แต่เมื่อสามปีก่อนตารกาสอบบรรจุครูประถมที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งได้ ก็เหลือเพียงเตชิตาที่ตอนนั้นกำลังตั้งครรภ์จึงดรอปเรียนไว้ แล้วมาคอยช่วยบิดามารดาทำงานจนกระทั่งคลอด
แต่ต่อมาเธอก็ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยทั้งๆ ที่มีเกณฑ์การเรียนที่อยู่ในระดับดี แต่เพื่อทุ่นค่าเทอมค่าใช้จ่ายในบ้านรวมถึงค่าใช่จ่ายที่เพิ่มขึ้นเพราะเจ้าตัวน้อย หญิงสาวจึงตัดสินใจสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเปิด เพื่อเอาเวลามาดูแลลูกชายและยังได้ช่วยพ่อแม่แบ่งเบาภาระทำงานที่ ‘ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูเด้งเฮียวี’
หญิงสาวกัดฟันเรียนไป เลี้ยงลูกไปจนจบเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ก็ยังช่วยงานที่ร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่จนเด็กชายเตชินท์อายุครบเกณฑ์เข้าเรียนอนุบาลเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
แต่พอมานั่งคิดคำนวนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ลำพังเงินที่ได้มาจากการทำงานในร้านและงานกระจุกกระจิกของตัวเองเริ่มไม่พอ ไหนจะต้องเตรียมเก็บเงินไว้ให้ลูกในอนาคต ทำให้เตชิตาต้องมองหาลู่ทางหารายได้เพิ่ม โดยเธอไปยื่นใบสมัครงานไว้หลายแห่ง แต่งานสมัยนี้ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ แม้ว่าผลการเรียนของเธอจะจบด้วยเกรดที่ดี ทว่ามันก็ไม่เพียงพอให้บริษัทอยากจ้างเด็กจบใหม่ที่มีสถานะมีบุตรแล้วอย่างเธอ
โชคดีที่เมื่อเดือนก่อนพี่สาวของเธอได้ยินมาว่าโรงแรมที่ผู้ปกครองของนักเรียนคนหนึ่งที่ทำงานฝ่ายบุคคลอยู่เปิดรับพนักงานเพิ่มหลายตำแหน่ง จึงมาบอกให้น้องสาวลองไปยื่นใบสมัครดู เตชิตาเห็นว่าไม่เสียหายอะไร แม้ไม่ตรงตามคณะที่เรียนมา แต่นาทีนี้หากเป็นงานสุจริตที่ได้เงินเธอจึงเอาไว้ก่อน
ยื่นใบสมัครไม่กี่วันก็ถูกเรียกตัวไปสัมภาษณ์งานและได้ทำในตำแหน่งธุรการของฝ่ายขาย เพราะเธอไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน หญิงสาวจึงไม่คิดมากที่ไม่ได้ตำแหน่งตามที่มาสมัครไว้แต่แรก นาทีนี้เพื่อลูกรักและครอบครัว ต่อให้ต้องลำบากสายตัวแทบขาดเธอก็ยอมได้
“ตาตาคร้าบ ยูกชิ้นคนเก่งมาแล้ว”
เสียงใสๆ ของหลานรักทำให้คนที่กำลังลวกก๋วยเตี๋ยวหันไปยิ้มรับ พอเห็นหลานชายสุดที่รักในชุดนักเรียนอนุบาลดวงตาเขาก็ทอประกายปลาบปลื้ม
“เอาๆ ป๊ามัวแต่มองปลื้มหลานจนเส้นก๋วยเตี๋ยวเปื่อยหมดแล้วนั่น” ลูกสาวคนโตแซว เธอจูงมือเจ้าตัวน้อยเดินลงบันได โดยมีน้องสาวที่หิ้วกระเป๋านักเรียนและสัมภาระตามลงมา
“โอ้โห นั่นหลานเฮียวีเหรอ โตไวจริง เผลอแป๊บๆ เข้าโรงเรียนแล้วเหรอเนี่ย แต่เอ...แปลกนะ หน้าเจ้าตัวเล็กไม่ยักเหมือนแม่ สงสัยจะเหมือนทางพ่อมากกว่านะ...”
ประโยคนั้นทำให้นายวีระชะงัก ฉุนกึก ตาขุ่นเขียวตวัดมองคนพูด หากไม่เห็นว่าเป็นลูกค้าขาประจำกันมานานปี เขาคงโมโหด่าให้ลืมบ้านเลขที่ไปแล้ว
“หลานฉัน! มันก็ต้องหน้าเหมือนฉันสิวะยายแดง ไปตัดแว่นใหม่ได้แล้วนะ คนเราแก่แล้วก็แบบนี้แหละ หูตามันฟางมองอะไรไม่ชัด” ซัดไปหนึ่งดอก ทำให้คนปากเปราะหน้าเสีย รีบรับถุงก๋วยเตี๋ยวแล้วจ่ายเงินก่อนเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทัน
เตชิตารู้ดีว่าพ่อของเธอทำเพื่อปกป้องลูกและหลานก็อดตื้นตันใจปนรู้สึกผิดไม่ได้
“หิวหรือยังเจ้าลูกชิ้นเด้ง” ชายมากวัยรีบปัดความขุ่นเคืองก่อนหันมาส่งยิ้มให้หลานชายคนโปรด
“หิวที่ฉุดเลยครับตาตา ยูกชิ้นอยากกินเตี๋ยวตาตา”
สามสาวอดอมยิ้มให้กับความฉอเลาะอยู่เป็นของเด็กชายตัวป้อมไม่ได้ นี่สิล่ะ ตาตาถึงได้รักได้หลงหัวปักหัวปำจนลูกสาวจะกลายเป็นหมาหัวเน่าอยู่รอมร่อ
“มาๆ ลูก นั่งเลยๆ เดี๋ยวตาตาทำเตี๋ยวอร่อยๆ ให้นะ”
“แล้วของหนูกับพี่ตาลล่ะคะป๊า”
“พวกแกโตแล้ว อยากกินก็มาลวกกินเองแล้วกัน นี่ฉันจะทำให้หลานรักฉัน”
สองพี่น้องหันไปสบตากัน ก่อนหัวเราะออกมาให้กับบิดาผู้ชอบสปอยล์หลานชายมากกว่าลูกสาวในไส้
“ไงล่ะยัยแตม เราสองคนตกกระป๋องอีกตามเคย”
พอเสร็จจากกิจกรรมประจำวันยามเช้า และมองตาตากับยายตวงที่กอดๆ หอมๆ รับขวัญหลานรัก กว่าจะตัดใจยอมปล่อยให้ไปโรงเรียนได้ สองพี่น้องก็แทบจะอุ้มหลานวิ่งหนีขึ้นรถเพราะกลัวไปทำงานสาย
“ไงครับน้องลูกชิ้นสุดหล่อ วันนี้มีทั้งคุณป้าคุณแม่มาส่งเลยนะ”
“สวัสดีครับครูปิ๋ม” เด็กชายพนมมือไหว้คุณครูประจำชั้น
“ฝากลูกชายด้วยนะคะคุณครู” เตชิตาเอ่ยเหมือนเช่นทุกวัน หากเลือกได้เธอก็อยากอยู่กับเจ้าตัวน้อยไม่ยอมให้ห่างตาเลย
“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่ น้องลูกชิ้นเป็นเด็กว่าง่ายไม่ดื้อด้วย คุณครูคนอื่นก็ชมตลอดเลยว่าน้องน่ารัก”
ฟังคำชมก็พลอยให้คนเป็นแม่หน้าบาน มองลูกชายอย่างแสนรักแสนปลื้ม เธออาจเป็นแม่ที่ไม่ดี แต่ลูกชายของเธอเป็นเด็กดีน่ารัก แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว
“แม่แตมไปทำงานก่อนนะครับลูกชิ้น เดี๋ยวบ่ายๆ เลิกเรียน ป้าตาลมารับนะลูก ถ้าหนูไม่ดื้อ ไว้พรุ่งนี้วันหยุดเดี๋ยวแม่พาไปกินไอติม ดีไหม”
“เย้ๆ กินติมๆ ยูกชิ้นไม่ดื้อไม่ซน แม่แตมต้องพายูกชิ้นไปกินติมกันนะครับ พาป้าตาลกับตาตาแล้วก็ยายตวงไปด้วย ไปให้หมดเลย”
“เย้ๆ กินติมๆ ยูกชิ้นไม่ดื้อไม่ซน แม่แตมต้องพายูกชิ้นไปกินติมกันนะครับ พาป้าตาลกับตาตาแล้วก็ยายตวงไปด้วย ไปให้หมดเลย” เด็กชายปรบมือชอบใจ ก่อนรีบไหว้แม่และป้าที่มองคนตัวเล็กที่เดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมเพื่อนร่วมชั้นที่มายืนกวักมือเรียกหยอยๆ จนลับสายตาพอส่งหลานชายเสร็จสองพี่น้องก็ได้โอกาสอยู่ตามลำพังในรถ ตารกาชำเลืองมองหน้าซีดเซียวของน้องสาว“คิดอะไรอยู่เหรอ อย่าบอกนะว่ายังคิดมากเรื่องที่ยัยป้านั่นพูดเมื่อเช้า”“เปล่าหรอกค่ะ ปากคนเขาก็พูดไปเรื่อย แตมไม่สนใจหรอก”“นั่นสิ เจ้าลูกชิ้นของฉันหน้าตาดีจะตาย ยัยป้านั่นต่างหากปากไม่ดี สมควรโดนป๊าด่า”“จริงๆ จะว่าเขาก็ไม่ได้นะคะเจ้ตาล” เตชิตาหยุดพูดเพียงแค่นั้น เพราะคิดถึงสิ่งที่ได้ยินเมื่อเช้าไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินแบบนั้นอันที่จริงมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายิ่งโต เค้าโครงหน้าตาของลูกชายเธอก็เริ่มมีเค้าผู้เป็นพ่อเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งเธอก็รู้สึกกลัวว่าอาจมีใครสังเกตและพูดให้เข้าหูเด็กน้อยให้สงสัยได้ว่าตัวเองหน้าเหมือนใคร ทำไมไม่เหมือนทางฝั่งแม่“อย่าคิดมากเลยนะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราอยู่กับปัจจุบันดีกว่า”“ขอบคุณนะเจ้”“พอเลย อย่ามาอ้อนฉันเหม
ใบหน้าและรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนนั่นยังคงเหมือนที่เธอเคยเห็นในวันนั้นไม่เปลี่ยน แต่เขาไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไปไม่ใช่...พี่เจที่เธอเคยรู้จัก แต่วันนี้เขาคือ คุณเจษภัทร เจ้านายคนใหม่ของเธอเสียแล้ว แถมที่สำคัญคือหัวใจของเราก็มีคนเข้าไปจับจอง ไม่ว่าวันนั้นหรือวันนี้ พื้นที่ในหัวใจเขาก็ไม่ใช่ของเธอ มันไม่เคยเป็นของเธอ...“ผมขอฝากตัวกับพวกเราทุกคนด้วยนะครับ หากมีอะไรที่ต้องการเสนอแนะ หรือปรึกษาเรื่องงานก็บอกกันได้เลยนะครับ เพราะตอนนี้เราคือทีมเดียวกันแล้ว”นอกจากหน้าตาที่มีเสน่ห์แล้ว บุคลิกนิสัยใจคอของดอสคนใหม่ก็ดูจะเฟรนด์ลี่ผูกใจผู้ร่วมงานทั้งแผนกได้ไม่ยากเลย“ใกล้ได้เวลาเข้าประชุมกับหัวหน้าแผนกแล้วค่ะดอส นี่เป็นเอกสารที่ต้องใช้เข้าประชุม ยังพอมีเวลาอ่านอีกนิดหน่อยนะคะ”“ขอบคุณครับคุณรุ้ง” ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนนึกได้ “อ้อ! จริงสิ...หลังประชุมเสร็จผมอยากได้รายงานการขายย้อนหลังของสามไตรมาสล่าสุดรวมถึงแผนงานต่างๆ ในปีนี้ด้วยนะครับ แล้วก็ช่วงบ่ายสองฝากคุณรุ้งช่วยนัดประชุมทีมกับทุกคนในแผนกเรา ทุกคนเลยนะครับ รบกวนคุณช่วยจองห้องประชุมให้ด้วย”“ได้ค่ะ เดี๋ยวรุ้งจัดการให้ ส่วนเอกสารต่างๆ เดี๋ย
“เชิญครับ”เตชิตาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนดันประตูเข้าไปในห้องทำงาน ตั้งแต่เริ่มทำงานมา เธอได้เข้ามาในห้องนี้แทบนับครั้งได้ แต่เพราะรุ้งลาวัณย์ยังไม่กลับมา จะให้เขารอก็ใช่ที่“กาแฟของคุณค่ะ”“วางไว้ตรงนั้นก่อน” เจ้าของห้องเอ่ยโดยที่ไม่ได้เงยหน้าจากหน้าจอแทปเลต ทำให้เธอมีโอกาสลอบพิจารณาความเปลี่ยนแปลงของคนตรงหน้าวันนี้เขาดูดีและภูมิฐานแปลกตาไปจากวันวานที่เธอเคยพบ ผิวคร้ามดูขาวขึ้นคงเพราะไปเรียนเมืองนอกมาหลายปี ใบหน้าคมคายเฉกเช่นบุรุษแท้ รับกับคิ้วเข้มดก และดวงตาสีน้ำตาลเข้ม เรียวยาว ที่เวลาจ้องมองมานิ่งๆ ก็ทำให้ใจเธอสั่นไหวได้ทุกครั้งดูเหมือนคนถูกลอบมองจะรู้สึกตัวจึงเงยหน้าจากแทปเลตจ้องมองกลับมา พร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน“คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ”“อะ...ปะเปล่าค่ะ ไม่มีอะไร งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” คนถูกจับได้ว่าแอบมองเป็นฝ่ายตกประหม่าทำอะไรไม่ถูกเสียเอง“เดี๋ยวก่อนครับ”“คะ” เตชิตาหันขวับ พอเห็นสายตาที่มองมา หัวใจเจ้ากรรมก็พลันเต้นโครมครามด้วยความหวัง“ขอบคุณสำหรับกาแฟนะครับ”หัวใจไม่รักดีปลิวตกไปที่พื้นอีกหนพร้อมกับความหวังที่คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะจำกันได้ หรือทักทายกันเหมือนคนที่เคยรู้จัก ไม่ใ
ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่เคยรักเธอเลย ไม่เคยมองเป็นอย่างอื่นนอกจากลูกสาวเพื่อนพ่อที่อยู่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้าม เห็นกันมานานปี ตอนนั้นบ้านเจษภัทรเปิดเป็นอู่ซ่อมรถ เขาในฐานะลูกชายคนเดียวจึงต้องคอยเป็นลูกมือช่วยกิจการพ่อมาตลอดครั้งหนึ่งที่เธอเคยปั่นรถจักรยานกลับจากโรงเรียนและเหยียบตะปูจนยางแบนกลางทาง ก็ได้เขาที่ผ่านมาเห็นเลยช่วยจูงรถมาช่วยเปลี่ยนยางให้ที่ร้านโดยไม่คิดเงิน ตั้งแต่นั้นเตชิตาซึ่งกำลังอยู่ในวัยแรกสาวก็เกิดรู้สึกดีๆ กับพี่ชายข้างบ้านจนความรักเริ่มก่อตัวในหัวใจหลังจากวันนั้นเป็นต้นมาเธอก็คอยหาเหตุทำยางรถจักรยานตัวเองแบนเป็นประจำ เพื่อจะได้เอามันไปให้เขาช่วยซ่อมที่ร้าน แล้วแอบเฝ้ามองเขาตามประสาคนแอบรัก หรือแม้กระทั่งวันไหนที่เขามาสั่งก๋วยเตี๋ยวที่ร้านพ่อเธอให้ไปส่งที่อู่ ต่อให้มีงานล้นมือแค่ไหนเตชิตาก็จะคอยอาสาเป็นคนไปส่งให้เขาที่บ้านเองจนกระทั่งพลอยสนิทกับครอบครัวของอีกฝ่ายและสามารถเข้านอกออกในบ้านเขาได้โดยไม่มีใครสงสัย เพราะคิดว่าทั้งสองคบหาเป็นเพื่อนพี่น้องกันเหมือนที่พ่อของทั้งสองเองก็เป็นเกลอกันมานานหรือแม้แต่ตอนที่เจษภัทรเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอก็เป็นคนที่รู้ควา
เสียงหวานครางแผ่วระโหยหวังจะเรียกสติ แต่คนที่เมาทั้งเหล้าเมาทั้งรักหรือจะฟัง มือของเขาเคล้นคลึงดอกบัวตูมที่ชูช่ออย่างเมามัน ก่อนที่ริมฝีปากชุ่มชื้นจะครอบครองปลายยอดทรวงและดูดดื่มความหวานจนเธอผวาไปทั้งร่าง สมองขาวโพลนจนเผลอตัวแอ่นกายป้อนให้เขาชิมหูแว่วได้ยินเสียงห้าวครางกระเส่าอย่างพอใจ หัวใจไม่รักดีก็เต้นรัวแรงไม่ยั้ง‘วินนี่ สวยมาก สวยทั้งตัวเลย’ เตชิตากัดริมฝีปากแน่น อารมณ์รัญจวนเกือบหายเมื่อได้ยินชื่อหญิงอื่นจากปากเขา‘พี่เจ! นี่แตมค่ะ ไม่ใช่พี่วินนี่ แตมเอง อ๊ะ! อื้ม...”หญิงสาวเอ่ยไม่ทันจบก็ต้องผวาสะดุ้ง เมื่อมือใหญ่เคลื่อนต่ำลงไปที่จุดศูนย์กลางร่างสาว ก่อนที่จะกรีดกลีบกายอันบอบบางจากกันเพื่อสำรวจความพร้อม และเขาก็คลี่ยิ้ม ดวงตาฉ่ำเยิ้มมีเสน่ห์ทอประกายวาวอย่างพอใจ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายพรักพร้อมสำหรับเขาแล้ว‘พี่เจ...อย่า!” เตชิตากรีดร้องเบาๆ เมื่อถูกปลายนิ้วเรียวยาวสะกิดเบาๆ ที่เกสรสาวสะพรั่ง จนเธอสั่นสะท้านไปทั้งกาย เพราะเขาคลึงขยี้มันจนน้ำหวานในกายซึมออกมาล้นปรี่ เจษภัทรยิ้มร่าเมื่อเห็นภาพอันแสนรัญจวนตรงหน้า เขาไม่รอช้าหรือหยุดคิดที่จะลิ้มลองมันด้วยริมฝีปาก‘อร้ายยยย...’ เสียงหวาน
เสียงครวญครางหวานหูเคล้าเสียงหอบกระเส่าของสองหนุ่มสาวบ่งบอกถึงความหวานซ่านรัญจวนที่มอบให้แก่กันอย่างเร่าร้อนถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ตราบจนกระทั่งหญิงสาวใกล้จะคว้าดวงดาวมาไว้ในมือ‘พี่เจ...แตมไม่ไหวแล้ว อ๊ะ...’ เตชิตากัดฟันบอก เธอรู้สึกดีระคนทรมานไปพร้อมกัน‘ไปพร้อมกันนะที่รัก’คำว่าที่รักของเขาช่างหวานหูเหลือเกิน หญิงสาวยิ้มรับ ก่อนที่จะยกสะโพกขึ้นรับการบดขยี้อย่างดุดันปนเร่าร้อนของเขาอย่างเต็มใจจนร่างกายเธอกระตุกถี่ๆ เมื่อทุกอย่างระเบิดพร่างพราวจนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปถึงดวงดาวเตชิตากอดร่างของเขาไว้ รู้สึกอุ่นวาบในท้องน้อยเมื่ออีกฝ่ายปลดปล่อยธารลาวาสวาทสาดเข้าใส่จนหยาดหยดสุดท้าย และซบใบหน้าลงที่ทรวงอกเธอ‘พี่รักเธอนะวินนี่ รักมากที่สุด...’อารมณ์วาบหวามรัญจวนของหญิงสาวแทบมอดมลายเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากเขา น้ำตาอุ่นร้อนไหลรินอาบแก้ม อยากจะผลักร่างหนาหนักออกไปให้พ้น แต่ก็ไร้เรี่ยวแรง จำต้องยอมให้เขาฝากตัวตนไว้ภายในตัวเธออยู่อย่างนั้นเธอรักเขา...แต่เขากลับบอกรักคนอื่นทั้งๆ ที่มีนอนกอดเธอแน่น เจ็บปวดใจเหลือเกิน...คืนนั้นแม้จะถูกปรนเปรอจนบรรลุความสุขซ่านแห่งปรารถนา แต่เตชิตากลับต้องหลับไปทั
คำขอโทษจากเขาคือคำตอบสุดท้ายที่ทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอจนแตกสลายลงในวินาทีนั้น ความสาวก็เสียไปแล้ว ส่วนคนที่รักสุดหัวใจก็ไม่อาจรักเธอได้เพราะหัวใจเขามีใครอีกคนเธอควรทำยังไง ดันทุรังต่อไป หรือควรถอยดี...‘งั้นก็ช่างมันเถอะค่ะ พี่ลืมทุกอย่างให้หมด เราจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน แบบนี้ดีไหม’ทุกคำที่ออกจากปากเธอมันช่างยากเย็นราวกับถูกใบมีดคมกรีดหัวใจขาดเป็นริ้วๆ เสี้ยวความหวังน้อยนิดที่อยากได้ยินเขาแย้งขึ้นว่าเขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของเธอได้ในฐานะสุภาพบุรุษที่กล้าทำกล้ารับผิดชอบแต่ทว่า...ชายหนุ่มกลับนิ่งเงียบ มีเพียงสายตาที่ฉายความรู้สึกสับสนในใจระหว่างความรู้สึกผิดชอบชั่วดี กับหัวใจที่มอบความรักให้ผู้หญิงคนอื่นไปแล้วทั้งดวง‘เธอไม่ได้แค่ประชดพี่หรอกใช่ไหม’‘เปล่าค่ะ แตมพูดจริง’เตชิตาในวันนั้นช่างอ่อนหัดและโลกสวยเกินไป เธอคิดเพียงว่าเวลาอาจจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น บางทีเขาและเธออาจกลับมารู้สึกดังเดิมได้ หรือไม่ชายหนุ่มอาจจะมีใจเอนเอียงมาให้เธอสักนิดเมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอมอบให้เขาทั้งตัวและใจ เหมือนในนิยายแสนโรแมนติกหลายเรื่องที่เคยอ่านว่าหากนางเอกมอบความสาวบริสุทธิ์ของตนให้พระเอกไป
“มายืนทำอะไรตรงนี้คะ”“เปล่านี่ ผมแค่เดินผ่านมา แล้วนี่คุณไม่ต้องเข้าประชุมหรือไงกัน ทำไมไม่ไปเตรียมตัว มัวแต่แอบมาคุยกับแฟนอยู่...”คนถูกตำหนิกลายๆ ตวัดสายตามอง เธอคิดไปเองหรือเปล่าที่น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวไปกว่าปกติ“ฉันกำลังจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”“ก็ดี...เพราะผมไม่ชอบคนที่ไม่รักษาเวลาหรือมาสาย” พูดจบก็เดินจากไปเตชิตามองตามแผ่นหลังกว้าง ในใจนึกฉุนกับคำตำหนิกลายๆ ของเขาฮึ! ใครกันแน่ที่ไม่รักษาเวลา ต่อให้เธอจะรักษาเวลาหรือไม่ เธอก็ไม่ใช่คนที่เขาชอบอยู่แล้วนี่นาเอาเถอะ...ไม่ชอบก็ไม่ต้องชอบสิ ใครแคร์ ต่อไปนี้สิ่งที่เธอต้องทำคือตัดใจจากเขาให้เด็ดขาดเสียที ต่างคนต่างอยู่ ท่องไว้สิยัยแตม เขาเป็นเจ้านาย เธอมันก็แค่พนักงานตัวเล็กๆ ในแผนกคนหนึ่งก็เท่านั้น พอกันทีกับการรอคอยที่แสนไร้ค่า!การประชุมของแผนกขายปกติจะจัดทุกวันอยู่แล้วเพื่อคอยอัพเดตการทำงานตามที่ได้รับมอบหมายในแต่ละวันให้กับคนในแผนกและหัวหน้างานทราบ หากมีปัญหาก็จะได้หารือแก้ไขกันในที่ประชุมปกติเตชิตานั้นไม่ต้องเข้าประชุมที่ว่าก็ได้ แต่ทว่าการประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทุกคนในแผนกจะได้ทำความรู้จักกับผู้อำนวยการฝ่ายขายคนใหม่อย่าง
“ผมอยากถามว่าอันนี้คืออะไร...”เจษภัทรจ้องมองใบหน้าหวานที่เผือดซีดของเธออย่างเอาเรื่อง“จดหมายลาออกค่ะ”“ของใคร...”เตชิตาสูดลมหายใจเข้าช้าๆ แล้วเงยหน้าสบสายตาคมกริบเอาเรื่องคู่นั้นกลับไป“ของฉันเองค่ะ”“ขอเหตุผล”“ทุกอย่างระบุในจดหมายแล้วค่ะ...”“ผมไม่ต้องการเหตุผลจอมปลอมพวกนั้น เพราะลูกชิ้นงั้นหรือ...”หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ แต่เธอพยายามข่มใจเอาไว้ไม่ให้ลนลานจนเสียเรื่อง แต่มันก็ยากเต็มทีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายเลือดเย็นตรงหน้า สำหรับเขาอาจจะลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว แต่เธอไม่เคยลืมเรื่องในคืนนั้นได้...“มะ...ไม่ใช่”เจษภัทรถอนหายใจ ดวงตาดุเข้มมองสบตาหญิงสาวตรงหน้านิ่ง“คุณคิดจะหนีอะไร หนีผมหรือความจริงกันแน่”“เปล่าค่ะ...ฉันไม่ได้หนีอะไรทั้งนั้น”“แน่ใจนะว่าไม่ได้หนี”“ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรนี่คะ ทำไมต้องหนีด้วย”“นั่นสิ คุณไม่ได้ทำผิด แล้วทำไมต้องหนีผมด้วย”“นี่คุณ!” หญิงสาวฉุนกึก ตาวาวโรจน์ “สำคัญตัวผิดไปหรือเปล่าคะ”“ผิดหรือถูก ลองพิสูจน์ดูไหมล่ะ”“คะ...คุณจะทำอะไร”เตชิตาถามเสียงสั่น เมื่อสบตาคมกริบราวกับรู้ทันคู่นั้น มันยิ่งทำให้หัวใจไม่รักดีเต้นรัวแรง ใบหน้าหล่อคมคายค่อยๆ โน้มลงมาใก
“เสียดายว่ะ ถ้าตอนนั้นฉันรู้ว่าแกไม่เอา จะได้จีบมาเป็นแฟนไปแล้ว น่ารักดีออก สเปคเลย”เคร้ง! แก้วในมือถูกปัดล้มลงทันใด ทำให้คนพูดเพลินชะงักกึก มองใบหน้าหล่อเหลาที่บอกบุญไม่รับ“อะไรของแกวะ ทำหน้าแบบนี้ อย่าบอกนะว่าแกหึงน้องเขา”“เปล่า”“ไม่เอาน่า อย่าทำตัวเป็นหมาหวงก้างสิวะ แกก็มีวินนี่อยู่แล้วทั้งคนนี่หว่า”“หมดธุระแล้ว ฉันกลับก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก ถ้าแกจะอยู่ต่อก็ตามใจ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองตอบแทนที่แกมีน้ำใจช่วย ส่วนเรื่องที่ฝากไป ถ้าได้คำตอบยังไง หรือจะนัดเจาะเลือดฉันเมื่อไหร่ ก็โทรมาได้ทุกเมื่อ งั้นฉันกลับก่อนนะ” ภาคภูมิมองตามแผ่นหลังของคนที่ชวนเขาออกมาดื่มแต่กลับชิ่งหนีกลับก่อนอย่างงุนงง เป็นอะไรของมันอีกวะเนี่ยภาคภูมิก้มมองซองพลาสติกใสในมือ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน หรือแม่ของเด็กที่ว่าจะเป็น...“ฮึ่ย...ไม่ใช่หรอกมั้ง”เตชิตามองดูซองจดหมายสีขาวตรงหน้าอย่างใจลอย หลังจากนอนไม่หลับมาทั้งคืน เพราะคิดไม่ตกว่าจะแก้ปัญหาชีวิตยังไงดี งานก็เสียดายอยู่หรอก แต่ปัญหาที่ตามมานี่สิ จริงๆ มันก็มีอยู่ปัญหาเดียวคือเจ้านายคนใหม่นี่แหละเมื่อวานเธอต่อว่าเขาไปแบบนั้น เขาคงโกรธแน่ๆ“โกรธก็โกรธไ
“ไม่รู้ว่ะ ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน”“เดี๋ยวๆ ไม่แน่ใจอะไรของแกวะ ตกลงไปทำสาวคนไหนท้อง บอกมา วินนี่น่ะเหรอ” คนพูดดักคอทีเล่นทีจริง เพราะเขาเองก็พอรู้เรื่องคนที่เพื่อนรักปักใจมานานเหมือนกัน“เปล่า...ไม่ใช่”“เฮ้ย! ไม่ใช่ยัยวินนี่หวานใจนาย แล้วมันใครกันวะ ฉันรู้จักหรือเปล่า”“เรื่องนั้นฉันยังบอกอะไรมากไม่ได้ เพราะยังไม่มีหลักฐาน เป็นแค่ความสงสัยของฉัน”“วินนี่รู้เรื่องนี้ไหม ก็ไหนคราวก่อนนายบอกว่าจะขอเขาแต่งงานไม่ใช่หรือไง แล้วไหงไปทำสาวคนอื่นท้องแบบนี้วะ ลืมป้องกันงี้” คนเป็นเพื่อนกันย่อมรู้จักนิสัยแต่ไหนแต่ไรมาเจษภัทรไม่ใช่คนเจ้าชู้ เหลวไหล แม้จะมีสาวๆ มาทอดสะพานให้ตั้งแต่สมัยเรียน ด้วยรูปลักษณ์อันหล่อเหลา คุณสมบัติโดดเด่น เรียนเก่ง เป็นนักกีฬา นักดนตรี แถมยังเป็นเดือนมหาวิทยาลัย แต่ทว่าเรื่องความรักนั้น เพื่อนๆ ต่างรู้กันดีว่าอีกฝ่ายมีหวานใจอยู่แล้วคือวินรดา แม้ฝ่ายหญิงจะเคยรักๆ เลิกๆ อยู่หลายหน แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นกลับมารักกันอีกเหมือนเดิม“เรื่องนี้วินนี่ไม่รู้ ฉันเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน”“หมายความว่ายังไงวะ เล่าให้มันชัดๆ หน่อย”“แกจำตอนที่วินนี่บอกเลิกฉัน ไปคบกับรุ่นพี่คณะวิศวะ
“ลูกชิ้นกลัวว่าถ้าแม่แตมโกรธลุงเจ แล้วลูกชิ้นจะไม่ได้เจอลุงเจอีก” เตชิตาสะดุดลมหายใจตัวเองกับคำพูดซื่อๆ ของลูกรักนี่คือสายสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดใช่ไหม เพียงครั้งแรกที่ได้พบกัน เขาก็ทำให้ลูกชายของเธอเทใจให้ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้แล้ว หญิงสาวดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้แนบอก พร้อมจูบซับที่ศีรษะเบาๆ น้ำตาซึม“แม่ขอโทษ แม่ขอโทษนะลูก”“แม่แตมร้องไห้ทำไมครับ” เด็กน้อยรีบผละออกอย่างงุนงง ก่อนใช้มือเล็กๆ ช่วยเช็ดน้ำตาให้แม่เบาๆ“โอ๋ๆ แม่แตมคนเก่งไม่ร้องนะครับ ลูกชิ้นเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน แม่แตมอย่าร้องนะ โอ๋ๆ” หญิงสาวหลุดยิ้มเมื่อได้ยินคำปลอบอันไร้เดียงสานั้นใช่ว่าเธออยากจะกีดกันพ่อลูก แต่เขาก็บอกเองว่ากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักมาตลอดคนนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นมารขัดขวางความรักของใคร แม้เธอกับลูกไม่มีเขาก็อยู่ได้ อยู่ได้มานานแล้ว จากนี้ไปก็ต้องอยู่ให้ได้เธอยอมเจ็บก็ได้ แต่จะยอมให้ลูกรักเจ็บไม่ได้ แต่เธอควรจัดการเรื่องนี้ยังไงดี...“หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” เสียงตอบรับปลายสายทำให้คิ้วเรียวงามขมวดแน่น มือก็กดโทรออกอีกครั้ง คำตอบก็เป็นเหมือนเดิมจนชักหงุดหงิด“คนบ้า! ห
หากแล้วก่อนที่เขาจะได้โต้ตอบอะไรไป หางตาก็พลันแลเห็นคนตัวเล็กเดินคอตกกลับไปทางชั้นวางหุ่นยนต์ และวางของในมือลงที่เดิมเงียบๆ ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำขณะที่มองหุ่นยนต์ทั้งสองตัวนั่นอย่างอาลัยอาวรณ์“ทำไมเธอต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ก็แค่ของเล่นราคาไม่กี่บาทเอง พี่อยากให้ลูกชิ้นบ้าง ทำไมเธอต้องมาขัดขวาง”เตชิตามองภาพเดียวกันกับเขา ด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ แต่จำเป็นต้องแข็งใจไว้ เพราะไม่อยากติดค้างสิ่งใดกับเขาอีก“แต่ลูกชิ้นไม่ใช่ลูกของคุณสักหน่อย ราคากี่บาทก็ไม่ใช่ประเด็นหรอกค่ะ ฉันแค่อยากให้ลูกรู้คุณค่าของทุกสิ่งที่เขาได้รับมาต่างหาก จะได้รู้จักรักษาทะนุถนอม ไม่ใช่ได้อะไรมาง่ายๆ พอเบื่อแล้ว หรือมีของที่ใหม่กว่า แพงกว่า ก็ทิ้งๆ ขว้างๆ ของเก่าไปเหมือนใครบางคน”“เตชิตา!” เจษภัทรตาลุกวาว แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรก็มีเสียงเล็กๆ แทรกขึ้นมาระหว่างเขาและเธอ พร้อมมือที่กระตุกชายเสื้อของมารดาเบาๆ“แม่ครับ คุณลุงเจครับ ลูกชิ้นไม่เอาหุ่นยนต์แล้วก็ได้ อย่าทะเลาะกันนะครับ ฮึ่กๆ ฮือ...”คนพูดน้ำตาคลอหน่วย จนคนเป็นแม่อดสงสารไม่ได้ เธอรีบอ้าแขนโอบร่างเล็กเข้ามากอดไว้อย่างปลอบขวัญ รู้ดีว่าตัวเองทำเกินไปหน่อย จนเผลอ
“ชอบไหมครับคนเก่ง”“ชอบครับ ลูกชิ้นชอบกินไอติมที่สุดเลย” ปากพูด มือน้อยๆ ก็หยิบก้านลูกเชอร์รี่สีแดงสดที่เคลือบช็อกโกแลตไว้ด้านบนไปวางบนถ้วยไอศกรีมของผู้เป็นแม่ตามความเคยชิน“อ่ะ ลูกชิ้นให้”“ลูกชิ้นไม่ชอบกินลูกเชอร์รี่เหรอครับ” เจษภัทรมองการกระทำนั้นอย่างแปลกใจ“ชอบครับ แต่แม่แตมชอบมากกว่า” เตชิตาส่งยิ้มให้ลูก พลางตักวิปครีมของตนให้ลูกรักเหมือนเช่นทุกครั้งเป็นการตอบแทนน้ำใจ“ขอบคุณครับคนเก่งของแม่” หญิงสาวยื่นริมฝีปากไปหอมแก้มใสๆ ฟอดใหญ่ ก่อนยื่นแก้มให้ลูกชายหอมคืนตามความเคยชิน แต่ทว่าพอแลเห็นสายตาของใครบางคนมองมานิ่งๆ เธอก็ชะงักไปนิดๆ นั่นเขาจ้องเธอแบบนี้ทำไมนักหนายังไม่ทันได้คำตอบ เตชิตาก็เบิกตาค้างเมื่อ จู่ๆ ชายหนุ่มก็ตักลูกเชอร์รี่ในถ้วยของเขามาวางในถ้วยไอศกรีมของเธอ แล้วก็ยังตักวิปครีมใส่ในถ้วยไอศกรีมของลูกชายเธออีกทีหญิงสาวมองลูกเชอร์รี่ในถ้วยของตนตาปริบๆ นี่มันหมายความว่าอย่างไร อย่าบอกนะว่าเขาทำเพื่อเรียกรางวัลพิเศษจากเธอและลูก!“เอ้า...ลุงยกวิปครีมให้ครับ”“เย้ๆ คุณลุงใจดีจัง”เด็กชายตัวน้อยปรบมือร้องดีใจ ก่อนที่จะทำในสิ่งที่ทำให้คนเป็นแม่หัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อลูกน้อยยื่นจม
เขาเผลอแตะเบรกรถให้ช้าลงอีกนิด มีคำถามมากมายมารอที่ริมฝีปาก แต่กลับถามไม่ออกสักคำ ในลำคอมันตีบตันและขมปร่าไปหมด ใจนึกอยากเอื้อมไปคว้าร่างเล็กที่อยู่ห่างเพียงเอื้อมเข้ามากอดปลอบประโลมแต่เขาจะกอดอีกฝ่ายในฐานะใดกัน เขาจะใช้สิทธิ์ใดมาอ้างได้ด้านนอกฝนเริ่มลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อยๆ และการจราจรเริ่มติดขัด เตชิตาหูอื้อ รู้สึกอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก ขอบตาเธอร้อนผ่าวด้วยหยาดน้ำตาที่เจ้าตัวพยายามซ่อนไว้อย่างมิดชิด เบาะรถนุ่มๆ ราวกับมีหนามแหลมงอกจนทำให้นั่งไม่ติด“แล้วถ้า...” ชายหนุ่มพยายามกลืนสิ่งที่จุกในลำคอลงไป “แล้วถ้าลูกชิ้นได้เจอพ่อจริงๆ จะทำยังไงครับ”เตชิตาหันขวับไปมองคนถามตาค้าง หัวใจแทบจะเด้งออกมานอกอก มือที่โอบกอดลูกกระชับแน่น“อืม...ลูกชิ้นอยากกอดพ่อครับ อยากให้พ่ออุ้ม อยากให้พ่อพาไปเที่ยว ไปซื้อขนม ซื้อของเล่นเหมือนพ่อโปเต้ แล้วก็พาไปกินไอติมด้วย” คำพูดไร้เดียงสาของเด็กน้อยทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองคนถึงกับจุกแปลบในหัวใจสติ...สติ...เตชิตาพยายามคุมสติไม่ให้หวั่นไหวใจอ่อนไปกับความเปราะบางทางอารมณ์ตรงหน้า“หิวหรือเปล่าลูก” หญิงสาวรีบหาทางเปลี่ยนเรื่อง“หิวครับ” เด็กชายตอบอย่างไม่ลังเล ปกติหาก
“แม่แตมครับ” เจ้าตัวเล็กกระตุกมือแม่เบาๆ พลางจ้องตาแป๋วไปที่รถตรงหน้าที่สวยกว่าและใหม่กว่ารถของตารกาที่เขาเคยนั่งอยู่ทุกวี่วันอย่างสนใจตามประสาเด็กเตชิตาได้สติ เหลียวซ้ายแลขวาหาทางหนีทีไล่ หวังได้เห็นรถแท็กซี่ ไม่ก็รถเมล์สักคันเพื่อเป็นข้ออ้างให้เลี่ยงรับความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย แต่ทว่าความหวังของเธอก็เลือนลางเต็มที หนำซ้ำฝนก็เริ่มลงเม็ดโปรยลงมาราวกลับสวรรค์ไม่ยอมเป็นใจเสียนี่“แม่ครับ ฝนตกแล้ว”หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มราวกับต่อว่าที่จู่ๆ ก็มาซ้ำเติมกันเช่นนี้“ฝนตกแล้ว อยากให้ลูกเปียกจนไม่สบายอีกคนหรือไง” แม้น้ำเสียงจะเย็นชาแต่กลับเจือกระแสอ่อนโยนบางอย่างลึกๆ“ขึ้นมาเถอะน่า ตรงนี้ป้ายรถเมล์จอดนานไม่ได้ เดี๋ยวตำรวจจับ” ชายหนุ่มเร่งเร้า สีหน้าจริงจังจนทำให้เธอจำต้องตัดสินใจเอื้อมมืออันสั่นเทาไปเปิดประตูรถอย่างไม่มีทางเลือกเอาเถอะ ถือว่าเห็นแก่ลูกน้อยแล้วกันพอสองแม่ลูกขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย เจษภัทรก็รีบออกรถทันที ชายหนุ่มลอบมองผู้โดยสารทั้งสอง รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาเมื่อได้อยู่ใกล้คนที่ทำให้ว้าวุ่นใจจนนอนไม่หลับมาหลายคืนตอนแรกเขาคิดเพียงว่าจะแอบดูทั้งสองอยู่ห่างๆ อยากเห
มันยุติธรรมแล้วหรือที่เธอต้องเป็นฝ่ายไป ที่ผ่านมาเธอก็ทำเพื่อเขามาตลอด ส่วนเขากลับไปเสวยสุขกับคนที่ตัวเองรักอย่างสบายๆ มันใช่หรือเลิกโง่งมงายได้แล้ว เขาจะเป็นยังไงก็ช่าง ที่ผ่านมาไม่มีเขา เธอก็อยู่ได้นี่นา อย่างมากก็แค่ต่างคนต่างอยู่เท่านั้นหญิงสาวนั่งกอดเข่า ครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย จนเผลอหลับไปด้วยความอ่อนล้าในที่สุดมารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นใครเธอก็รีบกดรับสายทันที“ค่ะพี่ตาล มีอะไรหรือเปล่าคะ”“อืม พี่แค่จะโทรมาถามว่าเธอเป็นไงบ้าง เห็นบอกไม่สบาย กินยาหรือยัง”“ถามเหมือนแม่เปี๊ยบเลย” เตชิตาบ่นพึมพำ นึกสีหน้าพี่สาวออก“ตอบแบบนี้แสดงว่ายังไม่ได้กินยาและพักผ่อนล่ะสิยัยเด็กดื้อ” คนเป็นพี่ดักคออย่างรู้ทัน“แตมนอนไปงีบแล้วค่ะ งานไม่ยุ่งเหรอคะพี่ตาล”“ยุ่งสิ นี่ก็จะโทรมาบอกว่าวันนี้พี่ไปรับเจ้าลูกชิ้นไม่ได้แล้วล่ะ พอดีมีคุณครูเขามาขอแลกเวรสอน แล้วยังมีประชุมช่วงบ่ายอีกน่ะสิ”“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้แตมหยุดงาน เดี๋ยวไปรับลูกชิ้นเองค่ะ”“เธอไปไหวแน่นะ”“สบายมากค่ะ พี่ไม่ต้องห่วง เย็นนี้อยากทานอะไรไหม เดี๋ยวแตมทำไว้ให้”“อะไรก็ได้ แต่พี่น่าจะกลับเย็นๆ นู่นเล