินนี่ไว้แล้วว่าจะไปค่ะ คุณเองก็อย่ากลับดึกนะคะ เดี๋ยวว่าที่คู่หมั้นจะเป็นห่วง ลา...อุ๊บ!” คำสุดท้ายถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงมาเสียก่อนจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายของเขาสะกดตรึงเธอไว้ ราวกับปลดชนวนระเบิดในหัวใจที่แสนอัดอั้น หากนี่คือจูบอำลา เธอก็ขอเห็นแก่ตัวทำตามที่หัวใจไม่รักดีต้องการเป็นครั้งสุดท้ายบ้างเจษภัทรเลิกคิ้ว เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสนุ่มละมุนที่ตอบกลับมา ความรู้สึกหวานที่คละเคล้าความเศร้าอวลในรสจูบนี้ จนนึกอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ชายหนุ่มตัดใจถอนริมฝีปากออกเมื่อรับรู้ถึงน้ำตาอุ่นๆ ที่รินอาบแก้มของอีกฝ่าย“แตม...พี่...”“ครั้งก่อนพี่ทิ้งกันไปโดยไม่ได้บอกลา งั้นครั้งนี้แตมขอเป็นฝ่ายบอกพี่เอง...ลาก่อนนะคะพี่เจ
พอคล้อยหลังผู้เป็นมารดา หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาอีกเฮือกพลางนึกสงสัยตัวเองคร้ามครัน นี่เธอกำลังคิดผิดอย่างที่มารดาบอกหรือเปล่านะที่เลือกเจษภัทรแทนที่จะเลือกผู้ชายอีกคนที่ระยะนี้กลับเข้ามาวนเวียนในชีวิตอีกครั้ง หลังจากเลิกรากันไปตั้งแต่สมัยเรียน เพราะต่างคนต่างงี่เง่าเอาแต่ใจเป็นที่ตั้งเพื่อกลบความรู้สึกไม่มั่นคงในหัวใจ วินรดาจึงคว้าโทรศัพท์มาลองกดโทรออกหาว่าที่คู่หมั้นอีกครั้ง หากทว่าก็เหมือนเดิมที่เขาไม่รับสายจึงกดวางอีกครั้ง แต่พอกำลังคิดจะถอดใจ จู่ๆ สัญญาณโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อนหญิงสาวมองชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ตาวาว รอให้มันดังอีกสองสามครั้งจึงยอมกดรับสาย“ว่าไงคะพี่ภาส”“ทำไมทำเสียงหงุดหงิดจัง มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”“ก็นิดหน่อยค่ะ พี่ภาสมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ วินนี่ยุ่งๆ อยู่ ถ้าไม่มี...”“พี่คิดถึงวินนี่ พอดีพี่แวะมาร้านประจำที่เราเคยมาด้วยกันสมัยเรียน ถ้าเธอไม่มีนัดที่ไหน เราออกมาเจอกันหน่อยดีไหม”วินรดาคลี่ยิ้มอย่างลำพองใจ ความหงุดหงิดขุ่นมัวที่มีมาทั้งวันมลายหายไปทันที“ก็ได้ค่ะ แต่วินนี่อยู่ได้แป๊บเดียวนะคะ พี่ก็รู้ว่าวินนี่กำลังจะหมั้นแล้ว เดี๋ยวว่าที่คู่หมั้นจะเป็น
แล้วเธอก็คิดถูกจริงๆ“วินนี่ครับ พอดีพี่มีธุระด่วนเข้ามา จะเป็นไรไหมถ้าพี่ขอตัวกลับก่อน” สีหน้าเขารู้สึกผิด แต่ทว่าไม่ได้ทำให้หญิงสาวเห็นใจ ตรงข้ามเธอกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา“แต่วินนี่สั่งอาหารไปแล้ว นั่งทานให้เสร็จก่อนค่อยไปไม่ได้เหรอคะ”“ขอโทษจริงๆ นะวินนี่”“งั้นก็ตามใจเถอะค่ะ วินนี่ทานคนเดียวก็ได้” วินรดาประชดเสียงแข็ง คิดว่าอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดกลัวเธอโกรธ แล้วตามใจเธอเหมือนเช่นทุกครั้งที่ใช้ไม้นี้ แต่ทว่าคราวนี้มันกลับไม่ได้ผล“งั้นเสร็จธุระแล้วพี่รีบโทรหานะ”ว่าแล้วชายหนุ่มก็ผละไปทันที“คนบ้า!”หญิงสาวทำหน้างอ อารมณ์เสียจนอยากจะลุกเดินออกจากร้านเสียเดี๋ยวนั้น แต่ยังไม่ทันได้ทำตามที่ใจคิด ก็มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามาเสียก่อน ทำให้เธอยิ้มออกมาเพราะคิดว่าแฟนหนุ่มอาจเปลี่ยนใจกลับมาง้อเพราะกลัวเธอโกรธจึงรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา หากทว่าชื่อที่โชว์บนหน้าจอกลับทำให้รอยยิ้มของเธอจางลงเปลี่ยนเป็นความสงสัย“สวัสดีครับคนสวย” หญิงสาวค้อนใส่โทรศัพท์นิดๆ เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นหูนั่น“โทรมามีธุระอะไรคะ”“มีสิ พอดีพี่เห็นผู้หญิงหน้าคล้ายเธอนั่งในร้านอาหารคนเดียว ก็เลยลองโทรมาว่าใช่คนเดียวกันไ
“แตม...”“เอ่อ...ขึ้นมาข้างบนนานแล้ว เรารีบลงไปข้างล่างเสียทีดีไหมคะ” หญิงสาวรีบตัดบท หากทว่าตอนที่เธอหันหลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูนั้น กลับต้องชะงักเมื่อถูกดึงตัวเข้าไปกอดจากด้านหลังอย่างฉับพลัน“นี่คุณจะทำอะไรเนี่ย”“อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวลูกตื่น...พี่ขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหม”อยากจะปฏิเสธออกไปเพราะกลัวใจตัวเองหวั่นไหว หากทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ให้ความร่วมมือ แถมยังกดปลายคางลงมาวางบนไหล่มนเบาๆ ให้เธอใจสั่นอีกไออุ่นจากกายแกร่งของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวหายใจติดขัด ตัวแข็งทื่อ ยามที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของเขา“พี่เจ...” เจษภัทรเผลอยิ้มละมุนกับสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกเหมือนในวันวาน ไม่ใช่เรียกแต่คุณฉันอย่างห่างเหิน“ที่ผ่านมาพี่ใจร้ายกับเธอมากเลยใช่ไหม”ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบที่ข้างแก้มของเธอบ่งบอกถึงความรู้สึกภายในใจของเขา“เรื่องมันผ่านมาแล้ว อย่ารื้อฟื้นเลยนะคะ เราควรอยู่กับปัจจุบันแล้วเดินไปข้างหน้าดีกว่า” เจษภัทรระบายลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ“แล้วถ้าพี่ทำไม่ได้ล่ะ เธอจะว่ายังไง...”“คำถามนั้นคุณควรถามใจตัวเองดีกว่านะคะว่าควรทำยังไง...” ยังไม่ทันเอ่ยจบ หญิงสาวก็พลันสะดุ้งวาบเมื่อรู้สึกถึงความอุ